Recent Posts

Pages: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10
41
รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เยี่ยมชมบูทจำหน่าย “ดอกแก้วกัลยา”
รายได้ช่วยเหลือคนพิการทั่วประเทศ ที่ศูนย์การค้าแพลทินัม ประตูน้ำ


ดร.วรรณปรียา โลหะวัฒนากุล รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ให้เกียรติ นำคณะผู้บริหารเยี่ยมชมบูทกิจกรรมจำหน่ายผลิตภัณฑ์“ดอกแก้วกัลยา” รายได้ช่วยเหลือคนพิการทั่วประเทศจัดจำหน่ายโดยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นายวรพงศ์ สุขธีรอนันตชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ให้การต้อนรับ และมีนางอัจฉรา เกษมวัฒนา รองเลขาธิการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ, นางวิไลวรรณ ลายถมยา ประธานคณะกรรมการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคนพิการ, นายทิพวัฒน์  จลานันทวงศ์ รองประธานคณะกรรมการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคนพิการ ร่วมงานด้วย ณ บริเวณด้านหน้าทางเข้าศูนย์การค้า แพลทินัม ชั้น 1 โซน 1 เมื่อเร็วๆนี้

บรรยายบุคคลจากด้านซ้ายไปขวา
นางอัจฉรา เกษมวัฒนา รองเลขาธิการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ
นางวิไลวรรณ  ลายถมยา ประธานคณะกรรมการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคนพิการ
ดร.วรรณปรียา  โลหะวัฒนากุล รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ
นายวรพงศ์  สุขธีรอนันตชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป
นายทิพวัฒน์  จลานันทวงศ์  รองประธานคณะกรรมการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคนพิการ 
นางสาวอมรพรรณ เมธาทรงสถิตย์ ผู้อำนวยการกิจกรรมรายได้พิเศษ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป












42
“สุธีพัทธ์” เครื่องร้อน ตามผู้นำสโตรคเดียวศึก ไต้หวัน กลาส ไท่ฟง โอเพ่น รอบสอง


สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย

15 พฤศจิกายน – สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย เครื่องร้อนหวด 9 เบอร์ดี้ ไร้โบกี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 9 อันเดอร์พาร์ 63 รวมสองวันมี 14 อันเดอร์พาร์ 130 ไล่จี้แจ็ค ทอมป์สัน โปรจากออสเตรเลียเพียงสโตรคเดียว หลังผ่านครึ่งทางของศึกไต้หวัน กลาส ไท่ฟง โอเพ่น ที่สนามไท่ฟง กอล์ฟ คลับ เมืองชางฮัว ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (ภาพ: Asian Tour)


แจ็ค ทอมป์สัน

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ “ไต้หวัน กลาส ไท่ฟง โอเพ่น” ชิงเงินรางวัลรวม 4 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14 ล้านบาท ณ สนามไท่ฟง กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,302 หลา พาร์ 72 ประเทศไต้หวัน ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายนนี้ จบรอบสองปรากฏว่า โปรตี้-สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย แชมป์เก่าปีที่แล้ว เครื่องร้อนหวด 9 อันเดอร์พาร์ 63 จากการทำ 9 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียแม้โบกี้เดียว ขยับจากอันดับ 5 ขึ้นมามารั้งที่สองด้วยสกอร์รวมตามหลัง แจ็ค ทอมป์สัน โปรหนุ่มชาวออสเตรเลียน ที่หวดเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 67 เพียงสโตรคเดียว


สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย

สุธีพัทธ์ ซึ่งคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ สองรายการที่ไต้หวัน เผยหลังเกมว่า “สนามที่ไต้หวันค่อนข้างแคบ ดังนั้นต้องทีออฟออกไปให้ดี ซึ่งผมไดร์ฟได้ดี นั่นคือเหตุผลที่ผมทำผลงานได้ดีที่นี่ สภาพสนามปีนี้ค่อนข้างง่ายกว่าปีที่แล้ว เพราะกรีนนุ่มและช้ากว่า จึงพัตต์ได้ง่าย ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องการมาป้องกันแชมป์ในสัปดาห์นี้แต่ตอนนี้เริ่มมีความคิดขึ้นมาแล้ว


รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์

ขณะที่ รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ โปรหนุ่มดาวรุ่ง ผู้นำรอบแรก เก็บเพิ่มอีก 4 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวมสองวัน 12 อันเดอร์พาร์ 132 รั้งอันดับ 3 ร่วมกับ ฮุง เชียน-เหยา นักกอล์ฟเจ้าถิ่น โดยมี ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม ที่ตีเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 67 และอาริฟฟิน ชาห์ริฟฟุดดิน จากมาเลเซีย ตามมาที่อันดับ 5 ร่วมด้วยสกอร์รวมคนละ 10 อันเดอร์พาร์ 134


ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม

ส่วนผลงานนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจรายอื่น อติรุจ วินัยเจริญชัย เก็บอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 สองวันมี 8 อันเดอร์พาร์ 136 อยู่อันดับ 8 ร่วม ทางด้าน ธนภัทร พิชัยกุล, ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ, แดนไท บุญมา และ สดมภ์ แก้วกาญจนา สกอร์รวมคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 137 รั้งอันดับ 12 ร่วม

สำหรับรอบนี้ตัดตัวนักกอล์ฟเข้าไปเล่นสองวันสุดท้ายที่สกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 143 โดยมีนักกอล์ฟไทยผ่านเข้ารอบรวม 21 คน

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
43
Optical88 ตอกย้ำความมั่นใจในคุณภาพ หลังคว้ารางวัลความเป็นเลิศด้านบริการแห่งปี
เป็นครั้งที่ 2 ในงานมอบรางวัล THAILAND TOP ENTREPRENEUR 2024


             Optical88 อันดับ 1 ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย คว้ารางวัล “THAILAND TOP ENTREPRENEUR AWARDS 2024” เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร BUSINESS+ โดยบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในความร่วมมือของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ตอกย้ำคุณภาพการให้บริการดูแลสายตามืออาชีพที่ดีที่สุด พร้อมตอบโจทย์ทุกปัญหาด้านสายตา


             คุณสิทธิโชค สิริถิรนัย กรรมการผู้จัดการทั่วไป บริษัท ออพติคัล 88 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียมากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Optical88 วาง Positioning เป็นร้านค้าปลีกแว่นตาและให้บริการทางสายตาครบวงจรที่ดีที่สุด เพื่อส่งต่อประสบการณ์ที่ดีทางด้านสายตาแก่ลูกค้าทุกคน ด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาทิ เลนส์ กรอบแว่นสายตา แว่นกันแดด คอนแทคเลนส์ ฯลฯ รวมไปถึงบริการตรวจวัดสายตาและดวงตาแบบครบวงจร ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยนักทัศนมาตรมืออาชีพที่มีใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งจะสามารถตรวจวินิจฉัยโรคตาในเบื้องต้นโดยเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำเคล็ดลับในการดูแลดวงตา เพื่อความคุ้มค่าของสินค้าและบริการด้านสายตาครบวงจร ทำให้ Optical88  คว้ารางวัล “THAILAND TOP ENTREPRENEUR AWARDS 2024” หรือรางวัลความเป็นเลิศด้านบริการแห่งปี เป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำคุณภาพการให้บริการด้านดูแลสายตามืออาชีพที่ดีที่สุด


             “เรามีความตั้งใจที่จะส่งมอบคุณค่าของสินค้าและบริการในแบรนด์ Optical88 ไปถึงผู้บริโภค โดยไม่ได้พยายามแข่งขันด้านราคา แต่มองข้ามไปหาความคุ้มค่าในสินค้าและทุก ๆ บริการที่ลูกค้าจะได้รับมากกว่า เพราะเราต้องการเป็นร้านค้าปลีกแว่นตาที่ดีที่สุด ทั้งก่อนและหลังการให้บริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีครบวงจรสำหรับลูกค้าทุกคน โดยจะเปิดตัวแบรนด์พรีเมียมลักชัวรีใหม่ ๆ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มบนที่มีกำลังซื้อสูงมากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างความเข้าใจไปยังกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปถึงการใช้งานเลนส์คุณภาพสูง อย่างเลนส์โปรเกรสซีฟ ที่รองรับไลฟ์สไตล์ผู้คนปัจจุบันที่มักอยู่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ และด้วยคุณสมบัติของเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ โดยจะช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นในทุกระยะ ทั้งการมองระยะใกล้ กลาง และไกล และจะช่วยให้การมองเห็นง่าย สะดวกสบายในการใช้งานดีขึ้น”  คุณสิทธิโชค กล่าว


             นอกจากนี้ Optical88 ยังมีศูนย์บริการโปรเกรสซีฟเลนส์เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์บริการให้คำแนะนำตลอดการตรวจ เริ่มจากการสอบถามประวัติสายตาวัดสายตาทดลองเลนส์ หรือเรามีเลนส์ให้ทดลองเป็นเลนส์จากแบรนด์ HOYA ชื่อว่า Sync III ที่เป็นที่นิยมมากกับลูกค้าที่มีการใช้สายตากับอุปกรณ์ดิจิตอลเป็นระยะเวลายาวนานต่อวัน และกลุ่มลูกค้าที่มีสายตายาวตามอายุสามารถทดลองเลนส์ Progressive ซึ่งเป็นเลนส์ทดลองจากแบรนด์ HOYA เช่นกัน และมีให้เลือกตั้งแต่ Progressive ทั่วไป เช่น เลนส์ Lifestyle Balansis หรือ Dynamic Summit Pro หรือกลุ่มเลนส์ Progressive ระยะใกล้ ระยะกลาง ที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องใช้งานในชีวิตประจำวันในระยะ 30 เซนติเมตร ถึงประมาณ 2 และ 4 เมตร เช่น เลนส์ Lecture หรือ Dynamic Tact ตามความเหมาะสมในการนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันของลูกค้า เมื่อได้เลนส์ที่เหมาะสมแล้วเราจะให้ลูกค้าทดลองในมุมเสมือนจริงของศูนย์เรา เช่น การใช้คอมพิวเตอร์การอ่านระยะใกล้ การทำครัวหลังจากทดลองทดลองของเราแล้วเราจะมีการวัดจุดประกอบแว่นตาด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย จากญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า True View และทดสอบระยะการเหลือบของตาด้วยโต๊ะ Mirror Table หรืออีก ทั้งยังมีบริการติดตามผลหลังการใส่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย




             โดยตลอด 30 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการทำงานแบบปรับตัวตลอดเวลาตามกระแสความนิยมในปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในทุก ๆ กลุ่ม ทำให้ปัจจุบันบริษัท Optical88 (ออพติคัล 88 ) จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทธุรกิจค้าปลีกที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องสายตาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และมีสาขามากกว่า 200 สาขาในฮ่องกง มาเก๊า จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย โดย Optical88 ในไทยมีสาขาอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำต่าง ๆ กว่า 30 สาขาทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาสามารถร่วมสัมผัสการบริการที่ประทับใจเหมือนคนในครอบครัวที่จะดูแลเรื่องสายตาให้ทุกคนได้ที่ Optical88 ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-9840888 ต่อ 132
44
บมจ. เออาร์ไอพี ประกาศความพร้อมจัดงาน COMMART TECHXPRO
มหกรรมสินค้าไอทีส่งท้ายปี พบกัน 28 พ.ย. – 1 ธ.ค. 67 ที่ไบเทค บางนา
และมอบรางวัลสินค้าไอที การันตีคุณภาพ COMMART AWARDS 2024


             บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) จับมือพันธมิตรแบรนด์และผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที จัดงานแถลงข่าวมหกรรมสินค้าไอทีรอบส่งท้ายปี ในคอนเซ็ปต์ “COMMART TECHXPRO” ชวนสัมผัส เทคโนโลยี AI PC เจนใหม่ สินค้าที่ยังคงแรงต่อเนื่อง พร้อมด้วยการมอบรางวัล “COMMART AWARDS 2024”  รางวัลที่มอบให้กับสุดยอดสินค้าด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแห่งปี 2024 โดย COMMART TECHXPRO ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรแบรนด์สินค้าไอทีมากมาย และความร่วมมือสุดเอ็กคลูซีฟ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โชว์ผลงานออกแบบคีย์แคปสุดจึ้ง ที่ได้รับรางวัลจากเวทีประกวดออกแบบคีย์แคป ในธีม เทค เที่ยว ไทย คอนเทสต์ มาร่วมออกบูธและกิจกรรมมากมาย ห้ามพลาดกับบูธสินค้าไอทีอีกกว่า 200 ร้านค้า พบกันวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567  ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา


             นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า  “จากสถานการณ์การจัดส่ง PC ทั่วโลก มีแนวโน้มที่ลดลง แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่า PC ที่รองรับ AI จากแบรนด์ต่าง ๆ จะเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาดได้ ซึ่ง IDC ได้มีการคาดการณ์ความต้องการ PC ที่รองรับ AI จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะครองตลาดหลักภายในปี 2026 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากทางคอมมาร์ตที่ได้มีการเก็บข้อมูลการซื้อของผู้บริโภคในงานครั้งคอมมาร์ต (รอบกลางปี) ครั้งที่ผ่านมา พบว่า สินค้าประเภทโน้ตบุ๊คมีจำนวนการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 83.83% เมื่อเทียบกับงานคอมมาร์ตรอบต้นปี 2567 หลังจากที่ PC ที่รองรับ AI มีสินค้าให้เลือกมากขึ้นนั่นเอง สินค้าในกลุ่มสุขภาพ อย่างเก้าอี้ Ergomonic มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 91.49% และ Smart Watch เพิ่มขึ้น 314.29% ซึ่งทำให้เห็นว่าผู้ซื้อสินค้าในงานคอมมาร์ตให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพด้วยสินค้า healthtech กันมากขึ้น ในภาพรวมยังพบอีกว่า ค่าเฉลี่ยการซื้อสินค้าไอทีอยู่ที่ 37,149 บาทต่อคน โดย 65% ของคนมาเดินงานคอมมาร์ตมีแนวโน้มในการเลือกซื้อสินค้าไอทีจากหลากหลายร้าน ไม่ยึดติดกับร้านค้าใดร้านค้าหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าในช่วงปลายปีค่าเฉลี่ยการซื้อสินค้าจะยิ่งมีมูลค่าสูงมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยที่คึกคัก ผนวกกับมีสินค้าเปิดตัวใหม่เข้ามาในงานจะยิ่งดึงดูดให้คนมางานคอมมาร์ตครั้งนี้”


             “ประกอบกับกระแสความนิยมของคีย์บอร์ด ที่มีจำนวนการซื้อในงานคอมมาร์ตเพิ่มสูงขึ้นถึง 154.62% ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นอุปกรณ์ที่กลุ่มคนเจน Y มองหา โดยในงานครั้งนี้ คอมมาร์ตยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรสุดเอ็กคลูซีฟ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมประกวดออกแบบคีย์แคปที่สะท้อน Soft Power ของไทย ในธีม เทค เที่ยว ไทย ซึ่งมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 100 ผลงาน ทั้งกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และนักออกแบบหรือบุคคลทั่วไป ซึ่งจะมีการมอบรางวัลและจัดแสดง 9 ผลงานออกแบบที่ได้รับรางวัล และพบกับเทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยวสมัยใหม่ รวมถึงกิจกรรมอีกมากมายภายใน โซน เทค เที่ยว ไทย”


             “นอกจากนี้ คอมมาร์ต ยังได้ร่วมกับสมาคมไทยไอโอที และบริษัท AiTAN Technology เปิดโซนพิเศษ Smart Home Solutions ที่ให้ผู้ร่วมงานสัมผัสและทดลองใช้งานอุปกรณ์จริงในห้องจำลองด้วยเทคโนโลยี IoT สุดล้ำ ที่นำมาจัดแสดง ที่มาพร้อม Smart Home package ที่สามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ทำให้การปรับเปลี่ยนบ้านหรือคอนโดให้ Smart เป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งบ้านที่มีผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ยังมีโซน "Be creative  with Creative team by Inside Smart Home" ที่มาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ smart home และช้อปสินค้าผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างดี รับประกันคุณภาพโดย AiTAN  พร้อมรับคูปองส่วนลดจากคอมมาร์ต”


             นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า ในงานคอมมาร์ตครั้งนี้ได้ประกาศผลไอเท็มแห่งปีที่ยกให้เป็น The Best Choice จากรางวัล “COMMART AWARDS 2024”  ที่มอบให้กับสุดยอดสินค้าด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแห่งปี 2024 จาก 4 หมวดหมู่สินค้าไอที ได้แก่ 1. The Best Notebook 2. The Best PC Components 3. The Best Computer Peripherals และ 4. The Best Accessories ซึ่งคัดเลือกโดย กองบรรณาธิการ Commart Thailand ร่วมกับ Influencer ด้านไอที อย่าง Beartai, iT24Hrs และ Techhub รวมถึงคะแนนโหวตจากผู้ใช้งานจริง เพื่อจัดทำเป็น Buyer’s guide ให้กับผู้ที่สนใจสินค้าไอทีได้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ช่วยสร้างมาตรฐานให้กับสินค้าและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง


             ซึ่งผลพวงของการเปลี่ยนเจนเทคโนโลยี การมาของ AI PC ในช่วงกลางปีต่อเนื่องมาจนถึงปลายปี จะเห็นว่าการพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ชิปใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core Ultra 200V กับ AMD Ryzen AI 300 Series รวมถึง Apple M-Series ที่เน้นการประมวลผล AI ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการอัปเกรดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น เมนบอร์ดชิปเซ็ต Z890 ตัวใหม่ , แรม DDR5 แบบใหม่ มาพร้อมชิป CU-DIMM รวมถึง SSD M.2 PCIe 5.0 หรือ Gen 5 ตัวใหม่ล่าสุด ที่ให้ความเร็วเพิ่มมากขึ้นถึง 2.5 เท่า


             ใครที่มีแผนซื้อคอมประกอบใหม่ สามารถมาซื้อได้ทั้งซีพียูและเมนบอร์ด แรม SSD รุ่นใหม่ รวมไปถึงสินค้า iOT, Keyboard และอื่นๆ อีกมากมาย ได้ในงาน “COMMART TECHXPRO ” ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. – 1 ธ.ค. 67 จะเป็นงานที่ทุกคนจะได้พบกับดีลที่ดีที่สุดส่งท้ายปี 2567 โดย คอมมาร์ตร่วมกับพันธมิตรได้เตรียมข้อเสนอ โปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษไว้มากมาย ประกอบด้วย


•   ลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้า รับฟรี ถุงผ้า Pixma X Commart ดีไซน์ใหม่ ที่ต้องตามสะสม

•   Commart Big Bonus ช้อปครบทุก 3,000 บาทได้สิทธิ์ลุ้น Big Bonus ของรางวัลสุดปัง แถมได้สิทธิ์ลุ้นโชค 2 ต่อ ต่อแรก ลุ้นจับรางวัล UPS และเครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า, iPhone 16 Pro , การ์ดจอ RTX4070 และ PlayStation 5 Pro จับแจกทุกวันตลอดทั้ง 4 วัน ต่อที่ 2 อัปโหลดใบเสร็จ ผ่าน LINE COMMART ได้ลุ้น Apple AirPods Pro 4 จำนวน 5 รางวัล
•   Commart On Top ช้อปครบ 50,000.- แลกคูปองส่วนลดเพิ่ม 500.- (เฉพาะวันพฤหัส – ศุกร์)
•   คอมมาร์ตช่วยจ่ายค่าจอดรถ เพียงซื้อสินค้าในงานคอมมาร์ตครบ 30,000.- รับสิทธิ์จอดรถฟรี 3 ชั่วโมง
•   คอมมาร์ตอยากแจก สมัครปั๊บรับสิทธิ์ลุ้นฟรี คอมมาร์ตกาชาปอง ลุ้นคูปองส่วนลด สูงสุด 10,000 บาท และของรางวัลอีกมากมาย แค่มางานก็รับไปเลย
•   Commart Passport สะสมสแตมป์ครบ รับสิทธิ์ลุ้นฟรี ของรางวัลสุดเซอร์ไพรส์



             งาน “COMMART TECHXPRO”  จัดโดย บมจ.เออาร์ไอพี พร้อมด้วยพันธมิตรธุรกิจคับคั่ง อาทิ ACE, AMD, BaNANA, E-Quip, EPSON, iStudio by SPVI, Intel, IT CITY, J.I.B, MSI, SPEED Computer, Studio7, ASUS, Ascenti, Apple Sheep, BeWell, Cougar, Cricut by RTB, Ergotrend, Gamerlab, Lexar, Secretlab, TTRacing Gaming Chair, VEXXO และ เครดิตบูโร


             ร่วมด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) , Loga , สมาคมไทยไอโอที , AiTAN Technology และ Media Partner ได้แก่ Business+, eLeader, techhub, Beartai, ExtremeIT, iT24Hrs., Notebookspec , Overclockzone และชอบโปร เข้าชมงานฟรี! เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา  พบกัน 28 พ.ย. – 1 ธ.ค. 67  เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา (28 พ.ย. 67 มีพิธีเปิดงานช่วงบ่าย อาจมีการกั้นพื้นที่บางส่วน แนะนำให้เข้างานหลัง 17.00 น. เป็นต้นไป)

             ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรม หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , Line:@Commart, และ twitter.com/Commart
45
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ประสบความสำเร็จ
ในการรักษาโรคอ้วนทุพพลภาพ สกัดโรคเรื้อรังที่คร่าชีวิตผู้ป่วยโรคอ้วน ด้วยนวัตกรรมการผ่าตัดกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยวิธีส่องกล้องที่ทันสมัย




           ปัจจุบันการเจ็บป่วยและเสียชีวิต (ก่อนวัยอันควร) ของคนไทยมีสาเหตุมาจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases; NCDs) และปัจจัยเสี่ยงที่เป็นผลจากปัญหาพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น การศึกษาภาวะโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากรไทย พบว่า “โรคอ้วน” เป็นปัจจัยเสี่ยงและภัยเงียบสำคัญ อันดับ 1 และอันดับ 6 ของการสูญเสียปีสุขภาวะในหญิงไทยและชายไทย โดยผู้ป่วยโรคอ้วนในประเทศไทย มีจำนวนมากขึ้น และกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขอยู่ในขณะนี้ จากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติได้รายงานผลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่าในกลุ่มประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป ซึ่งมีทั้งหมด 55 ล้านคน กำลังประสบปัญหาภาวะโรคอ้วน น้ำหนักเกินมาตรฐานประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งติดอันดับ 5 ใน 14 ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก และผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยพบว่ามีผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง ร้อยละ 36.5 และพบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มากกว่า 1 ใน 3 มีภาวะน้ำหนักเกิน (ดัชนีมวลกาย หรือ Body mass index; BMI ตั้งแต่ 25 กิโลกรัม/เมตร2 ขึ้นไป) ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า และพบผู้ที่มีภาวะอ้วน (BMI ตั้งแต่ 30 กิโลกรัม/เมตร2 ขึ้นไป) มากถึง 1 ใน 10 คน สำหรับภาคใต้ จากผลสำรวจพบว่าอุบัติการณ์ความชุกของภาวะอ้วนโดยรวม อยู่ที่ร้อยละ 34 โดยมีแนวโน้มผู้ป่วยโรคอ้วนสูงขึ้นทุกปี นอกจากนี้ยังพบว่าความอ้วนมีผลเสียทำให้เกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ได้แก่ โรคเบาหวาน  ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ เป็นต้น ซึ่งโรคเรื้อรังเหล่านี้จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อคุณภาพชีวิตและความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก ซึ่งคาดการณ์ว่าในปัจจุบันต้นทุนรวมต่อสังคมของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนมีมูลค่าสูงกว่า  12,142 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.13 ของ GDP โดยแยกเป็นต้นทุนทางตรงจากค่ารักษาพยาบาลมีมูลค่าประมาณ 5,584 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนทางอ้อมจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและการขาดงานมีมูลค่ารวม 6,358  ล้านบาท


           ผศ.นพ.กำธร ยลสุริยันวงศ์ ประธานศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน  โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาโรคอ้วน กำลังเป็นปัญหาทางสังคมไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่า 1 ใน 10 คนของประชากรไทยในขณะนี้ มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน โรคอ้วนกลายเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ มากมาย แต่เมื่อได้ลดน้ำหนักตัวลงแล้ว โรคต่าง ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป  โรคอ้วน ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ โรคนี้สามารถทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย คนอ้วนกลายเป็นคนที่ไม่ต้องการของสังคม บางคนอาจมองว่าความอ้วนนั้น ก่อให้เกิดปัญหาด้านรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงโรคอ้วนเป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านกระดูกและข้อ เช่น โรคเก๊าท์ ปวดเข่า ปวดขา หรือปัญหาเกี่ยวกับภาวะดื้อต่ออินซูลิน โรคเบาหวานและไขมันในเส้นเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง และในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ บางครั้งแพทย์พยายามรักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ รักษาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล แต่เมื่อเริ่มรักษาโรคอ้วนแทน กลับทำให้โรคเรื้อรังเหล่านั้นจางหายไปไม่กลับมาเป็นซ้ำ เข้าสู่สังคมได้อย่างเป็นปรกติสุข มีหน้าที่การงานและอาชีพที่มั่นคงและได้รับการยอมรับจากสังคม


           โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.)ได้ให้ความสำคัญของการส่งเสริมป้องกันและดูแลรักษาโรคอ้วนอย่างจริงจังและได้จัดตั้งทีมดูแลส่งเสริมป้องกันและรักษาโรคอ้วนขึ้น โดยมีทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ สหสาขา  ช่วยเหลือดูแลอย่างครบวงจรแบบองค์รวม จนถึงปัจจุบันได้เติบโตเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (Songklanagarind Excellence Center For Obesity and Metabolic Surgery (SECOMS) ซึ่งได้รับการรับรองว่าเป็นสถาบันที่เป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนจากสถาบัน Surgical Review Corporation (ประเทศสหรัฐอเมริกา) และเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Southeast Asia) ซึ่งเป็นทีมสหสาขาวิชาที่กำหนดแผนรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยให้ความรู้แก่ผู้ป่วยก่อนผ่าตัดระหว่างผ่าตัด และหลังการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วน ซึ่งประกอบด้วย ศัลยแพทย์ผ่าตัดโรคอ้วน ศัลยแพทย์ตกแต่ง อายุรแพทย์หน่วยต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม อายุรแพทย์หน่วยโภชนศาสตร์ อายุรแพทย์โรคปอด อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหาร วิสัญญีแพทย์ จิตแพทย์ โสตศอนาสิกแพทย์  พยาบาล ทีมงานโภชนาการ ทีมงานสิทธิประโยชน์ผู้ป่วย และทีมงานกายภาพบำบัด  ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันชั้นนำของประเทศในการรักษาโรคอ้วนอย่างครบวงจร ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคอ้วนทุพลภาพหรือโรคอ้วนอันตราย เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดไปแล้วมากกว่า 1,000 ราย


           ปัจจุบันการผ่าตัดโรคอ้วนจะทำโดยการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) ทั้งหมด โดยจะมีเพียงรูแผลเล็ก ๆ ที่หน้าท้องประมาณ 4 - 5 รู ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้ความเจ็บปวดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่า และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า ชนิดการผ่าตัดมีอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ที่เป็นมาตรฐานและเป็นที่นิยม และมีทำในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้แก่

1. การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (Sleeve Gastrectomy) ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดกระเพาะอาหารส่วนใหญ่ให้เหลือกระเพาะอาหารประมาณ 20% หรือเหลือความจุประมาณ 100 - 200 มิลลิลิตร โดยเหลือไว้เป็นลักษณะคล้ายท่อแป๊บหรือรูปกล้วย อาหารจะผ่านลงมาสู่กระเพาะอาหารที่เหลือและผ่านไปยังลำไส้เล็กได้ตามปกติ เพียงแต่มีความจุลดลงเท่านั้น ผู้ป่วยจะสามารถรับประทานอาหารได้เพียงไม่กี่คำ ก็จะรู้สึกแน่น และอิ่มเร็วขึ้น การผ่าตัดชนิดนี้มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างต่ำกว่า การผ่าตัดแบบบายพาส แต่ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ดีเท่าการผ่าตัดแบบบายพาสก็ตาม

2. การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารร่วมกับการลัดทางเดินอาหาร หรือ การผ่าตัดบายพาส(Gastric Bypass) ศัลยแพทย์จะทำการตัดกระเพาะอาหารส่วนต้นที่ต่อลงมาจากหลอดอาหาร ให้เหลือเป็นกระเปาะขนาดเท่าลูกปิงปอง หรือลูกกอล์ฟ ซึ่งมีความจุประมาณ 20-30 มิลลิลิตร หลังจากนั้นก็ตัดเอาลำไส้เล็กส่วนกลาง มาต่อเข้ากับกระเปาะกระเพาะอาหารที่ตัดไว้ และนำปลายลำไส้เล็กส่วนต้นมาต่อเข้ากับลำไส้เล็กส่วนกลาง อาหารจะผ่านลงมาสู่กระเปาะกระเพาะอาหารซึ่งมีขนาดเล็ก จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น หลังจากนั้นอาหารจะเคลื่อนผ่านไปยังลำไส้เล็กที่นำมาต่อไว้ อาหารจะยังไม่สัมผัสกับน้ำย่อยที่สร้างมาจากกระเพาะอาหารส่วนที่เหลือ และที่สร้างมาจากตับและตับอ่อน จนกว่าจะผ่านมาถึงบริเวณที่ลำไส้เล็กมาต่อกัน ซึ่งช่วงที่อาหารยังไม่ถูกย่อยโดยน้ำย่อย ลำไส้ก็จะไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ นั่นคือกลไกลดการดูดซึมสารอาหาร

3. การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารร่วมกับการลัดทางเดินอาหาร แบบ เซดิ-เอส หรือ เซดิส (Single anastomosis duodenoileal bypass with sleeve gastrectomy: SADI-S) คือการผ่าตัดที่รวมเอาเทคนิคแบบ สลีฟ และบายพาสเข้าด้วยกัน ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดกระเพาะอาหารส่วนใหญ่ให้เหลือกระเพาะอาหารประมาณ 20% หรือเหลือความจุประมาณ 100 - 200 มิลลิลิตร เช่นเดียวกับการทำ sleeve gastrectomy และการทำบายพาสด้วยเทคนิคที่เรียกว่า duodenal switch โดย ตัดแยกลำไส้เล็กส่วน duodenum  ตรง 2-3 ซม.จาก หูรูดกระเพาะอาหารส่วนล่าง (pylorus) แล้วนำไปต่อกับลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ให้อาหารไม่ผ่านส่วนอื่นของลำไส้เล็กส่วนต้นและส่วนกลาง (duodenum และ jejunum) เพื่อลดการดูดซึมสารอาหาร และยังกระตุ้นการหลั่ง gut hormone หลายตัวด้วยกัน เช่น GLP-1, PYY เป็นต้น ซึ่งจะทำให้รู้สึกอิ่ม และยังช่วยกระบวนการ glucose homeostasis ให้ดีขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงทำให้ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้นหรือหายจากโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ยังมีกลไกอื่น ๆ ที่ช่วยในการลดน้ำหนัก และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เช่น change in bile acid circulation, change in gut microbiota เป็นต้น ด้วยการรักษาเทคนิคนี้ จะสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าวิธีอื่น และโอกาสที่โรคร่วมจะหายมีสูงกว่าวิธีอื่น ๆ


           ด้าน อ.นพ.สิริพงศ์  ชีวธนากรณ์กุล  ที่ปรึกษาศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ กล่าวว่า นิยามของภาวะอ้วนนั้น ในทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะมีการแบ่งระยะของความอ้วนในหลายระดับด้วยกัน โดยมักอ้างอิงจากตัวเลขค่าหนึ่งที่เรียกว่า ค่าดัชนีมวลกาย หรือ ค่า Body Mass Index (BMI)  โดยคำนวณได้จากสูตรดังนี้ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)  =  น้ำหนัก (กิโลกรัม; kg) / ส่วนสูง2 (เมตร2; m2)

           ซึ่งระดับความอ้วนที่แบ่งตาม WHO นั้น จะนิยามความอ้วนระดับที่ 1 เมื่อค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 30 สำหรับระดับที่ 2 เมื่อค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 35 และระดับที่ 3 เมื่อค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 40 ส่วนในคนเอเชียจะนิยามความอ้วนจะน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนยุโรปหรืออเมริกา โดยเมื่อมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 25 ก็ถือว่าอ้วนแล้ว

           หากกล่าวถึงระดับความอ้วนที่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ก็จะมีผลกระทบตั้งแต่เริ่มมีภาวะน้ำหนักเกินแล้ว โดยหากค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 ควรปฏิบัติตนโดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะถ้าดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 30  ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้สูง จึงควรปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดและควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์หรือนักโภชนาการร่วมกัน


           ประโยชน์ของการรักษาโรคอ้วนโดยวิธีการผ่าตัด ได้แก่

1. น้ำหนักตัวลดลง (Weight loss) เป้าหมายหลักนั้นเพื่อที่จะลดน้ำหนักให้กลับมาสู่ระดับปกติหรือที่ค่าดัชนีมวลกายน้อยกว่า 25 กิโลกรัม/เมตร2 (BMI < 25 kg/m2) น้ำหนักจะลดลงมากน้อยเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด (Type of bariatric surgery) และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและการออกกำลังกายของผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วค่าน้ำหนักตัวที่ลดลงจะคิดเป็นร้อยละของน้ำหนักตัวที่ลดลง (Percentage of total weight lost) ทั้งนี้โดยทั่วไป การผ่าตัดสามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ เฉลี่ยประมาณร้อยละ 25 – 40 ของน้ำหนักตัวตั้งต้น

2. สุขภาพดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ (Physical & Mental Health Improvement) ภายหลังการรักษาโดยการผ่าตัด นอกจากสามารถลดน้ำหนักตัวลงแล้ว ยังทำให้โรคร่วมที่เกิดจากความอ้วน ดีขึ้นหรือหายขาดได้อีกด้วย และที่สำคัญคือ อายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้น และคุณภาพชีวิตดีขึ้น

           โดยในขั้นแรกของการรักษา แพทย์และนักโภชนากรจะพยายามให้คนไข้ลดน้ำหนักด้วยตนเองเป็นลำดับแรก  ซึ่งแพทย์จะให้เวลาผู้ป่วยควบคุมน้ำหนักด้วยตนเองอย่างน้อย 3-6 เดือน และจะไม่แนะนำให้คนไข้หักโหมลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักที่ถูกวิธี ต้องลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีหลักสำคัญอยู่ 2 ประการ คือ  “การควบคุมอาหาร” และ  “การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม”  แพทย์จะติดตามผลเป็นระยะเพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมไม่กลับมาอ้วนอีก แต่หากผู้ป่วยลดน้ำหนักด้วยวิธีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายไม่สำเร็จ  การผ่าตัดในการรักษาโรคอ้วนก้เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง

           ถ้าพูดถึงการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน ผู้ป่วยหลายคนอาจยังมีความกลัว แต่การผ่าตัดทั้งหมดสามารถทำได้โดยวิธีการส่องกล้องมีแผลเล็กๆเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเปิดแผลกว้างเหมือนการผ่าตัดทั่วไป และการผ่าตัดดังกล่าวนั้น มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิตน้อยมาก  แต่อย่างไรก็ตามการลดความอ้วนด้วยวิธีการธรรมชาติ ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนัก ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องกังวลกับภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัดแล้ว การลดน้ำหนักด้วยตนเอง ยังเป็นการเสริมสร้างวินัย และยังช่วยให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตแข็งแรงอีกด้วย

           ด้านบริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด โดย Mr. Paul Verhulst Vice President, Mainland Southeast Asia, Medtronic PLC. และคุณสุชาดา ธนาวิบูลเศรฐ, Senior Country Director บริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เมดโทรนิค เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพที่มีประสบการณ์กว่า 2 ทศวรรษในประเทศไทย ได้สานต่อความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจากหลากหลายภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ความมุ่งมั่นนี้ปรากฏผ่านโครงการความร่วมมือจำนวนมาก โดยเฉพาะกับมหาวิทยาลัยแพทย์และสาธารณสุขชั้นนำ โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างกำลังคนด้านการดูแลสุขภาพที่มีทักษะผ่านการฝึกอบรมขั้นสูง และการวางกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างกระจายทั่วประเทศ  แนวทางครอบคลุมนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาทันสมัยสำหรับประชาชน ผลักดันนวัตกรรมผ่านการวิจัย และยกระดับมาตรฐานศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดทั่วประเทศให้ทัดเทียมระดับสากล โดยส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากล

           บริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญของโรคอ้วนที่กำลังเป็นปัญหาทางสุขภาพที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในประเทศไทย บริษัทฯ ได้นำนวัตกรรมการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนแบบแผลเล็ก (Minimal Invasive) ซึ่งเป็นการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopy) มาใช้รักษาผู้ป่วยโรคอ้วนในประเทศไทย ส่งเสริมการให้ความรู้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือผ่าตัดให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด ผ่านความร่วมมือกับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ชั้นนำที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการทักษะการผ่าตัดผ่านกล้อง  โดยเรียนเชิญศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศไทย เข้าร่วมเยี่ยมชมศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ทางวิชาการด้านผ่าตัดรักษาโรคอ้วน และดูแลผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น โดยเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และให้ความรู้ ได้แก่ ศัลยแพทย์, วิสัญญีแพทย์, อายุรแพทย์, พยาบาลห้องผ่าตัด, นักโภชนาการ, นักกายภาพบำบัด และทีมเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ทาง บริษัทฯ มีความมุ่งหวังให้ความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์การกลางเรียนการสอนในการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ในอนาคต           

           สำหรับผู้สนใจปรึกษาเรื่องโรคอ้วน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ Tel : 06-2580-1122 , 0-7445-1760 ถึง 1 หรือ เฟซบุ๊ก : ศูนย์การผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (www.facebook.com/Songklanagarind.Obesity.Center) หรือเว็บไซต์ https://secoms.medicine.psu.ac.th พร้อมช่องทางการรับบริจาคได้ที่ “กองทุนดูแลรักษาผู้ป่วยโรคอ้วนแบบองค์รวม ”บริจาคได้ที่ : สำนักงานมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ชั้น 1 อาคารโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โทร : 0-7445-1599 หรือ บริจาคผ่านธนาคาร : ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชื่อบัญชี : มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ประเภทออมทรัพย์
เลขที่บัญชี : 565-2-09777-0
46
ยันม่าร์ โชว์นวัตกรรมการเกษตร ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี
พร้อมฉลองครบรอบ 45 ปี สนับสนุนเงินดาวน์แทรกเตอร์ถึง 3 รุ่น


              ยันม่าร์ จัดแสดงนวัตกรรมการเกษตร ทั้งเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ต่อพ่วงรุ่นใหม่ล่าสุด ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี 2567/2568 งานประชุมจัดโดยโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ ซึ่งยันม่าร์จัดโปรโมชันสุดพิเศษในโอกาสครบรอบ 45 ปี ยันม่าร์ ประเทศไทย


              ผู้ร่วมงานจะได้รับข้อมูลองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำไร่อ้อยเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต สำหรับสร้างความยั่งยืนในการประกอบอาชีพทำไร่อ้อยโดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงงานน้ำตาล และภายในงานทางยันม่าร์ ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมทางการเกษตร พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้งาน รถแทรกเตอร์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ต่อพ่วง รวมถึงเทคนิคต่างๆ เพื่อให้การทำงานในไร่อ้อยมีประสิทธิภาพสูงสุด


              ยันม่าร์มุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรทำงานได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และในโอกาสครบรอบ 45 ปีของยันม่าร์ ประเทศไทย มอบโปรโมชันพิเศษในงานนี้ให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย


•   แทรกเตอร์รุ่น YM358R-L1 รับสนับสนุนเงินดาวน์มูลค่า 250,000 บาท

•   Yanmar Solis30 รุ่นพิเศษ รับสนับสนุนเงินดาวน์มูลค่า 120,000 บาท

•   Yanmar Solis26 รับสนับสนุนเงินดาวน์มูลค่า 100,000 บาท


              สอบถามข้อมูล ขอคำปรึกษา หรือทดลองขับได้ที่ผู้แทนจำหน่ายยันม่าร์ในพื้นที่ของท่าน และสามารถติดตามข่าวสารจากยันม่าร์ได้ที่ Yanmar Thailand Fanclub’s Facebook page
47
โรงพยาบาลพระรามเก้า .....ประกาศความสำเร็จดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
คว้ารางวัลเกียรติยศ "Highly Commended Sustainability Awards"


นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระรามเก้า ประกาศความสำเร็จการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติ SET AWARDS 2024 ประเภท "Highly Commended Sustainability Awards" ภายใต้กลุ่มรางวัล Sustainability Excellence โดยมี คุณขมาภรณ์ ธัมพิพิธ รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายบัญชีและการเงิน, คุณพนิตา ภาคากิจ ผู้จัดการฝ่ายยุทธศาสตร์ พร้อมทีมงานเข้าร่วมแสดงความยินดี ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิเชียร ชั้น 7 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้

รางวัล "Highly Commended Sustainability Awards" นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของโรงพยาบาลพระรามเก้า โดยตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลพระรามเก้า มุ่งสร้างศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ โดยคำนึงถึงผลกระทบ 3 ด้าน คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG) และจะยึดมั่นปณิธานในการดำเนินธุรกิจต่อไป
48
โรงแรมแคนทารี บ้านฉาง
สนับสนุนรางวัลการจัดงานวิ่ง "ระยอง แฟนซีรัน"





               กิตติเดช คุ้มม่วง (ขวา) ผู้จัดการโรงแรมแคนทารี บ้านฉาง เป็นตัวแทนเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ มอบบัตรกำนัลห้องพัก สุดหรู เพื่อสนับสนุนการจัดงานวิ่ง "ระยอง แฟนซีรัน" เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในพื้นที่ และเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน จัดโดยศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง โดยมี ภูวิศธรณ์ เลิศวีระศิริกุล (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ศูนย์การค้าโรบินสันฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงแรมแคนทารี บ้านฉาง




49
"บ้านมารวย" เปิดตัวโครงการใหม่ "ทรอฟี มอเตอร์เวย์"
ทาวน์โฮมหรูบนทำเลทอง ย่านบางปะกง ในราคาเอื้อมถึง 2-3 ล้านบาท


ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และ บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยพื้นที่ภาคตะวันออก ภายใต้แบรนด์ 'บ้านมารวย' จัดงานแถลงข่าว เปิดตัวโครงการบ้านรูปแบบใหม่ "บ้านทรอฟี มอเตอร์เวย์" (TROFY MOTORWAY) ทาวน์โฮมสุดหรูในสไตล์ Modern English มาพร้อมคอนเซ็ปต์ "OWN YOUR SUCCESS" รางวัลแห่งความสำเร็จของคุณ บนทำเลคุณภาพย่านบางปะกง เชื่อมต่อทางหลวงมอเตอร์เวย์ ตอบโจทย์ด้วยการเดินทางที่มีศักยภาพ ในราคาเริ่มต้น 2-3 ล้านบาท โดยมี ดร.วิจิตรา สุขะมงคล, ดร.นวณัฐ สุขะมงคล ร่วมงานแถลงข่าวด้วย ณ "บ้านทรอฟี มอเตอร์เวย์" จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเร็วๆ นี้
50
MOTOR EXPO 2024 รวมนวัตกรรมยานยนต์ล้ำอนาคต
รถยนต์ 42 แบรนด์ จักรยานยนต์ 22 แบรนด์



             “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” พร้อมจัดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ล่าสุดค่ายรถยนต์ จักรยานยนต์ร่วมแสดงนวัตกรรม พร้อมอัดโปรโมชั่นเพียบ ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม นี้


             ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต-Innovative Spirit…Futuristic Vehicles” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 42 แบรนด์ จาก 9 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 22 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ พร้อมจัดแสดงรถต้นแบบ รวมถึงเปิดตัวรถรุ่นใหม่ภายในงานมากมาย”


             รถยนต์ 42 แบรนด์ ได้แก่ AION, AUDI, AVATR, BMW, BYD, BYD COMMERCIAL, DEEPAL, DENZA, FORD, FOTON, GEELY, GREAT WALL MOTOR, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JEEP, JUNEYAO, KIA, KING LONG, LEAPMOTOR, LEXUS, LOTUS, MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, NETA, NISSAN, OMODA & JAECOO, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, RIDDARA, SUZUKI, TESLA, TOYOTA, VOLVO, WULING, XPENG และ ZEEKR อีกทั้งยังมี ชุดแต่งจากผู้นำเข้าอิสระ M'Z SPEED


             รถจักรยานยนต์ 22 แบรนด์ ได้แก่ AJ EV, ALPHA VOLANTIS, BMW MOTORRAD, DECO, EM MOTOR, FELO, HANWAY, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, KAWASAKI, LAMBRETTA, NIU, RAPID, ROYAL ALLOY, ROYAL ENFIELD, SOLAR, STROM, SUZUKI, TRIUMPH, YAMAHA, ZEEHO และ ZONTES


             นอกจากนี้ ยังมีรถมือสอง 5 แบรนด์ ได้แก่ ASTON MARTIN TIMELESS, BMW PREMIUM SELECTION, MERCEDES-BENZ CERTIFIED PRE-OWNED VEHICLES, ROLLS-ROYCE PROVENANCE และ VOLVO SELEKT




             สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ...ชิงรถ / ซื้อบัตร...ชิงรถ / ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์ / ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้

1.      “ซื้อรถ...ชิงรถ” เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ THE KIA EV5 รุ่น LIGHT มูลค่า 1,299,000 บาท

2.      “ซื้อบัตร...ชิงรถ” ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ MAZDA รุ่น NEW CX-3 BASE PLUS มูลค่า 830,000 บาท

3.      “ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์” เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์  TRIUMPH รุ่น SCRAMBLER 1200 X มูลค่า 599,000 บาท

4.      “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล" ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน MOTOR EXPO APPLICATION พร้อมตอบแบบสอบถามให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ SUZUKI รุ่น SWIFT GL มูลค่า 567,000 บาท

             พิเศษสำหรับผู้ชมงาน มีบริการ “MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR” แพคเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 1,000 บาท รับสิทธิประโยชน์ บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 3 ใบ บริการช่องจอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ ซื้อสินค้าที่ระลึก MOTOR EXPO ลด 10% และสิทธิ์เข้าร่วมชิงโชครายการ “ซื้อบัตร ชิงรถ”

             ยิ่งกว่านั้น MOTOR EXPO 2024 ยังมีกิจกรรมมากมาย ได้แก่ Skill Driving Experience Junior อบรมปลูกฝังวินัยจราจรเด็ก / Skill Driving Experience ให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถที่ถูกต้องแก่บุคคลทั่วไป / Spirit of the 4x4 Driving School ให้ความรู้ และทดลองขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ / นิทรรศการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย อวดโฉมรถโบราณทรงคุณค่า พร้อมเปิดโหวตรถประทับใจ ชิง PEOPLE CHOICE AWARD / มูลนิธิ "ลมหายใจไร้มลทิน" จัดกิจกรรมสำหรับเด็ก และเยาวชน / Join Boat Platform จัดแสดงเรือ และกิจกรรมทางน้ำ ฯลฯ

             งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล” และสามารถซื้อบัตรชมงานได้ทาง motorexpo.co.th
Pages: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10