GBX แนะขายทองทำกำไรระยะสั้น รอฉวยโอกาสซื้อกลับปลายสัปดาห์
โกลเบล็ก มองราคาทองคำทางสัญญาณเทคนิคในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนะนำขายทำกำไรเล่นรอบ พร้อมหยุดเพิ่มสถานะซื้อทองคำช่วงนี้ ระบุนักลงทุนรอซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวในช่วงปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า โดยให้กรอบ ไว้ที่17,750-18,400 บาท/บาททอง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน)GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ในช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,200 เหรียญต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากโมเมนตัมเชิงบวกที่เกิดขึ้นในปลายสัปดาห์ก่อน
ในทางกลับกันจากสัญญาณทางเทคนิคที่ราคาทองคำได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา บวกกับการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับตัวแปรอื่นๆเช่น เงินสกุลยูโร ราคาน้ำมัน และดัชนีดาวโจนส์ ประกอบกับเริ่มเข้าใกล้แนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับบ 1,200 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จึงอาจจะส่งผลให้ราคามีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงหลังจากที่ราคาทองคำได้มีการปรับตัวขึ้นทดสอบระดับดังกล่าวเพื่อพักฐานระยะสั้น
นายณัฐพล กล่าวว่า ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน หากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจนเข้าใกล้ระดับ ดังกล่าวในข้างต้น แนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ และรอซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวในช่วงปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากข้อมูลสถิติในอดีตแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำในช่วงดังกล่าวให้ผลตอบแทนไม่ดีนัก จึงแนะนำให้หยุดเพิ่มสถานะซื้อ แล้วให้ทยอยขายสำหรับผู้ที่ครองทองคำมาในช่วงก่อนหน้า หรือรอเปิดสถานะ Short Gold Futures เพื่อถัวความเสี่ยงที่บริเวณใกล้แนวต้าน ดังนั้นทางโกลเบล็กฯจึงคาดการณ์กรอบทั้งสัปดาห์ที่ 1,160 – 1,200 เหรียญสหรัฐต่ออนซ์ หรือประมาณ 17,750-18,400 บาท/บาททอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากวิกฤติหนี้สินของกรีซส่อแววว่าจะลุกลามบานปลายจนอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกรอบสอง เมื่อถูก S&P ลดอันดับเครดิตเรทติ้งลงสู่ระดับ Non-Investment grade ก็กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อทองคำในฐานะแหล่งพักเงินชั้นดี เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆมากขึ้น (safe Haven) สะท้อนมายังการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำกว่า 2% ภายในสัปดาห์เดียว และการเพิ่มสถานะถือครองทองคำของ SPDR Gold Trust จำนวน 18.87 ตันมาอยู่ที่ระดับ 1,159 ตันตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกันการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2553 ของสหรัฐฯที่ไม่สดใสนัก โดยอยู่ที่ 3.2% YoY น้อยกว่างวดก่อน และคาดการณ์ของโพลล์ที่ 5.6% YoY และ 3.3% YoY ตามลำดับ ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับการถือครองทองคำในฐานะแหล่งพักเงินชั้นดีเช่นเดียวกับกรณีของกรีซ โดยนักลงทุนทั่วโลกเริ่มกังวลว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอาจไม่ได้ดีไปกว่ายูโรโซนมากนัก จึงเกิดความไม่มั่นใจที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ค่าเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์
“หากเทียบกันระหว่างพันธบัตรสหรัฐฯและทองคำที่มีคุณสมบัติเป็นหลุมหลบภัยชั้นดี จะพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุต่ำกว่า 5ปี ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ หมดแล้ว (ผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นลบ)ต่างจากทองคำที่ราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก (ตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นประมาณ 5%) และได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ” นายณัฐพล กล่าว