เจนเนอราลี่ และ UNDP ร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ MSME ในประเทศไทย
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประกาศความร่วมมือต่อยอดจาก จากการเป็นพันธมิตรระดับโลก ในการสนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในประเทศไทย โดยมุ่งเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจ MSME ซึ่งมีความสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต ความร่วมมือครั้งนี้ ประกอบด้วยการพัฒนา MSMEs Social Protection Framework ซึ่งเป็นเครื่องมือประเมินความเสี่ยงเพื่อสร้างความพร้อม เพิ่มความตระหนักรู้ พร้อมกลยุทธ์การรับมือกับความเสี่ยงแก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังมุ่งลดช่องว่างด้านการคุ้มครองสำหรับผู้ประกอบการด้วยโซลูชันประกันภัยที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ในปี 2567 เจนเนอราลี่ และ UNDP ได้เปิดตัวรายงานวิจัยร่วมในหัวข้อ “Building MSME Resilience in Southeast Asia” ซึ่งทำการศึกษาตัวอย่างห่วงโซ่คุณค่าในประเทศไทยและมาเลเซีย รายงานฉบับนี้นำเสนอแนวทางซึ่งเป็นทางเลือกในการระบุความเสี่ยงรวมถึงความต้องการของธุรกิจ MSME การพัฒนาด้านการบริหารความเสี่ยงและบริการประกันภัย และการนำเสนอโซลูชันเหล่านี้ต่อชุมชนธุรกิจท้องถิ่น การวิจัยพบว่า ธุรกิจ MSMEs นั้นมีจำนวนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 99.6 ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศไทย และร้อยละ 97.4 ในประเทศมาเลเซีย โดยธุรกิจเหล่านี้มีบทบาทที่เป็นทั้งเสาหลักและแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยงานวิจัยยังเน้นย้ำถึงความสำคัญในการเข้าใจความแตกต่างในลักษณะของห่วงโซ่คุณค่า รูปแบบความเสี่ยง และความคุ้มครองที่จำเป็นสำหรับกลุ่ม MSMEs เพื่อช่วยการนำเสนอทางออกด้านประกันภัยที่เหมาะสม ผลจากการวิจัยเหล่านี้จะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ MSMEs ในท้องถิ่น โดยโครงการนี้ มีเป้าหมายหลักสองประการ ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับความสามารถในการรับมือปัญหารวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และการขยายความคุ้มครองแก่พนักงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ และสภาพภูมิอากาศ นาง อิริน่า กอร์ยูโนวา (Irina Goryunova) รองผู้แทนประจำโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การเติบโตของ MSMEs ในไทยนั้นได้รับผลกระทบมากขึ้นจากความเสี่ยงต่อความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ และความท้าทายจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นถูกนำไปใช้ในการพื้นฟูวิกฤตแทนที่ใช้ในการลงทุน การประกันภัยเป็นหนึ่งในเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่สามารถช่วยให้กลุ่ม MSMEs ฟื้นตัวจากการปัญหาทางการเงิน แต่ตลาดประกันภัยอาจยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ในประเทศไทย ด้วยตัวผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ยังไม่สอดคล้องกับความต้องการหรือยังขาดแคลนอยู่ ประกอบกับการตระหนักรู้เรื่องการป้องกันความเสี่ยงที่ยังไม่มากนัก ด้วยการสร้างสรรค์โซลูชันด้านประกันภัยที่ตอบโจทย์ความเสี่ยงเฉพาะตัวของ MSMEs ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตและยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อไป UNDP มีความภูมิใจที่ได้สานต่อความร่วมมือกับ Generali ในการช่วยให้ MSMEs ไทยเข้าใจและบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “ธุรกิจ MSMEs คือหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยและอีกหลายประเทศในเอเชีย การทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในการสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาโซลูชันเพื่อเอาชนะความท้าทายต่างๆ ที่ผู้ประกอบการเผชิญอยู่ในพื้นที่ คือเป้าหมายหลักในการทำงานร่วมกับ UNDP ของเรา ทั้งนี้ ความก้าวหน้าของโครงการในมาเลเซียถือเป็นแรงบันดาลใจให้ผมในการสานต่อสิ่งดี ๆ เหล่านี้ให้กับชุมชน MSMEs ในประเทศไทย โดยการประกันภัยนั้น มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสริมความสามารถในการรับมือปัญหาและลดทอนความเสี่ยงท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผมมั่นใจว่าเราจะสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการเหล่านี้ด้วยข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ตามที่ควรจะเป็น” ทางด้าน นาย อาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “จากงานวิจัย “Building MSME Resilience in Southeast Asia” ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจ MSMEs ในประเทศไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ น้ำท่วม รวมถึงปัญหาการบาดเจ็บและสุขภาพ เช่น โรคระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ยังเป็นความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น ด้วยความร่วมมือกับ UNDP เรามุ่งหวังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบ โดยการจัดหาเครื่องมือปกป้องความเสี่ยงทางการเงินและการจัดการความเสี่ยงให้กับ MSMEs เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการมีส่วนร่วมที่มีความหมายต่อชุมชนและเศรษฐกิจของพวกเขา เราหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทาง UNDP เพื่อสนับสนุนกลุ่ม MSMEs ในการสร้างความยืดหยุ่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไปในอนาคต และเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับงานประกาศความร่วมมือระหว่าง เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และ UNDP ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงาน นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาเกี่ยวกับการส่งเสริมผู้ประกอบการ MSMEs ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงจาก UNDP รวมถึงสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ตัวแทนจากภาคธุรกิจ พันธมิตร และผู้บริหารเจนเนอราลี่จากภูมิภาคเอเชีย ร่วมให้ข้อมูลพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย โดยงานจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาคารพาร์ค สีลม###
ความร่วมมือระหว่างเจนเนอราลี่ และ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)เจนเนอราลี่ และ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้ร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในด้านการเข้าถึงการประกันภัยและโซลูชันทางการเงินเพื่อการบริหารความเสี่ยง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการรับมือปัญหาของชุมชนและธุรกิจในท้องถิ่น
ภายใต้ความร่วมมือระยะยาวครั้งนี้ เจนเนอราลี่มุ่งให้การสนับสนุนทรัพยากรทั้งด้านเทคนิคและการเงินให้กับโครงการ Insurance and Risk Finance Facility (IRFF) ของ UNDP เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประชาชนและพื้นที่ที่เปราะบางที่สุดในโลก
ความร่วมมือนี้ผสานความเชี่ยวชาญด้านการประกันภัยของเจนเนอราลี่เข้ากับวิสัยทัศน์ในระยะยาวของ UNDP ในการสนับสนุนด้านการเงินและการพัฒนา
นอกจากนี้ ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว เจนเนอราลี่ และ UNDP ยังให้การสนับสนุน InsuResilience Vision 2025 ซึ่งรวมถึงการช่วยให้ประชาชนที่เปราะบาง 500 ล้านคนเข้าถึงความคุ้มครองจากสภาพอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ การให้ความคุ้มครองประชาชนที่เปราะบาง 150 ล้านคนผ่านโซลูชั่นไมโครอินชัวรันส์ และการผลักดันนวัตกรรมด้านประกันภัยสู่หัวใจสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และวาระการดำเนินงาน ค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ
เจนเนอราลี่ ในฐานะพลเมืองบรรษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน พร้อมให้การสนับสนุนองค์กรสาธารณะด้วยความเชี่ยวชาญของทางบริษัท เพื่อช่วยให้หน่วยงานเหล่านี้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงการผลักดันให้ทั้งผู้กำหนดนโยบายและภาคธุรกิจเข้ามามีบทบาท โดยสนับสนุนให้ผู้กำหนดนโยบายมีส่วนร่วมกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยการพัฒนานโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ธุรกิจ SME พัฒนาความสามารถในการปรับตัว เพื่อรักษาความต่อเนื่องและสร้างความสามารถในการทำกำไรในโลกธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงเจนเนอราลี่ กรุ๊ปเจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1831 เจนเนอราลี่มีสำนักงานอยู่ในกว่า 50 ประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 82.5 พันล้านยูโรในปี ค.ศ. 2023 และด้วยพนักงานกว่า 82,000 คนที่ให้บริการลูกค้า 70 ล้านราย เจนเนอราลี่ถือเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคยุโรป และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียและลาตินอเมริกา หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของเจนเนอราลี่คือ ความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต (Lifetime Partner) ด้วยนวัตกรรมและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตลอดจนความสามารถในการจัดจำหน่ายทั่วโลกในรูปแบบดิจิทัล กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็มุ่งสร้างสังคมที่ดีกว่าและสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้นUNDPโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) เป็นองค์กรชั้นนำของสหประชาชาติที่ต่อสู้เพื่อยุติความ อยุติธรรมจากความ ยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรใน 170 ประเทศทั่วโลก เพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ สร้างแนวทางแก้ปัญหาเชิงบูรณาการและมอบผลสัมฤทธิ์ถาวร เพื่อประโยชน์ของมนุษย์และโลก สำหรับ Insurance and Risk Finance Facility (IRFF) เป็นโครงการริเริ่มสำคัญภายใต้ Sustainable Finance Hub (SFH) ของ UNDP ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินงานใน 34 ประเทศ และจะขยายเป็น 50 ประเทศภายในปี ค.ศ. 2025 การดำเนินงานของ IRFF ทุกด้านสอดคล้องกับเป้าหมายของ InsuResilience Vision 2025 โดยมีเป้าหมายในการช่วยให้ผู้คนจำนวน 500 ล้านคนในประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงโซลูชั่นการประกันภัยภายในระยะเวลาสามปีข้างหน้า