บทสัมภาษณ์ นักแสดงจาก New Year’s Eve
คำถามและคำตอบกับ เจค ที. ออสติน, อาบิเกล เบรสลิน (เฮลีย์), จอช ดูฮาเมล (แซม), แซ็ค เอฟรอน (พอล), เฮ็คเตอร์ เอลิซอนโด้ (โคมินสกี้), ลีอา มิเชล (เอลิซ), มิเชล ไฟเฟอร์ (อินกริด), ฮิลารี่ ชแวงค์ (แคลร์), แกร์รี่ มาร์แชล (ผู้กำกับ) และ แคทเธอรีน ฟูเกต (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)
คำถาม: สวัสดีปีใหม่ทุกคน จอช ในภาพยนตร์คุณมีช่วงเวลาที่ดีเพียงสั้นๆ กับสุนัขในภาพยนตร์ สุนัขดัชชุนของคุณเป็นไงบ้าง?
แกร์รี่ มาร์แชล: มันเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ เป็นช่วงเวลาที่ดี
จอช ดูฮาเมล: มันไม่ค่อยเหมือนสุนัขนะ เหมือนกับต้นไม้ เขาชอบนั่งอยู่ตรงนั้น ดัชชุนเป็นสุนัขที่ดีนะ มีตลอฟทำอะไรช้าลงแล้วเดี๋ยวนี้ แต่เขายังร่าเริงและตะกละอยู่
ฮิลารี่ ชแวงค์: สุนัขของคุณชื่อมีตลอฟหรอ?
จอช ดูฮาเมล: มีตลอฟ
ฮิลารี่ ชแวงค์: เก๋ดี
จอช ดูฮาเมล: มีตลอฟ กับ โซอี้
ฮิลารี่ ชแวงค์: โซอี้เหมือนกับ ‘อะไรนะ? ฉันไม่ได้ถูกเรียกว่าเกรวี่ด้วยซ้ำ?’
จอช ดูฮาเมล: เปล่า ผมตั้งชื่อให้เธอ ภรรยาของผมตั้งชื่ออีกตัวนึง เธอมีจินตนาการสูงกว่าผม
แกร์รี่ มาร์แชล: ฮิลารี่เลี้ยงนก
คำถาม: มิเชล ทุกๆ อย่างที่ตัวละครของคุณทำลงไปในภาพยนตร์ อะไรเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?
มิเชล ไฟเฟอร์: ขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ก็ไม่น่ากลัวหรอกเพราะฉันขี่เองจริงๆ ฉันคิดว่ามันมีหลายอย่างที่มีองค์ประกอบของความท้าทาย
คำถาม: เช่นสภาพอากาศหรอ?
มิเชล ไฟเฟอร์: สภาพอากาศก็ส่วนหนึ่ง ปาปาราซซี่ก็มากันอย่างหนาแน่นและมาอยู่ในฉากด้วย แกร์รี่ต้องคอยบอกแซ็คและฉันให้อยู่ห่างจากกำแพงตลอดเวลา
แซ็ค เอฟรอน: แต่ในแง่บวกมันก็ทำให้เราได้อิงแอบซุกกันใกล้มาก ก็ถือเป็นข้อดีนะ
มิเชล ไฟเฟอร์: ใช่ ดีจริงๆ
แซ็ค เอฟรอน: ผมรู้สึกอุ่นใจมาก
คำถาม: คุณช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยว่า การรับบทแสดงที่ไม่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษมันเป็นยังไง?
มิเชล ไฟเฟอร์: อันที่จริงฉันแสดงบทแบบนั้นเยอะมาก ฉันชอบบทแบบนั้นมากเลยนะ ฉันคิดว่านั่นแหละเป็นสิ่งที่ฉันรัก มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันรักที่สุดในการแสดงเลยที่จะสวมบทที่โดดเด่นน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉะนั้นฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันเกิดความสนใจ และได้ลองจินตนาการว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นยังไงที่ต้องอาศัยอยู่ในนิวยอร์คซิตี้ตลอดปีนี้ และไม่เคยไปที่เหล่านี้เลย นั่นแหละคือจุดที่ดึงดูดฉัน
คำถาม: อาบิเกลล คุณเคยมีการพูดคุยกับพ่อแม่ของคุณแบบที่ตัวละครของคุณคุยกับแม่ของเธอเรื่องการโอนอ่อนข้อบังคับมั้ย? หรือพ่อแม่ของคุณเป็นคนสบายๆ ที่คุณจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ?
อาบิเกล เบรสลิน: ไม่นะ พ่อแม่ฉันเป็นคนสบายๆ เขาปล่อยให้ฉันทำอะไรหลายอย่าง แต่ฉันเคยพูดขึ้นมาวันหนึ่ง ฉันไม่แน่ใจว่าแม่จะให้ไปฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าที่ไทม์สแควร์หรือเปล่า แล้วแม่ก็บอกว่า ‘เดาถูกแล้ว แม่ไม่ให้ไป’ ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดแบบนั้นขึ้นเร็วๆ นี้หรอกนะ
คำถาม: ใครเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายเป็นพิเศษในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าในชีวิตมั้ย? คืนนั้นเพียงคืนเดียวต้องมีความกดดันมากอยู่แล้ว
จอช ดูฮาเมล: ผมคิดว่าต้องคาดหวังน้อยๆ เข้าไว้
ฮิลารี่ ชแวงค์: ใช่เลย เวลาฉันเลิกหวังว่าคืนส่งท้ายปีเก่าจะสมบูรณ์แบบ รู้มั้ยเป็นการต้อนรับปีใหม่อย่างดี คือช่วงที่มันเริ่มเข้าท่า ฉันพบเสมอตอนที่เป็นเด็ก ฉันเฝ้ารอเพื่อจะไปเริ่มต้นปีใหม่ แล้วสุดท้ายก็ไปจบลงที่รถแล้วพูดว่า ‘ฮ่าๆ สวัสดีปีใหม่’ ทุกที
จอช ดูฮาเมล: ไม่ก็หลับตอน 4 ทุ่มครึ่ง
ฮิลารี่ ชแวงค์: ใช่เลย
แกร์รี่ มาร์แชล: ผมเคยจูบผู้หญิงที่ผมชอบมาก แล้วเธอก็หันไปจูบคนอื่นอีก 7 คน เลยไม่ใช่คืนที่ดีสักเท่าไหร่
ฮิลารี่ ชแวงค์: อย่างน้อยคุณก็ได้จูบแรกนะ
คำถาม: เฮ็คเตอร์ คืนส่งท้ายปีเก่าของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
เฮ็คเตอร์ เอลิซอนโด้: คาดหวังน้อยๆ? ก็ถูกนะ และผมคิดว่าการกำหนดแบบนั้นนำไปสู่จินตนาการ จินตนาการนำไปสู่การคิดสร้างสรรค์ใหม่ ฉะนั้นการมีทุกอย่างที่เราต้องการปกติแล้วมันก็ไม่ดีหรอก เพราะสิ่งที่เราต้องการมันยังไม่ดีสำหรับเราซะทีเดียว แต่ก็ไม่หรอก มันก็เป็นเรื่องดีที่ได้ตื่นมาตอนเช้าและพูดว่า ‘วันนี้มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี’ ทำไมเราถึงชอบหรอ? เพราะโลกส่วนใหญ่ไม่มีแบบนั้น ผมโชคดีมาก ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย ผมมีคืนส่งท้ายปีเก่าที่เลวร้ายครั้งหนึ่ง เพราะผมคาดหวังอะไรจากมันไงดูสิ ผมเคยเป็นนักดนตรีแจ๊ส ผมก็เล่นดนตรีกับวง 5 คน ตอนนั้นเป็นวันที่มีทั้งเทือกเขาและถ้ำก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าโลกใบนี้เป็นทรงกลม [หัวเราะ] และเราก็มีวงดนตรีแจ๊สที่รับรู้กันได้เลยว่า มีใครเคยได้ยินชื่อวง Cal Tjader บ้าง?
แกร์รี่ มาร์แชล: ใช่ สุดๆ เลย!
เฮ็คเตอร์ เอลิซอนโด้: ใช่ คุณรู้จักวง Cal Tjader ที่มีเปียโน, มีความรู้สึก, การเต้นคองก้า, เบส, ทิมเบลส์เป็นวงที่เท่ห์และเจ๋งมาก และเราก็มีการแสดงดนตรีแจ๊สกัน เทศกาลคืนส่งท้ายปีเก่ามีการแสดงดนตรีแจ๊สที่ยิ่งใหญ่ และค่าจ้างของเราคือ 50 เหรียญ เราจึงไปยังสถานที่ที่เรียกว่ากรีนวิช รัฐคอนเน็คติคัท เราแสดงดนตรีแจ๊สรอบนิวยอร์คซิตี้บริเวณรอบเมืองหลวง และผู้คนรู้วิธีการเต้น 2 คนแบบที่พูดถึงกันที่นิวยอร์ค รู้ใช่มั้ยเต้น 2 คนหมายถึงอะไร? นั่นแหละ ฉะนั้นเราเดินทางไปที่กรีนวิช รัฐคอนเน็คติคัท เราไปถึงแล้วเราก็แสดงดนตรีแจ๊ส มีการเต้นรำจังหวะแมมโบ้ด้วย มันเป็น The Trolley Song ที่มีการเรียบเรียงได้ค่อนข้างเจ๋ง และอัลเฟรดผู้เล่นเปียโนก็พูดว่า ‘พวกเขาเหมือนภาพสีน้ำมันที่จ้องมองเราเลย’ เราก็รู้ว่าเราไม่ได้อยู่ที่แคนซัส โตโต้ อีกต่อไป ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่ฮาร์เล็ม
ผมเลยพูดว่า ‘เราทำไงกันดี? ผมกำลังเล่นเพลงของเราได้ที่เลยนะ’ ไม่มีใครเต้นแท็ป ไม่มีเลย พวกเขาได้แต่จ้องมาที่เราจนกระทั่งสุดท้ายอัลเฟรดพูดว่า ‘เอาล่ะ จงเอาไม้กวาดออกมา คนเล่นทิมเบลก็เลยเอาไม้กวาดออกมา เราเริ่มเล่นเลพง Lawrence Welk ทุกคนก็เต้นรำกัน แต่สุดท้ายแล้วในช่วงเย็นตอนที่พวกเขาเล่นสนุกเกอร์กัน พวกเขาก็เข้าแถวเต้นคองก้า ซึ่งเป็นอะไรที่ล้าสมัยที่สุดแต่เป็นที่นิยม พวกเขาจะเต้นอะไรก็ได้หมด ผู้คนมักจะไม่อยู่ในความประพฤติที่ดีโดยเฉพาะช่วงปีใหม่ ซึ่งทำให้เรารู้สึกผิดหวัง
คำถาม: แกร์รี่ เราอยากถามคุณเรื่องความท้าทายในการสร้างหลากหลายเรื่องราวที่มีนักแสดงหลายคนที่มีความต้องการและตารางการทำงานที่ต่างกันหน่อย?
แกร์รี่ มาร์แชล: นี่เป็นครั้งแรกที่นักแสดงเหล่านี้มาพบกัน เพราะพวกเขาไม่ได้แสดงฉากเดียวกัน ฉะนั้นสิ่งที่น่าตกใจมากคือพวกเขาสามารถแสดงทุกอย่างได้ค่อนข้างดีอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นใครก็ตามที่มาเข้าฉากเราก็ถ่ายทำและก็ติดตามเรื่องราวของพวกเขา ผมเคยร่วมงานกับบางคนมาก่อนและบางคนก็ร่วมงานเป็นครั้งแรก เราสื่อสารและเข้ากันได้ดี ผมว่าสิ่งสำคัญที่ผมต้องทำคือการกอดพวกเขา ไม่ใช่เพราะผมมีความน่าดึงดูดมากหรอกนะ แต่พวกเขาหนาวจนแข็งต่างหาก เรากอดกันบ่อยมาก นั่นล่ะเป็นสิ่งสำคัญเลย