บทสัมภาษณ์ "เปรี้ยว AF 2 จาก อีนางเอ๊ย..เขยฝรั่ง"
“ถ้าหนุ่มอีสานยังสำมะเลเทเมา เจ้าชู้ดีนัก..... “อีนางเอ๊ย” ก็จะขอปันใจไปหา “เขยฝรั่ง” แทนละกัน” “เปรี้ยว ซ่าส์ แก่น ซน”.... แบบฉบับของสาวอีสานยุคใหม่ ...................ในสไตล์ของ “เปรี้ยวAF 2 - อนุสรา วันทองทักษ์”
Q. ก่อนอื่นอัพเดทชีวิตให้ฟังหน่อยว่า หลังจากออกจากบ้าน AF มาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
P. หลังจากที่ออกมาจากบ้าน AF เปรี้ยวก็ได้มีโอกาส ได้ทำอัลบั้มกับเพื่อนๆ AF รุ่น 2 อัลบั้มปฎิบัติการเร่ขายฝัน หลังจากนั้นก็ได้แยกตัวออกมาทำอัลบั้ม Power pop girl ก็มี เปรี้ยว พัดชา พี่ลูกตาล หลังจากนั้นก็ได้มีทำอัลบั้มกับเพื่อนรุ่นอื่นๆ ด้วย และล่าสุดก็จะเป็นอัลบั้มเดี่ยวค่ะ เปรี้ยว เดซี่ เดซี่ และล่าสุดนะค่ะ ก็จะเป็น ซิงเกิ้ลล่าสุด เพลงแอ๊ปแมน แล้วก็มีโอกาสได้มาเล่นละคร ก็มีเรื่อง สายลมสามเรา, เพื่อนรักนักล่าฝัน, ตามรอยพ่อ ฯลฯ แล้วก็ได้มาเล่น ภาพยนต์เรื่อง อีนางเอ๊ย.. เขยฝรั่ง เป็นหนังเรื่องแรกของเปรี้ยวค่ะ และหลังจากนั้นเปรี้ยวก็ได้มีโอกาสทำงานบันเทิงอีกหลายด้านค่ะ เป็นพิธีกรก็จะมีหลายรายการของช่อง True vision ล่าสุดก็จะเป็นรายการเปรี้ยวเที่ยวตลาดค่ะ ช่อง 65 วันอาทิตย์เวลาบ่าย 3 โมงก็จะเป็นรายการของเปรี้ยวเอง จะเป็นรายการที่จะพาเพื่อนๆ เหล่า AF ไปเที่ยวตลาด ไป Shopping ไปต่อราคาแบบสุดโหดเลย ก็เป็นเปรี้ยวที่จะอาสาพาเพื่อนๆ ไป และหลังจากที่เปรี้ยวได้เข้าบ้าน AF เปรี้ยวก็ได้ทำงานหลายๆ อย่าง และออกจากบ้าน AF ก็ได้ทำงานหลายๆ ด้านในวงการบันเทิง 7 วัน ก็ต้องมีการแบ่งแยกเวลาให้ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน ทำงาน และพักผ่อน อย่างเรื่องเรียน เปรี้ยวก็จะเอาคิวไปให้ทางบริษัท ส่วนเวลาที่เหลือก็จะเป็นคิวงาน
Q. ใน 7 วันที่เคยหนักๆ สุดนี่ขนาดไหน
P. ก็เคยทำงานทุกวันเลย วันหนึ่งก็แบบ 4 งาน วิ่งกันมันเลยค่ะ ช่วงนั้นก็จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้ความสนุกสนานด้วยเพราะไปกับเพื่อนๆ
Q. ทราบมาว่า 1 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่โหดสำหรับเปรี้ยวเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นงานเพลง, พิธีกรและงานภาพยนตร์
P. ค่ะ สำหรับปีที่ผ่านมา เป็นปีที่เปรี้ยวได้ทำงานหลากหลายมากๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นด้านนักร้อง ต้องมีการเตรียมตัวที่จะทำก็คืออัลบั้มนะค่ะ ก็จะปล่อยมา 3 ซิงเกิ้ล ช่วงแรกจะหนักหน่อยเพราะว่าต้องมีการ ซ้อมเต้น ซ้อมร้อง ไปอัดเสียงกัน ก็จะใช้เวลาในการทำงานนานอยู่เหมือนกัน เลยเป็นช่วงเวลาที่ทำงานหนัก และก็ต้องเตรียมตัวที่จะต้องทำรายการของตัวเองด้วย คือ รายการ เปรี้ยวเที่ยวตลาด จะเป็นอะไรที่หนักเหมือนกัน อย่างวันหนึ่งก็ถ่าย 2 เทป ไปเที่ยวตลาดเยอะมาก ใช้พลังงานก็เยอะด้วย ก็จะได้เจอคนหลากหลายมาก และเราก็ต้องหาข้อมูลเพื่อไปคุยกะทีมงาน ก็เหมือนว่าเราได้ร่วมมือกับทีมงานในการทำรายการด้วย และล่าสุดก็ต้องแบ่งเวลาในการถ่ายหนังเรื่อง อีนางเอ๊ยด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปถ่ายทำกันที่ ร้อยเอ็ด การเดินทางบางทีก็นั่งเครื่องไป แต่ส่วนใหญ่จะนั่งรถตู้ไปพร้อมกับทีมงานก็สนุกมากค่ะ ส่วนใหญ่เราก็ไปตอนเย็น นั่งไปก็ประมาณ 6 ชั่วโมง แวะโน้นแวะนี่ แต่ก็เดินทางด้วยความปลอดภัย ก็พักที่โรงแรมสักคืนหนึ่งแล้วก็ค่อยออกไปถ่ายทำที่ อำเภอ ธวัชบุรี จังหวัด ร้อยเอ็ด เราก็ต้องทุ่มเทให้กับหนังเพื่อที่จะได้ทำออกมาให้เต็มที่ แต่มันก็เป็นอะไรที่เรารักและเราชอบมันก็เลยสนุกไปด้วย
Q. อย่างนี้ต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าใน “อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง” รับบทเป็นใคร คาแรคเตอร์เป็นอย่างไร
P. สวัสดีค่ะ เปรี้ยว AF 2 อนุสรา วันทองทักษ์ค่ะ ในภาพยนตร์เรื่อง “อีนางเอ้ย...เขยฝรั่ง” รับบทเป็น แววดาว ค่ะ คาแรคเตอร์ของแววดาวในเรื่อง จะเป็นเด็กผู้หญิงอีสานรุ่นใหม่ที่มีนิสัยแก่นซน น่ารักๆ เป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ เป็นเด็กฉลาดมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ รักหมู่บ้าน แล้วก็ความเป็นอีสานของตัวเอง ส่วนในเรื่องเขยฝรั่ง ตัวแววดาวจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่แม่มะลิ (ปริศนา วงศ์ศิริ) ก็จะเห็นด้วยกับการมีเขยฝรั่ง แล้วก็เป็นคนที่รักในความถูกต้อง อย่างตัวมาร์คพระเอก (รับบทโดยรอน AF 5) ที่มาจีบเรา มาชอบเรา ซึ่งลึกๆ เราก็มีใจอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่มาร์คเขาจะเป็นหนุ่มที่ไม่ค่อยเอาไหน แล้วก็ยังเรียนไม่จบรามฯ อยากให้เขาเรียนจบก่อน ก็เริ่มมีความรู้สึกว่า ถ้าเขายังไม่ผันตัวเองไปในทางที่ดี หรือเป็นคนดีรีบเรียนจบสักที เราก็อาจจะปันใจไปหาเขยฝรั่งก็ได้ ด้วยความที่แววดาวเป็นสาวอีสานรุ่นใหม่เป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษมาก สามารถเป็นติวเตอร์ให้กับมาร์คในการจะไปสอบให้จบปริญญา แต่ว่าแววดาวก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน เป็นคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็เลยโดนมาร์คแกล้ง จะมีอยู่ฉากหนึ่งยังไงก็ให้ติดตามละกัน
Q. เห็นบอกว่า “อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง” เป็นหนังรักโรแมนติคคอมิดี้ ก็ต้องมีพูดถึงความสัมพันธ์ของตัวพระเอกนางเอกคู่พระคู่นางด้วย
P. ค่ะ ก็ในหนังเราจะเห็นความสนิทสนม ความรักความความสัมพันธ์ระหว่างมาร์คกับแววดาว ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นหนุ่มสาวอีสานที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ด้วยความที่แววดาวเป็นเด็กนิสัยแก่นๆ ซนๆ แล้วก็เป็นคนทันคน ใครด่ามาก็ด่ากลับทันที แต่แววดาวจะแอบมีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัว เช่นเวลาเจอมาร์ค เวลาเขาบอกรักมา เราก็มีเขินอายบ้าง แต่ตอนที่เจอมาร์คครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอกันนานมากเพราะเขาไปเรียนราม 6 ปี เขากลับมาเห็นแล้วก็ปลื้มเลย เพราะว่าแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก พอมาร์คมาเจอแววดาวเขาก็แซวเรา ก็เลยด่ากลับทันทีด้วยความที่ปากไวแล้วก็มีท่าทีทันที
Q. ฟังๆ ดูแล้วเป็นบทที่สนุกๆ และดูมีสีสัน ตอนเห็นบทครั้งแรกรู้สึกอย่างไร
P. ตั้งแต่อ่านบทครั้งแรก เรารู้สึกตื่นเต้นนะที่จะได้เจอกับแววดาว รู้สึกว่าบทนี้เป็นบทที่น่ารักแล้วก็ไม่น่าจะยากเพราะนิสัยคล้ายกับตัวของเปรี้ยวเอง เป็นคนที่ร่าเริงสดใส เปรี้ยว แก่น ซ่า กวน ซึ่งก็ล้วนมีอยู่ในตัวแววดาว หลังจากที่อ่านแล้วรู้สึกชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสน่ห์ของคาแรคเตอร์แววดาวอยู่ที่ในตัวละครตัวนี้จะเป็นตัวละครที่มีความหลากหลายอยู่ในตัวเอง ไม่ใช่แค่แก่นซนซ่าสดใสร่าเริงเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่เขายังเป็นคนที่มีความรู้มีความเป็นผู้ใหญ่และยังเป็นติวเตอร์ให้กับมาร์ค รวมไปถึงเป็นแรงบันดาลใจให้มาร์คที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ให้ตัวเองเรียนให้จบและมีหน้าที่การงานเป็นของตัวเอง เป็นตัวละครที่มีพัฒนาการ ตั้งแต่เป็นเด็ก และเติบโตมีความคิดเป็นนผู้ใหญ่เป็นสเต็ปๆ พัฒนาการของแววดาวที่เปรี้ยวรู้สึกประทับใจ การที่เราได้รับบทนี้ก็เหมือนกับว่าเราได้ย้อนวัยเด็กของเราด้วย คือตอนเด็กๆ เราก็เป็นเด็กอีสานเหมือนกัน ไปไถนา ไปเกี่ยวข้าว มันก็เหมือนกับว่าได้ย้อนวัยอดีตตอนเด็กๆของเรา ที่ก็มีคนมาชอบคล้ายๆ กับที่มาร์คมาจีบแววดาว คือไปๆ มาๆ รู้สึกว่าการเติบโตของเปรี้ยวกับแววดาวค่อนข้างคล้ายคลึงกันมาก นอกจากนี้ก็มีซีนที่เป็นดราม่าด้วย ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีซีนร้องไห้ แอบหวานกุ๊กกิ๊กน่ารักด้วย หรือแม้แต่แอ็คชั่นก็มี จริงๆคนดูอาจจะคิดว่าเปรี้ยวเคยขี่ควายมาก่อน แต่จริงๆ ไม่เคยเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้เปรี้ยวได้ขี่ควายเป็นครั้งแรก แล้วก็รู้สึกสนุกมากเกือบมีแอ็คชั่นเกือบตกควายจริงๆ ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่ได้เล่นบทนี้ง
Q. พลิกบทบาทจากที่ต้องจับไมค์ร้องเพลงมาเล่นหนังเป็นครั้งแรก แตกต่างอย่างไรบ้าง
P. หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรก ก็รู้สึกดีใจมาก แล้วเป็นบทบาทใหม่ที่ได้รับก็รู้สึกดีใจอีกเช่นกัน เพราะว่าเรื่องการแสดงจริงๆ เปรี้ยวก็ยังไม่ได้เก่งอะไรมาก ช่วงแรกก็ตื่นเต้นว่าจะเล่นยังไง หนังจะเหมือนละครหรือเปล่า พอได้มาเล่นแล้วก็ได้พี่ๆ ทีมงานพี่ๆ นักแสดงที่มีฝีมือที่เป็นมืออาชีพมากๆ เขาก็ให้คำแนะนำและสิ่งดีๆ ที่เขามีให้เปรี้ยว มันทำให้เราไม่เกร็ง แล้วตัวน้องรอนก็รู้จักกันมาอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการทำงานก็เลยไม่ตื่นเต้นมาก ทำให้ลื่นไหลต่อการแสดงมากขึ้น แล้วตัวแววดาวเป็นบทที่นิสัยใกล้เคียงกับเปรี้ยวด้วยมันก็เลยรู้สึกว่าไม่ยากมาก กลับกัน สำหรับเปรี้ยวแล้วบทนี้รู้สึกว่ามันสนุกมากกว่า ได้ไปถ่ายที่ต่างจังหวัดเกือบ 90% คือ ถ่ายที่ร้อยเอ็ด ด้วยบรรยากาศแล้วคือชิลชิลมากๆ คือตอนที่เราไปถ่ายหนังเรื่องอีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง จะมีหลายฤดูมาก ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูเกี่ยวข้าว แล้วข้าวกำลังตั้งท้อง บรรยากาศกำลังได้มาก พวกพี่ๆ ทีมงานก็บอก อยากมาอยู่ที่นี่มาก ด้วยบรรยากาศที่คุ้นเคยทำให้ง่ายต่อการทำงานมาก มันเหมือนกับไปเข้าค่ายไม่เหมือนกับไปทำงาน
Q. ทราบมาว่าก่อนถ่ายทำมีการต้องเรียนเวิร์คช็อปด้วย
P. ก่อนที่จะถ่ายทำจริงๆ ต้องมีการเวิร์คชอปก่อน เพราะยังไม่ได้เจอกับทีมงาน คือต้องมาเตรียมตัวก่อน อันดับแรกคือ แอ็คติ้ง เปรี้ยวกับน้องรอนก็ต้องไปเรียนแอ็คติ้งกับพี่เต้ย แต่ด้วยความที่เราผ่านการเรียนแอ็คติ้งตอนอยู่ในบ้าน AF มาแล้ว มีพื้นฐานเล็กน้อยพอเข้ากันได้ และอีกอย่างหนังเรื่องนี้จะต้องพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง คือน้องรอนต้องเตรียมตัวเยอะที่สุด จริงๆ แล้วภาษาอีสานเปรี้ยวพูดได้อยู่แล้ว แต่น้องรอนพูดไม่ค่อยได้ เพราะส่วนใหญ่เขาจะได้รับบทเป็นคนกรุงเทพ แล้วก็ละครก็เป็นคนสุพรรณ พอต้องมาพูดภาษาอีสานก็เลยต้องสอนน้องรอนด้วย เราก็จะสอนสำเนียงเขาว่ามันยังไงแล้วก็ช่วยติวเตอร์น้องด้วยและอีกอย่างก่อนไปถ่ายก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องขี่ควายด้วย ก่อนถ่ายก็ต้องซ้อมขี่ควายจริงๆ ไม่ได้ขี่ง่ายๆ น้องควายชื่อ น้องด่อน น้องด่อนตัวอ้วนมากแล้วขึ้นยาก น้องรอนขึ้นก่อน เปรี้ยวเด็กอีสานตัวจริงไม่เคยขี่ควายมาก่อนต้องจับมือแล้วก็ดึงขึ้นด้วยความยากลำบากเหมือนกัน พอขึ้นไปแล้วน้องควายจะโยกเยกบางครั้งก็กินแต่หญ้าไม่เชื่อฟังก็ต้องตบๆ ให้เข้ามาในฉาก ก็จะเป็นความยาก ก่อนไปถ่ายจริงก็ต้องมีการเตรียมตัวก่อน