This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Pages: [1]
1
ไร้สังกัด / ปรับโครงสร้างภาษี..สมควรแก่เวลา?
« on: November 20, 2010, 06:07:17 PM »
เสนอปรับลดภาษีนิติบุคคล....ชดเชยด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม
จากงานสัมมนาพิเศษ ‘Resetting Thailand: ปฏิรูปภาษี สร้างธุรกิจแข็งแกร่ง สู่ไทยเข้มแข็ง” อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า ต้นสัปดาห์หน้ากรมฯ จะเสนอแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา โดยจะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงจาก 30% ในปัจจุบัน ให้เหลือเพียงแค่ 18% (ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้) โดยกรมสรรพากรประเมินว่า การปรับลดภาษีนิติบุคคลทุกๆ 1% รัฐจะสูญเสียรายได้ราว 6 พันล้านบาท มีนัยว่า การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล 12% จะมีผลให้รายได้รัฐลดลง 7.2 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป กรมสรรพากรเสนอให้เพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (7% ในปัจจุบัน) แม้ไม่มีการระบุอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ แต่หากต้องการลดผลกระทบทั้งหมดจากการปรับลดภาษีนิติบุคคล อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะต้องเพิ่มขึ้นอีก 1.2% เป็น 8.2% อิงกับการประเมินของกรมสรรพากรเองว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% จะเพิ่มรายได้ให้กับรัฐ 6 หมื่นล้านบาท
การปรับลดภาษีนิติบุคคล...ถูกที่และถูกเวลา
เราเชื่อว่าการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีภูมิภาค และโลก และจะช่วยดึงความสนใจลงทุนจากต่างประเทศได้มากขึ้น ทั้งนี้ อัตราภาษีนิติบุคคลโลกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24.99% (รูปที่ 3) อีกทั้งช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะเราคาดว่า การลงทุนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ด้วยโครงสร้างภาษีที่ดีขึ้น จะช่วยให้เกิดแรงกระตุ้นด้านการลงทุนที่เรียกว่า crowding in effect ไม่มากก็น้อย
ในทางตรงกันข้าม แนวทางในการชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปจากการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล ด้วยการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม อาจฉุดรั้งการเติบโต หากส่งผลกระทบให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งของ GDP ประเทศ และมีความเสี่ยงมากมายที่จะกระทบต่อการใช้จ่ายภาคเอกชน อย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงลบต่อการบริโภคอาจได้รับการชดเชยบางส่วนจากความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราก้าวหน้าของภาษีบุคคลธรรมดาไปพร้อมกัน
....แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา
รัฐมีทางเลือกไม่มากนักในการรักษาเสถียรภาพทางการคลัง โดยเฉพาะเมื่อต้องขาดดุลงบประมาณกว่า 4.2 แสนล้านบาท แนวทางหนึ่งคือการปรับเพิ่มภาษีบาป (บุหรี่ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์) รวมไปถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี การปรับโครงสร้างภาษีเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา แม้ข้อเสนอจะส่งไปถึงมือรัฐบาลภายในต้นปีหน้าก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น แผนภาษีที่จะเพิ่มภาระกับประชาชน (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) อาจไม่ได้รับการตอบรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 54
จากงานสัมมนาพิเศษ ‘Resetting Thailand: ปฏิรูปภาษี สร้างธุรกิจแข็งแกร่ง สู่ไทยเข้มแข็ง” อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า ต้นสัปดาห์หน้ากรมฯ จะเสนอแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา โดยจะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงจาก 30% ในปัจจุบัน ให้เหลือเพียงแค่ 18% (ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้) โดยกรมสรรพากรประเมินว่า การปรับลดภาษีนิติบุคคลทุกๆ 1% รัฐจะสูญเสียรายได้ราว 6 พันล้านบาท มีนัยว่า การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล 12% จะมีผลให้รายได้รัฐลดลง 7.2 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป กรมสรรพากรเสนอให้เพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (7% ในปัจจุบัน) แม้ไม่มีการระบุอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ แต่หากต้องการลดผลกระทบทั้งหมดจากการปรับลดภาษีนิติบุคคล อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะต้องเพิ่มขึ้นอีก 1.2% เป็น 8.2% อิงกับการประเมินของกรมสรรพากรเองว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% จะเพิ่มรายได้ให้กับรัฐ 6 หมื่นล้านบาท
การปรับลดภาษีนิติบุคคล...ถูกที่และถูกเวลา
เราเชื่อว่าการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีภูมิภาค และโลก และจะช่วยดึงความสนใจลงทุนจากต่างประเทศได้มากขึ้น ทั้งนี้ อัตราภาษีนิติบุคคลโลกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24.99% (รูปที่ 3) อีกทั้งช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะเราคาดว่า การลงทุนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ด้วยโครงสร้างภาษีที่ดีขึ้น จะช่วยให้เกิดแรงกระตุ้นด้านการลงทุนที่เรียกว่า crowding in effect ไม่มากก็น้อย
ในทางตรงกันข้าม แนวทางในการชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปจากการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล ด้วยการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม อาจฉุดรั้งการเติบโต หากส่งผลกระทบให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งของ GDP ประเทศ และมีความเสี่ยงมากมายที่จะกระทบต่อการใช้จ่ายภาคเอกชน อย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงลบต่อการบริโภคอาจได้รับการชดเชยบางส่วนจากความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราก้าวหน้าของภาษีบุคคลธรรมดาไปพร้อมกัน
....แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา
รัฐมีทางเลือกไม่มากนักในการรักษาเสถียรภาพทางการคลัง โดยเฉพาะเมื่อต้องขาดดุลงบประมาณกว่า 4.2 แสนล้านบาท แนวทางหนึ่งคือการปรับเพิ่มภาษีบาป (บุหรี่ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์) รวมไปถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี การปรับโครงสร้างภาษีเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา แม้ข้อเสนอจะส่งไปถึงมือรัฐบาลภายในต้นปีหน้าก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น แผนภาษีที่จะเพิ่มภาระกับประชาชน (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) อาจไม่ได้รับการตอบรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 54
2
ไร้สังกัด / ผู้หญิงกับริ้วรอยบนใบหน้า
« on: November 19, 2010, 08:08:42 AM »
ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมีแสงแดดเป็นตัวการร้ายเร่งปฏิกิริยาให้หน้าเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามสัญชาติอังกฤษ "บู๊ทส์" ได้เชื้อเชิญ 3 สาวคนดังมาเป็นตัวแทนของสาว 3 วัย เพื่อเผยเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณให้อ่อนเยาว์เหนือกาลเวลา พร้อมทดสอบประสิทธิภาพกลุ่มผลิตภัณฑ์ บู๊ทส์ นัมเบอร์ เซเว่น โพรเทค แอนด์ เพอร์เฟค อินเทนส์ (Boots No7 Protect & Perfect Intense) ที่มาแรงเกินห้ามใจ
ตัวแทนสาวเอ๊าะวัย 20 ปี ยกหน้าที่ให้นักแสดงสาวหน้าใส "พลอย จินดาโชติ" ที่กำลังโกอินเตอร์ บินไปถ่ายทำหนังที่แอลเอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยถึงเคล็ดลับความงามว่า แม้จะต้องเดินทางบ่อย แต่ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมาก เพราะคุณแม่จะกรอกหูตลอดเวลาว่า ถ้าเริ่มดูแลตั้งแต่สาวๆ จะได้ไม่ลำบากตอนอายุมากขึ้น โดยเธอจะเน้นการสร้างความงามจากภายในสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ที่เลือกทานเฉพาะอาหารมีประโยชน์, การออกกำลังกาย, พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญคือ อารมณ์ต้องแจ่มใสอยู่เสมอ และต้องดื่มน้ำเยอะๆเพื่อเติมความสดชื่นให้ผิวพรรณ
ด้าน "นก–ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ" นางสาวไทยประจำปี 2541 เจ้าของพ็อกเกตบุ๊กเพื่อสุขภาพและความงาม เปิดเผยวิธีดูแลผิวพรรณของสาววัยเลขสามว่า ปกติเป็นคนที่ให้ความสำคัญเรื่องของอาหารการกิน ยิ่งถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษจะดีมาก และยังให้ความสำคัญกับเรื่องการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้เหมาะกับวัย โดยจะเน้นประเภทที่มีส่วนผสมป้องกันแสงแดด เพราะทราบว่า แสงแดดเป็นตัวร้ายที่ทำลายผิวอันดับหนึ่ง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
สำหรับสาวพันปี ที่ยังคงความเอ๊าะอย่างน่าอะเมซซิ่ง "ดี้–ชนานา นุตาคม" ถ่ายทอดความลับด้านความงาม ของคนวัย 40 อัพ ด้วยความภูมิใจว่า เป็นคนรักการออกกำลังกายมาก จะออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และไม่ทำตัวแอ๊บแบ๊ว แต่จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นคนสนุกสนาน อารมณ์ดี ไม่ค่อยเครียด ทำให้สุขภาพจิตดี และดูสดใสไม่แก่เร็ว.
ขอบคุณ ภาพและข่าวจากไทยรัฐ
ตัวแทนสาวเอ๊าะวัย 20 ปี ยกหน้าที่ให้นักแสดงสาวหน้าใส "พลอย จินดาโชติ" ที่กำลังโกอินเตอร์ บินไปถ่ายทำหนังที่แอลเอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยถึงเคล็ดลับความงามว่า แม้จะต้องเดินทางบ่อย แต่ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมาก เพราะคุณแม่จะกรอกหูตลอดเวลาว่า ถ้าเริ่มดูแลตั้งแต่สาวๆ จะได้ไม่ลำบากตอนอายุมากขึ้น โดยเธอจะเน้นการสร้างความงามจากภายในสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ที่เลือกทานเฉพาะอาหารมีประโยชน์, การออกกำลังกาย, พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญคือ อารมณ์ต้องแจ่มใสอยู่เสมอ และต้องดื่มน้ำเยอะๆเพื่อเติมความสดชื่นให้ผิวพรรณ
ด้าน "นก–ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ" นางสาวไทยประจำปี 2541 เจ้าของพ็อกเกตบุ๊กเพื่อสุขภาพและความงาม เปิดเผยวิธีดูแลผิวพรรณของสาววัยเลขสามว่า ปกติเป็นคนที่ให้ความสำคัญเรื่องของอาหารการกิน ยิ่งถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษจะดีมาก และยังให้ความสำคัญกับเรื่องการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้เหมาะกับวัย โดยจะเน้นประเภทที่มีส่วนผสมป้องกันแสงแดด เพราะทราบว่า แสงแดดเป็นตัวร้ายที่ทำลายผิวอันดับหนึ่ง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
สำหรับสาวพันปี ที่ยังคงความเอ๊าะอย่างน่าอะเมซซิ่ง "ดี้–ชนานา นุตาคม" ถ่ายทอดความลับด้านความงาม ของคนวัย 40 อัพ ด้วยความภูมิใจว่า เป็นคนรักการออกกำลังกายมาก จะออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และไม่ทำตัวแอ๊บแบ๊ว แต่จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นคนสนุกสนาน อารมณ์ดี ไม่ค่อยเครียด ทำให้สุขภาพจิตดี และดูสดใสไม่แก่เร็ว.
ขอบคุณ ภาพและข่าวจากไทยรัฐ
3
ไร้สังกัด / คอมเวิล์ด' โฉมใหม่ปี 54
« on: November 17, 2010, 02:13:31 PM »ผู้จัดเผยเตรียมเปลี่ยนสถานที่จัดงาน จากพารากอนเป็นไบเทคและอิมแพ็ค หวังกระจายความเสี่ยงในการจัดงานไอที จับทำเลทองรอบเมืองกรุงและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมเพิ่มความถี่จัดปีละ 7 ครั้ง มั่นใจลูกค้าไม่สับสนแม้สลับสถานที่จัดงาน...
นายวิโรจน์ อัศวรังสี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ แอสไพเรอร์ส กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดงานคอมเวิล์ด (ComWorld) เปิดเผยว่า การจัดงานคอมเวิล์ดในอนาคต บริษัท ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เร็วขึ้นและเพิ่มความถี่ของการจัดให้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสในการเลื่อนจัดงาน อาทิ ปัญหาทางการเมือง หรือภัยธรรมชาติต่างๆ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดกำลังซื้อต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ จะเปลี่ยนสถานที่จัดงานจากเดิม คือ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็น ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ (ไบเทค) และ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
"การจัดงานไอทีในช่วงหลังมีผลลัพธ์ที่ด้อยลง ทั้งจำนวนผู้เข้าชมและรายได้ จากปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ไม่สามารถจัดงานได้ แม้จะเป็นปัญหาระยะสั้นแต่ถือว่ามีผลกระทบอยู่บ้าง รวมทั้งการจัดงานไอทีใจกลางกรุงเทพฯ มีจำนวนและความถี่ค่อนข้างมาก ขณะที่พื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ ซึ่งยังไม่เคยมีการจัดงานไอทีกลับมีอัตราการขายสูงกว่าไอทีมอลล์ที่อยู่ใจกลางเมือง จากการสำรวจไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในพื้นที่ดังกล่าวยังพบว่า ประชาชนส่วนมากไม่ต้องการเดินทางเข้าใจกลางเมือง จึงเชื่อว่าการจัดงานในพื้นที่ดังกล่าว จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อทั้งในพื้นที่ดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียงได้" นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนพื้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนนั้น บริษัทฯ จะใช้สำหรับจัดงานเชิงธุรกิจ อาทิ งานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทีสำหรับภาคธุรกิจ หรืองานสัมมนาที่เกี่ยวกับการใช้ไอทีในระดับองค์กร เนื่องจากมีทำเลการเดินทางสะดวก ซึ่งเหมาะกับงานประเภทธุรกิจมากกว่าการจัดงานประเภทคอนซูเมอร์แฟร์ สำหรับพื้นที่จัดงานคอมเวิล์ดครั้งต่อไป บริษัทฯ เชื่อว่าเปรียบได้กับชุมชนแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เพราะมีประชากรจำนวนมากและกำลังซื้อสูง รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ประชาชนใน จ.พระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมบริเวณดังกล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2554 จะมีการจัดงานคอมเวิล์ดทั้งสิ้น 7 ครั้ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ จำนวน 3 ครั้ง และต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และอุดรธานี รวม 4 ครั้ง โดยใช้การจัดงานรูปแบบคาราวานซึ่งร่วมมือกับพาทเนอร์ในท้องถิ่น นำเสนอสินค้าไอที โทรศัพท์เคลื่อนที่ แกตเจ็ท และเกมส์ โดยจะเริ่มจัดงานตั้งแต่เดือน มี.ค. ส่วนการจัดงานคอมเวิล์ดในกรุงเทพฯ จะมีขึ้นในเดือนพ.ค. ก.ย. และ ธ.ค. โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ รวมถึงสินค้าไอทีตั้งแต่ระดับราคาซีบวกจนถึงระดับพรีเมี่ยม เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ กล้องดิจิตอล แท็บเล็ต และอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง อาทิ จอภาพ เครื่องเสียง เครื่องเล่นเกมส์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ฯลฯ จากเดิมที่เน้นเฉพาะสินค้าระดับราคาบีบวกขึ้นไป
"เรามองหาตลาดใหม่ที่มีมูลค่าและโอกาส เพื่อตอบโจทย์ตลาดและคนในอุตสาหกรรม ขณะที่การจัดงานไอทีในใจกลางกรุงเทพฯ มีมากกว่า 20 งานต่อปี ซึ่งส่งผลให้ผู้ซื้อในกรุงเทพฯ เริ่มอิ่มตัวกับสินค้าไอที ขณะเดียวกัน บริษัทฯ พบว่ายอดขายสินค้าผ่านหน้าร้านในปัจจุบัน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า มีอัตราการเติบโตช้าลง ขณะที่ยอดขายจากการจัดงานอีเวนท์สูงขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับตลาดสินค้าไอที ส่วนความกังวลเรื่องการสลับสถานที่จัดงานคอมเวิล์ดแต่ละครั้ง บริษัทฯ เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหา เนื่องจากสามารถประชาสัมพันธ์แก่ผู้ร่วมงานและทำการตลาดทางตรงได้" นายวิโรจน์ กล่าว.
ขอบคุณ ภาพและข่าวจากไทยรัฐ
4
ไร้สังกัด / คอลเลกชั่นใหม่จาก G2000
« on: November 15, 2010, 08:41:45 AM »G 2000 WOMAN เสื้อผ้านำเข้าจากฮ่องกง จัดงาน DEFINE YOURSELF อวดโฉมคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดประจำซีซั่น Fall/Winter 2010 ซึ่งปรับลุคให้คุณผู้หญิงได้ช็อปสนุกมากขึ้นกว่าทุกคอลเลกชั่นที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้า เฉดสี และรูปแบบให้เลือกอย่างหลากหลาย งานนี้ยังได้บรรณาธิการด้านแฟชั่น อาทิ ฟอร์ด-กุลวิทย์ เลาสุขศรี, แม่น-จิรวัฒน์ ศรีเลื่อนสร้อย, พิภัทรา กิม และกีตาร์-ปฎิญญา เกี่ยวข้อง ร่วมสไตลิ่งเสื้อผ้าในธีมต่างๆสำหรับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดนี้ด้วย
โดยสี่บรรณาธิการด้านแฟชั่นต่างลงความเห็นตรงกันว่า เสื้อผ้า G2000 WOMAN เป็นแบรนด์นำเข้าจากฮ่องกง จึงทำให้ลักษณะเสื้อผ้าเข้าได้กับสรีระของคนไทย ทั้งรูปร่างและสภาพอากาศที่คล้ายกัน เลยสวมใส่ได้ไม่ยาก โดยทั้งสี่ บก.ด้านแฟชั่นยังได้ร่วมกันสไตลิ่งเสื้อผ้า G2000 WOMAN คอลเลกชั่นใหม่ถึง 4 ธีม มีตั้งแต่ Tough Elegance ทำให้ผู้สวมใส่ดูสวยงาม ด้วยองค์ประกอบของเนื้อผ้าที่ดี รวมถึงคัตติ้ง และการตัดเย็บที่เรียบร้อย มีความคลาสสิกตามแบบฉบับของ High Fashion ด้วยโทนสีเทา สีดำ และหยอดสีสันสดใสเพื่อสร้างความสนุกสนานในการแต่งตัวเพิ่มเข้าไปด้วย ส่วน Grunge Revival เป็นการมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้า หลากหลายสไตล์ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ขณะที่ College เป็นลุคสมาร์ทแคชชวลเน้นโครงเสื้อแบบยูนิฟอร์ม และแจ็กเกต ทำให้ดูสบายและทันสมัยมากขึ้น และ Country Classic มาจากเสื้อผ้าแนววินเทจ มีกลิ่นอายของความเป็นอังกฤษในยุค 40 เน้นโทนสีอบอุ่น อาทิ สีเอิร์ธโทน สีน้ำตาล สีเทา สีเขียวขี้ม้า และสีเบจ มีการผสมผสานลวดลายแบบวินเทจกับลวดลายที่มีความทันสมัย ให้ความรู้สึกคลาสสิก เข้ากับไลฟ์สไตล์ของสาวๆในยุคปัจจุบัน.
ขอบคุณ ภาพและข่าวจากไทยรัฐ
5
ไร้สังกัด / เลือกแต่งตัวอย่างมั่นใจ
« on: November 12, 2010, 07:36:52 AM »
สิ่งที่น่าหนักใจของสาวๆเรื่องหนึ่ง ก็คงเป็นเรื่องการเลือกเสื้อผ้าสวมใส่ประจำวัน ว่าจะใส่ชุดไหนที่ให้ความมั่นใจว่าจะดูดีที่สุด วันนี้มีเทคนิคในการเลือกแต่งตัวเสื้อผ้าแฟชั่น เพื่อให้เหมาะสม และเสริมจุดเด่น ลดจุดด้อยให้แก่สาวๆได้ลองนำไปใช้กันค่ะ
สาวหน้าอกใหญ่
ควรหลีกเลี่ยงชุดที่มีสายคล้องคอและแขนเว้า เพราะจะยิ่งเน้นความใหญ่ไปยังหน้าอกคุณมากขึ้น ควรเลือกใส่ชุดคอกว้างเนื้อผ้าพลิ้ว ไม่แนบเนื้อจะดีกว่านะคะ
สาวรูปร่างคล้ายผู้ชาย
หลีกเลี่ยงชุดราตรีสั้นทรงตรง เพราะจะยิ่งทำให้คุณมองไม่เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง ชุดที่เหมาะกับคุณควรเป็นชุดคอวี เผยให้เห็นเนินอกแลดูเซ็กซี่นิดๆ ชายกระโปรงมีพู่ฝอยยาวคลุมเข่า เพื่ออำพรางช่วงขาที่ล่ำสันให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น
สาวอกเล็ก
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสาวอกเล็ก ควรเก็บเสื้อคอเหลี่ยมกระโปรงทรงกระบอกลงกล่องเข้ากรุได้เลยค่ะ เพราะชุดลักษณะนี้ยิ่งทำให้หน้าอกคุณแบนกว่าความเป็นจริง และยังทำให้คุณไม่มีทรวดทรงด้วย หยิบชุดคอวี เนื้อผ้ารัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง แล้วเลือกชุดชั้นในแบบดันทรง เพื่อเน้นเนินอกให้ดูอวบอิ่ม
สาวร่างอวบ
สำหรับเสื้อผ้าคนอ้วนของสาวเจ้าเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงชุดสั้นเลยเข่า และรัดรูปเกินเหตุ เพราะจะเผยให้เห็นโคนขาและเน้นสะโพกให้แลดูใหญ่มากขึ้น เลือกอำพรางรูปร่างด้วยชุดคอสูงและกว้าง เพื่อซ่อนสัดส่วนที่อวบอัด กระโปรงก็น่าจะเลือกแบบยาวคลุมเข่า จะช่วยปิดโคนขาให้เรียวเล็ก
สาวหน้าอกใหญ่
ควรหลีกเลี่ยงชุดที่มีสายคล้องคอและแขนเว้า เพราะจะยิ่งเน้นความใหญ่ไปยังหน้าอกคุณมากขึ้น ควรเลือกใส่ชุดคอกว้างเนื้อผ้าพลิ้ว ไม่แนบเนื้อจะดีกว่านะคะ
สาวรูปร่างคล้ายผู้ชาย
หลีกเลี่ยงชุดราตรีสั้นทรงตรง เพราะจะยิ่งทำให้คุณมองไม่เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง ชุดที่เหมาะกับคุณควรเป็นชุดคอวี เผยให้เห็นเนินอกแลดูเซ็กซี่นิดๆ ชายกระโปรงมีพู่ฝอยยาวคลุมเข่า เพื่ออำพรางช่วงขาที่ล่ำสันให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น
สาวอกเล็ก
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสาวอกเล็ก ควรเก็บเสื้อคอเหลี่ยมกระโปรงทรงกระบอกลงกล่องเข้ากรุได้เลยค่ะ เพราะชุดลักษณะนี้ยิ่งทำให้หน้าอกคุณแบนกว่าความเป็นจริง และยังทำให้คุณไม่มีทรวดทรงด้วย หยิบชุดคอวี เนื้อผ้ารัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง แล้วเลือกชุดชั้นในแบบดันทรง เพื่อเน้นเนินอกให้ดูอวบอิ่ม
สาวร่างอวบ
สำหรับเสื้อผ้าคนอ้วนของสาวเจ้าเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงชุดสั้นเลยเข่า และรัดรูปเกินเหตุ เพราะจะเผยให้เห็นโคนขาและเน้นสะโพกให้แลดูใหญ่มากขึ้น เลือกอำพรางรูปร่างด้วยชุดคอสูงและกว้าง เพื่อซ่อนสัดส่วนที่อวบอัด กระโปรงก็น่าจะเลือกแบบยาวคลุมเข่า จะช่วยปิดโคนขาให้เรียวเล็ก
6
ไร้สังกัด / เทคนิคแต่งหน้า.ผี.ผี
« on: November 06, 2010, 05:17:24 PM »ฮัลโลวีน เทศกาลผี ที่คนธรรมดาดันอยากเป็นผีขึ้นมา เป็นปาร์ตี้ที่ไม่ต้องแต่งตัวเสื้อผ้าแฟชั่นหรือแต่งเสื้อผ้าคนอ้วนใดๆเลย นอกจากความสยดสยอง
สำหรับฮัลโลวีนที่เพิ่งผ่านไปนี้ คนที่ไปปาร์ตี้มาแล้วเห็นเขาแต่งหน้าผี, แผลน่ากลัวต่างๆ คงแอบนึกว่า เขาทำยังไงน๊ะ วันนี้เลยนำวิธีทำของตกแต่งๆ สำหรับเพิ่มความน่าเกลียดให้คุณเป็นผีที่น่าขยะแขยงมากอย่างง่ายๆ แต่สบายกระเป๋า มาเปิดเผย เผื่อไว้ออกงานในปีหน้า เพื่อนๆจะได้ทึ่ง และอึ้งไปตามกัน
เลือดปลอม
การทำเลือดปลอมนั้นใช้แป้งข้าวโพด ต้มในน้ำเดือด ให้เหนียวพอประมาณ จากนั้นผสมกับสีผสมอาหารคือสีแดงสัก 3 ช้อนโต๊ะ สีเหลืองครึ่งช้อนโต๊ะ และสีน้ำเงิน 2-3 หยด ขนจนเข้ากันอย่างช้าๆ ไม่ให้ข้นจนเกินไป ก็จะได้เลือดปลอมที่สมจริงสุดๆ
แผลเป็น
ใส่เจลาตินผสมลงในน้ำเย็น ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที จากนั้นนำไปตั้งบนกระทะไฟอ่อนๆ จนละลาย พอเย็นตัวลง ก็นำมาละเลง หรือตกแต่งบริเวณที่อยากให้เป็นแผนเป็นบางๆ เพิ่มน้ำหนองด้วย corn syrup และตกแต่งรูปร่างตามความต้องการ เติมสีสันด้วยสีผสมอาหารสีแดงให้ดูเป็นแผลสดๆ ก็ได้ และนำไปทาบริเวณรอบๆ แผลปลอม ให้ดูสยดสยองมากขึ้น
รอยตุ่ม ปูด บนใบหน้า
ใช้เม็ดพริกไทยดำ หรือขาว ผสมกับ Corn Syrup หรือกาวติดขนตาก็ได้ จากนั้นก็นำมาแปะบริเวณผิวหนังที่ต้องการให้ดูเป็นตุ่มปูด หรือเพิ่มความสยองมากขึ้นด้วยการ เติ่มสีสันให้ดูขยะแขยงมากขึ้นก็ได้.
7
ไร้สังกัด / Greyhound และเดอะมอลล์ กรุ๊ป ปั้นแบรนด์ใหม่
« on: November 05, 2010, 12:21:14 PM »
ข่าวดีสำหรับหนุ่มๆที่ชื่นชอบแบรนด์ Greyhound กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายใหม่ล่าสุด Project 1.1 by Greyhound จากความร่วมมือครั้งสำคัญของ 2 ผู้นำทางธุรกิจ คือ Men Intrend เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจรีเทล และ Greyhound ผู้นำด้านแฟชั่น ที่ต้องการให้หนุ่มมีความกล้า และสนุกกับแฟชั่นมากขึ้น โดยการสร้างแบรนด์ Project 1.1 by Greyhound ขึ้นใหม่ และวางจำหน่ายเฉพาะห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป เท่านั้น พร้อมเปิดตัวคอลเลกชั่นแรก Modern Library อย่างยิ่งใหญ่ บนรันเวย์งานสยามพารากอน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2010 เมื่อเร็วๆนี้
ชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า (พัฒนาธุรกิจ) บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงเสื้อผ้าแบรนด์น้องใหม่ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะปัจจุบันผู้ชายให้ความสำคัญกับเรื่องของการแต่งตัว และติดตามเทรนด์แฟชั่นมากขึ้น Men Intrend ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงต้องการนำเสนอแฟชั่นในคอนเซปต์ใหม่ที่เหมาะสมให้กับผู้ชายรุ่นใหม่ที่มีสไตล์การแต่งตัวเรียบง่าย แต่ยังคงความเท่และมีสไตล์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงร่วมกับ Greyhound สร้างสรรค์แบรนด์เสื้อผ้าที่สามารถตอบโจทย์เรื่องของเสื้อผ้าแฟชั่นให้กับหนุ่มได้อย่างเต็มที่ จนเกิดแบรนด์ Project 1.1 by Greyhound ซึ่งถือเป็นเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ดิ เอ็มโพเรียม พารากอน และเดอะมอลล์ เท่านั้น
ขณะที่ผู้บริหารใหญ่จากเกรย์ฮาวน์ ภาณุ อิงคะวัต บอกถึงการเปิดตัวแบรนด์ Project 1.1 by Greyhound ว่า เพื่อต้องการสร้างความแตกต่างและเป็นทางเลือกใหม่ๆให้ผู้ชายได้กล้า และสนุกกับแฟชั่นมากขึ้น สินค้าจะมีครบทุกไลน์ของแฟชั่นสำหรับผู้ชาย ทั้งเสื้อผ้าคนอ้วนและแอคเซสซอรี่ โดยมี จิตต์-สิงห์ สมบุญ เป็นดีไซเนอร์หลักของแบรนด์ ที่จะคอยสรรค์สร้างแต่ละคอลเลกชั่นออกมาให้โดนใจหนุ่มๆที่ชื่นชอบการแต่งตัว.
ชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า (พัฒนาธุรกิจ) บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงเสื้อผ้าแบรนด์น้องใหม่ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะปัจจุบันผู้ชายให้ความสำคัญกับเรื่องของการแต่งตัว และติดตามเทรนด์แฟชั่นมากขึ้น Men Intrend ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงต้องการนำเสนอแฟชั่นในคอนเซปต์ใหม่ที่เหมาะสมให้กับผู้ชายรุ่นใหม่ที่มีสไตล์การแต่งตัวเรียบง่าย แต่ยังคงความเท่และมีสไตล์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงร่วมกับ Greyhound สร้างสรรค์แบรนด์เสื้อผ้าที่สามารถตอบโจทย์เรื่องของเสื้อผ้าแฟชั่นให้กับหนุ่มได้อย่างเต็มที่ จนเกิดแบรนด์ Project 1.1 by Greyhound ซึ่งถือเป็นเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ดิ เอ็มโพเรียม พารากอน และเดอะมอลล์ เท่านั้น
ขณะที่ผู้บริหารใหญ่จากเกรย์ฮาวน์ ภาณุ อิงคะวัต บอกถึงการเปิดตัวแบรนด์ Project 1.1 by Greyhound ว่า เพื่อต้องการสร้างความแตกต่างและเป็นทางเลือกใหม่ๆให้ผู้ชายได้กล้า และสนุกกับแฟชั่นมากขึ้น สินค้าจะมีครบทุกไลน์ของแฟชั่นสำหรับผู้ชาย ทั้งเสื้อผ้าคนอ้วนและแอคเซสซอรี่ โดยมี จิตต์-สิงห์ สมบุญ เป็นดีไซเนอร์หลักของแบรนด์ ที่จะคอยสรรค์สร้างแต่ละคอลเลกชั่นออกมาให้โดนใจหนุ่มๆที่ชื่นชอบการแต่งตัว.
Pages: [1]