This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Pages: [1] 2
1
news & activity / “พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซฯ” เปิดตัว หุ่นขี้ผึ้ง “สไปเดอร์แมน”
« on: March 08, 2011, 03:59:03 PM »
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ สุดยอดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ แห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอาใจแฟนพันธ์แท้ซูเปอร์ฮีโร่ เปิดตัว “หุ่นสไปเดอร์แมน” ตัวแรกของเอเชีย มาให้คนไทยได้ชมก่อนใคร ในวันอังคารที่ 8 มีนาคม 2554 เวลา 13.30 น. ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ท่ามกลางบรรดาแฟนคลับของ “ไอ้แมงมุม” นับพันที่มาคอยต้อนรับสุดยอดฮีโร่ขวัญใจกันจนเต็มหน้างาน
สไปเดอร์แมน (Spider-Man) เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ของค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ มาร์เวล คอมมิคส์ สร้างสรรค์โดยโปรดิวเซอร์คู่หู สแตน ลี และ สตีฟ ดิทโก ในช่วงยุค 60 เนื้อเรื่องกล่าวถึงตัวละครที่มีชื่อว่า ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ชายหนุ่มกำพร้าซึ่งโดนแมงมุมที่มีกัมมันตภาพรังสีกัด ทำให้เขากลายเป็นสไปเดอร์แมน มีอำนาจวิเศษราวกับแมงมุม ทั้งโหนตัว ไต่กำแพงบนตึกสูง พ่นใยเหนียวๆออกจากมือได้เพื่อใช้ต่อสู้รับมือกับอาชญากรในกรุงนิวยอร์ค
กว่าครึ่งทศวรรษ สไปเดอร์แมนได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของคนทุกเพศทุกวัยไม่เฉพาะเพียงแต่เด็กๆเท่านั้น โดยคำคมยอดฮิตจากภาพยนตร์ ที่ลุงของปีเตอร์ได้กล่าวกับเขาว่า “พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน” ยังเป็นประโยคเด็ดซึ้งกินใจจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวของสไปเดอร์แมนได้ถูกนำไปสร้างเป็นทั้งภาพยนตร์ ละครชุดทางโทรทัศน์ และหนังสือการ์ตูน ครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึง ดิ อาเวนเจอร์ส (The Avengers) ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งยุคที่รวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหญ่ของมาร์เวล ก็มีชื่อของสไปเดอร์แมนรวมอยู่ด้วยเช่นกัน
โดยบรรยากาศของงานเปิดตัว หุ่นขี้ผึ้ง “สไปเดอร์แมน” ได้สีสันจากดาราหนุ่ม แดน-ดนัย สมุทรโคจร กูรูซูเปอร์ฮีโร่ และน้องริชาร์ด เกียนี่ แฟนคลับสไปเดอร์แมนรุ่นเล็ก มานั่งทอล์ค ถึงเรื่องราวลับๆ ที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับสไปเดอร์แมน พร้อมโชว์ของสะสมที่หาดูได้ยาก มายั่วน้ำลายบรรดา แฟนคลับไอ้แมงมุมให้ตื่นเต้นไปตามๆกัน ก่อนจะพากันไปสนุกกับบรรยากาศอินเทอร์แอคทีฟสุดมันส์กับ “หุ่นสไปเดอร์แมน” หลังจากที่รอคอยมานาน... พิเศษสุด!! เพื่อเป็นการต้อนรับสุดยอดซูเปอร์ ฮีโร่สไปเดอร์แมน พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่นพิเศษ บัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่เพียง 300 บาท เด็ก 220 บาท ถึง6 เมษายน 2554 นี้เท่านั้น
<a href="http://picth.com/NplCi" title="picth.com - ฝากรูป เร็ว ง่าย ไม่ลีลา - MTBK-Spiderman.jpg"><img src="http://picth.com/thumb/NplCi/MTBK-Spiderman.jpg" title="picth.com - ฝากรูป เร็ว ง่าย ไม่ลีลา - MTBK-Spiderman.jpg" alt="picth.com - ฝากรูป เร็ว ง่าย ไม่ลีลา - MTBK-Spiderman.jpg" border="0"/>[/url]
สไปเดอร์แมน (Spider-Man) เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ของค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ มาร์เวล คอมมิคส์ สร้างสรรค์โดยโปรดิวเซอร์คู่หู สแตน ลี และ สตีฟ ดิทโก ในช่วงยุค 60 เนื้อเรื่องกล่าวถึงตัวละครที่มีชื่อว่า ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ชายหนุ่มกำพร้าซึ่งโดนแมงมุมที่มีกัมมันตภาพรังสีกัด ทำให้เขากลายเป็นสไปเดอร์แมน มีอำนาจวิเศษราวกับแมงมุม ทั้งโหนตัว ไต่กำแพงบนตึกสูง พ่นใยเหนียวๆออกจากมือได้เพื่อใช้ต่อสู้รับมือกับอาชญากรในกรุงนิวยอร์ค
กว่าครึ่งทศวรรษ สไปเดอร์แมนได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของคนทุกเพศทุกวัยไม่เฉพาะเพียงแต่เด็กๆเท่านั้น โดยคำคมยอดฮิตจากภาพยนตร์ ที่ลุงของปีเตอร์ได้กล่าวกับเขาว่า “พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน” ยังเป็นประโยคเด็ดซึ้งกินใจจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวของสไปเดอร์แมนได้ถูกนำไปสร้างเป็นทั้งภาพยนตร์ ละครชุดทางโทรทัศน์ และหนังสือการ์ตูน ครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึง ดิ อาเวนเจอร์ส (The Avengers) ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งยุคที่รวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหญ่ของมาร์เวล ก็มีชื่อของสไปเดอร์แมนรวมอยู่ด้วยเช่นกัน
โดยบรรยากาศของงานเปิดตัว หุ่นขี้ผึ้ง “สไปเดอร์แมน” ได้สีสันจากดาราหนุ่ม แดน-ดนัย สมุทรโคจร กูรูซูเปอร์ฮีโร่ และน้องริชาร์ด เกียนี่ แฟนคลับสไปเดอร์แมนรุ่นเล็ก มานั่งทอล์ค ถึงเรื่องราวลับๆ ที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับสไปเดอร์แมน พร้อมโชว์ของสะสมที่หาดูได้ยาก มายั่วน้ำลายบรรดา แฟนคลับไอ้แมงมุมให้ตื่นเต้นไปตามๆกัน ก่อนจะพากันไปสนุกกับบรรยากาศอินเทอร์แอคทีฟสุดมันส์กับ “หุ่นสไปเดอร์แมน” หลังจากที่รอคอยมานาน... พิเศษสุด!! เพื่อเป็นการต้อนรับสุดยอดซูเปอร์ ฮีโร่สไปเดอร์แมน พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่นพิเศษ บัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่เพียง 300 บาท เด็ก 220 บาท ถึง6 เมษายน 2554 นี้เท่านั้น
<a href="http://picth.com/NplCi" title="picth.com - ฝากรูป เร็ว ง่าย ไม่ลีลา - MTBK-Spiderman.jpg"><img src="http://picth.com/thumb/NplCi/MTBK-Spiderman.jpg" title="picth.com - ฝากรูป เร็ว ง่าย ไม่ลีลา - MTBK-Spiderman.jpg" alt="picth.com - ฝากรูป เร็ว ง่าย ไม่ลีลา - MTBK-Spiderman.jpg" border="0"/>[/url]
2
news & activity / โออิชิ กรีนที ต่อยอดความสำเร็จ พัฒนาเกมออนไลน์ SHAKE ME TO JAPAN
« on: February 02, 2011, 03:44:09 PM »โออิชิ กรีนที ต่อยอดความสำเร็จ
พัฒนาเกมออนไลน์ SHAKE ME TO JAPAN
ครั้งแรกในประเทศไทยกับเทคโนโลยีการเล่นสุดล้ำ กับทุกแพลตฟอร์ม[/center]
พัฒนาเกมออนไลน์ SHAKE ME TO JAPAN
ครั้งแรกในประเทศไทยกับเทคโนโลยีการเล่นสุดล้ำ กับทุกแพลตฟอร์ม[/center]
บริษัท โออิชิกร๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โออิชิ กรีนที เปิดตัวแอพอลิเคชั่นเกม SHAKE ME TO JAPAN ครั้งแรกในเมืองไทย กับเทคโนโลยีการเล่นสุดล้ำ สนุกได้กับทุกพลตฟอร์ม และลูกเล่นสุดมันส์โดยการ สไลด์ เป่า เขย่า เคาะ
แมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเมื่องช่วงต้นปี 2553โออิชิ กรีนที เป็นแบรนด์แรกที่นำเอา AR Technology มาประยุกต์ในเกมออนไลน์ โดยนำ QR Code ระบบบาร์โค้ดสองมิติ สามารถบรรจุข้อมูลต่างๆที่ต้องการได้มากมายในรูปแบบที่สวยงามประหยัดพื้นที่มาพัฒนาใส่บนกล่องยูเอชที แทรำลูกเล่นด้วยการนำไปส่องกับกล้อง web cam แปลงเป็น item หลากหลาย เพื่อนสะสมนำไปเล่นกมแนไลน์ Oishi Cafe City ซื่งผู้เล่นสามารถแข่งขันระหว่างกันเพื่อนชิงรางวัลมากมาย
และเพื่อเป็นการตอบโจทน์การเป็น Innocative & Lifestyle branding และเป็นการต่อยอดความสำเร็จจาก Oishi Cafe City โออิชิ กรีนที จึงได้พัฒนาเกมสุดล้ำอย่างต่อเนื่องภายใต้ SHAKE ME TO JAPAN ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่สามารถเล่นเกมดังกล่าวร่วมกับพลตฟอร์มทุกชนิดที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด อาทิ Facebook, iPhone, iPad, Andriod ทุกเครือข่ายและเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ที่เพิ่มความสนุกสุดล้ำเหนือระดับกับการนำทุกfeatureมาประกอบการเล้นร่วมกับ iPhone, iPad ทั้งเคาะ เป่า เขย่า สไลด์ ฯลฯ
3
news & activity / เชฟโรเลต แคปติวา เปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31
« on: March 25, 2010, 08:52:35 PM »
เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic รถเอนกประสงค์สุดหรูคู่สมรรถนะสปอร์ต
เชฟโรเลต แคปติวา รถเอนกประสงค์เอสยูวีที่ผสมผสานความสะดวกสบาย เทคโนโลยีอันล้ำหน้า และสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต มาพร้อมกับเวอร์ชั่นใหม่ รุ่น LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic
ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย สำหรับการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเอนกประสงค์ของห้องโดยสารอันกว้างขวางที่สามารถรองรับครอบครัวใหญ่ หรือหนุ่มสาวนักเดินทางได้อย่างเต็มที่ทุกเส้นทาง
แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic ที่เปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ประจำปี 2553 นี้ โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีขาวสดใส แฝงความหรูหราสไตล์สีตัวถังแบบเมทัลลิค เติมความสปอร์ตด้วยชุดแต่งรอบคัน เริ่มจากแผงกันชนหน้าที่ถูกดีไซน์เน้นให้มีขอบสัน เพิ่มความดุดัน แข็งแกร่งแต่ปราดเปรียว กลมกลืนไปกับสเกิร์ตด้านข้าง 2 รูปแบบให้เลือกสรร ทั้งแบบบันไดข้าง ดูบึกบึน หรือแบบสเกิร์ตโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ต ส่วนท้ายรถสะดุดตาด้วยแผงกันชนถูกออกแบบใหม่ให้สะดุดทุกสายตา รองรับปลายท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอย 7 ก้านขนาด 18 นิ้วอย่างลงตัว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายจากเบาะที่นั่งหนังแท้สุดหรูทั้งหมด 3 แถว 7 ที่นั่ง เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ราบลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร และเมื่อปรับเบาะแถวที่ 2 และ 3 ให้เรียบในระดับเดียวกันจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสูงสุดถึง 930 ลิตร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดิม แผงคอนโซลมีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับ DVD/MP3 พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และสามารถดูทัศนวิสัยด้านท้ายรถขณะถอยหลังได้จากกล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ท้ายรถได้อีกด้วย
นอกจากดีไซน์ที่ทรงพลังแล้ว ขุมพลังขับเคลื่อนของเชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VCDi ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดแบบทิปทรอนิก (Tiptronic) ทำให้สามารถใช้งานได้เสมือนกับเกียร์ธรรมดา ทั้งการเพิ่มอัตราเร่ง หรือลดกำลังลง หรือขณะใช้งานบนเนินเขาสูงชันก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD (All Wheel Drive) แบบ on-demand เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการขับขี่ ที่นอกจากจะได้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมจากท้องถนนแล้ว ยังสามารถตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย หรือการท่องเที่ยวแบบสมบุกสมบันมากขึ้นได้อีกด้วย
และด้วยความฉลาดของระบบ on-demand AWD ที่ปกติจะขับเคลื่อนล้อหน้ายามวิ่งบนถนนปกติเพื่อช่วยการประหยัดเชื้อเพลิง แต่จะเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังลงล้อทั้ง 4 โดยอัตโนมัติ เมื่อสภาพถนนเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนที่เปียกลื่น หรือบนเส้นทางแบบออฟโรด รวมไปถึงการเข้าโค้งลึก ๆ หรือขับบนทางลาดชัน ด้วยระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่มากับแคปติวา แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ก็จะจับความผิดปกติจากการหมุนของล้อข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นระบบจะเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังจากล้อหน้าไปยังล้อทั้ง 4 ทันที เพื่อให้ยึดเกาะถนนได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งระบบ on-demand นี้จะทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ระบบ active safety เพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ชุดช่วงล่าง หรือชุดกันสะเทือนของ เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic เป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท ที่ด้านหน้า และใช้ระบบช่วงล่างอิสระ 4-link ที่ด้านหลัง ให้การยึดเกาะถนนอย่างปลอดภัย และความนุ่มนวลเพื่อการขับขี่ที่รื่นรมย์ พร้อมเสริมความโดดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารถเอนกประสงค์รุ่นใด ๆ ด้วยช่วงล่างแบบ Self-Levelizer ที่จะช่วยปรับระดับของช่วงล่างให้อยู่ในระนาบเดียวกัน เช่น เมื่อมีการบรรทุกสัมภาระที่ด้านท้ายรถ น้ำหนักที่ถ่วงท้ายก็จะทำให้หน้ารถเชิดขึ้น แต่ด้วยกลไกอัตโนมัติของ Self-Levelizer จะปรับระดับของช่วงล่างด้านหลังให้ยกสูงขึ้น เพื่อให้ระดับของด้านหน้ารถกับด้านหลังอยู่ในแนวขนานกับพื้นถนนเท่ากัน ซึ่งทำให้ไม่เกิดอาการหน้าเชิด ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น
เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic และแคปติวาในรุ่นอื่นๆ ยังได้รับค่ามาตรฐานด้านความปลอดภัย ถึงระดับ 4 ดาว จากการทดสอบความแข็งแรงจากการทดสอบการชนของ Euro NCAP ทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในขณะใช้งาน (www.euroncap.com) นอกจากนี้ เชฟโรเลต แคปติวา ยังเสริมความมั่นใจในการขับขี่ได้สูงสุด จากการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง จากบริการ Roadside Assistance โทร.1734 และศูนย์บริการรถยนต์เชฟโรเลต
กว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ
เชฟโรเลต แคปติวา รถเอนกประสงค์เอสยูวีที่ผสมผสานความสะดวกสบาย เทคโนโลยีอันล้ำหน้า และสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต มาพร้อมกับเวอร์ชั่นใหม่ รุ่น LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic
ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย สำหรับการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเอนกประสงค์ของห้องโดยสารอันกว้างขวางที่สามารถรองรับครอบครัวใหญ่ หรือหนุ่มสาวนักเดินทางได้อย่างเต็มที่ทุกเส้นทาง
แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic ที่เปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ประจำปี 2553 นี้ โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีขาวสดใส แฝงความหรูหราสไตล์สีตัวถังแบบเมทัลลิค เติมความสปอร์ตด้วยชุดแต่งรอบคัน เริ่มจากแผงกันชนหน้าที่ถูกดีไซน์เน้นให้มีขอบสัน เพิ่มความดุดัน แข็งแกร่งแต่ปราดเปรียว กลมกลืนไปกับสเกิร์ตด้านข้าง 2 รูปแบบให้เลือกสรร ทั้งแบบบันไดข้าง ดูบึกบึน หรือแบบสเกิร์ตโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ต ส่วนท้ายรถสะดุดตาด้วยแผงกันชนถูกออกแบบใหม่ให้สะดุดทุกสายตา รองรับปลายท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอย 7 ก้านขนาด 18 นิ้วอย่างลงตัว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายจากเบาะที่นั่งหนังแท้สุดหรูทั้งหมด 3 แถว 7 ที่นั่ง เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ราบลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร และเมื่อปรับเบาะแถวที่ 2 และ 3 ให้เรียบในระดับเดียวกันจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสูงสุดถึง 930 ลิตร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดิม แผงคอนโซลมีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับ DVD/MP3 พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และสามารถดูทัศนวิสัยด้านท้ายรถขณะถอยหลังได้จากกล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ท้ายรถได้อีกด้วย
นอกจากดีไซน์ที่ทรงพลังแล้ว ขุมพลังขับเคลื่อนของเชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VCDi ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดแบบทิปทรอนิก (Tiptronic) ทำให้สามารถใช้งานได้เสมือนกับเกียร์ธรรมดา ทั้งการเพิ่มอัตราเร่ง หรือลดกำลังลง หรือขณะใช้งานบนเนินเขาสูงชันก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD (All Wheel Drive) แบบ on-demand เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการขับขี่ ที่นอกจากจะได้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมจากท้องถนนแล้ว ยังสามารถตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย หรือการท่องเที่ยวแบบสมบุกสมบันมากขึ้นได้อีกด้วย
และด้วยความฉลาดของระบบ on-demand AWD ที่ปกติจะขับเคลื่อนล้อหน้ายามวิ่งบนถนนปกติเพื่อช่วยการประหยัดเชื้อเพลิง แต่จะเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังลงล้อทั้ง 4 โดยอัตโนมัติ เมื่อสภาพถนนเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนที่เปียกลื่น หรือบนเส้นทางแบบออฟโรด รวมไปถึงการเข้าโค้งลึก ๆ หรือขับบนทางลาดชัน ด้วยระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่มากับแคปติวา แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ก็จะจับความผิดปกติจากการหมุนของล้อข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นระบบจะเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังจากล้อหน้าไปยังล้อทั้ง 4 ทันที เพื่อให้ยึดเกาะถนนได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งระบบ on-demand นี้จะทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ระบบ active safety เพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ชุดช่วงล่าง หรือชุดกันสะเทือนของ เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic เป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท ที่ด้านหน้า และใช้ระบบช่วงล่างอิสระ 4-link ที่ด้านหลัง ให้การยึดเกาะถนนอย่างปลอดภัย และความนุ่มนวลเพื่อการขับขี่ที่รื่นรมย์ พร้อมเสริมความโดดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารถเอนกประสงค์รุ่นใด ๆ ด้วยช่วงล่างแบบ Self-Levelizer ที่จะช่วยปรับระดับของช่วงล่างให้อยู่ในระนาบเดียวกัน เช่น เมื่อมีการบรรทุกสัมภาระที่ด้านท้ายรถ น้ำหนักที่ถ่วงท้ายก็จะทำให้หน้ารถเชิดขึ้น แต่ด้วยกลไกอัตโนมัติของ Self-Levelizer จะปรับระดับของช่วงล่างด้านหลังให้ยกสูงขึ้น เพื่อให้ระดับของด้านหน้ารถกับด้านหลังอยู่ในแนวขนานกับพื้นถนนเท่ากัน ซึ่งทำให้ไม่เกิดอาการหน้าเชิด ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น
เชฟโรเลต แคปติวา LTZ 2.0 VCDi Sport Edition White Metallic และแคปติวาในรุ่นอื่นๆ ยังได้รับค่ามาตรฐานด้านความปลอดภัย ถึงระดับ 4 ดาว จากการทดสอบความแข็งแรงจากการทดสอบการชนของ Euro NCAP ทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในขณะใช้งาน (www.euroncap.com) นอกจากนี้ เชฟโรเลต แคปติวา ยังเสริมความมั่นใจในการขับขี่ได้สูงสุด จากการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง จากบริการ Roadside Assistance โทร.1734 และศูนย์บริการรถยนต์เชฟโรเลต
กว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ
4
news & activity / Mercedes-Benz เปิดตัว SLS AMG - Gullwing บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์31
« on: March 25, 2010, 08:43:57 PM »
เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัว SLS AMG - Gullwing Super Sports Car ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
• พบกับสุดยอดยนตรกรรมระดับซุปเปอร์สปอร์ตคาร์ SLS AMG เป็นครั้งแรก
• เปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 6 รุ่นในทุกเซ็กเม้นท์
• พบกับเครื่องยนต์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม CGI BlueEFFICIENCY ใน 6 รุ่น
• เปิดตัวชุดแต่ง MercedesSport ในรุ่น E-Class โฉมใหม่
กรุงเทพฯ – บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความเป็นผู้นำแห่งวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการนำขบวนยนตรกรรมระดับหรูทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 16 คัน จัดแสดงในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ภายใต้แนวคิดนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะในการขับขี่ และความปลอดภัย อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไว้อย่างครบถ้วน
ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย) กล่าวว่า “แนวคิดในการออกแบบบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ เป็นการนำเสนอ ”Brand Quality” ซึ่งประกอบด้วย ความปลอดภัย ความสุนทรียภาพในการขับขี่ และความสะดวกสบาย ไฮไลท์ของบูธจึงไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นต่างๆเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหล เทคโนโลยี และความสง่างามของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อีกด้วย”
“ไฮไลท์พิเศษของบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ในปีนี้ คือการเปิดตัวสุดยอด ยนตรกรรมระดับซุปเปอร์สปอร์ตคาร์ Mercedes-Benz SLS AMG ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนารถยนต์ขั้นสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อันประกอบไปด้วย ดีไซน์ที่ล้ำสมัยแบบหมดจด โดยทำให้โครงสร้างรถมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งพร้อมมีแฮนด์ดลิ่งแบบไดนามิกที่เหนือชั้น จึงนับได้ว่า SLS AMG เป็นที่สุดของรถระดับซุปเปอร์สปอร์ตคาร์แห่งยุคนี้” ดร. เพาฟเลอร์ เสริม
Mercedes-Benz SLS AMG มีต้นแบบการดีไซน์มาจากรุ่น 300 SL Gullwingในยุค1950 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ประตูเปิดแบบปีกนกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ SLS AMG นั้นมีเสน่ห์เหนือคู่แข่งอื่นๆ ในด้านของแนวคิดของโครงสร้างรถนั้น SLS AMG เป็นรถที่ผลิตร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ AMG โดยตัวถังและแชสซีส์ทำจากอลูมิเนียมทำให้สามารถลดน้ำหนักรถได้อย่างมาก โดย SLS AMG มีน้ำหนักเพียง 1,620 กก. เท่านั้น
หัวใจของ SLS AMG ก็คือขุมพลังวี 8 ขนาด 6.3 ลิตรซึ่งสามารถผลิตกำลังได้ 571แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 650 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ด้วยแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาลของเครื่องยนต์วี8 ของ SLS AMG นั้น จึงสามารถเร่งจาก 0-100 กม/ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที่ ความร็วสูงสุดที่ 317 กม/ชม.
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำสุดยอดยนตรกรรมแห่งความหรูหราอย่าง the new generation S-Class มาแสดงในงานถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ S 300 L, S 350 CDI L BlueEFFICIENCY และ S 500 L ซึ่งเป็นรถธง ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นภูมิฐาน พร้อมเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เป็นเลิศ ทำให้ S-Class เป็นต้นแบบแห่งสุดยอดยนตรกรรมหรูระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด นอกจากนี้ ที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือเทคโนโลยี SPLITVIEW ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ติดตั้งในรถหรูระดับ S-Class โดยผู้ขับขี่สามารถอ่านแผนที่ Navigator จากหน้าจอภาพพร้อมกันกับผู้โดยสารตอนหน้าที่สามารถรับชมภาพยนตร์จาก DVD ได้ในจอเดียวกัน
The new E-Class เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาแสดงในงาน ประกอบด้วย E 300 AVANTGARDE, E 200 CGI BlueEFFICIENCY ELEGANCE, E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE และ E 250 CGI BlueEFFICIENCY Coupé ELEGANCE โดย the new E-Class ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในเซ็กเม้นท์เดียวกัน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับ driver assistance systems ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ที่เดินทางบนท้องถนน
“ในปี 2552 ที่ผ่านมา E-Class ถือเป็นหัวใจหลักของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 63 เปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า E-Class เป็นรถยนต์หรูที่สามารถครองใจลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ และด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศในทุกๆด้านของ the new E-Class เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน” ดร. เพาฟเลอร์กล่าว
ยานยนต์ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำจัดมาแสดงก็คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class ซึ่งประกอบด้วยรุ่น C 200 KOMPRESSOR AVANTGARDE, C 220 CDI และ C 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ที่เพิ่มทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน พร้อมอุปกรณ์ อาทิ ระบบ COMMAND พร้อมเนวิเกชั่น เครื่องเล่น DVD ระบบเสียงโดย Harman Kardon ® Logic 7® และ กุญแจ Keyless-GO นอกจากนวัตกรรมอันทันสมัยแล้ว C-Class ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่ให้ความสนุกในการขับขี่อย่างยิ่ง
นอกจากนี้สำหรับท่านที่ชื่นชอบรถนีชคาร์โมเดล เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำรุ่นใหม่ๆมาแสดงในงานด้วย อาทิ CLS 350 รุ่นใหม่ล่าสุด, ML 300 CDI BlueEFFICIENCY ในราคาเริ่มต้นที่ 5,990,000 บาท และ SLK 200 KOMPRESSOR ในราคาเริ่มต้นที่ 3,999,000 บาท
ไม่เพียงแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ในงานนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังนำเสนอรถเพื่อการพาณิชย์ Vito 115 CDI เวอร์ชั่น extra long ความยาว 5,223 มม. ที่ให้เนื้อที่ใช้สอยกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมประตูเลื่อนไฟฟ้า, ระบบช่วยจอด, ระบบตั้งความเร็ว Vito 115 CDI มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2,148 ซีซี ให้กำลัง 150 แรงม้าที่ 3,800 รอบ
BlueEFFICIENCY: นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
BlueEFFICIENCY เป็นเทคโนโลยีซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ BlueEFFICIENCY เป็นนวัตกรรมอันทรงประสิทธิภาพที่สุดในด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทั้งลดปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จากท่อไอเสีย เพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปรับโครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆของรถ ให้มีน้ำหนักเบา มีแรงเสียดทานต่ำและมีโครงสร้างที่ลู่ลมมากที่สุด ด้วยดีไซน์ โครงสร้างทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งปรับอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่การลดน้ำหนักเครื่องยนต์ กระจกหน้ารถ พวงมาลัย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษโดยยังคงสมรรถนะเต็มประสิทธิภาพในด้านสุนทรียภาพในการขับขี่ ความสะดวกสบายหรูหราและความปลอดภัย อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไว้อย่างครบถ้วน โดยในงานนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัวยานยนต์ BlueEFFICIENCY ด้วยเครื่องยนต์ CGI ถึง 6 รุ่นด้วยกัน
MercedesSport : หรูหราสไตล์สปอร์ต
ในปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้ถือโอกาสเปิดตัว MercedesSport ชุดแต่งที่เพิ่มความหรูหราแบบสปอร์ตลิขสิทธิ์เฉพาะเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น อาทิ ล้ออัลลอยด์ ชุดแต่งช่วงล่างแบบสปอร์ต รวมถึงชุดแต่งรอบคันต่าง ๆ ที่เพิ่มระดับความหรูหรา หากแต่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตให้กับรถยิ่งขึ้น MercedesSport ได้รับการพัฒนาโดย Mercedes-Benz Accessories GmbH ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์และวิศวกรทีมเดียวกับที่ออกแบบยานยนต์รุ่นอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลูกค้าจึงสามารถมั่นใจในมาตรฐานของชุดแต่งที่มีคุณภาพ เสมือนเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ โดยชุดแต่งที่ได้นำมาแสดงในงานนี้มาพร้อมกับรุ่น E 250 CGI BlueEFFICIENCY Coupé ELEGANCE
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านสัมผัสยนตรกรรมหรูหลากรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัย ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
• พบกับสุดยอดยนตรกรรมระดับซุปเปอร์สปอร์ตคาร์ SLS AMG เป็นครั้งแรก
• เปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 6 รุ่นในทุกเซ็กเม้นท์
• พบกับเครื่องยนต์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม CGI BlueEFFICIENCY ใน 6 รุ่น
• เปิดตัวชุดแต่ง MercedesSport ในรุ่น E-Class โฉมใหม่
กรุงเทพฯ – บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความเป็นผู้นำแห่งวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการนำขบวนยนตรกรรมระดับหรูทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 16 คัน จัดแสดงในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ภายใต้แนวคิดนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะในการขับขี่ และความปลอดภัย อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไว้อย่างครบถ้วน
ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย) กล่าวว่า “แนวคิดในการออกแบบบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ เป็นการนำเสนอ ”Brand Quality” ซึ่งประกอบด้วย ความปลอดภัย ความสุนทรียภาพในการขับขี่ และความสะดวกสบาย ไฮไลท์ของบูธจึงไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นต่างๆเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหล เทคโนโลยี และความสง่างามของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อีกด้วย”
“ไฮไลท์พิเศษของบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ในปีนี้ คือการเปิดตัวสุดยอด ยนตรกรรมระดับซุปเปอร์สปอร์ตคาร์ Mercedes-Benz SLS AMG ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนารถยนต์ขั้นสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อันประกอบไปด้วย ดีไซน์ที่ล้ำสมัยแบบหมดจด โดยทำให้โครงสร้างรถมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งพร้อมมีแฮนด์ดลิ่งแบบไดนามิกที่เหนือชั้น จึงนับได้ว่า SLS AMG เป็นที่สุดของรถระดับซุปเปอร์สปอร์ตคาร์แห่งยุคนี้” ดร. เพาฟเลอร์ เสริม
Mercedes-Benz SLS AMG มีต้นแบบการดีไซน์มาจากรุ่น 300 SL Gullwingในยุค1950 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ประตูเปิดแบบปีกนกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ SLS AMG นั้นมีเสน่ห์เหนือคู่แข่งอื่นๆ ในด้านของแนวคิดของโครงสร้างรถนั้น SLS AMG เป็นรถที่ผลิตร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ AMG โดยตัวถังและแชสซีส์ทำจากอลูมิเนียมทำให้สามารถลดน้ำหนักรถได้อย่างมาก โดย SLS AMG มีน้ำหนักเพียง 1,620 กก. เท่านั้น
หัวใจของ SLS AMG ก็คือขุมพลังวี 8 ขนาด 6.3 ลิตรซึ่งสามารถผลิตกำลังได้ 571แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 650 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ด้วยแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาลของเครื่องยนต์วี8 ของ SLS AMG นั้น จึงสามารถเร่งจาก 0-100 กม/ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที่ ความร็วสูงสุดที่ 317 กม/ชม.
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้นำสุดยอดยนตรกรรมแห่งความหรูหราอย่าง the new generation S-Class มาแสดงในงานถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ S 300 L, S 350 CDI L BlueEFFICIENCY และ S 500 L ซึ่งเป็นรถธง ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นภูมิฐาน พร้อมเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เป็นเลิศ ทำให้ S-Class เป็นต้นแบบแห่งสุดยอดยนตรกรรมหรูระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด นอกจากนี้ ที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือเทคโนโลยี SPLITVIEW ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ติดตั้งในรถหรูระดับ S-Class โดยผู้ขับขี่สามารถอ่านแผนที่ Navigator จากหน้าจอภาพพร้อมกันกับผู้โดยสารตอนหน้าที่สามารถรับชมภาพยนตร์จาก DVD ได้ในจอเดียวกัน
The new E-Class เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาแสดงในงาน ประกอบด้วย E 300 AVANTGARDE, E 200 CGI BlueEFFICIENCY ELEGANCE, E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE และ E 250 CGI BlueEFFICIENCY Coupé ELEGANCE โดย the new E-Class ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในเซ็กเม้นท์เดียวกัน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับ driver assistance systems ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ที่เดินทางบนท้องถนน
“ในปี 2552 ที่ผ่านมา E-Class ถือเป็นหัวใจหลักของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 63 เปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า E-Class เป็นรถยนต์หรูที่สามารถครองใจลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ และด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศในทุกๆด้านของ the new E-Class เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน” ดร. เพาฟเลอร์กล่าว
ยานยนต์ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำจัดมาแสดงก็คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class ซึ่งประกอบด้วยรุ่น C 200 KOMPRESSOR AVANTGARDE, C 220 CDI และ C 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ที่เพิ่มทั้งสมรรถนะและประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน พร้อมอุปกรณ์ อาทิ ระบบ COMMAND พร้อมเนวิเกชั่น เครื่องเล่น DVD ระบบเสียงโดย Harman Kardon ® Logic 7® และ กุญแจ Keyless-GO นอกจากนวัตกรรมอันทันสมัยแล้ว C-Class ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่ให้ความสนุกในการขับขี่อย่างยิ่ง
นอกจากนี้สำหรับท่านที่ชื่นชอบรถนีชคาร์โมเดล เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำรุ่นใหม่ๆมาแสดงในงานด้วย อาทิ CLS 350 รุ่นใหม่ล่าสุด, ML 300 CDI BlueEFFICIENCY ในราคาเริ่มต้นที่ 5,990,000 บาท และ SLK 200 KOMPRESSOR ในราคาเริ่มต้นที่ 3,999,000 บาท
ไม่เพียงแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ในงานนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังนำเสนอรถเพื่อการพาณิชย์ Vito 115 CDI เวอร์ชั่น extra long ความยาว 5,223 มม. ที่ให้เนื้อที่ใช้สอยกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมประตูเลื่อนไฟฟ้า, ระบบช่วยจอด, ระบบตั้งความเร็ว Vito 115 CDI มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2,148 ซีซี ให้กำลัง 150 แรงม้าที่ 3,800 รอบ
BlueEFFICIENCY: นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
BlueEFFICIENCY เป็นเทคโนโลยีซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ BlueEFFICIENCY เป็นนวัตกรรมอันทรงประสิทธิภาพที่สุดในด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทั้งลดปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จากท่อไอเสีย เพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปรับโครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆของรถ ให้มีน้ำหนักเบา มีแรงเสียดทานต่ำและมีโครงสร้างที่ลู่ลมมากที่สุด ด้วยดีไซน์ โครงสร้างทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งปรับอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่การลดน้ำหนักเครื่องยนต์ กระจกหน้ารถ พวงมาลัย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษโดยยังคงสมรรถนะเต็มประสิทธิภาพในด้านสุนทรียภาพในการขับขี่ ความสะดวกสบายหรูหราและความปลอดภัย อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไว้อย่างครบถ้วน โดยในงานนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัวยานยนต์ BlueEFFICIENCY ด้วยเครื่องยนต์ CGI ถึง 6 รุ่นด้วยกัน
MercedesSport : หรูหราสไตล์สปอร์ต
ในปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้ถือโอกาสเปิดตัว MercedesSport ชุดแต่งที่เพิ่มความหรูหราแบบสปอร์ตลิขสิทธิ์เฉพาะเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น อาทิ ล้ออัลลอยด์ ชุดแต่งช่วงล่างแบบสปอร์ต รวมถึงชุดแต่งรอบคันต่าง ๆ ที่เพิ่มระดับความหรูหรา หากแต่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตให้กับรถยิ่งขึ้น MercedesSport ได้รับการพัฒนาโดย Mercedes-Benz Accessories GmbH ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์และวิศวกรทีมเดียวกับที่ออกแบบยานยนต์รุ่นอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลูกค้าจึงสามารถมั่นใจในมาตรฐานของชุดแต่งที่มีคุณภาพ เสมือนเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ โดยชุดแต่งที่ได้นำมาแสดงในงานนี้มาพร้อมกับรุ่น E 250 CGI BlueEFFICIENCY Coupé ELEGANCE
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านสัมผัสยนตรกรรมหรูหลากรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัย ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
5
news & activity / บริษัท ซันยองในงาน Bangkok International Motor Show THE 31ST
« on: March 25, 2010, 08:36:20 PM »
THE 31ST BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW
บริษัท ซันยอง ประเทศไทย จำกัด ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2004 โดยเน้นทำตลาดเฉพาะรถเอนกประสงค์ MPV และ SUV ระดับหรู ซึ่งใช้เทคโนโลยีชั้นเยี่ยมของ Mercedes Benz เป็นตัวนำ
ในปี 2010 จะเป็นปีที่ 7 ในการทำตลาดในประเทศไทย ภายหลังจากที่ประสพความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยสามารถทำตลาดรถ Stavic รถครอบครัวยอดนิยมจนมียอดขายพุ่งเป็นที่ยอมรับของผู้ที่ชื่นชอบรถประเภทนี้ เพื่อเป็นการฉลองการก้าวสู่ปีที่ 7 ซันยองประเทศไทยจึงทำการแนะนำรถ MPV หรูตัวใหม่ภายใต้รหัส Stavic Exclusive เพื่อเป็นทางเลือกใหม่
Stavic Exclusive เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคัน สไตล์เยอรมัน เป็นรถครอบครัวยอดนิยมที่มีรูปโฉมโดดเด่นสง่างาม มีเนื้อที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ให้ความโอ่โถงภูมิฐานด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมกับสมรรถนะและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย
New Stavic Exclusive ได้รับการปรับโฉมพร้อมเพิ่มอุปกรณ์ให้มีความภูมิฐานยิ่งขึ้น ด้วยชุดไฟ Day Light Running แบบ LED พร้อมชุดไฟหน้าแบบ BI-XENON ที่ให้ความสว่างช่วยให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นยามขับรถกลางคืน และชุด Light Package ที่ให้ความสว่างขาวใสและสวยงามภายในห้องโดยสารที่โอ่อ่า เพิ่มความสง่างามและโดดเด่นด้วยชุดลายไม้วอลนัทสีเข้มที่วงพวงมาลัย แผงคอนโซลหน้าปัดและที่แผงประตูทั้ง 4 บาน
นอกจากนี้ Stavic Exclusive ใหม่ยังเพิ่มความเพลิดเพลินแก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทางด้วยชุด Multi Media ระดับเดียวกับชุด Home Theatre Surround 5.1 Channels ด้วยชุดจอหน้าและจอเพดาน พร้อมชุด Multi Media ติดตั้งที่พนักพิงศรีษะคู่หน้าเพิ่มความเพลิดเพลินเป็นการส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ที่จะสามารถเลือกชมรายการต่าง ๆ ตามแต่สไตล์ของแต่ละคนได้ด้วยชุดหูฟังไร้สาย อีกมิติหนึ่งของความลงตัวและหรูหราสำหรับรถครอบครัวยอดนิยมเช่น Stavic Exclusive ใหม่ตัวนี้
New Stavic Exclusive มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.7 ลิตรและแบบเบ็นซิน ขนาด 3.2 ลิตร ทุกแบบใช้ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ T-Tronic ของ Mercedes Benz พร้อมสวิทช์ควบคุมการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ให้การทรงตัวเป็นเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ Double Wishbone ที่มีใช้อยู่เฉพาะในรถยนต์นั่งระดับหรู พร้อมระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi Links ที่ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนน ช่วยให้การขับขี่ในทุกสภาพถนนปลอดภัยไร้กังวล
New Stavic Exclusive มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ Torque on Demand ซึ่งจะส่งพลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้ง 4 ตามสภาพถนน ช่วยให้การยึดเกาะถนนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ซันยองประเทศไทย ยังขอแนะนำรถ Sport Utility Coupe ตัวเก่ง Actyon โฉมใหม่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสำหรับตลาดกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งเชื่อว่า Actyon ตัวใหม่นี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นที่ผ่าน ๆ มา Actyon รถ Sport Utility Coupe ตัวเก่งสายพันธ์แกร่งจากซันยอง
ซึ่ง ได้รับการออกแบบจากสำนักออกแบบชื่อดัง “Ital Design” แห่งประเทศอิตาลี ด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัย มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวสวยงาม และมีเอกลักษณ์โดดเด่น ซึ่งรถตัวนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถคนไทยเป็นอย่างดี มาในปีนี้ Actyon ตัวใหม่ก็ได้ฤกษ์เผยโฉม โดยมีการปรับรูปโฉมในสไตล์ให้สวยเด่นสะดุดตามากขึ้นด้วยชุดแต่งลายเคปล่าร์คาดผ่านฝากระโปรงหน้าไปจนจรดด้านท้ายของตัวรถ ทำให้มีเอกลักษณ์สวยเด่นตามสมัยนิยมยิ่งขึ้น
Actyon ตัวใหม่ยังได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้เป็นรถที่ขับสนุกมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการนำชุดเกียร์อัจฉริยะใหม่ 6 จังหวะที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2,000 ซี.ซี. 141 แรงม้า ได้อย่างลงตัว สะดวกคล่องตัวด้วยสวิทช์ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part Time ที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบในแบบ Shift on the Fly ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ให้ความคล่องตัวทั้งยามขับขี่ในเมืองหรือเมื่อต้องเดินทางไกล
Actyon ใหม่ยังมาพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นซันรูฟแบบสองชั้นที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ชุดเครื่องเสียงสเตริโอเซอร์ราวด์และจอภาพแบบ 2 ดิน ที่สามารถแสดงภาพด้านท้ายรถในขณะถอยจอด ช่วยให้การนำรถเข้าจอดเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย ไฟหน้าเป็นแบบ BI-XENON พร้อมชุดไฟ Daylight Running
เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถแบบ SUV ที่ต้องการความหรูหราและปราดเปรียวแกร่งด้วยสมรรถนะพร้อมทั้งมีรูปโฉมที่ทันสมัย ซันยองขอแนะนำ New KYRON รถ อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดกลางที่ได้รับการปรับปรุงโฉมและเพิ่มเติมสมรรถนะให้ดียิ่งกว่าตัวเดิม ด้วยการนำชุดเกียร์อัจฉริยะใหม่ 6 จังหวะที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2,000 ซี.ซี. 141 แรงม้า ได้อย่างลงตัว สะดวกคล่องตัวด้วยสวิทช์ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift)
New KYRON ได้รับการปรับโฉมใหม่ด้วยชุดกระจังหน้าดีไซน์ใหม่รับกับโคมไฟหน้าที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นให้ทัศนะวิสัยที่ดีในยามค่ำคืนด้วยชุดไฟแบบ BI-XENON ที่ให้ความสว่างเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยิ่งขึ้น มาพร้อมกับชุดไฟตัดหมอกหน้าพร้อมไฟ Day Light Running ที่ให้ความสปอร์ตและเพิ่มทัศนวิสัยสำหรับรถยนต์ที่ขับสวนมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฝากระโปรงหน้าได้รับการตกแต่งด้วยชุดสติกเกอร์ลายเคปล่าร์ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ในความเป็นรถสปอร์ตยิ่งขึ้น ภายในได้รับการตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกออกแบบสไตล์สปอร์ตครบครันพร้อมชุดเครื่องเสียงชั้นยอดที่จะให้ความเพลิดเพลินตลอดเส้นทาง เบาะนั่งคู่หน้าปรับและควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งที่นั่งถึง 5 ตำแหน่งให้ความสะดวกในกรณีมีผู้ใช้รถร่วมกันหลาย ๆ คน ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น และหลังเป็นแบบอิสระ five-links ที่ให้ความนุ่มนวลและการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
Rexton II รถ SUV หรู ขนาด 7 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคัน ด้วยมาตรฐานยูโรโฟร์ พร้อมพลังขับเคลื่อนที่มหาศาล จากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบแบบแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 186 แรงม้าและแรงบิด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic จาก Mercedes Benz พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ โดดเด่นและมีรสนิยมด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายในตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายง่ายต่อการใช้สอย หรูหราและเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยจอ ระบบเครื่องเสียงที่สามารถเล่นได้ทั้ง MP3 และยังมีช่องเสียบ USB ที่ให้อิสสระในการเลือกสรรความเพลิดเพลินจากอุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอก
การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า การให้บริการหลังการขาย ซันยองเน้นระดับพรีเมี่ยม ด้วยการให้บริการหลังการขายตลอด 365 วันไม่มีวันหยุดเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำรถเข้ารับบริการได้โดยไม่
ต้องกังวลเรื่องวันหยุดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกที่จะนำรถเข้ารับบริการด้วยตัวเอง เราก็มีบริการรับ - ส่งรถของลูกค้าเพียงแต่ลูกค้าโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการล่วงหน้าเพื่อทำการนัดหมายเวลาที่สะดวก
การรับประกันสินค้า ตามระยะเป็นไปตามจริง ซึ่งเรา สามารถพิจารณาแก้ปัญหาได้เร็วไม่ต้องรอพิสูจน์กันมากเพราะเราเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่ ตัดสินใจได้ง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนหลายบริษัท ในส่วนของชิ้นส่วนอะไหล่ บริษัทได้จัดเตรียมสำรองสต๊อคอะไหล่ที่จำเป็นให้มีเพียงพออยู่ตลอดเวลาและเพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจ บริษัทฯ รับประกัน ถ้าบริษัทจัดหาอะไหล่บริการไม่ได้ภายใน 7 วัน บริษัทยินดีมอบอะไหล่ชิ้นที่ไม่มีให้ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข
บริษัท ซันยอง ประเทศไทย จำกัด ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2004 โดยเน้นทำตลาดเฉพาะรถเอนกประสงค์ MPV และ SUV ระดับหรู ซึ่งใช้เทคโนโลยีชั้นเยี่ยมของ Mercedes Benz เป็นตัวนำ
ในปี 2010 จะเป็นปีที่ 7 ในการทำตลาดในประเทศไทย ภายหลังจากที่ประสพความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยสามารถทำตลาดรถ Stavic รถครอบครัวยอดนิยมจนมียอดขายพุ่งเป็นที่ยอมรับของผู้ที่ชื่นชอบรถประเภทนี้ เพื่อเป็นการฉลองการก้าวสู่ปีที่ 7 ซันยองประเทศไทยจึงทำการแนะนำรถ MPV หรูตัวใหม่ภายใต้รหัส Stavic Exclusive เพื่อเป็นทางเลือกใหม่
Stavic Exclusive เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคัน สไตล์เยอรมัน เป็นรถครอบครัวยอดนิยมที่มีรูปโฉมโดดเด่นสง่างาม มีเนื้อที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ให้ความโอ่โถงภูมิฐานด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมกับสมรรถนะและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย
New Stavic Exclusive ได้รับการปรับโฉมพร้อมเพิ่มอุปกรณ์ให้มีความภูมิฐานยิ่งขึ้น ด้วยชุดไฟ Day Light Running แบบ LED พร้อมชุดไฟหน้าแบบ BI-XENON ที่ให้ความสว่างช่วยให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นยามขับรถกลางคืน และชุด Light Package ที่ให้ความสว่างขาวใสและสวยงามภายในห้องโดยสารที่โอ่อ่า เพิ่มความสง่างามและโดดเด่นด้วยชุดลายไม้วอลนัทสีเข้มที่วงพวงมาลัย แผงคอนโซลหน้าปัดและที่แผงประตูทั้ง 4 บาน
นอกจากนี้ Stavic Exclusive ใหม่ยังเพิ่มความเพลิดเพลินแก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทางด้วยชุด Multi Media ระดับเดียวกับชุด Home Theatre Surround 5.1 Channels ด้วยชุดจอหน้าและจอเพดาน พร้อมชุด Multi Media ติดตั้งที่พนักพิงศรีษะคู่หน้าเพิ่มความเพลิดเพลินเป็นการส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ที่จะสามารถเลือกชมรายการต่าง ๆ ตามแต่สไตล์ของแต่ละคนได้ด้วยชุดหูฟังไร้สาย อีกมิติหนึ่งของความลงตัวและหรูหราสำหรับรถครอบครัวยอดนิยมเช่น Stavic Exclusive ใหม่ตัวนี้
New Stavic Exclusive มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.7 ลิตรและแบบเบ็นซิน ขนาด 3.2 ลิตร ทุกแบบใช้ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ T-Tronic ของ Mercedes Benz พร้อมสวิทช์ควบคุมการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ให้การทรงตัวเป็นเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ Double Wishbone ที่มีใช้อยู่เฉพาะในรถยนต์นั่งระดับหรู พร้อมระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi Links ที่ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนน ช่วยให้การขับขี่ในทุกสภาพถนนปลอดภัยไร้กังวล
New Stavic Exclusive มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ Torque on Demand ซึ่งจะส่งพลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้ง 4 ตามสภาพถนน ช่วยให้การยึดเกาะถนนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ซันยองประเทศไทย ยังขอแนะนำรถ Sport Utility Coupe ตัวเก่ง Actyon โฉมใหม่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสำหรับตลาดกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งเชื่อว่า Actyon ตัวใหม่นี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นที่ผ่าน ๆ มา Actyon รถ Sport Utility Coupe ตัวเก่งสายพันธ์แกร่งจากซันยอง
ซึ่ง ได้รับการออกแบบจากสำนักออกแบบชื่อดัง “Ital Design” แห่งประเทศอิตาลี ด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัย มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวสวยงาม และมีเอกลักษณ์โดดเด่น ซึ่งรถตัวนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถคนไทยเป็นอย่างดี มาในปีนี้ Actyon ตัวใหม่ก็ได้ฤกษ์เผยโฉม โดยมีการปรับรูปโฉมในสไตล์ให้สวยเด่นสะดุดตามากขึ้นด้วยชุดแต่งลายเคปล่าร์คาดผ่านฝากระโปรงหน้าไปจนจรดด้านท้ายของตัวรถ ทำให้มีเอกลักษณ์สวยเด่นตามสมัยนิยมยิ่งขึ้น
Actyon ตัวใหม่ยังได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้เป็นรถที่ขับสนุกมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการนำชุดเกียร์อัจฉริยะใหม่ 6 จังหวะที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2,000 ซี.ซี. 141 แรงม้า ได้อย่างลงตัว สะดวกคล่องตัวด้วยสวิทช์ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part Time ที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบในแบบ Shift on the Fly ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ให้ความคล่องตัวทั้งยามขับขี่ในเมืองหรือเมื่อต้องเดินทางไกล
Actyon ใหม่ยังมาพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นซันรูฟแบบสองชั้นที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ชุดเครื่องเสียงสเตริโอเซอร์ราวด์และจอภาพแบบ 2 ดิน ที่สามารถแสดงภาพด้านท้ายรถในขณะถอยจอด ช่วยให้การนำรถเข้าจอดเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย ไฟหน้าเป็นแบบ BI-XENON พร้อมชุดไฟ Daylight Running
เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถแบบ SUV ที่ต้องการความหรูหราและปราดเปรียวแกร่งด้วยสมรรถนะพร้อมทั้งมีรูปโฉมที่ทันสมัย ซันยองขอแนะนำ New KYRON รถ อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดกลางที่ได้รับการปรับปรุงโฉมและเพิ่มเติมสมรรถนะให้ดียิ่งกว่าตัวเดิม ด้วยการนำชุดเกียร์อัจฉริยะใหม่ 6 จังหวะที่ได้รับการออกแบบให้ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2,000 ซี.ซี. 141 แรงม้า ได้อย่างลงตัว สะดวกคล่องตัวด้วยสวิทช์ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift)
New KYRON ได้รับการปรับโฉมใหม่ด้วยชุดกระจังหน้าดีไซน์ใหม่รับกับโคมไฟหน้าที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นให้ทัศนะวิสัยที่ดีในยามค่ำคืนด้วยชุดไฟแบบ BI-XENON ที่ให้ความสว่างเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยิ่งขึ้น มาพร้อมกับชุดไฟตัดหมอกหน้าพร้อมไฟ Day Light Running ที่ให้ความสปอร์ตและเพิ่มทัศนวิสัยสำหรับรถยนต์ที่ขับสวนมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฝากระโปรงหน้าได้รับการตกแต่งด้วยชุดสติกเกอร์ลายเคปล่าร์ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ในความเป็นรถสปอร์ตยิ่งขึ้น ภายในได้รับการตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกออกแบบสไตล์สปอร์ตครบครันพร้อมชุดเครื่องเสียงชั้นยอดที่จะให้ความเพลิดเพลินตลอดเส้นทาง เบาะนั่งคู่หน้าปรับและควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งที่นั่งถึง 5 ตำแหน่งให้ความสะดวกในกรณีมีผู้ใช้รถร่วมกันหลาย ๆ คน ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น และหลังเป็นแบบอิสระ five-links ที่ให้ความนุ่มนวลและการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
Rexton II รถ SUV หรู ขนาด 7 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคัน ด้วยมาตรฐานยูโรโฟร์ พร้อมพลังขับเคลื่อนที่มหาศาล จากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบแบบแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 186 แรงม้าและแรงบิด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic จาก Mercedes Benz พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ โดดเด่นและมีรสนิยมด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายในตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายง่ายต่อการใช้สอย หรูหราและเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยจอ ระบบเครื่องเสียงที่สามารถเล่นได้ทั้ง MP3 และยังมีช่องเสียบ USB ที่ให้อิสสระในการเลือกสรรความเพลิดเพลินจากอุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอก
การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า การให้บริการหลังการขาย ซันยองเน้นระดับพรีเมี่ยม ด้วยการให้บริการหลังการขายตลอด 365 วันไม่มีวันหยุดเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำรถเข้ารับบริการได้โดยไม่
ต้องกังวลเรื่องวันหยุดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกที่จะนำรถเข้ารับบริการด้วยตัวเอง เราก็มีบริการรับ - ส่งรถของลูกค้าเพียงแต่ลูกค้าโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการล่วงหน้าเพื่อทำการนัดหมายเวลาที่สะดวก
การรับประกันสินค้า ตามระยะเป็นไปตามจริง ซึ่งเรา สามารถพิจารณาแก้ปัญหาได้เร็วไม่ต้องรอพิสูจน์กันมากเพราะเราเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่ ตัดสินใจได้ง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนหลายบริษัท ในส่วนของชิ้นส่วนอะไหล่ บริษัทได้จัดเตรียมสำรองสต๊อคอะไหล่ที่จำเป็นให้มีเพียงพออยู่ตลอดเวลาและเพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจ บริษัทฯ รับประกัน ถ้าบริษัทจัดหาอะไหล่บริการไม่ได้ภายใน 7 วัน บริษัทยินดีมอบอะไหล่ชิ้นที่ไม่มีให้ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข
6
news & activity / VOLVO รักคุณ รักรถของคุณ ในงาน บางกอกอินเตอร์เนชั่น เนล มอร์เตอร์โชว์ ครั้งที่31
« on: March 25, 2010, 08:30:38 PM »
วอลโว่ C30 2.0 ใหม่
วอลโว่ C30 ใหม่ คือยนตรกรรมแห่งความคิดอิสระปราศจากพันธนาการ ยอดรถยนต์สุดเท่สำหรับผู้มีหัวใจโลดแล่นไม่หยุดนิ่ง รถยนต์สปอร์ตเครื่องยนต์กำลังแรง ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่แสนเร้าใจ และระบบความปลอดภัยระดับเฟิร์สคลาสแบบอินเทอร์แอคทีฟ
C30 ใหม่สะดุดตากว่าเดิมในสไตล์สปอร์ต และโดดเด่นด้วยการออกแบบอันทันสมัยเน้นบุคลิกที่ปราดเปรียวสอดรับกับการขับขี่เหนือระดับ ตรงใจคนเมืองมากขึ้น ด้านหน้าออกแบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ต่างจาก S40 และ V50 อย่างชัดเจน ด้วยกันชนหน้าทรงใหม่ที่โค้งขึ้น ไฟหน้าเพรียวลมสะท้อนถึงความเร็วและความสปอร์ต กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น C30 พร้อมโลโก้วอลโว่ที่เด่นสะดุดตา ช่องลมด้านหน้าถูกออกแบบให้ใหญ่ขึ้นคล้ายกับในรุ่น XC60
ด้านท้ายรถ ก็ถูกปรับโฉมใหม่ให้สื่อบุคลิกที่โดดเด่นปราดเปรียวเช่นเดียวกับด้านหน้า เส้นสายต่างๆ เน้นความรู้สึกถึงความทรงพลังพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า ขอบพลาสติกแข็งสีดำด้านล่างถูกแทนที่ด้วยวัสดุชนิดและสีเดียวกับตัวรถมากขึ้น เพื่อเพิ่มรูปลักษณ์ที่สะกดทุกสายตา ดูทันสมัย และทำให้ดูเหมือนตัวรถเกาะอยู่ใกล้พื้นผิวถนนมากขึ้น
ส่วนภายในตัวรถ C30 ใหม่ก็มีการออกแบบโทนสีใหม่ให้ดูทันสมัย สปอร์ต และโดดเด่นมากขึ้น โดยปรับเปลี่ยนโทนสีภายในให้เป็นคู่สีพิเศษ เอสเพรสโซ่กับบลอนด์ โดยส่วนบนของห้องโดยสารจะเป็นสี น้ำตาลเข้มเอสเพรสโซ่ ส่วนด้านล่างจะเป็นโทนสีบลอนด์หรือสีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเทาและเบจซึ่งสว่างกว่า และสะท้อนถึงดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นคู่สีที่เข้ากันกับเบาะที่มีให้เลือก 2 โทนสี สองอารมณ์ ได้แก่ โทนสีเทาเข้ม-บลอนด์สไตล์เรียบหรู และโทนสีเทาเข้ม-ส้ม พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังจับถนัดกระชับมือ เพิ่มอารมณ์สปอร์ต
วอลโว่ C30 ใหม่พัฒนาขึ้นจากวอลโว่ C30 ดีไซน์ คอนเซ็ปต์ ซึ่งเผยให้เห็นวิถีการออกแบบของวอลโว่ในอนาคต วอลโว่ได้พัฒนารถยนต์ขนาดกลางรุ่นนี้ให้เป็นรถยนต์พรีเมี่ยมสองประตูที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก โดยกวาดรางวัลจากวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกมากมาย อาทิ รางวัล “Ward’s Interior Design Award for Best Brand Reflection” จากประเทศสหรัฐอเมริกา รางวัล “Car of the year 2008 – Good Design Award” จากประเทศมาเลเซีย รางวัล “Golden Steering Wheel” จากประเทศเยอรมนี ได้รับการโหวตจากวงการรถยนต์ในเมืองแฟชั่นอย่างอิตาลีว่าเป็น “รถยนต์ที่สวยที่สุดในโลก” ในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็ค รางวัล “รถยนต์แห่งปี 2007” รางวัลยอดเยี่ยมในประเภทรถยนต์ซับคอมแพ็กหรู (Luxury Subcompact Category) จากการโหวตของคาร์อวอร์ดส์กรุ๊ป (CAGI) ของฟิลิปปินส์ ในขณะที่ในยุโรปตะวันออก วอลโว่ C30 ยังได้รับการโหวตจากดีไซเนอร์อิสระและคอลัมนิสต์นิตยสารรถยนต์ชาวเช็คให้ได้รับรางวัลสูงสุดในการมอบรางวัล Auto Design Awards 2007 ในฐานะรถยนต์ที่มีดีไซน์ดึงดูดใจที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ผลิตออกจำหน่ายทั้งหมด เพราะวอลโว่ C30 ทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านการออกแบบที่ “ลบเหลี่ยมมุม” ออกไปจากโมเดลก่อนๆ ของวอลโว่อย่างเด่นชัด และรางวัล “Best Pint-size Performance” จากนิตยสารเพลย์บอย เพราะวอลโว่ C30 ช่วยให้ผู้ขับขี่สนุกและเร้าใจไปกับความสปอร์ตส์ และดีไซน์สุดเท่ของประตูด้านหลังซึ่งทำจากกระจกทั้งบานในแบบที่ไม่มีใครเหมือน
ทะยานไปกับการขับขี่ที่เร้าใจ
วอลโว่ C30 ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันโดยเฉพาะ ทั้งที่เป็นคนโสดหรือมีครอบครัวแล้ว ที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง เพราะเมื่อคนกลุ่มนี้จะเลือกใช้รถยนต์ พวกเขาจะให้ความสำคัญกับดีไซน์และการขับขี่ที่เร้าใจเป็นอันดับแรก และวอลโว่ C30 คันนี้นับได้ว่า เป็นรถที่ออกแบบมาได้ตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตและรสนิยมของคนกลุ่มนี้อย่างลงตัวที่สุด
เปิดความคิดสร้างสรรค์แบบโมเดิร์นกับไอคอนแห่งการออกแบบ
วอลโว่ C30 คือฝันที่เป็นจริงของดีไซเนอร์ทุกคน เพราะรถยนต์คันนี้เป็นศูนย์รวมของความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ส่วนประกอบภายนอกที่เราเห็นไปจนถึงอุปกรณ์ไฮเทคนานาชนิดที่ประกอบอยู่ภายในตัวรถ ได้รับการบรรจุไว้ในรถยนต์คันนี้ราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่ ตั้งแต่เริ่มต้นวอลโว่ C30 ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นรถยนต์ที่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่หนุ่มขึ้น ร่วมสมัยและเร้าใจมากขึ้นให้กับแบรนด์ ซึ่งนั่นหมายความถึง ความแตกต่างที่ฉีกออกไปทว่ายังคงลักษณะเฉพาะที่คุ้นเคยของวอลโว่เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
นวัตกรรมทางดีไซน์ใหม่ๆ หลายรูปแบบได้รับการบรรจุลงในรถยนต์คันนี้ด้วยการผสมผสานกันผ่านเส้นสายที่บอกความเป็นวอลโว่ยุคใหม่อย่างแท้จริง การออกแบบหน้ารถที่โค้งมนช่วยสร้างลุคที่สปอร์ตขึ้นให้กับตัวรถ ด้วยกระจังหน้าที่ใหญ่และต่ำลง สปอยเลอร์ที่ออกแบบมาพิเศษ รวมถึงส่วนหน้ารถที่สั้นกำลังดี ขณะเดียวกัน ไฟหน้ารถก็ติดตั้งไว้สูงขึ้นไปด้านบนเพื่อให้หน้ารถดูแข็งแกร่งมากขึ้น
โครงร่างของตัวรถถูกขยายให้ดูเด่นขึ้น ด้วยกระจกมองหลังสีดำที่ติดตั้งอยู่ทั้งสองข้างของตัวรถประกอบกับระยะฐานล้อที่ยาวพอเหมาะ บ่าของตัวรถดูแกร่งขึ้นกว่าโมเดลอื่นๆ ของวอลโว่ ทว่าเส้นสายที่เห็นกลับเผยให้เห็นอารมณ์ความเคลื่อนไหวของตัวรถ แม้ว่ารถจะจอดอยู่นิ่งก็ตาม
ดีไซน์ส่วนท้ายรถที่ดูโมเดิร์นและเป็นเอกลักษณ์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้วอลโว่ C30 ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ส่วนรูปทรงที่ไม่เหมือนใครของไฟท้ายก็ช่วยสร้างความรู้สึกที่ทรงพลังให้กับบ่าของรถ โดยเฉพาะในเวลาค่ำคืน
วอลโว่ C30 ใหม่ คือยนตรกรรมแห่งความคิดอิสระปราศจากพันธนาการ ยอดรถยนต์สุดเท่สำหรับผู้มีหัวใจโลดแล่นไม่หยุดนิ่ง รถยนต์สปอร์ตเครื่องยนต์กำลังแรง ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่แสนเร้าใจ และระบบความปลอดภัยระดับเฟิร์สคลาสแบบอินเทอร์แอคทีฟ
C30 ใหม่สะดุดตากว่าเดิมในสไตล์สปอร์ต และโดดเด่นด้วยการออกแบบอันทันสมัยเน้นบุคลิกที่ปราดเปรียวสอดรับกับการขับขี่เหนือระดับ ตรงใจคนเมืองมากขึ้น ด้านหน้าออกแบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ต่างจาก S40 และ V50 อย่างชัดเจน ด้วยกันชนหน้าทรงใหม่ที่โค้งขึ้น ไฟหน้าเพรียวลมสะท้อนถึงความเร็วและความสปอร์ต กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น C30 พร้อมโลโก้วอลโว่ที่เด่นสะดุดตา ช่องลมด้านหน้าถูกออกแบบให้ใหญ่ขึ้นคล้ายกับในรุ่น XC60
ด้านท้ายรถ ก็ถูกปรับโฉมใหม่ให้สื่อบุคลิกที่โดดเด่นปราดเปรียวเช่นเดียวกับด้านหน้า เส้นสายต่างๆ เน้นความรู้สึกถึงความทรงพลังพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า ขอบพลาสติกแข็งสีดำด้านล่างถูกแทนที่ด้วยวัสดุชนิดและสีเดียวกับตัวรถมากขึ้น เพื่อเพิ่มรูปลักษณ์ที่สะกดทุกสายตา ดูทันสมัย และทำให้ดูเหมือนตัวรถเกาะอยู่ใกล้พื้นผิวถนนมากขึ้น
ส่วนภายในตัวรถ C30 ใหม่ก็มีการออกแบบโทนสีใหม่ให้ดูทันสมัย สปอร์ต และโดดเด่นมากขึ้น โดยปรับเปลี่ยนโทนสีภายในให้เป็นคู่สีพิเศษ เอสเพรสโซ่กับบลอนด์ โดยส่วนบนของห้องโดยสารจะเป็นสี น้ำตาลเข้มเอสเพรสโซ่ ส่วนด้านล่างจะเป็นโทนสีบลอนด์หรือสีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเทาและเบจซึ่งสว่างกว่า และสะท้อนถึงดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นคู่สีที่เข้ากันกับเบาะที่มีให้เลือก 2 โทนสี สองอารมณ์ ได้แก่ โทนสีเทาเข้ม-บลอนด์สไตล์เรียบหรู และโทนสีเทาเข้ม-ส้ม พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังจับถนัดกระชับมือ เพิ่มอารมณ์สปอร์ต
วอลโว่ C30 ใหม่พัฒนาขึ้นจากวอลโว่ C30 ดีไซน์ คอนเซ็ปต์ ซึ่งเผยให้เห็นวิถีการออกแบบของวอลโว่ในอนาคต วอลโว่ได้พัฒนารถยนต์ขนาดกลางรุ่นนี้ให้เป็นรถยนต์พรีเมี่ยมสองประตูที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก โดยกวาดรางวัลจากวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกมากมาย อาทิ รางวัล “Ward’s Interior Design Award for Best Brand Reflection” จากประเทศสหรัฐอเมริกา รางวัล “Car of the year 2008 – Good Design Award” จากประเทศมาเลเซีย รางวัล “Golden Steering Wheel” จากประเทศเยอรมนี ได้รับการโหวตจากวงการรถยนต์ในเมืองแฟชั่นอย่างอิตาลีว่าเป็น “รถยนต์ที่สวยที่สุดในโลก” ในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็ค รางวัล “รถยนต์แห่งปี 2007” รางวัลยอดเยี่ยมในประเภทรถยนต์ซับคอมแพ็กหรู (Luxury Subcompact Category) จากการโหวตของคาร์อวอร์ดส์กรุ๊ป (CAGI) ของฟิลิปปินส์ ในขณะที่ในยุโรปตะวันออก วอลโว่ C30 ยังได้รับการโหวตจากดีไซเนอร์อิสระและคอลัมนิสต์นิตยสารรถยนต์ชาวเช็คให้ได้รับรางวัลสูงสุดในการมอบรางวัล Auto Design Awards 2007 ในฐานะรถยนต์ที่มีดีไซน์ดึงดูดใจที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ผลิตออกจำหน่ายทั้งหมด เพราะวอลโว่ C30 ทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านการออกแบบที่ “ลบเหลี่ยมมุม” ออกไปจากโมเดลก่อนๆ ของวอลโว่อย่างเด่นชัด และรางวัล “Best Pint-size Performance” จากนิตยสารเพลย์บอย เพราะวอลโว่ C30 ช่วยให้ผู้ขับขี่สนุกและเร้าใจไปกับความสปอร์ตส์ และดีไซน์สุดเท่ของประตูด้านหลังซึ่งทำจากกระจกทั้งบานในแบบที่ไม่มีใครเหมือน
ทะยานไปกับการขับขี่ที่เร้าใจ
วอลโว่ C30 ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันโดยเฉพาะ ทั้งที่เป็นคนโสดหรือมีครอบครัวแล้ว ที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง เพราะเมื่อคนกลุ่มนี้จะเลือกใช้รถยนต์ พวกเขาจะให้ความสำคัญกับดีไซน์และการขับขี่ที่เร้าใจเป็นอันดับแรก และวอลโว่ C30 คันนี้นับได้ว่า เป็นรถที่ออกแบบมาได้ตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตและรสนิยมของคนกลุ่มนี้อย่างลงตัวที่สุด
เปิดความคิดสร้างสรรค์แบบโมเดิร์นกับไอคอนแห่งการออกแบบ
วอลโว่ C30 คือฝันที่เป็นจริงของดีไซเนอร์ทุกคน เพราะรถยนต์คันนี้เป็นศูนย์รวมของความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ส่วนประกอบภายนอกที่เราเห็นไปจนถึงอุปกรณ์ไฮเทคนานาชนิดที่ประกอบอยู่ภายในตัวรถ ได้รับการบรรจุไว้ในรถยนต์คันนี้ราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่ ตั้งแต่เริ่มต้นวอลโว่ C30 ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นรถยนต์ที่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่หนุ่มขึ้น ร่วมสมัยและเร้าใจมากขึ้นให้กับแบรนด์ ซึ่งนั่นหมายความถึง ความแตกต่างที่ฉีกออกไปทว่ายังคงลักษณะเฉพาะที่คุ้นเคยของวอลโว่เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
นวัตกรรมทางดีไซน์ใหม่ๆ หลายรูปแบบได้รับการบรรจุลงในรถยนต์คันนี้ด้วยการผสมผสานกันผ่านเส้นสายที่บอกความเป็นวอลโว่ยุคใหม่อย่างแท้จริง การออกแบบหน้ารถที่โค้งมนช่วยสร้างลุคที่สปอร์ตขึ้นให้กับตัวรถ ด้วยกระจังหน้าที่ใหญ่และต่ำลง สปอยเลอร์ที่ออกแบบมาพิเศษ รวมถึงส่วนหน้ารถที่สั้นกำลังดี ขณะเดียวกัน ไฟหน้ารถก็ติดตั้งไว้สูงขึ้นไปด้านบนเพื่อให้หน้ารถดูแข็งแกร่งมากขึ้น
โครงร่างของตัวรถถูกขยายให้ดูเด่นขึ้น ด้วยกระจกมองหลังสีดำที่ติดตั้งอยู่ทั้งสองข้างของตัวรถประกอบกับระยะฐานล้อที่ยาวพอเหมาะ บ่าของตัวรถดูแกร่งขึ้นกว่าโมเดลอื่นๆ ของวอลโว่ ทว่าเส้นสายที่เห็นกลับเผยให้เห็นอารมณ์ความเคลื่อนไหวของตัวรถ แม้ว่ารถจะจอดอยู่นิ่งก็ตาม
ดีไซน์ส่วนท้ายรถที่ดูโมเดิร์นและเป็นเอกลักษณ์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้วอลโว่ C30 ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ส่วนรูปทรงที่ไม่เหมือนใครของไฟท้ายก็ช่วยสร้างความรู้สึกที่ทรงพลังให้กับบ่าของรถ โดยเฉพาะในเวลาค่ำคืน
7
news & activity / มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ นำขบวนมาสด้าลุยมอเตอร์โชว์ 31
« on: March 25, 2010, 08:20:47 PM »
มาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ นำขบวนมาสด้าลุยมอเตอร์โชว์
โชว์มาสด้า2 แต่งพิเศษสุดสปอร์ตเอาใจลูกค้าวัยทีน
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 25 มีนาคม 2553 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเพิ่มพื้นที่จัดแสดงพร้อมแนะนำรถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ "New Mazda2 Life Continues เพราะชีวิตท้าทาย...ไม่ได้มีแค่สไตล์เดียว" โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเร้าใจ เพิ่มความหรูหราอีกระดับด้วยห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัยจากยุโรประดับสูงสุด 5 ดาว ราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมกันนี้มาสด้ายังนำรถมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู มาตกแต่งพิเศษให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Active2" ที่มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษแบบสปอร์ตรอบคัน นอกจากนี้ยังยกขบวนยานยนต์พันธุ์สปอร์ตมาครบทุกรุ่น รถสปอร์ตน้องใหม่ที่มาแรงอยู่ในขณะนี้ New Mazda2 แฮ็ชแบค 5 ประตู, มาสด้า3, มาสด้า บีที-50 ใหม่, มาสด้า MX-5 ใหม่ และสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง New Mazda CX-9 ที่ให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดติดขอบเวที พร้อมกันนี้มาสด้ายังมอบแคมเปญสุดพิเศษต่างๆ มากมาย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตทุกรุ่นได้ง่ายขึ้นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่ไบเทค บางนา
สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่กำลังจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2553 นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค บางนา โดยในปีนี้มาสด้าได้ขยายขนาดของพื้นจัดงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ตารางเมตร เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับคลื่นมหาชนที่จะหลั่งไหลเข้ามาชมการแสดงชุดพิเศษสไตล์ ซูม-ซูม รวมทั้งการเดินทางมาปรากฏตัวของพรีเซนเตอร์ของมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ซึ่งเป็นศิลปินดาราหนุ่มสุดฮ็อตแห่งทศวรรษนี้อย่าง เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รวมทั้งขบวนยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตของมาสด้าที่มากันครบทุกรุ่น โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตน้องใหม่ของมาสด้าที่กำลังร้อนแรงและสร้างความฮือฮามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาและยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยสุดยอดซีดานใหม่ 4 ประตู ที่ลูกค้ากำลังรอคอย ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์อันสปอร์ตหรูหรา โฉบเฉี่ยว กับสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาท ที่ให้ความคุมค่า คุ้มราคามากที่สุด
มร. จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความสำเร็จอย่างดียิ่งในการเปิดตัวรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งปัจจุบันเราเร่งส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วมากว่า 5,500 คัน จากการตอบรับอย่างท่วมท้นจากลูกค้าดังกล่าว มาสด้ารุกตลาดต่อเนื่องทันทีด้วยการเปิดตัวแนะนำมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ รุ่น 4 ประตู ซึ่งกำลังร้อนแรงและได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกันในขณะนี้ โดยเฉพาะรูปลักษณ์ความสปอร์ตหรูหรา คุณภาพของตัวรถเมื่อเทียบกับราคา ซึ่งราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของรุ่นอื่นๆ ยังมีราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด รวมทั้งราคายังต่ำกว่ามาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตูสูงสุดถึง 25,000 บาท จากความสำเร็จอย่างดียิ่งในการเปิดตัวรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญยิ่งเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงพัฒนาการของมาสด้าตลอดระยะเวลา 59 ปีที่เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งคุณภาพของรถยนต์ Mazda2 ได้รับการการันตีด้วยรางวัลกว่า 51 รางวัลทั่วโลก รวมถึงรางวัลอันทรงคุณค่า และเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่สุด คือ รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก (World Car of the Year 2008) พิสูจน์ชัดจากตัวเลขยอดขายที่ถล่มทะลาย ภายหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเศษ รถมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู ก็สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในตลาดได้เป็นผลสำเร็จ
จอห์น กล่าวเพิ่มเติมว่า "มาสด้ายังมีรถยนต์อีกหลายรุ่นให้ท่านได้สัมผัสอัดแน่นไปด้วยรถยนต์นั่งสปอร์ต New Mazda3 ที่ยังคงความร้อนแรงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รถสปอร์ตปิคอัพพลังแรง New Mazda BT-50 ที่มาพร้อมระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S ทั้งแน่นและหนึบ รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก New Mazda MX-5 และ New Mazda CX-9 รถสปอร์ครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง นอกจากนี้ เรายังมอบข้อเสนอสุดพิเศษพลาดไม่ได้เฉพาะงานนี้เท่านั้น นอกจากยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้าที่มากันครบทุกรุ่นแล้ว ที่สำคัญมาสด้ายังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ของเราที่มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในด้านการขายและบริการหลังการขาย"
นอกจากนี้มาสด้ายังเอาใจวัยทีนด้วยการนำเอารถยนต์มาสด้า2 แต่งสไตล์สปอร์ตภายใต้คอนเซ็ปต์พิเศษ "Active2" ที่นำมาตกแต่งพิเศษรอบคันให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ด้วยชุดสติ๊กเกอร์สไตล์สปอร์ตเลอมังส์ เสริมพิเศษด้วย Carbon Kevlar Treatment ชุดสเกิร์ตด้านหน้า ด้านข้าง สเกิร์ตด้านหลัง และซุ้มโป่งล้อทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้ง สปอยเลอร์ด้านหลัง กระจกมองข้างสีเขียว เส้นรอบไฟตัดหมอกสีเขียว ออกแบบให้เข้ากับชุดสเกิร์ตหลังได้อย่างลงตัว พร้อมล้ออัลลอยด์ลายพิเศษขนาด 16 นิ้ว สร้างความเป็นเอกลักษณ์สไตล์สปอร์ตแบบสุดๆ
โปรโมชั่นสุดพิเศษที่ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์จากมาสด้าได้ง่ายขึ้น มาสด้า ไพร์มไทม์ ด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดๆ รถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ และมาสด้า2 ใหม่ สปอร์ตแฮ็ชแบค 5 ประตู รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี รถสปอร์ตปิคอัพขับสนุกมาสด้า บีที-50 รับเงื่อนพิเศษดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.79% พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี รถยนต์นั่งสปอร์ต Mazda3 สามารถเติมน้ำมันแก็สโซฮอล์ E20 ราคาใหม่เริ่มต้นเพียง 755,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราพิเศษเพียง 2.19% เท่านั้น ฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร รับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี ในส่วนของประเภทรถพรีเมียมรถสปอร์ตโรดสเตอร์ New Mazda MX-5 หลังคาไฟฟ้า รับเงื่อนไขพิเศษด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง New Mazda CX-9 รถสปอร์ตครอส โอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมกันนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังรับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการฉุกเฉินบนถนนตลอด 24 ชั่วโมงหรือ "24 Hrs Mazda Roadside Assistance" ฟรีนาน 3 ปี
ดังนั้น ลูกค้ามาสด้าทุกท่านไม่ควรพลาดโอกาสการในการเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ แบบ ซูม-ซูม ด้วยสมรรถนะเป็นเยี่ยม ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย อบอุ่นใจตลอดการเดินทาง พร้อมทดลองขับก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ และรับข้อเสนอสุดพิเศษจากมาสด้าได้แล้ววันนี้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั้ง 109 แห่งทั่วประเทศ
โชว์มาสด้า2 แต่งพิเศษสุดสปอร์ตเอาใจลูกค้าวัยทีน
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 25 มีนาคม 2553 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเพิ่มพื้นที่จัดแสดงพร้อมแนะนำรถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ "New Mazda2 Life Continues เพราะชีวิตท้าทาย...ไม่ได้มีแค่สไตล์เดียว" โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเร้าใจ เพิ่มความหรูหราอีกระดับด้วยห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัยจากยุโรประดับสูงสุด 5 ดาว ราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมกันนี้มาสด้ายังนำรถมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู มาตกแต่งพิเศษให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Active2" ที่มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษแบบสปอร์ตรอบคัน นอกจากนี้ยังยกขบวนยานยนต์พันธุ์สปอร์ตมาครบทุกรุ่น รถสปอร์ตน้องใหม่ที่มาแรงอยู่ในขณะนี้ New Mazda2 แฮ็ชแบค 5 ประตู, มาสด้า3, มาสด้า บีที-50 ใหม่, มาสด้า MX-5 ใหม่ และสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง New Mazda CX-9 ที่ให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดติดขอบเวที พร้อมกันนี้มาสด้ายังมอบแคมเปญสุดพิเศษต่างๆ มากมาย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตทุกรุ่นได้ง่ายขึ้นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่ไบเทค บางนา
สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่กำลังจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2553 นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค บางนา โดยในปีนี้มาสด้าได้ขยายขนาดของพื้นจัดงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ตารางเมตร เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับคลื่นมหาชนที่จะหลั่งไหลเข้ามาชมการแสดงชุดพิเศษสไตล์ ซูม-ซูม รวมทั้งการเดินทางมาปรากฏตัวของพรีเซนเตอร์ของมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ ซึ่งเป็นศิลปินดาราหนุ่มสุดฮ็อตแห่งทศวรรษนี้อย่าง เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รวมทั้งขบวนยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตของมาสด้าที่มากันครบทุกรุ่น โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตน้องใหม่ของมาสด้าที่กำลังร้อนแรงและสร้างความฮือฮามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาและยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยสุดยอดซีดานใหม่ 4 ประตู ที่ลูกค้ากำลังรอคอย ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์อันสปอร์ตหรูหรา โฉบเฉี่ยว กับสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาท ที่ให้ความคุมค่า คุ้มราคามากที่สุด
มร. จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความสำเร็จอย่างดียิ่งในการเปิดตัวรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งปัจจุบันเราเร่งส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วมากว่า 5,500 คัน จากการตอบรับอย่างท่วมท้นจากลูกค้าดังกล่าว มาสด้ารุกตลาดต่อเนื่องทันทีด้วยการเปิดตัวแนะนำมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ รุ่น 4 ประตู ซึ่งกำลังร้อนแรงและได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกันในขณะนี้ โดยเฉพาะรูปลักษณ์ความสปอร์ตหรูหรา คุณภาพของตัวรถเมื่อเทียบกับราคา ซึ่งราคาเริ่มต้นเพียง 535,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของรุ่นอื่นๆ ยังมีราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด รวมทั้งราคายังต่ำกว่ามาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตูสูงสุดถึง 25,000 บาท จากความสำเร็จอย่างดียิ่งในการเปิดตัวรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญยิ่งเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงพัฒนาการของมาสด้าตลอดระยะเวลา 59 ปีที่เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งคุณภาพของรถยนต์ Mazda2 ได้รับการการันตีด้วยรางวัลกว่า 51 รางวัลทั่วโลก รวมถึงรางวัลอันทรงคุณค่า และเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่สุด คือ รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก (World Car of the Year 2008) พิสูจน์ชัดจากตัวเลขยอดขายที่ถล่มทะลาย ภายหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเศษ รถมาสด้า2 ใหม่ รุ่นแฮ็ชแบค 5 ประตู ก็สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในตลาดได้เป็นผลสำเร็จ
จอห์น กล่าวเพิ่มเติมว่า "มาสด้ายังมีรถยนต์อีกหลายรุ่นให้ท่านได้สัมผัสอัดแน่นไปด้วยรถยนต์นั่งสปอร์ต New Mazda3 ที่ยังคงความร้อนแรงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รถสปอร์ตปิคอัพพลังแรง New Mazda BT-50 ที่มาพร้อมระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DE-S ทั้งแน่นและหนึบ รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก New Mazda MX-5 และ New Mazda CX-9 รถสปอร์ครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง นอกจากนี้ เรายังมอบข้อเสนอสุดพิเศษพลาดไม่ได้เฉพาะงานนี้เท่านั้น นอกจากยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้าที่มากันครบทุกรุ่นแล้ว ที่สำคัญมาสด้ายังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ของเราที่มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในด้านการขายและบริการหลังการขาย"
นอกจากนี้มาสด้ายังเอาใจวัยทีนด้วยการนำเอารถยนต์มาสด้า2 แต่งสไตล์สปอร์ตภายใต้คอนเซ็ปต์พิเศษ "Active2" ที่นำมาตกแต่งพิเศษรอบคันให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า ด้วยชุดสติ๊กเกอร์สไตล์สปอร์ตเลอมังส์ เสริมพิเศษด้วย Carbon Kevlar Treatment ชุดสเกิร์ตด้านหน้า ด้านข้าง สเกิร์ตด้านหลัง และซุ้มโป่งล้อทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้ง สปอยเลอร์ด้านหลัง กระจกมองข้างสีเขียว เส้นรอบไฟตัดหมอกสีเขียว ออกแบบให้เข้ากับชุดสเกิร์ตหลังได้อย่างลงตัว พร้อมล้ออัลลอยด์ลายพิเศษขนาด 16 นิ้ว สร้างความเป็นเอกลักษณ์สไตล์สปอร์ตแบบสุดๆ
โปรโมชั่นสุดพิเศษที่ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์จากมาสด้าได้ง่ายขึ้น มาสด้า ไพร์มไทม์ ด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดๆ รถยนต์นั่งมาสด้า2 สปอร์ตซีดานใหม่ และมาสด้า2 ใหม่ สปอร์ตแฮ็ชแบค 5 ประตู รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี รถสปอร์ตปิคอัพขับสนุกมาสด้า บีที-50 รับเงื่อนพิเศษดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.79% พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี รถยนต์นั่งสปอร์ต Mazda3 สามารถเติมน้ำมันแก็สโซฮอล์ E20 ราคาใหม่เริ่มต้นเพียง 755,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราพิเศษเพียง 2.19% เท่านั้น ฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร รับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี ในส่วนของประเภทรถพรีเมียมรถสปอร์ตโรดสเตอร์ New Mazda MX-5 หลังคาไฟฟ้า รับเงื่อนไขพิเศษด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง New Mazda CX-9 รถสปอร์ตครอส โอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมกันนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังรับประกันคุณภาพนานสูงสุดถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการฉุกเฉินบนถนนตลอด 24 ชั่วโมงหรือ "24 Hrs Mazda Roadside Assistance" ฟรีนาน 3 ปี
ดังนั้น ลูกค้ามาสด้าทุกท่านไม่ควรพลาดโอกาสการในการเป็นเจ้าของยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ แบบ ซูม-ซูม ด้วยสมรรถนะเป็นเยี่ยม ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย อบอุ่นใจตลอดการเดินทาง พร้อมทดลองขับก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ และรับข้อเสนอสุดพิเศษจากมาสด้าได้แล้ววันนี้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั้ง 109 แห่งทั่วประเทศ
8
news & activity / ครั้งแรกของเมืองไทยก๊าซโซฮอล์ E20BMW ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์31
« on: March 25, 2010, 08:19:12 PM »
ครั้งแรกของเมืองไทย
โรดสเตอร์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20
BMW Z4 sDrive23i E20
ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31
26 มีนาคม – 6 เมษายน นี้
กรุงเทพฯ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยเตรียมเปิดตัว BMW Z4 sDrive23i E20 ซึ่งเป็นโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 คันแรกของเมืองไทย (BMW Z4 sDrive23i ราคา 4,399,000 บาท และ BMW Z4 sDrive23i Highline ราคา 4,799,000 บาท) ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน นี้
มร. คาร์ล รูดิเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่สนับสนุนนโยบายการใช้พลังงานทางเลือก เราจึงได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 เพิ่มขึ้น ซึ่ง BMW Z4 sDrive23i E20 จะเป็นโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกรุ่นแรกของเมืองไทย ในขณะนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ที่เหนือชั้นทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสนับสนุนพลังงานทางเลือกด้วย สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในขณะนี้ สามารถเติมน้ำมันไบโอดีเซล B5 ได้ และในครั้งนี้ เราได้นำเสนอรถยนต์เบนซินพลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่สนับสนุนนโยบายการใช้พลังงานทางเลือกถึง 5 รุ่น ได้แก่ BMW 730Li, BMW Z4 sDrive23i, BMW 325i Sport, BMW 320i SE และ BMW 318i เพิ่มเติมจากไลน์รถยนต์เครื่องยนต์เบนซินของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีจำหน่ายในขณะนี้ ซึ่งเติมน้ำมันก๊าซโซฮอล์ E10”
BMW Z4 sDrive23i E20
ครั้งแรกของเมืองไทยกับโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20
BMW Z4 sDrive23i E20 เป็นสุดยอดแห่งสปอร์ตโรดสเตอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี EfficientDynamics และสามารถใช้พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 ได้ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สง่างาม ผสมผสานความคลาสสิกแนวโรดสเตอร์ขนานแท้เข้ากับความสปอร์ตล้ำสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้มันสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านดีไซน์ยอดเยี่ยมมาแล้วถึง 2 รางวัล คือ รางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมจากงาน Red Dot Design Award และรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยม Eyes On Design Award ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น มันยังมาพร้อมกับอารมณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตโรดสเตอร์เต็มรูปแบบ ด้วยการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล 50:50 หน้า:หลัง และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง นอกจากระบบขับเคลื่อนที่เหนือชั้นแล้ว มันยังมีความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เช่น หลังคาแบบ Retractable Hardtop น้ำหนักเบาสามารถเปิดหรือปิดในเวลาเพียง 20 วินาที อีกทั้งยังสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ (ขณะหลังคาปิด) สำหรับผู้ขับขี่ที่รักความสปอร์ตของรถแบบโรดสเตอร์แต่ยังคงหลงใหลในกีฬากอล์ฟโดยเฉพาะ
BMW Z4 sDrive23i E20 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร / 2,750 รอบ อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมัน 11.3 กิโลเมตรต่อลิตร และ อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 207 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EU)
iDrive ศูนย์บัญชาการข้อมูล CIC Car Infotainment Computer
สั่งการระบบข้อมูลแผนที่นาวิเกเตอร์ โทรศัพท์ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์
BMW Navigation System Professional +DVD + Bluetooth + iPod USB Connector
BMW Z4 sDrive23i Highline มาพร้อมกับระบบข้อมูลแผนที่นาวิเกเตอร์ ระบบบลูธูทเชื่อมโทรศัพท์มือถือ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์สำหรับดูหนังฟังเพลง สามารถควมคุมสั่งการได้อย่างง่ายๆ ผ่านระบบศูนย์บัญชาการข้อมูล iDrive เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งระบบ iDrive ใหม่นี้ใช้ตรรกะการใช้งานง่าย พร้อม 7 ปุ่ม Shortcut เชื่อมตรงเข้าระบบที่ใช้งานบ่อยๆ เช่น ระบบนาวิเกเตอร์ ระบบโทรศัพท์ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถโปรแกรมปุ่ม favorite เพื่อเลือกใช้งานสิ่งที่ตนเองใช้งานบ่อยๆ เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานีเพลงที่ชอบ และอื่นๆ
ระบบ BMW Navigation System Professional เป็นระบบนำทางที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ทำงานบนฮาร์ดดิสก์ขนาด 80 กิ๊กกะไบท์ ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วทันใจ ฮาร์ดแวร์ของระบบ BMW Navigation System Professional สามารถรองรับซอฟแวร์แผนที่แบบสามมิติความละเอียดสูง แสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์ความละเอียดสูง 1280x480 พิกเซล แสดงแผนที่ได้หลายมุมมอง และสามารถแยกจอแสดงผลเป็นสองส่วนได้
นอกจากระบบ CIC จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลและระบบสั่งการของรถ เช่น ระบบ On-board Computer ระบบการตั้งค่าการทำงานต่างๆ (ยกตัวอย่างเช่น ระบบล็อคประตู ระบบ follow me home ระบบไฟเลี้ยว) ยังรวมถึงระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ผ่านระบบ DVD สำหรับดูหนังฟังเพลง อีกทั้งยังสามารถ ‘rip’ เพลงที่ชอบเก็บในระบบฮาร์ดดิสก์ได้อีกด้วย และผ่านระบบ iPod USB Connector ที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPod และ iPhone ได้
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce และรถมอเตอร์ไซค์ BMW เรามีเครือข่ายการผลิต 24 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2009 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.29 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์ 87,000 คัน มีรายได้ 50.68 ล้านยูโร และมีพนักงาน 96,000 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 5 ปีที่ผ่านมา
โรดสเตอร์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20
BMW Z4 sDrive23i E20
ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31
26 มีนาคม – 6 เมษายน นี้
กรุงเทพฯ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยเตรียมเปิดตัว BMW Z4 sDrive23i E20 ซึ่งเป็นโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 คันแรกของเมืองไทย (BMW Z4 sDrive23i ราคา 4,399,000 บาท และ BMW Z4 sDrive23i Highline ราคา 4,799,000 บาท) ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน นี้
มร. คาร์ล รูดิเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่สนับสนุนนโยบายการใช้พลังงานทางเลือก เราจึงได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 เพิ่มขึ้น ซึ่ง BMW Z4 sDrive23i E20 จะเป็นโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกรุ่นแรกของเมืองไทย ในขณะนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ที่เหนือชั้นทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสนับสนุนพลังงานทางเลือกด้วย สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในขณะนี้ สามารถเติมน้ำมันไบโอดีเซล B5 ได้ และในครั้งนี้ เราได้นำเสนอรถยนต์เบนซินพลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่สนับสนุนนโยบายการใช้พลังงานทางเลือกถึง 5 รุ่น ได้แก่ BMW 730Li, BMW Z4 sDrive23i, BMW 325i Sport, BMW 320i SE และ BMW 318i เพิ่มเติมจากไลน์รถยนต์เครื่องยนต์เบนซินของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีจำหน่ายในขณะนี้ ซึ่งเติมน้ำมันก๊าซโซฮอล์ E10”
BMW Z4 sDrive23i E20
ครั้งแรกของเมืองไทยกับโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20
BMW Z4 sDrive23i E20 เป็นสุดยอดแห่งสปอร์ตโรดสเตอร์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี EfficientDynamics และสามารถใช้พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 ได้ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สง่างาม ผสมผสานความคลาสสิกแนวโรดสเตอร์ขนานแท้เข้ากับความสปอร์ตล้ำสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้มันสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านดีไซน์ยอดเยี่ยมมาแล้วถึง 2 รางวัล คือ รางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมจากงาน Red Dot Design Award และรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยม Eyes On Design Award ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น มันยังมาพร้อมกับอารมณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตโรดสเตอร์เต็มรูปแบบ ด้วยการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล 50:50 หน้า:หลัง และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง นอกจากระบบขับเคลื่อนที่เหนือชั้นแล้ว มันยังมีความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เช่น หลังคาแบบ Retractable Hardtop น้ำหนักเบาสามารถเปิดหรือปิดในเวลาเพียง 20 วินาที อีกทั้งยังสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ (ขณะหลังคาปิด) สำหรับผู้ขับขี่ที่รักความสปอร์ตของรถแบบโรดสเตอร์แต่ยังคงหลงใหลในกีฬากอล์ฟโดยเฉพาะ
BMW Z4 sDrive23i E20 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร / 2,750 รอบ อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมัน 11.3 กิโลเมตรต่อลิตร และ อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 207 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EU)
iDrive ศูนย์บัญชาการข้อมูล CIC Car Infotainment Computer
สั่งการระบบข้อมูลแผนที่นาวิเกเตอร์ โทรศัพท์ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์
BMW Navigation System Professional +DVD + Bluetooth + iPod USB Connector
BMW Z4 sDrive23i Highline มาพร้อมกับระบบข้อมูลแผนที่นาวิเกเตอร์ ระบบบลูธูทเชื่อมโทรศัพท์มือถือ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์สำหรับดูหนังฟังเพลง สามารถควมคุมสั่งการได้อย่างง่ายๆ ผ่านระบบศูนย์บัญชาการข้อมูล iDrive เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งระบบ iDrive ใหม่นี้ใช้ตรรกะการใช้งานง่าย พร้อม 7 ปุ่ม Shortcut เชื่อมตรงเข้าระบบที่ใช้งานบ่อยๆ เช่น ระบบนาวิเกเตอร์ ระบบโทรศัพท์ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถโปรแกรมปุ่ม favorite เพื่อเลือกใช้งานสิ่งที่ตนเองใช้งานบ่อยๆ เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานีเพลงที่ชอบ และอื่นๆ
ระบบ BMW Navigation System Professional เป็นระบบนำทางที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ทำงานบนฮาร์ดดิสก์ขนาด 80 กิ๊กกะไบท์ ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วทันใจ ฮาร์ดแวร์ของระบบ BMW Navigation System Professional สามารถรองรับซอฟแวร์แผนที่แบบสามมิติความละเอียดสูง แสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์ความละเอียดสูง 1280x480 พิกเซล แสดงแผนที่ได้หลายมุมมอง และสามารถแยกจอแสดงผลเป็นสองส่วนได้
นอกจากระบบ CIC จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลและระบบสั่งการของรถ เช่น ระบบ On-board Computer ระบบการตั้งค่าการทำงานต่างๆ (ยกตัวอย่างเช่น ระบบล็อคประตู ระบบ follow me home ระบบไฟเลี้ยว) ยังรวมถึงระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ผ่านระบบ DVD สำหรับดูหนังฟังเพลง อีกทั้งยังสามารถ ‘rip’ เพลงที่ชอบเก็บในระบบฮาร์ดดิสก์ได้อีกด้วย และผ่านระบบ iPod USB Connector ที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPod และ iPhone ได้
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce และรถมอเตอร์ไซค์ BMW เรามีเครือข่ายการผลิต 24 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2009 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.29 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์ 87,000 คัน มีรายได้ 50.68 ล้านยูโร และมีพนักงาน 96,000 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 5 ปีที่ผ่านมา
9
news & activity / Proton เปิดตัว Savvy SE สปอร์ตคอมแพคเหนือระดับในงาน Motor Show 2010
« on: March 25, 2010, 08:13:02 PM »
Proton เปิดตัว Savvy SE สปอร์ตคอมแพคเหนือระดับ
ในงาน Motor Show 2010
หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการเปิดตัวรถยนต์ Proton ในประเทศไทยที่ผ่านมา บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Proton ในประเทศไทย เปิดตัว Proton Savvy Special Edition หรือ เรียกสั้นๆว่า “ Savvy SE ” สปอร์ตคอมแพคเหนือระดับ รุ่น High Line (H/L) ระบบเกียร์ AMT (Automated Manual Transmission) สะดุดตาด้วยการตกแต่งพิเศษไม่ซ้ำแบบใครด้วยสีขาวใหม่ Solid White และชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน โดดเด่นด้วยหลังคาและเสา B-pillar สีดำ สปอยเลอร์หลัง และกระจกมองข้าง สีดำ ภายในโฉบเฉี่ยวด้วยลายกราฟฟิคดอกชบาบนเบาะหนังสีดำคาดแดง พวงมาลัยสปอร์ตสไตล์เดียวกัน พื้นพรมออกแบบพิเศษ เสริมความงามให้กับ ห้องโดยสารมากยิ่งขึ้นมั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน พร้อมระบบช่วงล่างเทคโนโลยีจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ พร้อมความอุ่นใจมากขึ้นด้วยการรับประกันคุณภาพรถยนต์ยาวนานถึง 3 ปีเต็ม หรือ 100,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อน) ทางบริษัทฯ ขอกำหนดราคาเปิดตัว Proton Savvy SE รุ่น High Line ระบบเกียร์ AMT ไว้ที่ 499,000 บาท
Proton Savvy ยานยนต์ขับสนุก สไตล์คอมแพค 5 ประตู กะทัดรัด ให้ความคล่องตัวสูงสำหรับการใช้งานในเมือง มั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน พร้อมระบบควบคุมบังคับและระบบกันสะเทือนที่เหนือชั้นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีโดยทีมวิศวกรจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ ระบบเกียร์มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ 5 สปีด แบบ AMT (Automated Manual Transmission) สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานระหว่างเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและวิกฤติราคาน้ำมันในปัจจุบันนี้ บริษัทฯยังคงราคาเริ่มต้นของ Proton Savvy รุ่นปกติ ไว้ที่ 399,000 บาทเท่านั้น
Proton Exora ยานยนต์เหนือระดับ สัมผัสประสบการณ์ความกว้างสบายใหม่กับ รถยนต์ MPV7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นผลิตผลของโปรตอนที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นเวลาหลายปี โดยได้รวมองค์ประกอบเรื่องพื้นที่ รูปแบบ สมรรถนะและความปลอดภัย จึงได้รับการออกแบบให้เป็นสุดยอดยานยนต์เหนือระดับ ผสานเทคโนโลยีช่วงล่างจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ Proton Exora คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบ BCM หรือ Body Control Module ซึ่งติดตั้งในรถยนต์ยุโรประดับสูง Exora เป็นรถรุ่นแรกในค่ายโปรตอนที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ BCM พร้อมตัวเลือกและอุปกรณ์ใหม่อื่นๆ มากมายเพื่อเพิ่มการใช้งานและความปลอดภัย BCM ทำหน้าที่ได้มากกว่า 20 ฟังก์ชั่น อาทิ ไฟนำทางเข้าบ้าน การตั้งโปรแกรมการล็อกประตู การควบคุมการทำงานที่ปัดน้ำฝน การทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติระหว่างการหยุดโดยฉุกเฉินจากความเร็วที่ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาเริ่มต้นเพียง 719,000 บาท
Proton Neo ยานยนต์หัวใจสปอร์ตที่จะพาคุณทะยานไปในทุกหนแห่ง ด้วยความยอดเยี่ยมของพละกำลัง และสมรรถนะในการขับขี่บนรูปทรงอันปราดเปรียวสะดุดตาแฝงไว้ด้วยความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ 4 ดวง ท่อไอเสียติดตั้งกลางตัวรถด้านท้าย มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อีกทั้งระบบควบคุมบังคับและระบบกันสะเทือนได้รับการปรับแต่งโดยทีมวิศวกรของรถ Lotus ให้การตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมั่นใจได้ในขณะขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือในสภาพถนนที่มีกระแสลมแรง
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายในการเดินทาง เบาะนั่งหุ้มด้วยลายผ้าที่ทันสมัยมีสไตล์ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ แดชบอร์ด แบบสปอร์ต วิทยุ 1 DIN บลาวฟุ้ง (Blaupunkt) พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ที่พวงมาลัย เบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60 : 40 เพื่อเพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระราคาเริ่มต้นเพียง 499,000 บาท
Proton Gen 2 สมดุลยภาพที่กลมกลืนระหว่างสมรรถนะของเครื่องยนต์ และการควบคุมบังคับที่เฉียบคม ภายใต้รูปทรงสปอร์ตอันทันสมัย สง่างาม รังสรรค์ผลงานการออกแบบจากยนตรกรรมรถสปอร์ต Lotus การขับขี่และควบคุมบังคับ โดยเฉพาะในเรื่องของระบบกันสะเทือน เป็นฝีมือการปรับแต่งโดยทีมงาน Lotus ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับสุดยอดในรถระดับเดียวกัน มีผลทำให้การตอบสนองการขับขี่ในขณะเข้าโค้งทุกรูปแบบเต็มไปด้วยความแม่นยำและเฉียบคม การเปลี่ยนเลนแบบกะทันหันทำได้อย่างง่ายดายและมั่นใจ
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบที่ Lotus Design Studio ในประเทศอังกฤษ เน้นความสะดวกสบายตามหลักสรีรศาสตร์ ภายในตกแต่งให้ความรู้สึกเรียบหรู ทันสมัย วิทยุ CD แบบ 2 DIN จากบลาวฟุ้ง (Blaupunkt) ให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยม พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมเบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60 : 40 เพิ่มเนื้อที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ราคาเริ่มต้นเพียง 549,000 บาท
Proton Persona ตอบทุกโจทย์ของยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี สู่ความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่า โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่พร้อมดึงดูดทุกสายตา เหนือระดับกับรูปลักษณ์ของสปอร์ตซีดาน ตั้งแต่กระจังหน้าจรดไฟท้าย มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยพวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วเท่าที่ใจต้องการ ยังตอบสนองความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ โดยเบาะหลังสามารถพับเก็บได้ในอัตราส่วน 60:40 ตอบรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขยายให้กว้างขวางเป็นพิเศษเพื่อการเก็บสัมภาระที่มากขึ้น ประหยัดคุ้มค่ากว่า เพราะสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและสมรรถนะ เพื่อความมั่นใจในทุกเส้นทางการขับขี่ ราคาเริ่มต้นเพียง 499,000 บาท
Proton Persona CNG ขับเคลื่อนชีวิตให้คุ้มค่า เหนือกว่าทุกระดับในการขับขี่ เพราะนี่คือที่สุด สำหรับผู้ใช้ชีวิตเป็น กับรูปลักษณ์ของสปอร์ตซีดาน ฉีกกรอบแนวคิดเดิม สู่การเดินทางในแบบที่ชีวิตเลือกได้ ด้วยช่วงล่างเทคโนโลยีของรถ Lotus จากประเทศอังกฤษ เน้นฟังก์ชั่นเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับระดับสูง – ต่ำ ได้ เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ Pre-tensioner ปรับได้ทุกระดับเท่าที่ใจต้องการ เพิ่มความมั่นใจด้วยกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมรีโมทเปิดห้องเก็บสัมภาระจากด้านท้าย สู่ความเร้าใจที่ไม่ต้องเป็นกังวล คุ้มค่าด้วยระบบขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบ ไปได้ไกลกว่าด้วย Proton Persona CNG ที่เพิ่มขนาดความจุถังให้สูงสุดถึง 90 ลิตรน้ำ เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน เพราะความปลอดภัยคือหัวใจของการออกแบบ Proton Persona CNG จึงเพิ่มระบบความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ABS, ระบบการกระจายแรงเบรก EBD และระบบล็อครถอัตโนมัติ ที่ทำงานทันทีเพียงแค่แตะเบรกเบาๆก่อนออกรถ
มั่นใจในความปลอดภัยด้วยถัง CNG ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 11439-2000 พร้อมวาล์วนิรภัย 3 ชั้น ที่ตัวถัง CNG ปลอดภัยทุกสถานการณ์ ซึ่งสามารถระบายก๊าซทิ้งเมื่อความดัน หรืออุณหภูมิสูงเกินกำหนด เพื่อป้องกันถัง CNG ระเบิดและยังสามารถตัดการจ่ายก๊าซเมื่อเกิดการไหลเกินกำหนด หรือในกรณีท่อแตกหักอีกด้วย อีกทั้งวาล์วเติมก๊าซยังติดตั้งระบบป้องกันการไหลย้อนกลับของก๊าซ พร้อมทั้งระบบเปิด – ปิด ด้วยมือ ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มากกว่า
นอกจากนี้ Proton Persona CNG ยังคงพื้นที่ห้องสัมภาระด้านท้ายกว้างขวาง สวยงามและปลอดภัย ด้วยชุดครอบถัง CNG ผลิตจากวัสดุกันลามไฟตามมาตรฐาน FMVSS (Federal Motor Vehicle Safety Standards) เพิ่มความมั่นใจให้ทุกเส้นทางการขับขี่ ราคาเริ่มต้นเพียง 549,000 บาทเท่านั้น
สำหรับลูกค้าที่สนใจ เข้าเยี่ยมชมในงาน Motor Show 2010 และตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ Proton Savvy บริษัทฯ มอบสิทธิพิเศษ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 (1 ปีรวมพรบ.) และเบาะหนัง
สำหรับ Proton Savvy รุ่น High Line (H/L) ระบบเกียร์ AMT (Automated Manual Transmission) แถมเพิ่มพวงมาลัยหุ้มหนัง
สำหรับรถยนต์ Proton ทุกรุ่น รับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อน)
ในงาน Motor Show 2010
หลังจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการเปิดตัวรถยนต์ Proton ในประเทศไทยที่ผ่านมา บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Proton ในประเทศไทย เปิดตัว Proton Savvy Special Edition หรือ เรียกสั้นๆว่า “ Savvy SE ” สปอร์ตคอมแพคเหนือระดับ รุ่น High Line (H/L) ระบบเกียร์ AMT (Automated Manual Transmission) สะดุดตาด้วยการตกแต่งพิเศษไม่ซ้ำแบบใครด้วยสีขาวใหม่ Solid White และชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน โดดเด่นด้วยหลังคาและเสา B-pillar สีดำ สปอยเลอร์หลัง และกระจกมองข้าง สีดำ ภายในโฉบเฉี่ยวด้วยลายกราฟฟิคดอกชบาบนเบาะหนังสีดำคาดแดง พวงมาลัยสปอร์ตสไตล์เดียวกัน พื้นพรมออกแบบพิเศษ เสริมความงามให้กับ ห้องโดยสารมากยิ่งขึ้นมั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน พร้อมระบบช่วงล่างเทคโนโลยีจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ พร้อมความอุ่นใจมากขึ้นด้วยการรับประกันคุณภาพรถยนต์ยาวนานถึง 3 ปีเต็ม หรือ 100,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อน) ทางบริษัทฯ ขอกำหนดราคาเปิดตัว Proton Savvy SE รุ่น High Line ระบบเกียร์ AMT ไว้ที่ 499,000 บาท
Proton Savvy ยานยนต์ขับสนุก สไตล์คอมแพค 5 ประตู กะทัดรัด ให้ความคล่องตัวสูงสำหรับการใช้งานในเมือง มั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน พร้อมระบบควบคุมบังคับและระบบกันสะเทือนที่เหนือชั้นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีโดยทีมวิศวกรจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ ระบบเกียร์มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ 5 สปีด แบบ AMT (Automated Manual Transmission) สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานระหว่างเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและวิกฤติราคาน้ำมันในปัจจุบันนี้ บริษัทฯยังคงราคาเริ่มต้นของ Proton Savvy รุ่นปกติ ไว้ที่ 399,000 บาทเท่านั้น
Proton Exora ยานยนต์เหนือระดับ สัมผัสประสบการณ์ความกว้างสบายใหม่กับ รถยนต์ MPV7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นผลิตผลของโปรตอนที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นเวลาหลายปี โดยได้รวมองค์ประกอบเรื่องพื้นที่ รูปแบบ สมรรถนะและความปลอดภัย จึงได้รับการออกแบบให้เป็นสุดยอดยานยนต์เหนือระดับ ผสานเทคโนโลยีช่วงล่างจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ Proton Exora คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบ BCM หรือ Body Control Module ซึ่งติดตั้งในรถยนต์ยุโรประดับสูง Exora เป็นรถรุ่นแรกในค่ายโปรตอนที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ BCM พร้อมตัวเลือกและอุปกรณ์ใหม่อื่นๆ มากมายเพื่อเพิ่มการใช้งานและความปลอดภัย BCM ทำหน้าที่ได้มากกว่า 20 ฟังก์ชั่น อาทิ ไฟนำทางเข้าบ้าน การตั้งโปรแกรมการล็อกประตู การควบคุมการทำงานที่ปัดน้ำฝน การทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติระหว่างการหยุดโดยฉุกเฉินจากความเร็วที่ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาเริ่มต้นเพียง 719,000 บาท
Proton Neo ยานยนต์หัวใจสปอร์ตที่จะพาคุณทะยานไปในทุกหนแห่ง ด้วยความยอดเยี่ยมของพละกำลัง และสมรรถนะในการขับขี่บนรูปทรงอันปราดเปรียวสะดุดตาแฝงไว้ด้วยความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ 4 ดวง ท่อไอเสียติดตั้งกลางตัวรถด้านท้าย มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อีกทั้งระบบควบคุมบังคับและระบบกันสะเทือนได้รับการปรับแต่งโดยทีมวิศวกรของรถ Lotus ให้การตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมั่นใจได้ในขณะขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือในสภาพถนนที่มีกระแสลมแรง
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายในการเดินทาง เบาะนั่งหุ้มด้วยลายผ้าที่ทันสมัยมีสไตล์ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ แดชบอร์ด แบบสปอร์ต วิทยุ 1 DIN บลาวฟุ้ง (Blaupunkt) พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ที่พวงมาลัย เบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60 : 40 เพื่อเพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระราคาเริ่มต้นเพียง 499,000 บาท
Proton Gen 2 สมดุลยภาพที่กลมกลืนระหว่างสมรรถนะของเครื่องยนต์ และการควบคุมบังคับที่เฉียบคม ภายใต้รูปทรงสปอร์ตอันทันสมัย สง่างาม รังสรรค์ผลงานการออกแบบจากยนตรกรรมรถสปอร์ต Lotus การขับขี่และควบคุมบังคับ โดยเฉพาะในเรื่องของระบบกันสะเทือน เป็นฝีมือการปรับแต่งโดยทีมงาน Lotus ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับสุดยอดในรถระดับเดียวกัน มีผลทำให้การตอบสนองการขับขี่ในขณะเข้าโค้งทุกรูปแบบเต็มไปด้วยความแม่นยำและเฉียบคม การเปลี่ยนเลนแบบกะทันหันทำได้อย่างง่ายดายและมั่นใจ
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบที่ Lotus Design Studio ในประเทศอังกฤษ เน้นความสะดวกสบายตามหลักสรีรศาสตร์ ภายในตกแต่งให้ความรู้สึกเรียบหรู ทันสมัย วิทยุ CD แบบ 2 DIN จากบลาวฟุ้ง (Blaupunkt) ให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยม พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมเบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60 : 40 เพิ่มเนื้อที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ราคาเริ่มต้นเพียง 549,000 บาท
Proton Persona ตอบทุกโจทย์ของยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี สู่ความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่า โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่พร้อมดึงดูดทุกสายตา เหนือระดับกับรูปลักษณ์ของสปอร์ตซีดาน ตั้งแต่กระจังหน้าจรดไฟท้าย มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยพวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วเท่าที่ใจต้องการ ยังตอบสนองความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ โดยเบาะหลังสามารถพับเก็บได้ในอัตราส่วน 60:40 ตอบรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขยายให้กว้างขวางเป็นพิเศษเพื่อการเก็บสัมภาระที่มากขึ้น ประหยัดคุ้มค่ากว่า เพราะสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและสมรรถนะ เพื่อความมั่นใจในทุกเส้นทางการขับขี่ ราคาเริ่มต้นเพียง 499,000 บาท
Proton Persona CNG ขับเคลื่อนชีวิตให้คุ้มค่า เหนือกว่าทุกระดับในการขับขี่ เพราะนี่คือที่สุด สำหรับผู้ใช้ชีวิตเป็น กับรูปลักษณ์ของสปอร์ตซีดาน ฉีกกรอบแนวคิดเดิม สู่การเดินทางในแบบที่ชีวิตเลือกได้ ด้วยช่วงล่างเทคโนโลยีของรถ Lotus จากประเทศอังกฤษ เน้นฟังก์ชั่นเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับระดับสูง – ต่ำ ได้ เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ Pre-tensioner ปรับได้ทุกระดับเท่าที่ใจต้องการ เพิ่มความมั่นใจด้วยกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมรีโมทเปิดห้องเก็บสัมภาระจากด้านท้าย สู่ความเร้าใจที่ไม่ต้องเป็นกังวล คุ้มค่าด้วยระบบขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบ ไปได้ไกลกว่าด้วย Proton Persona CNG ที่เพิ่มขนาดความจุถังให้สูงสุดถึง 90 ลิตรน้ำ เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน เพราะความปลอดภัยคือหัวใจของการออกแบบ Proton Persona CNG จึงเพิ่มระบบความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ABS, ระบบการกระจายแรงเบรก EBD และระบบล็อครถอัตโนมัติ ที่ทำงานทันทีเพียงแค่แตะเบรกเบาๆก่อนออกรถ
มั่นใจในความปลอดภัยด้วยถัง CNG ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 11439-2000 พร้อมวาล์วนิรภัย 3 ชั้น ที่ตัวถัง CNG ปลอดภัยทุกสถานการณ์ ซึ่งสามารถระบายก๊าซทิ้งเมื่อความดัน หรืออุณหภูมิสูงเกินกำหนด เพื่อป้องกันถัง CNG ระเบิดและยังสามารถตัดการจ่ายก๊าซเมื่อเกิดการไหลเกินกำหนด หรือในกรณีท่อแตกหักอีกด้วย อีกทั้งวาล์วเติมก๊าซยังติดตั้งระบบป้องกันการไหลย้อนกลับของก๊าซ พร้อมทั้งระบบเปิด – ปิด ด้วยมือ ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มากกว่า
นอกจากนี้ Proton Persona CNG ยังคงพื้นที่ห้องสัมภาระด้านท้ายกว้างขวาง สวยงามและปลอดภัย ด้วยชุดครอบถัง CNG ผลิตจากวัสดุกันลามไฟตามมาตรฐาน FMVSS (Federal Motor Vehicle Safety Standards) เพิ่มความมั่นใจให้ทุกเส้นทางการขับขี่ ราคาเริ่มต้นเพียง 549,000 บาทเท่านั้น
สำหรับลูกค้าที่สนใจ เข้าเยี่ยมชมในงาน Motor Show 2010 และตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ Proton Savvy บริษัทฯ มอบสิทธิพิเศษ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 (1 ปีรวมพรบ.) และเบาะหนัง
สำหรับ Proton Savvy รุ่น High Line (H/L) ระบบเกียร์ AMT (Automated Manual Transmission) แถมเพิ่มพวงมาลัยหุ้มหนัง
สำหรับรถยนต์ Proton ทุกรุ่น รับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อน)
10
news & activity / เปอโยต์ เดินหน้าขยายฐานเจาะไลฟ์สไตล์ลูกค้า ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์
« on: March 25, 2010, 08:10:00 PM »
เปอโยต์ เดินหน้าขยายฐานเจาะไลฟ์สไตล์ลูกค้า เผยโฉม “บิปเปอร์ เมโทร ” โมเดล 2010 รถมินิเอ็มพีวีระดับพรีเมียม ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่31 พร้อมประกาศความพร้อมรุกตลาดรถยุโรปตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่า 60%
นายพลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด และ บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อการสร้างการรับรู้ในแบรนด์เปอโยต์ และเป็นการขยายตลาดใหม่ของเปอโยต์ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงได้แนะนำรถรุ่น บิปเปอร์ เมโทร (Bipper Metro) รถเอนกประสงค์จากยุโรปเข้ามาสู่ตลาดโดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตนเอง ต้องการความแตกต่างด้านดีไซด์ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมัน และมีสมรรถนะยอดเยี่ยมในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยูโรเปียนคาร์
บิปเปอร์ เมโทร เป็นรถเอนกประสงค์ (Mini MPV) นำเข้าจากฐานการผลิตเปอโยต์ประเทศฝรั่งเศส มีรูปลักษณ์โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังเปิดออกแบบสไลด์ทั้งสองด้าน จำนวนที่นั่งโดยสาร 5 ที่นั่ง ตัวรถ มีความสวยงามโดดเด่น ขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด1.4 ลิตร HDi เทอร์โบ ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 70 แรงม้า (50KW) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 160 Nm ที่ 1,750 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบทิป-โทรนิค 5 จังหวะ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยถึง 22.2 ก.ม./ ลิตร อีกทั้งลดการปล่อยมลพิษเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4
ด้านสมรรถนะบิปเปอร์ เมโทร สามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 18.4 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง บิปเปอร์มีขนาดกะทัดรัด มีความคล่องตัวเหมาะสำหรับ การใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ตัวรถมีความยาวรวม 3.86 เมตร ความกว้าง 1.82 เมตร ห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยและบรรทุกสัมภาระกว้างขวาง ที่นั่งด้านหน้าเป็นแบบแยกอิสระ สะดวกสบายหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ ส่วนที่นั่งแถวหลังเป็นแบบแถวยาวสามารถเลื่อนและปรับพับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับบรรทุกสัมภาระให้มากขึ้น
บิบเปอร์ เมโทร โดดเด่นด้วยดีไซด์ของตัวรถ ซึ่งประตูหลังสามารถเลื่อนเปิด (Slide Doors) ทั้งสองด้านทำให้สามารถเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างง่ายดายเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นอีกทั้งยังถูกต้องตามหลักความปลอดภัยนอกจากนี้ประตูท้ายเป็นแบบบานพับแยก สามารถขนถ่ายสัมภาระและเปิดประตูได้แม้ในที่แคบ ในส่วนของตัวรถด้านหน้าของคอนโซลมีช่องเก็บของสำหรับผู้โดยสาร ที่วางแก้วน้ำ และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อีกมากมาย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของบิปเปอร์ นอกจากผู้ชื่นชอบรถเอนกประสงค์คุณภาพสูงที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง แล้ว ยังเป็นผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความประหยัดและประสิทธิภาพการขับขี่ การยึดเกาะถนน ความโดดเด่นของบิบเปอร์ ทำให้บิบเปอร์เป็นรถเอนกประสงค์ที่สามารถตอบสนองความต้องการ ตอบสนองทุกการขับขี่อย่างครอบคลุม
บิปเปอร์ เมโทร มีให้เลือก 7 สี ประกอบไปด้วย ขาว บรอนซ์ เขียวมะนาว ฟ้า แดง เทา และส้ม ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 990,000 บาท สำหรับรุ่น เมโทร และราคา 1,190,000 บาท สำหรับรุ่นเมโทร พลัส
“ส่วนยอดขายรถยนต์เปอโยต์โดยรวมปี 2553 บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้ 200 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 60% จากปี 2552 ทีผ่านมา และสำหรับการเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 เปอโยต์ได้นำเสนอรถยนต์รุ่นปัจจุบันที่นำเข้ามาทำตลาดประกอบไปด้วย เปอโยต์ 308 VTi และ 308 Turbo, เปอโยต์ 308CC, เปอโยต์ 407 และเปอโยต์ Expert” นายพลกฤษณ์ กล่าวเสริม
พบกับยนตกรรมขับเคลื่อนตามแบบฉบับรถยุโรปแบรนด์เปอโยต์ทุกรุ่น พร้อมบิบเปอร์ เมโทรใหม่ล่าสุด ได้ที่บูธ A13 ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2553 ณ ศูนย์นิทรรศการ ไบเทค บางนา
นายพลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด และ บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อการสร้างการรับรู้ในแบรนด์เปอโยต์ และเป็นการขยายตลาดใหม่ของเปอโยต์ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงได้แนะนำรถรุ่น บิปเปอร์ เมโทร (Bipper Metro) รถเอนกประสงค์จากยุโรปเข้ามาสู่ตลาดโดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตนเอง ต้องการความแตกต่างด้านดีไซด์ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมัน และมีสมรรถนะยอดเยี่ยมในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยูโรเปียนคาร์
บิปเปอร์ เมโทร เป็นรถเอนกประสงค์ (Mini MPV) นำเข้าจากฐานการผลิตเปอโยต์ประเทศฝรั่งเศส มีรูปลักษณ์โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังเปิดออกแบบสไลด์ทั้งสองด้าน จำนวนที่นั่งโดยสาร 5 ที่นั่ง ตัวรถ มีความสวยงามโดดเด่น ขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด1.4 ลิตร HDi เทอร์โบ ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 70 แรงม้า (50KW) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 160 Nm ที่ 1,750 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบทิป-โทรนิค 5 จังหวะ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยถึง 22.2 ก.ม./ ลิตร อีกทั้งลดการปล่อยมลพิษเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4
ด้านสมรรถนะบิปเปอร์ เมโทร สามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 18.4 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง บิปเปอร์มีขนาดกะทัดรัด มีความคล่องตัวเหมาะสำหรับ การใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ตัวรถมีความยาวรวม 3.86 เมตร ความกว้าง 1.82 เมตร ห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยและบรรทุกสัมภาระกว้างขวาง ที่นั่งด้านหน้าเป็นแบบแยกอิสระ สะดวกสบายหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ ส่วนที่นั่งแถวหลังเป็นแบบแถวยาวสามารถเลื่อนและปรับพับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับบรรทุกสัมภาระให้มากขึ้น
บิบเปอร์ เมโทร โดดเด่นด้วยดีไซด์ของตัวรถ ซึ่งประตูหลังสามารถเลื่อนเปิด (Slide Doors) ทั้งสองด้านทำให้สามารถเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างง่ายดายเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นอีกทั้งยังถูกต้องตามหลักความปลอดภัยนอกจากนี้ประตูท้ายเป็นแบบบานพับแยก สามารถขนถ่ายสัมภาระและเปิดประตูได้แม้ในที่แคบ ในส่วนของตัวรถด้านหน้าของคอนโซลมีช่องเก็บของสำหรับผู้โดยสาร ที่วางแก้วน้ำ และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อีกมากมาย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของบิปเปอร์ นอกจากผู้ชื่นชอบรถเอนกประสงค์คุณภาพสูงที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง แล้ว ยังเป็นผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความประหยัดและประสิทธิภาพการขับขี่ การยึดเกาะถนน ความโดดเด่นของบิบเปอร์ ทำให้บิบเปอร์เป็นรถเอนกประสงค์ที่สามารถตอบสนองความต้องการ ตอบสนองทุกการขับขี่อย่างครอบคลุม
บิปเปอร์ เมโทร มีให้เลือก 7 สี ประกอบไปด้วย ขาว บรอนซ์ เขียวมะนาว ฟ้า แดง เทา และส้ม ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 990,000 บาท สำหรับรุ่น เมโทร และราคา 1,190,000 บาท สำหรับรุ่นเมโทร พลัส
“ส่วนยอดขายรถยนต์เปอโยต์โดยรวมปี 2553 บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้ 200 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 60% จากปี 2552 ทีผ่านมา และสำหรับการเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 เปอโยต์ได้นำเสนอรถยนต์รุ่นปัจจุบันที่นำเข้ามาทำตลาดประกอบไปด้วย เปอโยต์ 308 VTi และ 308 Turbo, เปอโยต์ 308CC, เปอโยต์ 407 และเปอโยต์ Expert” นายพลกฤษณ์ กล่าวเสริม
พบกับยนตกรรมขับเคลื่อนตามแบบฉบับรถยุโรปแบรนด์เปอโยต์ทุกรุ่น พร้อมบิบเปอร์ เมโทรใหม่ล่าสุด ได้ที่บูธ A13 ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2553 ณ ศูนย์นิทรรศการ ไบเทค บางนา
11
news & activity / มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ ส่งเลกาซี โฉมใหม่ กระตุ้นยอดขายในงาน มอเตอร์ โชว์ 2010
« on: March 25, 2010, 08:07:32 PM »
มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ ส่งเลกาซี โฉมใหม่ 2.0i ดีไซน์สปอร์ตล้ำสมัย เคาะราคาเริ่มต้น 1.98 ล้านบาทพร้อมยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตครบทุกรุ่น กระตุ้นยอดขายในงาน มอเตอร์ โชว์ 2010
บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ซูบารุ จากประเทศญี่ปุ่น เตรียมพื้นที่จัดแสดงรถยนต์แบรนด์ซูบารุทุกรุ่น ภายใต้แนวคิด “Fun and Safety Driving” เพื่อรองรับสุดยอดรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ต เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ (Symmrical All Wheel Drive; AWD) ที่พร้อมอวดโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BANGKOK INTERNATIONAL TRADE & EXHIBITION CENTRE ; BITEC)
สำหรับสุดยอดยนตรกรรมที่นำมาจัดแสดงภายในบูธรถยนต์ซูบารุ ประกอบไปด้วย ซูบารุ เลกาซี โฉมใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 5 รถยนต์รุ่นล่าสุด (MY01) โดยออกแบบให้มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย ชวนตื่นตาและสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สูบนอนอันลือชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของซูบารุ มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ นวัตกรรมที่โดดเด่นและถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีของซูบารุ เลกาซี ใหม่ นี้ ไม่เพียงปรากฏให้เห็นเฉพาะการออกแบบรูปลักษณ์และสมรรถนะของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสวยงามจากการดีไซน์อันลงตัว พร้อมสรรพด้วยอรรถประโยชน์ใช้สอยเหนือระดับ ทั้งด้านความปลอดภัยในการยึดเกาะถนน และเสริมสร้างความคล่องตัว ตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างเหนือชั้น ให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยการออกแบบที่เหมาะสม ภายในสปอร์ต หรูหรา ทันสมัย ด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความมีระดับ ในทุกการขับขี่ได้อย่างแท้จริง
ซูบารุ เลกาซี ใหม่ คือ สุดยอดยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบของซูบารุ ที่คุณสามารถสัมผัสถึงความโดดเด่นอย่างแตกต่างได้เพียงแรกเห็น
นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูบารุ เลกาซี ใหม่ ได้รับการออกแบบด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ชวนตื่นตา และสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยสมรรถนะที่เร้าใจในการขับขี่ ขุมพลังของเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เอกสิทธิ์เฉพาะของรถยนต์ซูบารุ มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Symmetrical All Wheel Drive; AWD ความเป็นนวัตกรรมล้ำหน้าของซูบารุ
เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ และสมรรถนะของเครื่องยนต์ ทำให้ซูบารุ เลกาซี ใหม่ เป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งปี ที่ให้ความสมดุลย์อย่างลงตัว ทั้งสุนทรียภาพในการขับขี่ ที่ให้ความเพลิดเพลินและความปลอดภัยสูงสุด ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกการขับขี่อีกด้วย
ซูบารุ เลกาซี ใหม่ ที่นำมาโชว์ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 คือ ซูบารุ เลกาซี รุ่น 2.0i ทั้งแบบซีดาน และแบบแวกอน ดีไซน์สปอร์ตเหนือชั้น สร้างความเร้าใจทุกการขับขี่ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างนิรภัยแบบ Ring-Shaped Reinforcement Frame โครงสร้างตัวถังที่สามารถดูดซับและกระจายแรงปะทะให้น้อยลง พร้อมด้วยดิสก์เบรค 4 ล้อ, ระบบเบรค ABS ช่วยป้องกันล้อล็อคและการลื่นไถลจากการเบรคแบบกะทันหัน เสริมระบบกระจายแรงเบรค EBD ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรค และลดระยะเบรคให้สั้นลง มาพร้อมเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 2,000 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ (Symmetrical All Wheel Drive; AWD) พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้นด้วย ระบบ Vehicle Dynamic Control (VDC) มาพร้อมระบบเกียร์แบบ Linear Tronic; All new Continuously Variable Transmission
ซูบารุ เลกาซี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ Satin White Pearl (ขาวมุก) , Steel Silver Metallic (บรอนซ์เงินเข้ม) Graphite Grey Metallic (เทาดำ) และ Crystal Black Silica (ดำ) โดยราคาจำหน่ายของซูบารุ เลกาซี แบบซีดาน 1,980,000 บาท และราคาจำหน่ายของซูบารุ เลกาซี แบบแวกอน 2,050,000 บาท
สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ซูบารุเตรียมพื้นที่บูธจัดแสดงไว้ 330 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้าที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต สมรรถนะสูงทุกรุ่นจากซูบารุ ซึ่งนอกจากจะมีไฮไลท์ของงานคือ ซูบารุ เลกาซี ใหม่ แล้ว ซูบารุ ยังนำรถยนต์ครบทุกรุ่นมาจัดแสดง อาทิ ซูบารุ อิมเพรสซ่า แบบแฮทซ์แบค, ซูบารุ อิมเพรสซ่า แบบซีดาน และซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ ทั้งรุ่น 2.0X และรุ่น 2.5 XT ผู้สนใจสามารถเข้าชม ติดต่อขอทดลองขับและจับจองเป็นเจ้าของยานยนต์สมรรถนะสูงสายพันธุ์สปอร์ต พร้อมรับเงื่อนไขพิเศษ ได้ที่บูธ รถยนต์ซูบารุ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2553 ณ Hall 105 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค BANGKOK INTERNATIONAL TRADE & EXHIBITION CENTRE (BITEC) หรือที่โชว์รูม รถยนต์ซูบารุ โทร. 0-2725-1888
บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ซูบารุ จากประเทศญี่ปุ่น เตรียมพื้นที่จัดแสดงรถยนต์แบรนด์ซูบารุทุกรุ่น ภายใต้แนวคิด “Fun and Safety Driving” เพื่อรองรับสุดยอดรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ต เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ (Symmrical All Wheel Drive; AWD) ที่พร้อมอวดโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BANGKOK INTERNATIONAL TRADE & EXHIBITION CENTRE ; BITEC)
สำหรับสุดยอดยนตรกรรมที่นำมาจัดแสดงภายในบูธรถยนต์ซูบารุ ประกอบไปด้วย ซูบารุ เลกาซี โฉมใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 5 รถยนต์รุ่นล่าสุด (MY01) โดยออกแบบให้มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย ชวนตื่นตาและสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สูบนอนอันลือชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของซูบารุ มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ นวัตกรรมที่โดดเด่นและถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีของซูบารุ เลกาซี ใหม่ นี้ ไม่เพียงปรากฏให้เห็นเฉพาะการออกแบบรูปลักษณ์และสมรรถนะของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสวยงามจากการดีไซน์อันลงตัว พร้อมสรรพด้วยอรรถประโยชน์ใช้สอยเหนือระดับ ทั้งด้านความปลอดภัยในการยึดเกาะถนน และเสริมสร้างความคล่องตัว ตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างเหนือชั้น ให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยการออกแบบที่เหมาะสม ภายในสปอร์ต หรูหรา ทันสมัย ด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความมีระดับ ในทุกการขับขี่ได้อย่างแท้จริง
ซูบารุ เลกาซี ใหม่ คือ สุดยอดยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบของซูบารุ ที่คุณสามารถสัมผัสถึงความโดดเด่นอย่างแตกต่างได้เพียงแรกเห็น
นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูบารุ เลกาซี ใหม่ ได้รับการออกแบบด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ชวนตื่นตา และสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยสมรรถนะที่เร้าใจในการขับขี่ ขุมพลังของเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เอกสิทธิ์เฉพาะของรถยนต์ซูบารุ มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Symmetrical All Wheel Drive; AWD ความเป็นนวัตกรรมล้ำหน้าของซูบารุ
เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ และสมรรถนะของเครื่องยนต์ ทำให้ซูบารุ เลกาซี ใหม่ เป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งปี ที่ให้ความสมดุลย์อย่างลงตัว ทั้งสุนทรียภาพในการขับขี่ ที่ให้ความเพลิดเพลินและความปลอดภัยสูงสุด ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกการขับขี่อีกด้วย
ซูบารุ เลกาซี ใหม่ ที่นำมาโชว์ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 คือ ซูบารุ เลกาซี รุ่น 2.0i ทั้งแบบซีดาน และแบบแวกอน ดีไซน์สปอร์ตเหนือชั้น สร้างความเร้าใจทุกการขับขี่ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างนิรภัยแบบ Ring-Shaped Reinforcement Frame โครงสร้างตัวถังที่สามารถดูดซับและกระจายแรงปะทะให้น้อยลง พร้อมด้วยดิสก์เบรค 4 ล้อ, ระบบเบรค ABS ช่วยป้องกันล้อล็อคและการลื่นไถลจากการเบรคแบบกะทันหัน เสริมระบบกระจายแรงเบรค EBD ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรค และลดระยะเบรคให้สั้นลง มาพร้อมเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 2,000 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ (Symmetrical All Wheel Drive; AWD) พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้นด้วย ระบบ Vehicle Dynamic Control (VDC) มาพร้อมระบบเกียร์แบบ Linear Tronic; All new Continuously Variable Transmission
ซูบารุ เลกาซี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ Satin White Pearl (ขาวมุก) , Steel Silver Metallic (บรอนซ์เงินเข้ม) Graphite Grey Metallic (เทาดำ) และ Crystal Black Silica (ดำ) โดยราคาจำหน่ายของซูบารุ เลกาซี แบบซีดาน 1,980,000 บาท และราคาจำหน่ายของซูบารุ เลกาซี แบบแวกอน 2,050,000 บาท
สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ซูบารุเตรียมพื้นที่บูธจัดแสดงไว้ 330 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้าที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต สมรรถนะสูงทุกรุ่นจากซูบารุ ซึ่งนอกจากจะมีไฮไลท์ของงานคือ ซูบารุ เลกาซี ใหม่ แล้ว ซูบารุ ยังนำรถยนต์ครบทุกรุ่นมาจัดแสดง อาทิ ซูบารุ อิมเพรสซ่า แบบแฮทซ์แบค, ซูบารุ อิมเพรสซ่า แบบซีดาน และซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ ทั้งรุ่น 2.0X และรุ่น 2.5 XT ผู้สนใจสามารถเข้าชม ติดต่อขอทดลองขับและจับจองเป็นเจ้าของยานยนต์สมรรถนะสูงสายพันธุ์สปอร์ต พร้อมรับเงื่อนไขพิเศษ ได้ที่บูธ รถยนต์ซูบารุ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2553 ณ Hall 105 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค BANGKOK INTERNATIONAL TRADE & EXHIBITION CENTRE (BITEC) หรือที่โชว์รูม รถยนต์ซูบารุ โทร. 0-2725-1888
12
news & activity / มิตซูบิชิแนะนำ ไทรทัน ซีเอ็นจี เน้นประหยัด คุ้มค่า ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31
« on: March 25, 2010, 08:05:22 PM »
- มิตซูบิชิแนะนำ ไทรทัน ซีเอ็นจี เน้นประหยัด คุ้มค่า ด้วยเครื่องยนต์ 2 ระบบ
- รถมิตซูบิชิในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31
ปทุมธานี : 25 มีนาคม 2553, มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กระตุ้นตลาดรถกระบะอีกระลอก ส่งมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เจาะกลุ่มลูกค้าใช้งานหนัก ชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ทั้ง ซีเอ็นจี (CNG) และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์อี 20 รองรับงานบรรทุกและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เคาะราคาขายเริ่มต้นที่ 469,000 บาท ถึง 611,000 บาท พร้อมส่งกองทัพรถยนต์มิตซูบิชิสีขาวร่วมโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ อีกเพียบ
มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เพิ่มเติมอีกรุ่น โดยสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งน้ำมันเบนซินและก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถกระบะที่ให้ความประหยัดสำหรับการใช้งานบรรทุกรวมไปถึงใช้งานในแต่ละวัน โดยจะมีให้เลือกทั้งในแบบกระบะตอนเดียว ซิงเกิ้ลแค็บ และกระบะตอนครึ่ง หรือเมกะแค็บ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
“เราเน้นนำเสนอสินค้าที่หลากหลายเพื่อให้รถมิตซูบิชิเป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด สำหรับการแนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ทั้งน้ำมันเบนซินได้ถึงแก๊สโซฮอล์อี 20 และ ก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ที่ให้ระยะทางในการขับขี่โดยรวมได้มากกว่า น่าจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี โดยในส่วนของราคาจำหน่ายจะมีการปรับขึ้นจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเพียง 65,000 บาท จึงถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่จะลดลงในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นครั้งแรกในตลาดเมืองไทยที่มิตซูบิชิในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ทำการผลิตรถกระบะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ภายใต้มาตรฐานของบริษัทฯ พร้อมการรับประกันนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร” มร.มูราฮาชิ กล่าว
สำหรับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ใช้พื้นฐานมาจากรถกระบะเครื่องยนต์เบนซิน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ ซิงเกิ้ลแค็บ 2.4 GL และเมกะแค็บ 2.4 GLX โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.4 MPI ให้พละกำลังสูงสุด128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี Bi Fuel System ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีและน้ำมันเบนซินรองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยสวิตซ์เลือกชนิดของเชื้อเพลิงและไฟแสดงระดับของก๊าซที่เหลืออยู่ พร้อมกล่องสมองกลอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการวิเคราะห์และประมวลผลการจ่ายเชื้อเพลิงจึงให้การจ่ายเชื้อเพลิงเป็นไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามความต้องการของเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดพลังงานพร้อมการขับเคลื่อนที่นุ่มนวลเมื่อระบบปรับการทำงานจากน้ำมันเป็นก๊าซและจากก๊าซเป็นน้ำมัน
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ ยังคงมาพร้อมกระบะท้ายที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับกับงานบรรทุกหนักด้วยการติดตั้งขอเกี่ยวรอบกระบะสำหรับผูกยึดสินค้าช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการบรรทุก ในขณะที่รุ่นเมกะแค็บ มาพร้อมกระบะท้ายที่สูงขึ้นกว่าเดิม 57 มิลลิเมตร ที่ช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรทุก พร้อมการติดตั้งถังก๊าซบนกระบะท้ายที่เสริมความลงตัวด้วยพื้นปูกระบะ (Bed Liner) ดีไซน์พิเศษแบบชิ้นเดียวซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยแล้วยังสะดวกในการใช้งานและบำรุงรักษาอีกด้วย ในขณะที่ภายในยังคงมาพร้อมห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกกว้างสะดวกสบาย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ในด้านความปลอดภัย มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ปลอดภัยด้วยถังซีเอ็นจี แบบ Type II ซึ่งมีน้ำหนักเบาโดยในรุ่น ซิงเกิ้ลแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด120 ลิตรน้ำ ในขณะที่รุ่น เมกะแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด 100 ลิตรน้ำ พร้อมการติดตั้ง ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ 2 ตัว โดยตัวแรกติดตั้งบริเวณอุปกรณ์ลดความดัน และตัวที่สองติดตั้งตรงวาล์วหัวถังก๊าซ โดยจะตัดการทำงานของก๊าซอัตโนมัติเมื่อมีก๊าซรั่วไหล ในขณะที่ตัวรถปลอดภัยด้วยตัวถังแบบ RISE BODY พร้อมติดตั้งคานกันกระแทกที่ประตูทุกบาน ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงให้การควบคุมบังคับทิศทางขณะเลี้ยวหรือเข้าโค้งมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.7 เมตร
มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ลแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GL มี 2 สีให้เลือก ได้แก่สีขาว และสีบรอนซ์เงิน (สีเมทัลลิค) พร้อมราคาจำหน่ายอยู่ที่ 469,000 บาท และ 476,000 บาท ตามลำดับ ในขณะที่ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GLX มี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาจำหน่ายที่ 611,000 บาท
ทั้งนี้ มร.มูราฮาชิ ยังได้กล่าวเสริมถึงการเข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ว่า นอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน ซีเอ็นจี แล้ว ในปีนี้ มิตซูบิชิ ยังได้นำยนตรกรรมรุ่นต่างๆ ร่วมโชว์อย่างคับคั่ง โดยจะเน้นรถยนต์ “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว พร้อมโชว์ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นตกแต่งพิเศษ “ แรลลี่อาร์ต คอนเซ็ปต์” และ “สมาร์ท คอนเซ็ปต์” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่บริษัทฯ จะนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถแต่งสไตล์สปอร์ต นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) เพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่นนอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) ไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นอื่นๆ ก็ยังคงถูกนำมาจัดแสดงอย่างครบครัน โดยจะเน้นสีขาวเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รวมไปถึง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี รุ่น 1600 ซีซี. ทั้งนี้จากความหลากหลายของรถรุ่นต่างๆ ประกอบกับข้อเสนอพิเศษที่บริษัทฯ ได้เตรียมมอบให้กับลูกค้า ทำให้เชื่อว่ามิตซูบิชิจะสามารถทำยอดขายในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ได้กว่า 1,300 คัน
ข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์โชว์
เงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิในงานมอเตอร์โชว์ และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้จนถึง 6 เมษายน
ดอกเบี้ยต่ำ 1.69% * พร้อมรับฟรีประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์ ** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ แลนเซอร์ 1.6 ลิตร ปาเจโร สปอร์ต และ สเปซ แวกอน
ดอกเบี้ยต่ำ 0.99%* พร้อมรับฟรี ประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส ปละ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
* ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ
** ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับยนตรกรรมของมิตซูบิชิได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่บูธรถยนต์มิตซูบิชิ หมายเลข A08 ณ ไบเทค บางนา ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2553 – 6 เมษายน 2553 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009 หรือ www.mitsubishi-motors.co.th
- รถมิตซูบิชิในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31
ปทุมธานี : 25 มีนาคม 2553, มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กระตุ้นตลาดรถกระบะอีกระลอก ส่งมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เจาะกลุ่มลูกค้าใช้งานหนัก ชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ทั้ง ซีเอ็นจี (CNG) และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์อี 20 รองรับงานบรรทุกและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เคาะราคาขายเริ่มต้นที่ 469,000 บาท ถึง 611,000 บาท พร้อมส่งกองทัพรถยนต์มิตซูบิชิสีขาวร่วมโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ อีกเพียบ
มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี เพิ่มเติมอีกรุ่น โดยสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งน้ำมันเบนซินและก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถกระบะที่ให้ความประหยัดสำหรับการใช้งานบรรทุกรวมไปถึงใช้งานในแต่ละวัน โดยจะมีให้เลือกทั้งในแบบกระบะตอนเดียว ซิงเกิ้ลแค็บ และกระบะตอนครึ่ง หรือเมกะแค็บ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
“เราเน้นนำเสนอสินค้าที่หลากหลายเพื่อให้รถมิตซูบิชิเป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด สำหรับการแนะนำรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดจากการเลือกใช้งานได้ทั้งน้ำมันเบนซินได้ถึงแก๊สโซฮอล์อี 20 และ ก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ที่ให้ระยะทางในการขับขี่โดยรวมได้มากกว่า น่าจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพงได้เป็นอย่างดี โดยในส่วนของราคาจำหน่ายจะมีการปรับขึ้นจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเพียง 65,000 บาท จึงถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่จะลดลงในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นครั้งแรกในตลาดเมืองไทยที่มิตซูบิชิในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ทำการผลิตรถกระบะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 ระบบ (Bi-Fuel) ภายใต้มาตรฐานของบริษัทฯ พร้อมการรับประกันนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร” มร.มูราฮาชิ กล่าว
สำหรับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ใช้พื้นฐานมาจากรถกระบะเครื่องยนต์เบนซิน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ ซิงเกิ้ลแค็บ 2.4 GL และเมกะแค็บ 2.4 GLX โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.4 MPI ให้พละกำลังสูงสุด128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุด 194 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี Bi Fuel System ที่สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีและน้ำมันเบนซินรองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วยสวิตซ์เลือกชนิดของเชื้อเพลิงและไฟแสดงระดับของก๊าซที่เหลืออยู่ พร้อมกล่องสมองกลอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการวิเคราะห์และประมวลผลการจ่ายเชื้อเพลิงจึงให้การจ่ายเชื้อเพลิงเป็นไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามความต้องการของเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดพลังงานพร้อมการขับเคลื่อนที่นุ่มนวลเมื่อระบบปรับการทำงานจากน้ำมันเป็นก๊าซและจากก๊าซเป็นน้ำมัน
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ ยังคงมาพร้อมกระบะท้ายที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับกับงานบรรทุกหนักด้วยการติดตั้งขอเกี่ยวรอบกระบะสำหรับผูกยึดสินค้าช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการบรรทุก ในขณะที่รุ่นเมกะแค็บ มาพร้อมกระบะท้ายที่สูงขึ้นกว่าเดิม 57 มิลลิเมตร ที่ช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรทุก พร้อมการติดตั้งถังก๊าซบนกระบะท้ายที่เสริมความลงตัวด้วยพื้นปูกระบะ (Bed Liner) ดีไซน์พิเศษแบบชิ้นเดียวซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยแล้วยังสะดวกในการใช้งานและบำรุงรักษาอีกด้วย ในขณะที่ภายในยังคงมาพร้อมห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกกว้างสะดวกสบาย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ในด้านความปลอดภัย มิตซูบิชิ ไทรทัน ซีเอ็นจี ปลอดภัยด้วยถังซีเอ็นจี แบบ Type II ซึ่งมีน้ำหนักเบาโดยในรุ่น ซิงเกิ้ลแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด120 ลิตรน้ำ ในขณะที่รุ่น เมกะแค็บ มาพร้อมถังก๊าซความจุขนาด 100 ลิตรน้ำ พร้อมการติดตั้ง ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ 2 ตัว โดยตัวแรกติดตั้งบริเวณอุปกรณ์ลดความดัน และตัวที่สองติดตั้งตรงวาล์วหัวถังก๊าซ โดยจะตัดการทำงานของก๊าซอัตโนมัติเมื่อมีก๊าซรั่วไหล ในขณะที่ตัวรถปลอดภัยด้วยตัวถังแบบ RISE BODY พร้อมติดตั้งคานกันกระแทกที่ประตูทุกบาน ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงให้การควบคุมบังคับทิศทางขณะเลี้ยวหรือเข้าโค้งมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.7 เมตร
มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ลแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GL มี 2 สีให้เลือก ได้แก่สีขาว และสีบรอนซ์เงิน (สีเมทัลลิค) พร้อมราคาจำหน่ายอยู่ที่ 469,000 บาท และ 476,000 บาท ตามลำดับ ในขณะที่ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ซีเอ็นจี 2.4 GLX มี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาจำหน่ายที่ 611,000 บาท
ทั้งนี้ มร.มูราฮาชิ ยังได้กล่าวเสริมถึงการเข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ว่า นอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน ซีเอ็นจี แล้ว ในปีนี้ มิตซูบิชิ ยังได้นำยนตรกรรมรุ่นต่างๆ ร่วมโชว์อย่างคับคั่ง โดยจะเน้นรถยนต์ “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์” ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว พร้อมโชว์ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รุ่นตกแต่งพิเศษ “ แรลลี่อาร์ต คอนเซ็ปต์” และ “สมาร์ท คอนเซ็ปต์” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่บริษัทฯ จะนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถแต่งสไตล์สปอร์ต นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) เพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่นนอกเหนือจากการแนะนำไทรทัน เมกะแค็บ พลัส รุ่นพิเศษสีขาวมุก (White Pearl) ไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นอื่นๆ ก็ยังคงถูกนำมาจัดแสดงอย่างครบครัน โดยจะเน้นสีขาวเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รวมไปถึง มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี รุ่น 1600 ซีซี. ทั้งนี้จากความหลากหลายของรถรุ่นต่างๆ ประกอบกับข้อเสนอพิเศษที่บริษัทฯ ได้เตรียมมอบให้กับลูกค้า ทำให้เชื่อว่ามิตซูบิชิจะสามารถทำยอดขายในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ได้กว่า 1,300 คัน
ข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์โชว์
เงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิในงานมอเตอร์โชว์ และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้จนถึง 6 เมษายน
ดอกเบี้ยต่ำ 1.69% * พร้อมรับฟรีประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์ ** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ แลนเซอร์ 1.6 ลิตร ปาเจโร สปอร์ต และ สเปซ แวกอน
ดอกเบี้ยต่ำ 0.99%* พร้อมรับฟรี ประกันภัย ไดมอนด์ อินชัวรันซ์** เมื่อซื้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส ปละ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
* ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ
** ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับยนตรกรรมของมิตซูบิชิได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่บูธรถยนต์มิตซูบิชิ หมายเลข A08 ณ ไบเทค บางนา ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2553 – 6 เมษายน 2553 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009 หรือ www.mitsubishi-motors.co.th
13
news & activity / ซูซูกิรุกตลาดรถครอบครัวเต็มสูบส่ง New Suzuki Smash ดันเป้ามั่นใจ
« on: March 25, 2010, 07:58:37 PM »
จากพัฒนาการที่ก้าวไปอย่างไม่เคยหยุดยั้ง ภายใต้แบรนด์สโลแกน Suzuki Way of Life! จึงเกิดการสร้างสรรค์สุดยอดรถจักรยานยนต์ครอบครัวรุ่น “ซูซูกิ สแมช” ในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา ด้วยการวิจัยและพัฒนาทั้งในด้านเทคโนโลยีและดีไซน์ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่สำหรับคนไทยให้ได้ตรงใจที่สุด ทั้งในรุ่น สแมช, สแมช ทูโทน, สแมช ดี, สแมช จูเนียร์, สแมช โปร, และ สแมช เรฟโว่@ ที่ได้รับความนิยมและการยอมรับจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์มายาวนานกว่า 8 ปี และด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้ผู้ใช้ชาวไทยได้รับสิ่งที่ดียิ่งกว่า จึงทำให้ “ซูซูกิ สแมช” ก้าวสู่เวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคนี้
New Suzuki Smash สุดยอดรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่ออกแบบและดีไซน์ใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดปลายท่อ แจ๋วสุดๆกับเทคโนโลยีใหม่ล้ำอนาคต แจ่มหมดจดไม่เหมือนใครกับรูปลักษณ์ล้ำสมัยสไตล์สปอร์ตทั้งคัน โดยมี Brand Positioning ที่เหมาะสำหรับทุกๆคนในครอบครัว ใช้งานง่าย สะดวกสบาย ขับขี่ไปไหนใกล้ไกลก็มั่นใจสุดๆกับฟังชั่นที่ทันสมัย ประหยัด คุ้มค่า เซฟเงิน เซฟเวลา ไม่มีปัญหา…โนพลอมแพลมกันทั้งครอบครัวกับ New Suzuki Smash คันนี้
พัฒนาการที่เหนือกว่าไปอีกขั้นกับเทคโนโลยีขุมพลังเครื่องยนต์อันทรงพลังขนาด 113 ซีซี 4 จังหวะ ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มสมรรถนะและ
ให้อัตราเร่งที่ดียิ่งขึ้นแต่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วย
การดีไซน์ขนาดวาล์วใหม่พร้อมทั้งลดขนาดขององศาวาล์วฝาสูบให้แคบลง อีกทั้งระยะของก้านสูบถูกออกแบบให้ยาวเป็นพิเศษส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงในรอบต่ำและกลางเป็นเยี่ยม
New Suzuki Smash ได้ติดตั้งคาร์บูเรเตอร์แบบปีกผีเสื้อ BS22 พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดตำแหน่งลิ้นเร่ง TPS (Throttle Position Sensor) และกล่องควบคุมการจุดระเบิด DC-CDI ทำให้เครื่องยนต์จุดระเบิดได้อย่างแม่นยำ เที่ยงตรง เผาไหม้หมดจด เพิ่มสมรรถนะและอัตราเร่งเต็มพิกัด แต่เซฟน้ำมันสุดๆ
นอกจากนี้ “ซูซูกิ” ยังใส่ใจถึงสิ่งแวดล้อมโลกซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน โดยได้พัฒนาให้ New Suzuki Smash เป็นรถจักรยานยนต์ที่รักษ์โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดด้วยการติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย Suzuki PAIR (Pulsed-Secondary AIR – Injection) System ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ “ซูซูกิ” อีกทั้งออกแบบหม้อกรองอากาศให้มีขนาดใหญ่ถึง 2.6 ลิตรและติดตั้งแคทตาไลเซอร์ขนาดใหญ่ในท่อไอเสีย เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศและมลภาวะทางเสียง และยังได้ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ 6 หรือเทียบเท่ามาตรฐาน EURO III อีกด้วย เพื่อเรา…เพื่อโลก…เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า
New Suzuki Smash ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกครอบครัวทั่วไทยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สนุกสนานครื้นเครง
ได้ทุกการขับขี่ด้วยระบบเกียร์แบบ โรตารี่ 4 ระดับใหม่ เฟืองเกียร์มีขนาดใหญ่ ทนทาน พร้อมคลัตช์ใหม่แบบ 4 แผ่น เข้าเกียร์ง่าย นุ่มนวล ไร้เสียงรบกวนทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ แถมง่ายๆสบายๆกับระบบช่วยสตาร์ท (Auto Decompression System) เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่าย เซฟแรง เซฟเวลา โนพลอมแพลมทุกครั้งที่ออกเดินทาง มั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ด้วยชุดกันสะเทือนหน้าและหลังคุณภาพสูง ควบคุมง่าย คล่องแคล่ว ทรงตัวดีเยี่ยม พร้อมดิสก์เบรกหน้า
หยุดสนิทปลอดภัยทุกการเดินทาง จะเส้นทางไหน ก็ไม่มี
ปัญหา ทุกคนในครอบครัวสนุกกันได้ในทุกรูปแบบการขับขี่
ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน, เดินทางท่องเที่ยว
ตามแหล่งธรรมชาติ หรือในเมือง เสริมสร้างความใกล้ชิด
และความอบอุ่นในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ใหม่ตลอดคัน New Suzuki Smash ดีไซน์ใหม่ สีใหม่ ลุคใหม่ ที่ใครเห็นเป็นโดน
ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานสายพันธุ์สปอร์ตระดับโลกอย่าง Suzuki GSX-R ซีรีย์ ที่ถูกพัฒนาออกแบบขึ้นใหม่อย่างเหนือชั้นสไตล์ Sport Compact เล็ก กะทัดรัด โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ Diamond Type เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ให้ต่ำลง เพรียวบาง เหมาะกับสรีระคนไทย ขับขี่ง่าย ไม่เมื่อยล้า ดีไซน์กราฟฟิกลายใหม่ ที่มีลวดลายสื่อถึงความเอ็นจอยที่โลดแล่นไปตามเส้นทางแห่งไลฟ์สไตล์ของทุกคน
New Suzuki Smash ตอบทุกปัญหาด้วยแนวคิดที่สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ ตั้งแต่แผงหน้าปัดดีไซน์หรูแบบนาฬิกาสไตล์สปอร์ตระดับพรีเมี่ยม แสดงข้อมูลมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง, มาตรวัดความเร็วได้อย่างแม่นยำ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร กับดีไซน์ตำแหน่งไฟเลี้ยวที่บังลมหน้า ลงตัวกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต ไฟหน้าและไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ให้ความสว่างกว่า ไม่ว่าจะขับขี่เวลากลางวันหรือกลางคืนก็ปลอดภัย พร้อมเริ่มต้นเดินทางได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับระบบสตาร์ทไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น FW110SD) ท่อไอเสียยกสูงสไตล์สปอร์ตพร้อมแผงกันความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนจากท่อไอเสียแก่ผู้ซ้อนท้ายในขณะเดินทาง
New Suzuki Smash อำนวยความสะดวกได้ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยกล่องเก็บของอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ 8 ลิตร จุกันให้หนำใจ ใส่ของจุกจิกได้หลากหลาย ไม่ว่า Netbook หรือ Gadget สุดฮิป ให้คุณปลอดภัยหายห่วงทุกครั้งที่จอดอีกระดับด้วยระบบกุญแจกันขโมย 2 ชั้นแบบแม่เหล็ก (เฉพาะรุ่น FW110S/SD) จะขับขี่ไปที่ไหนก็สบายใจ โนพลอมแพลมสุดๆ
มร.มาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้เปิดเผยถึงการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ New Suzuki Smash รุ่นใหม่ ครั้งนี้ว่า “จากความพยายามในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภคชาวไทยเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ในวันนี้ “ซูซูกิ” จึงเปิดตัวรถจักรยานยนต์ครอบครัวรุ่นใหม่ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่มาพร้อมความประหยัดและคุ้มค่า ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะเป็นที่ประทับใจของผู้บริโภคและสามารถเป็นตัวเลือกที่สามารถช่วยกู้วิกฤตต่างๆที่เป็นปัญหาของคนไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมและสมรรถนะที่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการคมนาคมในปัจจุบัน จึงเชื่อมั่นว่ารถจักรยานยนต์ New Suzuki Smash จะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของครอบครัวชาวไทย จนทำให้ยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวของซูซูกิมีอัตราส่วนสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน”
New Suzuki Smash มีให้เลือกสรรสำหรับทุกครอบครัวแบบไม่มีปัญหาถึง 4 เฉดสี คือ แดง, ขาวน้ำเงิน, และดำ ทั้งในรุ่น ดรัมเบรก/สตาร์ทเท้า, ดิสก์เบรก/สตาร์ทเท้า และ ดิสก์เบรก/สตาร์ทมือ พร้อมมีให้ทุกท่านได้สัมผัสแล้วที่ร้านผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ” ใกล้บ้านท่าน ด้วยราคาเริ่มต้นช่วงแนะนำที่ 32,900 บาทเท่านั้น แล้วทุกท่านจะได้สัมผัสรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่แจ๋วแจ่ม…ตั้งแต่หัวจรดปลายท่อ
New Suzuki Smash สุดยอดรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่ออกแบบและดีไซน์ใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดปลายท่อ แจ๋วสุดๆกับเทคโนโลยีใหม่ล้ำอนาคต แจ่มหมดจดไม่เหมือนใครกับรูปลักษณ์ล้ำสมัยสไตล์สปอร์ตทั้งคัน โดยมี Brand Positioning ที่เหมาะสำหรับทุกๆคนในครอบครัว ใช้งานง่าย สะดวกสบาย ขับขี่ไปไหนใกล้ไกลก็มั่นใจสุดๆกับฟังชั่นที่ทันสมัย ประหยัด คุ้มค่า เซฟเงิน เซฟเวลา ไม่มีปัญหา…โนพลอมแพลมกันทั้งครอบครัวกับ New Suzuki Smash คันนี้
พัฒนาการที่เหนือกว่าไปอีกขั้นกับเทคโนโลยีขุมพลังเครื่องยนต์อันทรงพลังขนาด 113 ซีซี 4 จังหวะ ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มสมรรถนะและ
ให้อัตราเร่งที่ดียิ่งขึ้นแต่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วย
การดีไซน์ขนาดวาล์วใหม่พร้อมทั้งลดขนาดขององศาวาล์วฝาสูบให้แคบลง อีกทั้งระยะของก้านสูบถูกออกแบบให้ยาวเป็นพิเศษส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงในรอบต่ำและกลางเป็นเยี่ยม
New Suzuki Smash ได้ติดตั้งคาร์บูเรเตอร์แบบปีกผีเสื้อ BS22 พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดตำแหน่งลิ้นเร่ง TPS (Throttle Position Sensor) และกล่องควบคุมการจุดระเบิด DC-CDI ทำให้เครื่องยนต์จุดระเบิดได้อย่างแม่นยำ เที่ยงตรง เผาไหม้หมดจด เพิ่มสมรรถนะและอัตราเร่งเต็มพิกัด แต่เซฟน้ำมันสุดๆ
นอกจากนี้ “ซูซูกิ” ยังใส่ใจถึงสิ่งแวดล้อมโลกซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน โดยได้พัฒนาให้ New Suzuki Smash เป็นรถจักรยานยนต์ที่รักษ์โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดด้วยการติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย Suzuki PAIR (Pulsed-Secondary AIR – Injection) System ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ “ซูซูกิ” อีกทั้งออกแบบหม้อกรองอากาศให้มีขนาดใหญ่ถึง 2.6 ลิตรและติดตั้งแคทตาไลเซอร์ขนาดใหญ่ในท่อไอเสีย เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศและมลภาวะทางเสียง และยังได้ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ 6 หรือเทียบเท่ามาตรฐาน EURO III อีกด้วย เพื่อเรา…เพื่อโลก…เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า
New Suzuki Smash ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกครอบครัวทั่วไทยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สนุกสนานครื้นเครง
ได้ทุกการขับขี่ด้วยระบบเกียร์แบบ โรตารี่ 4 ระดับใหม่ เฟืองเกียร์มีขนาดใหญ่ ทนทาน พร้อมคลัตช์ใหม่แบบ 4 แผ่น เข้าเกียร์ง่าย นุ่มนวล ไร้เสียงรบกวนทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ แถมง่ายๆสบายๆกับระบบช่วยสตาร์ท (Auto Decompression System) เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่าย เซฟแรง เซฟเวลา โนพลอมแพลมทุกครั้งที่ออกเดินทาง มั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ด้วยชุดกันสะเทือนหน้าและหลังคุณภาพสูง ควบคุมง่าย คล่องแคล่ว ทรงตัวดีเยี่ยม พร้อมดิสก์เบรกหน้า
หยุดสนิทปลอดภัยทุกการเดินทาง จะเส้นทางไหน ก็ไม่มี
ปัญหา ทุกคนในครอบครัวสนุกกันได้ในทุกรูปแบบการขับขี่
ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน, เดินทางท่องเที่ยว
ตามแหล่งธรรมชาติ หรือในเมือง เสริมสร้างความใกล้ชิด
และความอบอุ่นในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ใหม่ตลอดคัน New Suzuki Smash ดีไซน์ใหม่ สีใหม่ ลุคใหม่ ที่ใครเห็นเป็นโดน
ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานสายพันธุ์สปอร์ตระดับโลกอย่าง Suzuki GSX-R ซีรีย์ ที่ถูกพัฒนาออกแบบขึ้นใหม่อย่างเหนือชั้นสไตล์ Sport Compact เล็ก กะทัดรัด โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ Diamond Type เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ให้ต่ำลง เพรียวบาง เหมาะกับสรีระคนไทย ขับขี่ง่าย ไม่เมื่อยล้า ดีไซน์กราฟฟิกลายใหม่ ที่มีลวดลายสื่อถึงความเอ็นจอยที่โลดแล่นไปตามเส้นทางแห่งไลฟ์สไตล์ของทุกคน
New Suzuki Smash ตอบทุกปัญหาด้วยแนวคิดที่สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ ตั้งแต่แผงหน้าปัดดีไซน์หรูแบบนาฬิกาสไตล์สปอร์ตระดับพรีเมี่ยม แสดงข้อมูลมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง, มาตรวัดความเร็วได้อย่างแม่นยำ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร กับดีไซน์ตำแหน่งไฟเลี้ยวที่บังลมหน้า ลงตัวกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต ไฟหน้าและไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ให้ความสว่างกว่า ไม่ว่าจะขับขี่เวลากลางวันหรือกลางคืนก็ปลอดภัย พร้อมเริ่มต้นเดินทางได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับระบบสตาร์ทไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น FW110SD) ท่อไอเสียยกสูงสไตล์สปอร์ตพร้อมแผงกันความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนจากท่อไอเสียแก่ผู้ซ้อนท้ายในขณะเดินทาง
New Suzuki Smash อำนวยความสะดวกได้ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยกล่องเก็บของอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ 8 ลิตร จุกันให้หนำใจ ใส่ของจุกจิกได้หลากหลาย ไม่ว่า Netbook หรือ Gadget สุดฮิป ให้คุณปลอดภัยหายห่วงทุกครั้งที่จอดอีกระดับด้วยระบบกุญแจกันขโมย 2 ชั้นแบบแม่เหล็ก (เฉพาะรุ่น FW110S/SD) จะขับขี่ไปที่ไหนก็สบายใจ โนพลอมแพลมสุดๆ
มร.มาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้เปิดเผยถึงการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ New Suzuki Smash รุ่นใหม่ ครั้งนี้ว่า “จากความพยายามในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภคชาวไทยเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ในวันนี้ “ซูซูกิ” จึงเปิดตัวรถจักรยานยนต์ครอบครัวรุ่นใหม่ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่มาพร้อมความประหยัดและคุ้มค่า ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะเป็นที่ประทับใจของผู้บริโภคและสามารถเป็นตัวเลือกที่สามารถช่วยกู้วิกฤตต่างๆที่เป็นปัญหาของคนไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมและสมรรถนะที่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการคมนาคมในปัจจุบัน จึงเชื่อมั่นว่ารถจักรยานยนต์ New Suzuki Smash จะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของครอบครัวชาวไทย จนทำให้ยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวของซูซูกิมีอัตราส่วนสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน”
New Suzuki Smash มีให้เลือกสรรสำหรับทุกครอบครัวแบบไม่มีปัญหาถึง 4 เฉดสี คือ แดง, ขาวน้ำเงิน, และดำ ทั้งในรุ่น ดรัมเบรก/สตาร์ทเท้า, ดิสก์เบรก/สตาร์ทเท้า และ ดิสก์เบรก/สตาร์ทมือ พร้อมมีให้ทุกท่านได้สัมผัสแล้วที่ร้านผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ” ใกล้บ้านท่าน ด้วยราคาเริ่มต้นช่วงแนะนำที่ 32,900 บาทเท่านั้น แล้วทุกท่านจะได้สัมผัสรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่แจ๋วแจ่ม…ตั้งแต่หัวจรดปลายท่อ
14
news & activity / ซูซูกิแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรม และความเป็นผู้นำ ในงานบา
« on: March 25, 2010, 07:55:21 PM »ซูซูกิแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรม และความเป็นผู้นำ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2553 ครั้งที่ 31
พร้อมด้วยNew Suzuki Swift รวมไปถึงรถต้นแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และรถรุ่นพิเศษ
กรุงเทพมหานคร 25 มีนาคม 2553: วันนี้ ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2553 ครั้งที่ 31 บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอ ‘New Suzuki Swift...พลิกดีไซน์เพื่อความต่าง’ รุ่น flagship model รถคอมแพ็คคาร์ด้วย ‘cubical design’ พร้อมบทพิสูจน์จากทั่วโลก ยานยนต์ที่มีความโดดเด่นรังสรรค์ภายใต้ปรัชญา Suzuki…Way of Life! New Suzuki Swift คือ รถเล็กพร้อมด้วยเทคโนโลยีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ที่เสาะหาแบบฉบับของตัวเอง!
เทคโนโลยี และวิศวกรรมระดับโลกไม่ได้สื่อเพียงแค่ New Suzuki Swift ที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังมีรถต้นแบบของซูซูกิ และรถรุ่นพิเศษที่นำมาจัดแสดงในวันนี้ ซูซูกิ คือผู้นำด้านเครื่องยนต์ และผู้ผลิตรถขนาดเล็กชั้นนำของโลก รวมไปถึงผู้พัฒนา เช่น ยานยนต์ชนิดต่างๆ อาทิเช่น รถยนต์ในรุ่นต่างๆ รวมไปถึง ซูซูกิ คิซาชิ (Suzuki Kizashi) รุ่นพิเศษ ด้วยดีไซน์ใหม่ล่าสุด และซูซูกิ เอ็กซ์-เฮด (Suzuki X-Head) ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น
New Suzuki Swift...พลิกดีไซน์เพื่อความต่าง เป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์แบบในตลาดรถเล็กของประเทศไทย มีลักษณะเฉพาะในแบบฉบับของตัวเอง รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ตอบสนองทุกการใช้งาน และสมรรถนะที่ถูกใจคนรักรถทั่วโลก แรงบันดาลใจในการออกแบบของ New Suzuki Swift ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครด้วย cubical design ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ และรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร สมรรถนะที่เหมาะกับความรู้สึกสวิฟท์ที่ทำให้สนุกไปกับทุกประสบการณ์ในการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ของ New Suzuki Swift แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เกียร์อัตโนมัติสี่สปีดที่ตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แรงบิดสูง ในทุกอัตราเร่ง
New Suzuki Swift เป็นรถสมบูรณ์แบบที่เหมาะสำหรับในเมืองทั้งรูปลักษณ์ ขนาด และ การขับขี่ที่สนุกสนาน อีกทั้งยังมีสมรรถนะในการขับขี่ที่คล่องตัว ปราดเปรียว และสามารถตอบสนองการควบคุมได้อย่างรวดเร็ว ผู้ออกแบบ และวิศวกรของซูซูกิได้สร้างสรรค์สไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยผสมผสานการออกแบบดีไซน์ สมรรถนะ และความปลอดภัยได้อย่างลงตัว
กว่า 100 ปี แห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมของซูซูกิ ที่บริษัทได้มุ่งไปสู่อนาคตด้วยรถต้นแบบ - ซูซูกิ เอ็กซ์-เฮด (Suzuki X-Head) ยานยนต์ในอนาคตที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมด้วยเทคโนโลยีซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด และ ประโยชน์ใช้สอยสำหรับยานยนต์พร้อมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน และการขับขี่ที่ครบครัน ซูซูกิ คิซาชิ (Suzuki Kizashi) รุ่นพิเศษที่มีความเป็นรถสปอร์ตหรูหราที่มีแบบฉบับในตัวเอง ด้วยรูปลักษณ์เพื่อการผลิตรถยนต์ในอนาคตของซูซูกิ ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์นวัตกรรมใหม่ในโลก ซูซูกิ คิซาชิ (Suzuki Kizashi) รุ่นพิเศษ คือ การผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสมรถถนะที่เหนือชั้นในการขับขี่ และเส่นห์ที่น่าดึงดูด
สิทธิพิเศษสำหรับบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2553 เท่านั้น New Suzuki Swift...พลิกดีไซน์เพื่อความต่าง ราคาเริ่มต้นเพียง 599,000 บาท ลูกค้าที่ซื้อ New Suzuki Swift ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2553 จะได้รับของสมนาคุณพิเศษรวมไปถึง ดอกเบี้ยพิเศษเฉพาะในงานต่ำสุดถึง 1.95% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ระยะเวลา 1 ปี และฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี ซูซูกิมีความมั่นใจว่าจะเติมเต็มความสนุก และความตื่นเต้นให้กับผู้ขับขี่ในแบบฉบับของตัวคุณเองเพื่อบรรลุถึงปรัชญาของซูซูกิโลก - Suzuki…Way of Life
15
news & activity / IEC กรุ๊ป เดินหน้าลุย 3G เต็มรูปแบบ
« on: January 25, 2010, 11:04:15 PM »
IEC กรุ๊ป เดินหน้าลุย 3G เต็มรูปแบบ ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เปิดแบรนด์ IEC 3G ด้วยโซลูชั่นนวัตกรรมการบริการที่แตกต่าง
กลุ่มบริษัทไออีซี (IEC Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน 3G ของ ทศท. หรือ MVNO (Mobile Virtual Network Operator) พร้อมแล้วกับการเปิดให้บริการ 3G อย่างเต็มรูปแบบ
คุณสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ไออีซี เปิดเผยเกี่ยวกับแบรนด์ IEC 3G ว่า บริษัทฯ พร้อมให้บริการ IEC 3G อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม นี้ มุ่งสร้างประสบการณ์บริการ 3G ผ่านแนวคิด “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไลฟ์สไตล์” ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเข้าสู่ กลุ่ม Generation M ที่มีพฤติกรรมการใช้ Twister, Facebook, Hi5 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ IEC 3G
ตามแผนงานในระยะแรก ไออีซี ได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบุคลากร และ ระบบงานภายในองค์กร เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้บริการ 3G (New Subscriber) ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ IEC 3G กว่า 300,000 เลขหมาย ภายในระยะเวลา 6 เดือน
กลยุทธ์ที่แตกต่างในการให้บริการ เรามองว่า ในปัจจุบันเรามีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย ช่องทางการจัดจำหน่าย ร้านโมบายอีซี่, บลิสเทลชอป, ทีจีโฟน, เทเลแมกซ์, เพาเวอร์บาย และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรวมกันกว่า 1,000 สาขาทั่วไทย
นอกจากนี้เรายังได้จัดเตรียมบริการเสริม ด้านความบันเทิง ในชื่อ “IEC Store” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมความบันเทิงออนไลน์ ประกอบด้วย You2play เป็นคลังเพลง ที่รวบรวมเพลงกว่า 200 ค่ายเพลงดังจากทั่วโลก ที่ได้รับความนิยมในการเข้าชม มากกว่า 2 ล้านครั้งต่อวัน และทริปเปิลเพลย์ ผู้ผลิต เกมส์แอพพิเคชั่น ไอโฟน , แอนนิเมชั่น ได้มาร่วมพัฒนาคอนเทนท์ให้กับ “IEC Store”พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านพบกับข้อเสนอพิเศษสุด จาก IEC 3G ได้ในงาน “ไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โป” 4-7 กุมภาพันธ์ นี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ Call Center 1369 ไม่มีวันหยุด
*** หมายเหตุ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ไออีซี เทคโนโลยี จำกัด โทร.02-736-3535 ต่อ 2033
กลุ่มบริษัทไออีซี (IEC Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน 3G ของ ทศท. หรือ MVNO (Mobile Virtual Network Operator) พร้อมแล้วกับการเปิดให้บริการ 3G อย่างเต็มรูปแบบ
คุณสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ไออีซี เปิดเผยเกี่ยวกับแบรนด์ IEC 3G ว่า บริษัทฯ พร้อมให้บริการ IEC 3G อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม นี้ มุ่งสร้างประสบการณ์บริการ 3G ผ่านแนวคิด “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไลฟ์สไตล์” ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเข้าสู่ กลุ่ม Generation M ที่มีพฤติกรรมการใช้ Twister, Facebook, Hi5 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ IEC 3G
ตามแผนงานในระยะแรก ไออีซี ได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบุคลากร และ ระบบงานภายในองค์กร เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้บริการ 3G (New Subscriber) ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ IEC 3G กว่า 300,000 เลขหมาย ภายในระยะเวลา 6 เดือน
กลยุทธ์ที่แตกต่างในการให้บริการ เรามองว่า ในปัจจุบันเรามีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย ช่องทางการจัดจำหน่าย ร้านโมบายอีซี่, บลิสเทลชอป, ทีจีโฟน, เทเลแมกซ์, เพาเวอร์บาย และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรวมกันกว่า 1,000 สาขาทั่วไทย
นอกจากนี้เรายังได้จัดเตรียมบริการเสริม ด้านความบันเทิง ในชื่อ “IEC Store” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมความบันเทิงออนไลน์ ประกอบด้วย You2play เป็นคลังเพลง ที่รวบรวมเพลงกว่า 200 ค่ายเพลงดังจากทั่วโลก ที่ได้รับความนิยมในการเข้าชม มากกว่า 2 ล้านครั้งต่อวัน และทริปเปิลเพลย์ ผู้ผลิต เกมส์แอพพิเคชั่น ไอโฟน , แอนนิเมชั่น ได้มาร่วมพัฒนาคอนเทนท์ให้กับ “IEC Store”พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านพบกับข้อเสนอพิเศษสุด จาก IEC 3G ได้ในงาน “ไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โป” 4-7 กุมภาพันธ์ นี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ Call Center 1369 ไม่มีวันหยุด
*** หมายเหตุ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ไออีซี เทคโนโลยี จำกัด โทร.02-736-3535 ต่อ 2033
Pages: [1] 2