YAHOO on October 01, 2010, 08:18:03 AM
KTAMจ่ายปันผลKTTN-TOF กรุงไทยทรีนิตี้รับ1.25บาทต่อหน่วย

            นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย  จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท  มีมติให้จ่ายเงินปันผล  2  กองทุน  ได้แก่  กองทุนเปิดกรุงไทย - ทรีนิตี้ปันผล  ( KTTN)    และกองทุนเปิดไทยสร้างโอกาส ( TOF)   ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด  ณ วันที่ 30 กันยายน  2553   จะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 11 ตุลาคม 2553   และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15  ตุลาคม 2553

        กองทุน KTTN    จ่ายเงินปันผลในอัตรา1.25 บาทต่อหน่วย   เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี  จำนวนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์    ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้   ตามที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด

                ผลประกอบการของกองทุนซึ่งคำนวณตามมาตรฐาน AIMC    สิ้นสุด  ณ วันที่ 30    กันยายน 2553  ย้อนหลัง 3 เดือน   อยู่ที่ 24.43 %   เทียบกับ  Benchmark  คือ  SET  Index   ซึ่งอยู่ที่  22.32   %  ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่   28.46%   เทียบกับ  SET Index    ซึ่งอยู่ที่ 23.64%   ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่   42.10 %   เทียบกับ SET   Index ซึ่งอยู่ที่  36.01 %     YTD   อยู่ที่ 36.55 %   เทียบกับ  SET  Index  ซึ่งอยู่ที่ 32.78 %
นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า   กองทุน KTTN มีการบริหารกองทุนแบบ Active Management มีการปรับพอร์ตการลงทุนสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา มีการปรับน้ำหนักการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรม มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ลงทุน (Fundamental Analysis) และมีการกำหนดจังหวะในการลงทุน (Market Timing) ให้สอดคล้องกับแนวโน้มภาวะตลาดเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี
 
นอกจากนี้ กองทุนเปิดไทยสร้างโอกาส (TOF )   จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.50 บาท ต่อหน่วย  ซึ่งก่อนหน้านี้ ในปี 2553  กองทุน TOF ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน1.50 บาทต่อหน่วย  ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นนักลงทุนสถาบัน  มีนโยบายลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย   เน้นหลักทรัพย์ที่จะเข้าจดทะเบียนใหม่ (IPO)   และที่มีแผนจะนำเข้าจดทะเบียน ( Pre-IPO)  ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี   และมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคต  ที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้  โดยสัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน ตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ

               สำหรับแนวโน้มการลงทุนเดือน ตุลาคม 2553 – ธันวาคม 2554 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะมีการผันผวนอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไหวประมาณ 940 – 1020 จุด (PE 12-13 เท่า) จากการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ ประกอบกับเม็ดเงินใหม่จากนักลงทุนในการซื้อกองทุน LTF และ RMF อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ อัตราดอกเบี้ย ทิศทางค่าเงินบาท มาตรการต่างๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาเพื่อใช้ในการชะลอการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน ส่วนปัจจัยต่างประเทศได้แก่ ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐ และยุโรป การที่เฟดออกมาส่งสัญญาณเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจสหรัฐมีการชะลอตัวมากขึ้น การแก้ไขปัญหาหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป

สำหรับในปี 2554 KTAM คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1015 – 1200 จุด (เทียบเท่า PER ในปี 2554 ที่ระดับ 11 - 13 เท่า)
« Last Edit: October 09, 2010, 01:19:22 PM by YAHOO »