เบื้องหลังงานสร้าง
ด้วยความที่หนังต้องการผลงานด้านภาพที่มีเอกลักษณ์ ผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน ก็ได้หันไปหาผู้กำกับภาพ สตีฟ เย็ทลิน และผู้ออกแบบงานสร้าง เอ็ด เวอร์โรห์ ด้วยความที่หนังเป็นเรื่องในโลกอนาคต ที่เข้ามาช่วยทำให้แนวทางของ จอห์นสัน กลายเป็นจริง ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นนิยายไซไฟและโลกแห่งความเป็นจริง "ผมต้องการทำให้มันอยู่ในอนาคตที่ไกลพอที่จะเล่นสนุกกับบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไปจนทำให้เราเชื่อมถึงไม่ได้"
จอห์นสัน เล่าต่อว่า "อนาคตเป็นโลกที่โหดร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างถึงจุดสิ้นสุดของอารยธรรม ผู้คนทั่วไปยังคงขับรถจากปี 2010 ที่พวกเขาต้องทนใช้มันมานาน 30 ปี" เย็ทลิน กล่าวเสริมว่า "สิ่งที่ ไรอัน ต้องการคือความสมจริง ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เป็นความขัดแย้งกับแนวหนังอย่างสิ้นเชิง แต่ผมกับ ไรอัน ก็ได้ทำงานด้วยกันมานาน ทำให้มันมีความหมายที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น การจัดแสง ความรู้สึก บรรยากาศ ทุกอย่างมีพื้นฐานจากความสมจริงกับที่เราจินตนาการขึ้น"
ผู้ออกแบบงานสร้าง เวอร์โรห์ กล่าวต่อว่า "พวกเราไม่ต้องการอนาคตที่ล่มสลายหรืออนาคตที่สว่างไสว มันคืออนาคตที่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดไป เศรษฐกิจล่มสลาย บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มละลาย นั่นเป็นเหตุผลว่าถึงไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาเลยตลอดระยะเวลา 30 ปี มีเฉพาะรถที่ทำพิเศษสำหรับพวกเศรษฐฐี แต่นอกนั้นทุกคนก็ขับรถเก่ากันทั้งนั้น"
เจมส์ ดี สเติร์น ผู้อำนวยการสร้าง เล่าว่า "พวกเราไม่ได้ต้องการสร้างโลกอนาคตแบบ Tron สิ่งที่เรามุ่งหวังคืออนาคตแนวเรทโทร มันคืออนาคตที่ผสมผสานความร่วมสมัยและย้อนยุค ยกตัวอย่างเช่นมอเตอร์ไซด์ของ ลูปเปอร์ มันอาจเป็นมอเตอร์ไซด์จากสงครามโลกครั้งที่สองก็ได้ แต่มันก็ยังทันสมัยและดูล้ำอนาคต มันเป็นแนวทางที่มีเอกลักษณ์ที่สุด"
สำหรับการออกแบบเครื่องย้นอเวลา จอห์นสัน และ เวอร์โรห์ ก็ได้ค้นคว้าในประวัติศาสตร์ เวอร์โรห์ เล่าว่า "ไรอัน ให้ผมดูรูปของระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกที่ถูกเรียกว่า "เดอะ แก๊ตเจ็ท” ที่มีการออกแบบอนาคตแนวเรทโทร มีสายห้อยระโยงระยางอยู่โดยรอบวัตถุทรงกลม ทันทีที่เห็นผมก็รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง พวกเราออกแบบให้เครื่องย้อนเวลาดูเรียบง่ายและโบราณ และสิ่งที่สำคัญก็คือตีโจทย์ให้แตกว่าเวลาใช้งานจริงจะเป็นยังไง เพราะมันต้องสอดคล้องกับเรื่องราวในหนัง"
Looper ถ่ายทำกันทั้งหมดในเมืองนิวออร์ลีนส์ แต่ช่วงเวลา 2 อาทิตย์ทีมงานก็ได้ไปถ่ายทำกันในประเทศจีน จอห์นสัน เล่าถึงเหตุผลว่า "เริ่มแรกตอนที่ผมเขียนทภาพยนตร์ ฉากนี้ต้องเกิดขึ้นในปารีส ซึ่งเราก็วางแผนว่าจะถ่ายทำในนิวออร์ลีนส์ แต่จากนั้นผู้จัดจำหน่ายในประเทศจีนของเราก็เสนอว่าให้ไปถ่ายทำในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งยิ่งผมคิดถึงมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสอดคล้องกับอารมณ์ของหนังมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นอนาคตในแบบที่ผมรู้สึก นอกจากนั้นแล้วการเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ก็ยังเป็นประสบการณืที่สนุกอีกด้วย"
ศัพท์เฉพาะในโลกของ Looper
ลูปเปอร์
ชื่อเรียกของมือสังหารระดับล่างที่ทำงานให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลแห่งโลกอนาคต พวกเขามีหน้าที่สังหารและกำจัดร่างของเป้าหมาย ที่ถูกส่งย้อนเวลากลับมาในปัจจุบัน กฏเพียงข้อเดียวสำหรับ ลูปเปอร์ ก็คือ... อย่าปล่อยให้เป้าหมายมีชีวิตรอด!
แก๊ตแมน
สมาชิกแก๊งค์มาเฟียระดับกลาง พวกเขาคือนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพกว่า พวกเขาคือขุมกำลังของแก๊งค์มาเฟีย และจะทำงานโดยขึ้นตรงกับหัวหน้าเพียงคนเดียว พวกเขามักดูถูก ลูปเปอร์ ว่าเป็นพวกที่ไม่ต้องใช้ความสามารถในการทำหน้าที่ของตัวเอง
บลันเดอร์บัส
ปืนประจำตัวของ ลูปเปอร์ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการยิงเป้าหมายที่ห่างออกไปในระยะสิบฟุต มันไม่ได้มีความแม่นยำหรือประสิทธิภาพที่ล้ำเลิศอะไร แต่คุณจะไม่มีทางพลาดถ้าทำตามที่สั่ง
แก๊ต
คือชื่อของปืนในโลกอนาคต ที่กลุ่มมาเฟียแห่งโลกอนาคตส่งกลับมาให้ แก๊ตแมน ใช้เพื่อจัดการกับเป้าหมาย โดยมีทั้งปืนลูกซองและปืนลูกโม่ ที่มีอานุภาพทรงพลัง ความแม่นยำสูง และเชื่อถือได้
ทีเค
เป็นตัวย่อของ "เทเลคิเนติก" หรือการเคลื่อนย้ายสิ่งของพลังจิต ในปีค.ศ. 2040 พลังพิเศษนี้เกิดขึ้นกับคนประมาณ 15% ของประชากรบนโลกทั้งหมด แต่ความสามารถนี้ก็ยังไม่ใช่พลังเหนือมนุษย์ เมื่อมันมีอำนาจอ่อนและระยะทำการที่จำกัด โดยส่วนมากถูกใช้ในชีวิตประจำวันหรือการเล่นกล แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นพลังที่ทรงพลังและอันตรายได้
ประวัตินักแสดง
โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ (รับบทเป็น โจ วัยหนุ่ม)
โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ เป็นนักแสดงที่มีผลงานทั้งจากซีรี่ย์และภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก โดยในปีที่ผ่านมาเขาก็มีผลงานในภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอย่าง Inception ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน, 500 Days of Summer หนังโรแมนติก-คอมเมดี้ขวัญใจคนดู ที่เขาร่วมแสดงกับ โซอี้ เดชาเนลล์, 50/50 ที่ส่งชื่อเขาเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รวมถึง The Dark Knight Rises บทสรุปไตรภาคแบทแมนสุดยิ่งใหญ่
โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ เคยฝากผลงานการแสดงที่สุดยอดไว้ใน Mysterious Skin ของผู้กำกับ เกร็ก อารากิ ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ซีแอตเติล ปี 2005 โดยเขายังมีผลงานเรื่องอื่นๆอีกอย่าง Shadowboxer ของ ลี แดเนียล นำเขาแสดงร่วมกับ คิวบา กู้ดดิ้ง จูเนียร์ และ เฮเลน มีร์เรน, The Lookout หนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์ของผู้กำกับ สก็อต แฟรงค์ ที่เขาได้รับบทนำ และ Killshot ผลงานการกำกับของ จอห์น แมดเดน ซึ่งดัดแปลงจากนวนิยายของ เอลเมอร์ ลีโอนาร์ด
โจเซฟ ได้เริ่มเข้ามาในวงการภาพยนตร์ โดยผลงานเรื่องแรกของเขาก็คือภาพยนตร์ของ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เรื่อง A River Runs Through It ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัล Young Artist Award โดยเขายังมีผลงานเรื่องอื่นๆอีกได้แก่ Angle in the Outfield ของ วิลเลียม เดียร์, The Juror ของ ไบรอัน กิบสัน, Halloween H2O ของ สตีฟ ไมเนอร์, รวมถึง 10 Things I Hate About You หนังวัยรุ่นสุดฮิตที่เขาแสดงร่วมกับ ฮีธ เลดเจอร์ และ จูเลีย สไตล์
บรูซ วิลลิส (รับบทเป็น โจ วัยแก่)
บรูซ วิลลิส ได้แสดงให้เห็นความสามารถที่รอบด้าน เขารับบทมาแล้วสารพัดไม่ว่าจะเป็นบทที่สร้างชื่อให้กับเชาอย่าง นักสืบจอห์น แมคแคลน จาก Die Hard ทั้ง 4 ภาค บทนักมวยใน Pulp Fiction ของ เควนติน ทาแรนติโน่ หนุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างใน Nobody’s Fool ของ โรเบิร์ต เบนตัน เรื่อง หรือนักท่องกาลเวลาใน Twelve Monkeys ของ เทอรี่ กิลเลี่ยม รวมถึงจิตแพทย์ในหนังที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ของ เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน เรื่อง The Sixth Sense ซึ่งทำให้ วิลลิส ได้รับรางวัลพีเพิ่ลชอยส์ อะวอร์ด
เขาเพิ่งมีผลงานแอ็คชั่นระห่ำในเรื่อง The Expendables 2 โดย วิลลิส สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอนท์แคลร์ สเตท เอกการละคร โดยหนุ่มผู้มาจากเมืองนิวเจอร์ซีย์คนนี้มีผลงานละครเวทีและโฆษณาโทรทัศน์ ก่อนจะได้รับบทนำในละครเวทีเรื่อง Fool for Love ของ แซม เชพเพิร์ด ในปี 1984 ซึ่งเป็นละครนอกบรอดเวย์ที่เคยเปิดการแสดงถึง 100 รอบ
เขาประสบความสำเร็จและคว้ารางวัลมามากมาย ตั้งแต่รางวัลเอมมี่จนถึงรางวัลลูกโลกทองคำ สำหรับการแสดงนำในบทนักสืบเอกชน เดวิด แอ๊ดดิสัน ในละครซีรี่ย์สุดฮิตเรื่อง Moonlighting โดยผลงานจอเงินเรื่องแรกเขาก็ได้ประกบคู่กับ คิม บาซิงเจอร์ ในหนังรักโรแมนติกคอเมดี้ของ เบลค เอ็ดเวิร์ด เรื่อง Blind Date ก่อนที่ในปี 1988 เขาจะมารับบท จอห์น แมคเคลน ในหนังบล็อคบัสเตอร์เรื่อง Die Hard และก็รับบทเดิมในภาคต่อของเรื่องนี้ถึง 4 ภาค นั้นคือ Die Hard 2: Die Harder, Die Hard with A Vengeance และภาคล่าสุดคือ Die Hard 4.0
เอมิลี่ บลันท์ (รับบทเป็น ซาร่า)
เอมิลี่ บลันท์ สร้างชื่อจากการรับบทในเรื่อง Devil Wears Prada ภาพยนตร์จากหนังสือขายดีของ ลอเรน วีสเบอร์เกอร์ โดยผู้กำกับ เดวิด แฟรงเค็ล ซึ่งเธอต้องประชันบทกับ แอนน์ แฮตทาเวย์, เมอรีล สตรีพ และ สแตนลีย์ ตุชชี โดยเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ทีน ช้อยส์ อวอร์ดส ปี 2006 และรางวัลนักแสดงสบทบหญิงบนเวทีลูกโลกทองคำและบาฟต้า
เธอแสดงประกบ บิล ไนฮี และ มิแรนดา ริชาร์ดสัน ใน Gideon’s Daughter ภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ของผู้กำกับฯ สตีเฟน พาเลียคอฟ ซึ่งออกอากาศทางช่อง บีบีซี วัน และบีบีซี อเมริกา ในปี 2006 ก่อนที่เธอจะคว้าลูกโลกทองคำนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาครองในปี 2007 จากการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้
ต่อมาเธอก็มีผลงานใน The Great Buck Howard ภาพยนตร์ที่เขียนบทและกำกับโดย ฌอณ แม็คกินลี ซึ่งต้องแสดงประกบ ทอม แฮงก์ส, จอห์น มัลโควิช และ โคลิน แฮงก์ส ก่อนที่จะแสดงใน Dan in Real Life ประกบ สตีฟ คาเรลล์ และ จูเลียตต์ บินอเช ในปี 2007 เธอก็มีผลงานใน Sunshine Cleaning ประกบ เอมี อดัมส์ และ อลัน อาร์คิน และผลงานของผู้กำกับ ไมค์ นิโคลส์ เรื่อง Charlie Wilson’s War โดยประชันบทบาทกับ ทอม แฮงก์ส และ จูเลีย โรเบิร์ตส์
ในปี 2009 เธอมีผลงานโดดเด่นใน The Young Victoria ซึ่งรับบทพระราชินีวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งหนังได้รับรางวัลออสการ์ สาขาการเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ในขณะที่ผลงานล่าสุดของเธอก็คือ The Adjustment Bureau หนังทริลเลอร์ที่เธอร่วมแสดงนำกับ แม็ตต์ เดม่อน และ Salmon Fishing in the Yemen ประกบคู่กับ ยวน แม็คเกรเกอร์
พอล ดาโน่ (รับบทเป็น เซธ)
ผลงาน >>> Little Miss Sunshine, There Will Be Blood, Knight and Day, Being Flynn
ไพเพอร์ โพราโบ (รับบทเป็น ซูซี่)
ผลงาน >>> ซีรี่ย์ Covert Affairs, Coyote Ugly, Cheaper by the Dozen 2
เจฟฟ์ แดเนียล (รับบทเป็น เอ็บ)
ผลงาน >>> ซีรี่ย์ The Newsroom, Pleasantville, Dumb & Dumber, Good Night and Good Luck
ประวัติทีมงาน
ไรอัน จอห์นสัน (ผู้กำกับ/เขียนบท)
ผลงาน >>> Brick, The Brothers Bloom
เจมส์ ดี สเติร์น (ผู้อำนวยการสร้าง)
ผลงาน >>> An Education, Lord of War, The Brothers Bloom
สตีฟ เย็ทลิน (ผู้กำกับภาพ)
ผลงาน >>> Brick, Love & Other Impossible Pursuits
เอ็ด เวอร์โรห์ (ผู้ออกแบบงานสร้าง)
ผลงาน >>> Jurassic Park III, GI Joe: The Rise of Cobra
บ็อบ ดั๊กเซย์ (ผู้ตัดต่อภาพ)
ผลงาน >>> The Mummy, GI Joe: The Rise of Cobra
คาสุฮิโร ทสึจิ (ควบคุมเทคอัพเอฟเฟ็ค)
ผลงาน >>> The Curious Case of Benjamin Button, Planet of the Apes, The Ring