MSN on May 02, 2018, 08:31:48 PM
KTAMเลือกChina- India-Euro กองทุนเด่นโอกาสผลตอบแทนโตระยะยาว



          นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และจะพิจารณากองทุนที่โดดเด่นในแต่ละเดือน มานำเสนอให้กับนักลงทุน โดยคัดสรรกองทุนที่มีโอกาสในการเติบโต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในระยะยาว ในเดือนพฤษภาคม แนะนำ 3 กองทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนพิจารณาจัดสรรให้ไว้พอร์ตการลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเคแทมอินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-India ) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Invesco India Equity Fund ซึ่งเป็นบริษัทจัดการระดับโลก โดยกงอทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และ ขนาดเล็ก จะเน้นเลือกหุ้นแบบ Bottom Up ซึ่งผู้จัดการกองทุนชาวอินเดีย มีความเข้าใจ และเข้าถึงบริษัทได้ดี และกองทุนรวมหลักไดรับ Morningstar 4 ดาว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.61)

          กองทุน KT-India น่าสนใจเพราะ ได้รับผลกระทบจาก Trade war น้อย ประกอบกับมีการลงทุนภาครัฐ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่มขึ้น ธนาคารซิตี้แบงก์ คาดการณ์มูลค่าใช้จ่าย 6.5แสนล้านดอลลาร์ อัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม อ่อนตัวลงสู่ระดับ 4.28% YoY อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงไว้ที่ 6% ตลาดมวลรวมภายในประเทศ ( GDP) ไตรมาส4 อยู่ที่ +7.2% YoY สูงกว่าไตรมาสที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 6.5% ตลาดคาดการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ( EPS ) ปีหน้าสูงมากกว่า 10% และ sentiment ตลาดเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งกองทุนหลักเน้นลงทุนแบบ Bottom up ด้านการเลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน KT-India ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 YTD อยู่ที่ -2.01% 6 เดือน อยู่ที่ 3.21% และ1 ปี อยู่ที่ 11.19% เมื่อเทียบกับ Benchmark YTD อยู่ที่ -6.53% 6 เดือนอยู่ที่ -4.31% และ1 ปี อยู่ที่ 2.47%

          ส่วนกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-China ) ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Blackrock China Fund กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด ( Active Management ) และจะลงทุนอย่างน้อย 70% ของสินทรัพย์รวมของกองทุนในตราสารทุนของ ของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจีน หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีนที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ ทีมผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์ในตลาดเอเซียมากกว่า 20 ปี และมีผู้จัดการกองทุนที่เคยเป็นหัวหน้าทีมกลยุทธ์จีนที่ Glodman Sachs ด้านกองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar 4 ดาว อีกด้วย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.61 )

          ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้กองทุน KT-China น่าสนใจเนื่องจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ( EM) เร่งตัวขึ้นดีกว่าตลาดพัฒนาแล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า ตลาดมวลรวมภายในประเทศ( GDP) ไตรมาสแรก เติบโต 6.8% YoY เท่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ 6.5% นอกจากนี้ ธนาคารกลางของจีนยังลดอัตราเงินฝากสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ลง1% สู่ระดับ16% ส่งผลให้ธนาคารจีนจะปล่อยกู้ได้มากขึ้น ส่วนนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลเชิงลบในเชิงจิตวิทยาระยะสั้น ค่า PE และ PB ยังถือว่าถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และถูกกว่าเทียบกับตลาดอื่นๆ อีกทั้ง EPS ตลาดเติบโตได้มากกว่า 10 % เรามองว่าการที่ตลาดอ่อนตัวเป็นโอกาสในการลงทุนได้ ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 YTD อยู่ที่ 0.32% 6 เดือน อยู่ที่ 1.51 % และ1 ปี อยู่ที่ 18.50% Benchmark YTD อยู่ที่ -1.15% 6 เดือน อยู่ที่ 0.06% และ1 ปี อยู่ที่ 20.90%

          นอกจากนี้ กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้ ฟันด์ นับเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่น่าสนใจสำหรับการพิจารณาเลือกลงทุนในช่วงเวลานี้ โดยกองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Continental European Small Cap Equity Fund ( Master Fund ) บริหารโดย Invesco ซึ่งเป็นบริษัทจัดการระดับโลก ปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนดังกล่าวน่าสนใจเนื่องจาก ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยได้รับการยกเว้นการนำเข้าส่งออกพร้อมกับหลายประเทศ ประกอบกับค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่ามีผลจำกัดโดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่มีรายได้จากการส่งออกน้อย ในขณะเดียวกันค่าเงินยุโรที่แข้.ค่าช่วยสนับสนุน Sentiment ตลาดที่ดีขึ้น ธนาคารกลาง ( ECB) มีความมั่นใจถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วน EPS ตลาดมองว่าเติบโตได้ราว +8.9% ผลการดำเนินงานของกองทุน ย้อนหลัง ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 YTD อยู่ที่ -4.03% 6 เดือน อยู่ที่ -4.23% 1 ปี อยู่ที่ 6.28% เมื่อเทียบกับ Benchmark YTD อยู่ที่ -2.26% 6 เดือน อยู่ที่ -1.46% และ1 ปี อยู่ที่ 6.42%ซึ่งทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว ในช่วงเวลานี้มีการปรับตัวลงมา นับว่าเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการพิจารณาการเข้าลงทุน สำหรับนักลงทุนที่สนใจต้องการกระจายการลงทุนในต่างประเทศ

          ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต