เดลล์ เปิดมิติแห่งการเรียนรู้จากห้องเรียนสู่โลกกว้าง เสริมศักยภาพการศึกษารูปแบบใหม่สำหรับเยาวชนในยุคแห่งการเชื่อมต่อ
เดลล์เปิดตัวโซลูชัน Connected Classroom ในประเทศไทย พร้อมนำเสนอเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับครูและอาจารย์
ในการมอบทักษะให้แก่นักเรียนในยุคศตวรรษที่ 21 ให้สามารถยืนหยัดได้ในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่
เดลล์เปิดตัวโซลูชัน Connected Classroom ครั้งแรกในประเทศไทย ที่เชื่อมโยงความทันสมัยทั้งในด้านเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ บริการ ซอฟต์แวร์ และการฝึกอบรม เพื่อเสริมสร้างรูปแบบการเรียนรู้ในยุคดิจิตอลให้กลายเป็นจริง ด้วยการนำเสนอเครื่องมือที่จำเป็นให้แก่ครูและอาจารย์เพื่อถ่ายทอดทักษะที่เหมาะสมกับยุคศตวรรษที่ 21 ให้แก่นักเรียน เพื่อให้พร้อมยืนหยัดในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างดี โดย Connected Classroom นั้นถือเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีด้านการศึกษาจากเดลล์ ที่มุ่งเน้นพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับประถมและมัธยม และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างที่สำคัญดังคำมั่นที่เดลล์ได้ประกาศไว้สำหรับการศึกษาในประเทศไทย ต่อเนื่องมาจากการเปิดตัว Latitude 2100 และ 2110 เมื่อช่วงปีที่แล้วและต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเน็ตบุ๊กที่ออกแบบมาเพื่อการศึกษาของเยาวชนไทยโดยเฉพาะ
ก้าวสู่โลกการศึกษาในศตวรรษที่ 21
"เยาวชนไทยที่เติบโตขึ้นในโลกยุคดิจิตอล มีโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศมากกว่าผู้คนในยุคก่อนๆ เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงโลกใบนี้ได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส เป็นโลกที่สามารถโต้ตอบได้จากทุกสถานที่ ไม่เฉพาะเพียงแค่ตัวหนังสือ แต่ยังรวมไปถึงภาพเคลื่อนไหวและเสียง ดังนั้น นักการศึกษาในทุกวันนี้จึงจำเป็นต้องเตรียมเยาวชนรุ่นใหม่ในยุคแห่งการเชื่อมต่อศตวรรษที่ 21 ด้วยทักษะและความสามารถในการทำงานภายใต้โลกดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วันนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนรู้ และโซลูชัน Connected Classroom จากเดลล์ก็ถือเป็นต้นแบบแนวปฏิบัติสำหรับนักการศึกษาที่ช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ" มร. ฮาจิต สิงห์ เรคี ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชั่นขายและกลยุทธ์ เดลล์ ประจำภูภาค เอเชียแปซิฟิค และญี่ปุ่น กล่าว
พลิกโฉมหน้าห้องเรียนเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล
แนวคิดของ Connected Classroom จากเดลล์นั้นเรียบง่าย เพราะด้วยความสามารถของเราในการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ในหลายระดับ เทคโนโลยีจึงช่วยเสริมประสบการณ์ในห้องเรียนได้ทั้งครูอาจารย์และนักเรียน และเมื่อเราสามารถสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนนำเทคโนโลยีมาใช้ภายในห้องเรียน เราก็น่าจะช่วยจุดประกายให้เด็กเหล่านั้นนำแนวทางดังกล่าวไปใช้เพื่อการเรียนรู้ในชีวิตของพวกเขาได้เช่นกัน
องค์ประกอบหลักของ Connected Classroom จากเดลล์นั้น มีตั้งแต่เน็ตบุ๊กที่ออกแบบมาเพื่อนักเรียนโดยเฉพาะอย่าง Latitude 2100 แท็บเล็ตสำหรับครูและอาจารย์อย่าง Latitude XT รวมไปถึงกระดานไวท์บอร์ดแบบอินเทอแรกทีฟ ซอฟต์แวร์เพื่อบริหารการเรียนการสอน ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อการเรียนรู้ที่สะดวกยิ่งขึ้น ระบบโมบายคาร์ทเพื่อการบริหารจัดการที่ง่ายกว่า และบริการระดับมืออาชีพจากเดลล์ที่พร้อมรองรับทั้งในด้านการออกแบบ ติดตั้ง และให้บริการหลังการขาย
• Latitude 2100 ถือเป็นเน็ตบุ๊กเครื่องแรกที่มาพร้อมกับทางเลือกพิเศษในการเปลี่ยนหน้าจอเป็นแบบระบบสัมผัส เพื่อให้การโต้ตอบกับนักเรียนหรือการประเมินผลทำได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยรองรับการศึกษาในรูปแบบพิเศษลักษณะต่างๆ โดยโน้ตบุ๊กตระกูล Latitude E นั้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับแอพพลิเคชันได้อย่างครบถ้วน มอบความหลากหลายทั้งในด้านการจัดการกับโครงงานหรือการทำงานร่วมกันของนักเรียน เช่นเดียวกับแท็บเล็ต Latitude XT2 สำหรับครูและอาจารย์ ที่ให้ทั้งความสะดวกในการพกพา และยังมีศักยภาพในการทำงานในระดับสูง รองรับการสั่งงานด้วยปากกาดิจิตอลและมีหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัช ทำให้ครูอาจารย์และนักเรียนสามารถตอบโต้กันได้อย่างดียิ่งขึ้น
• กระดานไวท์บอร์ดแบบอินเทอแรกทีฟ โปรเจ็กเตอร์ และระบบเสียง พร้อมช่วยครูและอาจารย์สร้างรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมสำหรับนักเรียนแต่ละคนได้อย่างดี และยังช่วยดึงดูดให้เกิดความร่วมมือและแสดงความคิดเห็นของนักเรียนในชั้นเรียนได้ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย
• ระบบตรวจวัดการตอบรับจากนักเรียน ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลและประเมินความสามารถของนักเรียนแต่ละคน ช่วยเสริมให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และสะดวกในการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน
• เดลล์ยังพร้อมนำเสนอ Professional Service (ให้คำปรึกษา ติดตั้ง และดูแลระบบ) เพื่อช่วยให้โรงเรียนสามารถวางแผนและติดตั้งระบบห้องเรียนแบบเชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"เราได้รับฟังนักการศึกษา นักวางแผนด้านนโยบาย รวมไปถึงผู้นำด้านไอที ที่บอกเราเสมอมาว่า ระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้แบบครบวงจรนั้นเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสำหรับนักเรียน ครูอาจารย์ และผู้ปกครอง เพื่อให้แต่ละฝ่ายสามารถเชื่อมต่อถึงกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และแบ่งปันองค์ความรู้ให้แก่โลกใบนี้ด้วยกัน"
จากงานวิจัยล่าสุดในประเทศจีน1 พบว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของครูและอาจารย์เชื่อว่า การเรียนรู้ที่ออกแบบมาเพื่อนักเรียนแต่ละคนผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นจะกลายเป็นอนาคตของโลกแห่งการศึกษา โมเดลการสอนแบบรายบุคคลถือเป็นเรื่องสำคัญ และไม่เพียงช่วยเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการสอนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมประสบการณ์ในการเรียนรู้ของนักเรียนให้ดีขึ้นด้วย
"เดลล์ได้ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่ายในระบบนิเวศน์แห่งการเรียนรู้ และได้ออกแบบเทคโนโลยีโซลูชันที่ครบถ้วนเพื่อให้ระบบนิเวศน์ดังกล่าวใช้งานได้จริง การเปิดตัว Connected Classroom ถือเป็นต้นแบบแนวปฏิบัติที่ไม่เพียงครอบคลุมในเรื่องโครงสร้างระบบไอที ซอฟต์แวร์ และบริการ แต่ยังรวมถึงเนื้อหาที่หลากหลาย การเรียนรู้แบบมืออาชีพ และการเข้าถึงสารสนเทศได้จากทุกสถานที่ในทุกเวลา" อโณทัย เวทยากร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชัน (ประเทศไทย) กล่าว
การผนึกรวมเทคโนโลยีเข้ากับกระบวนการด้านการเรียนรู้ ช่วยให้นักการศึกษาสามารถมอบทางเลือกในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนแต่ละคนได้ตามต้องการ ทั้งยังสะดวกในการสื่อสารโต้ตอบระหว่างกัน รวมไปถึงการเปิดโลกทรรศน์สู่องค์ความรู้ที่นอกเหนือไปจากห้องเรียน นักการศึกษาสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ได้ในหลายรูปแบบ สร้างแบบเรียนสำหรับนักเรียนแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังติดตามประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนได้อย่างต่อเนื่อง โซลูชันด้านการศึกษาจากเดลล์ยังช่วยมอบเครื่องมือที่จำเป็นในการเตรียมตัวให้แก่นักการศึกษาสำหรับยุคศตวรรษที่ 21 ทั้งในด้านการสอน การร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชนเพื่อปฏิรูปการศึกษาให้ทันสมัย และสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทได้ในทุกส่วนของการเรียนการสอน เช่นเดียวกับผู้ปกครองที่จะได้รับเครื่องมือในการสื่อสารกับครูและอาจารย์ สามารถติดตามการประเมินผลของนักเรียนแต่ละคน และเข้ามามีส่วนร่วมในโครงงานของนักเรียนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ทางด้านผู้ดูแลเทคโนโลยีก็จะได้รับความสะดวกมากขึ้น เพราะสามารถจัดการกับระบบต่างๆ ได้อย่างไม่ยุ่งยาก นำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะสมได้อย่างถูกจังหวะ และจัดการกับโครงสร้างระบบรวมไปถึงงานให้บริการช่วยเหลือต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Latitude 2100 จากเดลล์ - เน็ตบุ๊กที่ออกแบบมาเพื่อโรงเรียนโดยเฉพาะ
เดลล์ได้ร่วมมือกับนักเรียน ครูอาจารย์ ผู้ปกครอง และผู้ดูแลระบบไอที จำนวนหลายร้อยคน เพื่อสร้างสรรค์เน็ตบุ๊กสำหรับการศึกษา โดย Latitude 2100 นั้นถูกออกแบบมาด้วยความใส่ใจในเรื่องของการเรียนรู้โดยเฉพาะ
Latitude 2100 จากเดลล์ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้:
• เป็นเน็ตบุ๊กเครื่องแรกที่วัสดุภายนอกทำจากยางเพื่อรองรับแรงกระแทกจากการถูกจับโยนใส่ล็อกเกอร์และกระเป๋าเป้สะพายหลัง
• เป็นเน็ตบุ๊กเครื่องแรกที่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นหน้าจอระบบสัมผัส อันถือเป็นทางเลือกที่ช่วยเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งในด้านการสื่อสารโต้ตอบ การประเมินผล และการรองรับการศึกษาในรูปแบบพิเศษ
• แสงไฟแสดงการใช้งานระบบเครือข่าย ที่ช่วยให้ครูและอาจารย์สามารถตรวจสอบการใช้งานระบบเครือข่ายของนักเรียนแต่ละคนได้อย่างสะดวก ทำให้พร้อมรับมือกับนักเรียนที่อาจท่องโลกไซเบอร์หรือแช็ตกันในกลุ่มเพื่อนแทนที่จะใส่ใจกับการเรียนการสอนอย่างที่ควรเป็น
• ตัวเครื่องมาพร้อมสีสันที่ดึงดูดใจ ทั้งสีดำแบบกระดานดำ สีน้ำเงินแบบริบบิ้น สีแดงแบบหอพักนักเรียน สีทองแบบรถโรงเรียน และสีเขียวแบบสนามฟุตบอล
• สามารถใส่โลโก้ของโรงเรียนหรือชื่อของนักเรียนได้ในบริเวณกรอบด้านหลังของแบตเตอรี เพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
• มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการจัดการ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถดูแลเน็ตบุ๊กทั้งหมดบนระบบได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย
Latitude 2110 จากเดลล์: พัฒนาการต่อเนื่องจากรุ่น 2100 สำหรับโรงเรียนระดับประถมและมัธยม โดยในรุ่น 2110 นั้น ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้นในฐานะเครื่องเวิร์คสเตชันสำหรับการฝึกอบรมและผู้ใช้เดสก์ทอป สนนราคาเริ่มต้นของ Latitude 2110 อยู่ที่ 21,000 บาท พร้อมฟังก์ชันที่สะดวกในการจัดการงานต่างๆ ร่วมกัน เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายได้รวดเร็ว และรองรับการใช้งานที่หลากหลายไม่ว่าจะอยู่ในสำนักงานหรือระหว่างเดินทางก็ตาม
คุณสมบัติใหม่ของเน็ตบุ๊ก Latitude ประกอบด้วย:
• แบตเตอรีที่ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมง
• เครื่องมือในการจัดการงานร่วมกัน ทั้งระบบเสียงชั้นเยี่ยม ไมโครโฟนที่ให้เสียงชัดเจน และตัวเลือกเพิ่มเติมพิเศษอย่างเว็บแคม
• ตัวเลือกเพิ่มเติมในการเชื่อมต่อจากทุกสถานที่ ทั้งผ่านไวไฟ โมบายบรอดแบนด์ และไวแม็กซ์
# # # # #
1 เดลล์ ได้ให้การสนับสนุนในการทำวิจัยร่วมกับสื่อสิ่งพิมพ์ China Computer Education และ China Informationazition Education โดยได้สำรวจครูและอาจารย์ระดับประถมและมัธยม รวมไปถึงฝ่ายดูแลด้านระบบไอที ในกรุงปักกิ่ง ราว 200 คน