This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
ข่าวภาพยนตร์ / Re: MOVIE: Mr. & Mrs. Incredible 9 มิถุนายน
« on: June 07, 2011, 05:32:40 PM »
Mr. & Mrs. Incredible (มิสเตอร์แอนด์มิสซิส อินเครดิเบิ้ล) เรื่องราวของ ซุปเปอร์ฮีโร่สุดเท่ Huan (กู่เทียนเล่อ) ที่ตกหลุมรักกับซุปเปอร์ฮีโร่สาว Rouge (อู๋จินหยู) เพื่อเริ่มครอบครัวพวกเขาตัดสินใจวางมือจากภารกิจกู้โลก และหนีไปใช้ชีวิตร่วมกันในหมู่บ้านเล็กๆ อย่างสงบสุขหลังจากใช้ชีวิตเงียบๆ มานาน เรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อหมู่บ้านเล็กๆ ได้แปรเปลี่ยนเป็นสนามประลองยุทธ เพื่อเฟ้นหานักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เส้นทางสู่ความสงบของอดีตซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะในขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมย้ายออกจากเมือง แชมป์ของการประลองยุทธถูกลอบสังหาร... เพื่อความยุติธรรมและความถูกต้อง ทั้งคู่ตัดสินใจสวมชุดเก่งเพื่อตามหาคนร้ายและช่วยเหลือมนุษยชาติอีกครั้ง
จากเนื้อเรื่องที่ให้ใส่รายละเอียดและขยายจินตนาการความสนุกได้เต็มที่ เป็นการการันตีได้เลยว่าเรื่องนี้สนุกสนานรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งเรื่องแน่นอน ที่สำคัญ Mr. & Mrs. Incredible (มิสเตอร์แอนด์มิสซิส อินเครดิเบิ้ล) ใช้ทุนสร้างกว่า 200 ล้านบาท โดย ผู้กำกับ วินเซนต์ ก๊ก ให้คำจำกัดความภาพยนตร์เรือ่งนี้ว่า “นี่คือการผสมผสานหนังหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นฉากแฟนตาซีเหนือจินตนาการ ฉากแอ็คชั่นหลุดโลก และอารมณ์ขันสไตล์หนังฮ่องกง ผมคิดว่าเรื่องนี้มีส่วนผสมระหว่าง Mr. and Mrs. Smith และ The Incredibles แอนิเมชั่นของ Pixar โดยมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศจีนในอดีต” มันส์ไม่ยั้งละงานนี้ !!!!!!
9 มิถุนายน นี้ ฮาไปกับซุปเปอร์ฮีโร่สายพันธุ์แปลก ใน โรงภาพยนตร์
จากเนื้อเรื่องที่ให้ใส่รายละเอียดและขยายจินตนาการความสนุกได้เต็มที่ เป็นการการันตีได้เลยว่าเรื่องนี้สนุกสนานรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งเรื่องแน่นอน ที่สำคัญ Mr. & Mrs. Incredible (มิสเตอร์แอนด์มิสซิส อินเครดิเบิ้ล) ใช้ทุนสร้างกว่า 200 ล้านบาท โดย ผู้กำกับ วินเซนต์ ก๊ก ให้คำจำกัดความภาพยนตร์เรือ่งนี้ว่า “นี่คือการผสมผสานหนังหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นฉากแฟนตาซีเหนือจินตนาการ ฉากแอ็คชั่นหลุดโลก และอารมณ์ขันสไตล์หนังฮ่องกง ผมคิดว่าเรื่องนี้มีส่วนผสมระหว่าง Mr. and Mrs. Smith และ The Incredibles แอนิเมชั่นของ Pixar โดยมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศจีนในอดีต” มันส์ไม่ยั้งละงานนี้ !!!!!!
9 มิถุนายน นี้ ฮาไปกับซุปเปอร์ฮีโร่สายพันธุ์แปลก ใน โรงภาพยนตร์
2
ข่าวภาพยนตร์ / Re: Movie: สมอลล์รู กูแนว (SMALL RULE) 9 มิถุนายน 54
« on: June 07, 2011, 05:30:11 PM »
เรื่องย่อ
เรื่องราวความฝันของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ไฝ่ฝันอยากจะเป็นนักคนตรี โดยมี ซื่อสัตย์ (สตาร์บัค) เป็นมือกีต้าร์และหัวหน้าวง แข็ง (น้ำแข็งAF7) เล่นกีต้า รั่ว (ไกด์ oic) ตีกลอง ไข่ (บอม oic) เล่นเบส โดยมี ว่าว (แจ๊ส ชวนชื่น) เป็นนักร้องนำ แต่การเข้าไปออดิชั่นครั้งแรกของพวกเขาดันไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเหล่ากรรมการบอกว่าไม่แนวพอ ไม่เหมาะกับยุคนี้เป็นสาเหตุให้ว่าวลาออกจากวงไปตั้งวงใหม่ ซื่อสัตย์และเพื่อน ๆ จึงต้องเปิดรับสมาชิกวงคนใหม่ขึ้นมา และได้ จิ๋ม (นิคกี้ oic) กับ โต (เซน เดอะสตาร์) เข้ามาร่วมวง
แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อซื่อสัตย์ต้องเข้ามาสืบทอดร้านเบเกอรี่ที่พ่อเคยทำเอาไว้ เพื่อแลกกับห้องซ้อมดนตรีและเครื่องดนตรีครบชุดตามข้อตกลงของแม่ (โซเฟีย ลา) ซื่อสัตย์และพวกต้องยอมทำร้านเบเกอรี่โดยมี เปียกปูน (กิ๊ฟซี่) ลูกสาวของเชฟเบเกอรี่มือทอง (แอนนา ชวนชื่น) เข้ามาสอนและช่วยกันปรับปรุงร้านพร้อมกับเทรนหนุ่ม ๆ ในเรื่องของวงดนตรีให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เรื่องราวของดนตรีและการทำเบเกอรี่ได้ดำเนินไปพร้อม ๆ กันจนเกิดเป็นความผูกพัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกระหว่างดนตรีที่พวกเขารักและการทำร้านเบเกอรี่
เรื่องราวแนว ๆ ของคนอยากแนวจึงบังเกิดขึ้น
เรื่องราวความฝันของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ไฝ่ฝันอยากจะเป็นนักคนตรี โดยมี ซื่อสัตย์ (สตาร์บัค) เป็นมือกีต้าร์และหัวหน้าวง แข็ง (น้ำแข็งAF7) เล่นกีต้า รั่ว (ไกด์ oic) ตีกลอง ไข่ (บอม oic) เล่นเบส โดยมี ว่าว (แจ๊ส ชวนชื่น) เป็นนักร้องนำ แต่การเข้าไปออดิชั่นครั้งแรกของพวกเขาดันไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเหล่ากรรมการบอกว่าไม่แนวพอ ไม่เหมาะกับยุคนี้เป็นสาเหตุให้ว่าวลาออกจากวงไปตั้งวงใหม่ ซื่อสัตย์และเพื่อน ๆ จึงต้องเปิดรับสมาชิกวงคนใหม่ขึ้นมา และได้ จิ๋ม (นิคกี้ oic) กับ โต (เซน เดอะสตาร์) เข้ามาร่วมวง
แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อซื่อสัตย์ต้องเข้ามาสืบทอดร้านเบเกอรี่ที่พ่อเคยทำเอาไว้ เพื่อแลกกับห้องซ้อมดนตรีและเครื่องดนตรีครบชุดตามข้อตกลงของแม่ (โซเฟีย ลา) ซื่อสัตย์และพวกต้องยอมทำร้านเบเกอรี่โดยมี เปียกปูน (กิ๊ฟซี่) ลูกสาวของเชฟเบเกอรี่มือทอง (แอนนา ชวนชื่น) เข้ามาสอนและช่วยกันปรับปรุงร้านพร้อมกับเทรนหนุ่ม ๆ ในเรื่องของวงดนตรีให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เรื่องราวของดนตรีและการทำเบเกอรี่ได้ดำเนินไปพร้อม ๆ กันจนเกิดเป็นความผูกพัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกระหว่างดนตรีที่พวกเขารักและการทำร้านเบเกอรี่
เรื่องราวแนว ๆ ของคนอยากแนวจึงบังเกิดขึ้น
3
ข่าวภาพยนตร์ / Re: เอ็ม พิคเจอร์ส//3D SEX AND ZEN “ตำรารักทะลุจอ”
« on: June 07, 2011, 05:28:30 PM »
คว้ากระแสหนังร้อนแรงแห่งปี Sex and Zen“ตำรารักทะลุจอ” 9 มิถุนา’ เข้าฉายเพียง 1สัปดาห์เท่านั้น เฉพาะในโรงภาพยนตร์ระบบ 3D
ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ที่มีกระแสแรงที่สุดในขณะนี้ คงจะไม่พ้นภาพยนตร์อีโรติกเรื่องแรกของโลกอย่าง 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) ภาพยนตร์ที่ทำคนให้ทั่วโลกต้องอึ้งกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายหญิง ที่ถูกถ่ายทอดลงบนจอใหญ่ในระบบทรีดี จึงเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปทั่วโลกทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ จนกลายเป็นกระแสร้อนแรงที่คนทั่วโลกอยากลองชม และเมืองไทยเองก็มีโอกาสได้ชมเช่นกันเมื่อ เอ็ม พิคเจอร์ส ค่ายหนังยักษ์ใหญ่มือไวคว้าภาพยนตร์เรื่อง 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) มาให้คนไทยได้ชมกันในแบบเอ๊กซ์คูซีฟ ที่มีฉายเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นในระบบ 3D และผู้ชมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20ปี
โดย 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) ใช้ชื่อไทยว่า “ตำรารักทะลุจอ” ภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงแค่เปิดตัวในฮ่องกงก็ทำรายได้ถล่มทลายกว่า 66.3ล้านบาท ถือว่าเป็นการทุบสถิติแซงหน้าทุกเรื่องของฮอลลีวู้ดอย่าง Avatar (อวตาร) ไปอย่างเทียบไม่ติด ถึงขนาดว่าชาวจีนแผ่นดินใหญ่เองต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันเลยทีเดียว ซึ่งทีมผู้สร้างมีแผนจะนำไปฉายทั่วโลก 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) หรือ ตำรารักทะลุจอ เป็นภาพยนตร์ 3มิติ ที่ใช้ทุนสร้างกว่า 105 ล้านบาท โดยร่วมทุนระหว่างฮ่องกง, ญี่ปุ่น และจีน
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกถ่ายทำขึ้นแล้ว 3ภาค ด้วยกันคือ Sex and Zen (เซ็กซ์ แอนด์ เซน)ในปี 1991, Sex and Zen 2 (เซ็กซ์ แอนด์ เซน สอง) ในปี 1996 โดยมีนักแสดงผู้โด่งดังอย่าง Shu Qi (ซูฉี) ร่วมแสดงด้วย ตามติดด้วย Sex and Zen 3 (เซ็กซ์ แอนด์ เซน สาม) ในปี 1998 และจนมาถึงล่าสุด 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) โดยเนื้อหาของเรื่องราวถูกดัดแปลงมาจากวรรณคดีอีโรติกของจีน ที่มีชื่อว่า The Carnal Prayer Mat (เดอะ คาร์นัล เพรเยอร์ แมต) เป็นเรื่องลับๆ ที่เกิดขึ้นภายในของราชวงศ์ และเหล่าขุนนางทั้งหลายที่มีโลกของกิเลศตัณหามาพัวพัน โดยครั้งนี้ได้นักแสดงสองสาวสุดฮ็อตจากวงการเอวีญี่ปุ่นอย่าง Yukiko Suou (ยูกิโกะ ซูโอะ) และ Saori Hara (ซาโอริ ฮารา) พร้อมด้วยอีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มของญี่ปุ่น Hiro Hayama (ฮิโร่ ฮาอายะมะ) มาแสดงนำ ซึ่งนอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับฝีมือดี Christopher Sun (คริสโตเฟอร์ ซัน) และ Stephen Shiu (สตีเฟ่น เซียว) มาร่วมกำกับอีกด้วย โดย Stephen Shiu (สตีเฟ่น เซียว) หนึ่งในผู้กำกับเล่าให้ฟังถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
“…3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) เป็นภาพยนตร์ที่เป็นที่นิยมมากในขณะนี้ มันไม่ใช่หนังแบบแย่ๆที่คุณเคยเห็น ที่สุดแล้ว มันเป็นเรื่องราวโรแมนติกระหว่างคู่รักวัยเยาว์ ที่แสดงออกถึงความละเอียดอ่อนในความรักที่ยังขาดประสบการณ์ ที่หลงผิดโหยหาแต่ในกามรมณ์ และความต้องการทางเพศของพวกเขาเพียงอย่างเดียว ผมยังคิดไปว่าเรื่องราวนี้เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยถูกเขียนมาก่อนในหนังแนวนี้ด้วยซ้ำไป ผมบอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ทั้งฉาก การดำเนินเรื่อง บทภาพยนตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่อง และนักแสดงทุกคนล้วนทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจให้กับหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมประทับใจพวกเขาสุดๆ บอกตามตรงที่สำคัญทีมงานของเราทำงานเทียบเท่าระดับมาตรฐานฮอลลีวู้ดทีเดียว
นอกจากจะฉายที่ฮ่องกงแล้วผมยังนำไปฉายที่ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และเร็วนี้ก็มีแพลนที่จะไปฉายที่ยุโรปอีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะปลุกกระแสให้มีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ถึงขนาดที่ว่า Tinto Brass (ตินโต บราสส์) ผู้กำกับชาวอิตาลี ประกาศเตรียมปัดฝุ่นนำเรื่อง Caligula (คาลิกูลา) ที่เคยถ่ายทำไว้เมื่อปี1979 นำกลับมาปัดฝุ่นทำรีเมกใหม่ในรูปแบบ 3 มิติเหมือนกัน แต่ยังไงเชื่อเถอะสู้หนังผมไม่ได้หรอก…”
9 มิถุนายน นี้ … เต็มๆ ตา ในโรงภาพยนตร์ระบบ 3D เท่านั้น !!
ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ที่มีกระแสแรงที่สุดในขณะนี้ คงจะไม่พ้นภาพยนตร์อีโรติกเรื่องแรกของโลกอย่าง 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) ภาพยนตร์ที่ทำคนให้ทั่วโลกต้องอึ้งกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายหญิง ที่ถูกถ่ายทอดลงบนจอใหญ่ในระบบทรีดี จึงเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปทั่วโลกทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ จนกลายเป็นกระแสร้อนแรงที่คนทั่วโลกอยากลองชม และเมืองไทยเองก็มีโอกาสได้ชมเช่นกันเมื่อ เอ็ม พิคเจอร์ส ค่ายหนังยักษ์ใหญ่มือไวคว้าภาพยนตร์เรื่อง 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) มาให้คนไทยได้ชมกันในแบบเอ๊กซ์คูซีฟ ที่มีฉายเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นในระบบ 3D และผู้ชมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20ปี
โดย 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) ใช้ชื่อไทยว่า “ตำรารักทะลุจอ” ภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงแค่เปิดตัวในฮ่องกงก็ทำรายได้ถล่มทลายกว่า 66.3ล้านบาท ถือว่าเป็นการทุบสถิติแซงหน้าทุกเรื่องของฮอลลีวู้ดอย่าง Avatar (อวตาร) ไปอย่างเทียบไม่ติด ถึงขนาดว่าชาวจีนแผ่นดินใหญ่เองต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันเลยทีเดียว ซึ่งทีมผู้สร้างมีแผนจะนำไปฉายทั่วโลก 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) หรือ ตำรารักทะลุจอ เป็นภาพยนตร์ 3มิติ ที่ใช้ทุนสร้างกว่า 105 ล้านบาท โดยร่วมทุนระหว่างฮ่องกง, ญี่ปุ่น และจีน
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกถ่ายทำขึ้นแล้ว 3ภาค ด้วยกันคือ Sex and Zen (เซ็กซ์ แอนด์ เซน)ในปี 1991, Sex and Zen 2 (เซ็กซ์ แอนด์ เซน สอง) ในปี 1996 โดยมีนักแสดงผู้โด่งดังอย่าง Shu Qi (ซูฉี) ร่วมแสดงด้วย ตามติดด้วย Sex and Zen 3 (เซ็กซ์ แอนด์ เซน สาม) ในปี 1998 และจนมาถึงล่าสุด 3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) โดยเนื้อหาของเรื่องราวถูกดัดแปลงมาจากวรรณคดีอีโรติกของจีน ที่มีชื่อว่า The Carnal Prayer Mat (เดอะ คาร์นัล เพรเยอร์ แมต) เป็นเรื่องลับๆ ที่เกิดขึ้นภายในของราชวงศ์ และเหล่าขุนนางทั้งหลายที่มีโลกของกิเลศตัณหามาพัวพัน โดยครั้งนี้ได้นักแสดงสองสาวสุดฮ็อตจากวงการเอวีญี่ปุ่นอย่าง Yukiko Suou (ยูกิโกะ ซูโอะ) และ Saori Hara (ซาโอริ ฮารา) พร้อมด้วยอีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มของญี่ปุ่น Hiro Hayama (ฮิโร่ ฮาอายะมะ) มาแสดงนำ ซึ่งนอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับฝีมือดี Christopher Sun (คริสโตเฟอร์ ซัน) และ Stephen Shiu (สตีเฟ่น เซียว) มาร่วมกำกับอีกด้วย โดย Stephen Shiu (สตีเฟ่น เซียว) หนึ่งในผู้กำกับเล่าให้ฟังถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
“…3D Sex and Zen (ทรีดี เซ็กซ์ แอนด์ เซน) เป็นภาพยนตร์ที่เป็นที่นิยมมากในขณะนี้ มันไม่ใช่หนังแบบแย่ๆที่คุณเคยเห็น ที่สุดแล้ว มันเป็นเรื่องราวโรแมนติกระหว่างคู่รักวัยเยาว์ ที่แสดงออกถึงความละเอียดอ่อนในความรักที่ยังขาดประสบการณ์ ที่หลงผิดโหยหาแต่ในกามรมณ์ และความต้องการทางเพศของพวกเขาเพียงอย่างเดียว ผมยังคิดไปว่าเรื่องราวนี้เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยถูกเขียนมาก่อนในหนังแนวนี้ด้วยซ้ำไป ผมบอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ทั้งฉาก การดำเนินเรื่อง บทภาพยนตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่อง และนักแสดงทุกคนล้วนทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจให้กับหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมประทับใจพวกเขาสุดๆ บอกตามตรงที่สำคัญทีมงานของเราทำงานเทียบเท่าระดับมาตรฐานฮอลลีวู้ดทีเดียว
นอกจากจะฉายที่ฮ่องกงแล้วผมยังนำไปฉายที่ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และเร็วนี้ก็มีแพลนที่จะไปฉายที่ยุโรปอีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะปลุกกระแสให้มีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ถึงขนาดที่ว่า Tinto Brass (ตินโต บราสส์) ผู้กำกับชาวอิตาลี ประกาศเตรียมปัดฝุ่นนำเรื่อง Caligula (คาลิกูลา) ที่เคยถ่ายทำไว้เมื่อปี1979 นำกลับมาปัดฝุ่นทำรีเมกใหม่ในรูปแบบ 3 มิติเหมือนกัน แต่ยังไงเชื่อเถอะสู้หนังผมไม่ได้หรอก…”
9 มิถุนายน นี้ … เต็มๆ ตา ในโรงภาพยนตร์ระบบ 3D เท่านั้น !!
4
news & activity / คาเฟ่อเมซอนเปิดตัว 2 โปรโมชั่นใหม่ ฉลองเปิดสาขามากที่สุดในประเทศ
« on: June 06, 2011, 06:45:20 PM »
คาเฟ่อเมซอนเปิดตัว 2 โปรโมชั่นใหม่ ฉลองเปิดสาขามากที่สุดในประเทศ
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ เนื่องในโอกาสที่ ปตท. ได้เปิดดำเนินการร้านคาเฟ่อเมซอน ครบจำนวน 555 สาขา ณ อาคาร Energy Complex ถ.วิภาวดีรังสิต โดยมี นายชวลิต พันธุ์ทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน ทั้งนี้ การเปิดดำเนินการร้านคาเฟ่ อเมซอน ครบ 555 สาขา ถือว่าคาเฟ่อเมซอน เป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มีจำนวนร้านค้าเครือข่ายมากที่สุดในประเทศ
นายสรัญ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการฉลองในความสำเร็จดังกล่าว ปตท. จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะจัด 2 โปรโมชั่นพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 31 กรกฎาคม ศกนี้ ประกอบด้วยรายการส่งเสริมการขาย 2 รายการ คือ
รายการที่ 1: สิทธิแลกซื้อ “กระติกน้ำ Amazon” ในราคาพิเศษเพียง 55 บาท จากราคาปกติ 75 บาทเมื่อ ซื้อเครื่องดื่ม Café Amazon รายการใดก็ได้ โดยมีมูลค่ารวมตั้งแต่ 50 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ
รายการที่ 2: ซื้อเครื่องดื่ม “คู่หู 2 ชา” (ชาดำเย็นจำนวน 1 แก้ว กับ ชาเขียวเย็นจำนวน 1 แก้ว) ได้ในราคาพิเศษเหลือเพียง 50 บาท จากราคาปกติ 60 บาท
ปตท. ได้พัฒนาธุรกิจร้านกาแฟสดภายใต้ตรา “Café Amazon” เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ให้แก่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. โดยได้เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. มาตั้งแต่ปี 2545 และด้วยสินค้าและบริการที่ตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนเดินทาง จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ปตท. ได้เปิดดำเนินการร้าน Café Amazon ครบจำนวน 555 สาขา โดยร้านรหัสสาขาที่ 555 ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. แหลมฉบังขาเข้า จ. ชลบุรี และถือได้ว่า Café Amazon เป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มีจำนวนร้านค้าเครือข่ายมากที่สุดในประเทศ ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟสดอื่นๆในอันดับรองลงมา ยังมีจำนวนร้านสาขาเพียง 100 กว่าร้านค้าเท่านั้น Café Amazon จึงเป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มั่นคง มีศักยภาพสูง และมีเครือข่ายครอบคลุมให้ความสะดวกสำหรับผู้บริโภคที่จะเข้าใช้บริการได้ในทุกเส้นทางทั่วประเทศ
นายสรัญ เพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน Café Amazon มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 30 ล้านแก้วต่อปี ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วถึง 25% ปตท. จึงมีความมั่นใจว่าธุรกิจร้านกาแฟสดในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจในระยะยาว รวมทั้งยังมีแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการยกระดับมาตรฐานคุณภาพของสินค้าและบริการควบคู่ไปกับการขยายสาขา โดยมีแผนการขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก120 แห่ง ในปี 2554 และยังมีเป้าหมายการขยายออกสู่ภายนอกสถานีบริการน้ำมันภายใต้ระบบแฟรนไชส์ โดยคาดว่าจะขยายการเปิดร้านภายนอกสถานีบริการน้ำมันประมาณ10 – 15 แห่ง ในปีนี้
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ เนื่องในโอกาสที่ ปตท. ได้เปิดดำเนินการร้านคาเฟ่อเมซอน ครบจำนวน 555 สาขา ณ อาคาร Energy Complex ถ.วิภาวดีรังสิต โดยมี นายชวลิต พันธุ์ทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน ทั้งนี้ การเปิดดำเนินการร้านคาเฟ่ อเมซอน ครบ 555 สาขา ถือว่าคาเฟ่อเมซอน เป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มีจำนวนร้านค้าเครือข่ายมากที่สุดในประเทศ
นายสรัญ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการฉลองในความสำเร็จดังกล่าว ปตท. จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะจัด 2 โปรโมชั่นพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 31 กรกฎาคม ศกนี้ ประกอบด้วยรายการส่งเสริมการขาย 2 รายการ คือ
รายการที่ 1: สิทธิแลกซื้อ “กระติกน้ำ Amazon” ในราคาพิเศษเพียง 55 บาท จากราคาปกติ 75 บาทเมื่อ ซื้อเครื่องดื่ม Café Amazon รายการใดก็ได้ โดยมีมูลค่ารวมตั้งแต่ 50 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ
รายการที่ 2: ซื้อเครื่องดื่ม “คู่หู 2 ชา” (ชาดำเย็นจำนวน 1 แก้ว กับ ชาเขียวเย็นจำนวน 1 แก้ว) ได้ในราคาพิเศษเหลือเพียง 50 บาท จากราคาปกติ 60 บาท
ปตท. ได้พัฒนาธุรกิจร้านกาแฟสดภายใต้ตรา “Café Amazon” เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ให้แก่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. โดยได้เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. มาตั้งแต่ปี 2545 และด้วยสินค้าและบริการที่ตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนเดินทาง จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ปตท. ได้เปิดดำเนินการร้าน Café Amazon ครบจำนวน 555 สาขา โดยร้านรหัสสาขาที่ 555 ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. แหลมฉบังขาเข้า จ. ชลบุรี และถือได้ว่า Café Amazon เป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มีจำนวนร้านค้าเครือข่ายมากที่สุดในประเทศ ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟสดอื่นๆในอันดับรองลงมา ยังมีจำนวนร้านสาขาเพียง 100 กว่าร้านค้าเท่านั้น Café Amazon จึงเป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มั่นคง มีศักยภาพสูง และมีเครือข่ายครอบคลุมให้ความสะดวกสำหรับผู้บริโภคที่จะเข้าใช้บริการได้ในทุกเส้นทางทั่วประเทศ
นายสรัญ เพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน Café Amazon มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 30 ล้านแก้วต่อปี ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วถึง 25% ปตท. จึงมีความมั่นใจว่าธุรกิจร้านกาแฟสดในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจในระยะยาว รวมทั้งยังมีแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการยกระดับมาตรฐานคุณภาพของสินค้าและบริการควบคู่ไปกับการขยายสาขา โดยมีแผนการขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก120 แห่ง ในปี 2554 และยังมีเป้าหมายการขยายออกสู่ภายนอกสถานีบริการน้ำมันภายใต้ระบบแฟรนไชส์ โดยคาดว่าจะขยายการเปิดร้านภายนอกสถานีบริการน้ำมันประมาณ10 – 15 แห่ง ในปีนี้
5
news & activity / ธรรมศาสตร์ คว้าแชมป์ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2011” ตัวแทนประเทศไทยแข่งเวทีโลก
« on: June 06, 2011, 06:40:12 PM »
ธรรมศาสตร์ คว้าแชมป์ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2011” ตัวแทนประเทศไทยแข่งเวทีโลก ณ ประเทศฝรั่งเศส
บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด โดย มร. ฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ (ที่ 5 จากขวา) พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมแสดงความยินดีกับทีม Muse ตัวแทนนักศึกษาจากโครงการปริญญาตรีบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ (BBA International Program) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่คว้าแชมป์ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2011” ซึ่งเป็นการแข่งขันการวางแผนการตลาดของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดย ในปีนี้กับโจทย์การสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับ “ผลิตภัณฑ์ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล สำหรับกลุ่มบุรุษ” โดยทีมชนะเลิศได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 60,000 บาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนมิถุนายนนี้ และพิเศษในปีนี้ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้มอบรางวัล “อี-สตอร์ม” (e-Storm Award) ให้แก่ ทีม Underdog จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่นำเสนอกลยุทธ์ด้านการใช้สื่อออนไลน์ได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย
บุคคลในภาพจากซ้ายไปขวา ดร.นพพร เรืองวานิช อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com พิชัย อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัท แอนด์ เคิร์ล จำกัด ทีม Muse ทีมชนะเลิศจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มร. ฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ สมหทัย กิตตานันทวงษ์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ มนัสฤดี สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล กรณิการ์ กลีบแก้ว ผู้จัดการด้านสื่อดิจิตอล และ ดร. มาร์ค อินโกรอิลล์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ปับลิซีส (ประเทศไทย) จำกัด
เกี่ยวกับการแข่งขัน ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม
โครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม” จัดขึ้นโดยโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเปิดโอกาสให้แก่นักศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้เรียนรู้กลยุทธ์และหลักการวางแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์ในธุรกิจด้านความงามระดับโลก อย่าง ลอรีอัล เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์เรียนรู้นอกห้องเรียนให้แก่นักศึกษา โดยนักศึกษาจะได้สวมบทบาท เป็นแบรนด์เมเนเจอร์ (Brand Manager) ซึ่งในการแข่งขันนักศึกษาต้องลงมือวิจัยและวิเคราะห์ตลาด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ กำหนดช่องทางการจัดจำหน่าย รวมทั้งวางแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าด้วยตนเอง ซึ่งความท้าทายอยู่ที่การดำเนินงานทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของแบรนด์ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงและเป็นแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่ http://www.brandstorm.loreal.com/.
บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด โดย มร. ฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ (ที่ 5 จากขวา) พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมแสดงความยินดีกับทีม Muse ตัวแทนนักศึกษาจากโครงการปริญญาตรีบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ (BBA International Program) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่คว้าแชมป์ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2011” ซึ่งเป็นการแข่งขันการวางแผนการตลาดของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดย ในปีนี้กับโจทย์การสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับ “ผลิตภัณฑ์ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล สำหรับกลุ่มบุรุษ” โดยทีมชนะเลิศได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 60,000 บาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนมิถุนายนนี้ และพิเศษในปีนี้ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้มอบรางวัล “อี-สตอร์ม” (e-Storm Award) ให้แก่ ทีม Underdog จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่นำเสนอกลยุทธ์ด้านการใช้สื่อออนไลน์ได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย
บุคคลในภาพจากซ้ายไปขวา ดร.นพพร เรืองวานิช อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com พิชัย อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัท แอนด์ เคิร์ล จำกัด ทีม Muse ทีมชนะเลิศจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มร. ฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ สมหทัย กิตตานันทวงษ์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ มนัสฤดี สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล กรณิการ์ กลีบแก้ว ผู้จัดการด้านสื่อดิจิตอล และ ดร. มาร์ค อินโกรอิลล์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ปับลิซีส (ประเทศไทย) จำกัด
เกี่ยวกับการแข่งขัน ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม
โครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม” จัดขึ้นโดยโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเปิดโอกาสให้แก่นักศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้เรียนรู้กลยุทธ์และหลักการวางแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์ในธุรกิจด้านความงามระดับโลก อย่าง ลอรีอัล เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์เรียนรู้นอกห้องเรียนให้แก่นักศึกษา โดยนักศึกษาจะได้สวมบทบาท เป็นแบรนด์เมเนเจอร์ (Brand Manager) ซึ่งในการแข่งขันนักศึกษาต้องลงมือวิจัยและวิเคราะห์ตลาด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ กำหนดช่องทางการจัดจำหน่าย รวมทั้งวางแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าด้วยตนเอง ซึ่งความท้าทายอยู่ที่การดำเนินงานทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของแบรนด์ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงและเป็นแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่ http://www.brandstorm.loreal.com/.
6
news & activity / ดีเอชแอล ลงทุนด้านบุคลากรและเพิ่มความแข็งแกร่งเครือข่ายขนส่งระดับโลก
« on: June 06, 2011, 06:39:07 PM »
ดีเอชแอล ลงทุนด้านบุคลากรและเพิ่มความแข็งแกร่งเครือข่ายขนส่งระดับโลก พร้อมเปิดตัวแคมเปญโฆษณาใหม่ทั่วโลก
- เพิ่มบริการในเส้นทางขนส่งด่วนระหว่างทวีปเอเชีย สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง
- เปิดตัวโปรแกรมพัฒนาบุคลากร Certified International Specialist สำหรับบุคลากรกว่า 100,000 คนทั่วโลก
- แต่งตั้งให้ เจอร์รี่ ชู เป็นซีอีโอ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เอเชีย แปซิฟิก
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศประกาศแผนการพัฒนาธุรกิจและงานบริการลูกค้าทั่วโลก ด้วยโครงการการลงทุนครั้งสำคัญระดับโลก ที่ครอบคลุมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรและแบรนด์ของดีเอชแอล เพื่อขยายประสิทธิภาพการขนส่งและการบริการลูกค้าทั่วโลก พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวเส้นทางการบินข้ามทวีปอีกสองเส้นทางใหม่ ซึ่งได้แก่ เส้นทางระหว่างเอเชียแปซิฟิกกับสหรัฐอเมริกา และเส้นทางจากสหรัฐอเมริกาถึงตะวันออกกลาง เส้นทางการบินใหม่นี้จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของลูกค้าในเส้นทางดังกล่าว รวมถึงการเปิดเผยถึงความคืบหน้าของศูนย์กระจายสินค้าดีเอชแอลในเอเชียเหนือ ที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการในช่วงต้นปี 2555
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้ลงทุนเพิ่มในโปรแกรมพัฒนาบุคลากรซึ่งมีชื่อว่า Certified International Specialist เพื่อยกระดับทักษะการให้บริการของบุคลากรจำนวนกว่า 100,000 คนทั่วโลก ให้สูงถึงระดับผู้เชี่ยวชาญงานขนส่งด่วนระหว่างประเทศ หรือ International Specialists ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับบุคลากรทั่วโลก
สำหรับการเปิดตัวโครงการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ดีเอชแอล ได้แนะนำแคมเปญการตลาดระดับโลก ที่เน้นจุดเด่นของดีเอชแอลในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศทั่วโลก และสามารถตอบสนองความต้องการด้านบริการขนส่งด่วนของลูกค้าจากทุกอุตสาหกรรม
เคน อัลลัน ซีอีโอ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวว่า “ด้วยพันธกิจที่มีต่อลูกค้าในฐานะที่ดีเอชแอลเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกด้านธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศ เราจึงมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเข้าถึงศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตได้ง่ายขึ้นด้วย”
เพิ่มเส้นทางการบินรายวันระหว่างประเทศ – ขนส่ง ถึงทวีปอเมริกาเหนือได้ในวันทำการถัดไป
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้เพิ่มเส้นทางการบินรายวันระหว่างประเทศจากฮ่องกงถึงซินซินเนติ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางจากจีนตอนใต้และฮ่องกงไปยังทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยเส้นทางการบินที่เพิ่มขึ้นนี้ลูกค้าจะมีเวลาสำหรับการเตรียมสินค้าเพื่อจัดส่งได้มากขึ้น โดยสินค้าจากฮ่องกงและจีนจะเดินทางถึงทวีปอเมริกาเหนือในวันทำการถัดไป
นอกจากนี้ ดีเอชแอล ยังเปิดตัวเส้นทางบินตรงระหว่างซินซินเนติและบาห์เรน เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและตะวันออกกลาง และร่นระยะเวลาขนส่งให้สั้นลง 1 วัน สำหรับบาห์เรนนั้นถือเป็นประตูที่เปิดเข้าสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย
การก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าในนครเซี่ยงไฮ้ คืบหน้าตามแผน และมีกำหนดเปิดตัวต้นปี 2555
สำหรับศูนย์กระจายสินค้าเอเชียเหนือซึ่งมีเนื้อที่ 57,000 ตารางเมตรในนครเซี่ยงไฮ้นั้น มีมูลค่าการลงทุน 175 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้ การก่อสร้างศูนย์ดังกล่าวบนพื้นที่ขนาด 88,000 ตารางเมตร บนลานขนส่งสินค้าด้านตะวันตกของสนามบินนานาชาติผู่ตง มีความคืบหน้าตามกำหนดการที่วางไว้ และจะเปิดใช้งานในช่วงต้นปี 2555
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ภายใต้การนำของผู้บริหารใหม่
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้ประกาศแต่งตั้งให้ เจอร์รี่ ชู ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เกรทเตอร์ ไชน่า เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เอเชีย แปซิฟิก โดยจะดูแลตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดียและเอเชียใต้ หมู่เกาะโอเชียเนียและตลาดอื่นๆ ซึ่งรวมถึงอาณาเขตต่างๆ ในภูมิภาคนี้ด้วย
มร ชู เป็นผู้นำและนักธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเอเชีย รวมถึงมีประสบการณ์และผลงานที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีที่ผ่านมา มร ชู ได้พัฒนาตลาดดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ในเกรทเตอร์ ไชน่า จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศในตลาดจีนได้สำเร็จ รวมถึงยังได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายการขนส่งของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อีกด้วย สำหรับตำแหน่งซีอีโอที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งนี้ มร ชู จะเน้นที่การนำรูปแบบใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ และผลักดันธุรกิจให้เติบโต รวมถึงพัฒนาให้ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ดำรงตำแหน่งผู้นำในตลาดการขนส่งด่วนระหว่างประเทศต่อไป
การลงทุนในบุคลากร
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้มีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการให้บริการ ผ่านโปรแกรม Certified International Specialist (CIS) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ดีเอชแอล ริเริ่มขึ้นเพื่อให้ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจทั่วโลก รวมถึงการเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้าด้วย โดยภายในเดือนตุลาคม 2554 จะมีพนักงานดีเอชแอลจำนวน 100,000 คนทั่วโลก ที่เข้ารับการอมรบจากโปรแกรมดังกล่าว
เคน อัลลัน กล่าวว่า “ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เข้าใจดีว่า บุคลากรของเราคือส่วนสำคัญที่ทำให้เราเป็นที่หนึ่งในธุรกิจขนส่งด่วนทั่วโลก ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นในการลงทุนและริเริ่มโปรแกรมต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะให้กับบุคลากรของเรา ส่งผลให้ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส มีศักยภาพและความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง”
เปิดตัวแคมเปญโฆษณาใหม่ทั่วโลก
เมื่อเร็วๆ นี้ ดีเอชแอลได้เปิดตัวได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ภายใต้ชื่อ “ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก” (International Specialist) ในประเทศจีน ฮ่องกงและไต้หวัน ทั้งนี้ แคมเปญโฆษณาดังกล่าว จะมีการเผยแพร่ในสื่อหลักๆ ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อดิจิตัล และสื่อโฆษณานอกอาคารสถานที่ ในภูมิภาคเอเชียและตลาดอื่นในอนาคต โดยข้อความในสื่อต่างๆ จะเน้นเรื่องความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งด่วนของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจากทุกอุตสาหกรรม รวมถึงความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าได้ตรงตามเวลาเสมอ
หมายเหตุ
แคมเปญโฆษณาใหม่ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารพร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญโฆษณาใหม่ได้ที่ www.dhl.com/express
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
ปาริชาติ ประมุขกุล
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
โทรศัพท์ +66 2345 5622
โทรสาร +66 285 5524
อีเมล์ Parichart.pramukkul@dhl.com
ข้อมูลเพิ่มเติมดีเอชแอล
ดีเอชแอล ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก
ดีเอชแอล เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ และ ”ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก” มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ตลอดจนโซลูชั่นด้านลอจิสติสก์ต่างๆ และบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ปัจจุบัน ดีเอชแอลมีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมมากกว่า 220 ประเทศและอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก ด้วยบุคลากรกว่า 275,000 คนทั่วโลก ที่พร้อมมอบบริการที่รวดเร็ว วางใจได้ และเกินความคาดหวังของลูกค้าโดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานระดับท้องถิ่น ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ดีเอชแอลได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการสนับสนุนการปกป้องสภาพภูมิอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติ และการส่งเสริมด้านการศึกษา
ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของ ดอยช์ โพสท์ ดีเอชแอล โดยกลุ่มบริษัทมียอดรายได้กว่า 51,000 ล้านเหรียญยูโร ในปี 2553
- เพิ่มบริการในเส้นทางขนส่งด่วนระหว่างทวีปเอเชีย สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง
- เปิดตัวโปรแกรมพัฒนาบุคลากร Certified International Specialist สำหรับบุคลากรกว่า 100,000 คนทั่วโลก
- แต่งตั้งให้ เจอร์รี่ ชู เป็นซีอีโอ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เอเชีย แปซิฟิก
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศประกาศแผนการพัฒนาธุรกิจและงานบริการลูกค้าทั่วโลก ด้วยโครงการการลงทุนครั้งสำคัญระดับโลก ที่ครอบคลุมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรและแบรนด์ของดีเอชแอล เพื่อขยายประสิทธิภาพการขนส่งและการบริการลูกค้าทั่วโลก พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวเส้นทางการบินข้ามทวีปอีกสองเส้นทางใหม่ ซึ่งได้แก่ เส้นทางระหว่างเอเชียแปซิฟิกกับสหรัฐอเมริกา และเส้นทางจากสหรัฐอเมริกาถึงตะวันออกกลาง เส้นทางการบินใหม่นี้จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของลูกค้าในเส้นทางดังกล่าว รวมถึงการเปิดเผยถึงความคืบหน้าของศูนย์กระจายสินค้าดีเอชแอลในเอเชียเหนือ ที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการในช่วงต้นปี 2555
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้ลงทุนเพิ่มในโปรแกรมพัฒนาบุคลากรซึ่งมีชื่อว่า Certified International Specialist เพื่อยกระดับทักษะการให้บริการของบุคลากรจำนวนกว่า 100,000 คนทั่วโลก ให้สูงถึงระดับผู้เชี่ยวชาญงานขนส่งด่วนระหว่างประเทศ หรือ International Specialists ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับบุคลากรทั่วโลก
สำหรับการเปิดตัวโครงการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ดีเอชแอล ได้แนะนำแคมเปญการตลาดระดับโลก ที่เน้นจุดเด่นของดีเอชแอลในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศทั่วโลก และสามารถตอบสนองความต้องการด้านบริการขนส่งด่วนของลูกค้าจากทุกอุตสาหกรรม
เคน อัลลัน ซีอีโอ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส กล่าวว่า “ด้วยพันธกิจที่มีต่อลูกค้าในฐานะที่ดีเอชแอลเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกด้านธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศ เราจึงมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเข้าถึงศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตได้ง่ายขึ้นด้วย”
เพิ่มเส้นทางการบินรายวันระหว่างประเทศ – ขนส่ง ถึงทวีปอเมริกาเหนือได้ในวันทำการถัดไป
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้เพิ่มเส้นทางการบินรายวันระหว่างประเทศจากฮ่องกงถึงซินซินเนติ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางจากจีนตอนใต้และฮ่องกงไปยังทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยเส้นทางการบินที่เพิ่มขึ้นนี้ลูกค้าจะมีเวลาสำหรับการเตรียมสินค้าเพื่อจัดส่งได้มากขึ้น โดยสินค้าจากฮ่องกงและจีนจะเดินทางถึงทวีปอเมริกาเหนือในวันทำการถัดไป
นอกจากนี้ ดีเอชแอล ยังเปิดตัวเส้นทางบินตรงระหว่างซินซินเนติและบาห์เรน เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งระหว่างทวีปอเมริกาเหนือและตะวันออกกลาง และร่นระยะเวลาขนส่งให้สั้นลง 1 วัน สำหรับบาห์เรนนั้นถือเป็นประตูที่เปิดเข้าสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย
การก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าในนครเซี่ยงไฮ้ คืบหน้าตามแผน และมีกำหนดเปิดตัวต้นปี 2555
สำหรับศูนย์กระจายสินค้าเอเชียเหนือซึ่งมีเนื้อที่ 57,000 ตารางเมตรในนครเซี่ยงไฮ้นั้น มีมูลค่าการลงทุน 175 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้ การก่อสร้างศูนย์ดังกล่าวบนพื้นที่ขนาด 88,000 ตารางเมตร บนลานขนส่งสินค้าด้านตะวันตกของสนามบินนานาชาติผู่ตง มีความคืบหน้าตามกำหนดการที่วางไว้ และจะเปิดใช้งานในช่วงต้นปี 2555
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ภายใต้การนำของผู้บริหารใหม่
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้ประกาศแต่งตั้งให้ เจอร์รี่ ชู ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เกรทเตอร์ ไชน่า เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เอเชีย แปซิฟิก โดยจะดูแลตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดียและเอเชียใต้ หมู่เกาะโอเชียเนียและตลาดอื่นๆ ซึ่งรวมถึงอาณาเขตต่างๆ ในภูมิภาคนี้ด้วย
มร ชู เป็นผู้นำและนักธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเอเชีย รวมถึงมีประสบการณ์และผลงานที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีที่ผ่านมา มร ชู ได้พัฒนาตลาดดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ในเกรทเตอร์ ไชน่า จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศในตลาดจีนได้สำเร็จ รวมถึงยังได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายการขนส่งของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อีกด้วย สำหรับตำแหน่งซีอีโอที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งนี้ มร ชู จะเน้นที่การนำรูปแบบใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ และผลักดันธุรกิจให้เติบโต รวมถึงพัฒนาให้ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ดำรงตำแหน่งผู้นำในตลาดการขนส่งด่วนระหว่างประเทศต่อไป
การลงทุนในบุคลากร
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้มีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการให้บริการ ผ่านโปรแกรม Certified International Specialist (CIS) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ดีเอชแอล ริเริ่มขึ้นเพื่อให้ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจทั่วโลก รวมถึงการเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้าด้วย โดยภายในเดือนตุลาคม 2554 จะมีพนักงานดีเอชแอลจำนวน 100,000 คนทั่วโลก ที่เข้ารับการอมรบจากโปรแกรมดังกล่าว
เคน อัลลัน กล่าวว่า “ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เข้าใจดีว่า บุคลากรของเราคือส่วนสำคัญที่ทำให้เราเป็นที่หนึ่งในธุรกิจขนส่งด่วนทั่วโลก ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นในการลงทุนและริเริ่มโปรแกรมต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะให้กับบุคลากรของเรา ส่งผลให้ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส มีศักยภาพและความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง”
เปิดตัวแคมเปญโฆษณาใหม่ทั่วโลก
เมื่อเร็วๆ นี้ ดีเอชแอลได้เปิดตัวได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ภายใต้ชื่อ “ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก” (International Specialist) ในประเทศจีน ฮ่องกงและไต้หวัน ทั้งนี้ แคมเปญโฆษณาดังกล่าว จะมีการเผยแพร่ในสื่อหลักๆ ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อดิจิตัล และสื่อโฆษณานอกอาคารสถานที่ ในภูมิภาคเอเชียและตลาดอื่นในอนาคต โดยข้อความในสื่อต่างๆ จะเน้นเรื่องความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งด่วนของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจากทุกอุตสาหกรรม รวมถึงความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าได้ตรงตามเวลาเสมอ
หมายเหตุ
แคมเปญโฆษณาใหม่ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารพร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญโฆษณาใหม่ได้ที่ www.dhl.com/express
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
ปาริชาติ ประมุขกุล
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
โทรศัพท์ +66 2345 5622
โทรสาร +66 285 5524
อีเมล์ Parichart.pramukkul@dhl.com
ข้อมูลเพิ่มเติมดีเอชแอล
ดีเอชแอล ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก
ดีเอชแอล เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ และ ”ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก” มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านบริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบก ตลอดจนโซลูชั่นด้านลอจิสติสก์ต่างๆ และบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ปัจจุบัน ดีเอชแอลมีเครือข่ายเชื่อมโยงครอบคลุมมากกว่า 220 ประเทศและอาณาเขตต่างๆ ทั่วโลก ด้วยบุคลากรกว่า 275,000 คนทั่วโลก ที่พร้อมมอบบริการที่รวดเร็ว วางใจได้ และเกินความคาดหวังของลูกค้าโดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานระดับท้องถิ่น ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ดีเอชแอลได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการสนับสนุนการปกป้องสภาพภูมิอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติ และการส่งเสริมด้านการศึกษา
ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของ ดอยช์ โพสท์ ดีเอชแอล โดยกลุ่มบริษัทมียอดรายได้กว่า 51,000 ล้านเหรียญยูโร ในปี 2553
7
news & activity / เอชพีจับมือ “โอ๋ ฟูตอง” ออกแบบ Creative Studio สุดจี๊ด สำหรับลูกค้ากระดาษและหมึก
« on: June 06, 2011, 06:37:43 PM »
เอชพีจับมือ “โอ๋ ฟูตอง” ออกแบบ Creative Studio สุดจี๊ด สำหรับลูกค้ากระดาษและหมึกพิมพ์แท้เอชพีโดยเฉพาะ
นางสาวภัทรา มนูญสัมฤทธิ์ (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาด ผลิตภัณฑ์ อิงค์เจ็ท ซัพพลาย บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คุณโอ๋ ฟูตอง (ขวา) ศิลปินชื่อดัง นำเสนอผลิตภัณฑ์ล่าสุดของกลุ่มซัพพลาย ภายใต้ชื่อ “เอชพีไอเดียสุดจี๊ด พิมพ์กันสุดมันส์กับ Creative Studio” มอบมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าที่ซื้อกระดาษและหมึกพิมพ์แท้เอชพี ด้วยโซลูชั่น งานพิมพ์เฉพาะกิจในรูปแบบซีดี มีเทมเพลตหลากหลายกว่า 100 แบบ เพื่อให้ลูกค้านำไปปรับใช้กับงานพิมพ์สีของตนเองได้อย่างง่ายดาย อาทิ ปฏิทิน โปสการ์ด บัตรเชิญ กระดาษโน้ต กระดาษและซองจดหมาย และหน้ากาก เป็นต้น ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ และสร้างประสบการณ์งานพิมพ์ที่ดี คุณภาพคมชัด สีสันสวยงามด้วยกระดาษและหมึกพิมพ์แท้เอชพี
“เอชพีไอเดียสุดจี๊ด พิมพ์กันสุดมันส์กับ Creative Studio” จัดจำหน่าย ณ ไอที ซิตี้ ออฟฟิศเมท บีทูเอส และร้านตัวแทนจำหน่ายหมึกพิมพ์แท้ และกระดาษเอชพีทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ HP Contact Center โทรศัพท์ 0-2353-9000 ต่อ 1
นางสาวภัทรา มนูญสัมฤทธิ์ (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาด ผลิตภัณฑ์ อิงค์เจ็ท ซัพพลาย บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คุณโอ๋ ฟูตอง (ขวา) ศิลปินชื่อดัง นำเสนอผลิตภัณฑ์ล่าสุดของกลุ่มซัพพลาย ภายใต้ชื่อ “เอชพีไอเดียสุดจี๊ด พิมพ์กันสุดมันส์กับ Creative Studio” มอบมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าที่ซื้อกระดาษและหมึกพิมพ์แท้เอชพี ด้วยโซลูชั่น งานพิมพ์เฉพาะกิจในรูปแบบซีดี มีเทมเพลตหลากหลายกว่า 100 แบบ เพื่อให้ลูกค้านำไปปรับใช้กับงานพิมพ์สีของตนเองได้อย่างง่ายดาย อาทิ ปฏิทิน โปสการ์ด บัตรเชิญ กระดาษโน้ต กระดาษและซองจดหมาย และหน้ากาก เป็นต้น ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ และสร้างประสบการณ์งานพิมพ์ที่ดี คุณภาพคมชัด สีสันสวยงามด้วยกระดาษและหมึกพิมพ์แท้เอชพี
“เอชพีไอเดียสุดจี๊ด พิมพ์กันสุดมันส์กับ Creative Studio” จัดจำหน่าย ณ ไอที ซิตี้ ออฟฟิศเมท บีทูเอส และร้านตัวแทนจำหน่ายหมึกพิมพ์แท้ และกระดาษเอชพีทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ HP Contact Center โทรศัพท์ 0-2353-9000 ต่อ 1
8
news & activity / ระบุความนิยมโซนสุขุมวิทและแนวรถไฟฟ้าจะดันราคาคอนโดใจกลางเมืองสูงขึ้น
« on: June 06, 2011, 06:35:43 PM »
ระบุความนิยมโซนสุขุมวิทและแนวรถไฟฟ้าจะดันราคาคอนโดใจกลางเมืองสูงขึ้น พร้อมเชื่อไม่เกิดฟองสบู่คอนโดแน่ เพราะกำลังซื้อส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่จริง
แสนสิริ ส่งทีมวิจัยสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมา พบคอนโดฯ เปิดใหม่ไตรมาสแรกปี 2554 จำนวน 30 โครงการ รวม 12,275 ยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อ ตร.ม. คาดแนวโน้มปริมาณการดูดซับคาดการณ์ที่สัดส่วน 50% และส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เผยปี 53 ยอดขายหลักมาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและแสนสิริยังครองแชมป์ด้าน supply และ demand ของคอนโดโซนสุขุมวิทตอนปลาย สอดคล้องกับผลวิจัยว่าผู้บริโภคปัจจุบันให้ความสำคัญกับแบรนด์และความมั่นใจในการดำเนินงานของบริษัทอสังหาฯ มากยิ่งขึ้น
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยล่าสุดว่า สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในระหว่างเดือนมกราคม – เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากการสํารวจข้อมูลเบื้องต้นพบ supply คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ประมาณ 30 โครงการรวม 12,275 ยูนิต มูลค่าเสนอขายรวมที่ 24,882 ล้านบาท หากพิจารณาด้านราคาพบว่า กลุ่มราคาเสนอขายของโครงการใหม่เน้นคอนโดมิเนียมกลุ่มราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็นหลัก โดยมีจํานวน 7,454 ยูนิต (คิดเป็น 61% จากจํานวน supply ใหม่ทั้งหมด) รองลงมาคือกลุ่มราคา 50,000-69,999 บาทต่อ ตร.ม. จํานวน 2,601 ยูนิต (คิดเป็น 21%), กลุ่มราคา 100,000-199,999 บาทต่อ ตร.ม. จํานวน 1,332 ยูนิต (คิดเป็น 11%) และกลุ่มราคา 70,000-99,999 บาทต่อ ตร.ม. จํานวน 888 ยูนิต (คิดเป็น 7%)
“แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีจะมียอดขายจํานวน 3,804 ยูนิต มูลค่ายอดขายรวมอยู่ที่ 6,643 ล้านบาท (คิดเป็น 31% จากจํานวน supply ใหม่ทั้งหมด) แต่กลุ่มคนซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ไมใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ หากโครงการคอนโดมิเนียมมีราคาเหมาะสม ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและได้รับการพัฒนาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง เชื่อถือได้และมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับก็จะทำให้ตัดสินใจซื้อได้เร็วและง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีและช่วยป้องกันการเกิดฟองสบู่คอนโดมิเนียมหรือภาวะคอนโดมิเนียมล้นตลาดได้”
นายอุทัย กล่าวต่อว่า จากการคาดการณ์ supply ในช่วงครึ่งปีแรก 2554 ซึ่งรวมถึงคอนโดมิเนียมคงค้างจากปี 2553 และโครงการใหม่ที่เสนอขายในช่วงปีนี้นั้นจะมีจำนวนรวมประมาณ 48,000 – 53,000 ยูนิต โดยปริมาณการดูดซับคาดการณ์ที่จํานวน 25,000-30,000 ยูนิตหรือคิดเป็นสัดส่วนโดยประมาณ 50% จากยูนิตเสนอขายที่คาดว่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังปี 2553 และระดับราคาจะเปลี่ยนแปลงโดยเฉลี่ยรวมทุกพื้นที่ไม่เกิน 1% เนื่องจากมี supply ราคาตํ่าเข้ามาสูง ส่วนพื้นที่ในโซนสุขุมวิทชั้นใน, รัชดา – ลาดพร้าว และสุขุมวิทรอบนอกจะเป็นโซนที่ลูกค้าและผู้ประกอบการให้ความนิยมเนื่องจากศักยภาพของทำเล การอยู่อาศัยหนาแน่นของชุมชน และราคาที่หลากหลาย เพราะปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาก่อนปัจจัยด้นทำเล คอนโดมิเนียมราคาไม่แพงแต่ยังสามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าได้แม้ต้องเดินทางซักระยะก่อนถึงสถานีจึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้โซนดังกล่าวอาจมีการถีบตัวเพิ่มขึ้นของราคาประมาณ 3 – 5% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2553 ที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นกว่าปี 2552 ถึง 76% เมื่อเทียบตามจำนวน supply และเติบโตสูงขึ้นอีก 72% เมื่อเทียบตามจำนวน demand โดยมียอดเสนอขายทั้งปีอยู่ที่ 88,066 ยูนิต และยอดขายที่ 52,103 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 59% จากยอดเสนอขาย โดยเมื่อช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมที่เสนอขายในกลุ่มราคาต่ำกว่า 50,000 บาทต่อ ตร.ม. มียอดขายสูงสุด คาดว่าเป็นผลมาจาก supply ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2552 ที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ BOI และฐานลูกค้าระดับกลาง – ล่าง นับเป็นกลุ่ม real demand ขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตาม ยอดขายส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงเพราะลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์และมั่นใจในการดำเนินงาน ทั้งนี้ พื้นที่บริเวณสุขุมวิทยังได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะสุขุมวิทตอนปลาย (ตั้งแต่สุขุมวิท 71 เป็นต้นไป) โดยมี supply เสนอขายสูงสุด 9,325 ยูนิต และเป็นโซนที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ชิงส่วนแบ่งทั้ง supply และ demand ได้มากที่สุด
แสนสิริ ส่งทีมวิจัยสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมา พบคอนโดฯ เปิดใหม่ไตรมาสแรกปี 2554 จำนวน 30 โครงการ รวม 12,275 ยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อ ตร.ม. คาดแนวโน้มปริมาณการดูดซับคาดการณ์ที่สัดส่วน 50% และส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เผยปี 53 ยอดขายหลักมาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและแสนสิริยังครองแชมป์ด้าน supply และ demand ของคอนโดโซนสุขุมวิทตอนปลาย สอดคล้องกับผลวิจัยว่าผู้บริโภคปัจจุบันให้ความสำคัญกับแบรนด์และความมั่นใจในการดำเนินงานของบริษัทอสังหาฯ มากยิ่งขึ้น
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยล่าสุดว่า สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในระหว่างเดือนมกราคม – เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากการสํารวจข้อมูลเบื้องต้นพบ supply คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ประมาณ 30 โครงการรวม 12,275 ยูนิต มูลค่าเสนอขายรวมที่ 24,882 ล้านบาท หากพิจารณาด้านราคาพบว่า กลุ่มราคาเสนอขายของโครงการใหม่เน้นคอนโดมิเนียมกลุ่มราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็นหลัก โดยมีจํานวน 7,454 ยูนิต (คิดเป็น 61% จากจํานวน supply ใหม่ทั้งหมด) รองลงมาคือกลุ่มราคา 50,000-69,999 บาทต่อ ตร.ม. จํานวน 2,601 ยูนิต (คิดเป็น 21%), กลุ่มราคา 100,000-199,999 บาทต่อ ตร.ม. จํานวน 1,332 ยูนิต (คิดเป็น 11%) และกลุ่มราคา 70,000-99,999 บาทต่อ ตร.ม. จํานวน 888 ยูนิต (คิดเป็น 7%)
“แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีจะมียอดขายจํานวน 3,804 ยูนิต มูลค่ายอดขายรวมอยู่ที่ 6,643 ล้านบาท (คิดเป็น 31% จากจํานวน supply ใหม่ทั้งหมด) แต่กลุ่มคนซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ไมใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ หากโครงการคอนโดมิเนียมมีราคาเหมาะสม ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและได้รับการพัฒนาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง เชื่อถือได้และมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับก็จะทำให้ตัดสินใจซื้อได้เร็วและง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีและช่วยป้องกันการเกิดฟองสบู่คอนโดมิเนียมหรือภาวะคอนโดมิเนียมล้นตลาดได้”
นายอุทัย กล่าวต่อว่า จากการคาดการณ์ supply ในช่วงครึ่งปีแรก 2554 ซึ่งรวมถึงคอนโดมิเนียมคงค้างจากปี 2553 และโครงการใหม่ที่เสนอขายในช่วงปีนี้นั้นจะมีจำนวนรวมประมาณ 48,000 – 53,000 ยูนิต โดยปริมาณการดูดซับคาดการณ์ที่จํานวน 25,000-30,000 ยูนิตหรือคิดเป็นสัดส่วนโดยประมาณ 50% จากยูนิตเสนอขายที่คาดว่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังปี 2553 และระดับราคาจะเปลี่ยนแปลงโดยเฉลี่ยรวมทุกพื้นที่ไม่เกิน 1% เนื่องจากมี supply ราคาตํ่าเข้ามาสูง ส่วนพื้นที่ในโซนสุขุมวิทชั้นใน, รัชดา – ลาดพร้าว และสุขุมวิทรอบนอกจะเป็นโซนที่ลูกค้าและผู้ประกอบการให้ความนิยมเนื่องจากศักยภาพของทำเล การอยู่อาศัยหนาแน่นของชุมชน และราคาที่หลากหลาย เพราะปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาก่อนปัจจัยด้นทำเล คอนโดมิเนียมราคาไม่แพงแต่ยังสามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าได้แม้ต้องเดินทางซักระยะก่อนถึงสถานีจึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้โซนดังกล่าวอาจมีการถีบตัวเพิ่มขึ้นของราคาประมาณ 3 – 5% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2553 ที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นกว่าปี 2552 ถึง 76% เมื่อเทียบตามจำนวน supply และเติบโตสูงขึ้นอีก 72% เมื่อเทียบตามจำนวน demand โดยมียอดเสนอขายทั้งปีอยู่ที่ 88,066 ยูนิต และยอดขายที่ 52,103 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 59% จากยอดเสนอขาย โดยเมื่อช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมที่เสนอขายในกลุ่มราคาต่ำกว่า 50,000 บาทต่อ ตร.ม. มียอดขายสูงสุด คาดว่าเป็นผลมาจาก supply ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2552 ที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ BOI และฐานลูกค้าระดับกลาง – ล่าง นับเป็นกลุ่ม real demand ขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตาม ยอดขายส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงเพราะลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์และมั่นใจในการดำเนินงาน ทั้งนี้ พื้นที่บริเวณสุขุมวิทยังได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะสุขุมวิทตอนปลาย (ตั้งแต่สุขุมวิท 71 เป็นต้นไป) โดยมี supply เสนอขายสูงสุด 9,325 ยูนิต และเป็นโซนที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ชิงส่วนแบ่งทั้ง supply และ demand ได้มากที่สุด
9
news & activity / เอชพีส่งโซลูชั่น FlexNetwork สมรรถนะสูง รองรับระบบวิดีโอ และโมบาย คอมพิวติ้ง
« on: June 06, 2011, 06:33:16 PM »
เอชพีส่งโซลูชั่น FlexNetwork สมรรถนะสูง รองรับระบบวิดีโอ และโมบาย คอมพิวติ้ง
ผนวกรวมระบบการบริหารจัดการระบบเดียวของเครือข่ายแบบปกติและแบบเวอร์ช่วล ครอบคลุมทั่วทั้งศูนย์ข้อมูล แคมปัส สำนักงานสาขา และคลาวด์
เอชพีเปิดตัวโซลูชั่นใหม่บนสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork ล้ำสมัย และอุปกรณ์สวิตช์ HP A-series 10500 ซึ่งเป็นอุปกรณ์คอร์สวิตช์ (core switch) ในแคมปัสเน็ตเวิร์ค โดยสนับสนุนแอพพลิเคชั่นแบบมีเดียริช (media-rich) (1) ให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพการทำงาน และมีการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
โซลูชั่น HP FlexManagement ใหม่คือการผนวกรวมระบบการบริหารจัดการเครือข่ายแบบปกติและแบบเวอร์ช่วลเข้าไว้ด้วยกันบนการบริหารจัดการระบบเดียว ทั้งยังมีระบบป้องกันการบุกรุก (IPS : intrusion prevention system) ทั้งบนเครือข่ายแบบเวอร์ช่วลและแบบคลาวด์ จึงเพิ่มการรักษาความปลอดภัยภายในศูนย์ข้อมูลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
โซลูชั่น HP FlexManagement พัฒนาบนสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบผนวกเพียงระบบเดียวในอุตสาหกรรมไอที เหมาะสำหรับองค์กรที่มีทั้งศูนย์ข้อมูล แคมปัสเน็ตเวิร์ค และสำนักงานสาขา เพื่อควบคุมและบริหารจัดการคอนเท้นท์แบบมีเดียริช การทำงานแบบเวอร์ช่วลไลเซชั่น การทำงานแบบเคลื่อนที่หรือโมบาย และระบบคลาวด์คอมพิวติ้งให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สถาปัตยกรรม HP FlexNetwork จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบเครือข่ายทั่งทั้งองค์กรจะมีเสถียรภาพและพร้อมสำหรับให้บริการ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) ดังนั้น บริการหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งในศูนย์ข้อมูล แคมปัสเน็ตเวิร์ค และสำนักงานสาขาต่างๆ จะทำงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น ตลอดจนขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คุณศักดิ์ชัย ปัญญจเร ผู้อำนวยการ หน่วยธุรกิจ HP Networking เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ลูกค้ามองหาผู้ให้บริการระบบที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้การทำงานมีความซับซ้อนลดลง แต่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อุปกรณ์สวิตช์ใหม่สำหรับแคมปัสเน็ตเวิร์คทุกรุ่นของเอชพีมีประสิทธิภาพเหนือกว่าผลิตภัณฑ์สวิตช์ประเภทเดียวกันของซิสโก้มาก และที่เหนือกว่านั้นคือ เอชพีใช้การบริหารจัดการเพียงระบบเดียว เมื่อเทียบกับซิสโก้ที่ต้องใช้ระบบที่แตกต่างกันถึง 30 ชุด”
อุปกรณ์สวิตช์ HP A10500 ใหม่มีประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าอุปกรณ์สวิตช์ของซิสโก้
สำหรับตลาดอุปกรณ์สวิตช์ในแคมปัสเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์อีเทอร์เน็ตสวิตช์ทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 13,700 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2554 เพิ่มขึ้นจาก 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 (2) การพัฒนาวิทยาการใหม่ๆ สำหรับสถาปัตยกรรมอุปกรณ์สวิตช์เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมานาน โดยมุ่งเน้นให้เครือข่ายลดความซับซ้อนลง ใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลเร็วขึ้น และมีประสิทธิผลในการทำงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคอนเท้นท์มัลติมีเดียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อุปกรณ์สวิตช์ HP A10500 ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรได้อย่างครบถ้วน เนื่องจากสนับสนุนการให้บริการมัลติมีเดีย อาทิ ระบบวิดีโอความละเอียดสูง
ทั้งยังมีความหน่วงของเวลา (latency) เพียง 3 ไมโครวินาที ซึ่งเร็วกว่าอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst 6509 ของซิสโก้ถึงร้อยละ 75 นอกจากนี้ ยังสนับสนุนพอร์ทขนาด 10GbE แบบ wire-speed อีก 128 พอร์ท จึงให้สมรรถนะเหนือกว่าอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst 6509 ของซิสโก้ถึงร้อยละ 270 (3)
ในแคมปัสเน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ที่ต้องการสมรรถนะสูงในระดับซูเปอร์คอร์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการเครือข่ายขนาด 208 พอร์ท แบบ 10 GbE wire-speed ได้ด้วยผลิตภัณฑ์ HP A10500 จำนวน 2 ตัวเชื่อมต่อกัน โดยใช้โซลูชั่น
HP Intelligent Resilient Framework ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเอชพีที่รองรับอุปกรณ์สวิตช์หลายตัวให้มีการทำงานเสมือนหนึ่งเป็นอุปกรณ์สวิตช์ตัวเดียวในรูปแบบเวอร์ช่วล ทั้งยังสนับสนุนพอร์ทขนาด 100GbE ด้วยการเพิ่มเติมการ์ดใหม่
การเชื่อมต่อในระดับ access layer ของ FlexCampus ซึ่งใช้การ์ดใหม่ที่ใช้ติดตั้งในอุปกรณ์สวิตช์ E5400 และ E8200 ของเอชพีจะใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลลดลงถึงร้อยละ 90 ทั้งยังให้ประสิทธิผลการทำงานเหนือชั้นกว่าอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst 4506 (4) ของซิสโก้ร้อยละ 600 นอกจากนี้ โซลูชั่นอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายความเร็วสูง HP E-MSM460 และ E-MSM466 wireless access points ของเอชพี ยังให้ความเร็วสูงเกือบเทียบเท่าระบบเครือข่ายแบบมีสายซึ่งมีสมรรถนะการทำงานแบบวิดีโอสตรีมความละเอียดสูงถึง 15 เส้นทางต่อ 1 access point เหนือกว่า access point ในซีรี่ส์ 1140 และ 3500 ของซิสโก้ร้อยละ 50 โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทั้งในเรื่องสมรรถนะและระยะทาง (1)
ผนวกระบบบริหารจัดการเครือข่ายปกติและเสมือนเข้าไว้ด้วยกัน
จากปัญหาการขยายตัวของระบบไอทีอย่างไร้ระเบียบ ความซับซ้อนในการใช้ระบบเครือข่ายแบบหลายชั้น และความต้องการปรับไปสู่การทำงานแบบ
เวอร์ช่วลไลเซชั่นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าสามารถมาเลือกใช้สถาปัตยกรรม
HP FlexNetwork เพื่อบริหารระบบเครือข่ายของตนให้ทำงานอย่างง่ายดาย และเตรียมองค์กรให้มีความพร้อมรองรับความต้องการและให้บริการต่างๆ อาทิ คลาวด์ โมบายล์คอมพิวติ้ง และเวอร์ช่วลไลเซชั่น
ในขณะที่ซิสโก้ต้องใช้ระบบการบริหารจัดการที่แตกต่างกันถึง 30 ระบบใน
การบริหารเครือข่ายของศูนย์ข้อมูล(5) แคมปัสเน็ตเวิร์ค และสำนักงานสาขาต่างๆ นั้นเอชพีได้ทำการคิดค้นและพัฒนาระบบการจัดการที่เหนือกว่าด้วยการใช้เพียงระบบเดียวโดยใช้เทคโนโลยี HP Intelligent Management Center (IMC) ที่ครอบคลุมทุกองค์ประกอบหลักในสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork
โซลูชั่น HP IMC เวอร์ชั่น 5 ใหม่สามารถจัดการพอร์ทโฟลิโอเครือข่ายของเอชพีทั้งหมด ทั้งยังบริหารอุปกรณ์เครือข่ายอีกกว่า 2,600 ชนิดจากผู้ผลิตกว่า 35 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของซิสโก้จำนวนมากกว่า 1,000 ชนิด จึงช่วยขจัดความเสี่ยงในการย้ายระบบจากเครือข่ายแบบมีโปรโตคอลที่ปิดกั้นเฉพาะแบบเดิมๆ ไปยังเครือข่ายมาตรฐานแบบเปิดที่ใช้สถาปัตยกรรม FlexNetwork ของเอชพี
นอกจากนี้ โซลูชั่น HP IMC เวอร์ชั่น 5 ยังสนับสนุนการเข้าดูระบบเครือข่าย
ศูนย์ข้อมูลแบบเสมือนและปกติได้พร้อมกันจากจุดเดียว ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้เร็วขึ้น มีการดำเนินงานที่ง่ายดายยิ่งขึ้น และมีระบบเครือข่ายที่พร้อมใช้งานมากขึ้น โดยจะทำหน้าที่ค้นหาอุปกรณ์แบบเสมือน (Virtual Machine) อุปกรณ์สวิตช์เสมือน (Virtual Switch) และการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายแบบกายภาพได้โดยอัตโนมัติ จึงสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการเพิ่มขึ้นของระบบที่เน้นการบริการแบบเสมือนเป็นหลักได้เป็นอย่างดี
เร็วๆ นี้ เอชพีเตรียมเปิดโซลูชั่น HP IMC รุ่นใหม่ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีฟีทเจอร์ใหม่ คือ การผสานข้อมูลการเชื่อมต่อเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกันอย่างอัตโนมัติ โดยใช้เทคโลยี HP Virtual Connect ที่ทำงานบนเครื่องเบลดเซิร์ฟเวอร์ ทั้งยังสนับสนุนการจัดทำโปรไฟล์เครื่องเซิร์ฟเวอร์อย่างอัตโนมัติ นับเป็น
การก้าวสู่ระบบคลาวด์ โพรวิชั่นนิ่ง (cloud provisioning) ที่ควบคุมการทำงานด้วยปุ่มเดียว
มร. เฮนรี่ ฟาสเติร์ท ประธานด้านเทคโนโลยี บริษัท เอสเอชไอ อินเตอร์
เนชั่นแนล ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลชั้นนำระดับโลกที่มียอดขาย 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เปิดเผยว่า “เพื่อตอบสนองระบบเครือข่ายต่างๆ ที่ต้องการบริการระบบโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure as a service)
รุ่นใหม่สำหรับคลาวด์เซ็นเตอร์ เราจึงต้องการสถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบเดี่ยวและปรับขยายได้ ซึ่งสามารถจัดการบนโดเมนการทำงานแบบเสมือนและปกติได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ โซลูชั่น HP IMC จะช่วยให้เราสามารถบริหารเครือข่ายให้มีการทำงานอย่างอัตโนมัติและล้ำสมัยจากแพลทฟอร์มเดียว ส่งผลให้มีการประสานการให้บริการอย่างรวดเร็วและง่ายดาย”
สำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายสมรรถนะการบริหารจัดการเครือข่ายที่ทรงประสิทธิภาพที่สามารถครอบคลุมระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กรในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โซลูชั่น HP Network Management Center 9.1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ทโฟลิโอซอฟต์แวร์ HP Business Service Management มีประสิทธิภาพเป็นเลิศทั้งทางด้านการทำงานแบบอัตโนมัติ การเข้ากันกับระบบต่างๆ และการปรับขยายระบบ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากกว่าร้อยละ 90 (6)
ยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยบนสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วลและคลาวด์ สมรรถนะการทำงานของแอพพลิเคชั่นศูนย์ข้อมูลได้รับการพัฒนาให้เป็นระบบการทำงานแบบเสมือนหรือเวอร์ช่วลเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โซลูชั่นการรักษา
ความปลอดภัยแบบเดิมๆ ทั้งหลายจะทำหน้าที่ปกป้องเฉพาะสภาพแวดล้อมแบบปกติเท่านั้น แต่ด้วยผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS ใหม่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ มีระบบการรักษาความปลอดภัยเพียงระบบเดียวและสามารถปรับขยายได้ โดยจะทำหน้าที่เป็นเกราะรักษาความปลอดภัยให้แก่อุปกรณ์เวอร์ช่วลที่สร้างขึ้นและนำไปใช้งานทั่วทั้งองค์กรอย่างอัตโนมัติและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS ใหม่จะช่วยปรับขยายโซลูชั่น HP Secure Virtual Framework ให้เป็นโซลูชั่นเดียวที่ทำงานได้ทั้งในสภาพแวดล้อมแบบปกติ เวอร์ช่วล และคลาวด์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS มีสมรรถนะเหนือกว่ารุ่นเดิมถึงร้อยละ 60 (7) ทั้งยังสามารถตรวจสอบปริมาณการใช้แอพพลิเคชั่นที่มีแบนด์วิธสูงแบบเรียลไทม์ได้ถึง 16 Gbps จึงช่วยปรับปรุงบริการสำคัญระดับ mission-critical ให้มีความพร้อมในการใช้งานมากขึ้น
มร. จอห์นนี่ เฮอร์นานเดซ รองประธานด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล บริษัท ไพรม์เลนดิ้ง ในเครือของเพลนส์แคปปิตอล กล่าวว่า “การใช้เครือข่ายแบบเวอร์ช่วลช่วยให้ธุรกิจของเรามีการดำเนินงานอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น หากไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยหรือการเสริมสร้างความพร้อมในการใช้งานของ แอพลิเคชั่นต่างๆ จะทำให้ธุรกิจของเราไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ด้วยโซลูชั่น HP TippingPoint S6100N IPS ใหม่ซึ่งมีฟีทเจอร์ในการตรวจสอบ
ความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สภาพแวดล้อม
การทำงานแบบเวอร์ช่วลที่มีความปลอดภัยอย่างอัตโนมัติ และทำให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงสุด”
การจัดจำหน่าย
อุปกรณ์คอร์สวิตช์ HP A10500 คาดว่าจะพร้อมนำออกจำหน่ายในครึ่งหลังของปี 2554 โซลูชั่น HP Intelligent Management Center 5.0 มีกำหนดจะนำออกจำหน่ายในเดือนมิถุนายน ศกนี้ ขณะที่โซลูชั่น HP IMC 5.1 คาดว่าจะนำออกจำหน่ายในปลายปีนี้
ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS มีวางจำหน่ายแล้ว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่น HP Networking สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/networking
ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) เป็นองค์ประกอบหลักขององค์กรแบบ Instant-On Enterprise ทั้งนี้ ในโลกที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง แนวคิดแบบ Instant-On Enterprise คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และประชาชนได้อย่างตรงจุดและโดยทันที
ทั้งนี้ เอชพีมีกำหนดจัดงาน HP DISCOVER เพื่อแนะนำเทคนิคการเตรียม ความพร้อมเพื่อก้าวขึ้นเป็นองค์กรแบบ Instant-On Enterprise ในวันที่ 6 – 10 มิถุนายน 2554 ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม ศกนี้ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพีเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายดายสำหรับลูกค้าคอนซูเมอร์จนถึงองค์กรธุรกิจระดับต่างๆ ด้วยพอร์ทโฟลิโอที่ครอบคลุมด้านการพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ การบริการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีภายใต้การผนวกรวมเทคโนโลยีคลาวด์และระบบการติดต่อเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การติดต่อเชื่อมโยงข้อมูลอย่างปลอดภัย ราบรื่นในโลกที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าไว้ด้วกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hp.com
(1) Based on HP internal testing and publicly available information.
(2) “Worldwide Enterprise Network Forecast, 2011-2015,” IDC, #227416, March 2011.
(3) Based on HP internal testing and publicly available information for the Cisco Catalyst 6509 with the Supervisor 720.
(4) “HP E5400 zl and E8200 zl Switch Series: Competitive Performance, Power Consumption and TCO Evaluation Versus Cisco Catalyst 3750-X and 4500 Series,” Tolly Group, November 2010.
(5) Cisco’s website.
(6) Based on actual results of a large HP enterprise customer.
(7) Internal tests comparing HP S6100N IPS to HP S5100N IPS.
ผนวกรวมระบบการบริหารจัดการระบบเดียวของเครือข่ายแบบปกติและแบบเวอร์ช่วล ครอบคลุมทั่วทั้งศูนย์ข้อมูล แคมปัส สำนักงานสาขา และคลาวด์
เอชพีเปิดตัวโซลูชั่นใหม่บนสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork ล้ำสมัย และอุปกรณ์สวิตช์ HP A-series 10500 ซึ่งเป็นอุปกรณ์คอร์สวิตช์ (core switch) ในแคมปัสเน็ตเวิร์ค โดยสนับสนุนแอพพลิเคชั่นแบบมีเดียริช (media-rich) (1) ให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพการทำงาน และมีการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
โซลูชั่น HP FlexManagement ใหม่คือการผนวกรวมระบบการบริหารจัดการเครือข่ายแบบปกติและแบบเวอร์ช่วลเข้าไว้ด้วยกันบนการบริหารจัดการระบบเดียว ทั้งยังมีระบบป้องกันการบุกรุก (IPS : intrusion prevention system) ทั้งบนเครือข่ายแบบเวอร์ช่วลและแบบคลาวด์ จึงเพิ่มการรักษาความปลอดภัยภายในศูนย์ข้อมูลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
โซลูชั่น HP FlexManagement พัฒนาบนสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบผนวกเพียงระบบเดียวในอุตสาหกรรมไอที เหมาะสำหรับองค์กรที่มีทั้งศูนย์ข้อมูล แคมปัสเน็ตเวิร์ค และสำนักงานสาขา เพื่อควบคุมและบริหารจัดการคอนเท้นท์แบบมีเดียริช การทำงานแบบเวอร์ช่วลไลเซชั่น การทำงานแบบเคลื่อนที่หรือโมบาย และระบบคลาวด์คอมพิวติ้งให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สถาปัตยกรรม HP FlexNetwork จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบเครือข่ายทั่งทั้งองค์กรจะมีเสถียรภาพและพร้อมสำหรับให้บริการ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) ดังนั้น บริการหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งในศูนย์ข้อมูล แคมปัสเน็ตเวิร์ค และสำนักงานสาขาต่างๆ จะทำงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น ตลอดจนขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คุณศักดิ์ชัย ปัญญจเร ผู้อำนวยการ หน่วยธุรกิจ HP Networking เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ลูกค้ามองหาผู้ให้บริการระบบที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้การทำงานมีความซับซ้อนลดลง แต่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อุปกรณ์สวิตช์ใหม่สำหรับแคมปัสเน็ตเวิร์คทุกรุ่นของเอชพีมีประสิทธิภาพเหนือกว่าผลิตภัณฑ์สวิตช์ประเภทเดียวกันของซิสโก้มาก และที่เหนือกว่านั้นคือ เอชพีใช้การบริหารจัดการเพียงระบบเดียว เมื่อเทียบกับซิสโก้ที่ต้องใช้ระบบที่แตกต่างกันถึง 30 ชุด”
อุปกรณ์สวิตช์ HP A10500 ใหม่มีประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าอุปกรณ์สวิตช์ของซิสโก้
สำหรับตลาดอุปกรณ์สวิตช์ในแคมปัสเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์อีเทอร์เน็ตสวิตช์ทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 13,700 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2554 เพิ่มขึ้นจาก 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 (2) การพัฒนาวิทยาการใหม่ๆ สำหรับสถาปัตยกรรมอุปกรณ์สวิตช์เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมานาน โดยมุ่งเน้นให้เครือข่ายลดความซับซ้อนลง ใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลเร็วขึ้น และมีประสิทธิผลในการทำงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคอนเท้นท์มัลติมีเดียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อุปกรณ์สวิตช์ HP A10500 ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรได้อย่างครบถ้วน เนื่องจากสนับสนุนการให้บริการมัลติมีเดีย อาทิ ระบบวิดีโอความละเอียดสูง
ทั้งยังมีความหน่วงของเวลา (latency) เพียง 3 ไมโครวินาที ซึ่งเร็วกว่าอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst 6509 ของซิสโก้ถึงร้อยละ 75 นอกจากนี้ ยังสนับสนุนพอร์ทขนาด 10GbE แบบ wire-speed อีก 128 พอร์ท จึงให้สมรรถนะเหนือกว่าอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst 6509 ของซิสโก้ถึงร้อยละ 270 (3)
ในแคมปัสเน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ที่ต้องการสมรรถนะสูงในระดับซูเปอร์คอร์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการเครือข่ายขนาด 208 พอร์ท แบบ 10 GbE wire-speed ได้ด้วยผลิตภัณฑ์ HP A10500 จำนวน 2 ตัวเชื่อมต่อกัน โดยใช้โซลูชั่น
HP Intelligent Resilient Framework ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเอชพีที่รองรับอุปกรณ์สวิตช์หลายตัวให้มีการทำงานเสมือนหนึ่งเป็นอุปกรณ์สวิตช์ตัวเดียวในรูปแบบเวอร์ช่วล ทั้งยังสนับสนุนพอร์ทขนาด 100GbE ด้วยการเพิ่มเติมการ์ดใหม่
การเชื่อมต่อในระดับ access layer ของ FlexCampus ซึ่งใช้การ์ดใหม่ที่ใช้ติดตั้งในอุปกรณ์สวิตช์ E5400 และ E8200 ของเอชพีจะใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลลดลงถึงร้อยละ 90 ทั้งยังให้ประสิทธิผลการทำงานเหนือชั้นกว่าอุปกรณ์สวิตช์ Catalyst 4506 (4) ของซิสโก้ร้อยละ 600 นอกจากนี้ โซลูชั่นอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายความเร็วสูง HP E-MSM460 และ E-MSM466 wireless access points ของเอชพี ยังให้ความเร็วสูงเกือบเทียบเท่าระบบเครือข่ายแบบมีสายซึ่งมีสมรรถนะการทำงานแบบวิดีโอสตรีมความละเอียดสูงถึง 15 เส้นทางต่อ 1 access point เหนือกว่า access point ในซีรี่ส์ 1140 และ 3500 ของซิสโก้ร้อยละ 50 โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทั้งในเรื่องสมรรถนะและระยะทาง (1)
ผนวกระบบบริหารจัดการเครือข่ายปกติและเสมือนเข้าไว้ด้วยกัน
จากปัญหาการขยายตัวของระบบไอทีอย่างไร้ระเบียบ ความซับซ้อนในการใช้ระบบเครือข่ายแบบหลายชั้น และความต้องการปรับไปสู่การทำงานแบบ
เวอร์ช่วลไลเซชั่นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าสามารถมาเลือกใช้สถาปัตยกรรม
HP FlexNetwork เพื่อบริหารระบบเครือข่ายของตนให้ทำงานอย่างง่ายดาย และเตรียมองค์กรให้มีความพร้อมรองรับความต้องการและให้บริการต่างๆ อาทิ คลาวด์ โมบายล์คอมพิวติ้ง และเวอร์ช่วลไลเซชั่น
ในขณะที่ซิสโก้ต้องใช้ระบบการบริหารจัดการที่แตกต่างกันถึง 30 ระบบใน
การบริหารเครือข่ายของศูนย์ข้อมูล(5) แคมปัสเน็ตเวิร์ค และสำนักงานสาขาต่างๆ นั้นเอชพีได้ทำการคิดค้นและพัฒนาระบบการจัดการที่เหนือกว่าด้วยการใช้เพียงระบบเดียวโดยใช้เทคโนโลยี HP Intelligent Management Center (IMC) ที่ครอบคลุมทุกองค์ประกอบหลักในสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork
โซลูชั่น HP IMC เวอร์ชั่น 5 ใหม่สามารถจัดการพอร์ทโฟลิโอเครือข่ายของเอชพีทั้งหมด ทั้งยังบริหารอุปกรณ์เครือข่ายอีกกว่า 2,600 ชนิดจากผู้ผลิตกว่า 35 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของซิสโก้จำนวนมากกว่า 1,000 ชนิด จึงช่วยขจัดความเสี่ยงในการย้ายระบบจากเครือข่ายแบบมีโปรโตคอลที่ปิดกั้นเฉพาะแบบเดิมๆ ไปยังเครือข่ายมาตรฐานแบบเปิดที่ใช้สถาปัตยกรรม FlexNetwork ของเอชพี
นอกจากนี้ โซลูชั่น HP IMC เวอร์ชั่น 5 ยังสนับสนุนการเข้าดูระบบเครือข่าย
ศูนย์ข้อมูลแบบเสมือนและปกติได้พร้อมกันจากจุดเดียว ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้เร็วขึ้น มีการดำเนินงานที่ง่ายดายยิ่งขึ้น และมีระบบเครือข่ายที่พร้อมใช้งานมากขึ้น โดยจะทำหน้าที่ค้นหาอุปกรณ์แบบเสมือน (Virtual Machine) อุปกรณ์สวิตช์เสมือน (Virtual Switch) และการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายแบบกายภาพได้โดยอัตโนมัติ จึงสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการเพิ่มขึ้นของระบบที่เน้นการบริการแบบเสมือนเป็นหลักได้เป็นอย่างดี
เร็วๆ นี้ เอชพีเตรียมเปิดโซลูชั่น HP IMC รุ่นใหม่ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีฟีทเจอร์ใหม่ คือ การผสานข้อมูลการเชื่อมต่อเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกันอย่างอัตโนมัติ โดยใช้เทคโลยี HP Virtual Connect ที่ทำงานบนเครื่องเบลดเซิร์ฟเวอร์ ทั้งยังสนับสนุนการจัดทำโปรไฟล์เครื่องเซิร์ฟเวอร์อย่างอัตโนมัติ นับเป็น
การก้าวสู่ระบบคลาวด์ โพรวิชั่นนิ่ง (cloud provisioning) ที่ควบคุมการทำงานด้วยปุ่มเดียว
มร. เฮนรี่ ฟาสเติร์ท ประธานด้านเทคโนโลยี บริษัท เอสเอชไอ อินเตอร์
เนชั่นแนล ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลชั้นนำระดับโลกที่มียอดขาย 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เปิดเผยว่า “เพื่อตอบสนองระบบเครือข่ายต่างๆ ที่ต้องการบริการระบบโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure as a service)
รุ่นใหม่สำหรับคลาวด์เซ็นเตอร์ เราจึงต้องการสถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบเดี่ยวและปรับขยายได้ ซึ่งสามารถจัดการบนโดเมนการทำงานแบบเสมือนและปกติได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ โซลูชั่น HP IMC จะช่วยให้เราสามารถบริหารเครือข่ายให้มีการทำงานอย่างอัตโนมัติและล้ำสมัยจากแพลทฟอร์มเดียว ส่งผลให้มีการประสานการให้บริการอย่างรวดเร็วและง่ายดาย”
สำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายสมรรถนะการบริหารจัดการเครือข่ายที่ทรงประสิทธิภาพที่สามารถครอบคลุมระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กรในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โซลูชั่น HP Network Management Center 9.1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ทโฟลิโอซอฟต์แวร์ HP Business Service Management มีประสิทธิภาพเป็นเลิศทั้งทางด้านการทำงานแบบอัตโนมัติ การเข้ากันกับระบบต่างๆ และการปรับขยายระบบ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากกว่าร้อยละ 90 (6)
ยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยบนสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วลและคลาวด์ สมรรถนะการทำงานของแอพพลิเคชั่นศูนย์ข้อมูลได้รับการพัฒนาให้เป็นระบบการทำงานแบบเสมือนหรือเวอร์ช่วลเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โซลูชั่นการรักษา
ความปลอดภัยแบบเดิมๆ ทั้งหลายจะทำหน้าที่ปกป้องเฉพาะสภาพแวดล้อมแบบปกติเท่านั้น แต่ด้วยผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS ใหม่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ มีระบบการรักษาความปลอดภัยเพียงระบบเดียวและสามารถปรับขยายได้ โดยจะทำหน้าที่เป็นเกราะรักษาความปลอดภัยให้แก่อุปกรณ์เวอร์ช่วลที่สร้างขึ้นและนำไปใช้งานทั่วทั้งองค์กรอย่างอัตโนมัติและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS ใหม่จะช่วยปรับขยายโซลูชั่น HP Secure Virtual Framework ให้เป็นโซลูชั่นเดียวที่ทำงานได้ทั้งในสภาพแวดล้อมแบบปกติ เวอร์ช่วล และคลาวด์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS มีสมรรถนะเหนือกว่ารุ่นเดิมถึงร้อยละ 60 (7) ทั้งยังสามารถตรวจสอบปริมาณการใช้แอพพลิเคชั่นที่มีแบนด์วิธสูงแบบเรียลไทม์ได้ถึง 16 Gbps จึงช่วยปรับปรุงบริการสำคัญระดับ mission-critical ให้มีความพร้อมในการใช้งานมากขึ้น
มร. จอห์นนี่ เฮอร์นานเดซ รองประธานด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล บริษัท ไพรม์เลนดิ้ง ในเครือของเพลนส์แคปปิตอล กล่าวว่า “การใช้เครือข่ายแบบเวอร์ช่วลช่วยให้ธุรกิจของเรามีการดำเนินงานอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น หากไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยหรือการเสริมสร้างความพร้อมในการใช้งานของ แอพลิเคชั่นต่างๆ จะทำให้ธุรกิจของเราไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ด้วยโซลูชั่น HP TippingPoint S6100N IPS ใหม่ซึ่งมีฟีทเจอร์ในการตรวจสอบ
ความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สภาพแวดล้อม
การทำงานแบบเวอร์ช่วลที่มีความปลอดภัยอย่างอัตโนมัติ และทำให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงสุด”
การจัดจำหน่าย
อุปกรณ์คอร์สวิตช์ HP A10500 คาดว่าจะพร้อมนำออกจำหน่ายในครึ่งหลังของปี 2554 โซลูชั่น HP Intelligent Management Center 5.0 มีกำหนดจะนำออกจำหน่ายในเดือนมิถุนายน ศกนี้ ขณะที่โซลูชั่น HP IMC 5.1 คาดว่าจะนำออกจำหน่ายในปลายปีนี้
ผลิตภัณฑ์แอพพลายแอนซ์ HP TippingPoint S6100N IPS มีวางจำหน่ายแล้ว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่น HP Networking สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/networking
ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) เป็นองค์ประกอบหลักขององค์กรแบบ Instant-On Enterprise ทั้งนี้ ในโลกที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง แนวคิดแบบ Instant-On Enterprise คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และประชาชนได้อย่างตรงจุดและโดยทันที
ทั้งนี้ เอชพีมีกำหนดจัดงาน HP DISCOVER เพื่อแนะนำเทคนิคการเตรียม ความพร้อมเพื่อก้าวขึ้นเป็นองค์กรแบบ Instant-On Enterprise ในวันที่ 6 – 10 มิถุนายน 2554 ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม ศกนี้ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพีเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายดายสำหรับลูกค้าคอนซูเมอร์จนถึงองค์กรธุรกิจระดับต่างๆ ด้วยพอร์ทโฟลิโอที่ครอบคลุมด้านการพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ การบริการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีภายใต้การผนวกรวมเทคโนโลยีคลาวด์และระบบการติดต่อเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การติดต่อเชื่อมโยงข้อมูลอย่างปลอดภัย ราบรื่นในโลกที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าไว้ด้วกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hp.com
(1) Based on HP internal testing and publicly available information.
(2) “Worldwide Enterprise Network Forecast, 2011-2015,” IDC, #227416, March 2011.
(3) Based on HP internal testing and publicly available information for the Cisco Catalyst 6509 with the Supervisor 720.
(4) “HP E5400 zl and E8200 zl Switch Series: Competitive Performance, Power Consumption and TCO Evaluation Versus Cisco Catalyst 3750-X and 4500 Series,” Tolly Group, November 2010.
(5) Cisco’s website.
(6) Based on actual results of a large HP enterprise customer.
(7) Internal tests comparing HP S6100N IPS to HP S5100N IPS.
10
news & activity / กลุ่มทรู มอบเงินบริจาคผ่าน SMS ให้มูลนิธิรามาธิบดี
« on: June 06, 2011, 06:23:15 PM »
กลุ่มทรู มอบเงินบริจาคผ่าน SMS ให้มูลนิธิรามาธิบดี สมทบทุนซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์
ศ.นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน (ขวา) คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดี รับมอบเงินที่ลูกค้าทรูมูฟผู้มีจิตศรัทธาบริจาคผ่าน SMS ระบบทรูมูฟ จำนวนเงิน 124,254 บาท จาก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นางพฤษณี ปราโมช ณ อยุธยา (ซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด เพื่อร่วมสมทบทุนซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ศูนย์การแพทย์รักษาโรคซับซ้อนระดับภูมิภาคเอเชียของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งผู้สนใจยังสามารถบริจาคเงินเพิ่มเติมที่ โทร. 02-201-1111 และดูข้อมูลการบริจาคผ่านบัญชีธนาคารได้ที่ www.helplink.net
ทั้งนี้ กลุ่มทรูได้สนับสนุนโครงการมูลนิธิรามาธิบดีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้เพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริจาคผ่านสื่อต่างๆ ในกลุ่มทรู อาทิ ทรูวิชั่นส์ www.helplink.net เว็บไซต์สื่อกลางความช่วยเหลือ จัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิรามาธิบดีและเปิดรับบริจาคจากพนักงานกลุ่มทรู และล่าสุด นำศิลปินทรู เอเอฟ และพนักงานกลุ่มทรู เดินสายเชิญชวนคนไทยทำบุญด้วยการซื้อเสื้อยืด “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” และบริจาคเงินกับเหล่าศิลปินคนโปรด เมื่อเร็วๆ นี้
ศ.นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน (ขวา) คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดี รับมอบเงินที่ลูกค้าทรูมูฟผู้มีจิตศรัทธาบริจาคผ่าน SMS ระบบทรูมูฟ จำนวนเงิน 124,254 บาท จาก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นางพฤษณี ปราโมช ณ อยุธยา (ซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด เพื่อร่วมสมทบทุนซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ศูนย์การแพทย์รักษาโรคซับซ้อนระดับภูมิภาคเอเชียของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งผู้สนใจยังสามารถบริจาคเงินเพิ่มเติมที่ โทร. 02-201-1111 และดูข้อมูลการบริจาคผ่านบัญชีธนาคารได้ที่ www.helplink.net
ทั้งนี้ กลุ่มทรูได้สนับสนุนโครงการมูลนิธิรามาธิบดีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้เพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริจาคผ่านสื่อต่างๆ ในกลุ่มทรู อาทิ ทรูวิชั่นส์ www.helplink.net เว็บไซต์สื่อกลางความช่วยเหลือ จัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิรามาธิบดีและเปิดรับบริจาคจากพนักงานกลุ่มทรู และล่าสุด นำศิลปินทรู เอเอฟ และพนักงานกลุ่มทรู เดินสายเชิญชวนคนไทยทำบุญด้วยการซื้อเสื้อยืด “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” และบริจาคเงินกับเหล่าศิลปินคนโปรด เมื่อเร็วๆ นี้
11
news & activity / คอฟฟี่ เวิลด์ จัดโปรโมชั่น “แสตมป์ การ์ด” สะสมแสตมป์แลกรับเครื่องดื่มฟรี
« on: June 06, 2011, 06:22:33 PM »
คอฟฟี่ เวิลด์ จัดโปรโมชั่น “แสตมป์ การ์ด” สะสมแสตมป์แลกรับเครื่องดื่มฟรี
คอฟฟี่ เวิลด์ แบรนด์กาแฟระดับพรีเมี่ยม ที่คนรุ่นใหม่ติดใจในรสชาติความกลมกล่อม จัดโปรโมชั่น “แสตมป์ การ์ด” ให้ร่วมสนุกกับการสะสมคะแนน เพียงมียอดซื้อสินค้าครบทุกๆ 130 บาท รับตราประทับ 1 ดวง สะสมครบตามที่กำหนดสามารถแลกรับเครื่องดื่ม และอาหารแสนอร่อย จากคอฟฟี่ เวิลด์ ฟรี! ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2554 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ
คอฟฟี่ เวิลด์ แบรนด์กาแฟระดับพรีเมี่ยม ที่คนรุ่นใหม่ติดใจในรสชาติความกลมกล่อม จัดโปรโมชั่น “แสตมป์ การ์ด” ให้ร่วมสนุกกับการสะสมคะแนน เพียงมียอดซื้อสินค้าครบทุกๆ 130 บาท รับตราประทับ 1 ดวง สะสมครบตามที่กำหนดสามารถแลกรับเครื่องดื่ม และอาหารแสนอร่อย จากคอฟฟี่ เวิลด์ ฟรี! ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2554 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ
12
กิจกรรม ช่อง 3 / “จาง กึน ซอก” พระเอกดังจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง You' re beautiful เปิดใจให้สัมภาษณ์
« on: June 06, 2011, 06:18:28 PM »
“จาง กึน ซอก” พระเอกดังจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง You' re beautiful เปิดใจให้สัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟ ที่รายการ 3 FOR U ที่เดียว ทางช่อง 3
ทำให้หน้าจอร้อนในช่วงรอบดึกกันอีกแล้ว กับรายการบันเทิง “3 FOR U ” ที่คว้าเอาพระเอกดัง จากซีรีส์เกาหลีเรื่อง You' re beautiful และเจ้าของ Single "LET ME CRY" ที่ติดอันดับหนึ่งใน ออริกอน ชาร์ต ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง “ จาง กึน ซอก” มาสัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟสุดๆกันไปเลย และนอกจาก จะให้สัมภาษณ์เพียงช่องเดียวแล้ว หนุ่ม “จาง กึน ซอก” ยังถูกเซอร์ไพร์สจากทีมงาน ด้วยการนำส้มตำ ซึ่งเป็นอาหารที่หนุ่มคนนี้บอกว่าเป็นอาหารไทยที่ชอบมากมาให้ชิมกันใน รายการ อยากรู้ว่าจะถูกใจหนุ่มจาง กึน ซอกขนาดไหน ติดตามชมได้ในรายการ 3 FOR U วันจันทร์ที่ 6 และวันอังคารที่ 7 มิถุนายน เวลา 02.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ห้ามพลาด
ทำให้หน้าจอร้อนในช่วงรอบดึกกันอีกแล้ว กับรายการบันเทิง “3 FOR U ” ที่คว้าเอาพระเอกดัง จากซีรีส์เกาหลีเรื่อง You' re beautiful และเจ้าของ Single "LET ME CRY" ที่ติดอันดับหนึ่งใน ออริกอน ชาร์ต ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง “ จาง กึน ซอก” มาสัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟสุดๆกันไปเลย และนอกจาก จะให้สัมภาษณ์เพียงช่องเดียวแล้ว หนุ่ม “จาง กึน ซอก” ยังถูกเซอร์ไพร์สจากทีมงาน ด้วยการนำส้มตำ ซึ่งเป็นอาหารที่หนุ่มคนนี้บอกว่าเป็นอาหารไทยที่ชอบมากมาให้ชิมกันใน รายการ อยากรู้ว่าจะถูกใจหนุ่มจาง กึน ซอกขนาดไหน ติดตามชมได้ในรายการ 3 FOR U วันจันทร์ที่ 6 และวันอังคารที่ 7 มิถุนายน เวลา 02.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ห้ามพลาด
13
ข่าวภาพยนตร์ / Re: ภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” 21 กรกฎาคม
« on: June 06, 2011, 06:15:26 PM »
“เปาวลี” ทุ่มสุดตัวฝึกหนัก ทั้งร้อง-เต้น-การแสดง เพื่อรับบท “พุ่มพวง” ภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต
อีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยในปี 54 ที่น่าจับตามอง กับภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” ที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงชีวประวัติของ ราชินีลูกทุ่ง ผู้โด่งดัง อันเป็นที่รักและศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศ นำแสดงโดย “เปาวลี พรพิมล” เจ้าของตำแหน่งแชมป์ออฟเดอะเยียร์ คว้าไมค์คว้าแชมป์ ช่องแฟนทีวี รับบทเป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ประกบคู่พระเอกหล่อเข้มสไตล์หนุ่มไทย “ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ” รับบทเป็น “ธีระพล แสนสุข” คนรักของพุ่มพวง ผลงานกำกับโดย บัณฑิต ทองดี ซึ่งน้องเปาถือว่าเป็นดาวดวงใหม่ประดับวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว เพราะเรื่องการแสดงยังไม่เคยผ่านมาจากที่ไหนมาก่อน ก็นับว่าเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตของน้องเปา ที่นอกจากจะต้องโชว์ฝีมือทางด้านการแสดงแล้ว น้องเปายังต้องโชว์พลังเสียงการร้องเพลง และลีลาท่าเต้น จึงไม่ง่ายเลยสำหรับนางเอกหน้าใหม่ ซึ่งน้องเปาเล่าถึงการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมในการแสดงภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า
“เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิต เปาก็มีการเตรียมตัวอย่างหนักพอสมควร เพราะว่าไม่เคยผ่านการแสดงที่ไหนมาก่อนเลย เปาจึงต้องไปเรียนแอคติ้ง เรียนร้องเพลง และก็เรียนเต้น จะเรียน 3 อย่างในวันเดียวกัน โดยจะเรียนร้องก่อน 1 ชั่วโมง แล้วก็เรียนเต้น 2 ชั่วโมง ต่อด้วยเรียนแอคติ้งการแสดง 3 ชั่วโมง เพื่อรับบทเป็น แม่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์ คาแร็คเตอร์ในภาพยนตร์ จะเป็นเด็กผู้หญิง จากสุพรรณบุรี ที่มีความมุ่งมั่นอยากเป็นนักร้อง แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจนทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ ก็จะอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่มีความมานะอดทน เป็นคนมุ่งมั่นจริงจัง ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไม่เคยย่อท้อ จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักร้องราชินีลูกทุ่งที่โด่งดัง สำหรับภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง นอกจากจะได้ชมเรื่องราวชีวิตของแม่ผึ้งตั้งแต่เด็กจนโตแล้ว ก็ยังเต็มอิ่มกับบทเพลงของแม่ผึ้ง เป็นบทเพลงที่ทุกคนต้องรู้จักและเคยฟังกันมาแล้วทั่วประเทศ ซึ่งเปาเองก็ขอเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดน้ำเสียงในครั้งนี้ค่ะ มีหลายบทเพลงประมาณ 20 กว่าเพลงได้ เช่นเพลง กระแซะเข้ามาสิ, นักร้องบ้านนอก, โลกของผึ้ง, ตั๊กแตนผูกโบว์, ผู้ชายในฝัน และอีกหลายเพลงมากมาย”
เตรียมพบกับเรื่องราวของนักร้องสาวขวัญใจ อันเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ และถูกยกย่องว่าเป็น “ราชินีลูกทุ่ง” เพียงหนึ่งเดียว กับภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” 21 กรกฎาคมนี้ ทั่วทุกโรงภาพยนตร์
อีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยในปี 54 ที่น่าจับตามอง กับภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” ที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงชีวประวัติของ ราชินีลูกทุ่ง ผู้โด่งดัง อันเป็นที่รักและศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศ นำแสดงโดย “เปาวลี พรพิมล” เจ้าของตำแหน่งแชมป์ออฟเดอะเยียร์ คว้าไมค์คว้าแชมป์ ช่องแฟนทีวี รับบทเป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ประกบคู่พระเอกหล่อเข้มสไตล์หนุ่มไทย “ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ” รับบทเป็น “ธีระพล แสนสุข” คนรักของพุ่มพวง ผลงานกำกับโดย บัณฑิต ทองดี ซึ่งน้องเปาถือว่าเป็นดาวดวงใหม่ประดับวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว เพราะเรื่องการแสดงยังไม่เคยผ่านมาจากที่ไหนมาก่อน ก็นับว่าเป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตของน้องเปา ที่นอกจากจะต้องโชว์ฝีมือทางด้านการแสดงแล้ว น้องเปายังต้องโชว์พลังเสียงการร้องเพลง และลีลาท่าเต้น จึงไม่ง่ายเลยสำหรับนางเอกหน้าใหม่ ซึ่งน้องเปาเล่าถึงการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมในการแสดงภาพยนตร์ครั้งนี้ว่า
“เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิต เปาก็มีการเตรียมตัวอย่างหนักพอสมควร เพราะว่าไม่เคยผ่านการแสดงที่ไหนมาก่อนเลย เปาจึงต้องไปเรียนแอคติ้ง เรียนร้องเพลง และก็เรียนเต้น จะเรียน 3 อย่างในวันเดียวกัน โดยจะเรียนร้องก่อน 1 ชั่วโมง แล้วก็เรียนเต้น 2 ชั่วโมง ต่อด้วยเรียนแอคติ้งการแสดง 3 ชั่วโมง เพื่อรับบทเป็น แม่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์ คาแร็คเตอร์ในภาพยนตร์ จะเป็นเด็กผู้หญิง จากสุพรรณบุรี ที่มีความมุ่งมั่นอยากเป็นนักร้อง แต่ด้วยฐานะทางบ้านยากจนทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ ก็จะอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่มีความมานะอดทน เป็นคนมุ่งมั่นจริงจัง ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไม่เคยย่อท้อ จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักร้องราชินีลูกทุ่งที่โด่งดัง สำหรับภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง นอกจากจะได้ชมเรื่องราวชีวิตของแม่ผึ้งตั้งแต่เด็กจนโตแล้ว ก็ยังเต็มอิ่มกับบทเพลงของแม่ผึ้ง เป็นบทเพลงที่ทุกคนต้องรู้จักและเคยฟังกันมาแล้วทั่วประเทศ ซึ่งเปาเองก็ขอเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดน้ำเสียงในครั้งนี้ค่ะ มีหลายบทเพลงประมาณ 20 กว่าเพลงได้ เช่นเพลง กระแซะเข้ามาสิ, นักร้องบ้านนอก, โลกของผึ้ง, ตั๊กแตนผูกโบว์, ผู้ชายในฝัน และอีกหลายเพลงมากมาย”
เตรียมพบกับเรื่องราวของนักร้องสาวขวัญใจ อันเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ และถูกยกย่องว่าเป็น “ราชินีลูกทุ่ง” เพียงหนึ่งเดียว กับภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” 21 กรกฎาคมนี้ ทั่วทุกโรงภาพยนตร์
14
ข่าวภาพยนตร์ / Re: MOVIE : ใหม่กะหม่ำและโดนกะโดน 23 มิถุนายน
« on: June 06, 2011, 06:12:40 PM »
ระดมทีมงาน “ใหม่หม่ำฯ” เนรมิตซีนโรแมนติค “14 ปีสวีทวี๊ดวิ้ว หม่ำ-โหน่งพร่ำรำพันลำนำรักกับดินเนอร์สุดฮา”
บางคนตามหารักแท้มาทั้งชีวิต เจอคนที่ใช่ก็กลับไม่โดน ส่วนเวลาเจอคนที่โดนก็กลับไม่ใช่ แต่ถ้าถามเหตุผลว่าแล้วคนแบบไหนกันที่จะทั้ง “โดนและใช่” แน่นอนว่าร้อยคนก็ร้อยความคิด แต่สำหรับ “หม่ำ”ที่มี “ใหม่” เป็นเพื่อนหญิงซี้สุดสุดแล้ว ก็คงมีแค่เพียง “กะเพรา” (รับบทแบบทุ่มสุดตัวโดย โหน่งชะชะช่า) เท่านั้นที่อยู่ในใจมาตลอด และนี่เป็นที่มาของฉากสวีทหวานระหว่าง “หม่ำกับกะเพรา” ที่มาไพรเวทดินเนอร์ฉลองความรักความสัมพันธ์ที่เบ่งบานกันมาตลอด 14 ปีแบบเอ็กซ์คลูซีฟส่วนตัวสุดๆ โดยงานนี้ผกก.หม่ำสั่งทีมงานระดับพระกาฬทั้งในส่วนโปรดักชั่นดีไซน์ ฝ่ายออกแบบงานสร้าง ทีมอาร์ท ประสานงานประสานงาแท็คทีมร่วมกับทีมเสื้อผ้า-หน้าผม ที่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มือโปรเฟซชั่นแนลเข้าขากันสุดๆเพราะล้วนผ่านมือร่วมงานกันมาตั้งแต่ แหยมยโสธร,วงษ์คำเหลา ฯลฯ ชนิดที่ว่ามองตาก็รู้ใจ ไก่มองตีนงู งูเห็นนมไก่กันเลยทีเดียวจัดเต็มทุกองค์ประกอบฉาก พร็อพข้าวของทั้งหมดทุกอย่างที่ปรากฏในฉากต้องออกมาเป๊ะๆๆ ทั้งแก้วไวน์ เชิงเทียนสุดหรู ให้เข้ากับบรรยากาศดินเนอร์ 14 ปีแห่งความหลังของ “หม่ำ-กะเพรา” ที่ต้องเริ่ดสุดๆ แถมเสื้อผ้าหน้าผมของทั้งหม่ำ และโหน่งคัดสรรมาแบบจัดเต็มโดยเฉพาะหมวกปีกกว้างสุดเท่ห์เก๋เริ่ดของกะเพรา โดยฉากนี้คนดูจะได้เห็นภาพความรักความหลังและการพรั่งพรูถ้อยคำรักที่ต่างเอ่อล้นออกมาจากปากของทั้งตัวหม่ำเองและตัวกะเพราไม่ว่าจะเป็นลำนำรัก คำพร่ำเพ้อพรรณาสารพัดที่ต่างสรรหากันมาบรรยายสรรพคุณที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อกันอย่างไม่จบสิ้น ชนิดที่รับรองว่าคนดูจะฮาไปกับฉากนี้อย่างต่อเนื่องแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้อย่างแน่นอน
แต่ถึงฟังดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นฉากสวีทแหวววี๊ดวิ้วหวานสุดสุดในแนวทางของหนังโรแมนติค-คอมิดี้ แต่ขอโทษ เมื่อนี่คือหนังของผู้กำกับตลกซุปตาร์มือ 1 สุดทะเล้นอย่าง “หม่ำ จ๊กมก” ย่อมไม่มีอะไรที่ธรรมดาสามัญตามสูตรเป๊ะอย่างแน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งลีลาการปล่อยมุกกันไม่เว้นวายของทั้งตัว “หม่ำ จ๊กมก” เอง และ“โหน่ง ชะช่า” ชนิดที่ว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีการยินยอมปล่อยให้หลุดมุกกันไปแม้แต่เม็ดเดียวกันเลย
“ก็สำหรับซีนนี้ โหน่งว่าเป็นโรแมนติคซีนแบบจ๋าๆ เลยทีเดียว อารมณ์ประมาณว่าดินเนอร์เพ้อรำพันซึ่งทั้งคู่มาทานข้าวมื้อค่ำฉลองกันกับความรักตลอดระยะเวลา 14 ปีที่คบกันมา มันเป็นฉากที่น่ารักๆ คือสามีตามใจภรรยา ต่างคนต่างอยากเซอร์ไพรส์พูดถึงเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา มันก็เหมือนชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นจริง แต่ในเรื่องนี้ 14 ปีก็คือ 14 ปีแห่งความหลังที่กะเพราะและหม่ำอยู่ด้วยกันมา ก็ต่างฝ่ายก็จะเอื้อนเอ่ยวาจากันพูดถึงว่า เออ หม่ำจำได้ไหม เราเจอกันที่ไหน เราเคยทำความประทับใจอะไรให้กัน ซึ่งซีนนี้เสน่ห์มันอยู่ที่คำรักจากปากของกะเพรากับหม่ำนี่แหละ ไม่รู้คิดกันได้ไง (หัวเราะ) แหมแล้วแต่ละคำนี่ไม่น่าเชิญชวนให้มาอยู่ในซีนอะไร ฉลองอะไรหวานๆ อย่างนี้เลย ซึ่งต้องไปดูไปฟังในซีนนี้กัน แล้วเล่นกันเองก็ขำกันเองนะทั้งโหน่งทั้งพี่หม่ำ และสุดท้ายมาอีกละ มีตัวมารเข้ามาคือพี่ใหม่มาทำให้เกิดเรื่องอีกแล้ว แหมคือมันกำลังดีๆ กันอยู่ กำลังสร้างความรู้สึกประทับใจกันอยู่ดีๆ ในฉากนี้ กำลังจะมีความสุขกันแท้ๆ แล้วอีกนิดเดียวเอง ทำใหเหตุการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งอันนี้ก็ต้องไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ!! ให้มันได้ซะอย่างนี้ตลอด!!! อีใหม่ อีปาติ้งแกซ” (เสียงอุทานของโหน่ง)”
เกิดอะไรขึ้นในฉากหวานๆโรแมนติคแต่ฮากันแบบไม่ต้องหลบต้องซ่อนของหม่ำโหน่งและแถมพกด้วยก้างชิ้นโตอย่างใหม่ เห็นทีต้องไปสัมผัสกันดูในโรงภาพยนตร์กับ “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” 23 มิ.ย.นี้ทุกโรงภาพยนตร์จ้า
บางคนตามหารักแท้มาทั้งชีวิต เจอคนที่ใช่ก็กลับไม่โดน ส่วนเวลาเจอคนที่โดนก็กลับไม่ใช่ แต่ถ้าถามเหตุผลว่าแล้วคนแบบไหนกันที่จะทั้ง “โดนและใช่” แน่นอนว่าร้อยคนก็ร้อยความคิด แต่สำหรับ “หม่ำ”ที่มี “ใหม่” เป็นเพื่อนหญิงซี้สุดสุดแล้ว ก็คงมีแค่เพียง “กะเพรา” (รับบทแบบทุ่มสุดตัวโดย โหน่งชะชะช่า) เท่านั้นที่อยู่ในใจมาตลอด และนี่เป็นที่มาของฉากสวีทหวานระหว่าง “หม่ำกับกะเพรา” ที่มาไพรเวทดินเนอร์ฉลองความรักความสัมพันธ์ที่เบ่งบานกันมาตลอด 14 ปีแบบเอ็กซ์คลูซีฟส่วนตัวสุดๆ โดยงานนี้ผกก.หม่ำสั่งทีมงานระดับพระกาฬทั้งในส่วนโปรดักชั่นดีไซน์ ฝ่ายออกแบบงานสร้าง ทีมอาร์ท ประสานงานประสานงาแท็คทีมร่วมกับทีมเสื้อผ้า-หน้าผม ที่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มือโปรเฟซชั่นแนลเข้าขากันสุดๆเพราะล้วนผ่านมือร่วมงานกันมาตั้งแต่ แหยมยโสธร,วงษ์คำเหลา ฯลฯ ชนิดที่ว่ามองตาก็รู้ใจ ไก่มองตีนงู งูเห็นนมไก่กันเลยทีเดียวจัดเต็มทุกองค์ประกอบฉาก พร็อพข้าวของทั้งหมดทุกอย่างที่ปรากฏในฉากต้องออกมาเป๊ะๆๆ ทั้งแก้วไวน์ เชิงเทียนสุดหรู ให้เข้ากับบรรยากาศดินเนอร์ 14 ปีแห่งความหลังของ “หม่ำ-กะเพรา” ที่ต้องเริ่ดสุดๆ แถมเสื้อผ้าหน้าผมของทั้งหม่ำ และโหน่งคัดสรรมาแบบจัดเต็มโดยเฉพาะหมวกปีกกว้างสุดเท่ห์เก๋เริ่ดของกะเพรา โดยฉากนี้คนดูจะได้เห็นภาพความรักความหลังและการพรั่งพรูถ้อยคำรักที่ต่างเอ่อล้นออกมาจากปากของทั้งตัวหม่ำเองและตัวกะเพราไม่ว่าจะเป็นลำนำรัก คำพร่ำเพ้อพรรณาสารพัดที่ต่างสรรหากันมาบรรยายสรรพคุณที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อกันอย่างไม่จบสิ้น ชนิดที่รับรองว่าคนดูจะฮาไปกับฉากนี้อย่างต่อเนื่องแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้อย่างแน่นอน
แต่ถึงฟังดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นฉากสวีทแหวววี๊ดวิ้วหวานสุดสุดในแนวทางของหนังโรแมนติค-คอมิดี้ แต่ขอโทษ เมื่อนี่คือหนังของผู้กำกับตลกซุปตาร์มือ 1 สุดทะเล้นอย่าง “หม่ำ จ๊กมก” ย่อมไม่มีอะไรที่ธรรมดาสามัญตามสูตรเป๊ะอย่างแน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งลีลาการปล่อยมุกกันไม่เว้นวายของทั้งตัว “หม่ำ จ๊กมก” เอง และ“โหน่ง ชะช่า” ชนิดที่ว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีการยินยอมปล่อยให้หลุดมุกกันไปแม้แต่เม็ดเดียวกันเลย
“ก็สำหรับซีนนี้ โหน่งว่าเป็นโรแมนติคซีนแบบจ๋าๆ เลยทีเดียว อารมณ์ประมาณว่าดินเนอร์เพ้อรำพันซึ่งทั้งคู่มาทานข้าวมื้อค่ำฉลองกันกับความรักตลอดระยะเวลา 14 ปีที่คบกันมา มันเป็นฉากที่น่ารักๆ คือสามีตามใจภรรยา ต่างคนต่างอยากเซอร์ไพรส์พูดถึงเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา มันก็เหมือนชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นจริง แต่ในเรื่องนี้ 14 ปีก็คือ 14 ปีแห่งความหลังที่กะเพราะและหม่ำอยู่ด้วยกันมา ก็ต่างฝ่ายก็จะเอื้อนเอ่ยวาจากันพูดถึงว่า เออ หม่ำจำได้ไหม เราเจอกันที่ไหน เราเคยทำความประทับใจอะไรให้กัน ซึ่งซีนนี้เสน่ห์มันอยู่ที่คำรักจากปากของกะเพรากับหม่ำนี่แหละ ไม่รู้คิดกันได้ไง (หัวเราะ) แหมแล้วแต่ละคำนี่ไม่น่าเชิญชวนให้มาอยู่ในซีนอะไร ฉลองอะไรหวานๆ อย่างนี้เลย ซึ่งต้องไปดูไปฟังในซีนนี้กัน แล้วเล่นกันเองก็ขำกันเองนะทั้งโหน่งทั้งพี่หม่ำ และสุดท้ายมาอีกละ มีตัวมารเข้ามาคือพี่ใหม่มาทำให้เกิดเรื่องอีกแล้ว แหมคือมันกำลังดีๆ กันอยู่ กำลังสร้างความรู้สึกประทับใจกันอยู่ดีๆ ในฉากนี้ กำลังจะมีความสุขกันแท้ๆ แล้วอีกนิดเดียวเอง ทำใหเหตุการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งอันนี้ก็ต้องไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ!! ให้มันได้ซะอย่างนี้ตลอด!!! อีใหม่ อีปาติ้งแกซ” (เสียงอุทานของโหน่ง)”
เกิดอะไรขึ้นในฉากหวานๆโรแมนติคแต่ฮากันแบบไม่ต้องหลบต้องซ่อนของหม่ำโหน่งและแถมพกด้วยก้างชิ้นโตอย่างใหม่ เห็นทีต้องไปสัมผัสกันดูในโรงภาพยนตร์กับ “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” 23 มิ.ย.นี้ทุกโรงภาพยนตร์จ้า
15
ข่าวบันเทิง / “มิราบิลิส” ได้ฤกษ์เปิดกล้องบวงสรวงละครใหม่ “รักอยู่หนใด” “เกรซ กาญจน์เกล้า”
« on: June 06, 2011, 06:09:49 PM »
“มิราบิลิส” ได้ฤกษ์เปิดกล้องบวงสรวงละครใหม่ “รักอยู่หนใด” “เกรซ กาญจน์เกล้า” ควงคู่ “นิว เชื้อชาติ” พระเอกใหม่แกะกล่องช่อง 7 ดีกรีอิมพอร์ตเมกา
บริษัท มิราบิลิส ได้ฤกษ์ดีทำพิธีบวงสรวงเปิดกล้องซิทคอมเรื่องล่าสุดไปแล้ว เมื่อวันก่อน ค่ายละครคุณภาพที่มีผลงานป้อนช่อง 7 สี อย่างต่อเนื่อง งานนี้จับคู่ พระ-นาง สาวสวยหนุ่มหล่อ “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่ควงคู่มากับ พระเอกหนุ่มอิมพอร์ตจบนอก บอสตัน อเมริกา “นิว เชื้อชาติ วงษ์สวัสดิ์” ประเดิมเรื่องแรกชิมลางงานการแสดง ลงจอจ่อคิวออนแอร์ ใน ซิทคอมเบาสมองของครอบครัว “รักอยู่หนใด”
ที่ หมู่บ้านปัญญา รามอินทรา เมื่อวันก่อนคึกคักกันตั้งแต่เช้า ก่อนพิธีสำคัญจะเริ่มนักแสดงชายหญิงต่างทะยอยเดินทางมาที่กองถ่ายทำ ครบทีมครบเซ็ท ส่วนผู้บริหารหญิงเก่ง “ฝน ฐนิตา ยมวรรณ” ก็ออกมาให้การต้อนรับพี่น้องนักข่าวที่มาให้กำลังใจกันล้นกอง รักอยู่หนใด ซิตคอมเบาสมองของครอบครัว เรื่องราววุ่นๆ ของแฝดคนละฝา ที่งานนี้เกิดผิดฝาผิดตัว ที่จู่ๆ น้องชายต้องมาสวมบทเป็นพี่ชาย เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของคุณแม่ เรื่องหน้าที่การงาน ตำแหน่ง เก้าอี้ผู้บริหาร นั้นไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่เรื่องหัวใจที่ต้องมาสวมแทนกันนี่สิ คือปัญหา นักแสดงนำที่มาร่วมพิธี นำทีมโดย นางเอกคนสวย “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” งานนี้ควงพระเอกใหม่แกะกล่อง ช่อง 7 “หนุ่มนิว เชื้อชาติ วงษ์สวัสดิ์” หนุ่มนักเรียนนอกมาดเข้ม , “สาวเฟิร์น (มิสกอซซิบ) ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร” , “เชน ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์” ที่งานนี้มาร้ายแบบสุดขั้ว , “สุภัทรา ทิวานนท์” , “แวร์ โซว” , “สุเชาว์ พงษ์วิไล” , “วันชัย เผ่าวิบูลย์” , “เตย กัญญ-กร พินิจ” , “น้ำใส นัทธินันท์ กุมชพร” สาวสวยที่มีตำแหน่ง งามอย่างไทย จากเวที มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส การันตี , “หนุ่มฮีโร่ ฮิโรมาซ่า นาคาฮาร่า” , “หนูหิ่น รุ้งลาวัลย์” และนักแสดงร่วมอีกมากมาย ทำพิธีบวงสรวงเพื่อความเป็นศิริมงคลสำหรับการทำงานเสร็จ นักแสดงก็ให้พี่ๆนักข่าว ถ่ายภาพ สัมภาษณ์ พูดคุยกันตามอัธยาศัย
บริษัท มิราบิลิส ได้ฤกษ์ดีทำพิธีบวงสรวงเปิดกล้องซิทคอมเรื่องล่าสุดไปแล้ว เมื่อวันก่อน ค่ายละครคุณภาพที่มีผลงานป้อนช่อง 7 สี อย่างต่อเนื่อง งานนี้จับคู่ พระ-นาง สาวสวยหนุ่มหล่อ “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่ควงคู่มากับ พระเอกหนุ่มอิมพอร์ตจบนอก บอสตัน อเมริกา “นิว เชื้อชาติ วงษ์สวัสดิ์” ประเดิมเรื่องแรกชิมลางงานการแสดง ลงจอจ่อคิวออนแอร์ ใน ซิทคอมเบาสมองของครอบครัว “รักอยู่หนใด”
ที่ หมู่บ้านปัญญา รามอินทรา เมื่อวันก่อนคึกคักกันตั้งแต่เช้า ก่อนพิธีสำคัญจะเริ่มนักแสดงชายหญิงต่างทะยอยเดินทางมาที่กองถ่ายทำ ครบทีมครบเซ็ท ส่วนผู้บริหารหญิงเก่ง “ฝน ฐนิตา ยมวรรณ” ก็ออกมาให้การต้อนรับพี่น้องนักข่าวที่มาให้กำลังใจกันล้นกอง รักอยู่หนใด ซิตคอมเบาสมองของครอบครัว เรื่องราววุ่นๆ ของแฝดคนละฝา ที่งานนี้เกิดผิดฝาผิดตัว ที่จู่ๆ น้องชายต้องมาสวมบทเป็นพี่ชาย เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของคุณแม่ เรื่องหน้าที่การงาน ตำแหน่ง เก้าอี้ผู้บริหาร นั้นไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่เรื่องหัวใจที่ต้องมาสวมแทนกันนี่สิ คือปัญหา นักแสดงนำที่มาร่วมพิธี นำทีมโดย นางเอกคนสวย “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” งานนี้ควงพระเอกใหม่แกะกล่อง ช่อง 7 “หนุ่มนิว เชื้อชาติ วงษ์สวัสดิ์” หนุ่มนักเรียนนอกมาดเข้ม , “สาวเฟิร์น (มิสกอซซิบ) ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร” , “เชน ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์” ที่งานนี้มาร้ายแบบสุดขั้ว , “สุภัทรา ทิวานนท์” , “แวร์ โซว” , “สุเชาว์ พงษ์วิไล” , “วันชัย เผ่าวิบูลย์” , “เตย กัญญ-กร พินิจ” , “น้ำใส นัทธินันท์ กุมชพร” สาวสวยที่มีตำแหน่ง งามอย่างไทย จากเวที มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส การันตี , “หนุ่มฮีโร่ ฮิโรมาซ่า นาคาฮาร่า” , “หนูหิ่น รุ้งลาวัลย์” และนักแสดงร่วมอีกมากมาย ทำพิธีบวงสรวงเพื่อความเป็นศิริมงคลสำหรับการทำงานเสร็จ นักแสดงก็ให้พี่ๆนักข่าว ถ่ายภาพ สัมภาษณ์ พูดคุยกันตามอัธยาศัย