happy on January 19, 2012, 02:14:19 PM

                                     


16 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

                 The Descendants คือผลงานการกำกับของ อเล็กซานเดอร์ เพย์น เจ้าของรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Sideways ฉากหลังของ The Descendants คือฮาวาย กับเรื่องราวการเดินทางที่คาดเดาไม่ได้ของครอบครัวอเมริกันที่ต้องเผชิญการตัดสินใจครั้งสำคัญ แมต คิง (จอร์จ คลูนี่ย์) คือสามีและพ่อของลูกสาวสองคนที่ต้องกลับไปสำรวจอดีตและตามหาเส้นทางอนาคตของตนเองหลังจากภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุทางเรือที่ไวกิกิ เขาพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกสาวทั้งสองอย่างเก้อเขิน ซึ่งก็คือสก็อตตี้ (อมารา มิลเลอร์) วัย 10 ขวบจอมแก่แดด และอเล็กซานดรา (เชลลีน วู้ดลี่ย์) วัย 17 ปีจอมขบถ ขณะเดียวกันก็ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากว่าจะขายที่ดินของครอบครัวดีหรือไม่ ซึ่งที่ดินที่ว่านี้ตกทอดมาจากราชวงศ์ฮาวายและมิชชันนารี และเป็นที่ดินริมชายหาดผืนสุดท้ายของเกาะที่ปราศจาคมลทินและมีมูลค่ามหาศาล
เมื่ออเล็กซานดราบอกว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุ แม่ของเธอกำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายอื่น แมตต้องหันกลับมาพิจารณาชีวิตของเขาใหม่ รวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดของเขาด้วย ในช่วงสัปดาห์แห่งการตัดสินใจ เขาออกเดินทางตามหาชู้รักของภรรยาอย่างไร้จุดหมายโดยกระเตงลูกสาวทั้งสองคนไปด้วย ระหว่างทาง สิ่งที่เขาพบเจอมีทั้งปัญหา เรื่องตลก และเรื่องเหลือเชื่อ ที่ทำให้เขาได้สร้างชีวิตและครอบครัวใหม่อีกครั้ง


บริษัท Fox Searchlight Pictures ขอเสนอภาพยนตร์เรื่อง “The Descendants” ผลงานจากบริษัท Ad Hominem Enterprise กำกับภาพยนตร์โดย อเล็กซานเดอร์ เพย์น บทภาพยนตร์โดย อเล็กซานเดอร์ เพย์น, แนต แฟ็กสัน และจิม แรช จากนวนิยายของ คาอุย ฮาร์ท เฮมมิงส์ นำแสดงโดย จอร์จ คลูนี่ย์, เชลลีน วู้ดลี่ย์, โบ บริดเจ็ท, โรเบิร์ท ฟอร์สเตอร์, จูดี้ เกรียร์, แมททิว ลิลลาร์ด, นิค เคราส์, อมารา มิลเลอร์, แมรี่ เบิร์ดซอง, ร็อบ ฮิวเบล และแพททริเซีย เฮสตี้
อำนวยการสร้างโดย จิม เบิร์ก, อเล็กซานเดอร์ เพย์น และจิม เทเลอร์ กำกับภาพโดย ฟีดอน พาพาไมเคิล, เอเอสซี ออกแบบงานสร้าง เจน แอน สจ๊วร์ต ตัดต่อภาพโดย เควิน เทนท์, เอซีอี ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย เวนดี้ ชัค ร่วมอำนวยการสร้างโดย จอร์จ พาร์รา ดูแลดนตรีประกอบโดย ดอนดี เบสโตน และอำนวยดนตรีประกอบโดย ริชาร์ด ฟอร์ด


« Last Edit: January 19, 2012, 02:20:08 PM by happy »

happy on January 19, 2012, 02:24:48 PM

ปัญหาในเขตร้อน
“เพื่อนผมบนแผ่นดินใหญ่คิดว่าชีวิตผมเหมือนอยู่บนสวรรค์ เพราะบ้านอยู่ฮาวาย
เหมือนได้พักร้อนตลอดเวลา นั่งจิบไหมไทย โยกย้ายส่ายสะโพก โต้คลื่น จะบ้ารึไง”
– แมต คิง

ตัวละคร แมต คิง ของจอร์จ คลูนี่ย์ คือตัวละครตัวหนึ่งของผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ เพย์น ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบและกำลังเดินทางผ่านโลกแห่งความบ้าคลั่ง อารมณ์หวานปนขม และความน่าประหลาดใจทั้งหลาย เขาไม่ใช่ทั้งพระเอกและผู้ร้าย คิงเป็นคนแบบที่เขาไม่อยากเป็น เช่นเดียวกับตัวละครครูขี้อิจฉาของ แมทธิว บรอเดอริก ในภาพยนตร์เรื่อง Election ตัวละครชายวัยปลดเกษียณผู้หมดอาลัยตายอยากของ แจ็ค นิโคลสัน ในภาพยนตร์เรื่อง About Schmidt และตัวละครนักท่องเที่ยววัยกลางคนผู้สับสนในชีวิตและตระเวนชิมไวน์ในชนบทของ พอล จิอาแม็ตติ ในภาพยนตร์เรื่อง Sideways ลูกสาวหัวรั้นของเขาไม่เชื่อใจเขา ภรรยาผู้ประสบอุบัติเหตุของเขาแอบมีชู้ แถมญาติถังแตกยังมองเขากับที่ดินเหมือนแหล่งเงินแหล่งทอง ซ้ำร้าย เขายังถูกรายล้อมด้วยทิวทัศน์อันเขียวชอุ่ม อุดมสมบูรณ์ และงดงาม ซึ่งตรงข้ามกับความปั่นป่วนในใจตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ทำให้แมตได้ค้นพบสัจธรรม ซึ่งอาจจะตะขิดตะขวง ขบขัน และบางครั้งก็ไร้แก่นสารอยู่บ้าง แต่ก็เปลี่ยนความคิดของเขาเกี่ยวกับความรัก ความเป็นพ่อ และการเป็นมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง

อเล็กซานเดอร์ เพย์น หลงใหลเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจทำให้ขำ เศร้า หรือตาสว่างในเวลาเดียวกัน เมื่อเขาอ่านนิยายเรื่อง The Descendants ของ คาอุย ฮาร์ท เฮมมิงส์ เขาก็ต้องมนต์ความแตกต่างอันคมคายของหนังสอทันที เพราะเรื่องราวนั้นว่าด้วยผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องรับมือกับข่าวร้าย คนเข้าใจยาก และการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต
“ผมชอบนิยายเรื่องนี้เพราะเรื่องราวที่สะเทือนอารมณ์และเกิดขึ้นในสถานที่แปลกตา” เพย์นกล่าว “เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ แต่ที่ทำให้ผมสนใจก็เพราะฉากหลังของมันคือสังคมชนชั้นสูงในฮาวาย มันเป็นที่ที่จำเพาะเจาะจง แต่ก็เป็นสากล”
“ในแง่การทำหนัง มันน่าสนใจมาก เพราะผมไม่เคยเห็นโฮโนลูลูในหนังมาก่อน เราเคยเห็นนิวยอร์ก ชิคาโก แอลเอ ไมอามี่ และซีแอตเติล แต่ไม่เคยเห็นที่นี่ในหนัง วิถีชีวิตในฮาวายนั้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนั่นแหละที่ผมสนใจ ผมชอบหนังที่มีสถานที่จำเพาะเจาะจง ผมเริ่มทำหนังที่โอมาฮา จากนั้นก็ไปซานตาตาบาบาร่า และมาจบที่ฮาวาย”
เฮมมิงส์สามารถถักทอวัฒนธรรมฮาวายเข้าไปในเรื่องราวของชายผู้สับสนที่ตะเกียกตะกายไถ่ชีวิตตัวเองคืนเพราะเธอเติบโตในครอบครัวฮาวายที่ไม่ค่อยเหมือนครอบครัวอื่น ในฐานะลูกสาวบุญธรมของแชมป์กีฬากระดานโต้คลื่นและนักการเมืองท้องถิ่น เฟร็ด เฮมมิงส์ จูเนียร์ เมื่อเธอเริ่มเขียนเรื่องสั้น เธอใส่แก่นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ที่ดิน ประวัติศาสตร์ และมรดกตกทอด เดิมที The Descendants เป็นเรื่องสั้น (ตีพิมพ์ในชื่อ “The Minor Wars”) ที่เฮมมิงส์เริ่มเขียนโดยให้ สก็อตตี้ ลูกสาวคนสุดท้องของเรื่องเป็นตัวเล่าเรื่อง ก่อนจะกระโดดมาเล่าเรื่องในมุมมองของชายวัยกลางคนอย่าง แมต คิง
การที่เธอเสี่ยงทำอย่างนั้นพลิกทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือ เรื่องราวและนิยายไม่ได้เกี่ยวกับแค่กลุ่มคนแรงๆ ทำเรื่องของตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของพ่อคนหนึ่งที่เรียนรู้ที่จะรักษาครอบครัวตนเองเอาไว้
“ทันทีที่ฉันเปลี่ยนไปเล่าในมุมมองของแมต เรื่องก็เข้าที่เข้าทาง” เฮมมิงส์กล่าว “เขาต้องเผชิญความสับสนมากมาย”
ความสับสนเหล่านั้นทำให้ชื่อนิยายมีสองนัยยะ มันไม่ได้หมายความถึงแค่เทือกเถาเหล่ากอของคิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการค้นพบความหมายของการเป็นลูกหลานชาวฮาวายและความหมายของลูกหลานที่มีต่อเขา เฮมมิงส์สร้างตัวละครแมตขึ้นมาเพื่อสะท้อนภาพพลเมืองกลุ่มหนึ่งของฮาวายที่สืบเชื้อสายมาจากการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ระหว่างมิชชันนารีผิวขาวและเจ้าของที่ดินกับราชนิกุลฮาวาย และความมั่งคั่งของคนเหล่านี้มาจากระบบยึดครองที่ดิน อย่างที่แมตบอก ย่าทวดของเขาคือเจ้าหญิงมากาเร็ต คีอาโลฮีลานี ทายาทสายตรงคนสุดท้ายของกษัตริย์คาเมฮาเมฮา ที่รักกับ เอ็ดเวิร์ด คิง นายธนาคารฮาโอเล(ภาษาฮาวายแปลว่าคนขาวหรือชาวต่างชาติ) ทุกวันนี้แมตจึงใช้ชีวิตเป็นทนายความอยู่ในโฮโนลูลูโดยมีรากเหง้าซับซ้อนอยู่บนเกาะแห่งนี้ เช่นเดียวกับชาวฮาวายหลายคน เขาเป็นฮาปา-ฮาโอเล หรือลูกครึ่งฝรั่งผิวขาว ที่ไม่ค่อยปลื้มกับตัวตนของตนเองเท่าไหร่
สิ่งนี้ทำให้นิยายของเฮมมิงส์ซับซ้อนขึ้นอีกระดับ เพราะลึกๆ แล้ว แมตไม่ได้กังวลแค่เรื่องที่ภรรยาแอบสวมเขาให้หรือจะเลี้ยงลูกยังไง แต่เขายังกังวลว่าลูกหลานชาวฮาวายของเขาจะมองเขายังไงด้วย หนังสือได้รับการตีพิมพ์ในปี 2009 และได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในทันที หนังสือพิมพ์ New Yorker กล่าวชมในทำนองว่า “เฮมมิงส์เล่าเรื่องในมุมมองของตัวละครเอกที่เป็นชายวัยกลางคนผู้สับสนในชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง เขาทั้งแข็งกร้าวและอ่อนไหว หัวเราะเยาะตัวเองแม้ตอนที่ไล่คว้าชีวิตตัวเองคืน”
เมื่อเฮมมิงส์รู้ว่า เอล็กซานเดอร์ เพย์น สนใจจะดัดแปลงนิยายของเธอเป็นภาพยนตร์ เธอแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ฉันเทบจะดิ้นตาย” เธอหัวเราะ “คือเขาเป็นผู้กำกับขวัญใจฉัน ฉันชอบหนังแบบที่เขาทำ”

หลังจากคุยเรื่องดัดแปลงนิยายของ คาอุย เฮมมิงส์ กับมือเขียนบทหลายคน สุดท้ายเหล่าผู้อำนวยการสร้างจากบริษัท Ad Hominem ก็เลือกทีมเขียนบทอย่าง แนท แฟ็กสัน และจิม แรช ซึ่งเป็นนักแสดงประจำอยู่ที่ Groundling Theatre พวกเขาเขียนบทภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมอย่าง The Way Back ซึ่งเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเปลี่ยนอารมณ์ไปมาระหว่างตลกและเศร้า เหมาะสมที่จะเขียนบทให้ The Descendants
ทุกคนที่ได้อ่านบทหนังดัดแปลงชั้นยอดของพวกเขารู้สึกชื่นชอบ แต่เมื่อเพย์นตัดสินใจที่จะกำกับหนังเรื่องนี้เอง เขาตั้งใจว่าทางที่ดีที่สุดที่จะเข้าถึงเรื่องราวคือการดัดแปลงหนังสือเรื่องนี้ด้วยตัวเอง 
เพย์นเล่าเรื่องโดยแบ่งโครงสร้างเป็นการเดินทางคู่ขนานของครอบครัวคิงสู่เมืองคาวายอิเพื่อตามหาตัวชู้รักของเอลิซาเบธ และการเดินทางมาเยี่ยมเอลิซาเบธที่นอนโคม่าอยู่ของเพื่อนและญาติของเธอ การเดินทางครั้งนี้นำไปสู่การสารภาพบาป การเปิดเผยความลับและความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ ซึ่งอาจไม่มีใครล่วงรู้เลยก็ได้
“สิ่งหนึ่งที่เราได้รู้จากการมาเยือนฮาวายคือคนที่นี่รู้ชาติกำเนิดของตัวเองดีกว่าคนที่อื่น” ผู้อำนวยการสร้าง จิม เบิร์ก กล่าว “ทุกคนรู้ว่าครอบครัวของตนเองมาถึงฮาวายครั้งแรกเมื่อไหร่ ซึ่งบางครั้งก็นับย้อนไปกว่าหกถึงเจ็ดชั่วอายุคน พวกเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อสถานที่แห่งนี้ เรารู้เรื่องนี้จากทายาทชาวฮาวายตัวจริงที่เป็นเจ้าของที่ดินลักษณะเดียวกับแมต”
เฮมมิงส์ประทับใจการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ “ฉันไม่กังวลว่าอเล็กซานเดอร์จะเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ เพราะเขาเข้าใจโทนของหนังสือ ซึ่งแค่นั้นแหละที่ฉันสนใจ เขารู้ว่ามันตลกและเศร้าในเวลาเดียวกัน และฉันดีใจที่เขาใช้เวลาทำความรู้จักฮาวาย”
เพย์นและทีมสร้างคิดไว้ตั้งแต่ต้นว่าจำเป็นต้องเลี่ยงเส้นทางที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบไป เพื่อที่จะได้สัมผัสความเป็นฮาวายแบบคนท้องถิ่น และเมื่อทำแบบนั้น พวกเขาก็ได้เข้าใจว่า “ชนรุ่นหลัง” มีความหมายอย่างไรบนเกาะแห่งนี้ที่ซึ่งบรรพบุรุษเป็นจุดเชื่อมสำคัญในห่วงโซ่ประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต สิ่งนี้ช่วยขับเน้นประเด็นที่ว่า แมต คิง ตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้สึกผูกพันกับผืนดินที่เขาเป็นเจ้าของ ทั้งอดีตและอนาคตของมัน
เพย์นยังไว้วางใจให้เฮมมิงส์เป็นไกด์นำทางสู่การผสมผสานที่น่าทึ่งของวัฒนธรรมอเมริกันและฮาวายที่อบอวลอยู่ในชีวิตประจำวันบนเกาะ ตั้งแต่การเมือง ประเพณี และความสัมพันธ์ “ตอนไปถ่ายหนังที่เกาะนั้น เฮมมิงส์ช่วยเราหลายอย่าง เพราะเป็นถิ่นของเธอ เธอรู้จักผู้คน และสามารถช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ขณะเดียวกัน อเล็กซานเดอร์ก็สามารถถ่ายทอดไอเดียให้คาอุยฟังเพื่อให้แน่ใจว่าไอเดียนั้นเหมาะสมกับตัวละคร” เบิร์กกล่าว เราต้องการปกป้องผลงานของเธอ เพราะเราเชื่อในหนังสือของเธอ”
“การเล่าเรื่องของอเล็กซานเดอร์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” เบิร์กกล่าว เขากลับมาร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้าง จิม เทย์เลอร์ ซึ่งเคยร่วมงานกันมาถึง 5 ครั้ง “ไม่จำเป็นต้องบอกว่านี่คือหนังของอเล็ก ซานเดอร์ เพย์น แต่หนังแต่ละเรื่องของเขาก็แตกต่างกัน ผมรู้สึกว่า The Descendants คือผลงานที่แตกต่างจากเรื่องก่อนๆ ของเขามากที่สุด มันมีเรื่องราวและตัวละครที่ยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นคือมันเปิดกว้างให้ตีความ ไม่มีตัวละครตัวไหนที่ถูกหรือผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ มันไม่ใช่หนังที่ทุกคนดูแล้วคิดเหมือนกัน แต่เป็นหนังที่คนดูมีส่วนร่วมและมองในมุมของตัวเอง”

happy on January 19, 2012, 02:28:40 PM

ครอบครัวคิง
“ผมเป็นพ่อประเภทปิดทองหลังพระ เป็นตัวแสดงแทน” – แมต คิง

ตอนแรกที่คาอุยเขียนตัวละคร แมต คิง ซึ่งเป็นสามีที่มีอาการช็อคจากสงคราม เป็นพ่อที่ไม่สันทัดหน้าที่ และเป็นเจ้าของที่ดินในฮาวายผู้สับสนในชีวิตนั้น เธอฝันเอาไว้ถึงนักแสดงชายที่จะมารับบทนี้ คนแรกที่เธอนึกถึงในตอนนั้นคือ จอร์จ คลูนี่ย์ นักแสดงและนักทำหนังเจ้าของรางวัลออสการ์ที่โด่งดังจากการแสดงที่ส่วนใหญ่เป็นแนวตลกร้ายและตรงตามชีวิตจริง

คลูนี่ย์เป็นนักแสดงชายแถวหน้าของยุคนี้ แต่การที่ได้รับบทเป็นสามีและพ่อใน The Descendants ก็ถือเป็นบทบาทที่แปลกใหม่กว่าที่เคยแสดงมา เขาเคยรับบทเป็นโจรช่างเจรจาในภาพยนตร์เพลงตลกของสองพี่น้องโคเอนเรื่อง O Brother, Where Art Thou? บทนักจารกรรมมืออาชีพในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Ocean’s Eleven ทั้งสามภาค, บทเจ้าหน้าที่ซีไอเอในภาพยนตร์เรื่อง Syriana ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลออสการ์มาครอง เขาได้เข้าชิงออสการ์อีกรางวัลหนึ่งจากบททนายความที่ทำหน้าที่แก้ต่างให้ลูกค้าในภาพยนตร์ของ โทนี่ กิลรอย เรื่อง Michael Clayton และบทผู้ชายบ้างานใน Up in the Air นอกจากนี้เขายังกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Good Night, And Good Luck และ The Ides of March ที่จะเข้าฉายเร็วๆ นี้
ผู้อำนวยการสร้างร่วม จอร์จ พาร์รา กล่าวว่าการร่วมงานกันครั้งแรกของเพย์นและคลูนี่ย์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการจับคู่ที่สนใจ “ทั้งคู่เป็นคนมีความสามารถและผมคิดว่าหลังจากหนังเรื่องนี้ พวกเขาจะเป็นเพื่อกันตลอดไป พวกเขาเข้ากันได้ดีตั้งแต่วันแรก อเล็กซานเดอร์เป็นมืออาชีพมาก จริงจังกับงาน สุภาพ และสนุกสนานในเวลาเดียวกัน แต่เขาจริงจังมากเวลาทำงาน ในขณะที่จอร์จขี้อำสุดๆ เขาชอบหัวเราะเสียงดัง บุคลิกต่างขั้วของสองคนนี้ ทำให้กองถ่ายคึกคัก พวกเขาเปิดกว้างให้ความคิดสร้างสรรค์และปล่อยให้หนังดำเนินไปตามทางของมัน”
เมื่อได้ จอร์จ คลูนี่ย์ มารับบทนำ ความท้าทายต่อมาก็คือการหานักแสดงมาประกบเขาในบทสมาชิกคนอื่นๆ ของครอบครัวคิง เพย์นตระเวนคัดเลือกนักแสดงอย่างหนักเพื่อค้นหาผู้ที่มีเคมีตรงกัน และสามารถสร้างความรู้สึกผสมปนเปกันระหว่างความรัก ความขึ้งโกรธ และความไม่เข้าใจ เขาทำงานร่วมกับหัวหน้าทีมคัดตัวนักแสดง จอห์น แจ็คสัน ที่เคยร่วมงานกันตั้งแต่หนังเรื่องแรก Citizen Ruth โดยแจ็คสันบอกว่าการคัดตัวนักแสดงถือเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญของการสร้างภาพยนตร์
“”เราเรียกนักแสดงจำนวนมากมาคัดตัวสำหรับทุกบท แม้แต่บทที่พูดแค่บรรทัดเดียว ผมว่าการคัดตัวเป็นสิ่งที่ดี ผมชอบให้นักแสดงเข้ามาอ่านบท” เพย์นกล่าว
เป็นเรื่องสำคัญมากในการหานักแสดงวัยรุ่นหญิงสองคนที่สามารถรับมือกับการแสดงประกบ จอร์จ คลูนี่ย์ ได้ในบทอเล็กซานดรา และสก็อตตี้ ลูกสาวผู้ขบถและหัวรั้นของแมตที่โกรธเขาเพราะเขาไม่เคยทำหน้าที่พ่อเลยจนกระทั่งวันนี้ อเล็กซานดราผู้รักอิสระกลัวว่าตัวเธอเองจะเหมือนแม่ที่เธอเกลียดนักหนา ซึ่งเพย์น เลือก เชลลีน วู้ดลี่ย์ ที่คนดูคุ้นหน้าจากทีวีซีรี่ย์เรื่อง The Secret Life of Teenager มารับบทนี้  

นี่คือภาพยนตร์เรื่องแรกของวู้ดลี่ย์ แต่เธอทำให้เพย์นทึ่งที่สามารถแสดงอารมณ์หนักๆ ของบทนี้ได้ และเปลี่ยนจากนักเรียนประจำนิสัยไม่ดีไปเป็นสาวแรกรุ่นที่พยายามแก้ไขปัญหาครอบครัว “เหมือนนักแสดงคนอื่นๆ ที่ผมเลือก เธอแสดงได้ดีที่สุดในวันคัดตัว” เพย์นกล่าว “ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมาย”
วูดลี่ย์ปลื้มมาก เพราะตั้งแต่ตอนทดสอบบท เธอก็ตกหลุมรักเรื่องนี้แล้ว “มันคือการเดินทางสู่การเติบโตที่สะเทือนใจ” เธอกล่าว “ฉันชอบที่ตัวละครทุกตัวในเรื่องเติบโตในแง่ของความรัก ความเป็นผู้ใหญ่ การค้นพบตัวตน และรู้ว่าบทบาทของตนเองต่อครอบครัว”
สำหรับบทอเล็กซานดรา วู้ดลี่ย์สนุกที่ได้แสดงความเปลี่ยนแปลงจากเด็กสาวหัวขบถผู้มีปมด้อย ไปสู่เด็กสาวที่พร้อมต่อสู้เพื่อคนที่เธอรัก “เธอเริ่มต้นจากการเป็นวัยรุ่นที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เธอคิดว่าการที่ชีวิตเธอแย่เป็นเพราะพ่อเป็นอย่างนี้ แม่เป็นอย่างนั้น” วู้ดลี่ย์ตั้งข้อสังเกต “แต่ระหว่างที่หนังดำเนินไป เธอก็ได้เรียนรู้ว่าความสุขขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง ไม่ใช่พ่อแม่ มันสนุกที่ได้เห็นเธอโตขึ้นตรงนี้ เธอเคยเจ้ากี้เจ้าการแต่ตอนนี้เธอทำเพื่อช่วยพ่อต่อสู้กับสิ่งเลวร้าย”
ความสัมพันธ์ระหว่างแมตกับอเลกซานดราคือสิ่งหนึ่งที่อเล็กซานดราเชื่อว่าเด็กหลายคนมีประสบการณ์ร่วม “เธอรักพ่อแต่มองเขาเป็นเด็กและรู้สึกว่าต้องเจ้ากี้เจ้าการกับเขา” วู้ดลี่ย์อธิบาย “ตอนหลังเธอถึงเรียนรู้ที่จะให้อำนาจความเป็นพ่อแก่เขา”
ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของวู้ดลี่ย์ก็คือการแสดงอารมณ์อันหลากหลายของอเล็กซานดราที่มีทั้ง ไม่เชื่อใจ โกรธ เป็นห่วง เศร้า และตื่นเต้น วู้ดลี่ย์ต้องถลำลึกสู่ห้วงอารมณ์ในฉากสำคัญที่พ่อของเธอบอกว่าแม่จะไม่หาย ซึ่งตอนนั้นเธอกำลังเล่นน้ำในสระในบ้าน
เธออยู่ในน้ำและไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีอะไรต่อข่าวนี้” วู้ดลี่ย์อธิบาย “เธอรู้สึกติดกับ จึงดำลงไปในน้ำ ซึ่งเป็นที่เดียวที่เธอสามารถร้องได้สุดเสียงโดยไม่รู้สึกอ่อนแอ มันเป็นการระเบิดอารมณ์ที่ลงไปใต้นั้นแล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หนูว่ามันสะเทือนใจและเปี่ยมพลังในเวลาเดียวกัน”
ต่อมาเมื่ออเล็กซานดราได้เห็นแม่ที่เคยสดใสร่าเร่งของเธอนอนไร้สติอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล ความรู้สึกที่แท้จริงก็ปรากฏออกมา “ในฉากนั้น หนูคิดว่าส่วนหนึ่งเธอเกลียดแม่ แต่ส่วนหนึ่งเธออยากให้แม่กอดและสะอื้นในอ้อมกอดแม่นานๆ มันสะเทือนอารมณ์มาก” วู้ดลี่ย์กล่าว “หนูคิดว่าเด็กน้อยในตัวอเล็กซานดราไขว่คว้าหาแม่ที่เธอไม่เคยมี แต่ผู้ใหญ่ตัวเธอเริ่มยอมรับได้ว่าสิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้”

วู้ดลี่ย์บอกว่าเธอรู้สึกขอบคุณเพย์นมากที่ไว้วางใจและผลักดันให้เธอได้รับมือกับสถานการณ์หนักๆ และอารมณ์หนักๆ ของจริง “อเล็กซานดราทำให้หนูได้รู้จักคนที่ฉันปลื้มที่สุดในชีวิต เวลาเขาตื่นเต้น เขาจะไม่เก็บอาการ เขาจะกระโดดดึ๋งๆ พูดเสียงละล่ำละลัก แล้วเดินไปกอดคนโน้นคนนี้ เวลาอยู่กับเขาคุณจะอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกับชีวิต เขามีพลังล้นเหลือและแสดงให้คนอื่นเห็นในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ เขาช่วยให้หนูค้นพบตัวเองอย่างที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้พบ”
วู้ดลี่ย์บอกว่าเพย์นเน้นกับเธอตลอดเวลาเรื่องความเป็นธรรมชาติ “เขามักพูดว่า โอ้ เชล ผมว่ามันไม่เป็นธรรมชาตินะ คุณคงไม่ทำแบบนั้นในชีวิตจริง” เธอเล่า “นั่นคือวิธีการของเขาที่จะดึงศักยภาพสูงสุดของนักแสดงออกมา”
การแสดงอย่างเป็นธรรมชาติง่ายกว่าที่คาดเมื่อวู้ดลี่ย์เริ่มแสดงประกบ จอร์จ คลูนี่ย์ ที่ลบความประหม่าของเธอเสียสิ้นซาก “เขาติดดินมาก” เธอเล่า “เขาเป็นพวกติงต๊อง ชอบทำอะไรขำๆ ซึ่งทำให้กองถ่ายสนุก หนูรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับเขา และได้รู้จักเขา”
แม้ว่า แมต คิง จะพยายามสานสัมพันธ์กับลูกๆ ใหม่อีกครั้ง แต่เขากลับพบว่า สก็อตตี้ ลูกสาวคนเล็ก เป็นเด็กที่ลึกลับ เหมือนหลุดมาจากต่างดาว แทบจะคุยแบบปกติกับเธอไม่ได้ เพย์นพลิกแผ่นดินเพื่อค้นหานักแสดงเด็กหญิงที่สามารถรับบทเป็นเด็กประหลาดที่ทั้งตลกและน่าสงสาร โดยคัดตัวนักแสดงกว่า 300 คนจากทั่วประเทศ แต่ก็ไม่พบจนกระทั่งใกล้ถึงกำหนดเปิดกล้อง

เมื่อใกล้เปิดกล้อง เพย์นได้พบ อมาร่า มิลเลอร์ นักแสดงหน้าใหม่วัย 9 ขวบ จากแปซิฟิก โกรฟ รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาได้รับอีเมลพร้อมวิดีโอเทปทดสอบบทของเธอ “นาทีแรกที่ผมดู ผมพูดเลยว่า นี่แหละเธอ ผมไม่ได้เจอตัวจริงเธอ แต่รู้ว่านี่แหละใช่เลย ผมรู้ว่าเธอต้องมา และก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิต เธอมาจริงๆ แต่มาแบบไม่คาดฝัน”
ผู้อำนวยการสร้าง จิม เบิร์ก กล่าวเสริมว่า “อมาร่าแสดงเหมือนผู้ใหญ่มืออาชีพ เธอเป็นธรรมชาติ แม้จะไม่เคยแสดงหนังมาก่อน แต่เธอทำได้ยอดเยี่ยมมาก”
แม้จะไม่มีประสบการณ์การแสดงมาก่อน (เธอเคยเล่นละครเวทีตอนเรียนชั้นประถม แต่ไม่มีบทพูด) แต่อมาร่าดูเหมือนจะเข้าใจโดยสัญชาติญาณถึงความแปลกของมิลเลอร์และบทบาทเฉพาะตัวของเธอในการเดินทางผจญภัยกับครัวแบบไม่ทันได้เตรียมตัวมาก่อน“สก็อตตี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัว” อมาร่าเล่า “เธอไม่รู้ว่าแม่กำลังจะตายหรือเป็นชู้กับคนอื่น เธอคิดว่าการเดินทางตามหาชู้รักของแม่ที่คาวายอิคือการไปเที่ยว ก็เลยวิ่งไปวิ่งมา เป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ”
เพราะไม่ค่อยได้รับการชี้นำจากครอบครัว สก็อตตี้จึงกลายเป็นเด็กรักอิสระจนเหมือนดื้อ “เธอเป็นตัวปัญหา” มิลลเลอร์หัวเราะ “เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่สนใจว่าตัวเองจะเดือดร้อน ถึงจะเดือดร้อนก็ยังจะเล่นสนุก ทำอะไรแผลงๆ เป็นเด็กแก่นเซี้ยวจอมแสบ อยากได้อะไรต้องได้”
บางทีสิ่งที่สก็อตตี้ต้องการอาจเป็นเวลาและความเอาใจใส่ แต่เธอทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา ซึ่งนำไปสูฉากยากของมิลเลอร์ “ฉันชูนิ้วกลางให้ จอร์จ คลูนี่ย์” เธอหัวเราะ “เขาเหวอแบบว่า “อะไรเนี่ย” หน้าเขาตลกมากเลย”
สำหรับเพย์น การร่วมงานครั้งแรกกับมิลเลอร์ถือเป็นการกำกับการแสดงเด็กครั้งแรกของเขา ซึ่งความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากการร่วมงานกับผู้ใหญ่เลย “ข้อดีของการทำงานกับอมาร่าคือผมไม่ต้องปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็ก ผมพูดได้ว่าเธอเป็นนักแสดงโดยสัญชาติญาณ ผมสามารถบอกเธอได้ว่า ’ไม่เอา ขอเยอะกว่านั้น’ หรือ ‘ช่วยเว้นรยะสั้นๆ ระหว่างสองประโยคนี้’ วิธีปฏิบัติกับคนทั่วไปและกับนักแสดงคือการบอกความจริง” เขาสรุป “ผมสามารถทำอย่างนั้นกับอมาร่าได้”

happy on January 19, 2012, 02:34:48 PM



ทีมนักแสดงสมทบ
“ฉันหมายถึง บ่อยแค่ไหนที่คนแก่จะต่อยหน้าคนจนสลบเหมือด?” – ซิด

ขณะที่ แมต คิง พยายามจะเป็นพ่อที่ดีของ อเล็กซานดรา และสก็อตตี้ เขากลับถูกรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงและญาติสนิทมิตรสหายที่ขัดขวางเขา ตัวละครที่ครอบครัวคิงพบเจอระหว่างการเดินทางสู่การปรองดองนั้นรับบทโดยทีมนักแสดงที่ อเล็กซานเดอร์ เพย์น เลือกเองกับมือ
“การคัดเลือกนักแสดงให้หนังเรื่องนี้ถือเป็นความท้าทายใหม่ที่น่าสนใจของผมและจอห์น แจ็คสัน เพราะนอกจากต้องรวบรวมนักแสดงเพื่อมารับบทครอบครัวหน่วยกลางที่น่าเชื่อถือแล้ว ยังต้องหานักแสดงมารับบทบรรดาญาติและเพื่อนด้วย ซึ่งทุกคนอาศัยอยู่ในประเทศเล็กๆ ที่มีชนชั้นและสัญชาติอยู่เพียงน้อยนิด” เพย์นกล่าว
สำหรับบทตัวละครต้นเหตุของเรื่องอย่าง ไบรอัน สเปียร์ ตัวแทนค้าอสังหาริมทรัพย์ที่ แมต คิง ตามหาตลอดทั้งเรื่อง เพย์นเลือก แมทธิว ลิลลาร์ด นักแสดงร่างสูงที่รับบทได้หลากหลายและเป็นที่คุ้นหน้าจากบท “แชกกี้” ในภาพยนตร์ชุด Scooby-Doo มารับบทสำคัญนี้

แมทธิวเชื่อว่าการทดสอบบทเป็นกระบวนการที่ยาวนานที่สุด “ผมเดินเข้าไปเจอหนุ่มหล่อห้าคนรอคิวอ่านบทอยู่ ทุกคนหน้าตาหล่อเทพแบบดาราฮอลลีวู้ด คางงี้เป็นสัน กล้ามเป็นมัด” เขาเล่า “ผมคิดกับตัวเอง ‘ไม่มีทางเลยเรา’ ผมรู้อยู่แล้วว่าโอกาสที่จะได้แสดงเป็นชู้ของเมีย จอร์จ คลูนี่ย์ มีน้อยมาก”
ลิลลาร์ดอ่านบทสุดฝีมือและพอใจแค่ได้รับคำชมจากเพย์น แต่หลังจากนั้นสี่เดือน เพย์นก็โทรมาหาเขาบอกว่า “ผมอยากให้คุณแสดงหนังเรื่องนี้” เพย์นบอกว่าเขาตัดสินใจเลือลิลลาร์ดเพราะเขาสามารถเข้าใจและถ่ายทอดบทได้เร็ว “ผมชอบนักแสดงที่เร็ว ต่อมาผมบอกเขาว่าเขาน่าจะไปทดสอบบทให้บ่อยขึ้นโดยให้ลูกอยู่ในรถ” ผู้กำกับกล่าว
สำหรับลิลลาร์ด นี่คือประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต “ครั้งหนึ่งในชีวิตการแสดง ผมอยากมีประสบการณ์ที่พิเศษแบบนี้” เขาบอก “ผมไม่คิดว่าตัวเองอยู่ในมาตรฐานนักแสดงที่ผู้กำกับจะเลือก ผมว่าผมไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้อเล็กซานเดอร์เป็นผู้กำกับที่น่านับถือ เขามีความสามารถในการตัดสินใจที่ทำให้งานของเขาแตกต่าง”
ไบรอันกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของแมต คิง แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ก็เป็นผู้ปลดปล่อยคิงเช่นกัน ลิลลาร์ดบบอกว่า “เขาเป็นคนทะเยอทะยานมาก เขารักลูกรักเมียนะ แต่เขามีข้อเสีย เขาเห็นช่องหาเงินเข้ากระเป๋าจากภรรยาของแมต เพียงแต่พอถลำลึกและเร็วเกินไป เขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ที่ตลกก็คือ จอร์จ คลูนี่ย์ ดั้นด้นตามล่าตัวละครของผม แต่สุดท้ายผมกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษาและส่งเขากลับไปหาครอบครัวเพื่อหาทางแก้ปัญหา”
นักแสดงหญิงอีกคนหนึ่งที่เข้าร่วมทีมนักแสดงสมทบคือ จูดี้ เกรียร์ เธอดังจากบทตลกและมีผลงานล่าสุดคือซีรี่ย์โทรทัศน์เรื่อง Mad Love ในหนังเรื่องนี้เธอรับบทเป็นจูลี่ ภรรยาของไบรอันที่ดูเหมือนจะพูดน้อย เธอพบกับแมต คิง ครั้งแรกบทหาดคาวายอิอันงดงาม

เกรียร์ชอบที่ตัวละครของเธอท้าทายความคาดหวังและมีอะไรน่าสนใจกว่าบทตลกธรรมดา “เธอเป็นคุณแม่ยุคใหม่” เกรียร์ตั้งข้อสังเกต “เธอเป็นคนตรงไปตรงมา อ่อนไหว และทุ่มเทเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันชอบที่อเล็กซานเดอร์เติมความเป็นมนุษย์ที่ติดดินและสงบนิ่งไว้ในสถานการณ์นี้”
เมื่อเหตุการณ์โกลาหล เป็นจูลี่ ไม่ใช่ไบรอัน ที่รุดไปยังโรงพยาบาลเพื่อไปหาภรรยาของแมตที่นอนโคม่าอยู่ แต่กลายเป็นว่าเธอไประเบิดอารมณ์และโวยวาย เกรียร์รู้สึกเห็นใจจูลี่แม้ว่าการกระทำของเธอจะน่าตกใจก็ตาม
 “ฉันคิดว่าที่เธอไปหาเอลิซาเบธเพราะเธอสับสนและกังวล” เกรียร์กล่าว “บางทีเธออาจจะอยากเจอผู้หญิงอีกคนนึง เมื่อคุณถูกสามีนอกใจ คุณจะรู้สึกหึงหวง น้อยใจ โกรธ เศร้า และเธออาจจะอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำลายทุกอย่างที่เธอคิดว่าเธอเคยมี และเธอยังรู้สึกเห็นใจสถานการณ์ของแมตด้วย ความงามของฉากนี้และรูปแบบการเขียนบทคือสิ่งเหล่านี้รวมกัน เธอจมดิ่งสู่สิ่งที่เธอรู้สึกจริงๆ”
อีกคนหนึ่งที่รู้สึกสับสนไม่แพ้กันคือ สก็อตต์ ธอร์สัน พ่อตาของแมต ที่รับทโดย โรเบิร์ท ฟอร์สเตอร์ นักแสดงรุ่นเก๋าที่มีผลงานมาแล้วทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Jackie Brown, Mulholland Drive) สก็อตต์คือทหารวัยปลดเกษียณอารมณ์ร้าย ภรรยาของเขาเป็นโรคอัลไซเมอร์อยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้เขายังต้องรับมือกับข่าวร้ายว่าลูกสาวอยู่ในอาการโคม่า ซึ่งเขากล่าวโทษและระเบิดอารมณ์ใส่แมต
“สก็อตต์มองว่าลูกเขยคนนี้คือความผิดหวัง” ฟอร์สเตอร์อธิบาย “เขาคิดว่าลูกสาวของเขาดีเกินไปสำหรับแมต แมตมีเงินแต่ไม่มีความกระตือรือร้น เขาไม่จริงจังเท่าที่สก็อตต์คิดว่าผู้ชายคนหนึ่งควรจะเป็น สก็อตต์คุมคนมาตลอดชีวิต และแมตไม่ผ่านเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้”
ทางฝั่งครบครัวแมต เรื่องราวไม่ราบรื่นอย่างที่เคยโดยเฉพาะเมื่อแมตตัดสินใจระงับสัญญาการขายที่ดินล้ำค่าของครอบครัวให้กับรีสอร์ทกอล์ฟท้องถิ่น เรื่องนี้ทำให้เขาขัดแย้งกับญาติชื่อฮิวจ์ที่รับบทโดยนักแสดงเจ้าของสองรางวัลลูกโลกทองคำ โบ บริดเจส
บริดเจสสนใจบทนี้ด้วยหลายเหตุผล “เหตุผลสองอย่างที่ทำให้ผมอยากแสดงหนังเรื่องนี้คือ อเล็กซานเดอร์ เพย์น และจอร์จ คลูนี่ย์” เขาบอก “สองคนนี้คือยอดฝีมือ ผมคิดว่ามันค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว”

นอกจากนั้น เขายังผูกพันกับฮาวายเป็นการส่วนตัว ประเทศนี้ถือเป็นบ้านที่สองของเขา เพราะเขาไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำสมัยยังเด็ก ทั้งยังเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยฮาวายอีกด้วย “คุณจะได้เห็นชีวิตที่นี่” บริดเจสกล่าวถึงเกาะแห่งนี้ “ฮาวายยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายต่างจากที่อื่น”
ตัวละครของฮิวจ์สะท้อนให้แมตเห็นชีวิตที่เขาไม่เข้าใจ “ฮิวจ์เป็นคนน่าสนใจ” บริดเจสกล่าว “เช่นเดียวกับแมต เขาสืบเชื้อสายจากมิชชันนารีและชาวฮาวาย แต่เขาต้องการขายที่ดินที่ตนเองได้รับมรดก เขาแสดงจุดยืนโดยพูดว่าควรขายที่ดินให้กับนักธุรกิจท้องถิ่น ไม่ใช่บางคนที่จะเอาไปสร้างร้านวอลมาร์ท แต่เขาก็อยากได้เงินอยู่ดี”
บริดเจสเชื่อว่าฮิวจ์เป็นห่วงแมตในเวลาที่เขาสับสน แม้ว่าแมตจะรู้สึกว่าในที่สุดเขาก็ตาสว่างเสียที “ผมคิดว่าใจจริงแล้วฮิวจ์หวังดีต่อแมต” บริดเจสสรุป “แต่เขาไม่อยากเป็นคนโง่ ในใจเขาคิดว่าการไม่ยอมขายที่ดินอันล้ำค่านี้เป็นเรื่องที่เพี้ยนสุดๆ”
ซิด เพื่อนชายจอมเซ่อซ่าและเจ้ากี้เจ้าการของอเล็กซานดราที่รับบทโดย นิค เคราซ์ แทรกตัวเข้ามาในครอบครัวคิงและมีส่วนร่วมในการผจญภัยครั้งนี้ด้วย
“ซิดทำให้อเล็กซานดราสบายใจเพราะเขาตลก” เคราซ์กล่าว “พวกเขาก็เลยไปไหนไปด้วยกันดยเฉพาะเวลามีปัญหา ซิดเป็นคนสบายๆ จนลืมมารยาทสังคมไปเลย เขาไม่เคยรู้ว่าควรพูดยังไงหรือแสดงออกยังไงให้ฉลาด ถึงความตั้งใจจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไง”
หลายครั้งที่ความฉลาดน้อยอันน่าระอาใจของซิดทำให้เขาเดือดร้อน อย่างเช่นตอนที่โดนคุณตาของอเล็กซานดราว้ากและซัดเข้าให้โทษฐานที่ไปหัวเราะคุณยาย ฉากนี้เป็นฉากโปรดของ คาอุย ฮาร์ท เฮมมิ่งส์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ “ฉันชอบเพราะมันตลกแต่ก็รู้สึกสมจริงด้วย” เธอบอก “ชอบบทพูดทั้งหมดเลย ฉันชอบช่วงเวลาในหนังที่เหมือนไม่มีอะไร แต่มีเยอะ”

แต่ถึงแม้ซิดจะยั่งโมโหทุกคนรอบตัว แต่เขาก็เป็นตัวกระตุ้นให้ทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน “ผมว่าซิดค่อยๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตอนที่พวกเขารับมือกับสถานการณ์บ้าๆ เหล่านั้น” ซิดกล่าว “การเดินทางของเขาคือการกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหม่ เริ่มจากพรวดพราดไปเยี่ยมพ่อของเพื่อน จนสุดท้ายกลายเป็นว่าเขากับแมตเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้ง”
ผู้อำนวยการสร้างจิม เบิร์กมองว่าซิดเปนจุดเชื่อมสำคัญของเรื่อง “เขาทำให้แมตเชื่อมโยงกับลูกสาวได้ในแบบที่เขาไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีซิด” ผู้อำนวยการสร้างกล่าว “ตอนท้าย เขาได้รู้ว่าซิดเป็นคนเดียวที่เขาควรคุยด้วย ซิดกลายเป็นผู้รับฟังคำสารภาพผิดของเขา แม้จะดูแปลกๆ ก็ตาม”
เช่นเดียวกับซิด เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของแมตอย่าง มาร์ค และคาอิ ก็เป็นแรงกระตุ้นของครอบครัวคิงด้วย เพราะเป็นสองคนที่รู้ว่าชู้ของภรรยาเขาเป็นใคร รับบทโดยสองนำแสดงที่แจ้งเกิดจากบทตลก ร็อบ ฮิวเบิล และแมรี่ เบิร์ดซอง
ฮิวเบลตื่นเต้นที่ได้ร่วมแสดงในฉากที่เต็มไปด้วยอารมณ์มากที่สุดของหนัง ตอนที่แมตบุกเข้ามาในบ้านของพวกเขาแล้วคาดคั้นเอาความจริงเรื่องที่ภรรยาเขานอกใจ แม้เธอจะกำลังนอนไร้สติอยู่ ฮิวเบิลและเบิร์ดซองต้องรักษาสมดุลระหว่างความเกรี้ยวกราดและความขบขัน
“มันยากเพราะมันจริงจังแต่ก็ต้องตลกด้วย” ฮิวเบิลเล่า “มาร์คกับคาอิกลัวเพราะพวกเขารู้แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นและควรทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของแมต เราพยายามเฉไฉ ไม่บอก และปกป้องภรรยาของแมต แต่ยิ่งทำให้เขายิ่งโมโห สุดท้ายมาร์คต้อวการรักษามิตรภาพระหว่างเขากับแมต จึงยอมบอกว่าชู้ของภรรยาแมตเป็นใคร ผมว่านั่นเป็นสิ่งคนส่วนใหญ่จะทำนะ”

ฮิวเบิลบอกว่าฉากที่ยากและซับซ้อนนี้ผ่านไปด้วยดี เหตุผลหลักก็เพราะเพย์นสามารถทำให้นักแสดงรู้สึกสบายใจ “เขาเป็นผู้กำกับที่เป๊ะที่สุดเท่าที่ผมเคยร่วมงานด้วย“ เขาตั้งข้อสังเกต “ตอนที่เราแสดง ทุกการกระทำ ทุกคำพูด เหมือนเขาคิดไว้หมดแล้ว และคุณจะรู้สึกว่า ‘โอ๊ยสบาย เพราะมีเขาคอยคุม’”
เบิร์ดซองมองว่าคาอิอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากใจที่สุดเมื่อแมตรู้เรื่องการนอกใจเพราะเธอไม่รู้จะอยู่ข้างไหนดี “เอลิซาเบธ ภรรยาของแมต คือเพื่อนสนิทของเธอ” เบิร์ดซองอธิบาย “เธอก็เลยไม่รู้ว่าจะปกป้องเพื่อนหรือพูดความจริงดี สำหรับเธอ เอลิซาเบธเป็นคนรักอิสระที่น่าทึ่ง เธอจึงอยากปกป้องเอลิซาเบธ”
เช่นเดียวกับฮิวเบิล เบิร์ดซองยกความดีให้กับเพย์นที่คัดเลือกทีมนักแสดงที่หลากหลายต่างที่มา “เขามีความคิดที่โดดเด่นเฉพาะตัว” เธอบอก “และการคัดเลือกนักแสดงเรื่องนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสายตาอันเฉียบคมของเขา เขามองเห็นบางอย่างในตัวพวกเราที่ช่วยเล่าเรื่องราว”
« Last Edit: January 19, 2012, 02:36:49 PM by happy »

happy on January 19, 2012, 02:41:42 PM

ความเป็นจริงในสรวงสวรรค์ : การออกแบบ
“คุณตาของฉันรักที่นี่มาก แม่ของลูกด้วย” – แมต คิง

อเล็กซานเดอร์ เพย์น มักให้ความสำคัญกับสถานที่ในภพยนตร์ของเขา แต่กับ The Descendants สถานที่ยิ่งทวีความสำคัญกว่าเคย เขาและทีมงานรู้ตั้งแต่แรกว่ากำลังจะไปถ่ายทำในสถานที่ที่นักทำหนังน้อยคนนักได้ไป โดยติดตามเรื่องราวชีวิตของครอบครัวหนึ่งอย่างใกล้ชิดในดินแดนอันเขียวชอุ่มอย่างฮาวาย ความขัดแย้งของวัฒนธรรมฮาวายร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็น ความทันสมัยและโบราณ เมืองและป่า การพัฒนาและการอนุรักษ์ ถูกนำมาใส่ไว้ในการออกแบบงานสร้าง ทั้งการถ่ายภาพและฉาก

ฮาวายเป็นรัฐที่มีอายุน้อยที่สุดของสหรัฐอเมริกา มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 1,500 ปี เมื่อนักสำรวจชาวหมู่เกาะแปซิฟิกล่องเรือแคนูใต้แสงดาวมายังหมู่เกาะภูเขาไฟอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ต่อมาชาวหมู่เกาะแปซฟิก ทั้งจากตาฮิติ ซามัว และตองกา จึงเดินทางมาตั้งรกรากที่นี่ โดยก่อรากวัฒนธรรมที่ผู้หญิงมีอำนาจทัดเทียมผู้ชายขึ้นด้วยภาษา ประเพณี ศิลปะ และตำนานองตนเอง ในปี 1810 กษัตริย์คาเมฮาเมฮา ผู้นำแห่งเกาะใหญ่ รวบรวมหมู่เกาะทั้งหลายจนกลายเป็นอาณาจักรฮาวาย ไม่นานหลังจากนั้น มิชชันนารีชาวคริสต์ก็เดินทางมาถึง ตามมาด้วยนักล่าอาณานิคมจากอเมริกาแผ่นดินใหญ่ ปี 1893 นักธุรกิจอเมริกันล้มล้างอำนาจกษัตริย์ฮาวายและนำมาซึ่งการผนวกดินแดน ขณะเดียวกัน วัฒนธรรมมีการพัฒนาและดัดแปลงอย่างต่อเนื่อง มีการหลอมรวมกันของค่านิยมอเมริกันและประเพณีฮาวาย เมื่อฮาวายกลายเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในปี 1959nมันขนานนามว่า “อโลฮ่า” สะท้อนคำภาษาฮาวายที่แปลไม่ได้ สื่อถึงจิตวิญญาณที่เปิดกว้างที่ฝังรากในความรักที่มีต่อดินแดน
ในการถ่ายทอดภาพหมู่เกาะฮาวายอย่างที่มันเป็นในปัจจุบัน ฮาวายที่เต็มไปด้วยนักพัฒนา ชาวเมือง นักเล่นเซิร์ฟ และวัฒนธรรมแห่งหมู่เกาะแปซิฟิก เพย์นเลือกร่วมงานกับผู้กำกับภาพ ฟีดอน พาพาไมเคิล ที่เคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง Sideways ทันทีที่อ่านบทหนังจบ พาพาไมเคิลรู้ทันทีว่ามันต้องเป็นอะไรที่แตกต่าง “มันเป็นเรื่องราวที่ขับเคลื่อนด้วยบทพูด ซึ่งส่วนใหญ่แปลว่าหนังจะไม่เน้นภาพ” เขากล่าว “แต่ในกรณีนี้ตรงกันข้าม เพราะต้องเปรียบเทียบวิถีชีวิตแบบฮาวายกับการดิ้นรนของครอบครัวคิง งานภาพจึงมีความสำคัญ ผมจำเป็นต้องถ่ายภาพธรรมชาติแวดล้อมให้สวยงามเพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจว่าทำไมแมตถึงลังเลท่จะขายที่ดินของครอบครัว
พาพาไมเคิลแบ่งฮาวายออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ส่วนเมืองที่วุ่นวายในโฮโนลูลู และส่วนที่เป็นธรรมชาติอันน่าทึ่งของอ่าวฮานาเลบนเกาะคาวายอิที่ปกคลุมด้วยป่าไม้เมืองร้อนและโอบล้อมด้วยทะเลสีน้ำเงิน
“เราต้องการสร้างความรู้สึกของชุมชนในโฮโนลูลู และความงามของชายฝั่งด้วย เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจว่าอะไรจะสูญเสียไปและความเกี่ยวโยงทางประวัติศาสตร์ของที่นั่น เราจึงตัดสินใจถ่ายแบบจอกว้าง อย่างที่อเล็กซานเดอร์เคยทำในหนังเรื่อง Election” เขาอธิบาย “เราคิดว่ามันคงสนุกมากที่ได้เห็นมนุษย์ตัวเล็กๆ เหล่านี้เผชิญหน้ากับภูมิประเทศอันสง่างามบนผืนจอกว้าง”
ขณะเดียวกัน ทั้งคู่ต้องการรักษาแนวทางการถ่ายทำแบบไม่ประดิษฐ์ของเพย์น ซึ่งเป็นสไตล์ที่แปลก “ผมชอบถ่ายหนังด้วยเทคนิคสารคดี” เขาบอก “มันให้ความรู้สึกเหมือนรายงานข่าว”

พาพาไมเคิลกล่าวว่า “สำหรับอเล็กซานเดอร์ ภารกิจสำคัญคือไม่ให้การถ่ายภาพขวางทางการเล่าเรื่อง เขาชอบความสมจริงถึงขนาดว่า ถ้าเราไปถ่ายทำในสถานที่ที่มีคนตัดหญ้าอยู่ใกล้ๆ เขาจะบอกว่าดีแล้วให้รวมเข้าไปในฉากนั้นเลย” เขาเล่า “หรือตัวอย่างเช่น ฉากที่จอร์จ คลูนี่ย์ ไปหาโบ บริดเจส ที่บาร์ เพย์นต้องการให้เห็นภาพคนท้องที่เดินเข้าเดินออกบาร์นั้นเพื่อความสมจริง การจัดแสงก็เช่นกัน เป็นธรรมชาติมากถึงขนาดที่ผู้ชมจะไม่รู้สึกเลยว่ากำลังดูหนังอยู่”
เขากล่าวต่อไปว่า “เราต้องการให้คนดูสนใจตัวละครโดยไม่วอกแวกไปกับสิ่งอื่น อารมณ์ของหนังเข้มข้นมากและการเขียนบทก็แข็งแรง เราไม่จำเป็นต้องเสริมงานภาพเข้าไป”
อย่างไรก็ตาม ฮาวายก็ให้ความรู้สึกด้วยตัวของมันเอง “แสงที่นั่นท้าทายเพราะมันเปลี่ยนตลอดเวลา” พาพาไมเคิลกล่าว “มันอาจจะครึ้มและแดดจ้าในการถ่ายทำช็อตเดียว โชคดีที่อเล็กซานเดอร์และจอร์จเป็นนักทำหนังทั้งคู่ จึงจัดการเรื่องนี้เก่ง คุณจึงสลับฉากได้ ทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นดี”
มีบางช่วงของการถ่ายทำ The Descendants ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบนดิน แต่เกิดขึ้นในสระน้ำและมหาสมุทร งานนี้ได้ผู้กำกับภาพใต้น้ำระดับตำนาน ดอน คิง มารับผิดชอบฉากที่เชลลีน วูดลี่ย์ กรีดร้องใต้สระว่ายน้ำของครอบครัว
วู้ดลี่ย์เล่าว่า “เขารอฉันอยู่ใต้น้ำกับกล้องกน้าตาประหลาด ฉันดำลงไปและว่ายน้ำไปหาเขา และเขาก็ว่ายถอยหลังเร็วมาก พอดีกับที่ฉันว่ายไปหา เป็นการถ่ายทำที่น่าทึ่งมาก”

ฉากโปรดฉากหนึ่งใน The Descendants ของพาพาไมเคิลคือฉากไคลแม็กซ์ของการเดินทางของแมตที่ครอบครัวคิงเดินทางไปถึงที่ดินมรดกบนเกาะคาวายอิ และสก็อตตี้ลูกสาวของแมตทำให้เขาลังเลที่จะขายมันให้คนแปลกหน้า “เราออกแบบการถ่ายทำให้ครอบครัวนี้ขับรถขึ้นไปบนภูเขา แต่คุณไม่รู้หรอกว่าจะได้เห็นอะไร มันให้ความรู้สึกเหมือนฉากเดินทางธรรมดา แต่เมื่อพวกเขาไปถึงที่ดิน เราก็เปิดเผยให้เห็นทัศนียภาพอันงดงาม และทันใดนั้น ตัวละครก็ตื้นตันไปกับความงามของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดฉากหนึ่ง” พาพาไมเคิลกล่าว
นอกจากนี้เพย์นยังกลับมาร่วมงานกับผู้ออกแบบงานสร้าง เจน แอน สจ๊วร์ต ที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรก สจ๊วร์ตบอกว่าสัญชาติญาณทางสุนทรียะของเพย์นคล้ายกับของเธอ “อารมณ์ขันของเขาคล้ายกับฉัน ไร้แก่นสาร น่าขนลุกนิดนึง และไม่ว่าในสภาวะไหนของมนุษย์ก็ตลกได้” เธอบอก
เธอรู้ว่างานนี้เป็นของเธอตอนที่เพย์นติดต่อมา “เราต้องเรียนรู้วัฒนธรรมฮาวายมากมายและเอาตัวเข้าไปคลุกคลี เพื่อที่จะได้เข้าใจประวัติศาสตร์ อารมณ์ของสถานที่ และรายละเอียดเบื้องหลังเรื่องราว” เธออธิบาย
ในการสร้างบ้านของแมต เธออ่านทั้งนิยายและปรึกษาผู้เขียนอย่าง คาอุย ฮาร์ท เฮมมิงส์ “คำแนะนำของคาอุยมีค่ามาก” สจ๊วร์ตกล่าว “เช่นเธอทำให้ฉันได้รู้จักพูนี่ (เดย์เบดแบบฮาวายที่ใช้เป็นโซฟา) และช่วยให้มองเห็นประวัติศาสตร์ของครอบครัวอย่างละเอียด”
เมื่อสจ๊วร์ตเจอบ้านหลังที่ตรงตามความต้องการ บ้านหลังนั้นขาดองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือ ต้นไทรที่ตั้งตระหง่านอยู่บนสนามตามที่นิยายระบุไว้ สจ๊วร์ตจึงต้องย้ายต้นไทรมาที่บ้านหลังนี้ “แต่ละกิ่งก้านของต้นไม้ที่แผ่ออกไปให้ความรู้สึกของความเป็นครอบครัว” เธอกล่าว

ในการถ่ายทำ ความท้าทายของสจ๊วร์ตคือต้องคงความสมจริงอย่างที่เพย์นต้องการเอาไว้ แต่ก็ต้องใส่รายละเอียดของเมืองเขตร้อนเอาไว้ด้วย “อเล็กซานเดอร์ต้องการความสมจริง เขาอยากให้ดูธรรมดาด้วยซ้ำ แต่หนังเรื่องนี้เป็นโอกาสที่ฉันจะได้ใส่สีสันและความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่เข้าไป ฉันจึงต้องหาเหตุผลดีๆ ที่จะใส่อะไรก็ตามเข้าไปในฉาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือนหรือภาพวาดสักชิ้นในห้อง มันต้องสนับสนุนตัวละครและดูสมจริงกับสถานที่”
ความสมจริงของฮาวายทำให้เฮมมิงส์ทึ่งเมื่อเข้าไปเยี่ยมกองถ่ายและได้เห็นเรื่องราวที่เธอเขียนมีชีวิตขึ้นมา สะท้อนภาพครอบครัวที่เต็มไปด้วยปัญหาและตลกขบขัน บนเกาะหรือนอกเกาะ สื่อสารและผูกพันกันจริงๆ “มันน่าประทับใจสำหรับฉันที่ได้กลับมายังอ่าวฮานาเลที่ซึ่งบรรพบุรุษของฉันมาตั้งรกราก” เธอกล่าว “และฉันรู้สึกดีที่ได้เห็นนักแสดงและทีมงานทำความรู้จักสถานที่ที่พิเศษแห่งนี้ เป็นโอกาสให้ฉันได้กลับมาติดต่อกับครอบครัวอีกครั้งและเชื่อมชุมชนเข้าด้วยกัน เขียนหนังสือเป็นงานสันโดษ แต่การทำหนัง ความงามของมันคือการได้แบ่งปันประสบการณ์กัน”

happy on January 31, 2012, 03:10:09 PM
 ::)