FB on July 24, 2011, 03:49:44 PM
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ “ศึกนันทบุเรง”


 
         ภายหลังการประกาศเอกราชของพระนเรศ ในปี พ.ศ. ๒๑๒๗ แล้ว พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงได้โปรดให้กรีฑาทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาคืนเป็นเมืองขึ้นถึง ๔ ครั้ง คือ ในคราวศึกพระยาพะสิมและ พระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอ ในปี พ.ศ. ๒๑๒๗ – ๒๑๒๘ ศึกนันทบุเรง ปี พ.ศ. ๒๑๒๙ ศึกมหา อุปราชาในปี พ.ศ. ๒๑๓๓ และศึกยุทธหัตถีในปี พ.ศ. ๒๑๓๕ โดยศึกสำคัญที่ทำอยุธยาต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์อันสุ่มเสี่ยงต่อการสิ้นสูญแผ่นดินคือ ศึกนันทบุเรง ซึ่งน้อยคนที่เคยได้ยินหรือระลึกได้ แต่วีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งเป็นที่จดจำ ทั้งการออกปล้นค่ายพม่าจนเป็นที่มาของเรื่องพระแสงดาบคาบค่าย หรือการสังหารลักไวทำมู ทหารเอกข้างหงสาวดี ล้วนอุบัติในศึกนันทบุเรงทั้งสิ้น

          ภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ “ศึกนันทบุเรง” ถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นผลจากการปราชัยของหงสาวดีในคราวศึกพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งทำให้พระเจ้านันทบุเรงทรงตระหนักในพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวร และในความเข้มแข็งของกองทัพอยุธยา จึงทรงยกทัพใหญ่เป็นทัพกษัตริย์มาย่ำยีราชธานีสยาม หวังให้ราบเป็นหน้ากลองเพื่อเป็นการแก้มือและเพื่อรักษาซึ่งพระเกียรติยศมิให้เป็นที่ดูแคลนแก่เหล่าเจ้าประเทศราชในการปกครองของฝ่ายพม่า

          กองทัพกษัตริย์ของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงมีความสมบูรณ์ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามกว่าทุกศึก ประกอบด้วยช้าง ๓,๒๐๐ ทัพม้า ๑๒,๐๐๐ และไพร่ราบซึ่งมีจำนวนถึง ๒๕๒,๐๐๐ โดยมีนายทัพผู้ปรีชาสามารถมาร่วมรบ ทั้งพระมหาอุปราชา มังจาปะโร และลักไวทำมูทหารกล้า

          กิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของทัพหงสาวดีที่ยกเข้ามานี้ ส่งผลให้เจ้าเมืองในขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักรอยุธยาข้างฝ่ายเหนือประหวั่นพรั่นพรึงถึงกับสมคบคิดกันแปรพักตร์เข้าสมานสมัครพระเจ้านันทบุเรงรบสมเด็จพระนเรศวร เป็นเหตุให้สมเด็จพระนเรศวรต้องเผชิญทั้งศึกนอกและศึกใน สถานการณ์กลับยิ่งบีบคั้นให้คับขันยิ่งขึ้น เมื่อพระศรีสุพรรณธรรมาธิราช พระอนุชาเจ้ากรุงละแวกซึ่งขัดพระทัยสมเด็จพระนเรศวรแต่กาลก่อน ได้ยุยงให้พระเชษฐาตัดสัมพันธไมตรีกับอยุธยา ละแวกจึงกลายเป็นหอกข้างแคร่ ที่พร้อมจะกระหน่ำซ้ำเติมสยามให้ย่อยยับหากมีอันพลาดท่าเสียทีในศึกนันทบุเรงนี้

          ภัยรอบด้านบีบรัดให้สมเด็จพระนเรศวรทรงต้องเผชิญศึกอย่างโดดเดี่ยว ซ้ำเคราะห์กลับทับทวีคูณเมื่อสหายศึก เช่น เลอขิ่น และกองกำลังเมืองคัง ซึ่งร่วมกรำศึกกันมาแต่เบื้องต้นคิดถอนตัวตีจาก เพราะพิษรักระหว่างรบที่จบลงด้วยความร้าวฉานระหว่างเลอขิ่นกับพระราชมนูขุนศึกคู่พระทัย ความขัดแย้งด้วยเหตุส่วนตัวได้บานปลายกลายเป็นภัยของแผ่นดินในคราวคับขันเมื่ออยุธยาต้องเผชิญศึก ซึ่งประมาณได้ว่าเป็นมหาสงครามภายใต้โทสจริตของพระเจ้านันทบุเรง

          ด้วยข้อจำกัดที่รุมเร้าหลายประการ ผสานกับจำนวนไพร่พลที่เป็นรองหงสาวดี อยู่หลายขุม ทำให้สมเด็จพระนเรศวรทรงจำต้องปรับยุทธศาสตร์การตั้งรับทัพหงสาวดี โดยทรงใช้พระนครศรีอยุธยาซึ่งมีทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบเป็นฐานบัญชาการรบแต่เพียงแห่งเดียว ทรงส่งกำลังออกไปปักปราการ วางแนวป้องกันมิให้พม่าเข้ามาปลูกค่ายใกล้ขอบคูพระนครและกำแพงเมือง ทั้งยังแต่งกำลังเป็นกองโจรเข้าปล้นค่ายข้าศึกอย่างอาจหาญ

          เมื่อศึกเหนือเสือใต้รุมกระหน่ำ ขุนนางผู้ใหญ่ขาดสามัคคีคิดคดคำนึงแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จอมทัพผู้รั้งราชบัลลังก์และความอยู่รอดของแผ่นดินก็มาพลาดท่า ต้องศาสตรากลางสมรภูมิ ยอดทหารเอกกรุงศรีถูกขุนศึกผู้ชาญณรงค์กว่าจับเป็นเชลย ชะตากรรมกรุงศรีอยุธยาและสมเด็จพระนเรศวรจะลงเอยอย่างไร ต้องติดตามในภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ “ศึกนันทบุเรง” ซึ่งมีกำหนดฉายพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ๑๑ สิงหาคม นี้
« Last Edit: July 29, 2011, 03:47:45 PM by happy »

FB on August 10, 2011, 06:26:45 PM
ต้น-ตั๊ก ระเบิดเพลิงแค้นนำทัพมหาศาลบุกอโยธยา ใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4”


 
          “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 – ศึกนันทบุเรง” ถ่ายทอดความแค้นเคืองขัดใจของต้น-จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ผู้รับบท “นันทบุเรง” ด้วยภาพแห่งความอลังการย้อนอดีตในการจัดทัพหลวงและทัพกษัตริย์เมืองประเทศราชของหงสาวดี 24 ทัพ เมื่อปี พ.ศ. 2129 ไพร่พลพม่ารามัญที่ยกมารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 240,000 เพื่อบุกตีให้อโยธยาให้กลับไปเป็นเมืองขึ้นอีกครั้งหลังการประกาศอิสรภาพของพระนเรศ เพราะนับแต่วันที่ก้าวขึ้นครองบัลลังก์แผ่นดินพุกาม ก็ทรงตั้งปณิธานว่าจะแผ่กฤษฎาภินิหารมิให้เป็นรองพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองพระราชบิดา เมื่ออยุธยาประเทศแยกตัวเป็นเอกราช พระองค์จึงจำต้องยาตราทัพไปกำหราบปราบลงมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยศึกสำคัญครั้งนี้ทำอยุธยาต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์อันสุ่มเสี่ยงต่อการสิ้นสูญแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง

          “พี่ต้น - จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ แสดงได้เก่งมากครับ ช่วยส่งให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงเป็นพ่อที่เก่ง มีความสามารถ ทำงานหนัก เสียสละ อดทน เชี่ยวชาญการรบ และฉลาดไม่แพ้ปู่คือพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง แต่ก็เป็นพ่อที่ห่างเหินกับเรา ไม่เคยพูดดีๆ ด้วย มีแต่ดูถูก บั่นทอนกำลังใจกันตลอดเวลา น่าน้อยใจที่สุด ซึ่งความสามารถทางการแสดงของพี่ต้นทำให้เรา ‘อิน’ จริงๆ เวลาเข้าฉากด้วยกันก็ช่วยเหลือกันอย่างมากเสมอ พอถ่ายเสร็จจะมองตากันทุกครั้ง ฉากไหนที่เราผ่านฉลุย พี่ต้นจะบอกว่า ‘พี่เชื่อเหลือเกินว่าฝั่งพม่าทำคะแนนได้ดีมากเลย’ เป็นความกุ๊กกิ๊กเล็กๆ ในมุมที่น่ารักของคนนิ่งๆ ขรึมๆ แต่มีมุขตลกร้ายลึกแบบเงียบๆ หรือบางทีก็ตลกเฮฮาไปเลย แล้วแต่อารมณ์ครับ พี่ต้นเป็นคนตรงไปตรงมา และมองโลกในแง่ดี มีโอกาสได้ร่วมงานกันจึงเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ” ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม ผู้รับบท “พระมหาอุปราชา” กล่าว

          “ส่วน มังจาปะโร หนึ่ง-ชลัฏ มีบทบาทสำคัญต่อพระมหาอุปราชาคือเป็นทั้งพี่เลี้ยงคอยดูแลกันตลอด ไปไหนไปด้วย เป็นเพื่อนใจเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวเพื่อนเล่นเพื่อนลุยทุกอย่าง ตัวตนของหนึ่งเป็นคนอารมณ์ดี ขี้แกล้ง ชอบแหย่ชอบเล่น เคยแกล้ง “นายสนม” ฝั่งพม่าจนถึงกับรำผิดไปเลย เวลาเข้าฉากที่เป็นฉากพักผ่อนในราชสำนัก หนึ่งจะถนัดยักคิ้วหลิ่วตาทำท่าแสนสำราญ เป็นช่วงเวลาแห่งความเพลิดเพลินในการทำงานร่วมกันของพวกเราครับ”

          สำหรับตัวตั๊กเองได้เล่าถึงความท้าทายและความยากในการทำงานครั้งนี้อย่างน่าสนใจว่า “ต้องสร้างวิธีการคิดเพื่อการรับบท ‘พระมหาอุปราชา’ โดยเฉพาะ คือไม่มีใครคิดว่าตัวเองไม่ดี เรามีความมุ่งมั่นว่าจะต้องกำจัดพระนเรศ ต้องบุกตีอยุธยามาเป็นเมืองขึ้นให้ได้ ก็ต้องสร้างวิธีคิดโดยต้องเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดีแล้วสำหรับเรา การแสดงออกและการถ่ายทอดทุกอย่างต้องหล่อหลอมจากความคิดนี้จริงๆ

          และจุดนี้แหละที่ขัดกับความรู้สึกของตัวเราเองเป็นอย่างมาก ก่อนแสดงทุกครั้งต้องบวงสรวงขอพระราชทานอภัยโทษต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต่อบูรพกษัตริย์ รวมถึงขอขมาบรรพชนไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินไทย ทุกครั้งที่แสดงหรือบทพูดที่มุ่งจะล้างบางอยุธยา ฆ่าคนไทย กำจัดตองเจหรือพระนเรศ เป็นการทิ่มแทงใจตัวเอง แต่เรามีหน้าที่ในการรับบทบาทนี้ ก็ต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดและสมจริงที่สุด”

          เตรียมพบกับภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ภาค 4 - ศึกนันทบุเรง 11 สิงหาคมนี้ พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
« Last Edit: August 10, 2011, 06:31:32 PM by FB »

FB on August 16, 2011, 07:06:12 PM
MV UPDATE: ความเศร้าแห่งสงคราม เพลงประกอบภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ศึกนันทบุเรง”

MV เพลงประกอบภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ศึกนันทบุเรง”
 
เพลง ความเศร้าแห่งสงคราม

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=i0F-Z-IYQYc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=i0F-Z-IYQYc</a>


FB on September 02, 2011, 06:17:47 PM
ผู้พันเบิร์ดชวนพิสูจน์ภาค 4 ด้วยตนเอง จากการวิพากษ์หลากมุมมอง ท่านมุ้ยย้ำ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” จบที่ภาค 5 แน่นอน




 
          “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 – ศึกนันทบุเรง” ยังคงปักหลักยืนโรงท่ามกลางกระแสการวิพากษ์วิจารณ์แบบนานาทัศนะ พร้อมให้ผู้ชมทั่วประเทศร่วมพิสูจน์และให้ข้อคิดเห็นอย่างอิสระตามมุมมองของแต่ละคน โดย “ผู้พันเบิร์ด” พ.ท. วันชนะ สวัสดี ผู้รับบทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กล่าวว่า “การตอบรับของภาค 4 ที่ผมได้สัมผัสมานี้มีทุกรูปแบบเลยครับ นับว่าเป็นความหลากหลายทางความคิดที่แต่ละมุมมองก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันไป ซึ่งเราก็น้อมรับทุกความคิดเห็น บางคนก็ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น..เป็นอย่างนี้..ทำไม่ไม่เป็นอย่างโน้นหรืออย่างนู้น มีทั้งชอบ-ไม่ชอบแบบสุดขั้วและแบบกลางๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผม ให้เราได้เรียนรู้ถึงมุมมองและความคิดเห็นที่รอบด้านมากๆ ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่ถามว่าน่าดูมั้ย...สนุกรึเปล่า ก็เลยอยากบอกว่าขอเชิญไปชมด้วยตนเองดีกว่าครับ ไปพิสูจน์ว่าที่ได้ยินมาน่ะจริงๆ เป็นยังไง...สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่เพราะคนเราต่างจิตต่างใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับผม..ผมก็ว่าสนุกมากครับ และมีหลายแง่คิดที่จะเป็นประโยชน์ทั้งสำหรับการใช้ชีวิต การทำงาน และการร่วมกันดูแลรักษาบ้านเมืองที่บรรพบุรุษของเราเสียสละเพื่อพวกเรามายาวนาน ไปดูภาค 4 ช่วงนี้แล้วก็เตรียมพบกับภาค 5 ต่อเร็วๆ นี้กันเลยครับ”
 
          ด้าน “ท่านมุ้ย” ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับ ยืนยันว่าภาพยนตร์มหากาพย์แห่งตำนานเรื่องนี้จะจบลงที่ภาค 5 อย่างแน่นอน และคาดว่าจะฉายในช่วงเดือนธันวาคมนี้ โดยถ่ายทำไปแล้วกว่า 80% แต่ส่วนที่เตรียมถ่ายทำต่อไปนั้นเป็นฉากสำคัญที่ต้องใช้เทคนิคเป็นพิเศษ ซึ่งท่านออกปากว่า “เหลือนิดเดียว แต่มันยากมาก !!”