Recent Posts

Pages: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10
41
“อติรุจ” ประเดิม 5 อันเดอร์ เปิดนำศึก “เมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส” รอบแรก


อติรุจ วินัยเจริญชัย


โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์


อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์


สุรดิษ ยงค์เจริญชัย

25 กันยายน 2568 – อติรุจ วินัยเจริญชัย ประเดิมเยี่ยมหวด 5 อันเดอร์พาร์ 67 เปิดนำรอบแรกศึก “เมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส” ที่สนามไต้หวัน กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยมี โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ ตามหลังสโตรคเดียว (ภาพ: Asian Tour)

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันรายการที่ 12 ของฤดูกาล 2025 รายการ “เมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส” ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 25-28 กันยายนนี้ ที่สนามเมอร์คิวรี่ ไต้หวัน มาสเตอร์ส ระยะ 6,963 หลา พาร์ 72 ประเทศไต้หวัน รายการนี้มีนักกอล์ฟ 124 คน จาก 25 ประเทศลงแข่งขัน ซึ่งเป็นผู้เล่นชาวไทย 23 คน โดยแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 180,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 5.7 ล้านบาท

เปิดฉากการแข่งขันวันแรกปรากฎว่า ดราก้อน-อติรุจ วินัยเจริญชัย ประเดิมฟอร์มร้อนแรงหวด 1 อีเกิ้ลที่หลุม 15 พาร์ 5 กับอีก 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 67 ขึ้นนำเดี่ยว โดยมี โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2019 หวด 6 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ ตามอติรุจเพียงสโตรคเดียวด้วยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68


อติรุจ วินัยเจริญชัย นักกอล์ฟวัย 25 ปีจากชลบุรี เผยหลังขึ้นนำรอบแรกว่า “วันนี้เป็นวันที่ผมทำเบอร์ดี้ได้ง่ายเมื่อมีโอกาส และยังเซฟพาร์ได้ในช็อตที่เสี่ยง สภาพสนามตอนที่ผมออกไปลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลุมสั้น ผมต้องรอจังหวะที่เหมาะสมเพราะลมแรงมาก ส่วนอีเกิ้ลที่หลุม 15 ถือว่าโชคดี เพราะผมตั้งใจจะพัตต์ลงเนิน แต่โชคดีที่มันลงหลุม”

ขณะที่ อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ และ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย ตีเข้ามาคนละ 1 อันเดอร์พาร์ 71 ตามมาที่อันดับ 5 ร่วมกับ สกอตต์ เฮนด์ มือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2016 จากออสเตรเลีย และโจล สตัลเลอร์ จากฝรั่งเศส ส่วนรฐนน วรรณศรีจันทร์ รองแชมป์หยางเต๋อ ทัวร์นาเมนท์ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย ทำคนละอีเวนพาร์ 72 อยู่ในกลุ่มอันดับ 9 ร่วม

ทางด้านผลงานนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจรายอื่น สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย, แดนไท บุญมา, ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ, นิติธร ทิพย์พงษ์ และ วรุณ เอี่ยมแก้ว ตีเกินคนละ 1 โอเวอร์พาร์ 73 อยู่อันดับ 20 ร่วม, ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์, เอกปริษฐิ์ หวู่ และฉ่างไท้ สุดโสม สกอร์คนละ 2 โอเวอร์พาร์ 74 อยู่อันดับ 31 ร่วม, สาริศ สุวรรณรัตน์, ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม, เศรษฐี ประคองเวช, กัญจน์ เจริญกุล และพรหม มีสวัสดิ์ สกอร์คนละ 3 โอเวอร์พาร์ 75 รั้งอันดับ 44 ร่วม


ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์  www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
42
‘JOOX TOP MUSIC NIGHT’ ยึดบิลบอร์ดทั่วกรุง! KUN, Billkin PP Krit และ MIRROR ส่งตรงความเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ ได้สัมผัสแบบใกล้ชิด

             เร็ว ๆ นี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงระดับนานาชาติอย่าง JOOX เตรียมจัดงานเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ ‘2025 JOOX TOP MUSIC NIGHT’ (JTMN) ณ กรุงเทพฯ พร้อมเปิดฉากโปรโมทสุดอลังการทั่วเมือง ตั้งแต่จอยักษ์ตามแนวรถไฟฟ้า BTS บิลบอร์ดใหญ่ย่าน Central World และ One Bangkok ไปจนถึงรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งไปมา สร้างสีสันให้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งดนตรี โปสเตอร์ศิลปินและงานดีไซน์ที่สะดุดตาได้กลายเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ต้องแวะถ่ายรูป


             ในฐานะที่เป็นหนึ่งในงานเทศกาลดนตรีที่แฟนเพลงทั้งไทยและเอเชียตั้งตารอมากที่สุด JTMN จุดกระแสความตื่นเต้นตั้งแต่วันประกาศจัดงาน ด้วยไลน์อัพศิลปินเอเชียกว่า 15 วง ที่ยกทัพมามอบความมันส์แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นศิลปินไทยขวัญใจแฟนเพลงอย่าง Billkin, PP Krit, The TOYS รวมถึงศิลปินจีนที่กำลังมาแรงอย่าง KUN, MIRROR, TIA RAY, mikah และคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรง เช่น NexT1DE, PERSES, PiXXiE ทุกชื่อคือการการันตีประสบการณ์ดนตรีที่ครบทั้งความอินเตอร์และความโลคอลในเวทีเดียว


             สำหรับการโปรโมท JTMN ปีนี้ ครอบคลุมแลนด์มาร์กสำคัญทั่วกรุงเทพฯ อย่างจอขนาดใหญ่ตามแนว BTS ทั้งสายสีเขียวเข้มและเขียวอ่อน ที่ฉายภาพศิลปินอย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทาง ช้อปปิ้งฮับอย่าง Central World ก็ถูกเนรมิตด้วยจอกลางแจ้งยักษ์ที่ส่องสว่างด้วยภาพศิลปินทั้ง 15 วง ขณะที่ One Bangkok จัดเต็มทั้งจอกลางแจ้ง จอกลางอาคาร และหน้าทางเข้า MRT ให้แฟนเพลงได้แวะถ่ายรูปตลอดทั้งวัน ยังไม่หมดเท่านั้น รถตุ๊กตุ๊กที่แล่นไปทั่วกรุงก็กลายเป็นสื่อโปรโมทเคลื่อนที่ เติมเต็มความคึกคักของเมืองอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน JOOX ยังเปิดแคมเปญออนไลน์ชวนแฟน ๆ ร่วมสนุกด้วยการถ่ายรูปเช็กอินที่จุดโปรโมท พร้อมติดแฮชแทก เพื่อลุ้นรับบัตรเข้างาน ของที่ระลึก และรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ


             เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นก่อนที่ ‘JTMN’ จะเปิดม่านอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ตุลาคม ซึ่งครั้งนี้มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ที่จัดเต็มกว่าเดิม ทั้ง โซนแฟนคลับชมพรมแดง, แฟนมีตพิเศษ, พิธีมอบรางวัลสุดยิ่งใหญ่ และโชว์เวทีจากศิลปินระดับท็อป นอกจากนี้ยังมี Meet & Greet สุดเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงโซนกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟตลอดเส้นทาง ให้แฟนเพลงได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ ขณะนี้บัตรบนแพลตฟอร์ม Ticket Melon เหลือเพียงจำนวนจำกัด แฟน ๆ ที่ยังไม่มีบัตรต้องรีบคว้าไว้ก่อนพลาดความมันส์แห่งปี

             JTMN พร้อมเนรมิตกรุงเทพฯ ให้ลุกเป็นไฟแห่งเสียงดนตรี ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ที่ ONE BANGKOK FORUM เชิญทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนพิเศษ ท่ามกลางแฟนเพลงนับหมื่นที่จะมาปลดปล่อยพลังและอินไปกับทุกจังหวะเพลงไปพร้อมกัน!
43
ถุงน้ำดีอักเสบ ทำไมแพทย์บางคนบอกให้รอ บางคนให้ผ่าตัดเลย แล้วเราจะเชื่อใครดี?

โดย นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย  ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง


             หลายๆคนที่มีอาการ “นิ่วในถุงน้ำดี” โดยปล่อยทิ้งไว้จนเกิดภาวะ “ถุงน้ำดีอักเสบ” มักจะมีอาการปวดท้องรุนแรงใต้ชายโครงขวา คลื่นไส้ อาเจียนและมีไข้จนต้องไปโรงพยาบาล แต่เมื่อถึงเวลานั้นหลายคนกลับได้ยินคำแนะนำที่ไม่เหมือนกัน บางคนได้ยินหมอบอกว่า ควรผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีทันที แต่บางคนถูกบอกให้ “รอไปก่อน”  แล้วจะเชื่อหมอท่านไหนดี? จนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่เหมือนกันว่า ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่


             นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย  ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง กล่าวว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของถุงน้ำดีอักเสบคือ นิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งคือน้ำดีที่ตกผลึกจนกลายเป็นก้อนเล็ก ๆ ไปอุดตันบริเวณคอของถุงน้ำดี    ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อขึ้นมา โดยแนวทางการรักษาสากลนั้นแนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะจะเป็นช่วงที่ผ่าตัดได้ไม่ยากมาก ปลอดภัย ลดโอกาสอักเสบซ้ำ และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ๆ แต่ในชีวิตจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้าห้องผ่าตัดทันทีนะครับ  โดยอาจจะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของร่างกายหรือข้อจำกัดต่าง ๆ ของระบบการรักษาพยาบาล ตลอดจนความชำนาญของศัลยแพทย์


-    ในกรณีแรก หากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคปอดหรือโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือมีการทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยทันที อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าการให้ยาฆ่าเชื้อ และเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าตัด หลังจากอาการอักเสบสงบลง


-    เมื่อถุงน้ำดีมีการอักเสบมาแล้วในระยะหนึ่ง (เกิน 72 ชั่วโมง) เนื้อเยื่อรอบ ๆ ถุงน้ำดีนั้นจะบวม แข็งตัว และมีเลือดมาเลี้ยงมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ผ่าตัดได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงอาจจะเคยได้ยินมาว่า ให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อลดอาการอักเสบ รอให้หายติดเชื้อก่อน 4-6 สัปดาห์ จึงจะได้สามารถผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย แต่ทั้งนี้ขึ้นกับความชำนาญของศัลยแพทย์ด้วยเช่นกัน


-    ปัจจัยจากข้อจำกัดต่าง ๆ ของระบบการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ ที่จะต้องรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก คิวห้องผ่าตัดอาจจะยาวเป็นหลักหลายเดือนจนถึงปี เพราะฉะนั้นการให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อลดอาการอักเสบ จึงอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อที่จะช่วยให้ไม่ต้องเลื่อนนัดผ่าตัดผู้ป่วยคนอื่น ๆที่ต่อคิวรอมาเป็นปีโดยไม่จำเป็น


             อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีในทันที หลาย ๆ คนก็ยังมีอาการปวดเป็น ๆ หาย ๆ กินอาหารไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียน ต้องเข้า ๆ ออกโรงพยาบาลหรือสุดท้ายจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากมีอาการปวดมาก หรือมีอาการอักเสบซ้ำซ้อน แต่เนื่องจากการผ่าตัดในช่วงนี้อาจจะยากกว่าปกติได้ เพราะฉะนั้นการพิจารณาผ่าตัดกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน

             ดังนั้น คำตอบว่าทำไมหมอบางคนบอกให้ผ่าตัดเลย ขณะที่บางคนบอกให้รอ ไม่ได้เกิดจากความเห็นที่แตกต่างกัน แต่เป็นเพราะหมอพิจารณาความปลอดภัย จากทั้งด้านสุขภาพของผู้ป่วยและความข้อจำกัดของแต่ละสถานการณ์ สิ่งสำคัญที่สุด หากเคยมีอาการถุงน้ำดีอักเสบแล้ว ควรเฝ้าระวังอาการปวดรุนแรง มีไข้ หรือตัวเหลือง ตาเหลือง จำเป็นจะต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วนเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ครับ

             หากใครเริ่มมีอาการ“นิ่วในถุงน้ำดี”  อย่าเสี่ยงปล่อยทิ้งไว้เลยครับ แนะนำให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ถึงการผ่าตัด อย่าปล่อยทิ้งเอาไว้จนมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะเมื่อนิ่วในถุงน้ำดีมีขนาดใหญ่ขึ้น อาการจะปวดมากขึ้น ผ่าตัดยากขึ้นและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ ติดตามหรือสอบถามรายละเอียดของโรคกับผมได้ที่ Line@dr.sirasit,Tiktok@dr.sirasit , Instagram@dr.sirasit และ เฟซบุ๊กหมอโจอี้ นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดส่องกล้อง หรือ Website : www.doctorsirasit.com
44
ตามที่ท่านได้เห็นตามข่าวที่มีการกล่าวอ้างว่าตัวผมนั้น กระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์มรดกต่างๆนั้น


ก่อนอื่นผมขอกราบเรียนทุกท่านให้ทราบว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมเลือกที่จะเงียบ เนื่องจากผมไม่อยาก ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม และในวันนี้ศาลท่านได้ตัดสินให้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ มิได้เป็นไปตามคำกล่าว หา และภาพลักษณ์ที่ถูกยัดเยียดให้


วันนี้เหมือนฟ้าหลังฝน ผมขอกราบขอบพระคุณศาลฯที่เคารพเป็นอย่างมาก รวมถึงสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ อย่างเป็นกลาง ขอบคุณคุณพ่อที่เชื่อมั่นในตัวผมในฐานะลูกคนโต ที่เชื่อว่าผมไม่เคยรังแกใคร  ขอบคุณ น้องชาย คุณกรณ์ฯ ที่อยู่เคียงข้างและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ กำลังใจจากครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนๆ พันธมิตร รวมถึงบุคคลอีกมากมายที่ผมไม่รู้จัก แต่เชื่อมั่นในตัวผม และส่งกำลังใจให้ผมมาโดยตลอด ผมซาบซึ้งใจอย่างมาก


จากนี้ผมขอทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจและงานมูลนิธิฯของคุณแม่ ส่วนเรื่องคดีความต่างๆที่คุณพ่อ ดร.เกษม ณรงค์เดช ผม และน้องชายกรณ์ เป็นฝ่ายโจทย์ และมีคำพิพากษาชนะในชั้นศาลแล้วนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการอื่นๆของศาลต่อไป
 
สุดท้ายนี้ไม่ว่าผมจะเผชิญเหตุการณ์มากมายขนาดไหน ผมยังเชื่อคำที่คุณแม่ คุณหญิงพรทิพย์ฯ ที่ได้อบรม สั่งสอนมาตลอดว่า ความกตัญญูรู้คุณ และความดีจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของเรา
 
ด้วยความเคารพ
นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และ ครอบครัว
45
ถนนทรุดตัวรุนแรงพื้นที่ใจกลาง กทม.
สจล. ห่วงอาคารข้างเคียงเสี่ยงพัง แนะอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน

จากเหตุการณ์ถนนทรุดตัวรุนแรงในพื้นที่ใกล้เคียงโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และสถานีตำรวจนครบาลสามเสน (สน.สามเสน) นั้น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว แนะประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ควรอพยพเพื่อความปลอดภัย


รองศาสตราจารย์ ดร. คมสัน มาลีศรี อธิการบดี สจล. กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ซึ่งการทรุดตัวครั้งนี้เป็นการถล่มของชั้นดินที่ค่อนข้างลึก ส่งผลให้อาคารที่อยู่ข้างเคียงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากดินที่เคยหุ้มเสาเข็มได้ไหลลงไปในหลุมขนาดใหญ่ ทำให้แรงต้านทานที่พยุงเสาเข็มนั้นลดลงไปมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เสาเข็มเอียงตัว และทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของอาคารลดลงไปด้วย สจล.ในฐานะสถาบันการศึกษา ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา เรามีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่เกิดการทรุดตัวรุนแรงของดินในพื้นที่เขตดุสิต บริเวณใกล้เคียงโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ทั้งนี้ สจล. พร้อมให้ความร่วมมือ และถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหา


รองศาสตราจารย์ สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศกรรมโยธา สจล. กล่าวว่า ตามหลักวิศวกรรม ค่าความปลอดภัย (Factor of Safety) ของอาคารที่ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เท่าแต่ในสถานการณ์เช่นนี้อาจลดลงเหลือเพียง 1 กว่าๆ เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงหากอาคารตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ดินถล่มอาจเกิดการทรุดตัวหรือพังถล่มได้ และอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านที่สร้างมานานกว่า 40 ปี มักจะอยู่บนเสาเข็มสั้นประมาณ 6-8 เมตร จึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายสูงกว่าอาคารสูงที่มีเสาเข็มลึกตั้งแต่ 25 เมตรขึ้นไป ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามแบบการก่อสร้างตามที่กฎหมายกำหนด

สำหรับมาตรการป้องกันความเสียหายในเบื้องต้นนี้ควรเร่งดำเนินการปิดช่องรอยต่ออุโมงค์ที่เชื่อมกับสถานีไม่ให้ดินสไลด์เพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในขณะนี้ นอกจากนี้ยังต้องป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลลงไปในบริเวณดังกล่าว และไม่ควรเข้าไปในสถานที่เพราะแรงสั่นสะเทือนจะทำให้กำลังของดินลดลงและเกิดการเคลื่อนตัวได้อีก ซึ่งการทำให้ดินมีความเสถียรและอาคารไม่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน สำหรับอาคารที่ได้รับความเสียหายรุนแรงหรือมีเสาเข็มเอียง ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการรื้อและสร้างใหม่อาจจะเป็นการประหยัดเวลา และประหยัดงบประมาณมากว่าการซ่อมแซม แต่ทั้งนี้ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป และข้อแนะนำด้านความปลอดภัยสำหรับประชาชนผู้ที่อยู่อาศัยในรัศมีที่ถือว่าไม่ปลอดภัยคือประมาณ 60 เมตร จากขอบถนน ขอบหลุมที่ทรุดตัวควรพิจารณาอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน

สำหรับข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมของ สจล. สามารถติดตามได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000
46
PASEO แบรนด์กระดาษทิชชูพรีเมียม เปิดประสบการณ์เหนือระดับ
“PASEO Flow and Glow” เติมเต็มความหรูหรา และสมดุลแห่งสุขภาพกายและใจ


            กรุงเทพฯ, กันยายน 2568 — PASEO แบรนด์กระดาษทิชชูคุณภาพระดับพรีเมียม จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “PASEO Flow and Glow” มอบประสบการณ์เหนือระดับที่ผสานศิลปะแห่งการดูแลสุขภาพกายและใจ ผ่านคลาส Mat Pilates โดย ภัทรากร ตั้งศุภกุล (ครูพลอย) ครูผู้สอน Mat Pilates ที่ถ่ายทอดพลังบวก ความสง่างาม และความสมดุล ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ละเมียดละไม และเปี่ยมแรงบันดาลใจ ณ APAC Tower เอกมัย


นางสาว ภัทรากร ตั้งศุภกุล (ครูพลอย) ครูผู้สอน Mat Pilates

            ในงานแขกผู้มีเกียรติยังได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ใหม่จาก PASEO ที่จัดเตรียมอย่างพิถีพิถันบนเสื่อพิลาทิสทุกชุด ได้แก่  PASEO BabyPure กระดาษเช็ดหน้าหนานุ่ม 3 ชั้น อ่อนโยนดุจสัมผัสผ้าไหม เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ที่ คุณใบเฟิร์นเลือกใช้ และ PASEO Milky Lotionized กระดาษเช็ดหน้าหนานุ่ม 4 ชั้น ผสานโลชั่นเข้มข้น เติมเต็มความชุ่มชื้น และลดแรงเสียดทานได้ถึง 25% เพื่อปกป้องผิวจากริ้วรอยแห่งกาลเวลา

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษ ให้ผู้เข้าร่วมที่โพสต์ภาพพร้อมแท็ก PASEO Thailand และ Location: APAC Tower จะได้รับ PASEO BabyPure เป็นของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ จุดลงทะเบียน



นางสาว ธัญญาภรณ์ ทรัพย์สิน Marketing Director (Thailand) ของ PASEO

            นางสาว ธัญญาภรณ์ ทรัพย์สิน Marketing Director (Thailand) ของ PASEO กล่าวว่า “PASEO มุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคชาวไทย ให้กระดาษทิชชูไม่ใช่เพียงสิ่งของใช้จำเป็น แต่เป็นองค์ประกอบแห่งสุนทรียภาพ ความพิถีพิถัน และความหรูหรา ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตในทุกช่วงเวลา”


            กิจกรรม “PASEO Flow and Glow” จึงสะท้อนแนวคิดการมอบประสบการณ์เหนือระดับที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของสินค้าอุปโภคทั่วไป ผ่านการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ เพื่อเติมเต็มความสมดุล และความสง่างามเข้าสู่ทุกอณูของชีวิต ตอกย้ำพันธสัญญาว่า PASEO จะเคียงข้างผู้บริโภคในทุกจังหวะชีวิต ตั้งแต่ความเรียบง่ายในทุกวัน จนถึงช่วงเวลาที่เปี่ยมความหมาย


            กิจกรรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแขกผู้เข้าร่วม PASEO  ขอเชิญติดตามกิจกรรมครั้งต่อไปได้ที่ Facebook: PASEO Thailand หรือ LINE Official: @PASEOTHAILAND
47
"สแกนม่านตา" บทเรียนใหม่ของรัฐ เมื่อ PDPA ถูกทดสอบ ด้วยนวัตกรรม และจริยธรรมสังคม


การสแกนม่านตา : กรณีศึกษาของความขัดแย้งระหว่างนวัตกรรมกับหลักรัฐประศาสนศาสตร์

โครงสร้างขององค์การภายใต้กลไก PDPA กรณีของการสแกนม่านตาเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่างถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างขึ้น ต่อหลักการพื้นฐานทางรัฐประศาสนศาสตร์ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐในการกำกับดูแลจริยธรรมในการบริหาร และความรับผิดชอบต่อประชาชน

PDPA และ "ข้อมูลอ่อนไหว" เป็นบททดสอบของหลักการกำกับดูแลเชิงรุก (Proactive Regulation) การสแกนม่านตาจัดเป็นการเก็บรวบรวม "ข้อมูลอ่อนไหว" (Sensitive Personal Data) ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล และต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเป็นพิเศษ ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีนี้มิได้อยู่ที่ตัวเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ และการสื่อสาร "ความไม่รู้"

ความไม่รู้ของเจ้าของข้อมูล ทำให้ประชาชนจำนวนมากอาจขาดความเข้าใจที่เพียงพอว่าข้อมูลม่านตาคือข้อมูลอ่อนไหวที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และการให้ความยินยอมโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง มีผลกระทบในระยะยาว คือความเสี่ยงมหาศาล

ความไม่รู้ขององค์การผู้ดำเนินการ แม้ผู้ดำเนินการจะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนบุคคล แต่การที่ข้อมูลม่านตาถูกแปลงเป็นรหัส (Iris Code) ที่สามารถใช้ระบุตัวตน และป้องกันการสแกนซ้ำได้ สะท้อนว่าข้อมูลดังกล่าวยังคงเป็นข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกลับไปยังตัวบุคคลได้โดยทางอ้อม ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของ PDPA ในการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูล

ในมุมของรัฐประศาสนศาสตร์ กรณีนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของหน่วยงานกำกับดูแลว่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะใช้ "หลักการกำกับดูแลเชิงรุก" (Proactive Regulation) เพื่อปกป้องประชาชนจากความเสี่ยงที่มาพร้อมกับนวัตกรรมหรือไม่ โดยต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยี และสื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชนรับทราบอย่างทันท่วงที

การสแกนม่านตา เป็นโจทย์ท้าทาย "ความไว้วางใจ" และ "จริยธรรม" ในยุค AI การก้าวสู่ยุค AI โดยปราศจากความพร้อมจะส่งผลกระทบต่อ "ความไว้วางใจ" และ "จริยธรรม" ซึ่งในกรณีการสแกนม่านตา ปัญหานี้ปรากฏอย่างชัดเจนที่สุดในด้านความไว้วางใจ (Trust) เมื่อผู้ดำเนินการไม่สามารถสร้างความโปร่งใสและหลักประกันที่น่าเชื่อถือได้ว่าข้อมูลที่เก็บไปจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือจะถูกลบทำลายอย่างถาวรตามที่กล่าวอ้าง "ความไว้วางใจ" ของประชาชนที่มีต่อเทคโนโลยีและต่อองค์การที่เกี่ยวข้องก็จะถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย ด้านจริยธรรม (Ethics) การจูงใจประชาชนให้แลกข้อมูลอ่อนไหวด้วยผลตอบแทนทางการเงิน ก่อให้เกิดคำถามเชิงจริยธรรมอย่างยิ่งในประเด็นเรื่อง "การแสวงหาประโยชน์จากผู้ด้อยโอกาส" หรือการใช้กลยุทธ์ที่อาจทำให้ประชาชนตัดสินใจโดยขาดข้อมูลที่รอบด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารและองค์การต้องตั้งคำถามกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ ว่า นวัตกรรมที่สร้างขึ้นมานั้นมีรากฐานอยู่บนหลักการทางจริยธรรมที่เหมาะสมหรือไม่

ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาของการสแกนม่านตาไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีที่ไม่ดี แต่เป็นเรื่องของ "คน" และ "ความรับผิดชอบ" ซึ่งเป็นหลักการร่วมสมัยที่ได้เน้นย้ำไว้แล้ว เครื่องมือและนโยบายจะไม่มีความหมายเลยหากขาดซึ่งความเข้าใจและความรับผิดชอบของมนุษย์ ทั้งในฐานะผู้พัฒนา ผู้ให้บริการ และผู้ใช้งาน การสแกนม่านตาจึงเป็นเพียง "กระจก" บานล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นว่าสังคม และเรายังต้องพัฒนาอีกมากเพียงใด ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุค AI ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน


บทความโดย : นางสาววีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC
https://www.facebook.com/share/p/19p4BvKDco/
48
ปรบมือ รัว รัวตัวอย่างที่ดีในสังคม  น้องภัทร ณรงค์เดช ควงแขนคุณพ่อกฤษณ์ ปฏิบัติธรรม


เป็นปลื้ม เมื่อน้องณภัทร ณรงค์เดช หลานชายคุณกรณ์ ณรงค์เดช ส่องวันหยุดสุดสัปดาห์ของหนุ่มหล่อเก่งรอบด้านว่าที่ทายาทนักธุรกิจคุณกฤษณ์ ณรงค์เดช อิ่มบุญ อุ่มใจ เมื่อคุณพ่อเอ่ยปากด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกชายพร้อมสนับสนุนเต็มที่ในสิ่งดีดีที่ลูกต้องการ เผยว่า  “น้องภัทร เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก สื่อโซเชียลมากมายย่อมมี Toxic บ้างในการรับข่าวสาร เราในฐานะพ่อทำได้คือการเตรียมความพร้อมทางจิตใจให้กับเขา ให้เขามีสติ คิดวิเคราะห์เองได้ แข็งแรงตระหนักรู้ รวมถึงการกระทำต้องคิดถึงผู้อื่น และส่วนรวมด้วย โชคดีที่เขาชอบการปฎิบัติธรรม อินกว่าผมครับ"


สำหรับการไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้ มีนักธุรกิจชั้นนำหลายท่าน และนางเอกสาว พีค ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ มาร่วมปฏิบัติธรรม เสวนาธรรมอีกด้วย หรือว่านี่คือเคล็ดลับความสำเร็จและสวยหล่อจากภายในสู่ภายนอกที่แท้ทรู ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรม อ.ปักธงชัย เมื่อเร็วๆนี้

#ณภัทรณรงค์เดช #กรณ์ณรงค์เดช #กฤษณ์ณรงค์ เดช #พีคภัทรศยา #iretreatwellness








49
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เสริมแกร่งตลาดประกันอีสาน
เปิดสำนักงานใหม่ สีคิ้ว นครราชสีมา

จากซ้าย นายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (Chief Agency Officer - CAO) บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) นางสาวชุติกาญจน์ ดาวกระจาย คุ้มไพรันต์ ผู้อำนวยการและเจ้าของสำนักงาน GAO สีคิ้ว   นาย อาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์, ร่วมด้วย นายบรรณยง นราสวัสดิ์ ที่ปรึกษาประจำส่วนงานกลยุทธ์และสำนักงานประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Strategic Advisor to CEO Office)  บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และ คุณพรทิพย์  โชติกีรติเวช  ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฎิบัติการและสนับสนุนตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่อำเภอสีคิ้ว

             เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เดินหน้าปักหมุดตลาดประกันภาคอีสาน เปิดสำนักงานตัวแทน Generali Agency Office (GAO) แห่งใหม่ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อยกระดับความสะดวกสบายการให้บริการแก่ลูกค้าและตัวแทนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการเป็นผู้นำด้านบริการประกันครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศไทย


             นายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (Chief Agency Officer - CAO) บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) กล่าวว่า การขยายสาขาถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของเจนเนอราลี่ในการยกระดับความน่าเชื่อถือขององค์กร พร้อมทั้งสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและตัวแทนที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจทำประกันชีวิตมากขึ้น อันเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่กระตุ้นให้ผู้คนวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ รวมถึงคนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักถึงการวางแผนอนาคตผ่านการทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อยมากกว่าเดิม


             ปัจจุบัน เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ขยายเครือข่ายสำนักงานสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดไปแล้วกว่า 19 แห่ง เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึงและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ นนทบุรี นครสวรรค์ อุบลราชธานี ขอนแก่น บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี สงขลา เป็นต้น สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การเปิดสำนักงานตัวแทนเพื่อให้บริการแบบครบวงจรและใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น และล่าสุดเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้เปิดสำนักงานตัวแทน GAO สาขาสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา อย่างเป็นทางการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กำลังเติบโต


             “เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเติมเพื่อครอบคลุมความต้องการของลูกค้า รวมถึงสร้างเครือข่ายการบริการที่แข็งแกร่งให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ตามกรอบกลยุทธ์ “Lifetime Partner 27: Driving Excellence” ของกลุ่มเจนเนอราลี่ ที่มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานความเป็นเลิศในทุกด้านของธุรกิจ”


             โดยการเปิดสาขาใหม่ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้แก่ นาย อาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์, นายบรรณยง นราสวัสดิ์ ที่ปรึกษาประจำส่วนงานกลยุทธ์และสำนักงานประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และทีมผู้บริหารตัวแทนเข้าร่วมแสดงความยินดีในโอกาสสำคัญดังกล่าว โดยมี นายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (Chief Agency Officer - CAO) บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) พร้อมด้วย นางสาวชุติกาญจน์ ดาวกระจาย คุ้มไพรันต์ ผู้อำนวยการและเจ้าของสำนักงาน GAO สีคิ้ว ให้การต้อนรับและนำชมบรรยากาศสำนักงานใหม่ ณ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
50
หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เดินหน้าต่อยอดธุรกิจรีเทล
ยกระดับทีมที่ปรึกษาและนวัตกรรมบริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ลงทุนครบวงจร


             บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST เดินหน้าต่อยอดความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งในธุรกิจรีเทล ประกาศกลยุทธ์ยกระดับทีมที่ปรึกษาการลงทุน ขยายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมบริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ลงทุนที่ครบวงจร ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนรายย่อยไฮเน็ตเวิร์ธและนักลงทุนรุ่นใหม่ พร้อมตอกย้ำพันธกิจระยะยาวในการเป็นพาร์ทเนอร์ที่นักลงทุนไว้วางใจในทุกช่วงของการสร้างความมั่งคั่ง


             นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภูมิทัศน์การลงทุนในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนไม่ได้มองแค่หุ้นในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนไปสู่สินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงต้องการข้อมูลที่รวดเร็วและคำแนะนำที่เชื่อถือได้เพื่อประกอบการตัดสินใจ นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ เมย์แบงก์ ต้องต่อยอดความเชี่ยวชาญและยกระดับกลยุทธ์ เพื่อก้าวสู่การเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกสภาวะตลาด โดยหนึ่งในแกนสำคัญของเรา คือการผลักดัน Democratized Investment หรือการทำให้การลงทุนเข้าถึงได้สำหรับคนไทยในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่มีสินทรัพย์สูงหรือนักลงทุนรุ่นใหม่ เราต้องการให้ทุกคนเข้าถึงโซลูชันการลงทุนที่หลากหลายและมีมาตรฐานระดับสากล พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ไว้วางใจได้ เพื่อให้การวางแผนการเงินไม่ใช่เรื่องซับซ้อนและเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ กลยุทธ์หลักของเราจึงเน้นเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจรีเทล ด้วยการลงทุนทั้งในคน เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับบทบาทของเมย์แบงก์จากโบรกเกอร์ที่เน้นการทำธุรกรรม ไปสู่การเป็นพาร์ทเนอร์ทางการเงินที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า โดยเรายังคงรักษาจุดยืนการเป็น boutique financial advisory ที่เน้น high touch ให้คำปรึกษาเชิงลึกและตอบโจทย์ลูกค้าในแบบเฉพาะบุคคล”

             เมย์แบงก์ มุ่งพัฒนาประสบการณ์ลงทุนในทุกมิติ ยกระดับคุณภาพคำแนะนำให้ลึกและรอบด้าน เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งที่เน้นการเติบโตและการป้องกันความเสี่ยง และพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลให้ตอบโจทย์พฤติกรรมการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ทุกที่ทุกเวลาและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ ด้านบุคลากร เมย์แบงก์ เดินหน้าสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมที่ปรึกษาการลงทุน ด้วยการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าและพัฒนาศักยภาพทีมงานอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายทีมที่ปรึกษาการลงทุน (Investment Consultants) ให้ครบกว่า 500 คน เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น และส่งมอบบริการให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธและนักลงทุนรุ่นใหม่ ลูกค้าจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมทั้งโอกาสการลงทุนและการบริหารความเสี่ยง

             นอกจากนั้น  เมย์แบงก์ ยังเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์และโซลูชันการลงทุนให้ครอบคลุมความต้องการของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น ทั้งกองทุนรวม หุ้นต่างประเทศ ตราสารอนุพันธ์ และผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยง ควบคู่กับการเพิ่มฟังก์ชันวิเคราะห์และเครื่องมือช่วยตัดสินใจในแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น MBI ให้มีความแม่นยำและใช้งานง่ายขึ้น เพื่อยกระดับการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ


             นางสาวเนธิตา กระบวนรัตน์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายบริหารการลงทุน บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทีมที่ปรึกษาการลงทุน คือ กลไกสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ลงทุนที่แตกต่าง เมย์แบงก์ จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง ทั้งการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เชิงลึกและพัฒนาทักษะของทีมงานให้สามารถให้คำแนะนำได้อย่างครบถ้วนและรอบด้าน เราต้องการให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจว่ามีที่ปรึกษาที่เข้าใจเป้าหมายทางการเงินของพวกเขาและสามารถช่วยตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

             “พร้อมกันนี้ เรากำลังยกระดับแพลตฟอร์มดิจิทัลของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลแบบเรียลไทม์และใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ที่ทันสมัยในการวางแผนการลงทุน เมื่อผสานความสะดวกสบายของดิจิทัลเข้ากับความเชี่ยวชาญของทีมที่ปรึกษา จะทำให้ เมย์แบงก์สามารถมอบประสบการณ์ที่ครอบคลุมทั้งความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความเป็นส่วนตัว โดยเป้าหมายของเราคือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และยกระดับบทบาทของ เมย์แบงก์ให้เป็นพาร์ทเนอร์อันดับแรกที่นักลงทุนไว้วางใจเมื่อต้องการวางแผนการเงิน ทั้งในวันนี้และในอนาคต”
Pages: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10