“มาเต้นกัน มาส่งเสียงร้องกัน!” สร้างความสนุกสนานด้วยเสียงดนตรีและการโยกย้ายใน Happy Feet 2
ในภาพยนตร์เรื่อง “Happy Feet” ภาคแรก มีการแสดงต่างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ภาคต่อก็มีนักเต้นที่เก่งที่สุดในปัจจุบันอีกครั้ง นำโดย ซาเวียน โกลเวอร์ ผู้ที่มิลเลอร์เรียกเขาว่า “นักเต้นแท็ปที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไร้ข้อกังขา” โกลเวอร์กลับมามอบลีลาการเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาให้มัมเบิล ภาพยนตร์ยังได้รับความช่วยเหลือจากผู้ออกแบบท่าเต้นอย่าง เวด ร็อบสัน ผู้มีหน้าที่สร้างฉากเปิดตัวที่อลังการซึ่งมีการผสมผสานหลากสไตล์และมีนักเต้นเป็นจำนวนมาก เดียน เพอร์รี่ ถูกขอร้องให้ใส่การเต้นแท็ปที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา — ซึ่งเป็นที่นิยมในการแสดงบนเวทีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก “Tap Dogs” ลงไปในที่เท้าของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ และเคท วอร์มอลด์ ยังคงรับหน้าที่เกี่ยวกับการแสดงหลักมากขึ้นและเป็นนักแสดงเต้นแบบโมชั่น-แคปเจอร์ในภาพยนตร์ภาคต้นฉบับ คราวนี้มีการออกแบบท่าเต้นและช่วยรวบรวมการแสดงในตอนท้าย
มิลเลอร์ยืนยันว่า “ในภาพยนตร์ภาคแรก ผมอยากให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเต้นในโรงภาพยนตร์ได้ คราวนี้ผมอยากให้ทุกคนออกจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับอารมณ์ที่เข้มข้นว่าการเต้นนั้นคืออะไร — แท้ที่จริงแล้วการมีสมาคมต่อกันมีความสำคัญเช่นไรต่อคนอื่นๆ เพื่อนๆ ครอบครัว ขยายไปจนถึงสังคมของเรา เมื่อเรื่องราวค่อยๆ คลี่คลาย ไอเดียของความต้องการที่เป็นหนึ่งเดียวกันชัดเจนมากและแสดงออกมาด้วยรูปแบบที่น่าตื่นเต้นมากในท้ายที่สุด”
ไม่ได้มีแค่ศิลปะแห่งการสร้างภาพเคลื่อนไหวที่มีความก้าวหน้าเท่านั้น แต่ผู้ชมยังมีความรู้เรื่องการเต้นจากรายการทีวีที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งมีการให้ความสนใจเรื่องการแข่งเต้นทั่วไป จอร์จ มิลเลอร์ กล่าวว่า “เพราะรายการต่างๆ ในขณะนี้ ผู้ชมจึงมีความรู้เกี่ยวกับการเต้นและสไตล์ต่างๆ รวมถึงสไตล์ที่มีการผสมผสานกัน นั่นคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นในผลงานของเรา มันไม่ใช่แค่การเต้นแบบสไตล์เก่าๆ ฉากน่ารักแบบพื้นๆ ที่มีเพนกวินมาเต้น ผมคิดว่าผู้ชมไม่ประทับใจกับฉากแบบนั้นอีกต่อไป เราต้องมีการผลักดันและยกระดับมันขึ้น”
สำหรับเรื่องฉากเปิดตัว ผู้ออกแบบท่าเต้น เวด ร็อบสัน ร่วมงานกับผู้สร้างแอนิเมชั่นเพื่อสร้างความมั่นใจว่าการเคลื่อนไหวแบบมืออาชีพของเขาจะไม่มีการหล่นหายในช่วงการแปลงภาพ ร็อบสันอธิบายว่า “เพนกวินไม่ได้มีขาสั้นเท่านั้น พวกมันยังไม่มีไหลและท่าเต้นของผมต้องใช้ไหล่เยอะ เพื่อคงความไม่เชื่อในสิ่งที่สงสัย เรายกแขนขึ้นเพียงเล็กน้อยเวลาที่มันต้อยกไหล่ขึ้น เราย้อนกลับไปมาอยู่พักหนึ่งกับผู้สร้างอนิเมชั่น มีการพัฒนากลไกของรอกชุดใหม่สำหรับเพนกวินที่มีการเต้นแบบนี้ที่มีรากฐานมาจากฮิป-ฮอป มันมีจังหวะของเสียง มีความโดดเด่น สนุกสนาน เท่ห์และราบรื่น—เป็นอะไรที่หลอมอยู่ในตัวเจมส์ บราวน์”
ผู้ออกแบบท่าเต้น เคท วอร์มอลด์ ยกตัวอย่างให้ฟังว่า “ฉากการเต้นเปิดตัวมีความ “ทันสมัย” มาก เราตอบทุกเพลงที่เลือกมาได้ พวกเราพยายาม ‘เขย่าให้ได้จังหวะ’ ให้มากเท่าที่เราจะทำได้ ฉากต่อมาที่ดินแดนอะเดเลียก็ยิ่งมีการเต้นของตัวละครให้เห็นมากขึ้น จากนั้นฉากสุดท้ายก็มีการเต้นแท็ปกันอย่างล้นหลาม ตัวละครเกือบทุกตัวมาเต้นร่วมกัน—มีองค์ประกอบของการกระทืบเท้าเต้นแท็ปอย่างหนักแน่นและมั่นใจในฉาก”
ฉากสุดท้ายอันยิ่งใหญ่มีการเคลื่อนไหวมากกว่าการใช้เท้า “ครั้งแรกที่เราใส่เข้าไปในบท เราก็เป็นกังวลอยู่นิดๆ ว่าจะสร้างขึ้นมาไม่ได้” มิลเลอร์กล่าว “ฉากมีการเคลื่อนไหว…น้ำแข็งกำลังเคลื่อนที่…หิมะกำลังตก ตัวละครต่างๆ ก็กำลังมีการเคลื่อนไหว มันมีการเปลี่ยนแปงเยอะมาก แถมเรายังมีขนาดของตัวละครที่แตกต่างกันตั้งแต่ตัวละครขนาดจิ๋วไปจนถึงตัวละครขนาดใหญ่มหึมา เราสร้างโอกาสในการทำสิ่งที่พิเศษมากขึ้นมาด้วยตัวเอง และผมตื่นเต้นว่ามันจะมารวมอยู่ด้วยกันอย่างไร” ผู้กำกับยิ้ม
และตัวละครนับพันๆ ตัวเต้นทำไม? ผู้อำนวยการสร้างบิล มิลเลอร์ เล่าว่า “ตอนที่ต้องเลือกเพลงสำหรับภาพยนตร์ เราคิดถึงทางเลือกหลายอย่าง เรามองหาเพลงที่จะเป็นตัวเดินเรื่องได้ พวกเราลงเอยด้วยการผสมผสานหลายแนวที่ต่างกัน ตั้งแต่เพลงโอเปร่าไปยังเพลงช้า แร็ปและ R&B ที่คลาสสิค ซึ่งในเพลงทั้งหมดเราสามารถ่ายทอดเรื่องราวโดยการใช้องค์ประกอบของเพลงพวกนี้ได้”
จอร์จ มิลเลอร์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับเรื่องดนตรี ตามหลักของภาพยนตร์แล้วต้องใช้เพลงคลาสสิค มีสไตล์ที่คลาสสิคและแปลงเพลงสู่รูปแบบเพลงร่วมสมัย จริงๆ แล้วทุกคนสร้างผลงานที่มีการผสมผสานสไตล์ เรามีการร้องเพลงโอเปร่า แร็ปและจังหวะฮิป-ฮอป เพลงแดนซ์ เพลงป๊อปร่วมสมัย ทุกอย่างรวมไว้ด้วยกันหมด”
นักประพันธ์ดนตรียกตัวอย่างการทำงานว่า “เราเข้าใจเพลงเพราะเราได้ยินเพลงมาหลายต่อหลายครั้ง มันโลดแล่นอยู่ในหูของเราในรูปแบบเดิม ลักษณะเดิมครั้งแล้วครั้งเล่ามาตลอดชีวิตของเรา เพราะฉะนั้นเราจึงเข้าใจดีว่ามันต้องมีความรู้สึกแบบไหน และหากเราทำอะไรที่ประหลาดลงไปกับเพลง มันจะรู้สึกว่าไม่ใช่และทุกคนก็รู้ด้วย ฉะนั้นเราต้องระมัดระวังกับวิธีดูแลเพลงที่เป็นที่รู้จักของเรา บางครั้งผมลองเสี่ยงกับบทเพลงด้วยการลองประพันธ์เพลงให้เหมาะกับจอร์จและภาพยนตร์ แต่ในท้ายที่สุดเราก็ต้องพยายามใส่ใจบทเพลงเสมอ และการค้นพบเพลงที่เราสามารถพลิกรูปแบบได้ค่อนข้างเป็นสิ่งที่เราต้องการเลย”
ผู้ออกแบบท่าเต้น ร็อบสัน อธิบายว่า “เราอยากเปิดฉากด้วยการฉลองความเป็นเอกภาพและแนะนำตัวละครอีกครั้งท่ามกลางงานเฉลิมฉลอการเต้นและเสียงต้นตรีที่เอิกเกริก ซึ่งต้องขอบคุณมัมเบิลที่กลายเป็นสีสันให้พวกเขา”
ฉากเปิดตัวรวมถึงความสนุกสนานแห่ง “Rhythm Nation” ด้วยเพลง “Shake Your Body (Down to the Ground)”, “Mama Said Knock You Out,” “SexyBack,” “Ain’t Nobody (Does It Better)” และ “Do Your Thing” ดนตรีอื่นๆ ที่มีความโดดเด่นที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดสุดล้ำค่าของมิลเลอร์และโพเวลคือท่วงทำนองของการแสดงหลายชุดแห่งยุค 80, ทำนองร็อค, ทำนองการเต้นและเพลงธีมคลาสสิคของทีวีซีรี่ส์ตะวันตก “Rawhide” และทำนองเศร้าที่อ้างอิง “E Lucevan Le Stelle” จาก Puccini’s opera Tosca
"Happy Feet 2 - แฮปปี้ ฟีต 2 "
8 ธันวาคมนี้ ในรูปแบบ 3 มิติและ 2 มิติในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
http://www.happyfeet2-thai.com/