happy on July 29, 2012, 06:00:47 PM
“หลักสูตรแกนกลางอาเซียน”
กรอบการเรียนรู้เด็กไทยสู่ “ประชาคมอาเซียน”




               ในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ ทุกฝ่ายต่างเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะภาคการศึกษา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมของเด็กและเยาวชน ที่ถือเป็นอนาคตสำคัญของประเทศ


ดร.เบญจลักษณ์

               โดยในการบรรยายพิเศษหัวข้อ “การเพิ่มโอกาสทางการเรียนรู้ของเด็กไทย เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน” จาก งานประชุมวิชาการ “TK Conference on Reading 2012” ซึ่งจัดโดยสำนักงานอุทยานการเรียนรู้(สอร.) หรือ TK park ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า “ขณะนี้ทางสำนักเลขาธิการอาเซียนได้จัดทำ  “Asean Curriculum Sourcebook หรือ หลักสูตรแกนกลางอาเซียน” โดยจะกำหนดให้เป็นหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของเด็กไทย ตั้งแต่ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวะศึกษา รวมถึงการศึกษานอกโรงเรียนที่จัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เด็กและพลเมืองอาเซียนได้เรียนรู้สิ่งที่คล้ายคลึงกัน

               ทั้งนี้ หลักสูตรแกนกลางอาเซียน หรือ  Asean Curriculum Sourcebookมีกรอบการเรียนรู้ร่วมกัน 5 เรื่องหลักคือ1. Knowing ASEAN ความรู้เกี่ยวกับอาเซียน 2. Valuing and Diversity การเห็นคุณค่าความเป็นหนึ่งและความหลากหลาย 3. Connecting Global and Local การเชื่อมโยงโลกและท้องถิ่น 4. Promoting Equity and Justice การส่งเสริมความเสมอภาคและความยุติธรรม และ 5. Work Together a sustainable Future การทำงานร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนซึ่งขณะนี้ สพฐ.กำลังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการวางหลักสูตรสำหรับเด็กไทย โดยหลังจากนี้จะมีการนำหลักสูตรของแต่ละประเทศทั้ง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนมาดูในภาพรวมอีกครั้งเพื่อให้เด็กไทยและพลเมืองอาเซียนได้เรียนรู้สิ่งที่คล้ายกันและมีคุณลักษณะเฉพาะในความเป็นอาเซียน”


หนังสือรู้จักประชาคมอาเซียน


กิจกรรมพิพิธอาเซียนที่อุทยานการเรียนรู้ต้นแบบ TK park


กิจกรรมพิพิธอาเซียนที่ จ.สตูล


กิจกรรมพิพิธอาเซียน อ.หาดใหญ่

               รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมของเด็กไทย คือ “ภาษาอังกฤษ” ซึ่งจะถือเป็นภาษาทางการของอาเซียน และมีความสำคัญมาก เพราะในอนาคตจะมีอาชีพที่สามารถเดินทางหรือมีการเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรีในประชาคมอาเซียน 8 วิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ สถาปนิก วิศวะ ช่างสำรวจ นักการบัญชี และอาชีพด้านการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน สพฐ. ได้เตรียมโรงเรียนที่เรียกว่า Education Hub เพื่อเตรียมรองรับเด็ก เยาวชนชาวอาเซียนที่ย้ายตามพ่อแม่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาลได้

               “ขณะนี้ยังเหลือระยะเวลาอีกประมาณ 2-3 ปี ก่อนก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งเราต้องใช้โอกาสนี้ในการสร้างคุณภาพของประชากร เตรียมเยาวชนของเราให้พร้อม และเพิ่มโอกาสทางการเรียนรู้ของเด็กไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งสถานศึกษา แหล่งเรียนรู้ และ ห้องสมุด ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพประชากรของประเทศ รวมทั้งการสร้างให้เด็กและเยาวชนเกิดนิสัยการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะความรู้นั้นจะสามารถติดตัวเด็กไปและทำให้เด็กและยาวชนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต”


ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล




               ด้าน ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หรือ TK park กล่าวสนับสนุนว่า “ ประชาคมอาเซียน เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากขึ้น จำเป็นต้องเรียนรู้และเตรียมความพร้อมเด็กและเยาวชนไทย เข้าสู่การเป็นพลเมืองอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการเพิ่มทักษะด้านภาษา เพราะการที่จะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันได้  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารจึงเห็นด้วยที่เราควรจะเน้นเรื่องของภาษามากขึ้น  โดย TK park ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทในการส่งเสริมและปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน  ซึ่งในปีนี้ TK park ได้จัดโครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอาเซียนนอกจากงานประชุมวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่งเสริมการอ่านในกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว ยังมีการจัดมุมความรู้อาเซียน หรือ ASEAN Knowledge Corner , การผลิตสื่อดิจิตัลที่เกี่ยวกับอาเซียน และการจัดชุดนิทรรศการพิพิธอาเซียนสัญจรไปยังเครือข่ายต่างๆ ทั่วภูมิภาค เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนรักการอ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับสมาชิกอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน”

///////////////////////////////////////////////