news on July 09, 2010, 12:10:17 PM
ธนาคารกรุงไทยรุกนำ CG & CSR สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนมั่นใจ โครงสร้างบริหารจัดการ นำการขยายเครือข่าย  พร้อมประกาศยึดแนวทาง ISO 26000 พัฒนาซีเอสอาร์ อย่างเป็นระบบ  เผยยึดแนวทางสร้างคุณค่า ทุนทางปัญญา 4 มิติ พัฒนา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม สังคม กีฬา และสิ่งแวดล้อม ให้ประเทศ



ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า  ความท้าท้ายของปัญหาทาง สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ของโลก ที่มีผลเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน และเห็นผลกระทบที่เกิดอย่างชัดเจน ทำให้   กิจการธนาคาร ในฐานะพลเมืองหนึ่งของสังคม  ถูกถามถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะที่ประชาชนเองก็มีความคาดหวังที่จะให้ธนาคารได้มีส่วนทำหน้าที่ดูแลสร้างสรรค์สังคม ไปพร้อมๆ กับการให้บริการทางการเงินที่ดี    มีความโปร่งใส  ซึ่งหากพิจารณาถึงศักยภาพของธนาคารแต่ละแห่ง ที่มีสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ  และมีบุคคลากรที่มีความสามารถ  แล้วจะเห็นว่า  ธนาคารควรที่จะต้องแสดงบทบาทหน้าที่ในฐานะพลเมือง และองค์กรหนึ่งของสังคมในการเข้าไปส่วนร่วมดูแลสังคม สิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น 

“เพราะที่ผ่านมาผลกระทบจากการส่งเสริมการบริโภคมากเกินพอดี  การโฆษณา โปรโมชั่นเชิญชวนให้มีการใช้บัตรเครดิต การจับจ่ายซื้อของมากขึ้น   ก็มีส่วนทำให้คนในสังคมขาดการดูแลด้านจิตใจ  มีแต่เรื่องวัตถุเป็นหลัก    ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่นการลักขโมย รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้ค่า การบุกรุกทำลาย    ดังนั้นควบคู่ไปกับการกำกับและดูแลกิจการที่ดี   ธนาคารกรุงไทย ซึ่งตระหนักถึงความท้าทายนี้ จะต้อง นำเรื่องบรรษัทภิบาล หรือซีจี  และซีเอสอาร์ เข้าสู่วิสัยทัศน์   เพื่อให้ทุกส่วนงานมีสำนึกร่วมกัน ในการดูแลกำกับหน่วยงานของตัวเอง ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และที่น่าเชือถือ และรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน     เพื่อนำสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความยั่งยืน   หลายคนบอกว่าได้ทำมามากแล้ว  แต่ผมว่าเรายังทำได้มากกว่านี้ และต้องทำให้ได้มากกว่านี้  ดีกว่านี้

ดร.สถิตย์ กล่าวว่า รูปธรรมที่สำคัญและเป็นส่วนหลักในการผลักดันให้งานด้านซีจีและซีเอสอาร์มีความก้าวหน้า คือ การมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจน   โดยในส่วนของธนาคารกรุงไทย คณะกรรมการบริหาร ได้มีความเห็นชอบที่จะให้ธนาคาร ผสานทั้งเรื่องซีจี และ ซีเอสอาร์ เข้าสู่การดำเนินงานในทุกระดับ   รวมถึงกิจกรรมทางสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ธนาคารได้เข้าไปสนับสนุน และเมื่อช่วงต้นปีในปี2553 นี้ ได้จัดโครงสร้างบริหารจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ  โดยมี คุณสันติ วิลาสศักดานนท์  เป็นประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม และมีคณะอนุกรรมการที่ช่วยดูแลในเรื่องต่างๆ อีก 5 คณะ รวมถึงมีฝ่าย เสริมสร้างทุนทางปัญญาและกิจกรรมเพื่อสังคมและคณะอนุกรรมการบรรษัทภิบาล ทำให้มั่นใจว่าการดำเนินนโยบายด้านซีจีและซีเอสอาร์ ของธนาคารกรุงไทยจากนี้ไป จะมีพัฒนาการที่ก้าวหน้ามากและทำได้อย่างต่อเนื่อง  โดยในปีนี้ทางธนาคารจะได้นำมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติต่างๆ มาใช้ โดยเฉพาะ ISO 26000 
   
คุณสันติ วิลาสศักดานนท์  ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า  จากนโยบายที่ชัดเจน การมีโครงสร้างบริหารจัดการที่เป็นระบบ และประสบการณ์การเรียนรู้ ในแต่ละปี   ทำให้กิจกรรมทั้งในส่วนงานบรรษัทภิบาล และซีเอสอาร์ ของธนาคาร โดยเฉพาะ การเสริมสร้างทุนทางปัญญา ให้สังคมเป็นที่ประจักษ์   ทั้งจากภายใน และภายนอก  ซึ่งแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะไม่ง่าย แต่วันนี้หากมองย้อนไป มีสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการดำเนินงาน หลายประการ และเป็นปัจจัยในการพัฒนาต่อยอด  ที่อาจสรุปได้ดังนี้

1.   ความเข้าใจของคณะกรรมการบริหาร และนโยบายที่ชัดเจน CG & CSR  ผลักดันให้มีความยั่งยืน ต่อเนื่อง
2.   การมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจน และครบถ้วน  คือจะต้องมีทั้งส่วนงานส่งเสริม  งานปฏิบัติ งานเผยแพร่  งานสนับสนุน   และมีการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ
3.   การมีแนวปฏิบัติ ของธนาคาร และแผนงาน กรอบเวลา การประเมิน ที่ชัดเจน  จะทำให้การขับเคลื่อนงานมีความชัดเจน ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมได้ง่าย
4.   การดำเนินงาน CG & CSR ด้วยมุมมองที่คำนึงถึงผลลัพท์และผลที่ตามมา จะทำให้กิจกรรม และการเชื่อมโยงกับเครือข่ายพันธมิตร และ ชุมชน เกิดขึ้นและต่อยอดได้ ดังเช่นความร่วมมือของ 7  ธนาคารของรัฐในเรื่องบรรษัทภิบาล
5.   การสื่อสารทั้งภายใน และภายนอก จะเป็นตัวเร่งให้เรื่อง CG & CSR   มีพลังที่นำไปสู่สำ
นึกและการปฏิบัติ อย่างเป็นวัฒนธรรม

สำหรับแนวทางในการดำเนินงานในปีต่อไป  คุณสันติ เปิดเผยว่า   
1.   จะมีการพัฒนาและเทียบเคียงแนวปฏิบัติของธนาคารให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยจะนแนวปฏิบัติ  ISO 26000  มาเป็นแนวทาง เพื่อพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ เป็นระบบ สามารถจัดการความรู้ได้ง่าย   
2.   พัฒนากลยุทธ์และต่อยอดกิจกรรมในโครงการทุนทางปัญญาต่างๆให้มีคุณค่าเพิ่ม  โดยปลูกฝังให้ แนวคิด  CG และ CSR เข้าไปสู่ระดับกิจกรรม  โดยธนาคารนำความรู้ นำบุคลากร และเครือข่าย  เข้าไปสนับสนุนการต่อยอด เช่น       โครงการกรุงไทยยุวาณิช  โรงเรียนมงฟอร์ต  ได้มอบองค์ความรู้ในการทำรองเท้านวดเพื่อสุขภาพให้ชุมชน นำไปเป็นอาชีพต่อเนื่อง
3.   การเสริมสร้างการปฏิบัติจากภายในธนาคารอย่างจริงจัง  โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ที่เราต้องการให้เกิดเป็น Green  Culture 
4.   การสื่อสารด้านซีจีและซีเอสอาร์ให้พนักงานได้รับรู้  มีความภูมิใจ และสมัครใจมีส่วนร่วมด้วยตนเอง
5.   การสื่อสารภายนอก โดยการจัดทำรายงาน ตามหลักของ GRI


ทั้งนี้กิจกรรมภายใต้โครงการเสริมสร้างทุนทางปัญญา  ธนาคารยังคงมุ่งเน้นและต่อยอดใน 4 มิติ คือ การศึกษา สังคมสิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม และ กีฬา   โดยเรื่องการศึกษาจะเป็น ทุนทางปัญญาหลัก ที่ธนาคารจะให้ความสำคัญและจัดสรรงบประมาณ  โดยมีโครงการที่เด่น ๆคือ  กรุงไทยสานฝันโรงเรียนดี ใกล้บ้าน    กรุงไทยยุววาณิช  กรุงไทยต้นกล้าสีขาว     KTB Lecture Series   สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานด้านซีเอสอาร์ในปีนี้ เรากำหนดไว้ทั้งหมด100 ล้านบาท

สำหรับด้านบรรษัทภิบาล ในปีนี้ คุณสันติ กล่าวว่า ภายใต้ค่านิยม รู้เรียน เพียรทำ นำชัย สิ่งที่ธนาคารจะผลักดันให้เกิดขึ้นก็คือ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการส่งเสริมในเรื่องนี้ย่างจริงจัง ซึ่งการลงนามความร่วมมือกับ อีก 6 ธนาคารของรัฐด้านการส่งเสริมบรรษัทภิบาล  เป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อน ซึ่งจะมีการแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์การระหว่างกัน รวมถึงการทำกิจกรรมซีเอสอาร์ร่วมกัน เพื่อสร้างผลกระทบในทางบวกเกิดขึ้นกับสังคม และสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น รวมถึง ความเป็นอยู่ที่ดี มีรายได้ของชุมชน   ขณะเดียวกันก็จะเร่งสร้างวัฒนธรรมบรรษัทภิบาลให้เกิดขึ้นในองค์กร  โดยมีแผนงานที่จะทำอาทิ  จัดทำ Website CG&CSR เพื่อสื่อสารข้อมูลต่างๆ ซึ่งพนักงานสามารถเข้าดูข้อมูลผ่านทางระบบ Intranet ของธนาคาร  ทำการสื่อสารหลักบรรษัทภิบาลผ่านทาง KTB Mail เดือนละ 3 ครั้ง และมีการมอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม กำหนดเป็นหลักสูตรในการฝึกอบรมสำหรับพนักงานเข้าใหม่  และผู้จัดการสาขา  และกำหนดเป็น 1 ใน 10 วิชา สำหรับการสอบ Self Learning เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของพนักงาน

“จะเห็นว่าแนวทางในการดำเนินงานด้าน CG& CSR จะต้องมีการบริหารจัดการ และพัฒนายกระดับ และทวีความเข้มข้นอย่างถูกทิศทาง และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติและมาตรฐานสากล เรียกว่า ทั้ง Enlarge และ Enrich ซึ่งเราจะพยายามพัฒนาคุณค่าของสิ่งที่ทำให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยใช้การปฏิบัติจริง เป็นกลยุทธ์ในการสื่อสาร”

บมจ.ธนาคารกรุงไทย  เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ทีให้ความสำคัญด้านซีจี และซีเอสอาร์มาโดยตลอด  โดยที่ผ่านมาได้รับ  รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง  รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น จากสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง รางวัลคุณภาพการให้บริการดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง รางวัล SET Awards 2009 ด้านรางวัลรายงานบรรษัทภิบาลดีเด่น จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารธนาคาร  ผลการประเมินคุณภาพการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น อยู่ในระดับเยี่ยม จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย  รางวัล Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2009 ระดับ 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors :IOD)   รางวัลคณะกรรมการแห่งปีดีเลิศ ประจำปี 2551/52 จากคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ

news on July 09, 2010, 12:11:49 PM
ทิศทางการดำเนินงาน วิสัยทัศน์ และพันธกิจของธนาคารกรุงไทย

ทิศทางการดำเนินงาน
1. เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง มีผลประกอบการดี
และสนับสนุนการดำเนินงานภาครัฐ
2. พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้ทัดเทียมกับคู่แข่ง
3. ยกระดับการบริหารจัดการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

วิสัยทัศน์
ธนาคารแสนสะดวก (The Convenience Bank) สำหรับลูกค้ารายย่อย ภาคธุรกิจ ภาครัฐ และสถาบัน

พันธกิจ
เป็นสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่เป็นเลิศ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมการสร้างทุนทางปัญญา และยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี

การดำเนินงานที่สำคัญ ในการกำกับดูแลกิจการของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย
ในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐ นอกจากการดำเนินธุรกิจในการให้บริการทางการเงินที่เป็นเลิศแก่ลูกค้า และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว ธนาคารยังถือเป็นหน้าที่ในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งภารกิจดังกล่าวจะสำเร็จได้ต้องมาจากนโยบายแผนงาน และกระบวนการทำงานที่ดี โดยเฉพาะกระบวนการกำกับดูแลกิจการ ดังนั้น ธนาคารจึงได้ให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมบรรษัทภิบาลในองค์กร

โดยมีการดำเนินการที่สำคัญ ๆคือ
•   จัดตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลขึ้นในปี 2545 เพื่อรับผิดชอบงานด้านบรรษัทภิบาลเป็นการเฉพาะ เพื่อให้เกิดการผลักดันอย่างจริงจัง และ ปรับพื้นฐานด้านบรรษัทภิบาลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งองค์กร   โดยได้ประกาศหลักบรรษัทภิบาลเป็นลายลักษณ์อักษรและประกาศใช้ทั้งองค์กร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 รวม 7 ประการ และมีชื่อเรียกโดยย่อว่า CARPETS ดังนี้
1) Creation of Long Term Value Added: สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน โดยไม่เสี่ยงต่อการทำลายองค์กรในระยะสั้น
2) Accountability: แสดงความรับผิดและรับชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่
3) Responsibility: มีความเข้าใจและมีขีดความสามารถในการประพฤติได้ตามหน้าที่และความรับผิดชอบ
4) Promotion of Best Practices: มุ่งดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ลูกค้า โดยยึดหลักวัฒนธรรมและ   จรรยาบรรณที่ดี รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และมีจิตสำนึกในคุณธรรม จริยธรรม
5) Equitable Treatment: ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียม และยุติธรรม
6) Transparency: แสดงความโปร่งใสในการดำเนินงาน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
7) Social and Environmental Awareness: สำนึกในการปฏิบัติที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อลดหรือขจัดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำธุรกิจของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องด้วย

•   ในปี 2549 ธนาคารได้ประกาศให้เป็นปีแห่งบรรษัทภิบาล และกำหนดแผนงานด้านการสร้างวัฒนธรรมบรรษัทภิบาล ระยะ 3 ปี ขึ้น โดย ปี 2549 เป็นปี “รู้เรียน” ปี 2550 เป็นปี“เพียรทำ” และ ปี 2551 เป็นปี “นำชัย” ตลอดระยะ 3 ปีนี้ ธนาคารกำหนดจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรณรงค์ให้พนักงานและผู้บริหารทุกระดับได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น การจัดนิทรรศการเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่โครงการบรรษัทภิบาลอย่างต่อเนื่อง การจัดประกวดแต่งคำขวัญ ซึ่งคำขวัญที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ “ซื่อสัตย์ โปร่งใส ใส่ใจคุณธรรม” การจัดโครงการ CG Awards เพื่อมอบรางวัลให้กับหน่วยงานดีเด่นที่สามารถปฏิบัติตามนโยบายบรรษัทภิบาลได้อย่างดีเยี่ยม เป็นต้น
•   ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป ธนาคารมีนโยบายดำเนินการสร้างพันธมิตรในการบริหารงานโดยยึด
       หลักบรรษัทภิบาล โดยเริ่มจากบริษัทในเครือที่ธนาคารถือหุ้น 100%ทุกวัน
•   ในครบรอบก่อตั้งธนาคาร (14 มี.ค.) ได้กำหนดเป็นวัน CG&CSR DAY โดยให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมกับกิจกรรม CG&CSR
•   ในปี 2553  ได้ประสานกับ 6 ธนาคาร รัฐ เพื่อลงบันทึกความร่วมมือ ด้านบรรษัทภิบาล
       ร่วมกัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความรุ้ ประสบการณ์ เพื่อการส่งเสริมงานด้านบรรษัทภิบาลทั้งด้าน 
       กิจกรรมและการร่วมกันกำหนดมาตรฐานต่างๆ   
•   เพื่อเป็นการสร้างวัฒนธรรมบรรษัทภิบาลให้เกิดขึ้นในองค์กร ในปี 2553 ยังจะได้ขยายและส่งเสริมการดำเนินแผนงานด้านบรรษัทภิบาลภายในเพิ่มเติม ดังนี้
1.1   จัดทำ Website CG&CSR เพื่อสื่อสารข้อมูลต่างๆ ซึ่งพนักงานสามารถเข้าดูข้อมูลผ่านทางระบบ Intranet ของธนาคาร
1.2   ทำการสื่อสารหลักบรรษัทภิบาลผ่านทาง KTB Mail เดือนละ 3 ครั้ง และมีการมอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
1.3   จัดทำ Poster CG ส่งให้ทุกหน่วยงาน
1.4   จัดทำคู่มือ CG ส่งให้กับพนักงานทุกคน
1.5   กำหนดเป็นหลักสูตรในการฝึกอบรมสำหรับพนักงานเข้าใหม่
1.6   กำหนดเป็นหลักสูตรในการฝึกอบรมสำหรับผู้จัดการสาขา
1.7   กำหนดเป็น 1 ใน 10 วิชา สำหรับการสอบ Self Learning เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของพนักงาน

news on July 12, 2010, 10:55:33 AM
ธนาคารกรุงไทยรุกนำ CG & CSR ทุนทางปัญญา เพื่อพัฒนาสังคมไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

คณะผู้บริหารระดับสูง บมจ. ธนาคารกรุงไทย ร่วมถ่ายภาพเป็นเกียรติ ในการจัดกิจกรรมสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารธนาคารกรุงไทยในหัวข้อ “KTB CG&CSR ทุนทางปัญญา เพื่อพัฒนาสังคมไทยสู่ความยั่งยืน” ชูมั่นใจโครงสร้างบริหารจัดการ นำการขยายเครือข่าย พร้อมประกาศยึดแนวทาง ISO 26000 พัฒนาซีเอสอาร์อย่างเป็นระบบ พร้อมยึดแนวทางสร้างคุณค่า ทุนทางปัญญา 4 มิติ พัฒนา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม สังคม กีฬา และสิ่งแวดล้อมให้ประเทศ โดยมี ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ (คนที่สี่จากขวา) ประธานกรรมการ, นายสันติ   วิลาสศักดานนท์ (คนกลาง) ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, คุณสุมนา วงษ์กะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานทรัพยากรบุคคลและบรรษัทภิบาล (คนที่ 3 จากขวา) และดร.เยาวลักษณ์ พูลทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ร่วมเป็นเกียรติในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ณ. ห้องเพลินจิต 3-4 โรงแรม เจดับบลิวแมรีออท กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน.


news on July 12, 2010, 11:06:28 AM