This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / Amazfit ร้อนแรงในตลาดนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ จัดหนักราคาสุดปัง ชู ซีรีย์ Amazfit U Pro
« on: April 24, 2021, 11:46:31 AM »
Amazfit ร้อนแรงในตลาดนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ จัดหนักราคาสุดปัง ชู ซีรีย์ Amazfit U Pro มาพร้อมระบบ GPS แบบ Built-in ครบเครื่องเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกาย
Amazfit แบรนด์ระดับโลกในตลาดสมาร์ทวอทช์ จัดหนักราคาสุดร้อนแรงในรุ่น Amazfit U Pro รุ่นล่าสุดในตระกูล Wearable มาพร้อมความโดดเด่นดีไซน์ที่สวยสะดุดตา นอกจากน้ำหนักจะเบาแล้ว ยังมีฟีเจอร์ SomnusCare™, BioTracker™2 PPG และ OxygenBeats™ ช่วยดูแลสุขภาพทั้งการออกกำลังกายอย่างฟิตเนส ยังช่วยติดตามสุขภาพในช่วงของการนอนหลับลึก มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24/7 ด้วยเทคโนโลยี OxygenBeats™ ที่สามารถตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด เมื่อรู้สึกไม่สบายตัวหรือเครียด และยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกหายใจช่วยให้ปรับระดับความเครียดให้สมดุลมากขึ้น
รายงานข่าวจาก Amazfit เปิดเผยว่า Amazfit พร้อมนำเสนอ News Tracking System กับรุ่น Amazfit U Pro ในการให้ข้อมูลด้านสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างฟิตเนส ที่มีคุณสมบัติอันหลากหลาย
ในรูปแบบไลฟ์สไตล์แต่แอคทีฟ Amazfit Bip U Series มีเทคโนโลยีที่สอดรับกับระดับการออกกำลังกาย ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลช่วยให้ทำกิจกรรมอย่างมีสไตล์ได้ตลอดทั้งวัน และด้วยน้ำหนักเบา บวกกับมีหน้าจอสีขนาดใหญ่ แสดงผลได้ชัดเจนด้วยจอกระจก 2.5D Corning Gorilla 3 ขนาด 1.43 นิ้ว กระจกเสริม 3 ชั้น ช่วยให้ภาพได้คมชัด และยังเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ มีความละเอียด 320 x 302 pixel ทำให้อ่านข้อความและการเตือนกำหนดการต่าง ๆ ได้ชัดเจน ทั้งยังมีความทนทาน สามารถปรับแต่งหน้าจอได้มากถึง 50 แบบ หรือจะอัปโหลดภาพทำเป็นพื้นหลังก็ได้ และผู้ใช้ยังสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงข้อมูลที่จำเป็นให้แสดงบนหน้าจอหลักได้อีกด้วย
Amazfit U Pro จัดเต็มข้อมูลสุขภาพการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือกิจกรรมยอดฮิตรวมกว่า 60 แบบ ทั้งการวิ่ง , ปั่นจักรยาน , โยคะ , การเต้น , การเล่นสเก็ตบอร์ด , ชกมวย และอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับเมตริกข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ และยังกันน้ำระดับ 5 ATM – Amazfit Bip U สามารถกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร และยังสามารถเช็คระยะทาง รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ เช่น ความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการเผาผลาญ ขณะที่ Amazfit Bip U Pro มีระบบ Built-in GPS ที่มีความแม่นยำสูงที่สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่แสดงตำแหน่ง ไม่ว่าจะออกกำลังกายที่ไหน หรือกิจกรรมใดที่ชอบ
นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติ SomnusCare™, BioTracker™2 PPG และ OxygenBeats™ ที่ช่วยติดตามช่วงการนอนหลับลึก หลับสนิท (REM Sleep) หรือแม้แต่การพักงีบหลับตอนบ่าย มีการคำนวณข้อมูลส่วนบุคคลที่จะช่วยให้เข้าใจรูปแบบการนอนหลับรวมทั้งปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ดีขึ้น และด้วย BioTracker™2 PPG เป็นเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24/7 ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี OxygenBeats™ ที่สามารถตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด เมื่อรู้สึกไม่สบายตัวหรือเครียด นาฬิการุ่นนี้ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกหายใจช่วยให้ปรับระดับความเครียดให้สมดุลเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายในระหว่างการออกกำลังกายมากขึ้น เช่น การวิ่งมาราธอนหรือการออกกำลังกายที่หนักหน่วง และรับข้อมูลแนะนำได้ทันที
Amazfit U Pro สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอการแสดงผลได้ตามต้องการ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ถึงข้อมูลสุขภาพเพื่อติดตามระดับความฟิตของร่างกาย มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ ดำ ชมพู เขียว และมาในราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาดประเทศไทย จำหน่ายในราคา 1,690 บาท
พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Shopee และ Lazada
ร้าน Amazfit Official Store
- Shopee : https://bit.ly/2OYU1is
- Lazada : https://bit.ly/3twBJ7n
ร้าน Zepp Official Store
- Shopee : https://bit.ly/3du8bkZ
- Lazada : https://bit.ly/3efu7jh
Amazfit แบรนด์ระดับโลกในตลาดสมาร์ทวอทช์ จัดหนักราคาสุดร้อนแรงในรุ่น Amazfit U Pro รุ่นล่าสุดในตระกูล Wearable มาพร้อมความโดดเด่นดีไซน์ที่สวยสะดุดตา นอกจากน้ำหนักจะเบาแล้ว ยังมีฟีเจอร์ SomnusCare™, BioTracker™2 PPG และ OxygenBeats™ ช่วยดูแลสุขภาพทั้งการออกกำลังกายอย่างฟิตเนส ยังช่วยติดตามสุขภาพในช่วงของการนอนหลับลึก มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24/7 ด้วยเทคโนโลยี OxygenBeats™ ที่สามารถตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด เมื่อรู้สึกไม่สบายตัวหรือเครียด และยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกหายใจช่วยให้ปรับระดับความเครียดให้สมดุลมากขึ้น
รายงานข่าวจาก Amazfit เปิดเผยว่า Amazfit พร้อมนำเสนอ News Tracking System กับรุ่น Amazfit U Pro ในการให้ข้อมูลด้านสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างฟิตเนส ที่มีคุณสมบัติอันหลากหลาย
ในรูปแบบไลฟ์สไตล์แต่แอคทีฟ Amazfit Bip U Series มีเทคโนโลยีที่สอดรับกับระดับการออกกำลังกาย ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลช่วยให้ทำกิจกรรมอย่างมีสไตล์ได้ตลอดทั้งวัน และด้วยน้ำหนักเบา บวกกับมีหน้าจอสีขนาดใหญ่ แสดงผลได้ชัดเจนด้วยจอกระจก 2.5D Corning Gorilla 3 ขนาด 1.43 นิ้ว กระจกเสริม 3 ชั้น ช่วยให้ภาพได้คมชัด และยังเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ มีความละเอียด 320 x 302 pixel ทำให้อ่านข้อความและการเตือนกำหนดการต่าง ๆ ได้ชัดเจน ทั้งยังมีความทนทาน สามารถปรับแต่งหน้าจอได้มากถึง 50 แบบ หรือจะอัปโหลดภาพทำเป็นพื้นหลังก็ได้ และผู้ใช้ยังสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงข้อมูลที่จำเป็นให้แสดงบนหน้าจอหลักได้อีกด้วย
Amazfit U Pro จัดเต็มข้อมูลสุขภาพการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือกิจกรรมยอดฮิตรวมกว่า 60 แบบ ทั้งการวิ่ง , ปั่นจักรยาน , โยคะ , การเต้น , การเล่นสเก็ตบอร์ด , ชกมวย และอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับเมตริกข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ และยังกันน้ำระดับ 5 ATM – Amazfit Bip U สามารถกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร และยังสามารถเช็คระยะทาง รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ เช่น ความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการเผาผลาญ ขณะที่ Amazfit Bip U Pro มีระบบ Built-in GPS ที่มีความแม่นยำสูงที่สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่แสดงตำแหน่ง ไม่ว่าจะออกกำลังกายที่ไหน หรือกิจกรรมใดที่ชอบ
นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติ SomnusCare™, BioTracker™2 PPG และ OxygenBeats™ ที่ช่วยติดตามช่วงการนอนหลับลึก หลับสนิท (REM Sleep) หรือแม้แต่การพักงีบหลับตอนบ่าย มีการคำนวณข้อมูลส่วนบุคคลที่จะช่วยให้เข้าใจรูปแบบการนอนหลับรวมทั้งปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้ดีขึ้น และด้วย BioTracker™2 PPG เป็นเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24/7 ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี OxygenBeats™ ที่สามารถตรวจวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด เมื่อรู้สึกไม่สบายตัวหรือเครียด นาฬิการุ่นนี้ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกหายใจช่วยให้ปรับระดับความเครียดให้สมดุลเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายในระหว่างการออกกำลังกายมากขึ้น เช่น การวิ่งมาราธอนหรือการออกกำลังกายที่หนักหน่วง และรับข้อมูลแนะนำได้ทันที
Amazfit U Pro สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอการแสดงผลได้ตามต้องการ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ถึงข้อมูลสุขภาพเพื่อติดตามระดับความฟิตของร่างกาย มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ ดำ ชมพู เขียว และมาในราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาดประเทศไทย จำหน่ายในราคา 1,690 บาท
พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Shopee และ Lazada
ร้าน Amazfit Official Store
- Shopee : https://bit.ly/2OYU1is
- Lazada : https://bit.ly/3twBJ7n
ร้าน Zepp Official Store
- Shopee : https://bit.ly/3du8bkZ
- Lazada : https://bit.ly/3efu7jh
2
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / LINE STICKERS เครื่องมือการตลาดทรงประสิทธิภาพ ดันยอดขายเสื้อ ยูนิโคล่ UTme
« on: April 24, 2021, 10:21:07 AM »LINE STICKERS เครื่องมือการตลาดทรงประสิทธิภาพ ดันยอดขายเสื้อ ยูนิโคล่ UTme เพิ่มกว่า 300% ตอกย้ำความสำเร็จก้าวแรกธุรกิจ Licensing
LINE ประเทศไทย โดย LINE STICKERS เผยความสำเร็จการนำผลงานจาก LINE Creators สู่แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ยูนิโคล่ UTme ดันยอดขายเพิ่มกว่า 300% ตอกย้ำเป็นเครื่องมือการตลาดทั้งการสร้างแบรนด์และสร้างยอดขายให้กับสินค้า พร้อมเดินหน้าลุยสนับสนุนและยกระดับครีเอเตอร์ไทยสู่สากล
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง LINE STICKERS และแบรนด์ยูนิโคล่ ถือเป็นโครงการแรกของการต่อยอดคาแรคเตอร์ LINE STICKERS เพื่อครีเอเตอร์ มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้ผลงานเป็นที่รู้จักไปในวงกว้าง ครีเอเตอร์มีรายได้เพิ่มสามารถยึดเป็นอาชีพใหม่ที่มั่นคง ในขณะเดียวกัน โปรเจ็คต์นี้ก็ได้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับคอลเลคชั่นยูนิโคล่ UTme ให้ถูกพูดถึงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นแฟน LINE STICKERS ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดสั่งผลิตเสื้อยูนิโคล่ UTme เพิ่มขึ้นกว่า 300% เทียบกับในช่วงปกติที่ไม่ได้มีแคมเปญ ตัวเลขเหล่านี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของ LINE STICKERS ในฐานะเครื่องมือทรงประสิทธิภาพที่แบรนด์สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการขายได้ LINE จะเดินหน้าต่อในการเชื่อมโยงกับหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อ ส่งเสริมอาชีพครีเอเตอร์ให้ไปได้ไกลกว่าเดิม โดยเน้นการยกระดับให้เป็นศิลปินมืออาชีพอีกแขนงหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ น่าภูมิใจ มีรายได้ และสามารถต่อยอดลายเส้น คาแรคเตอร์ หรือตัวการ์ตูนไปสู่ธุรกิจสินค้าอื่นๆ ได้”
แคมเปญจากการคอลแลบกันระหว่าง LINE STICKERS และ UTme ให้ลูกค้าสามารถออกแบบ UTme Collection เพื่อสวมใส่สะท้อนความเป็นตัวเองหรือมอบเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ โดยมีคาแรคเตอร์สติกเกอร์เดิมและลายพิเศษที่เหล่าครีเอเตอร์วาดขึ้นใหม่สำหรับ UTme Collection โดยเฉพาะ ผู้สนใจสามารถสั่งทำเพื่อสวมใส่ได้แล้วที่ UTme Corner ร้านยูนิโคล่ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2564 เท่านั้น
3
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / “แพนโดซอฟท์ เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน”
« on: April 10, 2021, 10:48:20 AM »“แพนโดซอฟท์ เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน”
แพนโดซอฟท์ พร้อมลุยปฏิวัติอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง เผยรูปแบบใหม่ที่ใช้พลังชุมชนเข้ามาขับเคลื่อนเทคโนโลยีการสตรีมโดยไม่ง้อรูปแบบเดิมๆ คุณราเมศ วัฒนเสลารัต Thailand Country Director หัวเรือใหญ่กล่าวว่า “แพนโดซอฟท์คือบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มการสตรีมหลายรูปแบบให้แก่ผู้ใช้บริการออนไลน์ โดยรวบรวมคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนเข้ามาและใช้ความเร็วอินเตอร์เนตที่ไม่ได้ใช้ของแต่เครื่อง เป็นผู้ร่วมกระจายสัญญาณ เรียกว่า “ราเมตรอน” จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีคอมพิวเตอร์เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแพนโดโปรเจคนี้ด้วยกัน เราจะแบ่งปันผลกำไรกลับไปสู่ผู้คน” ทางด้านผู้บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์ คุณจิรัฏฐ์ ปัญญากุลพณิชย์ ตอกย้ำความมั่นใจว่า “เราได้สร้าง ecosystemสมบูรณ์แบบของการสตรีมมิ่งขึ้นมา ทั้งซอฟท์แวร์ราเมตรอน เครือข่ายชุมชมขนาดยักษ์ และแอพพลิเคชั่นระดับโลกทั้ง 4 ได้แก่ Pandojo, TutorX, ShowUs และ Pandogo ทำให้มั่นใจได้ว่าแพนโดโปรเจคนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการสตรีมมิ่ง และที่สำคัญเราใช้บล็อคเชนเพื่อความปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้” ตบท้ายขบวนด้วยผู้บริหารใจป้ำ คุณรัตนดา ถนอมศักดิ์ Chief Marketing Officer มอบส่วนลดมากกว่า 80% ค่าสมัครซื้อซอฟท์แวร์ราเมเตรอนภายในเดือนเมษายน ก่อนเปิดโครงการ จากราคาเต็ม 9,300 บาท จ่ายเพียง 1,550 บาทเท่านั้น เรียกว่าชาวสังคมออนไลน์ตาลุกเป็นไฟแน่นอน ท่านใดสนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pandoproject.org
4
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / DataOne Asia (Thailand) ชู ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Universal Payments
« on: April 10, 2021, 10:34:30 AM »
DataOne Asia (Thailand) ชู ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Universal Payments เร่งพัฒนาบุคลากร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ การให้บริการของ ITMX (Thailand)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท DataOne Asia (Thailand) จำกัด ได้จัดอบรม แบบ Class room training และ Workshop ภายใต้หัวข้อ “Be a professional of Universal Payment (UP)” โดยจัดอบรมให้ความรู้พื้นฐานที่ถูกต้อง ที่เสริมให้องค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ UP ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น รวมถึงการปรับปรุงระบบให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ สุตัณฑวิบูลย เป็นผู้บรรยายหลัก ด้วยประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกว่า 40 ปีนั้น เป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ตรง ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพและความเชี่ยวชาญให้บุคลากรของ DataOne ในด้านการให้บริการ Universal Payment ซึ่งถือเป็นการเสริมจุดแข็งให้แก่ DataOne เพื่อสนับสนุนการให้บริการของ ITMX Thailand ต่อไป
DataOne มุ่งพัฒนาการบุคคลกรอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2019 บริษัท DataOne ได้เตรียมที่จะส่งบุคลากรไปต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยี Universal Payment แต่ด้วยสถานการณ์ Covid-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้การเดินทางต้องสะดุดลง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้แต่อย่างใด DataOne จึงเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้เป็นแบบ e-learning ในหัวข้อที่เกี่ยวกับ UP อย่างครบถ้วน ซึ่งบุคลากรของDataOne ได้เรียนรู้ e-learning ด้วยตนเอง เป็นระยะเวลากว่า 1 ปี
หลังจากนั้น ในระหว่างการติดตั้งและพัฒนาระบบ UP ให้กับ ITMX โดยทีมงานของเจ้าของผลิตภัณฑ์ จนกระทั่งสำเร็จและใช้งานจริง ตั้งแต่เดือน มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งทีมงานของ DataOne สนันสนุนการทำงานและประสานงานระหว่างทีมงานของเจ้าของผลิตภัณฑ์และทีมงานของ ITMX ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น จึงถือเป็นการฝึกฝนแบบ On The Job Training ให้ทีมงานได้ศึกษา เพิ่มประสบการณ์ และเพิ่มทักษะ ด้วยการร่วมในการทำงานจริง
ความสำเร็จของ “ระบบ Universal Payment” ช่วยให้ธนาคารและลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้อย่างประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตของจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในอนาคตในระบบ Bulk Payment จาก ISO 20022 สู่ระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้เห็นภาพแบบองค์รวมเกี่ยวกับระบบชำระเงินของลูกค้าและช่วยให้ลูกค้าเริ่มทำธุรกรรมในช่องทางเดิมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะ ผ่านระบบชำระเงินที่ขยายการให้บริการที่สามารถเปิดผ่านระบบ Universal Payment และได้มีการจัดเตรียมการเชื่อมต่อสู่ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า โดยสามารถรองรับการชำระเงินจากหลายช่องทาง
เกี่ยวกับ DataOne Asia (Thailand)
บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการด้านไอซีทีแบบครบวงจรแก่กลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เช่น การธนาคาร การประกันภัย โรงพยาบาล การโทรคมนาคม หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน DataOne ยังได้รับมาตรฐานการให้บริการ IT Outsourcing ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงและตรงตามมาตรฐานบริหารสากล เช่น ISO 20000-1 IT Service Management และ ISO 27001 Information Security เพื่อแบ่งเบาภาระด้านไอทีขององค์กรและสามารถมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้
เกี่ยวกับ National ITMX
บริษัท เนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินระดับชาติของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2548 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบการชำระเงิน บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ถูกจัดตั้งขึ้น จากความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศไทยโดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปัจจุบันธนาคารสมาชิกของ ITMX มีถึง 33 ธนาคาร ซึ่งบริษัทดาต้าวัน ได้ติดตั้งระบบ Universal Payment ให้แก่ ITMX เพื่อรองรับระบบการชำระเงินครั้งละหลายรายการ (Bulk payment) ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมตามความต้องการ
เกี่ยวกับ Universal Payment
Universal Payment เป็นระบบการชำระเงินแบบ end-to-end สำหรับสถาบันการเงิน โดยสามารถทำธุรกรรมทีละรายการแบบเรียลไทม์ และทำธุรกรรมทีละหลายรายการ (Bulk payment) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่รวมชุดประมวลผลการชำระเงินทุกประเภท ทั้งประเภทการชำระเงิน, ช่องทางการชำระเงิน, สกุลเงินและเครือข่ายการชำระเงิน (VISA, Master Card, Diners discover, JCB, Payment Union) ซึ่งสามารถรองรับได้หลายช่องทางอีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อระบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด
เกี่ยวกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ สุตัณฑวิบูลย
การศึกษา
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน
วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประวัติการทำงาน
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สถาปนิกซอฟท์แวร์ บริษัท ไอสัปปายะ จำกัด
อาจารย์ประจำ หลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อาจารย์พิเศษ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท DataOne Asia (Thailand) จำกัด ได้จัดอบรม แบบ Class room training และ Workshop ภายใต้หัวข้อ “Be a professional of Universal Payment (UP)” โดยจัดอบรมให้ความรู้พื้นฐานที่ถูกต้อง ที่เสริมให้องค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ UP ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น รวมถึงการปรับปรุงระบบให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ สุตัณฑวิบูลย เป็นผู้บรรยายหลัก ด้วยประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกว่า 40 ปีนั้น เป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ตรง ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพและความเชี่ยวชาญให้บุคลากรของ DataOne ในด้านการให้บริการ Universal Payment ซึ่งถือเป็นการเสริมจุดแข็งให้แก่ DataOne เพื่อสนับสนุนการให้บริการของ ITMX Thailand ต่อไป
DataOne มุ่งพัฒนาการบุคคลกรอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2019 บริษัท DataOne ได้เตรียมที่จะส่งบุคลากรไปต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยี Universal Payment แต่ด้วยสถานการณ์ Covid-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้การเดินทางต้องสะดุดลง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้แต่อย่างใด DataOne จึงเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้เป็นแบบ e-learning ในหัวข้อที่เกี่ยวกับ UP อย่างครบถ้วน ซึ่งบุคลากรของDataOne ได้เรียนรู้ e-learning ด้วยตนเอง เป็นระยะเวลากว่า 1 ปี
หลังจากนั้น ในระหว่างการติดตั้งและพัฒนาระบบ UP ให้กับ ITMX โดยทีมงานของเจ้าของผลิตภัณฑ์ จนกระทั่งสำเร็จและใช้งานจริง ตั้งแต่เดือน มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งทีมงานของ DataOne สนันสนุนการทำงานและประสานงานระหว่างทีมงานของเจ้าของผลิตภัณฑ์และทีมงานของ ITMX ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น จึงถือเป็นการฝึกฝนแบบ On The Job Training ให้ทีมงานได้ศึกษา เพิ่มประสบการณ์ และเพิ่มทักษะ ด้วยการร่วมในการทำงานจริง
ความสำเร็จของ “ระบบ Universal Payment” ช่วยให้ธนาคารและลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้อย่างประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตของจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในอนาคตในระบบ Bulk Payment จาก ISO 20022 สู่ระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้เห็นภาพแบบองค์รวมเกี่ยวกับระบบชำระเงินของลูกค้าและช่วยให้ลูกค้าเริ่มทำธุรกรรมในช่องทางเดิมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะ ผ่านระบบชำระเงินที่ขยายการให้บริการที่สามารถเปิดผ่านระบบ Universal Payment และได้มีการจัดเตรียมการเชื่อมต่อสู่ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า โดยสามารถรองรับการชำระเงินจากหลายช่องทาง
เกี่ยวกับ DataOne Asia (Thailand)
บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการด้านไอซีทีแบบครบวงจรแก่กลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เช่น การธนาคาร การประกันภัย โรงพยาบาล การโทรคมนาคม หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน DataOne ยังได้รับมาตรฐานการให้บริการ IT Outsourcing ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงและตรงตามมาตรฐานบริหารสากล เช่น ISO 20000-1 IT Service Management และ ISO 27001 Information Security เพื่อแบ่งเบาภาระด้านไอทีขององค์กรและสามารถมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักได้
เกี่ยวกับ National ITMX
บริษัท เนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินระดับชาติของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2548 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบการชำระเงิน บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ถูกจัดตั้งขึ้น จากความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศไทยโดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปัจจุบันธนาคารสมาชิกของ ITMX มีถึง 33 ธนาคาร ซึ่งบริษัทดาต้าวัน ได้ติดตั้งระบบ Universal Payment ให้แก่ ITMX เพื่อรองรับระบบการชำระเงินครั้งละหลายรายการ (Bulk payment) ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมตามความต้องการ
เกี่ยวกับ Universal Payment
Universal Payment เป็นระบบการชำระเงินแบบ end-to-end สำหรับสถาบันการเงิน โดยสามารถทำธุรกรรมทีละรายการแบบเรียลไทม์ และทำธุรกรรมทีละหลายรายการ (Bulk payment) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่รวมชุดประมวลผลการชำระเงินทุกประเภท ทั้งประเภทการชำระเงิน, ช่องทางการชำระเงิน, สกุลเงินและเครือข่ายการชำระเงิน (VISA, Master Card, Diners discover, JCB, Payment Union) ซึ่งสามารถรองรับได้หลายช่องทางอีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อระบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด
เกี่ยวกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ สุตัณฑวิบูลย
การศึกษา
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน
วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประวัติการทำงาน
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สถาปนิกซอฟท์แวร์ บริษัท ไอสัปปายะ จำกัด
อาจารย์ประจำ หลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อาจารย์พิเศษ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / “ไฮ-เจ็ท” แจกคูปองส่วนลดผ่าน Shopee และ Lazada ประจำเดือนเมษายน 64
« on: April 10, 2021, 10:27:32 AM »
“ไฮ-เจ็ท” แจกคูปองส่วนลดผ่าน Shopee และ Lazada ประจำเดือนเมษายน 64
บริษัท ปภาวิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายกระดาษและหมึกพิมพ์ ภายใต้แบรนด์ Hi-jet (ไฮ-เจ็ท) "ที่ 1 เรื่องงานพิมพ์" เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญสุดพิเศษประจำเดือนเมษายน 2564 มอบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบการซื้อของออนไลน์ และเป็นลูกค้าใหม่ที่ทำการซื้อสินค้าแบรนด์ Hi-jet เป็นครั้งแรกผ่านช่องทาง Shopee และ Lazada รับส่วนลดมูลค่า 30 บาททันที เพียงกดติดตามร้านและซื้อสินค้าครบ 399 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- HI-JET X SHOPEE สามารถเข้าไปที่ Link: https://shp.ee/85cw3j5 แล้วทำการใส่โค้ด SFP-74536998
- HI-JET X LAZADA สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้ที่ Link: https://www.lazada.co.th/shop/i/landing_page/voucher
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (COVID-19)ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและประชาชนเป็นอย่างมาก บริษัทฯ ได้มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดโดยให้พนักงานสวมใส่หน้ากาก ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดล้างมือบ่อย และมีการพ่นฉีดยาฆ่าเชื้อ COVID-19 ในสำนักงานและรถขนส่งสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้สินค้า ให้ลูกค้าสามารถรอรับสินค้าได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
บริษัท ปภาวิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายกระดาษและหมึกพิมพ์ ภายใต้แบรนด์ Hi-jet (ไฮ-เจ็ท) "ที่ 1 เรื่องงานพิมพ์" เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญสุดพิเศษประจำเดือนเมษายน 2564 มอบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบการซื้อของออนไลน์ และเป็นลูกค้าใหม่ที่ทำการซื้อสินค้าแบรนด์ Hi-jet เป็นครั้งแรกผ่านช่องทาง Shopee และ Lazada รับส่วนลดมูลค่า 30 บาททันที เพียงกดติดตามร้านและซื้อสินค้าครบ 399 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- HI-JET X SHOPEE สามารถเข้าไปที่ Link: https://shp.ee/85cw3j5 แล้วทำการใส่โค้ด SFP-74536998
- HI-JET X LAZADA สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้ที่ Link: https://www.lazada.co.th/shop/i/landing_page/voucher
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (COVID-19)ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและประชาชนเป็นอย่างมาก บริษัทฯ ได้มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดโดยให้พนักงานสวมใส่หน้ากาก ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดล้างมือบ่อย และมีการพ่นฉีดยาฆ่าเชื้อ COVID-19 ในสำนักงานและรถขนส่งสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้สินค้า ให้ลูกค้าสามารถรอรับสินค้าได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
6
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / LINE เปิดตัว MyRestaurant ตัวช่วยใหม่ของร้านอาหาร เพิ่มโอกาสการขายต่อยอดธุรกิจ
« on: April 10, 2021, 09:37:04 AM »
LINE เปิดตัว MyRestaurant ตัวช่วยใหม่ของร้านอาหาร เพิ่มโอกาสการขายต่อยอดธุรกิจดิจิทัล SME ไทย เติบโตฝ่าวิกฤตอย่างยั่งยืน
LINE เดินหน้าพัฒนาเครื่องมือเพื่อผู้ประกอบการ SME ไทย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ MyRestaurant เครื่องมือดิจิทัลช่วยเหลือธุรกิจร้านอาหาร ทั้งโซลูชั่นจัดการหน้าร้านอาหาร บริหารข้อมูลลูกค้า มุ่งเพิ่มโอกาสในการขาย สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการมากกว่าเดิม
ธุรกิจร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลในระบบเศรษฐกิจของไทย โดยมีมูลค่าโดยรวมในปี 2563 ประมาณ 4 แสนล้านบาท และคาดการณ์ว่ามูลค่าในปี 2564 อาจจะขยายตัวในระดับต่ำเพียงแค่ประมาณร้อยละ 1.4 – 2.6 จากปี 2562 (อ้างอิง: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 2564) ด้วยสภาพแวดล้อมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร SME ไปจนถึงร้านอาหารขนาดเล็กข้างทางหรือ Street Food ที่มีหน้าร้านจึงนับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะอาจมีปัจจัยด้านเงินทุน ความรู้ และเครื่องมือในการปรับตัวเพื่อรอดจากวิกฤตน้อยกว่าผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดใหญ่อื่นๆ
LINE แพลตฟอร์มที่สนับสนุน SME ไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ตระหนักถึงความจำเป็นในการนำเอาเครื่องมือดิจิทัลมาใช้เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กให้อยู่รอดและเติบโตได้ในปัจจุบัน ล่าสุด จึงได้ร่วมกับ LINE MAN Wongnai พัฒนาโซลูชั่นใหม่ “MyRestaurant” เครื่องมือสำหรับการจัดการร้านอาหารโดยเฉพาะ ที่จะช่วยผู้ประกอบการให้สามารถจัดการหน้าร้าน จัดการข้อมูลลูกค้าได้บนแพลตฟอร์มเดียว คือบน LINE Official Account อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับร้านอาหารทุกขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กแบบ Street Food ไปจนถึงขนาดใหญ่ ไม่ว่าระดับใดก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้ฟรี ถือเป็นตัวช่วยขายดี ที่ทุกธุรกิจร้านอาหารต้องมีในยุคนี้
3 ฟีเจอร์หลักของ MyRestaurant ตัวช่วยใหม่ธุรกิจร้านอาหาร SME
• เมนูออนไลน์สั่งง่ายด้วย Smart Menu – เมนูอิเล็กทรอนิกส์บน LINE เชื่อมต่อกับระบบรับออเดอร์ของร้านอาหารได้โดยตรง ลูกค้าสามารถสแกน QR Code เพื่อดูเมนูพร้อมกดสั่งอาหารแบบกินที่ร้านผ่าน LINE ได้ทันที สั่งง่าย ไม่ต้องวุ่นวายบอกเบอร์โต๊ะ แถมรวดเร็ว ทันใจ ไม่ต้องกลัวออเดอร์ผิดพลาด รับนโยบาย contactless ไปด้วยในตัว
• หน้าร้านออนไลน์ออกแบบเองได้ตามต้องการผ่าน Rich Menu – แหล่งรวมบริการและโปรโมชั่นต่างๆ ของร้านนำเสนอให้ลูกค้ากดเลือกดูได้ตามใจใน LINE Official Account โดยร้านสามารถออกแบบคอนเทนต์ นำเสนอบริการ โปรโมชั่นต่างๆ ของร้าน ปรับแต่งเองได้ตลอดเวลา เช่น ให้ลูกค้ากดดูเมนูอาหารออนไลน์ (Smart Menu) หรือกดสั่งอาหารเดลิเวอรี่ผ่าน LINE MAN Wongnai ได้ทันที แถมสามารถนำลิงก์ของปุ่มเหล่านี้ไปโปรโมทที่อื่นเพิ่มเติมได้อีกด้วย
• สื่อสาร ทำการตลาดได้ดีกว่าเดิมด้วยระบบ Report – รายงานรวบข้อมูลสำคัญทั้งรายงานกลุ่มลูกค้า (Customer Report) และรายงานยอดขาย (Sale Report) ช่วยให้ร้านสามารถดูข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์ต่อยอดกลยุทธ์การตลาดได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลกลุ่มลูกค้าที่สั่งอาหารและกดติดตาม LINE Official Account ไปจนถึงข้อมูลยอดขาย รายละเอียดการสั่งซื้อ เมนูที่ลูกค้าสั่ง ความถี่ในการสั่ง และอื่นๆ อีกมากมาย แสดงผลแยกย่อยตามประเภทต่างๆ ให้ร้านสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้เต็มที่
นางสาวสกุลรัตน์ ตันยงศิริ ผู้อำนวยการธุรกิจ SME LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “MyRestaurant เป็นอีกหนึ่งโซลูชั่น ที่สะท้อนถึงความตั้งใจของ LINE ที่มุ่งเคียงข้างผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจยุคดิจิทัล เราไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงธุรกิจให้เข้าถึงผู้ใช้ LINE กว่า 47 ล้านคน แต่ยังมีเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพทั้งและยกระดับร้านอาหารให้ค้าขายได้สะดวก มีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารได้อย่างแน่นอน”
ธุรกิจร้านอาหาร สามารถใช้งาน MyRestaurant ได้ฟรี! เพียงมี LINE Official Account ของร้าน และใช้แอปพลิเคชัน Wongnai Merchant App ควบคู่กันก็สามารถเข้าใช้งานได้เลย ผู้ประกอบการร้านอาหารที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเข้าใช้งานได้แล้ววันนี้ที่ https://lineforbusiness.com/myrestaurant/
LINE เดินหน้าพัฒนาเครื่องมือเพื่อผู้ประกอบการ SME ไทย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ MyRestaurant เครื่องมือดิจิทัลช่วยเหลือธุรกิจร้านอาหาร ทั้งโซลูชั่นจัดการหน้าร้านอาหาร บริหารข้อมูลลูกค้า มุ่งเพิ่มโอกาสในการขาย สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการมากกว่าเดิม
ธุรกิจร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลในระบบเศรษฐกิจของไทย โดยมีมูลค่าโดยรวมในปี 2563 ประมาณ 4 แสนล้านบาท และคาดการณ์ว่ามูลค่าในปี 2564 อาจจะขยายตัวในระดับต่ำเพียงแค่ประมาณร้อยละ 1.4 – 2.6 จากปี 2562 (อ้างอิง: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 2564) ด้วยสภาพแวดล้อมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร SME ไปจนถึงร้านอาหารขนาดเล็กข้างทางหรือ Street Food ที่มีหน้าร้านจึงนับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะอาจมีปัจจัยด้านเงินทุน ความรู้ และเครื่องมือในการปรับตัวเพื่อรอดจากวิกฤตน้อยกว่าผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดใหญ่อื่นๆ
LINE แพลตฟอร์มที่สนับสนุน SME ไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ตระหนักถึงความจำเป็นในการนำเอาเครื่องมือดิจิทัลมาใช้เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กให้อยู่รอดและเติบโตได้ในปัจจุบัน ล่าสุด จึงได้ร่วมกับ LINE MAN Wongnai พัฒนาโซลูชั่นใหม่ “MyRestaurant” เครื่องมือสำหรับการจัดการร้านอาหารโดยเฉพาะ ที่จะช่วยผู้ประกอบการให้สามารถจัดการหน้าร้าน จัดการข้อมูลลูกค้าได้บนแพลตฟอร์มเดียว คือบน LINE Official Account อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับร้านอาหารทุกขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กแบบ Street Food ไปจนถึงขนาดใหญ่ ไม่ว่าระดับใดก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้ฟรี ถือเป็นตัวช่วยขายดี ที่ทุกธุรกิจร้านอาหารต้องมีในยุคนี้
3 ฟีเจอร์หลักของ MyRestaurant ตัวช่วยใหม่ธุรกิจร้านอาหาร SME
• เมนูออนไลน์สั่งง่ายด้วย Smart Menu – เมนูอิเล็กทรอนิกส์บน LINE เชื่อมต่อกับระบบรับออเดอร์ของร้านอาหารได้โดยตรง ลูกค้าสามารถสแกน QR Code เพื่อดูเมนูพร้อมกดสั่งอาหารแบบกินที่ร้านผ่าน LINE ได้ทันที สั่งง่าย ไม่ต้องวุ่นวายบอกเบอร์โต๊ะ แถมรวดเร็ว ทันใจ ไม่ต้องกลัวออเดอร์ผิดพลาด รับนโยบาย contactless ไปด้วยในตัว
• หน้าร้านออนไลน์ออกแบบเองได้ตามต้องการผ่าน Rich Menu – แหล่งรวมบริการและโปรโมชั่นต่างๆ ของร้านนำเสนอให้ลูกค้ากดเลือกดูได้ตามใจใน LINE Official Account โดยร้านสามารถออกแบบคอนเทนต์ นำเสนอบริการ โปรโมชั่นต่างๆ ของร้าน ปรับแต่งเองได้ตลอดเวลา เช่น ให้ลูกค้ากดดูเมนูอาหารออนไลน์ (Smart Menu) หรือกดสั่งอาหารเดลิเวอรี่ผ่าน LINE MAN Wongnai ได้ทันที แถมสามารถนำลิงก์ของปุ่มเหล่านี้ไปโปรโมทที่อื่นเพิ่มเติมได้อีกด้วย
• สื่อสาร ทำการตลาดได้ดีกว่าเดิมด้วยระบบ Report – รายงานรวบข้อมูลสำคัญทั้งรายงานกลุ่มลูกค้า (Customer Report) และรายงานยอดขาย (Sale Report) ช่วยให้ร้านสามารถดูข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์ต่อยอดกลยุทธ์การตลาดได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลกลุ่มลูกค้าที่สั่งอาหารและกดติดตาม LINE Official Account ไปจนถึงข้อมูลยอดขาย รายละเอียดการสั่งซื้อ เมนูที่ลูกค้าสั่ง ความถี่ในการสั่ง และอื่นๆ อีกมากมาย แสดงผลแยกย่อยตามประเภทต่างๆ ให้ร้านสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้เต็มที่
นางสาวสกุลรัตน์ ตันยงศิริ ผู้อำนวยการธุรกิจ SME LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “MyRestaurant เป็นอีกหนึ่งโซลูชั่น ที่สะท้อนถึงความตั้งใจของ LINE ที่มุ่งเคียงข้างผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจยุคดิจิทัล เราไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงธุรกิจให้เข้าถึงผู้ใช้ LINE กว่า 47 ล้านคน แต่ยังมีเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพทั้งและยกระดับร้านอาหารให้ค้าขายได้สะดวก มีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารได้อย่างแน่นอน”
ธุรกิจร้านอาหาร สามารถใช้งาน MyRestaurant ได้ฟรี! เพียงมี LINE Official Account ของร้าน และใช้แอปพลิเคชัน Wongnai Merchant App ควบคู่กันก็สามารถเข้าใช้งานได้เลย ผู้ประกอบการร้านอาหารที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเข้าใช้งานได้แล้ววันนี้ที่ https://lineforbusiness.com/myrestaurant/
7
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / TikTok For Business เปิดแนวคิด "Moving beyond Reach to Relevance"
« on: April 03, 2021, 11:17:42 AM »TikTok For Business เปิดแนวคิด "Moving beyond Reach to Relevance" การตลาดดิจิทัลแนวใหม่ที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรุงเทพฯ 2 เมษายน 2564 - TikTok For Business โซลูชั่นการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจรบนแพลตฟอร์ม TikTok เปิดแนวคิด "Moving beyond Reach to Relevance" ที่ชวนนักการตลาดและนักโฆษณาก้าวข้ามเป้าหมายการตลาดที่เน้นแค่การเข้าถึง (Reach) สู่การสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์การสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์
มากกว่าการเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมและมียอดดาวน์โหลดสูงสุดมากกว่า 2 พันล้านดาวน์โหลดทั่วโลกในปีที่ผ่านมา TikTok ได้สร้างปรากฏการณ์มากมาย ทั้งการแจ้งเกิดคอนเทนท์วิดีโอสั้น จนเกิดเป็นกระแสฮ็อต ไวรัลดัง และแจ้งเกิดครีเอเตอร์หลากหลายสาขา รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมกับคอนเทนท์บนแพลตฟอร์มอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนนำมาสู่การเปิดตัว TikTok For Business โซลูชั่นการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มที่ได้สร้างความแตกต่างของการตลาดดิจิทัลแนวใหม่ ที่มาในรูปแบบของการเล่าเรื่องจากแบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งนำมาสู่การมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายได้โดดเด่นและน่าสนใจ จึงทำให้การเปิดตัว TikTok For Business ได้สร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์และธุรกิจอย่างมากมาย
ล่าสุด TikTok For Business ยังคงเดินหน้าสานต่อภารกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนนักการตลาดและนักโฆษณาในการสร้างความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม TikTok จึงนำมาสู่การเปิดแนวคิด "Moving beyond Reach to Relevance" ที่ต้องการชวนนักการตลาดและนักโฆษณา ก้าวข้ามสู่นิยามใหม่ของความสำเร็จในการทำการตลาดดิจิทัลที่จะไม่ใช่แค่การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่ต้องสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจและเกี่ยวข้องกับแบรนด์ เพื่อให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์เชิงลึกที่มีความหมายกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ สู่การสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืน ผ่านแนวทางต่างๆ ดังนี้
1. Engaging with the community หรือ การมีส่วนร่วมกับชุมชน TikTok
แพลตฟอร์ม TikTok ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วเป็นเพราะเป็นชุมชนที่แข็งแกร่ง ซึ่งพิสูจน์ได้จากปรากฏการณ์ไวรัลมากมายที่เกิดขึ้นจากการรวมพลังของผู้คนในชุมชน TikTok ในการสร้างคอนเทนท์หรือการมีส่วนร่วมกับสิ่งที่พวกเขาให้ความสนใจ จึงทำให้นักการตลาดและนักโฆษณาต่างยอมรับถึงพลังแห่งการมีส่วนร่วมของชุมชน TikTok และนับเป็นโอกาสที่นักการตลาดและแบรนด์ต่างๆ จะสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้บน TikTok ผ่านกิจกรรมต่างๆ อย่างสร้างสรรค์และน่าสนใจผ่านการใช้ Hashtag Challenge, การ Duet หรือการใช้ฟิลเตอร์ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละคน รวมไปถึงการใช้เอฟเฟกต์หรือสติกเกอร์ที่ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ได้อย่างสร้างสรรค์ และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เข้ามาร่วมสร้างคอนเทนท์กับแบรนด์ เช่น แบรนด์อิชิตันที่ได้สร้างสรรค์ #น้ำด่างไง แคมเปญลิปซิงค์ที่ท้าให้ผู้คนมาร่วม Duet กับคลิปวิดีโอต้นฉบับจากโฆษณาโดยพรีเซนเตอร์คนดัง ลิเดีย-แมทธิว เครื่องดื่มสุขภาพ PH Plus 8.5 หรือ อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามินบี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแคมเปญลิปซิงค์ครั้งแรกที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้คนบนแพลตฟอร์มจนเป็นหนึ่งในลิปซิงค์ไวรัลดังที่โดดเด่นด้วยการนำเอาคำพูดของพรีเซนเตอร์มาลิปซิงค์ประกอบท่าทางเลียนแบบโฆษณา ที่สามารถสร้างยอดวิวรวมกว่า 276.9 ล้าน
2. Experimentation on the platform หรือ การทดลองสิ่งแปลกใหม่บนแพลตฟอร์ม
TikTok คือแพลตฟอร์มแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด ดังนั้นนี่จึงเป็นพื้นที่ที่นักการตลาดและนักโฆษณาจะได้มาทดลองทำสิ่งใหม่ ท่ามกลางการเกิดขึ้นของ Hashtag Challenge มากมายในแต่ละวัน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการสร้างชาเลนจ์ที่แตกต่างจากแบรนด์และธุรกิจ เพื่อสามารถสื่อสารถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ และตอบโจทย์เป้าหมายการทำการตลาด และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม ซึ่ง TikTok For Business เปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถสร้าง Branded Effect ที่นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์แล้ว ยังสามารถสื่อสารภาพลักษณ์และสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะบอกผ่าน Branded Effect ได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมการตลาดดิจิทัลบน TikTok อาทิ แบรนด์คอลเกต ที่ได้สร้างสรรค์แคมเปญ #WinWithASmile เพื่อเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายมาร่วมสนุกกับเกมเก็บรอยยิ้มพร้อมลุ้นรับของรางวัลในวัน World Smile Day ที่สามารถสร้างยอดวิวรวมกว่า 7.3 พันล้าน
3. Collaborating with creators หรือ การร่วมมือกับครีเอเตอร์
เพราะทุกปรากฏการณ์บน TikTok เกิดขึ้นจากครีเอเตอร์ ดังนั้นการร่วมมือกับครีเอเตอร์จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์ต่างๆ ให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสให้แคมเปญหรือคอนเทนท์ของแบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้แบรนด์มีความสมจริงและใกล้ชิดกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อาทิเช่น แคมเปญ #ห่วงเธอหน้าฝนChallenge หรือ #SAFEINTHERAIN” จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ที่ชวนครีเอเตอร์ศิลปินดัง ส้ม มารี มาร้องเพลงประกอบท่าเต้นเพื่อรณรงค์ให้คนไทยใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยในฤดูฝน โดยแคมเปญนี้มีผู้ใช้ให้ความสนใจมาร่วมร้องและเต้นตามเป็นจำนวนมาก จนสามารถสร้างยอดวิวรวมได้สูงถึง 134.1 ล้าน โดย TikTok ยังมีโซลูชั่น Creator Market Place ที่รวบรวมข้อมูลของครีเอเตอร์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักการตลาด แบรนด์ และธุรกิจต่างๆ สามารถเชื่อมโยงกับครีเอเตอร์บน TikTok ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
และนี่คือมิติใหม่ของการทำการตลาดดิจิทัลในปี 2564 ภายใต้แนวคิด "Moving beyond Reach to Relevance" ที่ TikTok For Business ชวนนักการตลาดและนักโฆษณามาทำความรู้จัก เพื่อให้ก้าวทันพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนบนชุมชน TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ได้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับผู้คน นักการตลาดและนักโฆษณา ที่ในวันนี้ความสำเร็จของการตลาดดิจิทัลบน TikTok ต้องไม่วัดกันแค่จำนวนการเข้าถึง แต่ยังรวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม นำไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจและการเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
เกี่ยวกับ TikTok
TikTok คือ แพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้นชั้นนำระดับโลก ที่มาพร้อมพันธกิจจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และมอบความสุขให้กับผู้คน โดย TikTok มีสำนักงานอยู่ทั่วโลก ได้แก่ ลอสแอนเจลิส นิวยอร์ค ลอนดอน ปารีส เบอร์ลิน ดูไบ มุมไบ สิงคโปร์ จาการ์ตา โซล และโตเกียว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.tiktok.com
8
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / เพราะคุณ...คือคนสำคัญของกลุ่มทรู ทรูสเปซ ร่วมกับ ทรูยู มอบประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟ
« on: April 03, 2021, 10:00:08 AM »
เพราะคุณ...คือคนสำคัญของกลุ่มทรู ทรูสเปซ ร่วมกับ ทรูยู มอบประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟ “True Space your Red Destination” ให้ลูกค้าทรูเรดเวิร์คอย่างอิสระ แบบมีสไตล์ ตอบโจทย์ครบทุกฟังก์ชันกับพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซ ฟรี!!! ที่ทรูสเปซ ทุกสาขาทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ 2 เมษายน 2564 – เพราะคุณคือคนสำคัญของกลุ่มทรู โดยนางสาวนวลพรรณ บุญเผื่อน (ยืนที่ 3 จากขวา)หัวหน้าสายงานทรูสเปซ บริษัท ทรู สเปซ จำกัด และนางสาวธัญรส จรุงจิตต์ (ยืนที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารความสุขและความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ร่วมเดินหน้ามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เติมเต็มความสุขให้ลูกค้าเข้าใช้งาน True Space พื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซที่ตอบโจทย์ครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งานได้แล้วทุกสาขาทั่วประเทศ พิเศษ...ส่งแคมเปญ “True Space your Red Destination” ให้ลูกค้าทรูเรดขึ้นไปใช้งานฟรีได้ทุกวันตลอดปี 2564 ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าผู้ถือบัตรทรู ทั้งบลู กรีน ไวท์ ยังสามารถใช้งานครั้งแรกได้ฟรีตามลำดับ (ลูกค้าบลู 3 ครั้งต่อเดือน, กรีน 2 ครั้งต่อเดือน และไวท์ 1 ครั้งต่อเดือน) และนำทรูพอยท์มาใช้แลกเข้าพื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน) หรือเป็นส่วนลดแทนเงินสดสำหรับสมัครสมาชิกรายปีทั้งประเภท Basic และ Boss เพื่อเข้าใช้งานโคเวิร์คกิ้งสเปซ พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมายจากทรูสเปซ
สิทธิพิเศษเพื่อลูกค้าผู้ถือบัตรทรูสำหรับการเข้าใช้พื้นที่ True Space
ทรูเรด / แบล็ค
ฟรี สำหรับการเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซทุกวัน ทุกสาขา
ใช้ 99 ทรูพอยท์ เป็นส่วนลด 200 บาท หรือ 199 ทรูพอยท์เป็นส่วนลด 400 บาท สำหรับสมัครสมาชิกประเภท Basic หรือ Boss เพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากทรูสเปซ
ทรูบลู / กรีน / ไวท์
ฟรี สำหรับการเข้าใช้งานพื้นที่ทรูสเปซแรกเข้าตามลำดับ ดังนี้ ลูกค้าบลู (3 ครั้งต่อเดือน) ลูกค้ากรีน (2 ครั้งต่อเดือน) และลูกค้าไวท์ (1 ครั้งต่อเดือน)
ในการใช้งานครั้งต่อไป ลูกค้าทั่วไป ใช้ 99 ทรูพอยท์แลกเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน) และสำหรับนักเรียน/นักศึกษา ใช้ 79 ทรูพอยท์แลกเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน)
รับส่วนลด 30% สำหรับการเข้าใช้พื้นที่ในครั้งต่อไป
ใช้ 99 ทรูพอยท์ เป็นส่วนลด 200 บาท หรือ 199 ทรูพอยท์เป็นส่วนลด 400 บาท สำหรับสมัครสมาชิกประเภท Basic หรือ Boss เพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากทรูสเปซ
ทรูสเปซ (True Space) ธุรกิจจัดสรรพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space) เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานได้หลากหลายตามฟังก์ชันที่ต้องการ ทั้งแบบพื้นที่ส่วนตัว แบบกลุ่ม หรือประชุมย่อย อำนวยความสะดวกให้คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา เหล่าสตาร์ทอัพและคนทำงานใช้ประชุม นั่งทำงาน อ่านหนังสือ สอนพิเศษ และเน็ตเวิร์คกิ้งสำหรับทุกคนได้เริ่มต้นหรือต่อยอดธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งมุมเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน ตู้เก็บของ มุมเครื่องดื่ม-ของว่าง ตลอดจนเทคโนโลยี และสื่อดิจิทัลของกลุ่มทรูที่มีให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น บางสาขายังเปิดให้บริการอยู่ในพื้นที่เดียวกับ 7-Eleven เพิ่มความสะดวกสบายทุกการจับจ่ายสินค้าที่ง่ายยิ่งขึ้น อาทิ สาขาอโศก สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นต้น #TrueSpaceyourRedDestination
ปัจจุบัน ทรูสเปซเปิดให้บริการทั้งหมด 9 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ สาขาเซ็นเตอร์พอยต์ ออฟ สยามสแควร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 2 สาขามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาไอคอนสยาม สาขาเสริมไทยคอมเพลกซ์ จ.มหาสารคาม สาขามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สาขามหาวิทยาลัยรังสิต สาขาอโศก และสาขามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พร้อมติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truespaceth.com หรือโซเชียล Facebook : True Space, IG :truespaceth
กรุงเทพฯ 2 เมษายน 2564 – เพราะคุณคือคนสำคัญของกลุ่มทรู โดยนางสาวนวลพรรณ บุญเผื่อน (ยืนที่ 3 จากขวา)หัวหน้าสายงานทรูสเปซ บริษัท ทรู สเปซ จำกัด และนางสาวธัญรส จรุงจิตต์ (ยืนที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารความสุขและความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ร่วมเดินหน้ามอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เติมเต็มความสุขให้ลูกค้าเข้าใช้งาน True Space พื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซที่ตอบโจทย์ครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งานได้แล้วทุกสาขาทั่วประเทศ พิเศษ...ส่งแคมเปญ “True Space your Red Destination” ให้ลูกค้าทรูเรดขึ้นไปใช้งานฟรีได้ทุกวันตลอดปี 2564 ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าผู้ถือบัตรทรู ทั้งบลู กรีน ไวท์ ยังสามารถใช้งานครั้งแรกได้ฟรีตามลำดับ (ลูกค้าบลู 3 ครั้งต่อเดือน, กรีน 2 ครั้งต่อเดือน และไวท์ 1 ครั้งต่อเดือน) และนำทรูพอยท์มาใช้แลกเข้าพื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน) หรือเป็นส่วนลดแทนเงินสดสำหรับสมัครสมาชิกรายปีทั้งประเภท Basic และ Boss เพื่อเข้าใช้งานโคเวิร์คกิ้งสเปซ พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมายจากทรูสเปซ
สิทธิพิเศษเพื่อลูกค้าผู้ถือบัตรทรูสำหรับการเข้าใช้พื้นที่ True Space
ทรูเรด / แบล็ค
ฟรี สำหรับการเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซทุกวัน ทุกสาขา
ใช้ 99 ทรูพอยท์ เป็นส่วนลด 200 บาท หรือ 199 ทรูพอยท์เป็นส่วนลด 400 บาท สำหรับสมัครสมาชิกประเภท Basic หรือ Boss เพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากทรูสเปซ
ทรูบลู / กรีน / ไวท์
ฟรี สำหรับการเข้าใช้งานพื้นที่ทรูสเปซแรกเข้าตามลำดับ ดังนี้ ลูกค้าบลู (3 ครั้งต่อเดือน) ลูกค้ากรีน (2 ครั้งต่อเดือน) และลูกค้าไวท์ (1 ครั้งต่อเดือน)
ในการใช้งานครั้งต่อไป ลูกค้าทั่วไป ใช้ 99 ทรูพอยท์แลกเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน) และสำหรับนักเรียน/นักศึกษา ใช้ 79 ทรูพอยท์แลกเข้าใช้พื้นที่ทรูสเปซ (2 ครั้งต่อเดือน)
รับส่วนลด 30% สำหรับการเข้าใช้พื้นที่ในครั้งต่อไป
ใช้ 99 ทรูพอยท์ เป็นส่วนลด 200 บาท หรือ 199 ทรูพอยท์เป็นส่วนลด 400 บาท สำหรับสมัครสมาชิกประเภท Basic หรือ Boss เพื่อรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายจากทรูสเปซ
ทรูสเปซ (True Space) ธุรกิจจัดสรรพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space) เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานได้หลากหลายตามฟังก์ชันที่ต้องการ ทั้งแบบพื้นที่ส่วนตัว แบบกลุ่ม หรือประชุมย่อย อำนวยความสะดวกให้คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา เหล่าสตาร์ทอัพและคนทำงานใช้ประชุม นั่งทำงาน อ่านหนังสือ สอนพิเศษ และเน็ตเวิร์คกิ้งสำหรับทุกคนได้เริ่มต้นหรือต่อยอดธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งมุมเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน ตู้เก็บของ มุมเครื่องดื่ม-ของว่าง ตลอดจนเทคโนโลยี และสื่อดิจิทัลของกลุ่มทรูที่มีให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น บางสาขายังเปิดให้บริการอยู่ในพื้นที่เดียวกับ 7-Eleven เพิ่มความสะดวกสบายทุกการจับจ่ายสินค้าที่ง่ายยิ่งขึ้น อาทิ สาขาอโศก สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นต้น #TrueSpaceyourRedDestination
ปัจจุบัน ทรูสเปซเปิดให้บริการทั้งหมด 9 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ สาขาเซ็นเตอร์พอยต์ ออฟ สยามสแควร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 2 สาขามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาไอคอนสยาม สาขาเสริมไทยคอมเพลกซ์ จ.มหาสารคาม สาขามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สาขามหาวิทยาลัยรังสิต สาขาอโศก และสาขามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พร้อมติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truespaceth.com หรือโซเชียล Facebook : True Space, IG :truespaceth
9
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / “COMMART Crazy Offer” ปิดยอดสวย เกมมิ่ง บิตคอยน์ หนุนยอดขายคอมประกอบแซงโน้ตบุ๊ค
« on: March 31, 2021, 02:57:52 PM »“COMMART Crazy Offer” ปิดยอดสวย เกมมิ่ง บิตคอยน์ หนุนยอดขายคอมประกอบแซงโน้ตบุ๊ค
บมจ.เออาร์ไอพี ผู้จัดงานคอมมาร์ตประกาศความสำเร็จงาน “COMMART Crazy Offer” เมื่อ 25-28 มีนาคม 2564 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่ผ่านมา ผลตอบรับดีเกินคาด สาวกไอทีแห่แหนเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องตลอด 4 วัน ภายใต้การควบคุมตามมาตรการการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 3,300 ล้านบาท เผยยอดขายคอมพิวเตอร์ประกอบแซงหน้าโน้ตบุ๊คขึ้นอันดับหนึ่งในรอบหลายปี คาดแรงหนุนจากความนิยมของกลุ่มเกมมิ่งและบิตคอยน์ รวมถึงยอดขายกลุ่มอื่นๆ เติบโตดี ทุกแบรนด์ รีเทล ยิ้มรับยอดประเดิมต้นปี พร้อมลุยเดินหน้าจัดงานคอมมาร์ตครั้งต่อไปกลางปี 29 ก.ค. – 1 ส.ค. 64 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคที่เดิม
นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี เผยว่า “งานคอมมาร์ตครั้งนี้ประเดิมยอดขายต้นปีได้อย่างสวยงาม มีผู้เข้าชมงานทอยอยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 วัน ซึ่งเราได้มีการจัดเตรียมมาตรการการป้องกันตามมาตรฐานของสาธารณสุขไว้อย่างเข้มข้น และด้วยความร่วมมืออย่างดีจากทุกแบรนด์ รีเทล ที่ทำให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งในส่วนของกลุ่มสินค้าขายดี ได้แก่คอมพิวเตอร์ประกอบ 38 % , โน๊ตบุ๊ค 36 % , สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 13% , อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊ค 11% และกลุ่มทีวีและมอนิเตอร์ มีสัดส่วน 2% ซึ่งครั้งนี้ตัวเลขของกลุ่มคอมประกอบปรับสูงขึ้นแซงหน้าโน๊ตบุ๊คขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่ามาจากกระแสของกลุ่มเกมมิ่งและบิตคอยน์ที่เป็นแรงหนุน และในส่วนของกลุ่มสมาร์ทโฟนและแท็ปเลตที่ยอดสูงขึ้นนั้นน่าจะมาจากร้านค้าที่นำสินค้าสมาร์ทโฟนเข้ามาขายในงานมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่อัดอั้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็นตัวช่วยหนุนให้ยอดขายทุกกลุ่มสูงขึ้นอีกด้วย”
เพื่อเป็นการขอบคุณทางผู้จัดงานได้จับรางวัลในกิจกรรม Commart Big Bonus ให้กับผู้ที่ช้อปครบทุก 3,000 บาท รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลบัตรของขวัญแทนเงินสด ใช้ช้อปสินค้าไอทีร้านดัง และสร้อยคอทองคำ รวมมูลค่า กว่า 200,000 บาท ซึ่งมีการจับสลากผู้โชคดีไปเรียบร้อยแล้ว โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหาร ประกอบด้วยนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ (ที่ 4 จากซ้าย) นายแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) นางสาวพัชรา เกียรตินันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลุ่มแอดวานซ์ รีเสิร์ซ จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย) และนายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการธุรกิจสื่อและดิจิทัล (ที่ 1 จากซ้าย) ร่วมจับรางวัลให้กับผู้โชคดี ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค สามารถติดตามผลรางวัลได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook/commartThailand
งาน COMMART มีกำหนดจัดขึ้นอีกครั้งวันที่ 29 ก.ค. – 1 ส.ค. 2564 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่เดิม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , Line:@Commart, และ twitter.com/Commart
10
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / LINE MELODY ชวนเผยตัวตนด้วยเสียงเรียกเข้าในแบบเฉพาะคุณกับ Melody by Me
« on: March 30, 2021, 12:56:49 PM »
LINE MELODY ชวนเผยตัวตนด้วยเสียงเรียกเข้าในแบบเฉพาะคุณกับ Melody by Me
LINE ประเทศไทย เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อผู้ใช้ต่อเนื่อง เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Melody by Me” เสียงเรียกเข้าแบบเฉพาะตัว ที่สร้างสรรค์ได้ด้วยตัวเองตามใจ หลังประสบความสำเร็จจาก LINE MELODY ด้วยยอดผู้ใช้งานกว่า 1,000,000 คนในปีที่ผ่านมา
LINE MELODY คือบริการเสียงเรียกเข้าและเสียงรอสายในการโทรด้วยแอปพลิเคชัน LINE โดยผู้ใช้สามารถตั้งเสียงเรียกเข้าหรือเสียงรอสายได้ด้วยตัวเอง ล่าสุด LINE MELODY ได้ออกฟีเจอร์ใหม่ ที่ให้ผู้ใช้ได้เปิดเผยตัวตนในแบบเฉพาะของตนเองได้มากขึ้น สามารถสร้างสรรค์เสียงเรียกเข้าและเสียงรอสาย ด้วยการบันทึกเสียงที่ต้องการเพื่อทำเป็นเมโลดี้ได้ ถือเป็นการยกระดับการสื่อสารผ่าน LINE ที่ไม่เพียงเพื่อความสะดวก ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องมีสีสัน เพิ่มความสุข สร้างความสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ LINE ในทุกๆ ด้านอยู่บนโลกแห่งดิจิทัลได้อย่างมีความสุข
สร้างเสียง LINE MELODY เฉพาะตัวด้วย Melody by Me
ผู้ใช้สามารถทำการบันทึกเสียงได้สูงสุด 30 วินาที และสามารถบันทึกเก็บไว้บนคลังได้ 3 เสียง เมื่อต้องการสร้างเสียงใหม่ สามารถลบเสียงที่ไม่ได้ใช้ออก และสร้างสรรค์ใหม่ได้ตามต้องการ
ผู้ใช้ต้องกดซื้อเสียงที่บันทึกในราคา 60 บาท ต่อ 1 เสียง เพื่อนำไปใช้งานเป็นเสียงเรียกเข้าหรือเสียงรอสายโดยไม่มีวันหมดอายุ
เสียงที่สร้างและเก็บไว้บนคลัง ที่ผู้ใช้งานไม่ได้ซื้อจะถูกลบออกจากระบบใน 7 วัน
ไม่สามารถนำเสียงที่อัดขึ้นจำหน่ายบนร้านเมโลดี้ได้ แต่สามารถส่งให้เพื่อนผ่านปุ่ม "ส่งของขวัญ" ได้
ดูรายละเอียดวิธีสร้างเสียงด้วย Melody by Me เพิ่มเติม ได้ที่นี่ : https://lin.ee/Uz5IZVD/ddkh/melodybyme/howto
อัปเดต LINE เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อสัมผัสความสุขกับ Melody by Me ได้ที่นี่: https://lin.ee/n29QVr6/ddkh/melodybyme ใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
#LINEMELODY #โทรไลน์ได้ทุกฟีล
LINE ประเทศไทย เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อผู้ใช้ต่อเนื่อง เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Melody by Me” เสียงเรียกเข้าแบบเฉพาะตัว ที่สร้างสรรค์ได้ด้วยตัวเองตามใจ หลังประสบความสำเร็จจาก LINE MELODY ด้วยยอดผู้ใช้งานกว่า 1,000,000 คนในปีที่ผ่านมา
LINE MELODY คือบริการเสียงเรียกเข้าและเสียงรอสายในการโทรด้วยแอปพลิเคชัน LINE โดยผู้ใช้สามารถตั้งเสียงเรียกเข้าหรือเสียงรอสายได้ด้วยตัวเอง ล่าสุด LINE MELODY ได้ออกฟีเจอร์ใหม่ ที่ให้ผู้ใช้ได้เปิดเผยตัวตนในแบบเฉพาะของตนเองได้มากขึ้น สามารถสร้างสรรค์เสียงเรียกเข้าและเสียงรอสาย ด้วยการบันทึกเสียงที่ต้องการเพื่อทำเป็นเมโลดี้ได้ ถือเป็นการยกระดับการสื่อสารผ่าน LINE ที่ไม่เพียงเพื่อความสะดวก ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องมีสีสัน เพิ่มความสุข สร้างความสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ LINE ในทุกๆ ด้านอยู่บนโลกแห่งดิจิทัลได้อย่างมีความสุข
สร้างเสียง LINE MELODY เฉพาะตัวด้วย Melody by Me
ผู้ใช้สามารถทำการบันทึกเสียงได้สูงสุด 30 วินาที และสามารถบันทึกเก็บไว้บนคลังได้ 3 เสียง เมื่อต้องการสร้างเสียงใหม่ สามารถลบเสียงที่ไม่ได้ใช้ออก และสร้างสรรค์ใหม่ได้ตามต้องการ
ผู้ใช้ต้องกดซื้อเสียงที่บันทึกในราคา 60 บาท ต่อ 1 เสียง เพื่อนำไปใช้งานเป็นเสียงเรียกเข้าหรือเสียงรอสายโดยไม่มีวันหมดอายุ
เสียงที่สร้างและเก็บไว้บนคลัง ที่ผู้ใช้งานไม่ได้ซื้อจะถูกลบออกจากระบบใน 7 วัน
ไม่สามารถนำเสียงที่อัดขึ้นจำหน่ายบนร้านเมโลดี้ได้ แต่สามารถส่งให้เพื่อนผ่านปุ่ม "ส่งของขวัญ" ได้
ดูรายละเอียดวิธีสร้างเสียงด้วย Melody by Me เพิ่มเติม ได้ที่นี่ : https://lin.ee/Uz5IZVD/ddkh/melodybyme/howto
อัปเดต LINE เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อสัมผัสความสุขกับ Melody by Me ได้ที่นี่: https://lin.ee/n29QVr6/ddkh/melodybyme ใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
#LINEMELODY #โทรไลน์ได้ทุกฟีล
11
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / นักวิจัย มจธ.ใช้เทคโนโลยีกระบวนการ Fine Shot Peening ออกแบบอุปกรณ์ดามกระดูก
« on: March 26, 2021, 02:11:31 PM »
นักวิจัย มจธ.ใช้เทคโนโลยีกระบวนการ Fine Shot Peening ออกแบบอุปกรณ์ดามกระดูกและสกรู เพิ่มความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และราคาถูก นวัตกรรมจากฝีมือคนไทย
ปัจจุบันกระบวนการ Fine Shot Peening (FSP) ถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุฝังในทางการแพทย์มากขึ้น เช่น สกรู และแผ่นดามกระดูก ถือเป็นผลงานโดดเด่นของ รศ. ดร.อนรรฆ ขันธะชวนะ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการวัสดุฉลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และทีมวิจัย ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้คุณสมบัติของวัสดุมีความแข็งแรงทนทานต่อการเปลี่ยนรูปมากขึ้น ลดแรงเสียดทาน ทำให้เราสามารถผลิตวัสดุดามกระดูกที่มีขนาดบางและน้ำหนักเบาลง ช่วยให้แพทย์ผู้ผ่าตัดใช้งานได้ง่าย ผู้ป่วยรู้สึกไม่รำคาญ และแก้ไขปัญหาอุปกรณ์หลุดหรือหลวมและหักในผู้ป่วยได้
โดย “แผ่นดามกระดูกและสกรูประสิทธิภาพสูงด้วยกระบวนการ Fine Shot Peening” เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เมื่อปีที่ผ่านมา
รศ. ดร.อนรรฆ กล่าวว่า “ทีมวิจัยทำงานกับแพทย์ออกแบบอุปกรณ์ที่ฝังในร่างกายเพื่อใช้รักษากระดูกที่หักในบริเวณที่เข้าเฝือกไม่ได้ ต้องใช้แผ่นโลหะไทเทเนียมเข้าไปยึดต่อกระดูกให้เข้ากัน” แผ่นโลหะไทเทเนียมที่ยึดหรือดามกระดูกในร่างกายบริเวณที่มีการลงน้ำหนักมาก เช่น บริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก หรือต้นขา ทำให้แผ่นโลหะหัก ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้บ่อย และด้วยขนาดแผ่นโลหะไทเทเนียมที่ออกแบบมาไม่เหมาะกับสรีระของชาวเอเชีย เนื่องจากผู้ผลิตอุปกรณ์ส่วนใหญ่กว่า 95% มาจากต่างประเทศ การออกแบบเหมาะกับชาวยุโรป จึงเป็นที่มาของแนวคิดในการนำกระบวนการพ่นยิงด้วยอนุภาคละเอียด หรือ Fine shot peening ซึ่งเป็นกระบวนการปรับผิววัสดุให้มีคุณสมบัติแข็งแรงสูง ทนต่อการดัด งอระหว่างการรับน้ำหนัก แต่มีขนาดที่บาง และน้ำหนักเบา นำมาประยุกต์ใช้กับวัสดุโลหะไทเทเนียมที่ฝังในร่างกายผู้ป่วย โดยได้ทำการทดลองค่าความแข็งแรงของวัสดุ ความทนทานต่อความล้าและการเปลี่ยนรูป แรงเสียดทาน ในแบบจำลองในคอมพิวเตอร์ก่อนนำไปทดสอบในกระดูกเทียม และกระดูกอาจารย์ใหญ่ พบว่าวัสดุ มีความแข็งแรงมากกว่าเดิมถึง 43% และทนแรงดัดได้มากขึ้นกว่า 40%
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้กระบวนการ Fine Shot Peening ที่นำไปใช้กับผู้ป่วยแล้ว เช่น สกรูขันกระดูกที่มีความสามารถในการยึด (Pullout Strength) สูงขึ้นอีก 70% โดยมีผู้ป่วยจำนวนกว่า 40 ราย ที่ได้รับการผ่าตัดพบว่าได้ผลดี ทำให้สามารถใช้งานในร่างกายได้นานขึ้น แก้ปัญหาสกรูที่ยึดกับกระดูกหลวมที่มักจะพบในผู้สูงอายุที่จำเป็นจะต้องเอาสกรูเดิมออกและใส่ใหม่
อุปกรณ์ดามกระดูกในบริเวณที่ไม่สามารถเข้าเฝือกได้ อุปกรณ์ดามกระดูกไหปลาร้า แผ่น Clavicle plate version 1 (Dumbbell Plate) ที่มีขนาดเล็กและบางมีความแข็งแรงสูง ช่วยให้แพทย์เปิดแผลในการผ่าตัดเล็กลง ลดขั้นตอนในการยึดติดอุปกรณ์และเวลาการผ่าตัด ด้วยอุปกรณ์มีขนาดเล็กและบางช่วยให้ผู้ป่วยลดความรู้สึกถึงอุปกรณ์ที่อยู่ในร่างกาย อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ออกแบบร่วมกับ พ.ต.ต. นพ. วิชาญ กาญจนถวัลย์ จากโรงพยาบาลเลิดสิน โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และโครงการสนับสนุนเร่งการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ Research Gap Fund สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยได้นำไปใช้จริงแล้วกับผู้ป่วยกว่า 20 ราย พบว่าได้ผลดี และยึดติดกระดูกได้ดี ลดปัญหาการหักภายในร่างกาย
รศ. ดร.อนรรฆ กล่าวว่า อุปกรณ์ที่พัฒนานี้นอกจากจะเป็นการออกแบบนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่แล้ว ยังมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศกว่าครึ่ง อนาคตจึงคาดหวังอยากให้อุปกรณ์ได้รับเลือกในการบรรจุเข้าไปในรายการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้กับระบบประกันสุขภาพเพื่อการรักษากระดูกไหปลาร้าโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนต่าง
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ที่ใช้ “กระบวนการ fine shot peeing เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโลหะไทเทเนียม” เพื่อใช้ทางการแพทย์ จำนวน 6 อุปกรณ์ ได้แก่ Bone Plate and Screw with FSP, Spinal rod & Screw with FSP, Maxillofacial plate with FSP, Clavicle plate version 1 (Dumbbell Plate), Clavicle plate version 2 (Fish Bone Plate) และ Track distractor plate ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว และมีการวางแผนนำไปใช้กับอุปกรณ์ข้อเข่า ข้อสะโพกเทียม อุปกรณ์ตัวล็อคไทเทเนียมสำหรับยึดกระดูกสันหลังในการรักษาผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมต่อไป
FB Bone plate FINAL
ปัจจุบันกระบวนการ Fine Shot Peening (FSP) ถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุฝังในทางการแพทย์มากขึ้น เช่น สกรู และแผ่นดามกระดูก ถือเป็นผลงานโดดเด่นของ รศ. ดร.อนรรฆ ขันธะชวนะ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการวัสดุฉลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และทีมวิจัย ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้คุณสมบัติของวัสดุมีความแข็งแรงทนทานต่อการเปลี่ยนรูปมากขึ้น ลดแรงเสียดทาน ทำให้เราสามารถผลิตวัสดุดามกระดูกที่มีขนาดบางและน้ำหนักเบาลง ช่วยให้แพทย์ผู้ผ่าตัดใช้งานได้ง่าย ผู้ป่วยรู้สึกไม่รำคาญ และแก้ไขปัญหาอุปกรณ์หลุดหรือหลวมและหักในผู้ป่วยได้
โดย “แผ่นดามกระดูกและสกรูประสิทธิภาพสูงด้วยกระบวนการ Fine Shot Peening” เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เมื่อปีที่ผ่านมา
รศ. ดร.อนรรฆ กล่าวว่า “ทีมวิจัยทำงานกับแพทย์ออกแบบอุปกรณ์ที่ฝังในร่างกายเพื่อใช้รักษากระดูกที่หักในบริเวณที่เข้าเฝือกไม่ได้ ต้องใช้แผ่นโลหะไทเทเนียมเข้าไปยึดต่อกระดูกให้เข้ากัน” แผ่นโลหะไทเทเนียมที่ยึดหรือดามกระดูกในร่างกายบริเวณที่มีการลงน้ำหนักมาก เช่น บริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก หรือต้นขา ทำให้แผ่นโลหะหัก ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้บ่อย และด้วยขนาดแผ่นโลหะไทเทเนียมที่ออกแบบมาไม่เหมาะกับสรีระของชาวเอเชีย เนื่องจากผู้ผลิตอุปกรณ์ส่วนใหญ่กว่า 95% มาจากต่างประเทศ การออกแบบเหมาะกับชาวยุโรป จึงเป็นที่มาของแนวคิดในการนำกระบวนการพ่นยิงด้วยอนุภาคละเอียด หรือ Fine shot peening ซึ่งเป็นกระบวนการปรับผิววัสดุให้มีคุณสมบัติแข็งแรงสูง ทนต่อการดัด งอระหว่างการรับน้ำหนัก แต่มีขนาดที่บาง และน้ำหนักเบา นำมาประยุกต์ใช้กับวัสดุโลหะไทเทเนียมที่ฝังในร่างกายผู้ป่วย โดยได้ทำการทดลองค่าความแข็งแรงของวัสดุ ความทนทานต่อความล้าและการเปลี่ยนรูป แรงเสียดทาน ในแบบจำลองในคอมพิวเตอร์ก่อนนำไปทดสอบในกระดูกเทียม และกระดูกอาจารย์ใหญ่ พบว่าวัสดุ มีความแข็งแรงมากกว่าเดิมถึง 43% และทนแรงดัดได้มากขึ้นกว่า 40%
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้กระบวนการ Fine Shot Peening ที่นำไปใช้กับผู้ป่วยแล้ว เช่น สกรูขันกระดูกที่มีความสามารถในการยึด (Pullout Strength) สูงขึ้นอีก 70% โดยมีผู้ป่วยจำนวนกว่า 40 ราย ที่ได้รับการผ่าตัดพบว่าได้ผลดี ทำให้สามารถใช้งานในร่างกายได้นานขึ้น แก้ปัญหาสกรูที่ยึดกับกระดูกหลวมที่มักจะพบในผู้สูงอายุที่จำเป็นจะต้องเอาสกรูเดิมออกและใส่ใหม่
อุปกรณ์ดามกระดูกในบริเวณที่ไม่สามารถเข้าเฝือกได้ อุปกรณ์ดามกระดูกไหปลาร้า แผ่น Clavicle plate version 1 (Dumbbell Plate) ที่มีขนาดเล็กและบางมีความแข็งแรงสูง ช่วยให้แพทย์เปิดแผลในการผ่าตัดเล็กลง ลดขั้นตอนในการยึดติดอุปกรณ์และเวลาการผ่าตัด ด้วยอุปกรณ์มีขนาดเล็กและบางช่วยให้ผู้ป่วยลดความรู้สึกถึงอุปกรณ์ที่อยู่ในร่างกาย อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ออกแบบร่วมกับ พ.ต.ต. นพ. วิชาญ กาญจนถวัลย์ จากโรงพยาบาลเลิดสิน โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และโครงการสนับสนุนเร่งการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ Research Gap Fund สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยได้นำไปใช้จริงแล้วกับผู้ป่วยกว่า 20 ราย พบว่าได้ผลดี และยึดติดกระดูกได้ดี ลดปัญหาการหักภายในร่างกาย
รศ. ดร.อนรรฆ กล่าวว่า อุปกรณ์ที่พัฒนานี้นอกจากจะเป็นการออกแบบนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่แล้ว ยังมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศกว่าครึ่ง อนาคตจึงคาดหวังอยากให้อุปกรณ์ได้รับเลือกในการบรรจุเข้าไปในรายการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้กับระบบประกันสุขภาพเพื่อการรักษากระดูกไหปลาร้าโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนต่าง
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ที่ใช้ “กระบวนการ fine shot peeing เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโลหะไทเทเนียม” เพื่อใช้ทางการแพทย์ จำนวน 6 อุปกรณ์ ได้แก่ Bone Plate and Screw with FSP, Spinal rod & Screw with FSP, Maxillofacial plate with FSP, Clavicle plate version 1 (Dumbbell Plate), Clavicle plate version 2 (Fish Bone Plate) และ Track distractor plate ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว และมีการวางแผนนำไปใช้กับอุปกรณ์ข้อเข่า ข้อสะโพกเทียม อุปกรณ์ตัวล็อคไทเทเนียมสำหรับยึดกระดูกสันหลังในการรักษาผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมต่อไป
12
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / เริ่มแล้ว “COMMART Crazy Offer” โปรโมชั่นสุดร้อนแรง งานไอทีแรกแห่งปี 25-28 มี.ค.
« on: March 26, 2021, 07:53:18 AM »
เริ่มแล้ว “COMMART Crazy Offer” โปรโมชั่นสุดร้อนแรง งานไอทีแรกแห่งปี 25-28 มี.ค. 64 ณ ไบเทค บางนา
เริ่มแล้ว!! งานมหกรรมสินค้าไอทีแรกแห่งปี “COMMART Crazy Offer” จัดโดย บมจ.เออาร์ไอพีและแบรนด์สินค้าไอทีและผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ ประเดิมงานไอทีแรกของปี ภายใต้แนวคิด CRAZY OFFER จัดเต็มโปรโมชั่นกระตุ้นอุตสาหกรรมไอทีไตรมาสแรกของปีคึกคัก ทั้งลด แลก แจก แถม จากทุกแบรนด์ทุกค่าย ตลอดการจัดงาน 4 วัน และร่วมลุ้นรางวัลใหญ่จาก Commart Big Bonus มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ตั้งแต่วันที่ 25-28 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ EH 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า “งาน COMMART Crazy Offer ครั้งนี้เป็นงานเทคโนโลยีแรกแห่งปี 2564 ที่ชาวไอทีจะได้อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายในงานครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คสเปค AMD ตัวใหม่, Gaming Notebook รุ่นใหม่ ในราคาจับต้องได้ หรือแม้แต่สินค้า ioT ก็มีมาเปิดตัวภายในงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งสินค้าและโปรโมชั่นจัดเต็มเหมือนเดิม ซึ่งมาจากความร่วมมือเป็นอย่างดีจากแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำที่มาร่วมงานครั้งนี้ อาทิ ACE, Advice, Asus, Banana, E-Quip, Epson, Huawei, iStudio by SPVI, IT City, J.I.B, MSI, Lenovo, MSI, Office Mate, Powerbuy, Studio7, SPEED Computer, Acer, Ascenti, Intel, AMD, SVOA, Razer และ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด อีกทั้งสบายใจได้กับความปลอดภัยด้านสาธารณสุขที่เกิดจากความร่วมมือกับศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ในการเตรียมมาตรการดูแลด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาเดินงาน โดยบริษัทฯ มีความมุ่งหวังให้การจัดงานครั้งนี้เป็นเวทีแห่งการนำเสนอนวัตกรรมล่าสุด และเวทีกระตุ้นการจับจ่ายช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอซีทีไทยให้เติบโตต่อไป”
นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า ผู้บริโภคที่เข้าร่วมงาน “COMMART Crazy Offer” ในช่วงงานไอทีแรกของปี ถือเป็นการอัพเดทเทคโนโลยีไตรมาสแรกของปี 2564 นี้ ที่มีเปิดตัวหลายรุ่นในงาน พร้อมกับร่วมกิจกรรมมากมายและสิทธิพิเศษ ประกอบด้วย
- Crazy Promotion จัดเต็มด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ลด แลก แถม แบบ Crazy Offer จาก 5 ร้านใหญ่ ทั้ง Advice, Banana, IT City, JIB และ Speed คุ้มกว่าช้อปนอกงานด้วย Commart Vocher คูปองแทน
เงินสด และสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล Crazy Surprise แจกสนั่นตลอด 4 วัน หรือเลือกลุ้นรางวัลใหญ่จาก Commart Big Bonus มูลค่ากว่า 2 แสนบาท
- Crazy Technology รวมเทคโนโลยีเพื่อคนคลั่งไคล้ไว้ในงานเดียว พร้อมอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดปี 2021
- Crazy Service มอบประสบการณ์ช้อปเหนือระดับสุดยอดบริการเพื่อให้คุณสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย กับคอมมาร์ตรับหิ้ว ฝาก บก.ซื้อโน๊ตบุ๊ค หรือคอมพ์ประกอบมั่นใจได้ของดีและถูกแน่นอน, Commart Safe เข้มข้นด้วยมาตรการป้องกันโควิด-19 ผ่านเทคโนโลยีจากเนคเทค ไบเทค และ AIS, Commart Premium ลุ้นรับของพรีเมี่ยมพิเศษที่ผลิตเพื่อสาวก Commart โดยเฉพาะ
พบกันที่งาน COMMART Crazy Offer ระหว่างวันที่ 25-28 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เข้าชมฟรี! ตลอดทั้งงาน เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรม หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , Line:@Commart, และ twitter.com/Commart
เริ่มแล้ว!! งานมหกรรมสินค้าไอทีแรกแห่งปี “COMMART Crazy Offer” จัดโดย บมจ.เออาร์ไอพีและแบรนด์สินค้าไอทีและผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ ประเดิมงานไอทีแรกของปี ภายใต้แนวคิด CRAZY OFFER จัดเต็มโปรโมชั่นกระตุ้นอุตสาหกรรมไอทีไตรมาสแรกของปีคึกคัก ทั้งลด แลก แจก แถม จากทุกแบรนด์ทุกค่าย ตลอดการจัดงาน 4 วัน และร่วมลุ้นรางวัลใหญ่จาก Commart Big Bonus มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ตั้งแต่วันที่ 25-28 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ EH 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า “งาน COMMART Crazy Offer ครั้งนี้เป็นงานเทคโนโลยีแรกแห่งปี 2564 ที่ชาวไอทีจะได้อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายในงานครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คสเปค AMD ตัวใหม่, Gaming Notebook รุ่นใหม่ ในราคาจับต้องได้ หรือแม้แต่สินค้า ioT ก็มีมาเปิดตัวภายในงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งสินค้าและโปรโมชั่นจัดเต็มเหมือนเดิม ซึ่งมาจากความร่วมมือเป็นอย่างดีจากแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำที่มาร่วมงานครั้งนี้ อาทิ ACE, Advice, Asus, Banana, E-Quip, Epson, Huawei, iStudio by SPVI, IT City, J.I.B, MSI, Lenovo, MSI, Office Mate, Powerbuy, Studio7, SPEED Computer, Acer, Ascenti, Intel, AMD, SVOA, Razer และ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด อีกทั้งสบายใจได้กับความปลอดภัยด้านสาธารณสุขที่เกิดจากความร่วมมือกับศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ในการเตรียมมาตรการดูแลด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาเดินงาน โดยบริษัทฯ มีความมุ่งหวังให้การจัดงานครั้งนี้เป็นเวทีแห่งการนำเสนอนวัตกรรมล่าสุด และเวทีกระตุ้นการจับจ่ายช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอซีทีไทยให้เติบโตต่อไป”
นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า ผู้บริโภคที่เข้าร่วมงาน “COMMART Crazy Offer” ในช่วงงานไอทีแรกของปี ถือเป็นการอัพเดทเทคโนโลยีไตรมาสแรกของปี 2564 นี้ ที่มีเปิดตัวหลายรุ่นในงาน พร้อมกับร่วมกิจกรรมมากมายและสิทธิพิเศษ ประกอบด้วย
- Crazy Promotion จัดเต็มด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ลด แลก แถม แบบ Crazy Offer จาก 5 ร้านใหญ่ ทั้ง Advice, Banana, IT City, JIB และ Speed คุ้มกว่าช้อปนอกงานด้วย Commart Vocher คูปองแทน
เงินสด และสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล Crazy Surprise แจกสนั่นตลอด 4 วัน หรือเลือกลุ้นรางวัลใหญ่จาก Commart Big Bonus มูลค่ากว่า 2 แสนบาท
- Crazy Technology รวมเทคโนโลยีเพื่อคนคลั่งไคล้ไว้ในงานเดียว พร้อมอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดปี 2021
- Crazy Service มอบประสบการณ์ช้อปเหนือระดับสุดยอดบริการเพื่อให้คุณสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย กับคอมมาร์ตรับหิ้ว ฝาก บก.ซื้อโน๊ตบุ๊ค หรือคอมพ์ประกอบมั่นใจได้ของดีและถูกแน่นอน, Commart Safe เข้มข้นด้วยมาตรการป้องกันโควิด-19 ผ่านเทคโนโลยีจากเนคเทค ไบเทค และ AIS, Commart Premium ลุ้นรับของพรีเมี่ยมพิเศษที่ผลิตเพื่อสาวก Commart โดยเฉพาะ
พบกันที่งาน COMMART Crazy Offer ระหว่างวันที่ 25-28 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เข้าชมฟรี! ตลอดทั้งงาน เดินทางสะดวกด้วย รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและกิจกรรม หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand , Line:@Commart, และ twitter.com/Commart
13
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / ทรู 5G ส่งเทียบเชิญคนไทยร่วมแคมเปญ “ใครๆก็ใช้ทรู ชีวิตอัจฉริยะที่เหนือกว่า”
« on: March 26, 2021, 07:03:29 AM »ทรู 5G ส่งเทียบเชิญคนไทยร่วมแคมเปญ “ใครๆก็ใช้ทรู ชีวิตอัจฉริยะที่เหนือกว่า” สะท้อนมุมมองผู้ใช้ทรูที่เติบโตสวนกระแสอย่างต่อเนื่องมากว่า 5 ปี ดึง 2 พรีเซนเตอร์จาก 2 เจน เจ-เจตริน และเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน โชว์ความเหนือชั้นที่ตรงใจไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลได้ครบครัน
กรุงเทพฯ 25 มีนาคม 2564 – ทรู 5Gเดินหน้าต่อเนื่อง ย้ำภาพผู้นำที่มีคลื่นความถี่ครบกว่า เร็วแรงยิ่งกว่า ครอบคลุมกว่า ทุกการใช้งาน เปิดตัวแคมเปญใหญ่ใหม่ล่าสุด “ใคร ๆ ก็ใช้ทรู ชีวิตอัจฉริยะที่เหนือกว่า” ดึงกลยุทธ์ “มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง” เชื่อมโยงอินไซด์ผู้บริโภคทั่วไทยที่ใช้ทรูเพิ่มมากขึ้น จนทำให้เป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มียอดผู้ใช้บริการเติบโตต่อเนื่องสวนกระแสมากว่า 5 ปี เสริมทัพพรีเซนเตอร์ เจ-เจตริน และเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ที่จะมาสะท้อนความต้องการของคน 2 เจนได้อย่างลงตัว โดย ‘เจ-เจตริน’ เป็นตัวแทนของสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า และ‘เจ้านาย’เป็นตัวแทนของความเร็วแรงซึ่งเป็นความต้องการการใช้งานของคนเจนนี้ มาเล่าเรื่องผ่านเพลง ‘ฝากเลี้ยง’ ในภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘อยากให้คุณใช้ทรู มาอยู่กับทรูด้วยกัน’ ที่จะไฮไลท์จุดเด่นที่แตกต่างทั้ง 1) ใคร ๆ ก็ใช้ซิมทรู > เพราะความเร็วแรงที่เหนือกว่ากับแพ็กเกจ True 5G Super Max Speed ที่ให้สัมผัสประสบการณ์ความเร็วแรงระดับ 1Gbps เพียงใช้ซิมทรู 5G คู่กับอุปกรณ์ที่รองรับ 5G 2) ใคร ๆ ก็ใช้เครื่องทรู > คุ้มสุดกับโปรโมชั่นที่เหนือกว่าในการซื้อสมาร์ทโฟน 5G พร้อมแพ็กเกจราคาพิเศษ หลากหลายรุ่น 3) ใคร ๆ ก็ใช้ทรูพอยท์ > เพราะสิทธิพิเศษมากมายที่สามารถใช้ทรูพอยท์รับความสุขที่มากกว่าผ่านแอปทรูไอดี ที่มีสินค้าและบริการให้เลือกมากกว่า 10,000 ร้านค้า พร้อมบริการอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์หลากหลายการใช้งาน อาทิ แลกเน็ต, แลกโทร, แลกชม EPL, แลกชมหนังและอื่นๆ อีกมากมายผ่านแอปทรูไอดี 4) ใคร ๆ ก็ใช้ทรูการ์ด > เพราะสิทธิพิเศษกับ True Happiness Upgrade ที่อัปเกรดชีวิตได้อย่างเหนือระดับ จากร้านค้าและบริการที่คัดสรรพิเศษเพื่อลูกค้าทรู โดยชวนลูกค้าชาวไทยทดลองใช้ True 5G Welcome Sim ใช้ฟรีเน็ต 5G เต็มสปีด 20 GB เมื่อใช้คู่กับสมาร์ทโฟน 5G โทรฟรีในเครือข่าย 50 นาที เปิดใช้งานง่ายๆได้เอง รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ True5gvip.truemoveh.com
ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรู ผู้นำโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลครบวงจร เดินหน้ายุทธศาสตร์องค์กรมุ่งเน้นดิจิทัล และมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่าง สร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมครบทุกมิติ สะท้อนความสำเร็จได้ชัดจากการเติบโตของลูกค้ากลุ่มทรูที่มีเพิ่มขึ้นแบบสวนกระ แสมาหลายปีต่อเนื่อง และเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มทรูก้าวล้ำไปอีกขั้นกับการทำการตลาดรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล จากการวิเคราะห์และเข้าใจไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของลูกค้าที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาบริการที่ตรงใจผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ทั้งในเรื่องการขยายเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ที่มีความต้องการใช้บริการมากยิ่งขึ้น การเพิ่มช่องทางการขายและจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสบาย การนำเสนอสินค้าทั้งสมาร์ทโฟน แก็ดเจ็ท และสินค้า IoT ที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งคอนเทนต์และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่คัดสรรได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการสร้างอีโคซิสเต็มที่ครบวงจรเพื่อเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จึงเป็นที่มาของความมั่นใจในการนำเสนอแคมเปญใหม่ล่าสุดในครั้งนี้ “ใคร ๆ ก็ใช้ทรู ชีวิตอัจฉริยะที่เหนือกว่า” ที่มีจุดเด่นที่แตกต่างให้กลุ่มเป้าหมายลูกค้าทั่วประเทศได้รับรู้ ทั้งเรื่องของซิมทรู ที่มีความเร็วแรงเหนือกว่า และเครื่องทรู ที่มีความหลากหลายและมีแพ็กเกจราคาพิเศษที่คุ้มค่ากว่า พร้อมสิทธิพิเศษจากทรูพอยท์ ที่ลูกค้าทรูเท่านั้นจะได้รับความสุขที่มากกว่าผ่านแอปทรูไอดี รวมทั้ง ทรูการ์ด สิทธิพิเศษที่พร้อมอัปเกรดชีวิตได้อย่างเหนือระดับ ซึ่งการนำเสนอความอัจฉริยะที่เหนือกว่าที่ทรูมี จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดสำคัญ ที่ตรงใจผู้บริโภคชาวไทย และทำให้คนไทยทั่วประเทศที่ยังไม่เคยใช้ทรู ได้มาร่วมเป็นครอบครัวทรู โดยการทดลองใช้ True 5G Welcome Sim สามารถเปิดใช้งานง่ายๆได้เอง รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ True5gvip.truemoveh.com”
นายโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ความอัจฉริยะที่เหนือกว่าของกลุ่มทรู เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นจากการสร้างแบรนด์ ทรู 5G ในช่วงที่ผ่านมา เพราะเป็นการสื่อสารให้เห็นภาพชัดในเรื่องอีโคซิสเต็มของกลุ่มทรูที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในไทย ทั้งความครบกว่าของคลื่น 7 ความถี่ ความครอบคลุมมากสุดกว่า 98% ในกรุงเทพและปริมณฑล ระบบนิเวศน์ดิจิทัลที่ครบกว่าทำให้ร่วมเติมเต็มได้ทุกไลฟ์สไตล์ รวมทั้งสิทธิพิเศษต่างๆที่ทรูร่วมกับพันธมิตรชั้นนำสรรหามาส่งมอบให้ลูกค้าทุกคน จนทำให้เกิดผลที่ทำให้จำนวนลูกค้าที่ใช้บริการทรูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “ใคร ๆ ก็ใช้ทรู ชีวิตอัจฉริยะที่เหนือกว่า” ที่ชูกลยุทธ์การตลาดแบบ “มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง” นำเพลงดัง ‘ฝากเลี้ยง’ ที่ยังคงสร้างความอินและสนุกให้กับคนทุกเจนมาจนถึงปัจจุบัน มาเรียบเรียงใหม่ใส่เนื้อร้องใหม่ให้เป็นสไตล์ทรู นำ 2 พรีเซนเตอร์ตัวท็อปจาก 2 เจน คือ เจ-เจตริน วรรธนะสิน เจ้าพ่อเพลงแดนซ์ และเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน หนุ่มฮอตที่ครบเครื่องที่สุดของยุคนี้ ที่เสมือนผสมผสานความต้องการของคน 2 เจนอย่างลงตัว โดย ‘คุณเจ’ จะเป็นตัวแทนของสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า และ ‘น้องเจ้านาย’ มาเป็นตัวแทนของความเร็วแรงซึ่งเป็นความต้องการการใช้งานของคนเจนนี้ มาเล่าเรื่องผ่านเพลง ‘ฝากเลี้ยง’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘อยากให้คุณใช้ทรู มาอยู่กับทรูด้วยกัน’ ซึ่งจะเริ่มออกอากาศทางโทรทัศน์และทางออนไลน์ทั่วประเทศวันที่ 25 มีนาคมเป็นต้นไป ผมเชื่อว่าเพลงนี้จะกลับมาฮิตและสร้างความสนุกอีกครั้งในใจคนไทยทั่วประเทศ”
#COMETRUEwithTRUE5G #BestwithTRUE5G
#อัจฉริยะภาพสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืนของเรา
14
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / เผยโฉม Amazfit T-Rex Pro สุดยอด นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ เหมาะทุกไลฟ์สไตล์กีฬากลางแจ้ง
« on: March 24, 2021, 07:51:26 AM »เผยโฉม Amazfit T-Rex Pro สุดยอด นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ เหมาะทุกไลฟ์สไตล์กีฬากลางแจ้ง ทนทาน ด้วยอายุแบตเตอร์รี่ยาวนานถึง 18 วัน
Amazfit แบรนด์ระดับโลกในตลาดสมาร์ทวอทช์ ได้เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นล่าสุด ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในกลุ่มสมาร์ทวอทซ์เพื่อกิจกรรมกลางแจ้ง, Amazfit T-Rex Pro นาฬิกาอัจฉริยะที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาตัวตนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟ ผ่านการทดสอบระดับทางทหารกว่า 15 ครั้ง โดยสามารถทนทานกับทุกสภาวะและความท้าทายทุกการใช้งาน โดยเฉพาะฟังก์ชั่นด้านสุขภาพและฟิตเนสที่ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากกับฟังชั่นโหมดกีฬากลางแจ้งยอดนิยม และสำหรับกิจกรรมกีฬาที่สมบุกสมบัน จึงทำให้ง่ายที่ผู้สวมใส่สมาร์ทวอทช์จะรักษาความฟิต ทำให้ชีวิตออกมาจากคอมฟอร์ทโซนเดิม ๆ และมีสุขภาพที่ดี
รายงานข่าวจาก Amazfit เปิดเผยว่า Amazfit T Rex Pro ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากความนิยมของผลิตภัณฑ์ Amazfit T-Rex ซึ่งได้รับรางวัลและเปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 โดยได้รับแรงบันดาลใจความสำเร็จจากรุ่นก่อน และด้วยนวัตกรรมที่สอดคล้องกันจึงได้เพิ่มคุณลักษณะใหม่ ๆ ให้กับรุ่นล่าสุดนี้ ทั้งนี้ Amazfit T-Rex Pro ได้ผ่านการทดสอบระดับทางทหารกว่า 15 ครั้ง และยังผ่านการทดสอบความทนทานเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง โดยฟังก์ชั่นใหม่นี้ยังรวมถึงการกันน้ำในระดับ 10 ATM, การวัดระดับออกซิเจนในเลือด, ระบบการต่อเชื่อมระบบดาวเทียวนำทางระดับโลกถึง 4 ระบบ และระบบเครื่องวัดการกดดันของชั้นบรรยากกาศ, และมีโหมดเกี่ยวกับกีฬากว่า 100 โหมด อีกด้วย
สำรวจตัวตนด้านการผจญภัยตามไลฟ์สไตล์ของคุณ
Amazfit Pro T Rex เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถทนทานในสภาพสิ่งแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ มีระบบการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีอาการเครื่องรวน ทั้งยังสามารถรับมือได้กับสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงและเลวร้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทะเลยทรายที่สุดจะแห้งแล้ง หรือ ป่าดิบชื้นที่มีฝนกระหน่ำ, Amazfit T-Rex Pro จึงเป็นเพื่อนคู่กายสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการก้าวพ้นข้อจำกัดต่าง ๆ
ความแข็งแกร่งจากภายในสู่ภายนอก
Amazfit T-Rex Pro สามารถประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้ต้องการและพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็วและอ่านง่ายบนหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ที่ชัดเจนและมีสีสันสดใส ด้วยการออกแบบเชิงมุมที่น่าดึงดูด กรอบด้านนอกพ่นโลหะที่แข็งแรงช่วยให้น้ำหนักเบา และมีสายซิลิโคลนที่มีความทนทานเป็นมิตรกับผิวของคุณ มีการออกแบบเพื่อป้องกันเหงื่อ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Meteorite Black, Desert Grey และ Steel Bl
รองรับการใช้งานกิจกรรมกลางแจ้ง
ด้วยคุณสมบัติอันทรงพลังที่ได้รับการยกระดับหมายความว่า Amazfit T-Rex Pro สามารถเป็นเพื่อนคู่หูของคุณในกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลายรูปแบบ ด้วยการรองรับระบบดาวเทียมนำทางระดับโลกถึง 4 ระบบ จึงสามารถช่วยติดตามตำแหน่งของคุณในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนหรือแตกต่าง ซึ่งดีกว่ามากเมื่อเปรียบเทียมกับการค้นหาโดย GPS เพียงอย่างเดียว
ไม่ว่าคุณจะอยู่บนภูเขาหรือต้องการที่จะท้าทายตัวเองด้วยการฝึกหนักขึ้นในโรงยิม ก็ยังสามารถวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดได้ดี การออกกำลังกายด้วยระบบเครื่องวัดความกดดัน ที่จะช่วยวัดระดับความสูงที่คุณปีนขึ้นไปว่าสูงแค่ไหน ทั้งยังมีระบบเข็มทิศนำทางที่เชื่อถือได้ เพื่อชี้นำทางไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง
ด้วยระบบป้องกันน้ำในระดับ 10 ATM ช่วยให้คุณสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็น การว่ายน้ำ การเล่นกระดานโต้คลื่น การแล่นเรือ รวมถึงการรับมือกับสภาวะอากาศที่เปลียกชื้นด้วยอายุของแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 18 วัน สำหรับการใช้งานโดยทั่วไป ดังนั้น Amazfit T-Rex Pro จึงเป็นเพื่อนคู่หูของคุณทุกการสำรวจและและยังพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางในทุกกิจกรรมทุกความท้าทายที่คุณกำหนดขึ้นเอง
ยืดเส้นสายให้สุดพลัง
ด้วยโหมดที่รองรับการใช้งานกีฬามากกว่า 100 ประเภท Amazfit T-Rex Pro สามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ,ระยะทาง , ความเร็ว และวัดค่าแคลอรี่ที่เผาผลาญในทุกกิจกรรม , Firstbeat ™ ที่เป็นอัลกอริทึ่ม พร้อมนำสิ่งต่าง ๆ ไปสู่ระดับใหม่ โดยการประเมินข้อมูลเฉพาะด้าน อย่างเช่น จำนวนออกซิเจนที่หายใจเข้าไป, ระยะเวลาในการฟื้นตัว ทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้ทราบถึงการพัฒนา ความสำเร็จ นอกจากนี้อัลกอริทึม ExerSense ™ยังจดจำโหมดกีฬา 8 โหมดโดยอัตโนมัติและบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เชื่อมต่อตัวตนของคุณกับธรรมชาติ
ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศด้วยเครื่องมือติดตามสภาพอากาศ Amazfit T-Rex Pro มาพร้อมจอภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตก การบอกวันข้างขึ้น - ข้างแรมในปัจจุบัน ซึ่งยังช่วยให้คุณสามารถจับภาพมุมมองที่ดีที่สุดได้อีกด้วย
รู้ลึกเรื่องสุขภาพของคุณ
หัวใจที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก Amazfit T-Rex Pro จึงมาพร้อมกับ BioTracker ™ 2 PPG Bio-Tracking Optical Sensor ซึ่งทำการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจอย่างแม่นยำตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งเตือนหากอัตราการเต้นของหัวใจสูงเกินไป - และนาฬิกายังติดตามความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) เพื่อบันทึกการตอบสนองต่อความเครียดของคุณ
เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ใช้งาน Amazfit T-Rex Pro นำเสนอการประเมินส่วนบุคคลผ่านระบบการประเมินสุขภาพ Personal Activity Intelligence (PAI) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ระบบอัฉจริยะด้านกิจกรรมส่วนบุคคลที่เป็นระบบการประเมินสุขภาพ ด้วยระบบนี้จะเก็บข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้ออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจ และข้อมูลที่มีการตรวจสอบอื่น ๆ จากนั้นจึงนำมาแทนค่าเป็นตัวเลขเดียวเพื่อเป็นการประเมินค่าคะแนนสุขภาพและการประเมินผลเฉพาะของคุณ ด้วยข้อมูลนี้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายด้านสุขภาพและการออกกำลังกายครั้งต่อไป เพื่อให้บรรลุแนวทางที่ดีที่สุด
ให้คุณภาพชีวิตในการนอนหลับ
คุณภาพชีวิตในยามพักผ่อนและนอนหลับ ถือเป็นพื้นฐานของสุขภาพกายและใจที่ดี และสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจที่ทำให้คุณนอนหลับสนิทได้ตลอดทั้งคืนด้วยฟังก์ชั่นสุดพิเศษ Amazfit SomnusCare ที่มีฟีเจอร์ที่ติดตามการนอนหลับ โดย Amazfiz T-Rex Pro ทำงานร่วมกับการนอนหลับหลายรูปแบบ ทั้งนอนหลับระยะแรก, นอนหลับลึก และ REM Sleep Step , รวมถึงการตรวจเวลาที่คุณงีบระหว่างวัน และยังเฝ้าดูปัญหาเรื่องการหายใจที่เกิดขึ้น เมื่อคุณนอน อีกด้วย
สุขใจกับสมดุลย์ชีวิตด้วยดนตรี
Amazfit T-Rex Pro ช่วยให้คุณจัดการสมดุลย์ในการทำงาน และชีวิตได้ดียิ่งกว่า ด้วยการเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่น การตั้งปลุก, การแจ้งคุณจากข้อความที่เข้ามา เสียงเรียก และการแจ้งเตือน ยังช่วยให้คุณควบคุมดนตรีในมือถือผ่านนาฬิกา –สำหรับการเพิ่งแรงบันดาลใจในช่วงของการออกกำลังกาย หรือ เมื่อคุณต้องการพักผ่อน และ ฟังเพลยลิสต์สุดโปรด
Amazfit T-Rex Pro พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ราคา 5,599. – พบโปรโมชั่นสุด Exclusive ในวันที่ 24 มี.ค. – 7 เม.ย. 2564 เฉพาะที่ Shopee เท่านั้น
เมื่อช้อป Amazfit T-Rex Pro ที่ร้าน Amazfit Official Store : https://bit.ly/3v7FWzG
- 50 คำสั่งซื้อแรก แถมฟรี Amazfit Smart Scale มูลค่า 1,699.-
- คำสั่งซื้อที่ 51-100 แถมฟรี Smartisan TWS มูลค่า 1,599.-
- คำสั่งซื้อที่ 101 เป็นต้นไป แถมฟรี Mi City Sling Bag มูลค่า 590.-
- รางวัลสำหรับผู้มียอดสั่งซื้อสูงสุด รับฟรี Pando Air D Plus Purifie มูลค่า 6,899.-
เมื่อช้อป Amazfit T-Rex Pro ที่ร้าน Zepp Official Store : https://bit.ly/38mdikt
- 20 คำสั่งซื้อแรก แถมฟรี Deawoo K3 2.35L มูลค่า 1,599.-
- คำสั่งซื้อที่ 21 เป็นต้นไป แถมฟรี Line TWS มูลค่า 699.-
เกี่ยวกับ Amazfit
Amazfit ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2015 นำเสนอนาฬิกาและสายนาฬิกาอัจฉริยะหลายซีรีส์ตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงการเล่นกีฬากลางแจ้งตลอดจนฮาร์ดแวร์อัจฉริยะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาและสุขภาพรวมถึงหูฟังกีฬา TWS ลู่วิ่งอัจฉริยะเครื่องชั่งน้ำหนัก ตัวถังอัจฉริยะและอุปกรณ์กีฬา ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ซึ่งได้มอบประสบการณ์การใช้งานที่โดดเด่น Amazfit เพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ด้วยการออกแบบและงานฝีมือที่โดดเด่นผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์ของ Amazfit ได้รับรางวัลมากมายเช่นรางวัล German iF Industrial Design Award และ Red Dot Design Award
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Amazfit วางจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศและภูมิภาครวมถึงสหรัฐอเมริกาเยอรมนีและญี่ปุ่น ตามรายงานการติดตามตลาดอุปกรณ์สวมใส่ทั่วโลกของ IDC ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 นาฬิกา Amazfit ได้รับส่วนแบ่งตลาดนาฬิกาสำหรับผู้ใหญ่มากที่สุดในประเทศอิตาลี สเปน อินเดีย และภูมิภาคอื่น ๆ และยังเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อันดับต้น ๆ ในจีน , เยอรมนี, ฝรั่งเศส, รัสเซียและบราซิล
15
เทคโนโลยีใหม่ๆ - Smart Phone - PC - IT / ระบุตำแหน่งอุปกรณ์ Fitbit Inspire 2 ของคุณได้ง่ายๆ ผ่าน Tile
« on: March 23, 2021, 02:35:34 PM »ระบุตำแหน่งอุปกรณ์ Fitbit Inspire 2 ของคุณได้ง่ายๆ ผ่าน Tile
Tile เปิดการใช้งานร่วมกับ Fitbit Inspire 2 และขยายการใช้งานสู่อุปกรณ์สวมใส่
Tile และ Fitbit จับมือเปิดการใช้งานให้คุณสามารถระบุตำแหน่ง Fitbit Inspire 2™ ผ่าน Tile ได้ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป คุณสามารถค้นหาฟิตเนสแทรคเกอร์อย่าง Fitbit Inspire 2 ของคุณผ่านเทคโนโลยี Bluetooth Finding ของ Tile ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นการเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) ของ Tile และช่วยให้ผู้ใช้งานใหม่และปัจจุบันเข้าถึงฟีเจอร์การค้นหาของ Tile ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
“ฟิตบิทส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้น ได้ขยับมากขึ้น เราจึงอยากช่วยให้พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะทำฟิตเนสแทรคเกอร์เครื่องโปรดของพวกเขาหาย” ซีเจ โพรเบอร์ ซีอีโอของ Tile กล่าว “เทคโนโลยี Bluetooth Finding ของ Tile เปิดให้ใช้บริการได้แล้ววันนี้บน Fitbit Inspire 2 นี่จะช่วยให้คุณไม่พลาดการออกกำลังกายโปรด หรือกังวลว่าจะหาอุปกรณ์ฟิตบิทของคุณไม่เจอ ตลาดอุปกรณ์ Wearable เป็นตลาดใหม่ที่น่าตื่นเต้นของเรา ที่จะช่วยผนึกกำลังการค้นหาของ Tile ร่วมกับหูฟังและคอมพิวเตอร์แลปท็อปต่าง ๆ ”
สำหรับผู้ใช้งาน Fitbit Inspire 2 เราจะทยอยอัปเดตให้กับผู้ใช้งานเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชั่น Fitbit โดยเมื่อคุณเพิ่มการใช้งานของ Tile แล้ว มันจะนำคุณให้ไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Tile เพื่อเปิดการใช้งานเครื่องมือการค้นหา ซึ่งจะช่วยให้ Fitbit Inspire 2 ใหม่นี้สามารถหาเจอผ่านเทคโนโลยีการค้นหาสุดล้ำของ Tile ได้
“เทคโนโลยีของ Tile นั้นช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน Inspire 2 ของเรา นี่จะช่วยทำให้แทรคเกอร์ตัวนี้มีประโยชน์และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น” แลร์รี่ ยาง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของฟิตบิท กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Tile เพื่อให้ผู้ใช้ของเราได้มีเวลาออกกำลังกาย และสร้างเสริมสุขภาพได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะลืมอุปกรณ์ของคุณเอาไว้ที่ใด และเรายังมองถึงโอกาสที่จะได้นำเทคโนโลยีการค้นหานี้ไปสู่อุปกรณ์ฟิตบิทรุ่นอื่นๆเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย”
ถ้าคุณหา Inspire 2 ของคุณไม่เจอภายในบ้าน คุณสามารถเปิดแอปพลิเคชั่น Tile และระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ของคุณได้ทันที หรือถ้าคุณทำ Inspire 2 ของคุณหายนอกระยะสัญญาณบลูทูธ คุณก็ยังสามารถใช้แอปพลิเคชั่น Tile ในการระบุตำแหน่งล่าสุด หรือใช้ Global Network ของ Tile ในการระบุตำแหน่งได้เช่นกัน และในทางกลับกัน ถ้าหากคุณทำโทรศัพท์หาย คุณก็สามารถใช้ Inspire 2 เพื่อสั่งให้สมาร์ทโฟนของคุณส่งเสียงเพื่อให้คุณหามันได้ง่ายขึ้น แม้กระทั่งสมาร์ทโฟนอยู่ในโหมดเงียบ
ผู้ใช้งานบริการที่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย Tile Premium ยังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมได้ เช่น Smart Alerts อันชาญฉลาด ที่จะแจ้งเตือนคุณทันทีถ้าคุณออกนอกบ้านโดยไม่ได้พก Fitbit Inspire 2 ติดตัว เพื่อทีคุณจะได้ไม่ลืมพาแทรคเกอร์ตัวเก่งออกไปด้วย
การทำงานร่วมกันระหว่าง Tile กับอุปกรณ์ Fitbit จะช่วยให้ฟิตเนสแทรคเกอร์อย่าง Inspire 2 นั้นมีคุณสมบัติหลากหลายและมีประโยชน์เพิ่มมากขึ้น Fitbit Inspire 2 ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบนั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์เพื่อสุขภาพที่คุ้นเคยมากมาย อาทิ Active Zone Minutes™, โหมดออกกำลังกายกว่า 20 ชนิด, ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับสุดล้ำและการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องเป็นกังวลว่าฟีเจอร์เยอะขนาดนี้ แบตเตอร์รี่จะเอาอยู่รึเปล่าเพราะว่า Fitbit Inspire 2 นี้มาพร้อมกับแบตเตอร์รี่สุดอึดถึง 10 วันเต็ม[1] แทรคเกอร์ตัวนี้มาพร้อมกับโปรแกรมทดลองใช้งาน Fitbit Premium[2] ฟรียาวถึง 1 ปี เพื่อให้สายเฮลท์ตี้ได้เข้าถึงคอนเทนต์สุขภาพมากมายได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็น คอร์สดูแลสุขภาพจิต การจัดโปรแกรมการกิน คอร์สออกกำลังกายกว่า 100 คอร์ส รวมถึงข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคลที่ช่วยให้คุณสามารถฟิตได้ตามเป้าหมายของคุณ
Fitbit Inspire 2 พร้อมฟีเจอร์ระบุตำแหน่งของ Tile ให้วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 3,990 บาท ที่ Fitbit.com และร้านค้าชั้นนำทั่วไป ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://www.fitbit.com/th/inspire2 สามารถสมัครบริการ Tile Premium ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Tile ในราคา 90 บาทต่อเดือน หรือ 900 บาทต่อปี
Tile ทำงานร่วมกับหุ้นส่วนมากถึง 20 ราย เพื่อให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีการค้นหาได้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ เช่น เครื่องเสียง อุปกรณ์พกพา สมาร์ทโฮม รวมไปถึงในหมวดหมู่คอมพิวเตอร์ ดูเพิ่มเติมได้ที่ tile.com/partners
เกี่ยวกับ Tile
Tile ทำให้หาทุกอย่างพบได้ด้วยเทคโนโลยีบอกตำแหน่งอันชาญฉลาด ครอบคลุมสิ่งของมากถึง 6 ล้านชิ้นในแต่ละวัน Tile ช่วยให้ผู้บริโภคค้นพบของสำคัญที่สุดผ่านทางแพลตฟอร์มเครือข่ายบนคลาวด์ที่กว้างขวางใน 195 ประเทศ ล่าสุด Tile เพิ่งติดอันดับ #5 ในรายชื่อบริษัทสุดยอดนวัตกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของ Fast Company ทั้งนี้ Tile มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซานมาเตโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Francisco Partners, Bessemer Venture Partners และ GGV Capital ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tile.com
เกี่ยวกับบริษัท Fitbit
ฟิตบิทช่วยให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น ขยับร่างกายมากขึ้น โดยการให้ข้อมูล แรงบันดาลใจ และคำแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ฟิตบิทออกแบบสินค้าและประสบการณ์ที่สามารถแทรคและมอบแรงจูงใจเชิงสุขภาพและความฟิตในทุกวัน ฟิตบิทมีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกประมาณ 39,000 ร้านในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก สินค้าฟิตบิทอันก้าวหน้าและเป็นที่ชื่นชอบนั้นมีอยู่อย่างหลากหลาย เช่น Fitbit Sense™, สมาร์ทวอทช์ตระกูล Fitbit Versa™, แทรคเกอร์ตามติดกิจกรรมประจำวัน Fitbit Charge 4™, Fitbit Inspire 2™ และตราชั่งอัจฉริยะ Fitbit Aria Air แพลตฟอร์มฟิตบิทมอบประสบการณ์เฉพาะตัว ข้อมูลเชิงลึก และคำแนะนำ ผ่านทางซอฟท์แวร์ และเครื่องมืออินเทอร์แอคทีฟอย่างแอป Fitbit และ Fitbit OS สำหรับสมาร์ทวอทช์ Fitbit Premium การบริการที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายของฟิตบิทแสดงข้อมูลจากการวิเคราะห์เชิงลึก และคำแนะนำในแอป Fitbit ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ให้คุณบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพและความฟิต Fitbit Premium + Health Coaching มอบคลาสการออกกำลังกายที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลด้วยการใช้ข้อมูลจากฟิตบิทของคุณกับโค้ชผู้ช่ำชองด้านสุขภาพแบบตัวต่อตัวผ่านทางออนไลน์ Fitbit Health Solutions ได้พัฒนาโซลูชั่นเพื่อสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อการเพิ่มการมีส่วนร่วม เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อขับเคลื่อนผลเชิงบวกสำหรับหัวหน้าฝ่ายงาน แผนสุขภาพ และระบบสุขภาพ
ฟิตบิทและโลโก้ของฟิตบิทได้มีการจดทะเบียนการค้าในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ การจดทะเบียนทางการค้าอื่นๆของฟิตบิทสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fitbit.com/legal/trademark-list การจดทะเบียนทางการค้าของบริษัทอื่นๆนั้นเป็นทรัพย์สินของทางบริษัทนั้นๆ
มองหาแรงบันดาลใจอยู่ใช่ไหม? หันมาทางนี้! – ติดตามเราได้บน Facebook, Instagram, LinkedIn, Twitter และ YouTube หรือถ้าคุณมีข้อเสนอแนะอื่นๆ คุณสามารถแชร์ประสบการณ์ของคุณได้
[1] อายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ขึ้นอยู่กับการใช้งาน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ
[2] การทดลองใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ใหม่ และผู้ที่เคยใช้ Fitbit Premium มาก่อนแล้ว และกดรับสิทธิ์ภายใน 60 วันหลังจากเปิดการใช้งานเครื่องแล้วเท่านั้น (จำเป็นต้องใส่ข้อมูลการชำระเงินล่วงหน้า) ท่านสามารถยกเลิกการใช้งาน Premium ก่อนหมดช่วยทดลองใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บค่าใช้จ่ายในแต่ละรอบบิล คอนเทนต์และฟังก์ชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ โดยเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ[/size]