Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - activity

Pages: [1] 2 3 ... 105
1


สถิติของ Porsche Asia Pacific ในไตรมาสแรกที่เข้าใกล้เป้าหมายด้านยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้า

   Porsche Asia Pacific ปิดไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 ด้วยผลงานดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 28% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
   47% ของรถยนต์ใหม่ที่ส่งมอบถึงมือลูกค้า เป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นสนับสนุนทิศทางในการดำเนินงานของบริษัทในระดับโลก ภายในปี 2025 ครึ่งหนึ่งของรถยนต์ปอร์เช่ที่ถูกจำหน่ายออกไป จะต้องเป็นรถพลังงานไฟฟ้า หรือ hybrid
   เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงเป็นภูมิภาคสำคัญในฐานะกำลังหลักที่ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตให้แก่ปอร์เช่ ด้วยการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ให้อนาคตของยนตรกรรมสปอร์ต โดยเริ่มต้นจากการประกาศเปิดตัวโครงการระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก ผ่านสถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูง  high performance EV charging network เครือข่ายความร่วมมือกับ Shell พันธมิตรทางธุรกิจรายล่าสุด




สิงคโปร์. Porsche Asia Pacific สร้างสถิติผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในไตรมาสแรก ด้วยตัวเลขยอดส่งมอบรถสปอร์ตรวมถึง 827 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 28% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า

ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าคือศูนย์กลางในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้า กว่า 47% ของจำนวนรถที่จำหน่าย ล้วนแล้วแต่เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ (BEVs) หรือรถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid (PHEVs) สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทสามารถมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็วสนองตอบนโยบายการดำเนินงานในระดับสากล ภายในปี 2025 ครึ่งหนึ่งของรถใหม่จากปอร์เช่ที่จำหน่ายในตลาดจะต้องเป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า 100% หรือติดตั้งขุมพลัง hybrid ก็ตาม

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าในไตรมาสนี้เป็นจำนวนกว่า 150 คัน หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 5 ของยอดจำหน่ายทั่วโลก

นิวซีแลนด์ และประเทศ 3 สหายในภูมิภาค ที่ประกอบด้วย ประเทศไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย สามารถสร้างผลงานได้ในระดับยอดเยี่ยม ถือเป็นดาวเด่นที่มีความสำคัญต่อแบรนด์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่อาจมองข้ามได้ ส่งผลให้บรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) ทั้งหลายดำรงสถานะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับปอร์เช่ในการวาดฝันถึงอนาคตของรถสปอร์ตได้ในระยะยาว

“แนวคิดของความเป็นหนึ่งเดียวและจิตวิญญาณแห่งนักบุกเบิก คือแรงผลักดันให้ทีมงานปอร์เช่รวมถึงพันธมิตรของเราสรรสร้างเครื่องมือในการพัฒนาต่างๆ ผ่านไอเดียด้านนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นจนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม การได้เห็นลูกค้าตกหลุมรักยนตรกรรมสปอร์ตของเราเปรียบเสมือนกำลังใจอันยิ่งใหญ่ ตามหลักปรัชญาที่ว่าปอร์เช่คือสายเลือดของรถสปอร์ตพันธุ์แท้ โดยไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ Hybrid หรือรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทั้งหมดกำเนิดขึ้นจากความศรัทธา และความหลงใหล เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด” Arthur Willmann  Chief Executive Officer ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Porsche Asia Pacific กล่าว

มากกว่า 60% ของผู้ครอบครองปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ซึ่งได้รับมอบรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบของพวกเขาในช่วงไตรมาสแรกนั้น ล้วนเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหม่ของแบรนด์ปอร์เช่ทั้งสิ้น ร่องรอยอารยธรรมที่ปอร์เช่สืบสานมายาวนานกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้ง ด้วยความยอดเยี่ยมของยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว

สิ่งที่มาพร้อมกับการเปิดตัว ไทคานน์ (Taycan) ในฐานะรถไฟฟ้า 100% คือการแถลงนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตด้วยโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon - offsetting) ซึ่งปอร์เช่นำมาใช้ในปี 2020 การพัฒนาอย่างยั่งยืนยังคงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการดำเนินงานของ Porsche Asia Pacific เช่นเดิมในปีนี้

การร่วมมือกับ Shell คือความสำเร็จครั้งแรกของเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูง high performance charging network ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมต่อการเดินทางสัญจรระหว่างประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ผลของการประสานงานดังกล่าวครอบคลุมการติดตั้งจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง direct-current (DC) chargers ขนาด 180 kW ในสถานีบริการ Shell 6 แห่ง รองรับการชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงสุดในเส้นทางหลักของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการเน้นย้ำพันธสัญญาของทั้ง 2 องค์กร ในการก้าวไปข้างหน้าเพื่อผลักดันให้เกิดอัจฉริยภาพแห่งการเดินทางบนเส้นทางต่างๆ ในภูมิภาคนี้

ปอร์เช่ยังคงพยายามในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเร้าใจ การนำพาลูกค้า รวมทั้งผู้หลงใหลในรถยนต์ปอร์เช่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์คือภารกิจลำดับต้น สนับสนุนด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และการดึงพันธมิตรที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพเข้ามาร่วมปฏิบัติงาน

เครือข่ายการจัดจำหน่ายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กำลังเติบโตเริ่มด้วยการเปิดตัวศูนย์บริการ Porsche Centre Ara Damansara และ Porsche Centre Johor Bahru ที่กำลังจะเปิดในประเทศมาเลเซีย

Porsche Asia Pacific มีพันธกิจในการชักนำผู้คนเข้ามาสู่โลกของยนตรกรรมสปอร์ตระดับตำนาน ผ่านนิทรรศการ pop-up ที่มีชื่อว่า “Driving Tomorrow” จัดขึ้นที่ศูนย์จัดแสดง Jewel Changi Airport ประเทศสิงคโปร์ ต้อนรับผู้เข้าชมงานมากกว่า 20,000 คน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ปอร์เช่ยังเปิด Porsche Studio Hanoi ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงที่คึกคักของประเทศเวียดนาม  รับหน้าที่เป็นประตูบานแรกในการเข้าสู่โลกแห่งยานยนต์สปอร์ต ด้วยโชว์รูมในรูปแบบ contemporary ให้ความรู้สึกเหมือนการไปพักผ่อน ณ บูติก โฮเต็ล ที่หรูหราและสง่างาม เช่นเดียวกับยนตรกรรมสปอร์ตอันทรงคุณค่าจากปอร์เช่

นับจากนี้ลูกค้าและผู้หลงใหลในรถยนต์ปอร์เช่จะยังคงได้รับความตื่นตาตื่นใจแบบไม่รู้จบ จากบรรดายนตรกรรมสปอร์ตหลากหลายรูปแบบ เริ่มต้นด้วยตระกูลรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ทั้ง 4 รุ่น  ตามมาด้วย ปอร์เช่ 911 จีที3 ใหม่ (The new Porsche 911 GT3) ที่กำลังจะเปิดตัวอีกในไม่นาน มั่นใจได้ว่าวิสัยทัศน์ของปอร์เช่ในปีนี้  คือการรังสรรค์ยนตรกรรมสปอร์ตในฝันของลูกค้าทุกคนให้กลายเป็นความจริง

เกี่ยวกับ Porsche Asia Pacific Pte Ltd
Porsche Asia Pacific Pte Ltd เป็นบริษัทในเครือของ Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG ในฐานะผู้ผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับชั้นนำของโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี มีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นประสิทธิผลสูงสุดสำหรับการส่งมอบยนตรกรรมสปอร์ตชั้นเลิศให้แก่ผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม 911 นอกจากนั้นปอร์เช่ยังสร้างสรรค์ยนตรกรรมสปอร์ตหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) มาคันน์ (Macan) พานาเมร่า (Panamera) 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) ในปี 2019 ได้เปิดตัวปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรก

ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2001 ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการทำหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานในตลาดภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก อย่างใกล้ชิดตามนโยบายจากปอร์เช่สำนักงานใหญ่ มุ่งเน้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้งในด้านของงานบริการ การพัฒนาธุรกิจ การตลาด สื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ รวมทั้งด้านการขาย ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก รับบทบาทในการประสานงานครอบคลุมทั้ง 13 ประเทศในภูมิภาค ประกอบด้วย: บรูไน, กัมพูชา, เฟรนช์ พอลินีเซีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, มองโกเลีย, นิวแคลิโดเนีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ไทย และเวียดนาม

Porsche Asia Pacific
Head of PR & Communications
Yannick Ott
Phone   : +65 9656 9112
Email   : Yannick.ott@porsche-ap.com

ติดตามบทความ online ได้จากนิตยสาร Christophorus Magazine http://www.christophorus.porsche.com/.

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญ ทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
AAS Auto Service Co., Ltd. โทร. 02-522-6655 ext. 101-103 หรือ https://dealer.porsche.com/thailand
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร. 02-288-0911

2
สรุปเป้าหมายที่กำหนดไว้สำหรับปี 2573

เป้าหมาย   ดัชนีชี้วัด   ปี 2573


กำหนดค่ามาตรฐานทั่วโลกสำหรับอัตรา
ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร   อัตราความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร (Engagement Rate)   >85%
กำหนดค่ามาตรฐานทั่วโลกสำหรับความปลอดภัยในที่ทำงาน    อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน (Total Case Incident Rate: TCIR)(1)   <0.5

กำหนดมาตรฐานด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของพนักงาน   ดัชนีด้านความหลากหลายและการมี
ส่วนร่วม (IMDI)(2)   80/100 คะแนน
นำภาคอุตสาหกรรมสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า   ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของพันธมิตรธุรกิจ (Partner Net Promoter Score: Partner NPS)(3)
ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของผู้ใช้สินค้า
(End Customer Net Promoter Score: Partner NPS)(3)   เพิ่มขึ้น 10 จุด
จากปี 2563

เพิ่มขึ้น 5 จุด
จากปี 2563
ขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจัดจำหน่ายยาง    อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของยอดขาย
ระหว่างปี 2566-2573
สัดส่วนยอดขายของทุกกลุ่มธุรกิจรวมกัน ยกเว้นธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายยาง   5%

ระหว่าง 20%
ถึง 30%
สร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่อง   อัตราผลตอบแทนจากเงินทุน (Return On Capital Employed: ROCE)(4)   >10.5%
รักษาความแข็งแกร่งของแบรนด์มิชลิน   ค่าความสามารถในการอยู่รอดของแบรนด์ (Brand Vitality Quotient)(5)   เพิ่มขึ้น 5 จุด
จากปี 2564
รักษาความเร็วในการนำเสนอนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการ   ดัชนีความสามารถในการอยู่รอดของผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอ(Product/Offers Vitality Index)(6)   >30%
บรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในการผลิตและการใช้พลังงานภายในปี 2593   ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมประเภทที่ 1 และ 2    ลดลง 50%
จากปี 2553
ช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในด้านการ
ใช้งาน   ประสิทธิภาพพลังงานของผลิตภัณฑ์ (Products Energy Efficiency) (จากกิจกรรมประเภทที่ 3)   เพิ่มขึ้น 10%
จากปี 2563
กำหนดค่ามาตรฐานทั่วโลกสำหรับผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโรงงานผลิต    ดัชนีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงอุตสาหกรรม (i-MEP)(7)   ลดลง 1 ใน 3
จากปี 2563
ดูแลให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยางผลิตขึ้นจากวัสดุที่ยั่งยืนทั้งหมด   สัดส่วนวัสดุที่ยั่งยืน (Sustainable Materials Rate)   40%


(1) อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน (Total Case Incident Rate: TCIR) คือจำนวนอุบัติเหตุและกรณีการเจ็บป่วยจากการทำงาน
    ต่อการทำงาน 200,000 ชั่วโมง
(2) IMDI ย่อมาจาก Diversities and Inclusion Management Indicator

(3) ในปี 2564 จะมีการจัดทำตัวบ่งชี้ประกอบ (Composite Indicator) 2 ประเภท ได้แก่
     - ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของผู้ใช้สินค้า (End Customer Net Promoter Score: Partner NPS) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ
      ลูกค้ากลุ่มธุรกิจและลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค
     - ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของพันธมิตรธุรกิจ (Partner Net Promoter Score: Partner NPS) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ
      พันธมิตรธุรกิจกลุ่มตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรธุรกิจกลุ่มโรงงานประกอบรถยนต์ (OEMs)
(4) การคำนวณอัตราผลตอบแทนจากเงินทุนโดยรวม (Consolidated ROCE) จะนำค่าความนิยม (Goodwill), สินทรัพย์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน
     (Acquired Intangible Assets) และหุ้นในบริษัทที่ถูกลงทุนด้วยวิธีส่วนได้เสีย (Shares in Equity-Accounted Companies)
     มาคำนวณรวมเป็นสินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ (Economic Assets)  ทั้งนี้ กําไรสุทธิจากการดําเนินงานหลังหักภาษี (Net Operating
     Profit After Tax: NOPAT) ครอบคลุมค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ตัวเงิน และผลกำไรจากบริษัทที่ถูกลงทุนด้วยวิธีส่วนได้เสีย
     [ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหมวดที่ 3.6 ของคู่มือผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ได้ที่: www.michelin.com ]
(5) เป็นตัวบ่งชี้ประกอบที่ใช้เพื่อวัดความสามารถในการอยู่รอดของแบรนด์
(6) สัดส่วนยอดขายที่ได้จากสินค้าและบริการซึ่งทำตลาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
(7) ดัชนีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงอุตสาหกรรม (Industrial Michelin Environmental Performance: i-MEP)
    จะถูกนำมาใช้ติดตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินงานด้านการผลิตของกลุ่มมิชลินตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
    โดยจะช่วยเข้าใจผลกระทบเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นด้วยการเน้นประเด็นสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ การใช้พลังงาน, การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์,
    การใช้สารทำละลายอินทรีย์, การดึงน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ขึ้นมาใช้ในการผลิต และการผลิตขยะ  อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ i-MEP
    ได้จากบันทึกระเบียบวิธีวิจัย (Methodological Note) ในหมวดที่ 4 ของ URD ประจำปี 2563


สรุปเป้าหมายในปี 2566
ยอดขายปี 2566
   ราว 24.5 พันล้านยูโร (อัตราแลกเปลี่ยน ณ เดือนมกราคม 2564)
รายได้จากการดำเนินงานตามส่วนงาน (Segment Operating Income) ปี 2566
กำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงาน (Segment Operating Margin)   มากกว่า 3.3 พันล้านยูโร (อัตราแลกเปลี่ยน ณ เดือนมกราคม 2564)
13.5%
กำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงาน ปี 2566 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทยางรถยนต์และการจัดจำหน่าย    >12%
กำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงาน ปี 2566 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับการขนส่งทางบกและการจัดจำหน่าย   >10%
กำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงาน ปี 2566 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะทางและการจัดจำหน่าย    >17%
กระแสเงินสดอิสระเชิงโครงสร้างรวมทั้งหมด8 ระหว่างปี 2565-2566   3.3 พันล้านยูโร
อัตราผลตอบแทนจากเงินทุน ปี 2566    >10.5%
อัตราการเติบโตเฉลี่ยของยอดขาย (ไม่รวมกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและการจัดจำหน่าย) ระหว่างปี 2562-2566    5%
ประสิทธิภาพอุตสาหกรรม ปี 2563-2566   ประหยัดค่าใช้จ่าย 80 ล้านยูโรต่อปี เมื่อคำนึงถึงภาวะเงินเฟ้อแล้ว
การลดค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายทางธุรการ (SG&A) ของกลุ่มธุรกิจยาง จนถึงปี 2566   ประหยัดค่าใช้จ่าย 65 ล้านยูโร เมื่อคำนึงถึงภาวะเงินเฟ้อแล้ว
ต้นทุนของผลกระทบภายนอกเชิงลบ ปี 2562
ต้นทุนของผลกระทบภายนอกเชิงลบ ปี 2566   330 ล้านยูโร
300 ล้านยูโร
อัตราเงินปันผลต่อกำไร ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป   50% ก่อนหักค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ


(8 ) กระแสเงินสดอิสระเชิงโครงสร้าง คือกระแสเงินสดอิสระก่อนเข้าซื้อกิจการที่ถูกปรับให้รองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบ
    ในบัญชีเจ้าหนี้การค้า (Trade Payables), บัญชีลูกหนี้การค้า (Trade Receivables) และบัญชีสินค้าคงคลัง (Inventories)


ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ใช่ข้อเสนอซื้อหรือการชักชวนให้ซื้อหุ้นมิชลิน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิชลิน กรุณาอ้างอิงเอกสารที่ออกในประเทศฝรั่งเศสร่วมกับบริษัทจัดหาเงินทุน Autorité des marchés ซึ่งสามารถคลิกอ่านได้จากเว็บไซต์ www.michelin.com/en/

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคต แม้บริษัทฯ จะเชื่อว่าข้อความดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของสมมุติฐานที่สมเหตุสมผล ณ เวลาที่ตีพิมพ์เผยแพร่เอกสารฉบับนี้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างจากที่ข้อมูลกล่าวถึงหรือกล่าวเป็นนัยในการคาดการณ์อนาคต

เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิทัล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร  กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 123,600 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 71 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 170 ล้านเส้นในปี 2563  คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

3


‘มิชลิน’ ชูกลยุทธ์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” รุกก้าวสู่ปี 2573 ภายใต้แนวคิด MICHELIN IN MOTION

 กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน
 มุ่งขยายธุรกิจเข้าสู่ช่องทางการเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยางล้อ
 ตั้งเป้าบรรลุหมุดหมายแรกแห่งความสำเร็จในปี 2566






ในงานประกาศแผนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่มนักลงทุน หรือ Capital Markets Day ของกลุ่มมิชลิน มร.ฟลอรองต์ เมอเนโกซ์ (Florent Menegaux) ประธานกรรมการจัดการ, มร.อีฟ ชาโป (Yves Chapot) ผู้จัดการทั่วไปและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ตลอดจนกรรมการบริหารกลุ่มมิชลินทั้งคณะ ได้ร่วมกันนำเสนอแผนกลยุทธ์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ของกลุ่มมิชลินเพื่อก้าวสู่ปี 2573 ภายใต้แนวคิด MICHELIN IN MOTION

โดย มร.เมอเนโกซ์ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” บนพื้นฐานของความพยายามสร้างสมดุลระหว่างผู้คน (People), ผืนโลก (Planet) และผลกำไร (Profit) พร้อมทั้งเผยถึงเป้าหมายของกลุ่มมิชลินในปี 2573 ซึ่งเชื่อมโยงกับดัชนีชี้วัด 12 ประการ ที่ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ไปจนถึงผลประกอบการทางสังคมและทางการเงิน (ดูรายละเอียดที่หน้า 4-5)

นอกจากนั้น มร.เมอเนโกซ์ ยังเน้นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มมิชลินที่จะบรรลุเป้าหมายดังต่อไปนี้

ผู้คน
•   มีอัตราความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรมากกว่าร้อยละ 85
•   เพิ่มสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งบริหารให้ถึงร้อยละ 35
•   กำหนดค่ามาตรฐานทั่วโลกสำหรับความปลอดภัยในที่ทำงาน โดยมุ่งให้มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน (Total Case Incident Rate: TCIR)  ต่ำกว่า 0.5

ผืนโลก
•   ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมประเภท (Scope) ที่ 1 และ 2 ลงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปี 2553 รวมทั้งลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมประเภทที่ 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคการคมนาคมขนส่งลงให้ได้อย่างชัดเจน โดยทุกประเภทมีเป้าหมายร่วมกันคือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2593
•   เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ให้อยู่ที่ร้อยละ 40 ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายที่จะใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนทั้งหมด หรือ ร้อยละ 100 ภายในปี 2593

ผลกำไร
•   ขับเคลื่อนการเติบโตแบบยั่งยืนต่อเนื่อง โดยมียอดขายระหว่างปี 2566-2573 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี หลังจากวิกฤติที่สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง
•   มีสัดส่วนยอดขายจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับยางล้ออยู่ที่ร้อยละ 20-30 เพื่อเสริมสร้างคุณค่าที่สำคัญโดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน (Return On Capital Employed: ROCE) ระหว่างปี 2566-2573 อยู่ที่มากกว่าร้อยละ 10.5

ช่องทางการเติบโตทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยางล้อ
มิชลินจะขยายตัว ลงทุน และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ในธุรกิจยางอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการเดินทางสัญจรหลังวิกฤติโควิด-19 และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นโอกาสในการเติบโตของกลุ่มมิชลิน ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่าในด้านการออกแบบและผลิตยางล้อสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะมาโดยตลอด ในภาคการขนส่งทางบก กลุ่มมิชลินจะให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่า ขณะที่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถเหมือง ยางรถตักดิน ยางรถเพื่อการเกษตร ยางล้อเครื่องบิน และยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ มิชลินจะยังคงเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นแตกต่าง

ด้วยศักยภาพด้านนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญด้านวัสดุ มิชลินมุ่งขับเคลื่อนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งไปยัง ‘ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาง’ และ ‘ธุรกิจอื่นนอกเหนือจากยาง’ รวม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ บริการและโซลูชั่น (Services & Solutions), วัสดุคอมโพสิตชนิดยืดหยุ่น (Flexible Composites), เครื่องมือแพทย์ (Medical Devices), การพิมพ์โลหะ 3 มิติ (Metal 3D Printing) และการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Mobility)

•   สำหรับธุรกิจบริการและโซลูชั่น กลุ่มมิชลินกำลังขยายโซลูชั่นด้านธุรกิจเดินรถขนส่งให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำวัตถุอัจฉริยะ (Smart Objects) และข้อมูลที่จัดเก็บได้มาเพิ่มคุณค่าให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น
•   มิชลินตั้งเป้ารุกขยายธุรกิจอย่างจริงจังในตลาดวัสดุคอมโพสิตชนิดยืดหยุ่น [อุปกรณ์ลำเลียง (Conveyor), สายพาน (Belt), ผ้าเคลือบ (Coated Fabrics), ซีลปิดผนึก (Seals) ฯลฯ ] ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว  ด้วยกลยุทธ์การเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพื่อเสริมสร้างคุณค่า รวมทั้งการบ่มเพาะธุรกิจใหม่ๆ
•   เครื่องมือแพทย์เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า
•   ในด้านการพิมพ์โลหะ 3 มิติ กลุ่มมิชลินได้พัฒนาความเชี่ยวชาญที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของ ‘แอ๊ดอัพ’ (Add Up) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ‘มิชลิน’ กับ ‘ไฟฟ์ส’ (Fives) ในการทำตลาดโซลูชั่นหลากหลายรูปแบบตามความต้องการของผู้ผลิตเฉพาะราย
•   สำหรับการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน กลุ่มมิชลินมุ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนผ่าน ‘ซิมบิโอ’ (Symbio) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ‘มิชลิน’ กับ ‘โฟเรอเซีย’ (Faurecia)

ตั้งเป้าบรรลุหมุดหมายแรกแห่งความสำเร็จในปี 2566
ภายในงาน Capital Markets Day มิชลินยังได้นำเสนอปัจจัยขับเคลื่อนขีดความสามารถทางการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรมหลายประการ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อคำนึงถึงภาวะเงินเฟ้อแล้ว (Net of Inflation) ได้สูงถึง 80 ล้านยูโรต่อปี ระหว่างปี 2563-2566 ยิ่งกว่านั้น ยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายทางธุรการ (SG&A) ในธุรกิจยาง เมื่อคำนึงถึงภาวะเงินเฟ้อแล้ว ลงได้ 65 ล้านยูโร ภายในปี 2566 และ 125 ล้านยูโร ภายในปี 2568

จากนั้น มร.อีฟ ชาโป ได้ประกาศเป้าหมายทางการเงินของกลุ่มมิชลินในปี 2566 โดยคาดการณ์ว่าในปีดังกล่าวจะมียอดขายอยู่ที่ราว 24.5 พันล้านยูโร, รายได้จากการดำเนินงานตามส่วนงาน  (Segment Operating Income) อยู่ที่มากกว่า 3.3 พันล้านยูโร, กระแสเงินสดอิสระเชิงโครงสร้าง (Structural Free Cash Flow) [ยอดรวมปี 2565 และ 2566] อยู่ที่ 3.3 พันล้านยูโร และอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน (Return On Capital Employed: ROCE) อยู่ที่ร้อยละ 10.5

นอกจากนี้ กลุ่มมิชลินยังได้เริ่มคำนวณต้นทุนของผลกระทบภายนอกเชิงลบ (Negative Externalities) บางประการ อาทิ ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งปริมาณการใช้น้ำและสารทำละลาย ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบเหล่านั้นลงราวร้อยละ 10 ภายในปี 2566

อีกทั้งกลุ่มมิชลินยังได้ตัดสินใจปรับนโยบายเงินปันผล โดยกำหนดเป้าหมายใหม่ในปี 2564 ที่จะจ่ายเงินปันผลในสัดส่วนร้อยละ 50 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ (Non-Recurring Items)

ภายในงาน มร.เมอเนโกซ์ ได้เปิดเผยว่า “ภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ MICHELIN IN MOTION กลุ่มมิชลินได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตใน 10 ปีข้างหน้าเอาไว้สูงมาก ผมเชื่อว่าความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรและศักยภาพด้านนวัตกรรมของทีมงานจะช่วยให้เรารักษาสมดุลระหว่างผลประกอบการทางธุรกิจที่ยั่งยืน, การพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพันธกิจต่อผืนโลกและชุมชนที่เราเข้าไปดำเนินงาน เอาไว้ได้อย่างดี  แม้จะยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณดั้งเดิมของเรา แต่ภายในปี 2573 ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มมิชลินจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราจะเร่งขยายกิจการไปยังธุรกิจใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ทั้งในตลาดที่เกี่ยวข้องกับยางและตลาดอื่นนอกเหนือจากยาง ศักยภาพในการปรับตัวเพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ได้ตลอดเวลาเช่นนี้ไม่เพียงเป็นคุณสมบัติที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับมิชลินมานานกว่า 130 ปี แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเราในการก้าวสู่อนาคตด้วย”

มร.ชาโป ยังได้กล่าวเสริมว่า “ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติในปัจจุบันและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน มิชลินได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพพื้นฐานในการปรับตัวได้ดีต่อปัจจัยแวดล้อมต่างๆ  ตลอดจนการมีโมเดลธุรกิจที่เหมาะสม  สำหรับ MICHELIN IN MOTION ซึ่งเป็นแผนกลยุทธ์ใหม่ของมิชลิน จะช่วยให้กลุ่มมิชลินมีแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตรูปแบบใหม่ๆ และลดผลกระทบภายนอกเชิงลบหลักๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  มิชลินจะพัฒนาการดำเนินธุรกิจด้านยางอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ ร่วมด้วย โดยมุ่งเน้นการรักษาสถานะงบดุลและกำไรขั้นต้นให้แข็งแกร่ง”

4

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมกับ โออาร์ ประกาศ 3 รายชื่อผู้โชคดีรับรางวัลเครื่องชาร์จ ULTRA EV Gen 1





กรุงเทพฯ 2 เมษายน 2564: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายสาโรจน์  มะอาจเลิศ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส สายงานขายภายในประเทศ บริการหลังการขาย และ การพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และ มร. เคน อิโตะ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย พร้อมด้วย นายชัยพฤฒิ วัชรีคุปต์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายตลาดรัฐและพาณิชย์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์  ร่วมให้เกียรติมอบรางวัลให้แก่ผู้โชคดี รับเครื่องชาร์จ Ultra EV Gen 1 (รุ่น 3.7 kW) มูลค่า 64,900 บาท จำนวนทั้งสิ้น 3 รางวัล รวมมูลค่า 194,700 บาท(1) ณ บูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี  โดยมีรายชื่อผู้โชคดีดังต่อไปนี้
1.   นายธนกร  ตนานุวัฒน์     
2.   นายเฮา  หวู          
3.   นายบัณฑิต  ชัยศิลบุญ 


กิจกรรมจับรางวัลนี้เป็นแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่จัดขึ้นระหว่างงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 หรือ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ในปี พ.ศ. 2563 สำหรับผู้ที่จอง มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ ภายในวันที่ 1-13 ธันวาคม 2563 และรับรถภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 มีสิทธิ์ลุ้นรับเครื่องชาร์จ Ultra EV Gen 1 (รุ่น 3.7 kW) จาก โออาร์ โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งทั้งหมด

(1)   เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กําหนด

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาศูนย์การผลิตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ทั่วโลก และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศ ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานี โดยผลิตภัณฑ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส และ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

   สำหรับลูกค้าที่สนใจชม หรือทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ  ทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์
   ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

Website   :   www.mitsubishi-motors.co.th
Facebook       :   www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
Instagram   :   @MitsubishiMotorsTh
Youtube Channel   :   Mitsubishi Motors Thailand
Line Official Account/ ID   :   Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh

5

“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ในจังหวัดนครราชสีมา”


บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อมอบการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยร่วมมือกับ บริษัท รัตนหิรัญ  ออโต้เซลส์ จำกัด เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ในจังหวัดนครราชสีมาอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ มิตซู รัตนหิรัญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการให้บริการ พร้อมสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น


มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการ พร้อมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น โดยในเดือนมีนาคมปี 2564 เราสามารถเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการได้ครบ 240 แห่งครอบคลุมการให้บริการครบทุกจังหวัด พร้อมกันนี้เรายังมุ่งมั่นร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาในด้านคุณภาพและมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”



มิตซู รัตนหิรัญ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 5 ไร่ โดยเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย ดำเนินงานโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ พร้อมมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า โดยภายในโชว์รูมแห่งใหม่นี้สามารถจัดแสดงรถยนต์ มิตซูบิชิ รุ่นต่างๆ ได้มากถึง 5 คัน มีพื้นที่สำหรับให้บริการซ่อมบำรุงพร้อมอุปกรณ์ที่ครบครันมากถึง 13 ช่องซ่อม



และเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทาง มิตซู รัตนหิรัญ ยังได้ร่วมฉลองโอกาสสำคัญนี้ พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อและใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ ด้วยแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” มอบรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งหนัก 60 บาท มูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ อาทิ ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวี SAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล และ โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564


มิตซู รัตนหิรัญ ยังเป็นหนึ่งในโชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่พร้อมจำหน่าย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องชาร์จกระแสไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ถือเป็นรถพีเอชอีวีที่ขายดีที่สุดในโลก ที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกเท่านั้น แต่ยังสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมความสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าอีกด้วย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ตอกย้ำการเป็นผู้นำรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดอีกครั้งด้วยยอดจำหน่ายสูงที่สุดในยุโรป พร้อมยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกมากถึง 270,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคมปี 2563 ที่ผ่านมา

มิตซู รัตนหิรัญ พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่านแล้วด้วยบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม โดยภายในโชว์รูมและศูนย์บริการยังตกแต่งด้วยดีไซน์มาตรฐานเดียวกันทั่วโลกของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ และกลยุทธ์แบรนด์ระดับโลก ‘Drive your Ambition’

มิตซู รัตนหิรัญ
ตั้งอยู่ที่เลขที่ 168 หมู่ 12 ตำบลพลับพลา อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 30190 โทร. 098-908-8828

6

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ส่งโปรแรงเฉพาะงาน Motor Show 2021














รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ส่งโปรโมชั่นแรง! พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ เฉพาะผู้ที่จองและออกรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ที่ร่วมรายการภายในงาน Motor Show 2021 นี้เท่านั้น!!

เริ่มด้วยด้วยกลุ่มรถ เอ.ที. นำโดยสุดยอดรถ SUV Bike อย่าง Honda ADV150 ราคาพิเศษภายในงาน 98,500 บาท (สำหรับเงินสด) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0.9% ต่อเดือน ผ่อนสบายๆ เริ่มเพียง 3,571 บาท พร้อมรับฟรี! Top Box GIVI / แร็กท้าย H2C มูลค่ารวม 3,120 บาท และทริปท่องเที่ยวมูลค่า 5,000 บาท

ตามด้วย New Honda LEAD125 รถ เอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาเงินสด 55,500 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.39% ต่อเดือน ผ่อนเริ่มต้น 2,313 บาท และรับฟรี! เสื้อ LEAD125 Limited Edition (มูลค่า 600 บาท) ทั้งแบบซื้อเงินสดและผ่อน

กลุ่มรถสปอร์ต แรงสุดด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่งในรุ่น Honda CBR250RR SP ราคาเงินสด 239,900 บาท หรือเลือกผ่อนเริ่มเพียง 3,352 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 3.95% ต่อปี รับฟรี! ทะเบียน + พ.ร.บ. และประกันภัยชั้น 1 (มูลค่า 10,000 บาท) รวมถึงหมวกกันน็อกเต็มใบจาก H2C มูลค่า 3,460 บาท และสิทธิ์ร่วมกิจกรรม Honda Track Xperience ที่สนามช้างฯ จำนวน 2 ครั้ง มูลค่า 5,000 บาท

ขณะที่กลุ่มรถใหญ่อย่างบิ๊กไบค์ ทั้งประเภทรถนำเข้าและผลิตในประเทศ เตรียมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 และทะเบียน + พ.ร.บ. พร้อมดอกเบี้ยอัตราพิเศษในรถแต่ละรุ่น เท่านั้นยังไม่พอ ยังได้รับฟรี! Gift Voucher มูลค่าสูงสุดถึง 60,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ)

พบกับโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย ที่บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า หมายเลข M4 ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นสุดพิเศษของรถรุ่นต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ : www.aphonda.co.th

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH

เฟซบุ๊กคับเฮ้าส์ fb.com/cubhousebyhonda

#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #Honda #HondaMotorcycle #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า

7




เปิดตัวตำนาน New Honda CB1300 SUPER FOUR/ SUPER BOLD’OR
 







New CB1300 SUPER FOUR หรือรถซูเปอร์โฟร์ในตำนาน กลับมาอีกครั้งพร้อมคู่แฝดอย่าง New CB1300 SUPER BOLD’OR รถที่ถูกสร้างด้วยแรงบันดาลใจจากการแข่งขัน The Bol d’Or 24-Hour Endurance Race โดยทั้งคู่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “The Ultimate Legacy ที่สุดของตำนาน บนทุกเส้นทาง”

สำหรับเรื่องราวความเป็นมาของโปรเจกต์ BIG-1 (บิ๊กวัน) หรือต้นกำเนิดตำนานซูเปอร์ เริ่มต้นขึ้นในปี 1992 ภายใต้รหัสโมเดลเลื่องชื่อ CB1000 SUPER FOUR โดยเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด 3 ประการ ประกอบด้วย

1.ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ DOHC 4สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ

2.Design Sexy & Wild (Design CB Series ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน)

3.สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ขับขี่

สมรรถนะการขับเคลื่อนทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 1,300 ซีซี 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch และ Riding Modes ให้เลือกถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ Standard, Sport และ Rain ขับขี่สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control มั่นใจในประสิทธิภาพของระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จาก SHOWA ที่ปรับตั้งค่าได้อย่างละเอียด ทั้งค่าความแข็งสปริง ความหนืด และแรงต้านการยุบตัว พร้อมขับขี่ในทุกเส้นทาง

ในด้านการออกแบบโดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ในโฉม SUPER FOUR และเท่โฉบเฉี่ยวแบบฮาร์ฟแฟริ่งในโฉม SUPER BOLD’OR รวมถึงติดตั้งระบบไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน หน้าปัดวัดความเร็วทรงกลมแบบอนาล็อกคู่ ผสานหน้าจอ TFT สวยทันสมัยแสดงข้อมูลครบถ้วน และรองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลด้วยช่องชาร์จอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์กับ USB Type-C Charger

New CB1300 SUPER FOUR เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายด้วยราคา 575,000 บาท และ New CB1300 SUPER BOLD’OR ราคา 600,000 บาท พบกันได้ที่บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม ถึงวันที่ 4 เมษายนนี้ ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี พร้อมติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่

เว็บไซต์ : www.hondabigbike.com

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH

อินสตราแกรม : hondabigbike

#CB1300 #CB1300SuperFour #CB1300SuperBoldor #Honda #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #Honda #HondaMotorcycle #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า

8








บีอาร์จี ผู้นำเข้ารถยนต์ระดับพรีเมี่ยม เตรียมยกกองทัพรถแต่งเข้าร่วมงาน Motor Show พร้อมถล่มโปรฯ ไม่อั้น แจก Gift Voucher โรงแรมสุดหรูอย่าง Mandarin Oriental Bangkok Hotel และแถมชุดแต่ง M’z “ฟรี” มูลค่ากว่า 150,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด นานถึง 5 ปี และอวดโฉม Tesla รถยนต์ไฟฟ้า 100% ใน Motor Show 2021 เริ่มวันที่ 24 มี.ค.-4 เม.ย. ณ อิมแพคเมืองทองธานี


บีอาร์จี กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เปิดเผยถึงการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงาน Bangkok International Motor Show 2021 ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม - 4 เมษายน 2564 ณ อิมแพคเมืองทองธานี ว่า สำหรับในปีนี้ ทาง BRG Group ได้เข้าร่วมงาน Motor Show มาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 ได้จัดจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดหลากหลายรุ่น อาทิ Tesla, New M’z SPEED Alphard, Stepwagon Spada รวมไปถึงการนำชุดแต่ง M’z ตกแต่งข้ามสายพันธุ์ กับ M’z SPEED Porshe Macan และ M’z SPEED Benz Vito ภายในงานดังกล่าว โดยมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดแต่งและอุปกรณ์เสริมพิเศษจากสำนักแต่งรถยนต์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น “M’z SPEED” เน้นความหรูหรา ดุดันมากยิ่งขึ้น ด้วยชุดแต่งรอบคัน อาทิ สเกิร์ตด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ล้อแม็ก ขนาด 19-22 นิ้ว ทำให้รถยนต์รุ่นดังกล่าวโดดเด่นและเร้าใจเพิ่มมากขึ้น

สำหรับรถยนต์ New Alphard และ Vellfire 2021 เป็นรถยนต์ MPV ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งทาง BRG มีให้ลูกค้าเลือกตามความต้องการหลากหลายรุ่น มาพร้อมออฟชั่นพิเศษที่ช่วยเพิ่มเติมระบบความปลอดภัยได้อย่างดีเยี่ยม กับราคาสุดพิเศษเริ่มต้นเพียง 2.89 ล้าน เท่านั้น

นอกจากนี้ BRG Group ตอกย้ำความเป็นผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ ด้วยการนำรถยนต์ที่กำลังเป็นที่จับตามองอย่าง Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้า 100% มาจัดโชว์ในงานนี้อีกด้วย

สำหรับในงาน Motor Show ทาง BRG Group ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับการเป็นเจ้าของรถยนต์ในเครือ BRG Group ด้วยราคาพิเศษ พร้อมจัดโปรโมชั่นมากมายภายในงาน อาทิ รับ Gift Voucher เข้าพักโรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง Mandarin Oriental Bangkok Hotel พร้อมดินเนอร์อาหารฝรั่งเศสสุดพิเศษระดับ Michelin Star จาก Le Normandie และนั่งเรือส่วนตัวหรูชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา รวมไปถึงยังแถมชุดแต่ง M’z SPEED ฟรี มูลค่ากว่า 150,000 บาท  การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานถึง 5 ปี และการรับประกันตัวรถนานถึง 2 ปี / 50,000 กิโลเมตร ท่านใดสนใจสามารถเยี่ยมชมรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้ที่โชว์รูมรถยนต์ BRG Group หรือที่บูธรถยนต์ M’z SPEED ในงาน Bangkok International Motor Show 2021  อย่าพลาด ! 24 มีนาคม - 4 เมษายน 2564 Hotline: 088-3776992










9


“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มุ่งมั่นส่งมอบความสุขให้แก่ลูกค้าที่งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42”

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นเพื่อการเติบโตในประเทศไทยพร้อมส่งมอบความสุขให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนอรถยนต์คุณภาพเยี่ยมครบทุกรุ่น พร้อมด้วยรถยนต์รุ่นสเปเชียล เอดิชั่น และรุ่นแพชชั่น เรด เอดิชั่น ที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 สอดคล้องกับแนวคิด ‘วิถีชีวิตใหม่ใจเป็นสุข’




“ในปีนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ฉลองครบรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคัน โดยความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้เพราะการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ชุมชนท้องถิ่น ผู้จัดจำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ สื่อมวลชน และที่สำคัญที่สุดคือลูกค้าของเรา” มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

โดยภายในงานฯ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังเปิดตัวรถยนต์รุ่นสเปเชียล เอดิชั่น และรุ่นแพชชั่น เรด เอดิชั่น เพื่อร่วมฉลองการครบรอบ 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยบนเวทีได้จัดแสดง มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘สเปเชียล เอดิชั่น’ ที่ออกแบบโดยคุณรักกิจ ควรหาเวช ศิลปินแนวสตรีทอาร์ตชื่อดังของประเทศไทย ผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มุ่งมั่นในการก้าวไปข้างหน้าและไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นพัฒนายานยนต์และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ รถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม

สำหรับเหตุผลที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เลือกใช้สีแดงเพื่อร่วมฉลองการครบรอบ 60 ปีนี้ เพราะสีแดงเป็นสีแห่งความมุ่งมั่นและยังเป็นสีประจำของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ ทรีไดมอนส์ และบนรถแข่งแรลลี่ระดับตำนานที่บ่งบอกความเป็น มิตซูบิชิ พร้อมความมั่นใจในคุณภาพ ความน่าตื่นเต้น และความมุ่งมั่นที่ต้องการมอบความพึงพอใจสูงสุด และการค้นหาความสำเร็จใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการตอบแทนสังคม และการเติบโตในแบบที่ยั่งยืน พร้อมกันนี้ยังเผยโฉม มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ‘สเปเชียล เอดิชั่น’ มาพร้อมกับ สีแดง ที่โดดเด่น พร้อมการตกแต่งพิเศษ เพื่อยกระดับความมีสไตล์ และตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในเมืองที่มองหาแรงบันดาลใจเพื่อทุกความสำเร็จในชีวิต

ทั้งนี้ลูกค้าทุกท่านสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของเราในแบบที่ยั่งยืน ด้วยการซื้อรถยนต์ มิตซูบิชิ รุ่นสเปเชียล เอดิชั่น และรุ่นแพชชั่น เรด เอดิชั่น โดยบริษัทฯ จะบริจาคเงินมูลค่าสูงสุด 5,000 บาท* ต่อคัน เพื่อร่วมบริจาคเงินตามปณิธาน 3 หัวข้อหลักของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสุขอนามัยและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย

พร้อมกันนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนายานยนต์แบบยั่งยืนยังได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่และร่วมกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดตัว มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยซึ่งถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าวนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกอีกด้วย







มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี คือ รถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก และยังได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมทั้งจากลูกค้าและผู้สื่อข่าวสายยานยนต์หลังจากที่ได้ร่วมกิจกรรมทดสอบขับที่ผ่านมา โดย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถขับขี่ได้ทั้งในโหมดไฟฟ้า (EV) สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน และยังสามารถเป็นรถยนต์แบบไฮบริด (HEV) สำหรับการเดินทางระยะไกล พร้อมสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้ขับขี่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟฟ้า มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถยนต์ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพอากาศและทุกสภาพถนน พร้อมกันนี้ยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถที่มีอยู่ 2 จุด เพื่อให้สามารถสัมผัสกับไลฟ์สไตล์กลางแจ้งรูปแบบใหม่ และยังสามารถเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าฉุกเฉินเพราะ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เอง

เชิญชมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นที่บูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย A13 ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 เมืองทองธานี ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อขอทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ที่เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

10

“ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน” เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ครั้งแรกของเอเชียแปซิฟิกในงาน Bangkok International Motor Show 2021 ด้วยราคาเริ่มต้น 899,000 บาท


คุณจอห์นนี่ คัง - ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค (ซ้าย) คุณนิพนธ์ อิทธิผล - ฝ่ายขาย ประจำฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประเทศไทย (ขวา)

กรุงเทพฯ, 23 มีนาคม 2564 – บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ สร้างนิยามแห่งการผจญภัยใหม่ ส่ง Pan America™ 1250 รถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งรุ่นแรกของแบรนด์ เร่งเครื่องเต็บสูบเขย่าวงการด้วยนวัตกรรมสุดล้ำและระบบส่งกำลังรูปแบบใหม่ เผยโฉมให้เห็นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายในงาน Bangkok International Motor Show ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม ถึง 4 เมษายน 2564 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี


“เรารู้สึกตื่นเต้นแทนแฟนๆ ชาวไทย ที่จะได้ยลโฉม Pan America ตัวจริงก่อนใครในเอเชียแปซิฟิก ย้อนกลับไปเมื่อกว่าศตวรรษถนนต่างๆ ล้วนเต็มไปด้วยเส้นทางอันยากลำบาก ทั้งฝุ่นและดิน ฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้ผลิตรถมอเตอร์ไซด์เพื่อการผจญภัยมาโดยตลอด จนกระทั่งในวันนี้ ที่เราได้ทำการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซต์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งรุ่นแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เตรียมมอบประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบใหม่ ให้ผู้ที่รักการผจญภัยได้ออกสำรวจและสัมผัสถึงอิสรภาพของตัวเองบนภูมิประเทศใหม่ๆ นอกจากนี้รถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2021 ที่เรานำมาจัดแสดงนั้น จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจของเราที่ทำให้การขับขี่เป็นเรื่องที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น รถมอเตอร์ไซค์เหล่านี้พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้วในราคาที่ยากจะปฏิเสธ ไม่เพียงเฉพาะในงาน Bangkok International Motor Show เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้จำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสันอย่างเป็นทางการใกล้บ้านคุณ” ซาจีฟ รัชเกคาราน กรรมการผู้จัดการฮาร์ลีย์-เดวิดสัน สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย กล่าว
 





รถมอเตอร์ไซค์ที่จัดแสดงในบูธฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน นำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและหลักการทางวิศวกรรมมาใช้ในการสร้างสรรค์ Pan America 1250 และ Pan America 1250 Special เพื่อตอบโจทย์การขับขี่รถสไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งที่แท้จริง ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรมสุดล้ำและสมรรถนะเต็มเปี่ยม ในราคาเริ่มต้น 899,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยขุมพลัง V-Twin รุ่นใหม่อย่าง Revolution® Max 1250 ที่มีอัตราส่วนการอัด 1,252 ซีซี. ออกแบบพิเศษเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ในหลายย่านความเร็ว และเมื่อต้องการกำลังและความเร็วของรอบเครื่องสูง (high RPM) นอกจากนี้ Pan America ยังเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของวงการมอเตอร์ไซค์ที่มีระบบ Adaptive Ride Height หรือระบบกันสะเทือนแบบใหม่ ที่จะช่วยปรับระดับความสูงของตัวรถอัตโนมัติ ปรับตัวรถให้อยู่ในระดับต่ำเมื่อหยุดรถ และปรับระดับให้สูงพอดีในขณะขับขี่เมื่อรถเริ่มออกตัว รถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่งคันนี้ยังมีไฮไลท์อื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ล้อซี่ลวดแบบไร้ยางใน ตัวแทนแห่งความทนทานและสะท้อนถึงเทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อเสริมสมรรถนะให้แก่ตัวรถโดยการลดน้ำหนักของยางในออกไป รถมอเตอร์ไซค์ Pan America มีเฉดสีให้เลือกอย่างหลากหลายเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณ อาทิเช่น Vivid Black และ River Rock Gray ส่วนรุ่น Pan America 1250Special มีเฉดสีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ Vivid Black, Gauntlet Gray Metallic, Deadwood Green และสีทูโทน Baja Orange/Stone Washed White Pearl โดยทุกสีนั้นจะมาพร้อมกับลวดลายโลโก้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่ถูกออกแบบไว้บนตัวถังรถ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก Pan America Factsheet)

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 จะมาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ของปี 2021 อีก 18 รุ่น นับว่าเป็นการรวมตัวของรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมให้จับจอง – เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วยราคาที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Sportster™ กับราคาเริ่มต้นที่ 516,000 บาท รถมอเตอร์ไซค์ในตระกูล Softail™ และ Touring ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 769,000 บาท เป็นต้นไป

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2021 ได้แก่ Street Bob™ 114 สุดคลาสสิกแต่ดุดัน และ Low Rider S อีกหนึ่งรุ่นในตระกูล Softail™ ที่หลายคนจับตามอง โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Street Bob™ 114 จะมีความคล่องตัวและพละกำลังของเครื่องยนต์อันล้นเหลือ กับความจุกระบอกสูบ 114 มม. ของเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 114 ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นรถตระกูล Softail มีน้ำหนักเบาที่สุด ส่วนรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider S จะมาพร้อมกับความโดดเด่นด้านกำลังอัดและแรงม้าที่สูงจากขุมพลัง Milwaukee-Eight™ 114 เช่นเดียวกัน โดยใช้โครงสร้างสำหรับรถตระกูล Softail™ ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เสริมด้วยช่วงล่างระดับพรีเมียม พร้อมภาพลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชายฝั่งทะเลรวมไปถึงความเป็นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

สำหรับงาน Bangkok International Motor Show 2021 ยังมีการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลทัวร์ริ่งแบบมีช่องเก็บสัมภาระสามรุ่นด้วยกัน ได้แก่รุ่น Street Glide® Special, Road Glide® Special และ Road King® Special ซึ่งแต่ละรุ่นได้มีการปรับเปลี่ยนและการออกแบบใหม่ให้ถูกใจผู้ขับขี่ในหลากหลายสไตล์มากขึ้นด้วย

ข้อเสนอสุดพิเศษจากฮาร์ลีย์-เดวิดสันในงาน Bangkok International Motor Show 2021

ลูกค้าที่ทำรายการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในงาน Bangkok International Motor Show จะได้รับบัตรสมนาคุณมูลค่า 5,000 บาทเพื่อใช้สำหรับสินค้าเครื่องแต่งกายของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานยังสามารถร่วมกิจกรรมเพื่อลุ้นรับบัตรสมนาคุณมูลค่า 3,000 บาท จำนวน 3 รางวัล (1 คนต่อ 1 รางวัล) สำหรับใช้ซื้อสินค้าเครื่องแต่งกายของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน โดยสามารถร่วมสนุกได้ง่ายๆ เพียงถ่ายภาพ Pan America Photo Journey ในบูธของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน แล้วโพสต์ลงเฟสบุ๊คหรืออินสตาแกรม พร้อมบอกความรู้สึกและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Pan America และติดแฮชแท็ก #HDatBIMS และ #PanAmerica

*ข้อตกลงและเงื่อนไขเป็นไปตามบริษัท

ไม่เพียงรถมอเตอร์ไซค์ Pan America เท่านั้นที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาสำหรับผู้ที่รักการผจญภัย แต่ยังรวมไปถึงเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ขับขี่สไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริ่ง ซึ่งถูกออกแบบมาด้วยความใส่ใจจาก REV’IT ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแต่งกายจากยุโรป ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ผู้ขับขี่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง สามารถเลือกซื้อเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เพื่อการขับขี่รุ่นล่าสุดนี้ได้ในส่วนจัดแสดงสินค้าเครื่องแต่งกายที่บูธฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

งาน Bangkok International Motor Show 2021 มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม ถึง 4 เมษายน 2564 ที่ IMPACT Exhibition Centre สามารถเยี่ยมชมและค้นพบการผจญภัยรูปแบบใหม่กับเราได้ที่บูธฮาร์ลีย์-เดวิดสัน หมายเลข M3

สามารถดูภาพบูธฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้ที่ลิงค์นี้ และมีภาพรายละเอียดสูงของจักรยานยนต์ที่ลิงค์นี้  โปรดอ้างอิงฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เมื่อท่านนำภาพถ่ายเหล่านี้ไปใช้
 
เกี่ยวกับฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี
บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี และ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยืนหยัดเพื่อค้นหาการผจญภัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดและมอบอิสระให้จิตวิญญาณด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดดเด่นและสามารถปรับแต่งได้ นอกเหนือจากประสบการณ์การขับขี่ อุปกรณ์เสริมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์การขับขี่และเครื่องแต่งกายแล้ว ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ยังให้บริการทางด้านสินเชื่อและประกันภัยรวมไปถึงรายการอื่นๆ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน บนท้องถนนได้ขับขี่อย่างปลอดภัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.harley-davidson.com. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์และผลิตภัณฑ์ของฮาร์ลีย์ – เดวิดสันได้ที่ h-dmediakit.com

ราคารถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันปี 2021

Family Model Price (starting from)

Touring


Electra Glide™ Standard

1,189,000 บาท

Road King™

1,189,000 บาท

Road King™ Special         

1,329,000 บาท

Street Glide™ Special – Chrome

1,399,000 บาท

Street Glide™ Special – Black

1,429,000 บาท

Road Glide™ Special – Chrome

1,469,000 บาท

Road Glide™ Special – Black

1,499,000 บาท

Ultra Limited         

1,539,000 บาท

Softail™

Softail Standard™

769,000 บาท

Street Bob™ 114

849,000 บาท

Low Rider S

989,000 บาท

Sport Glide™       

919,000 บาท

Fat Bob™ 114     

979,000 บาท

Breakout™ 114

1,049,000 บาท

Heritage Classic 114         

1,059,000 บาท

Fat Boy™ 114

1,119,000 บาท

Sportster™

Iron 883™

516,000 บาท

Iron 1200™

579,000 บาท

Forty-Eight™

639,000 บาท

Custom Vehicle Operations™

CVO™ Limited

3,159,000 บาท

CVO Road Glide

2,949,000 บาท

CVO™ Street Glide ™

2,899,000 บาท

Pan America 1250

Pan America 1250 Vivid Black

ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท

Pan America 1250 Special Vivid Black

ราคาเริ่มต้น 952,000 บาท

ตัวแทนจำหน่าย ฮาร์ลีย์-เดวิดสันä อย่างเป็นทางการ

กรุงเทพมหานคร

Harley-Davidson® of Bangkok

388 ถนน พระราม9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

+66-02-318-8488

www.harley-davidsonbangkok.com
 
AAS Metro Harley-Davidson®

126 โครงการ เอ สแควร์ ซ. สุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

+66 2 258 0988 

AAS Harley-Davidson® of Bangkok

99 หมู่ 3 ถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210             

+66-02-521-4545       

AAS Harley-Davidson® of Siam Paragon

991 ชั้น2 สยามพารากอน ถ. พระราม 1 แขวง ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

+66 2 129 4829

https://www.aasharley-davidson.com

เชียงใหม่

Richco Harley-Davidson®           

357/2 หมู่ที่1 ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.หนองผึ้ง อ.สารภี เชียงใหม่ เชียงใหม่ 50140           

+66-053-103-858       

www.richcoharley.com

พิษณุโลก

TNR Harley-Davidson® of Phitsanulok           

888/8 ถนนพิชัยสงคราม ในเมือง อ.เมือง พิษณุโลก 65000

+66-082-397-4444

www.harley-davidsonphitsanulok.com

ขอนแก่น

Poise Harley-Davidson® of Khon Kaen         

789 หมู่ 9 ถนนศรีจันทร์ ต.พระลับ อ.เมืองของแก่น ขอนแก่น 40000

+66-043-466-544       

www.poiseharleydavidson.com

อุบลราชธานี

Harley-Davidson® of Ubon Ratchathani         

311 หมู่ 7 ต.แจระแม อ.เมือง อุบลราชธานี 3400

+66-045-959-922       

www.harleydavidsonubon.com

พัทยา

AAS Harley-Davidson® of Pattaya

100/88 หมู่ 12 ถนนสุขุมวิท - พัทยา ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง, พัทยา, ชลบุรี 20150

+66-038-255-255       

https://www.aasharley-davidson.com/en

ภูเก็ต

Harley-Davidson® of Phuket         

88/9 หมู่ 5 ถนนเทพกระษัตรี ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ภูเก็ต 83110

+66-076-681-017       

www.harley-davidsonphuket.com

หาดใหญ่

Harley-Davidson® of Hat Yai       

882 ถนนศุภสารรังสรรค์ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ สงขลา 90110             

+66-074-491-990       

www.harleydavidsonhatyai.com

11


มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองครบ 60 ปี ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและสังคมไทยอย่างไม่หยุดยั้ง






เมื่อวันที่  18 มีนาคม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนในโอกาสการดำเนินธุรกิจครบ 60 ปีในประเทศไทย แถลงขอบคุณลูกค้าในประเทศไทยสำหรับการสนับสนุนมาตลอด 6 ทศวรรษ พร้อมเปิดตัวรถยนต์โมเดลรุ่นพิเศษ ‘Special Edition’ และสีพิเศษ ภายใต้ ‘Passion Red Edition’ โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งตอบแทนแก่ชุมชน ยืนยันความมุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ ผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำเสนอแผนการลงทุน และสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งในอนาคต

นายโมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวในงาน “60 ปี มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย และความมุ่งมั่นเพื่อสังคมไทย” ว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เริ่มต้นการผลิตรถยนต์ ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2460 จวบจนปัจจุบันเป็นเวลา 104 ปี หลังจากนั้น ได้เข้ามาเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2504 โดยวางรากฐานให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดัน ให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้กับประเทศ ผ่าน 7 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ การจ้างงาน การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งออก การช่วยเหลือสังคม และสิ่งแวดล้อม และ ในปี พ.ศ. 2507 เราเริ่มผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 เราเริ่มการผลิตรถยนต์ที่โรงงาน 1 แหลมฉบัง ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 424,000 คันต่อปี ถือเป็นศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาศูนย์การผลิตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ทั่วโลก”

ยิ่งไปกว่านั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยเป็นรายแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 จวบจนปัจจุบัน เรามียอดการส่งออกสะสมครบ 4.4 ล้านคัน และส่งไปจำหน่ายทั่วโลกกว่า 120 ประเทศ ล่าสุดเรามีความยินดีที่จะประกาศว่า เราได้บันทึกอีกก้าวสำคัญด้วยการผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ ครบ 6 ล้านคันในประเทศไทย ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นได้จากการสนับสนุนของลูกค้า ซัพพลายเออร์ เพื่อนสื่อมวลชน และรัฐบาลไทย ผมขอใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ทำให้เรา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี”

นายเออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ และบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “ตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย มีรถยนต์มิตซูบิชิ วิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยแล้วกว่า 1.7 ล้านคัน เรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีผู้ให้การสนับสนุนมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจของเรา รวมถึงรัฐบาลไทยและนโยบายต่างๆ ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจของเรา และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและส่งความสุขให้แก่คนไทยทุกคน เราได้จัดกิจกรรมพิเศษมากมายตลอดปี เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปี นอกเหนือจากแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” เราจะเปิดตัว ‘รถยนต์โมเดลพิเศษ’ และรถยนต์รุ่นพิเศษพร้อมคอนเซ็ปต์สีแดง ‘Passion Red Edition’ ” พร้อมบริจาคเงินจากยอดขายของรถยนต์รุ่นดังกล่าว

รถยนต์สีแดงพิเศษ 3 รุ่นแรก ที่เปิดตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Passion Red Edition’ ประกอบด้วยมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ มิราจ ซึ่งจะมีเฉดสีแดงแตกต่างกันไป มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รถอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม พร้อมสีใหม่ แดง Meduim Red แสดงถึงความมุ่งมั่นของลูกค้า ที่จะไปถึงยังจุดหมายที่ไม่มีใครไปถึงและได้สัมผัสประสบการณ์และความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อคนที่รัก มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ทั้งสองรุ่นพิเศษมาพร้อมสีแดง Red Metallic และหลังคาดำ พร้อมการตกแต่งพิเศษในรุ่น ‘Special Edition’ เพื่อยกระดับความมีสไตล์ และตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในเมืองที่มองหาแรงบันดาลใจเพื่อทุกความสำเร็จในชีวิต

ที่มาของการเลือกใช้สีแดง เนื่องมาจาก สีแดงคือสีที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เป็นสีของโลโก้ประจำแบรนด์ อีกทั้งยังเป็นสีแห่งตำนานเจ้าสนาม อย่างมิตซูบิชิ ปาเจโร ด้วยชัยชนะถึง 12 ครั้ง จากสนามแข่งแรลลี่สุดหฤโหดระดับโลก อย่าง ปารีส-ดาการ์ และเป็นสีของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน เจ้าแห่งสนาม เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ และจากตำนานบัลลังก์แชมเปียนเหล่านี้ ทำให้สีแดง เป็นสีที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะที่ทรงพลังเพื่อให้โลกได้จดจำ สีแดงจึงเป็นสี ที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่จะขับเคลื่อนความพึงพอใจและความมุ่งมั่น สู่ความสำเร็จให้แก่ลูกค้า พร้อมกับมุ่งตอบแทนสังคมและสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ไปพร้อมๆ กันด้วย

นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังจะเผยโฉม ‘มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘รักกิจ เอดิชั่น’ รถกระบะรุ่นพิเศษที่เปี่ยมด้วยสีสันสะดุดตา เพื่อฉลองครบ 60 ปี ซึ่งรถกระบะรุ่นพิเศษนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่าง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และคุณรักกิจ ควรหาเวช ศิลปินแนวสตรีทอาร์ตชื่อดัง ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ศิลปะแนวเรขาคณิตที่มีสไตล์เฉพาะตัว มีความแน่วแน่ ในการสร้างสรรค์สไตล์ที่เป็นของตนเอง ความไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้และลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทำให้วันนี้ เขาสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นศิลปินแนวสตรีทอาร์ตชื่อดังแถวหน้าในระดับโลก เรื่องราวของคุณรักกิจ สะท้อนภาพความมุ่งมั่นและยืนหยัดต่อการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ผลงานกราฟิกที่เต็มไปด้วยสีสันถ่ายทอดมาสู่รถยนต์ที่ทรงพลังอย่างมิตซูบิชิ ไทรทัน ได้แรงบันดาลใจมาจากเทพเจ้าไทรทัน เทพแห่งท้องทะเล เกิดเป็นผลงานชื่อ “THE GREAT TRITON” สัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นของการสร้างสไตล์ในแบบของตัวเอง รถกระบะรุ่นพิเศษนี้ จะเผยโฉมให้ชมอย่างเป็นทางการที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 นี้

“เรารู้สึกภูมิใจที่คุณรักกิจได้มาร่วมสร้างผลงานศิลปะสุดพิเศษให้กับมิตซูบิชิ ไทรทัน การให้การสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานของคุณรักกิจและศิลปินชาวไทยท่านอื่นๆ สะท้อนถึงแนวคิดเรื่อง “Drive Your Ambition” ของเรา ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมุ่งมั่นและฝ่าฟันไปสู่ความสำเร็จ มร. โคอิโตะ กล่าวสรุป

และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณลูกค้าชาวไทยและตอบแทนสังคมไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังประกาศเปิดตัวโครงการเพื่อสังคม ที่ให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมกับโครงการได้ โดยเมื่อซึ้อรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สีแดง Medium Red มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะร่วมบริจาคเงิน 5,000 บาท ต่อคัน และ 2,000 บาท ต่อคัน เมื่อซื้อรถยนต์รุ่นพิเศษ 3 รุ่น ได้แก่ มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ มิราจ รุ่น ‘Special Edition’ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘รักกิจ เอดิชั่น’ ตั้งแต่ 22 มีนาคม จนถึง 31 ธันวาคม 2564 โดยเงินที่รวบรวมได้ทั้งหมด จะถูกนำไปบริจาค เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนใน 3 ด้าน ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สุขภาพและชีวอนามัย และการศึกษาและจริยธรรม

สำหรับก้าวต่อไปจากนี้ แผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จะยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย อีกทั้งยังคงมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจของไทยและศักยภาพการเติบโตของเศษฐกิจในประเทศ มีรายงานความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือการเปิดโรงพ่นสีแห่งใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างในส่วนอาคารไปเกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว กำหนดแล้วเสร็จและเปิดทำการภายในปลายปี 2564

และเพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับนโยบายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมา ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่แหลมฉบัง

สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มาช่วยตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ผลิตและเปิดตัวรถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โมเดลล่าสุด โมเดลเดียวของเอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ในประเทศไทย ในปี 2563 และเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2563 จำหน่ายแล้วในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกมากถึง 270,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคมปี 2563 ที่ผ่านมา รวมถึงยังเป็นรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในตลาดยุโรปในปี 2563 อีกด้วย และเพื่อก้าวสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาการประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment – LCA) ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พบว่า ตราบจนปัจจุบัน รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณาปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เฉพาะจากปลายท่อไอเสียรถยนต์ แต่หมายรวมถึงทั้งกระบวนการการผลิตทั้งหมด ทั้งจากการผลิตกระแสไฟฟ้า และจากกระบวนการการผลิตรถยนต์อีกด้วย






มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมีแผนขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อให้เข้าถึงผู้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และในเดือนมีนาคมนี้ เราจะมีผู้จำหน่ายทั้งหมดครบ 240 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย และมีเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 250 แห่งภายในปี 2564 เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยในปี 2563 บริษัทฯ คว้า 3 รางวัลจากทั้งหมด 4 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม (TAQA) นอกจากการเพิ่มจำนวนผู้จำหน่าย บริษัทฯ ยังรักษามาตรฐานความเป็นเลิศและการมีบุคลากรที่มีความสามารถยอดเยี่ยมในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน

อีกหนึ่งด้านที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญคือการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ด้วยการดำเนินกิจกรรมการตลาด ต่าง ๆ ที่เข้าถึงลูกค้าในระดับชุมชนและท้องถิ่นผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่าย สำหรับบริการหลังการขาย รถยนต์ทุกรุ่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มาพร้อมกับความมั่นใจในคุณภาพและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมของบริการหลังการขาย ภายใต้สโลแกน ‘เราดูแล คุณแค่ขับ’ ดูแลลูกค้าด้วยสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพ อะไหล่แท้ การบริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนอบรมเพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ลูกค้ายังจะได้รับแพ็คเกจ บริการหลังการขาย ‘Mitsubishi Service Package’ ได้แก่ ฟรีค่าบริการเช็คระยะ 5 ปีและฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี บริษัทฯ ยังยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายด้วยการมอบการรับประกัน 5 ปีและฟรีค่าแรง 5 ปี ให้เป็นการรับประกันมาตรฐาน พร้อมกับโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Warranty Plus นานสูงสุดรวม 7 ปี ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานรถยนต์มิตซูบิชิที่มาพร้อมการบริการที่ไว้วางใจได้และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และมีราคาขายต่อ น่าพึงพอใจ

บริษัทฯ จะยังสานต่อแนวคิดระดับโลก ‘Drive Your Ambition’ ที่จะมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความโดดเด่น มั่นใจ ผสมผสานจิตวิญญาณของการผจญภัยและมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่จุดหมายแห่งความสำเร็จ

12
ปอร์เช่ จับมือกับ Olivier Rousteing Creative Director ของ Balmain






สตุ๊ทการ์ท. หนึ่งในกิจกรรมสื่อสารการตลาดสำหรับปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นปัจจุบัน (The new Panamera) คือการประสานงานกับบุคลากรด้านแฟชั่นผู้มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าหนึ่งในนั้นคือ Olivier Rousteing ในฐานะ Creative Director ของ Balmain แบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศส Balmain กิจกรรมดังกล่าว เป็นการเปิดตัวภาพยนตร์ video series บนโลกออนไลน์ ที่จัดทำร่วมกับบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมัน โดยมีเนื้อหาที่มุ่งเน้นไปยังเรื่องราวสุดพิเศษของ Rousteing

ภาพยนตร์สั้นดังกล่าวจะได้รับการเผยแพร่สู่สายตาสาธารณชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของปอร์เช่ (Porsche’s social media  channels) และอินสตาเเกรมของ Olivier Rousteing  ช่วงกลางเดือนมีนาคมจนถึงปลายเดือนเมษายน โดยนำเสนอผ่านอรรถบทที่มีชื่อว่า “Drive Defined” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับแรงบันดาลใจจากภายในที่ก่อให้เกิดพลังอัน แรงกล้าของ Rousteing เรื่องราวหลากหลายที่คล้ายคลึงกันระหว่างแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง และแบรนด์รถสปอร์ต ระดับตำนานกำลังจะได้รับการ ตีแผ่อย่างหมดเปลือกด้วยภาพยนตร์สั้นชุดนี้ Rousteing มีชื่อเสียงและได้รับการกล่าว ถึงในบทบาทของนักออกแบบที่ผลักดันตนเองจนก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ด้วยแนวทางที่ยึดมั่น เขาประสบความสำเร็จ อย่างสูงในการนำพา Balmain บริษัทเเฟชั่นอนุรักษ์นิยมให้ก้าวเข้าสู่โลกสมัยใหม่ของหนุ่มสาวได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี รวมทั้งสามารถยกระดับแบรนด์ให้กลายเป็นหนึ่งในแฟชั่นเฮ้าส์ของฝรั่งเศสที่ถูกให้ความสำคัญเเบรนด์หนึ่ง

“Olivier Rousteing ไม่ได้เป็นเพียงแฟนพันธุ์เเท้ของปอร์เช่ เขาคือบุคคลที่เชื่อมั่นในเส้นทางเดียวกันกับเรา อย่างสมบูรณ์แบบด้วยความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์ Balmain ให้เป็นแบรนด์ที่ทันสมัยถึงพร้อมด้วยมาตรฐานสูงสุดในเชิง คุณภาพและความหรูหราสง่างาม” Jelena Batic ผู้รับหน้าที่ประสานงานในส่วนของปอร์เช่ กล่าว “เราร่วมมือกันเสาะแสวงหาแรงกระตุ้นจากภายในตัวตนที่ขับเคลื่อนเขาให้ก้าวไปข้างหน้าโดยสื่อสารผ่านภาพยนตร์เป็น การเชื่อมโยงระหว่างโลกแห่งยนตรกรรมสปอร์ตและวงการแฟชั่นซึ่งทั้ง 2 สิ่งล้วนแล้วแต่ดำรงคงอยู่เพื่อส่งมอบคุณค่าสูงสุด ให้แก่ลูกค้ารวมทั้งกลุ่มเป้าหมายที่ประกอบด้วยสุภาพบุรุษและสุภาพสตรียุคใหม่"

“ผมมีบทบาทหน้าอันชัดเจน ในการผลักดันตนเองให้ข้ามพ้นขอบเขตจำกัดและสร้างสรรค์ผลงานที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงโลกใบใหม่ซึ่งเป็นโลกที่ผมปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่กับมัน” Olivier Rousteing Creative Director ของ Balmain กล่าว “ทั้งหมดนี้คือทิศทางที่ตรงกับปอร์เช่โดยสมบูรณ์ นี่คือแบรนด์รถยนต์ที่ผมหลงใหล มาตั้งแต่วัยเด็กและยังเป็นรถสปอร์ตที่ยึดมั่นในการผสมผสานงานออกเเบบอันมีเอกลักษณ์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับ นวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงได้อย่างลงตัว”

Olivier Rousteing เกิดเมื่อปี 1985 โดยพ่อแม่ที่ไม่เปิดเผยชื่อและต่อมาถูกเลี้ยงดูโดยสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาเติบโตที่เมือง Bordeaux จากนั้นได้เข้าเรียนในสถาบัน fashion school École supérieure des arts et techniques de la mode (ESMOD) ในกรุงปารีส เมื่อ 2011 เขาได้เริ่มงานในฐานะ Creative Director ของ Balmain ขณะที่มีอายุได้เพียง 25 ปี ถือว่าเป็นบุคคลที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าวในวงการแฟชั่นเฮ้าส์ของฝรั่งเศสเเทน Yves Saint Laurent ที่เคยดำรงตำเเหน่งนี้มา

ภาพยนตร์นี้กล่าวถึงปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ (The new Panamera) เเละนี่คือก้าวแรกของการจับมือกันระหว่าง Rousteing และปอร์เช่ แผนงานความร่วมมืออื่นๆ  ในอนาคตกำลังจะตามมาในไม่ช้า

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญ ทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
AAS Auto Service Co., Ltd. โทร. 02-522-6655 ext. 101-103 หรือ https://dealer.porsche.com/thailand
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร. 02-288-0911

13
“กรุงศรี ออโต้” เปิดเกมรุก ลุยอีเวนต์ยานยนต์ทั่วประเทศ ประเดิมมอเตอร์โชว์ และยูสด์คาร์โชว์ 2021 หนุนกระตุ้นภาพรวมตลาด

นางกฤติยา ศรีสนิท (ที่สามจากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารกรุงศรี ออโต้

กรุงเทพฯ, 17 มีนาคม 2564 – “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เตรียมรุกงานอีเวนต์ยานยนต์ทั่วประเทศ เร่งเครื่องส่งมอบบริการสะดวกรวดเร็วต่อเนื่อง ประเดิม 2 อีเวนต์ยิ่งใหญ่แรกของปี บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 และ มหกรรมรถยนต์มือสอง ครั้งที่ 12 ชูข้อเสนอดาวน์น้อย ผ่อนสบาย ทั้งรถยนต์ใหม่ รถบิ๊ก ไบค์ รถจักรยานยนต์ และรถมือสอง หวังขับเคลื่อนตลาดรับไตรมาสสอง


นางกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ออโต้ ได้เดินหน้าให้บริการสินเชื่อที่งานมหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เราได้ตั้งเป้าให้บริการสินเชื่อที่อีเวนต์ยานยนต์ 28 งานทั่วประเทศ สำหรับงานมอเตอร์โชว์ และยูสด์คาร์โชว์ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นและสร้างความคึกคักในตลาดยานยนต์ หลังจากที่เริ่มมีสัญญาณบวกจากการบริโภคภาคเอกชนและเศรษฐกิจโดยรวม นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่กรุงศรี ออโต้ จะได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อยานยนต์ที่ครบวงจรอย่างไร้รอยต่อ เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหารถคันใหม่ภายในงานได้อย่างตรงจุดอีกด้วย”

สำหรับลูกค้าที่ออกรถในงานมอเตอร์โชว์ และยูสด์คาร์โชว์ กรุงศรี ออโต้ ได้ยกทัพข้อเสนอสุดพิเศษ ดาวน์น้อย ผ่อนสบาย และของสมนาคุณอีกมากมายครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งสินเชื่อรถยนต์ใหม่ สินเชื่อรถบิ๊ก ไบค์ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อรถมือสอง โดยลูกค้ายังสามารถประเมินวงเงินก่อนเลือกซื้อรถได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ผ่านนวัตกรรม กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท พร้อมรับผลอนุมัติผ่าน SMS ภายใน 3 นาที ระหว่างเลือกชมรถในงาน

นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ ยังได้เตรียมข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจสินเชื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.99% ซึ่งพร้อมให้บริการภายในบูธกรุงศรี ออโต้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ความยั่งยืนเพื่อทุกวันของชีวิต (Sustainability for Everyday Life) โดยมีการออกแบบบูธที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล และการนำวัสดุเหลือใช้ไปรียูสต่อภายหลังจบงาน เพื่อสนับสนุนแนวคิดการเป็นผู้นำสินเชื่อยานยนต์ครบวงจรที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

“กรุงศรี ออโต้ เชื่อมั่นว่า งานมหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดยานยนต์ในภาพรวมให้เติบโตขึ้นได้ในปีนี้ โดยเป็นศูนย์กลางในการเปิดพื้นที่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบกัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไป” นางกฤติยา กล่าวปิดท้าย

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและขอสินเชื่อได้ที่บูธกรุงศรี ออโต้ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ณ หน้าชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ประตู 3 และงานมหกรรมรถยนต์มือสอง ครั้งที่ 12  ณ หลังชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 4 เมษายน 2564 ซึ่งเตรียมพร้อมให้บริการลูกค้าภายในงานด้วยมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรุงศรี ออโต้ กำหนด ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.krungsriauto.com

ประสบการณ์ใหม่กับ กรุงศรี ออโต้ 
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ได้แก่ สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ ฟอร์ แคช” สินเชื่อรถบ้าน ”กรุงศรี รถบ้าน” สินเชื่อรถใหม่ “กรุงศรี นิว คาร์” สินเชื่อรถเต็นท์ “กรุงศรี ยูสด์ คาร์” สินเชื่อรถบรรทุกใหม่ “กรุงศรี ทรัค” ซึ่งให้บริการโดยกลุ่มงานธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สินเชื่อรถจักรยานยนต์ “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์  “กรุงศรี บิ๊ก ไบค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ มือสอง “กรุงศรี ยูสด์ บิ๊ก ไบค์” สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ ฟอร์ แคช มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ “กรุงศรี อินเวนทอรี่ ไฟแนนซ์” รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัย “กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์” ซึ่งให้บริการโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)

ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการสินเชื่อของกรุงศรี ออโต้ พร้อมรับคำปรึกษาทั้งเรื่องรถและเรื่องเงิน ช่วยให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย ผ่านสาขากรุงศรี ออโต้ 51 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ หรือติดต่อ "กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์" โทร 02-740-7400 กด 1 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.krungsriauto.com หรือ  www.facebook.com/krungsriauto     

14
ปอร์เช่ จัดแคมเปญตรวจเช็ครถ Porsche Panamera Service Clinic 2021






กรุงเทพฯ. บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ตอกย้ำความไว้วางใจเรื่องการดูแลรถยนต์ปอร์เช่หลังการขายอย่างต่อเนื่อง จัดแคมเปญ Porsche Panamera Service Clinic 2021 เพื่อตรวจเช็คสภาพรถยนต์ Porsche Panamera G1 อย่างครบครันด้วยเครื่องมือเฉพาะทางที่ทันสมัยและช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมและรับรองมาตรฐานจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี การันตีมาตรฐานความปลอดภัยพร้อมความมั่นใจในการขับขี่โดยแคมเปญจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 12 มีนาคม 2564 ณ ณ ศูนย์บริการปอร์เช่ดอนเมือง (Porsche Centre Bangkok) และศูนย์บริการปอร์เช่พัฒนาการ (Porsche Centre Pattanakarn) โดย เอเอเอสฯ มอบสิทธิประโยชน์ให้สำหรับท่านเจ้าของรถยนต์ Porsche Panamera G1 ที่นำรถเข้ามาตรวจเช็คสภาพในช่วงแคมเปญไว้อย่างมากมาย อาทิ

ฟรีบริการตรวจเช็คสภาพ 24 จุด
ฟรีบริการน้ำมันเครื่อง Mobil 1 สำหรับลูกค้า 20 ท่านแรกที่เข้ารับบริการและมีค่าใช้จ่าย 50,000 บาทขึ้นไป
ส่วนลด 5% สำหรับค่าแรง อะไหล่ และ Tequipment และรับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 5% เมื่อมียอดใช้จ่าย 100,000 บาทขึ้นไป
ส่วนลดเพิ่มเติม 5% สำหรับอะไหล่ในงานซ่อมแซมสีและตัวถัง
ส่วนลดพิเศษสูงสุด 25% เมื่อซื้อสินค้า Porsche’s Driver Selection
ฟรีบริการทำความสะอาดและเคลือบเงารถ โดยผลิตภัณฑ์ Autoglym สำหรับรถที่เข้าร่วมแคมเปญ
ฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากขาย สำหรับ Porsche Pre-owned car ในรุ่น Porsche Panamera G1
บริการฆ่าเชื้อ COVID-19 ภายในรถยนต์
ข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับสินค้าและบริการจาก AAS Auto Detailing Centre
ทดลองขับรถยนต์ปอร์เช่

โดยสามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการได้ที่ ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่ดอนเมือง (Porsche Centre Bangkok) โทร. 02-522-6655 ต่อ 400-403

ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่พัฒนาการ (Porsche Centre Pattanakarn) โทร. 02-369-1111 ต่อ 400-402

15

งานเปิดตัว "รถมอเตอร์ไซค์ Pan America" แอดเวนเจอร์-ทัวร์ริ่งคันแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน พร้อมทัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2021 ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย 23 มีนาคม 2564 เวลา 11.00 – 11.10 น.

ครั้งแรก… ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ครั้งแรก…ในประเทศไทย

กับการเผยโฉม รถมอเตอร์ไซค์ Pan America แอดเวนเจอร์-ทัวร์ริ่งคันแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

พร้อมทัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2021 ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อาทิ โลว ไรเดอร์ เอส (Low Rider™ S) และ สตรีทบ๊อบ 114 (Street Bob™ 114) รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมรุ่นพิเศษและอุปกรณ์การแต่งกายรุ่นใหม่ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

ร่วมสัมผัสประสบการณ์การผจญภัยครั้งใหม่ไปกับ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในวันอังคารที่ 23 มีนาคม 2564  เวลา 11.00 – 11.10 น. ณ บูธฮาร์ลีย์-เดวิดสัน (M3) อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

ความน่าสนใจของ Pan America™ 1250 และ Pan America™ 1250 Special

เครื่องยนต์ Revolution Max 1250 V-Twin
ใหม่ ความจุกระบอกสูบ 1,250 ซีซี 145 แรงม้า

Adaptive Ride Height (ADR) หรือระบบปรับระดับความสูงในการขับขี่ (เฉพาะในรุ่น Pan America™ 1250 Special) ซึ่งจะช่วยปรับระดับเบาะนั่งให้เหมาะสมกับช่วงเวลาขณะกำลังขับ และขณะที่รถหยุด

ระบบเก็บสัมภาระสามประเภทสุดทน และเครื่องแต่งกายสำหรับนักขับขี่ทั้งชายหญิง ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างฮาร์ลีย์-เดวิดสันกับ REV’IT! ผู้นำด้านเครื่องแต่งกายยอดนิยมจากยุโรป

Pages: [1] 2 3 ... 105