8. เอื้อประโยชน์กับเจ้าของสนามแข่งหรือไม่
รายได้หลักจากการจัดแข่งขันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน และเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน จะถูกนำส่งเข้าสู่การบริหารจัดการโดย กกท. โดยตรง ซึ่งรายได้เหล่านี้จะถูกนำไป หักลบกับภาระค่าลิขสิทธิ์ ที่ต้องจ่ายให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต โดยตรง เพื่อลดภาระงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เหลือน้อยที่สุด กระบวนการนี้จึงเป็นการยืนยันถึงความโปร่งใส และการบริหารจัดการที่เน้นผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ

9. MotoGP ถูกสนับสนุนมาทุกรัฐบาล
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน MotoGP ได้รับการสานต่อและสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกชุด มาโดยตลอด เนื่องจากตระหนักถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศที่ได้รับ ดังนี้
สัญญาที่ 1: ปี 2561 – 2563 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร) ครม. เห็นชอบสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์สมทบปีละ 100 ล้านบาท รวม 3 ปี เป็น 300 ล้านบาท
ผลการดำเนินงาน: กกท. ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนและรายได้รวม 528 ล้านบาท (ใน 2 ปี) จากพันธมิตรรายใหญ่ 12 ราย/แหล่ง
ความสำเร็จ: ได้รับรางวัล Best Grand Prix of The Year ในปี 2561 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 2 ปี (2561-2562) ได้ถึง 6,584 ล้านบาท (จัดได้เพียง 2 ปี เนื่องจากโรคระบาด Covid-19)
สัญญาที่ 2: ปี 2565 - 2569 (เลื่อนจาก 2564-2568) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. พิพัฒน์ รัชกิจประการ) ครม. เห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อสมทบค่าลิขสิทธิ์ 900 ล้านบาท โดยเน้นให้นำรายได้จากภาคเอกชนมาสมทบก่อน
ผลการดำเนินงาน: ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนกว่า 770 ล้านบาท และจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 800 ล้านบาท
ผลตอบแทนและข้อได้เปรียบ: สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวม 6 ปี (2561 - 2568) กว่า 24,927 ล้านบาท อีกทั้งยัง ประหยัดค่าเช่าสนามได้ถึง 72 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญา จากการใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฟรี
สัญญาที่ 3: ปี 2570 – 2574 (ล่าสุด)
สถานะปัจจุบัน: ครม. ให้ความเห็นชอบเพียงการเป็นเจ้าภาพเท่านั้น ส่วนงบประมาณ กกท. จะนำเสนอขอรับการจัดสรรเป็นรายปีตามภารกิจ ซึ่งประมาณการรายได้จากผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท (ซึ่งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐเป็นไปตามแผนงานในปี 2570 และไม่ได้กระทบกับงบประมาณที่จำเป็นเร่งด่วนในปัจจุบัน)