happy on December 16, 2012, 08:06:13 PM
วิธีการถ่ายทอดมุมมองทางอารมณ์และสติปัญญาของบทเฮเลนของไพค์ทำให้ครูซประทับใจ การแสดงที่สง่างามของเธอทำให้เขานึกถึงนักแสดงหญิงคลาสสิก
“...อย่างเฟย์ ดันอะเวย์หรือเกรซ เคลลี เธอเหมือนกับนักแสดงหญิงเหล่านั้นตรงที่เธอสวยและนำความซับซ้อน ความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์มาสู่ตัวละครตัวนี้ เรามีฉากยากๆ ด้วยกันหลายฉาก มีไดอะล็อค 15 หน้า และมีความนัยและประเด็นต่างๆ มากมายในเรื่องที่สื่อถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา มันโรแมนติก แต่ก็ไม่มากเกินไป และมันก็มีความสง่างามและน่าประหลาดใจด้วยครับ หลายสิ่งหลายอย่างถูกสื่อเป็นนัยด้วยสิ่งที่ไม่ได้ถูกพูดระหว่างพวกเขา เธอเป็นคนมีชีวิตชีวาและมีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ และผมก็มีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับเธอครับ” ครูซบอก
จริงๆ แล้ว ฉากที่แม็คควอร์รีย์โปรดปรานที่สุดในเรื่องเผยให้เห็นถึงลักษณะและเท็กซ์เจอร์ของความสัมพันธ์ระหว่างรีชเชอร์และเฮเลน
“ฉากโปรดของผมคือฉากโทรศัพท์ระหว่างทอม และโรซามุนด์” แม็คควอร์รีย์สารภาพ “มันเกิดขึ้นหลังจากการไล่ล่าทางรถยนต์ รีชเชอร์ถูกใส่ความว่าเป็นฆาตกรและรู้ว่าสิ่งที่ผู้ร้ายอยากให้เขาทำคือหนี และเขาก็โทรหาเฮเลนที่อพาร์ทเมนต์ของเธอ ในตอนที่เธอถูกตำรวจ ที่กำลังตามหาตัวรีชเชอร์ ซักถาม และเธอก็ต้องตัดสินใจว่าเธออยู่ข้างไหน เธอจะส่งตัวเขาให้ตำรวจ ที่เธอกำลังคุยด้วย หรือเธอจะต้องเชื่อใจคนๆ นี้ ที่เธอเริ่มเชื่อแล้วว่าเป็นบ้า และหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ก็บ่งชี้ว่าเขาฆ่าคน และเธอก็ต้องเลือก มันเป็นสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งหมดที่เราปูพื้นมาในเรื่องได้มาบรรจบกันในฉากๆ นี้ การแสดงของทอม โรซามุนด์ที่ติดอยู่ตรงกลางความสัมพันธ์นั้น และสิ่งที่เธอตัดสินใจทำหรือวิธีที่เธอทำ มันเป็นองค์ประกอบของหนังเยี่ยมๆ ที่ผมรักครับ ทุกคนทำงานร่วมกันเพื่อทำให้มันสำเร็จออกมาอย่างงดงามและผมก็ภูมิใจในฉากนี้จริงๆ” แม็คควอร์รีย์บอก
ตัวละครที่เป็นทนายจำเลยจะต้องขัดแย้งกับอัยการเขต ผู้ซึ่งเธอไม่ไว้ใจเลย มันเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนไปใหญ่เพราะเขาเป็นพ่อของเธอ ที่รับบทโดย ริชาร์ด เจนกินส์
ทีมผู้สร้างตั้งข้อสังเกตว่า เจนกินส์เป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวของพวกเขาสำหรับทอัยการเขตโรดิน ทั้งแม็คควอร์รีย์และแกรนเจอร์ต่างก็เป็นแฟนผลงานที่มากมายของเจนกินส์ ฉากของเขามีความสำคัญต่อการนำเสนอความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเคลือบแคลงและการหักหลังที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ลูกสาวเขาสืบสวนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมผู้สร้างรู้ดีว่าเจนกินส์สามารถสื่อสารทุกระดับของความสัมพันธ์ซับซ้อนที่เขามีกับลูกสาวเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความผิดหวัง รอยแผลเก่า และความกังวลด้านความเป็นอยู่ของเธอ
“เรารู้ว่าเขาจะสามารถสะท้อนถึงสีเทาในจิตวิญญาณของตัวละครตัวนี้ได้ ในตอนที่เราดูเขาถ่ายทำบางฉาก มันก็น่าทึ่งที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในดวงตาของเขา เขารู้สึกยังไงกับเฮเลนกันแน่? เขาเข้าข้างเธอ หรืออยู่ฝั่งตรงข้ามเธอ? มันทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีเสน่ห์อย่างไม่สิ้นสุดครับ” แกรนเจอร์กล่าว
เจนกินส์กล่าวเสริมว่า เขารู้สึกหลงใหลในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เต็มเปี่ยม ระหว่างพ่อและลูกสาวคู่นี้
“ผมพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งคู่น่าเชื่อมากๆ ผมอยากจะรู้ว่าพวกเขาก้าวไปถึงจุดๆ นั้นได้ยังไง มันเกือบจะเป็นหนังอีกเรื่องได้เลยนะครับ เราทั้งคู่ต่างก็มีความคิดของเรา แต่มันก็ไม่ได้ถูกสำรวจอย่างเปิดเผยในหนังเรื่องนี้ แต่ผู้ชมไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้น สิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวคือความคิดต่างๆ อยู่ตรงนั้น มันมีการปะทะกันครั้งใหญ่โต และลีและคริสโตเฟอร์ก็ได้คิดออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกที่ซับซ้อนมากๆ ขึ้นมาครับ” เขากล่าว
นอกจากนั้นแล้ว เจนกินส์ยังชื่นชอบ ‘การเล่นสนุก’ ที่ปรากฏใน “Jack Reacher” ด้วย
เขากล่าวต่อว่า “เรื่องราวเหมือนจูงมือผู้ชมไป แล้วบอกว่า ‘ผมกำลังพาคุณไปที่นี่นะ’ คุณก็บอกว่า ‘รู้แล้วน่า’ ‘คุณไม่รู้จริงๆ หรอก’ เรื่องราวตอบโต้ มันเป็นการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมและเป็นงานเขียนที่ดีจริงๆ คริสพบวิธีที่จะเผยตัวละครแต่ละตัวออกมาในแบบที่แตกต่างกัน เขาทำแบบนั้นกับตัวละครของผม ตำรวจสืบสวนอีเมอร์สันยืนอยู่ตรงนั้น และโชว์ภาพสถานที่เกิดเหตุให้เจมส์ บาร์ ผู้น่าจะเป็นคนเหนี่ยวไก ได้ดู อีเมอร์สันบอกว่า ‘เราได้หลักฐานทั้งหมดที่เราต้องการแล้ว นายเสร็จแน่’ แล้วเขาก็นั่งลง แล้วชี้ไปที่ตัวละครของผม ที่ยืนพิงกำแพงบอกว่า ‘เขาเป็นอัยการเขต’ ผมยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา แต่คุณจะไม่เห็นผมจนกว่าเขาจะนั่งลง และคริสก็ใส่เอาอะไรแบบนั้นเข้าไปในหนังเรื่องนี้เต็มไปหมดครับ”
ในการรับบท แคช อดีตนายทหารผู้ตอนนี้เปิดศูนย์ฝึกยิงปืน ทีมผู้สร้างได้เลือกนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้ได้รับการยกย่อง โรเบิร์ต ดูวัล ผู้ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับครูซใน “Days of Thunder” เมื่อเกือบ 22 ปีก่อน และทีมงานทุกคนต่างก็เฝ้ารอการได้กลับมาเจอกันอีกครั้งของพวกเขา
แกรนเจอร์กล่าวว่า “พวกเขาเป็นนักแสดงแห่งยุค การได้ดูพวกเขาเล่นประชันกัน เหมือนกับการดูปรมาจารย์หมากรุกหรือนักเล่นเทนนิส แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงด้วยกันมานานแล้ว พวกเขาก็สร้างจังหวะกันได้อย่างรวดเร็ว เหมือนว่าพวกเขาเพิ่งปิดกล้อง ‘Thunder’ ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน จริงๆ แล้ว พวกเขาต่างก็มีคุณสมบัติเดียวกัน ระหว่างเทค พวกเขาต่างก็ถอยหลัง และปิดตาลงครับ พวกเขาและคริส ในตอนที่เขากำกับต่างก็มองหาตัวเลือกอื่น หรือวิธีอื่นที่จะแสดงบทบาทนั้นๆ การได้ดูพวกเขาทำงานร่วมกันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นครับ”
สำหรับดูวัล มีการสร้างสายสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมแสดงทุกคนของเขา ไม่ว่าจะย้อนกลับไปไกลแค่ไหน เขาตั้งข้อสังเกตว่า “มันเป็นงานที่ตลกดีนะครับ คุณได้ทำงานกับทีมงานประมาณแปดหรือสิบสัปดาห์ แล้วคุณก็เสร็จงานและไม่ได้เห็นคนพวกนั้นอีกเลย ในแง่หนึ่ง มันก็เป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวย แต่มันก็จะมีสายสัมพันธ์ในตอนที่คุณเห็นคนที่คุณเคยร่วมงานด้วยหลังจากเวลาผ่านไปแล้วหลายปี มันมีเสียงหัวเราะ อ้อมกอด การปล่อยมุข ซึ่งก็เป็นเรื่องดีครับ เราต่อกันติด เราต่างก็ผ่านเส้นทางและความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไป แต่ในการกลับมาเจอกันอีก...เขาเป็นนักแสดงที่เก่งครับ เมื่อคุณพูดและฟัง ฟังและพูด นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของกระบวนการแสดงทั้งหมด และเขาก็อยู่ที่นั่นกับคุณทุกเวลา คนคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะสวมบทตัวละครตัวหนึ่ง แต่ทุกคนน่าจะลองทำดูนะครับ มันไม่ง่ายขนาดนั้นที่จะทำตัวผ่อนคลายและแสดงให้เหมาะกับช่วงเวลานั้นๆ น่ะครับ” ดูวัลตั้งข้อสังเกต
แม้ว่าแคชจะระแวงรีชเชอร์ในตอนแรก ในที่สุด ทั้งคู่ก็ร่วมมือกัน และการร่วมมือที่แปลกประหลาดของทั้งคู่ก็กลายเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานที่สุดในเรื่อง ครูซเองก็ตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับดูวัลอีกครั้งและเห็นด้วยว่า ตอนที่พวกเขาได้เจอกันอีกครั้งในกองถ่าย มันเหมือนกับว่าเวลาไม่ได้ผ่านไปเลย
“บอกตามตรงนะครับ มันเหมือนกับว่าเราไม่เคยแยกจากกันเลย มันมีความสบายๆ ระหว่างเราและเขาก็เป็นคนที่น่าสนใจและน่าร่วมงานด้วยอย่างยิ่ง คือเขาเป็นไอคอนน่ะครับ เขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดหลายครั้งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์และเขาก็เป็นนักแสดงที่แท้จริง ผมดีใจมากในตอนที่เขาบอกว่าเขาจะเล่นหนังเรื่องนี้ ผมชอบที่ว่าตอนที่คุณได้ดูหนัง และคุณคิดว่าคุณรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แล้วจู่ๆ ก็มีสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้นและนั่นก็คือดูวัล นักแสดงพิเศษสุดที่แสดงเป็นตัวละครที่วิเศษสุดตัวนี้ และผมก็ชื่นชอบความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นนระหว่างพวกเขา ซึ่งมันทั้งตลกและเฉียบคมมากๆ มันน่าตื่นเต้นที่ได้แสดงในทุกวันที่เขาอยู่ตรงนั้นครับ” ครูซกล่าว
นักแสดงผู้ได้รับการยกย่องอีกคนที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ในบทของตัวละครชั่วร้ายในเงามืด เดอะ เซ็ค คือเวอร์เนอร์ เฮอร์ซ็อก ผู้กำกับคนดังผู้มีความกระตือรือร้น และคติการทำงานที่เยี่ยมยอดทั้งสร้างประทับใจให้กับครูซและทำให้ตัวเขารู้สึกเทียบกันไม่ได้
“ตัวเขาเองเป็นผู้กำกับที่พิเศษสุดและเขาก็ตื่นเต้นมากๆ ที่ได้มาร่วมเล่นในหนังเรื่องนี้ เขากระโจนเข้าใส่มันและคอยสนับสนุนอย่างเหลือเชื่อ เขาทั้งแสดงความสนใจและแสดงความเอื้อเฟื้ออย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราได้ถ่ายทำกันตอนกลางคืนในเดือนมกราคม ผมตัวเปียกปอน หนาวสั่นเข้ากระดูกดำ แต่เขาก็อยู่ตรงนั้นกับผม และทุ่มเททุกอย่างให้กับฉากนั้นครับ” ครูซกล่าว
เฮอร์ซ็อกชื่นชอบสไตล์การกำกับของแม็คควอร์รีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติเปิดเผยที่เขามีต่อการมีส่วนร่วมในบทของนักแสดง
“มันเป็นเรื่องง่ายมากๆ สำหรับเขา และคุณก็จะรู้สึกได้ถึงการแนะนำที่ชัดเจน เขาเป็นคนยืดหยุ่น ที่พร้อมจะเปลี่ยนความหมายของไดอะล็อคออกไปเล็กน้อยเพื่อทำให้บางอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ผมปรับตามได้อย่างรวดเร็ว ผมชื่นชอบคนที่เป็นทั้งนักเขียนและผู้กำกับ เพราะคุณรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงบทพูดแค่ครึ่งประโยคจะไม่ได้ส่งผลให้มีการประชุมกันในสตูดิโอน่ะครับ” เฮอร์ซ็อกกล่าว ตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งในเรื่อง “Jack Reacher” คือนักสืบตำรวจอีเมอร์สัน แกรนเจอร์ตั้งข้อสังเกตว่า มีบางตอนในเรื่องที่ผู้ชมอาจเริ่มจะเชื่อว่าอีเมอร์สันและรีชเชอร์จะร่วมมือกัน แกรนเจอร์พูดถึงนักสืบอีเมอร์สันว่าเป็น “นักสืบที่ตรงไปตรงมา มีความเห็นอกเห็นใจ มีศีลธรรมสูง ฉลาด และมีความสามารถที่จะไขคดีได้”
นั่นเป็นบทบาทของเดวิด โอเยลโลโอ ผู้เล่าว่า “ตอนที่ผมนั่งคุยกับคริส สิ่งที่เขารู้สึกอย่างแรงกล้าคืออีเมอร์สันให้ความรู้สึกเหมือนหยาง ในขณะที่รีชเชอร์เป็นหยินน่ะครับ มันมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันเสมอ แต่ความจริงก็คือในตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องเดียวกัน มันจะมีความเป็นปรปักษ์กันนิดๆ ทั้งคู่ต่างก็มีจิตใจช่างสงสัย และพวกเขาต่างก็เข้าใจถึงเรื่องการรวบรวมข้อมูลโดยมีเป้าหมายเพื่อไล่ล่าอาชญากรน่ะครับ ส่วนหนึ่งของความตึงเครียดมาจากระดับการแข่งขัน ที่ทั้งคู่พยายามจะรวบตัวคนที่พวกเขาต้องการให้ได้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาขัดแย้งกันเพราะความแตกต่างของพวกเขาน่ะครับ”
นอกจอ โอเยลโลโอมีแต่ความชื่นชมสำหรับครูซ ทั้งในฐานะนักแสดงและผู้อำนวยการสร้าง
“ผมไม่เชื่อว่าผมจะเคยได้ร่วมงานกับนักแสดงที่มีระดับความทุ่มเท ความกระตือรือร้นและทัศนคติเชื่อมั่นเท่าเขามาก่อน เรามีฉากไล่ล่าทางรถยนต์ในหนังเรื่องนี้ และมีเรื่องสุดโต่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะทอมตั้งระดับมาตรฐานไว้สูงสำหรับสิ่งที่เขาต้องการสร้างฉากผาดโผนให้เกิดขึ้น ในฐานะผู้อำนวยการสร้างของเรื่อง เขาก็แคร์โปรเจ็กต์นี้มาก การได้อยู่ใกล้เขาเป็นอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจได้มากจริงๆ ครับ” เขากล่าว
โอเยลโลโอไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกอย่างนี้กับครูซและความรักแท้จริงที่เขามีต่อภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้างดอน แกรนเจอร์เล่าถึงวันหนึ่งในกองถ่าย “....ที่ผมหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบผู้อำนวยการสร้าง เพราะมันมีบางประเด็นที่ทำให้ผู้อำนวยการสร้างปวดหัว แล้วทอมก็ถามผมว่าผมโอเคมั้ย ผมก็ตอบทำนองว่า ‘อืม ก็แค่ปัญหาบางเรื่องที่เราเจอน่ะ’ เขามองตาผมแล้วบอกว่า ‘ปัญหาเหรอ? นี่คุณกำลังสร้างหนังอยู่นะ มันไม่มีปัญหาหรอก เราโชคดีออก’ และเขาก็พูดถูกครับ ทอมเป็นคนที่ไม่กลับเข้าเทรลเลอร์ตัวเอง แต่จะใช้เวลาอยู่ในกองถ่าย เพราะเขารักกระบวนการทำงานครับ เขารักในการเซ็ทอัพช็อตมากพอๆ กับการได้แสดงอยู่หน้ากล้อง เขารักทุกอย่างเกี่ยวกับการสร้างหนัง ทุกอย่างเกี่ยวกับศาสตร์แขนงนี้ มันไม่มีที่ไหนที่เขาอยากอยู่มากไปกว่านี้อีกแล้ว และนั่นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างเดียวกันและทำให้เราทำในสิ่งที่ทำอยู่ได้ดียิ่งขึ้นครับ”
« Last Edit: December 16, 2012, 08:11:44 PM by happy »
Logged