MTS ฟันธง! ทองคำยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่
ค่าย MTS Gold แม่ทองสุก เผยราคาทองคำยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่ แม้ว่าที่สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำจะทำ New High มาโดยตลอด เกิดปรากฎการณ์การแกว่งของราคาทองคำอย่างมาก ในตลาดโลกเรียกว่าสร้างความผันผวนอย่างมากต่อราคาทองคำแท่ง และราคา Gold Future ระบุชัดหากเกิดภาวะฟองสบู่ทองคำ ต้องมี 2 ปัจจัยหลัก ประการแรกเป็นการซื้อขายทองคำโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และเป็นการขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงแบบการสร้างราคา และเวลาตกก็ตกอย่างรุนแรง โดยไม่มีผู้มารับซื้อ ซึ่งขณะนี้สรุปได้ว่าทั้ง 2 ประเด็น ยังไม่เข้าข่ายสู่ภาวะฟองสบู่ทองคำ
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสว่า หลังจากที่ทองคำทำ New High มาโดยตลอด ราคาทองคำจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แตกเหมือนราคาน้ำมันเมื่อปี 2008 หรือไม่ ทั้งนี้ไม่คิดว่าเป็นภาวะฟองสบู่ของราคาทองคำ ถึงแม้ว่าจะเกิดปรากฎการณ์การแกว่งของราคาทองคำอย่างมาก ในตลาดโลกเรียกว่าสร้างความผันผวนอย่างมากต่อราคาทองคำแท่ง และราคา Gold Future ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนที่เฝ้าติดตามราคาทองคำจะเห็นถึงการแกว่งขึ้นลงของราคาทองคำในช่วงตลาดเอเชียอย่างมาก รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนของบ้านเรา จึงทำให้สมาคมค้าทองคำต้องปรับราคาขึ้นลงหลายครั้งสร้างความโกลาหลอย่างมาก
ด้านนักลงทุนเองในฝั่งทองคำแท่ง ก็มีการเข้าช้อนซื้อและเทขายทำกำไรสลับกันโดยตลอด รวมไปถึงตลาด Gold Future เองก็มีการแกว่งตัวไม่แพ้กัน ปริมาณการซื้อขาย Gold Future 50 บาทอยู่ที่ 7,306 คู่สัญญา ส่วน Gold Future 10 บาทอยู่ที่ 3,681 คู่สัญญา ซึ่งจะเห็นได้ว่านักลงทุนเริ่มหันมาลงทุนในตลาด Gold Future อย่างหนาแน่นมูลค่าการการซื้อขายโดยรวมสูงขึ้นจนถึง 8,000 กว่าล้านบาท ในวันศุกร์เรียกว่าเป็นวันศุกร์ที่ราคาทองคำแกว่งทั้งในตลาดเอเชียและในตลาดลอนดอนรวมถึง Comex เองก็มีการแกว่งตัวอย่างมากเช่นเดียวกัน และในท้ายที่สุดก็มีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่องกดดันให้ราคาทองคำปิดตลาด Comex ร่วงลงไปอย่างมากถึงเกือบ 40 เหรียญ/ออนซ์ มาปิดที่ระดับ 1365 เหรียญต่อออนซ์ และกดดันให้ราคาทองคำแท่งของไทยในตลาดวันเสาร์ปรับตัวลงลง 200 บาทต่อบาททองคำ
“ภาวะฟองสบู่ จะต้องประกอบด้วยมี 2 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.เป็นการซื้อขายทองคำ โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ 2.เป็นการขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงแบบการสร้างราคา และเวลาตกก็ตกอย่างรุนแรง โดยไม่มีผู้มารับซื้อเท่าไรนัก จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ประเด็น ทองคำไม่เข้าข่ายในเหตุการณ์ข้างต้นเลย ผมจึงยืนยันว่าทองคำยังไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ โดยทางกลับกันการที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างฐานของราคาให้มั่นคงแข็งแรงก่อนที่จะขึ้นต่อไปในปลายปีอีกครั้ง” นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ดีในภาวะปัจจัยพื้นฐานเองจะเห็นได้ว่า เหตุผลแรก ราคาทองคำยังมีเหตุผลรองรับการขึ้นในครั้งนี้อยู่มากมายอันได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไม่ฟื้นตัว จึงจำเป็นต้องใช้มาตราการ QE2 เข้ามาอัดฉีดในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ประการที่สอง การอ่อนค่าของค่าเงินดอลล่าร์ เห็นได้ว่า US Dollars Index ยังทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ประการที่สาม ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยของ Fed Rate ยังคงทรงในอัตราที่ต่ำต่อไป อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเข้ามาจากประเทศจีน จนกดดันทำให้จีนปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อต้านทานภาวะเงินเฟ้อ จะเห็นได้ว่าปัจจัยข้างต้นคือตัวที่จะยืนยันทางด้านพื้นฐานในการขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ ในขณะที่ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นการพักตัวของราคาเป็นช่วงๆ ซึ่งไม่ใช่การปรับตัวขึ้นพรวดพราดทันทีทันใด
ถ้ากลับไปศึกษาจะเห็นว่า เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นทุก 30 – 50 เหรียญ จะมีการปรับฐานตลอดและจะมีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาในตลาดเช่นเดียวกัน เหมือนภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะเห็นว่าในวันศุกร์ช่วงเวลาของตลาดเอเชียนายโอบามาได้ออกมากล่าว Speech เพื่อยืนยันว่านโยบาย QE2 ที่ทำนั้นมีความถูกต้องและจะไม่ทำให้ระบบเศรษฐกิจแย่ลง ซึ่งข่าวนี้กดดันทำให้ราคาทองคำในช่วงนั้น ปรับตัวร่วงลงมาอย่างมาก และเหตุผลที่ 4 คือการที่ตัวเลข CPI ของจีนปรับตัวขึ้นกว่าที่คาดการณ์อย่างมากจนทำให้จีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยกะทันหัน ซึ่งทำให้เกิดแรงเทขายในสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกตัว จะเห็นว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันก็ปรับตัวลง ทองคำ โลหะ เงิน เหล็ก ทองแดง ก็ได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้า
นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการวิเคราะห์แล้วมองว่าเป็นการปรับฐานที่ดีของสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมด เพื่อรองรับความผันผวนของตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี เรียกได้ว่าเป็นการปรับสมดุลของสินค้าโภคภัณฑ์กับอัตราแลกเปลี่ยนและจะเห็นได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนทั้ง EURO และ Japanese Yen หรือ ค่าเงินอื่นๆก็มีการปรับฐานเข้าสู่ภาวะสมดุลเช่นเดียวกัน ค่าเงินบาทเองก็มีการปรับตัวอ่อนลงหลังจากที่แข็งค่ามานาน ทั้งหมดนี้เป็นภาพใหญ่ๆของภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการปรับสมดุลตลอดเวลา จะเห็นว่าภาพรวมก็ยังเป็นสภาวะของการกดดันในภาคเศรษฐกิจขาลงต่อเนื่องเช่นเดิม ซึ่งจะมีผลบวกต่อปัจจัยราคาทองคำในระยะยาว
บทวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำเปิดตลาดวันจันทร์ที่ระดับ 1371 USD/Oz ปรับตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 1376 USD/Oz และถูกแรงเทขายกลับมาอยู่ที่ 1367 USD/Oz เรียกว่าทองคำอยู่ในภาวะปรับฐานทำกำไร และมองว่าการล่วงลงเป็นเพียงแค่การปรับฐาน แนวรับสำคัญบนเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน อยู่ที่ระดับ 1369 USD/Oz และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน อยู่ที่ระดับ 1355 USD/Oz ซึ่งคิดว่าน่าจะรับอยู่ และเป็นแนวรับสำคัญ ซึ่งค่าเงิน Euro เองมีลักษณะทรงตัวบริเวณแนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 30 วันเช่นกัน นักลงทุนทองคำแท่งมีแนวรับที่ระดับ 1350 USD หรือ 19300 บาท นักลงทุน Gold Future ใน Series Z เองแนวรับอยู่ที่ระดับ 19450 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19650 บาท
นักลงทุนจะต้องใช้กลยุทธ์การลงทุนอย่างมีแผนโดยในช่วงนี้ให้ซื้อที่แนวรับและทำกำไรในสิ้นปี เพราะในช่วงสิ้นปีหรือต้นปีหน้าทองคำนั้นมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น แนะนำใช้กลยุทธ์ทำกำไรเป็นรอบ รอบนี้แนวรับไม่น่าต่ำกว่า 1320 USD/Oz ซึ่งถือเป็นรับที่สำคัญมาก ขอให้นักลงทุนใช้เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้ Technical Analysis และ Stop Loss ควบคู่กันไป ทั้งนี้สำหรับลูกค้าทุกท่านที่สนใจเนื้อหาการลงทุน สามารถเข้าชมได้ที่ MTS Academy หรือติดต่อได้ที่ Call Center 02-222-5959