enjoyjam.net » ภาพยนตร์ » ข่าวภาพยนตร์ (Moderators: happy, sianbun) » Charlie St. Cloud 14 ตุลาคม 2553 « previous next » Print Pages: [1] Go Down happy on August 09, 2010, 03:21:46 PM Charlie St. Cloud วันที่เข้าฉาย 14 ตุลาคม 2553จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)เว็บไซต์ www.charliestcloud.comทีมนักแสดง แซ็ค เอฟรอน (ZAC EFRON) รับบท ชาร์ลี เซนต์ คล้าวด์ อาแมนด้า ครูว์ (AMANDA CREW) รับบท เทสส์ คาร์โรลล์ โดนัล โล้ก (DONAL LOGUE) รับบท ทิ้งก์ เวเธอร์บี้ ชาร์ลี ทาแฮน (CHARLIE TAHAN) รับบท แซม เซนต์ คล้าวด์ เรย์ ลีอ็อตต้า (RAY LIOTTA) รับบท ฟลอริโอ คิม เบซิงเจอร์ (KIM BASINGER) รับบท แคลร์ เซนต์ คล้าวด์ทีมผู้สร้างเบอร์ สเทียร์ส (BURR STEERS) – ผู้กำกับเคร็ก เพียร์ซ (CRAIG PEARCE) – ผู้เขียนบทลูอิส โคลิค (LEWIS COLICK) – ผู้เขียนบทเบน เชอร์วู้ด (BEN SHERWOOD) – เจ้าของบทประพันธ์ต้นเรื่อง “The Death and Life of Charlie St. Cloud” และทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหารมาร์ค แพล็ตต์ (MARC PLATT) – ผู้อำนวยการสร้างเกี่ยวกับภาพยนตร์“จงเชื่อในหัวใจตนเองถ้าทะเลลุกเป็นเพลิง(จงอยู่ด้วยความรัก แม้ดวงดาวจะเคลื่อนคล้อยถอยหลัง)”—อี อี คัมมิ่งส์, dive for dreams Charlie St. Cloud ซึ่งสร้างจากหนังสือนิยายที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชม คือภาพยนตร์ดราม่าสุดโรแมนติคที่นำแสดงโดย แซ็ค เอฟรอน (17 Again, Hairspray) ผู้รับบทเป็นฮีโร่ในเมืองเล็กๆ ที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุ ทำให้เขามองโลกในแบบไม่เหมือนใคร ในเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์เรื่องนี้ เขาเริ่มต้นการเดินทางสุดโรแมนติค ซึ่งเขายอมรับในอดีต ขณะที่ค้นพบเป้าหมายของชีวิต และพลังในการเปลี่ยนแปลงของความรัก ชาร์ลี เซนต์ คลาวด์ นักล่องเรือหนุ่มไฮสกูลที่ประสบความสำเร็จ เป็นที่รักของ แคลร์ แม่ของเขา (ดาราสาวใหญ่เจ้าของรางวัลออสการ์ คิม เบซิงเจอร์ เจ้าของบทบาทอันน่าประทับใจในภาพยนตร์เรื่อง L.A. Confidential, 8 Mile) และน้องชายที่ชื่อ แซม (รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ ชาร์ลี ทาแฮน) รวมไปถึงยังได้ทุนการศึกษาจากสแตนฟอร์ดที่จะพาเขาไปจากเมืองบ้านเกิดที่แสนเงียบเหงาในแปซิฟิค นอร์ธเวสต์ แต่อนาคตอันสดใสของชาร์ลีถูกตัดให้กุดลง เมื่อโศกนาฏกรรมบุกเข้ามาจู่โจมและพรากความฝันของเขาไป ในระหว่างอุบัติเหตุรถยนต์ สองพี่น้องต่างยื่นมือมาหากันในยามที่ดูเหมือนพวกเขากำลังจะตาย ในวินาทีนั้น ชาร์ลีสาบานกับแซมว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งแซม แต่ในทันใดนั้น ชาร์ลีกลับได้รับการช่วยเหลือจากฟลอริโอ เฟอร์เร้นท์ บุรุษพยาบาลผู้มุ่งมั่น (รับบทโดย เรย์ ลีอ็อตต้า จาก Goodfellas, Date Night) แต่น่าเศร้าที่พวกเขาไม่อาจช่วยแซมได้ชาร์ลีตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ในระหว่างงานศพของน้องชาย ชาร์ลีหนีจากพิธีศพของน้อง เข้าไปในป่าด้านหลังสุสาน เขาไปพบกับลานโล่งเล็กๆ ขณะที่วันนั้นใกล้จะหมดลง เขาได้ยินเสียงปืนดังมาจากระยะไกล และเมื่อเงยหน้ามองขึ้น ชาร์ลีต้องงุนงง และตื่นตะลึงเมื่อเขามองเห็นแซมผู้มีถุงมือเบสบอลอยู่ในมือ กำลังรอให้ชาร์ลีมาร่วมซ้อมขว้างลูก อันเป็นกิจกรรมประจำในช่วงยามเย็นของพวกเขาห้าปีผ่านไป ชีวิตของชาร์ลีเดินไปบนเส้นทางที่แตกต่างไปจากที่เขาเคยฝันไว้ ถึงตอนนี้ เขากลายเป็นผู้คอยดูแลสุสานซีไซด์ที่ซึ่งร่างของแซมถูกฝังเอาไว้ และเรือใบของเขาถูกเก็บเอาไว้ห่างไปหลายช่วงตึก การศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย, เพื่อนๆ และครอบครัวต่างถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ทุกเย็นย่ำในเวลาโพล้เพล้ เมื่อมีเสียงสัญญาณปืนดังขึ้น ชาร์ลีจะกลับไปที่ลานโล่งในป่าเพื่อไปเล่นขว้างบอลกับแซม เมื่ออาทิตย์ตกดิน แซมจะหายตัวไป ถึงแม้น้องชายจะอยากให้เขาใช้ชีวิตต่อไป แต่คำสัญญาที่ชาร์ลีเคยให้ไว้กับแซมคือสิ่งสำคัญที่สุดแต่เมื่อ เทสส์ (อาแมนด้า ครูว์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Haunting in Connecticut, She’s the Man) เพื่อนร่วมห้องเรียนสมัยไฮสกูลของเขา กลับมายังเมืองบ้านเกิด ชาร์ลีจึงเริ่มลังเลกับสองทางเลือกในชีวิต คือการรักษาคำมั่นที่เขาเคยให้ไว้เมื่อหลายปีก่อน หรือเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปกับรักใหม่ของเขา เทสส์เองก็มีความหลงใหลในการล่องเรือเหมือนกับชาร์ลี แต่ที่ไม่เหมือนกับเขาก็คือ เธอไล่ตามความฝันของตัวเอง และอีกไม่นาน เธอกำลังจะออกเดินทางท่องโลกเพียงลำพังในฐานะกัปตันเรือที่มีอายุน้อยที่สุดเพื่อเข้าแข่งขันในเกมส์การแข่งขันที่แสนทรมานนี้ หรือมันจะเป็นจุดหักเหในชะตากรรมที่นำเธอเข้ามาในชีวิตของเขาในยามนี้ ขณะที่เธอเหลือเวลาเพียงอาทิตย์เดียวก่อนออกเดินทาง ขณะที่แซมช่วยให้ชาร์ลีค้นพบความกล้าที่จะปล่อยอดีตไปด้วยดี และตามเทสส์ไป ชาร์ลีกลับพบว่าดวงวิญญาณที่คุ้มค่าที่จะช่วยไว้มากที่สุดก็คือดวงวิญญาณของเขาเอง ผู้กำกับ เบอร์ สเทียร์ส (17 Again, Igby Goes Down) กำกับภาพยนตร์เรื่อง Charlie St. Cloud จากบทภาพยนตร์ของ เคร็ก เพียร์ซ (Moulin Rouge!, Romeo + Juliet) และลูอิส โคลิค (Ladder 49, October Sky) ซึ่งนำเค้าเรื่องมาจากนิยายเรื่อง “The Death and Life of Charlie St. Cloud” ของ เบน เชอร์วู้ด ผู้อำนวยการสร้าง มาร์ค แพล็ตต์ (Scott Pilgrim vs. the World, Wanted, Legally Blonde) นำทีมผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์ดราม่าโรแมนติคเรื่องนี้ ทีมงานหลังกล้องที่ทุ่มเทประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของเขาให้กับงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Charlie St. Cloud ก็คือทีมผู้สร้างที่ล้วนแต่ประสบความสำเร็จ อาทิเช่น ผู้กำกับภาพ เอนริเก เชเดียก (28 Weeks Later, The Good Girl), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ไอด้า แรนดอม (Fast & Furious, Rain Man), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เดนิส วินเกท (Wedding Crashers, Live Free or Die Hard), ผู้ลำดับภาพ แพ็ดไรค์ แม็คคินลี่ย์ (17 Again, Igby Goes Down) และผู้แต่งดนตรีประกอบ โรลฟี่ เค้นท์ (17 Again, Up in the Air) โดยมี เอริก้า แม็คจี (X-Men Origins: Wolverine, The Time Traveler’s Wife) ทำหน้าที่เป็นวิชวล เอฟเฟ็กต์ โปรดิวเซอร์ ไมเคิล ฟ็อตเทรลล์ (Fast & Furious, Live Free or Die Hard), ไรอัน คาวานอห์ (Dear John, ภาพยนตร์ใหม่ เรื่อง Immortals), เบน เชอร์วู้ด, จาเร็ด เลอบอฟฟ์ (Scott Pilgrim vs. the World, Wanted) และอดัม ซีเกล (Scott Pilgrim vs. the World, Wanted) ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร Logged happy on August 09, 2010, 03:24:45 PM เบื้องหลังงานสร้างจากหน้ากระดาษสู่จอภาพยนตร์:การค้นพบ Charlie หนังสือเล่มที่ 2 ของ เบน เชอร์วู้ด เรื่อง “The Death and Life of Charlie St. Cloud” เปิดตัวออกมาในปี 2004 โดยได้รับคำวิจารณ์ชื่นชม และถูกนำไปแปลเป็นภาษาอื่นกว่า 15 ภาษา หนังสือพิมพ์ The Washington Post ลงวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่ามันคือ “The Sixth Sense ผสมกับ Field of Dreams ในเรื่องราวอบอุ่นหัวใจในสไตล์ดั้งเดิม” ขณะที่ Booklist ชื่นชมว่า “เรื่องราวของเชอร์วู้ดที่มีท่วงทำนองที่เป็นเอกลักษณ์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการอุทิศตนที่คงทนกว่าความตาย คือเรื่องราวที่ลึกลับ มหัศจรรย์ และประทับใจอย่างมาก” เชอร์วู้ดได้สร้างสรรค์นิยายเรื่องที่ 2 หลังจากที่เขาต้องผ่านการสูญเสีย “หนังสือเรื่องนี้เกิดมาจากเรื่องส่วนตัวของผมสองเรื่อง” เชอร์วู้ดบอก “เรื่องแรก คือการที่ผมต้องสูญเสียพ่อไปอย่างกะทันหันและไม่ทันคาดคิด และความรู้สึกเศร้าโศกอย่างลึกซึ้ง และเหมือนนิ่งงันไป โดยไม่รู้ว่าความเศร้าโศกนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตคนมากแค่ไหน เรื่องที่สอง คือพลังในการเปลี่ยนแปลงและปลดปล่อยของความรัก เป็นหนทางที่ความรักสามารถปลดปล่อยหลายอย่างมากมาย และทำให้คุณมีความแข็งแกร่งและแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตเดินไปข้างหน้า” สำหรับเชอร์วู้ด ครึ่งแรกของเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติมเต็มคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับคนที่รัก ขณะที่เขาจินตนาการเรื่อง “Charlie St. Cloud” เขาถามตัวเองว่า “อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เมื่อสองพี่น้องลั่นคำสาบานว่าจะไม่ทอดทิ้งกัน แล้วจากนั้น ทีมบุรุษพยาบาลกลับสามารถช่วยคนหนึ่ง แต่ไม่สามารถช่วยอีกคนได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับความสำคัญนั้น แล้วจะเป็นยังไงถ้าหนึ่งในสองคนนั้นยังเฝ้ารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอีกฝ่าย” เขาสรุปเรื่องราวในนิยายของเขาว่า “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความผูกพันระหว่างสองพี่น้องที่ไม่สามารถทำลายได้” ผู้อำนวยการสร้าง มาร์ค แพล็ตต์ เล่าให้ฟังถึงความสนใจที่เขามีต่อนิยายของเชอร์วู้ด “เรื่องราวนี้มีความท้าทายเพราะมันเปิดกว้างต่อการตีความว่าอะไรคือของจริงและอะไรที่ไม่ใช่ของจริง คุณไม่อยากที่จะทำให้ความสูญเสียและความรัก มันสะเทือนใจมากไป แต่ในเชิงภาพยนตร์แล้ว คุณอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงได้ ดังนั้น จึงมีสมดุลที่แสนเปราะบางที่ต้องตีให้แตก” ขณะที่เขามองหาตัวนักแสดงที่จะมารับบทเป็นชายหนุ่มที่กำลังหลงทาง แพล็ตต์รู้ดีว่าเขา “อยากได้คนที่มีความเป็นมนุษย์และมีความสามารถในแบบที่ตัวละครตัวนี้มี แต่ก็ต้องเป็นคนที่ไม่ดื้อรั้นและเศร้ามากเกินไป” ผู้อำนวยการสร้างได้พบกับ แซ็ค เอฟรอน ครั้งแรกระหว่างที่เอฟรอนกำลังแสดงภาพยนตร์เรื่อง High School Musical แม้กระทั่งในเวลานั้น เอฟรอนก็สร้างความประทับใจให้กับแพล็ตต์แล้ว แต่เมื่อพวกเขาได้มาเจอกันอีกในหลายปีต่อมา แพล็ตต์กลับต้องตะลึงกับความเป็นผู้ใหญ่ของเขา “เขาไร้ซึ้งความเสแสร้งทุกอย่าง” แพล็ตต์เล่า “แซ็คฉายแววทั้งความเป็นมนุษย์และความเมตตา ทำให้มีแรงบันดาลใจที่ได้เห็นคนหนุ่มที่ปราศจากความมีจริต แต่มีความปรารถนาที่ลุกโชติที่จะทำงานหนักและตอบรับความเสี่ยงในฐานะนักแสดง ขณะที่เราคุยกัน เขาเล่าถึงประวัติครอบครัวของเขา และบอกผมเกี่ยวกับน้องชายของเขา ซึ่งเขาสนิทสนมด้วยอย่างมาก” แพล็ตต์ยอมรับว่านี่เป็นบทที่มีความเข้มข้นและเป็นผู้ใหญ่กว่าบทที่เอฟรอนเคยแสดงมา แต่เอฟรอนตอบรับความท้าทายนี้ ด้วยการกระโจนใส่โลกของชาร์ลี เซนต์ คลาวด์ด้วยความหลงใหลและทุ่มเท “เขามีทักษะอันยอดเยี่ยมในฐานะนักแสดง” แพล็ตต์ให้ความเห็นไว้ “และเขาก็ขยันทำงาน ทุ่มเทเพื่อพัฒนาตัวละครตัวนี้ และเข้าใจถึงรายละเอียดปลีกย่อยของตัวละคร” เมื่อผู้อำนวยการสร้างแพล็ตต์ยื่นบทภาพยนตร์ให้กับเขา เอฟรอนรู้สึกถึงความผูกพันระหว่างเขากับชาร์ลี เซนต์ คลาวด์ทันที เขาเล่าว่า “มีความคุ้นเคย เยอะมากที่ผมสามารถอินไปด้วยได้ และมีอีกเยอะที่ผมพบในตัวชาร์ลี มันเตือนให้ผมนึกถึงความผูกพันระหว่างผมกับน้องชาย ผมว่าความสัมพันธ์ของชาร์ลีกับแซมคือความสัมพันธ์ที่แท้จริงและตรงไปตรงมา ผมชื่นชมคุณสมบัติหลายอย่างที่ผมเห็นในตัวเขา ผมว่ามันเป็นนิสัยที่หาญกล้าอย่างมาก” แต่เอฟรอนรู้ดีว่าการแสดงบทนำที่มีความซับซ้อนแบบนี้คือแบบฝึกหัดที่มีความท้าทาย เอฟรอนกล่าวว่า “มันน่าสนใจที่จะก้าวเข้าไปสวมรองเท้าของชาร์ลี และรับบทเป็นชายที่รู้สึกอับโชค ผู้รู้สึกมึนชา และไม่คิดว่าเขาจะมีอะไรให้หวังต่อไปมากนัก” เอฟรอนหัวเราะ “ผมตั้งใจจะเล่นเป็นตัวละครที่มีพลังมากกว่านี้ เต็มไปด้วยชีวิตและเต้นเยอะๆ แต่ชาร์ลีแตกต่างออกไปมาก บทนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงไปแบบ 180 องศา นั่นคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นอย่างที่สุด” เจ้าของบทประพันธ์นิยายที่ ลูอิส โคลิค และเคร็ก เพียร์ซ ดัดแปลงมาเป็นบทภาพยนตร์ เขียนให้ ชาร์ลี เป็นชายอายุ 28 ปี สำหรับการดัดแปลงมาเป็นบทภาพยนตร์ครั้งนี้ เชอร์วู้ดรู้ดีว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และเขาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจเลือกนักแสดงวัยรุ่น เชอร์วู้ดกล่าวว่า “แซ็คคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับบทชาร์ลี เขาอายุน้อยกว่าตัวละครที่ผมเขียนเอาไว้ในหนังสือของผม แต่เมื่อคุณได้เห็นแซ็ค คุณรู้สึกได้ถึงคำสัญญา ความมีแวว และความหวังของตัวละครของเขา การเลือกเขามารับบทนี้คือไอเดียที่เยี่ยมมาก และผมก็ตื่นเต้นที่เขามาแสดงบทนี้ ผมว่าเขาจะทำให้คุณหัวใจสลาย และรักษามันให้กลับมาดีเหมือนเดิมด้วย” เมื่อตัดสินใจมานำแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ เอฟรอนได้แนะนำชื่อผู้กำกับ เบอร์ สเทียร์ส ซึ่งเคยร่วมงานกับเขาเมื่อสองปีก่อนหน้านี้ในภาพยนตร์สุดฮิตเรื่อง 17 Again สเทียร์สเองก็ตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเอฟรอนในโปรเจ็กต์ต่อไป เขามองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบเสมือน “เส้นทางไปสู่การเป็นดารานำชายของแซ็คอย่างเต็มตัว” สเทียร์สกล่าวว่า “แซ็คมีลักษณะที่คุณไม่สามารถคาดคะเนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก คุณจับเขาไปยืนอยู่หน้ากล้อง และเขาก็คุมมันได้ชะงัดนัก”สเทียร์สยังได้พูดถึงเรื่องราวต้นฉบับว่า “เบน เชอร์วู้ดมีมุมมองที่พิเศษจริงๆ ในทางหนึ่ง คุณต้องทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณเอง แต่ผมก็อยากจะยึดมั่นศรัทธากับความตั้งใจของเขา เมื่อผมตัดสินใจรับกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรู้ดีว่าผมอยากสร้างความสัมพันธ์ที่เบนสร้างเอาไว้ในหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง และทำให้มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนจริงสำหรับคนดูของเรา ในฐานะผู้กำกับ มันคือความตั้งใจของผมที่จะต้องแสดงความนับถือต่อเรื่องราวต้นฉบับ และยังคงสร้างโทนและความสุนทรีย์ที่ผมจินตนาการเอาไว้สำหรับภาพยนตร์” ผู้กำกับสเทียร์สมีความสนใจในเรื่องราวของความรัก การสูญเสีย และการเริ่มต้นใหม่อยู่แล้ว เขารู้สึกว่าเขาสามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับหนังสือนิยายอันเป็นที่รักเรื่องนี้ได้ สิ่งที่ดึงดูดเขามาสู่โปรเจ็กต์นี้ก็คือการต่อสู้ของชาร์ลีต่ออุปสรรคต่างๆ สเทียร์สกล่าวต่อไปว่า “ชาร์ลีคือเด็กดาวรุ่งพุ่งแรงอนาคตไกลของเมืองเล็กๆ ที่นิยมการล่องเรือ เขามาจากบ้านที่มีแม่ที่เลี้ยงเขากับน้องมาตามลำพัง เขามาจากชนชั้นที่ต้องใช้แรงงาน และการล่องเรือก็คือตั๋วที่จะนำเขาพ้นไปจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ นี้ เขาได้ทุนการศึกษา และทุกอย่างกำลังรอเขาอยู่ อนาคตของเขาเรืองรองไปด้วยอนาคตอันสดใส จากนั้น ในคืนหลังสำเร็จการศึกษา เขากำลังขับรถอยู่ และอุบัติเหตุอันน่ากลัวนี้เกิดขึ้น มันทำให้ชีวิตของเขาหลุดไปจากเส้นทางเดิม เขากลายเป็นอดีตเด็กดาวรุ่งที่หมดอนาคต และมันกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาที่จะต้องทำความเข้าใจกับชีวิต ความสูญเสีย และการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”แพล็ตต์เริ่มคุ้นเคยกับงานของสเทียร์สเมื่อเขาได้ดูภาพยนตร์ที่ได้รับคำวิจารณ์ชื่นชม เรื่อง Igby Goes Down และรู้สึกประทับใจกับมุมมองที่สเทียร์สมีต่อความวัยเยาว์ที่หลงทางไป แพล็ตต์ได้เล่าถึงการเผชิญหน้าครั้งแรกของพวกเขา “ผมได้พบเบอร์ เพราะเขาได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเคยต้องเสียน้องชายไป ดังนั้น ผมจึงรู้ในทันทีว่านี่คืออารมณ์และพฤติกรรมที่เขาเข้าใจได้ดี นั่นคือส่วนหนึ่งในความเป็นตัวเขา” “เบอร์ยังเป็นนักแสดงด้วย เขาเข้าใจโลกนั้นดี” แพล็ตต์กล่าวเสริม “กระบวนการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการได้มาซึ่งความจริงของการแสดงจากนั้น ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่อง 17 Again ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวตลกอบอุ่นหัวใจ แต่มันก็มีหัวจิตหัวใจและจิตวิญญาณอยู่จริงๆ โดยเฉพาะในตัวละครของแซ็ค นั่นคือสิ่งที่ช่วยตอกย้ำผม” Logged happy on August 09, 2010, 03:28:38 PM ประวัติทีมนักแสดงแซ็ค เอฟรอน (ZAC EFRON) รับบท ชาร์ลี เซนต์ คล้าวด์แซ็ค เอฟรอนคือหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งที่มาแรงที่สุดของฮอลลีวู้ด โดยเขามีผลงานที่ทั้งท้าทายและน่าตื่นเต้น เอฟรอนได้รับรางวัล ShoWest’s Breakthrough Performer of the Year Award, MTV Movie Awards for Breakthrough Performance (2008) และรางวัล Best Male Performance (2009) รวมถึงรางวัล Teen Choice and Kids’ Choice Awardsเมื่อปีที่แล้ว เอฟรอนแสดงนำในภาพยนตร์สองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างมาก เขารับบทนำในภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เรื่อง 17 Again ซึ่งเป็นภาพยนตร์กึ่งตลกกึ่งดาราม่าที่คล้ายๆ กับภาพยนตร์เรื่อง Big ว่าด้วยเรื่องราวของชายวัย 36 ปีที่ตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กไฮสกูล ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวด้วยการทำรายได้เป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ เขายังแสดงนำในภาพยนตร์ของ ริชาร์ด ลิงเกลเตอร์ เรื่อง Me and Orson Welles ซึ่งดัดแปลงบทมาจากนิยายของ โรเบิร์ต แค็ปโลว์ เอฟรอนรับบทเป็นเด็กนักเรียนไฮสกูลที่บังเอิญไปอยู่ที่เมอร์คิวรี่ เธียเตอร์ และไปสะดุดสายตาของ ออร์สัน เวลล์ส เอฟรอนยังแสดงนำในภาพยนตร์ของดิสนีย์ เรื่อง High School Musical 3: Senior Year ซึ่งเป็นภาคที่ 3 ของแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จเรื่อง High School Musical ภาพยนตร์เรื่อง HSM3 นี้ได้สร้างสถิติด้วยการเป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดในสุดสัปดาห์แรกฉาย สำหรับภาพยนตร์เพลง นอกจากนี้ เขายังแสดงนำในภาพยนตร์ซัมเมอร์โกยเงินเรื่อง Hairspray ด้วย เอฟรอนที่มีทั้งงานจอแก้วและจอเงินออกมาตลอด เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นดาราที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ที่เป็นปรากฎการณ์ของ ดิสนีย์ แชนแนล เรื่อง High School Musical เอฟรอนกลับมารับบท ทรอย บอลตัน อีกครั้งใน High School Musical 2 ซึ่งทำลายสถิติของเคเบิ้ล ทีวี โดยมีคนดูมากถึง 17.5 ล้านคน ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา ได้แก่ ซีรีส์ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เรื่อง Summerland และมีบทรับเชิญในซีรีส์เรื่อง The Suite Life of Zack and Cody, ER, The Guardian และ CSI: Miamiนอกจากนี้ เอฟรอนยังแสดงนำในละครเวทีเรื่อง Gypsy และ Peter Pan, Mame, Little Shop of Horrors และ The Music Manอาแมนด้า ครูว์ (AMANDA CREW) รับบท เทสส์ คาร์โรลล์อาแมนด้า ครูว์ เริ่มต้นงานแสดงในแวนคูเวอร์ เมื่อเธอได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงประจำซีรีส์เรื่อง 15/Love จากนั้นเธอได้รับบทนำในซีรีส์สำหรับวัยรุ่นสุดฮิตเรื่อง Whistler ซึ่งเธอได้รับรางวัล Leo Award สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมจากซีรีส์แนวดราม่า ไม่นานนัก ครูว์ได้รับบทสมทบในภาพยนตร์ของนิวไลน์ ซีนีม่า เรื่อง Final Destination 3 และภาพยนตร์ของดรีมเวิร์กส์ เรื่อง She’s the Man ครูว์แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวเมื่อเธอรับบทนำครั้งแรกในภาพยนตร์ตลกของซัมมิท เอนเตอร์เทนเม้นต์ เรื่อง Sex Drive ซึ่งเธอนำแสดงร่วมกับ คล๊าร์ก ดุ๊ก, เจมส์ มาร์เด้นส์ และเซ็ธ กรีน ติดตามมาด้วยการประกบบทกับ เวอร์จิเนีย แม็ดเซ่น และเอเลียส โกทีส ในภาพยนตร์ทริลเลอร์เหนือธรรมชาติ เรื่อง The Haunting in Connecticut เมื่อเร็วๆ นี้ ครูว์เสร็จสิ้นจากงานถ่ายทำภาพยนตร์อินดี้ เรื่อง Repeaters ซึ่งเธอร่วมแสดงกับดัสติน มิลลิแกน โดนัล โล้ก (DONAL LOGUE) รับบททิ้งก์ เวเธอร์บี้โดนัล เวเธอร์บี้มีความสามารถที่หลากหลายซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดในวงการ หลังจากอยู่ในวงการมานานกว่า 20 ปี โล้กเคยแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง The Tao of Steve, The Patriot ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ เมล กิ๊บสัน, Gettysburg; Just Like Heaven ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ รีส วิเธอร์สปูน และมาร์ก รัฟฟาโล่, Blade; Runaway Bride; The Million Dollar Hotel; Comic Book Villains ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ ไมเคิล ราพาพอร์ต, Confidence และ The Groomsmenเมื่อไม่นานมานี้ โล้กยังร่วมแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Max Payne ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก รวมไปถึงเรื่อง The Lodger ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ อัลเฟร็ด โมลีน่า และโฮป เดวิส เขายังร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Zodiac ซึ่งกำกับโดย เดวิด ฟินเชอร์ และ Ghost Rider ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ นิโคลัส เคจ และอีวา เมนเดส โล้กจะมีผลงานใหม่เป็นภาพยนตร์ของ ไรอัน เร็ดฟอร์ด เรื่อง Oliver Sherman ซึ่งเขาแสดงนำร่วมกับ แกร์เร็ท ดิลลาฮันท์ และมอลลี่ ปาร์กเกอร์ชาร์ลี ทาแฮน (CHARLIE TAHAN) รับบท แซม เซนต์ คล้าวด์ชาร์ลี ทาแฮนได้กลับมาร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้าง มาร์ค แพล็ตต์ อีกครั้งในภาพยนตร์ของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เรื่อง Charlie St. Cloud ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนเคยร่วมงานด้วยกันมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Love and Other Impossible Pursuits ซึ่งทาแฮนแสดงนำร่วมกับ นาตาลี พอร์ตแมน ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของทาแฮน คือผลงานในตอนที่เขาอายุ 7 ปี เรื่อง Trainwreck: My Life as an Idiot ซึ่งเขารับบทเป็น ฌอนน์ วิลเลี่ยม สก็อตต์ ตอนเด็ก ทาแฮนที่ปัจจุบันอายุ 12 ปีแล้ว มีผลงานเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์และภาพยนตร์อินดี้หลายเรื่องด้วยกัน อาทิเช่น ภาพยนตร์ที่มี วิลล์ สมิธ เป็นดารานำเรื่อง I Am Legend เขารับบทเป็นลูกชายของ ไดแอน เลน ในภาพยนตร์เรื่อง Nights in Rodanthe, รับบทเป็นเด็กออทิสติค ในภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่อง Burning Bright และเมื่อเร็วๆ นี้ เขามีผลงานเรื่อง Meskada เรย์ ลีอ็อตต้า (RAY LIOTTA) รับบทฟลอริโอเรย์ ลีอ็อตต้า มีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า 50 เรื่อง มีทั้งที่เป็นภาพยนตร์ตลกและภาพยนตร์ดราม่า เมื่อเร็วๆ นี้ ลีอ็อตต้าเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์ดราม่า เรื่อง Son of No One ซึ่งเขาได้ร่วมแสดงกับ อัล ปาชิโน่ และแชนนิ่ง ทาทั่ม เขายังร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Entitled โดยประกบบทกับ เควิน ซีเกอร์ส และในปีนี้ เขาจะมีผลงานภาพยนตร์อีกเรื่อง คือ The Details ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ โทบี้ แม็คไกวร์ และในปี 2011 เขาจะมีผลงานใหม่เรื่อง Things Fall Apart ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ เคอร์ติส “50 เซนต์” แจ็คสัน บทบาทการแสดงอันน่าประทับใจของลีอ็อตต้ามีให้เห็นในภาพยนตร์อย่าง Date Night ซึ่งเขาร่วมแสดงกับ สตีฟ คาเรลล์ และทีน่า เฟย์, Youth in Revolt ซึ่งเขาร่วมแสดงกับไมเคิล เซร่า, Observe and Report ร่วมแสดงกับ เซ็ธ กรีน, Wild Hogs ร่วมแสดงกับทิม อัลเลน และจอห์น ทราโวลต้า และ Heartbreakers ซึ่งเขาแสดงกับ ซีกอร์นี่ย์ วีเวอร์ เขายังให้การแสดงอันทรงพลังในภาพยนตร์ดราม่าอย่าง Narc, Smokin’ Aces, Cop Land และ Hannibal ลีอ็อตต้าเริ่มต้นเข้าวงการด้วยการร่วมแสดงในภาพยนตร์ของโจนาธาน เด็มมี่ เรื่อง Something Wild และต่อมา เขาได้รับบทนำในภาพยนตร์อย่าง Dominick and Eugene และภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ เรื่อง Field of Dreams บทบาทที่ทำให้ลีอ็อตต้าได้รับคำชมไปอย่างท่วมท้น ก็คือการรับบทเป็น เฮนรี่ ฮิลล์ ในภาพยนตร์ของมาร์ติน สกอร์เซซี่ เรื่อง Goodfellas ซึ่งเขาแสดงนำร่วมกับ โรเบิร์ต เดอ นีโรคิม เบซิงเจอร์ (KIM BASINGER) รับบทแคลร์ เซนต์ คล้าวด์นับแต่ประเดิมงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก โดยประกบบทกับ โรเบิร์ต เร็ดฟอร์ด ในภาพยนตร์ของ แบร์รี่ เลอวินสัน เรื่อง The Natural คิม เบซิงเจอร์ร่วมแสดงในภาพยนตร์มากกว่า 40 เรื่อง เมื่อไม่นานมานี้ เธอร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Burning Plain ซึ่งเขียนบทและกำกับโดย กีลเลอร์โม่ อาร์เรียก้า เธอยังร่วมแสดงกับ บิลลี่ บ๊อบ ธอร์นตัน และจอน ฟอสเตอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Informers ในปี 2006 เบซิงเจอร์แดงนำในภาพยนตร์ทริลเลอร์ของทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ เรื่อง The Sentinel โดยเธอร่วมแสดงกับ ไมเคิล ดักลาส และคีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์ ส่วนในปี 2004 เบซิงเจอร์ได้รับคำชมจากภาพยนตร์เรื่อง The Door in the Floor ซึ่งสร้างจากนิยายของ จอห์น เออร์วิ่ง เรื่อง “Widow for One Year” เธอยังแสดงนำในภาพยนตร์ทริลเลอร์ของนิวไลน์ ซีนีม่า เรื่อง Cellular ในปี 2003 เบซิงเจอร์ร่วมแสดงกับ อีมีเน็ม ในภาพยนตร์ของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เรื่อง 8 Mile และในปี 2002 เธอแสดงนำในภาพยนตร์ของมิราแม็กซ์ เรื่อง People I Know ซึ่งเธอประกบบทกับ อัล ปาชิโน่ และเทีย ลีโอนี่ ในปี 2000 เบซิงเจอร์แสดงนำในภาพยนตร์ของพาราเม้าต์ พิคเจอร์ส เรื่อง Bless the Child และในปีเดียวกันนี้ เธอยังแสดงนำในภาพยนตร์ของฮิวจ์ ฮัดสัน เรื่อง I Dreamed of Africa ในปี 1998 เบซิงเจอร์ได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมเรื่อง L.A. Confidential ผลงานการกำกับของ เคอร์ติส แฮนสัน ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเบซิงเจอร์ ได้แก่ ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Batman, ภาพยนตร์ทริลเลอร์ของ เอเดรียน ไลน์ เรื่อง 9 ½ Weeks; No Mercy; ภาพยนตร์ของ โรเบิร์ต อัลท์แมน เรื่อง Ready to Prêt-à-Porter และ Fool for Love; Final Analysis ซึ่งเธอร่วมแสดงกับ ริชาร์ด เกียร์; The Marrying Man; The Getaway; ภาพยนตร์ของ เบลก เอ๊ดเวิร์ดส์ เรื่อง Blind Date; Cool World; The Real McCoy และ Nadine Logged happy on September 12, 2010, 03:33:38 PM Logged Print Pages: [1] Go Up « previous next » enjoyjam.net » ภาพยนตร์ » ข่าวภาพยนตร์ (Moderators: happy, sianbun) » Charlie St. Cloud 14 ตุลาคม 2553