Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2534
1
4ปัจจัยที่ทำให้กันสาดทรุดตัว
จากสมาคมวิศวกรโครงสร้าง


จากเหตุกันสาดทรุดตัว ปากซอยสำราญราษฎร์ เขตพระนคร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และ อ.ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายถึง 4 ปัจจัยที่ทำให้กันสาดทรุดตัว ดังนี้

1. โครงสร้างมีอายุมาก ซึ่งกรณีตึกแถวที่เกิดเหตุมีอายุถึงกว่า 90 ปี ดังนั้นวัสดุก่อสร้าง เช่น คอนกรีต และเหล็กเสริมมีการเสื่อมสภาพ อีกทั้งคอนกรีตและเหล็กเสริมในยุคก่อนมีกำลังรับน้ำหนักไม่มากเหมือนในปัจจุบัน เมื่ออายุผ่านไป จึงเสื่อมสภาพได้

2. โครงสร้างกันสาดหรือระเบียงมีลักษณะเป็นโครงสร้างยื่นปลาย มีจุดรองรับด้านเดียว คือปลายที่ยึดติดกับโครงสร้างหลักของอาคาร ดังนั้นโครงสร้างดังกล่าว จึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะยุบตัวลงมาได้ง่ายกว่าโครงสร้างที่อยู่ด้านใน

3. โครงสร้างกันสาดหรือระเบียงมีลักษณะการใช้งานภายนอก ซึ่งต้องสัมผัสกับ ลม ฝน แสงแดด ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดการแตกร้าวในโครงสร้าง จากนั้นความชื้นจะซึมเข้าไปถึงเนื้อเหล็กเสริม แล้วทำให้เหล็กเสริมกัดกร่อนเป็นสนิม สูญเสียเนื้อเหล็ก แล้วทำให้ร่วงลงมา

4. สิ่งแวดล้อมในเขตเมือง มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกิจกรรมต่างๆ เช่น การขนส่ง การเผาไหม้ ซึ่งก๊าซดังกล่าวทำให้เกิดคาร์บอเนชั่นในคอนกรีต แล้วทำให้เหล็กเสริมเป็นสนิมได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น ผู้ใช้งานอาคาร จะต้องดูแลรักษาอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารเก่าที่เสื่อมสภาพไปตามเวลา และต้องรู้จักการสังเกตสัญญาณเตือนภัยต่างๆ เช่น เห็นคราบสนิม หรือ รอยร้าวขนาดใหญ่ในโครงสร้าง และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้าตรวจสอบ ก่อนที่รอยร้าวและสนิมจะลุกลามทำให้โครงสร้างพังถล่มลงมา

2
ESG Symposium 2025 ผนึกทุกภาคส่วน เร่งเปลี่ยนผ่านพลังงาน – ยกระดับ SMEs – รับมือโลกรวน ขับเคลื่อนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ “แข่งขันได้ เข้าถึงง่าย และขับเคลื่อนได้จริง”


ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ สังคม และภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง ESG Symposium 2025 จัดขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรมที่ต้อง “แข่งขันได้ เข้าถึงง่าย และขับเคลื่อนได้จริง” โดยเน้น 3 วาระสำคัญ ได้แก่ 1. การเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) 2. การยกระดับ SMEs สู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำครบวงจรและเป็นธรรม (Just Transition for SMEs) และ 3. การเตรียมพร้อมรับมือโลกรวน (Climate Adaptation) เสริมขีดความสามารถแข่งขันระดับสากล รับมือความผันผวนทั้งโลกรวนและเศรษฐกิจโลกอย่างทันท่วงที


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “ESG Symposium เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘GREEN BREAKTHROUGH AMID THE PERFECT STORM – เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน’ เพื่อร่วมออกแบบและขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้และยั่งยืน โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คนจากภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ วิกฤติสภาพภูมิอากาศ และภาวะเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้า จึงต้องเร่งวางกรอบกลยุทธ์ที่ “แข่งขันได้ เข้าถึงง่าย และขับเคลื่อนได้จริง” เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก พร้อมสร้างรากฐานอย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้


1.   ปลดล็อก ปรับโครงสร้าง วางระบบพลังงานเสรีครบวงจร เร่งเปลี่ยนผ่านพลังงาน เร่งวางระบบพลังงานเสรีอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการเปิดเสรีตลาดไฟฟ้าด้วยมาตรฐาน TPA Code และการส่งเสริมสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (Direct PPA) พร้อมปรับโครงสร้างระบบพลังงานให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในต้นทุนที่เหมาะสม เพิ่มความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า สำหรับรับมือกับความผันผวนในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
2.   ยกระดับ SMEs สู่ความยั่งยืนและแข่งขันได้จริง จัดตั้ง One Stop Service เพื่อให้ SMEs เข้าถึงเงินทุน
ความรู้ และเทคโนโลยีได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน และเปิดโอกาสให้ SMEs เข้าสู่ตลาดแข่งขันได้จริง ขณะเดียวกันเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีสีเขียวและดิจิทัล พัฒนาทักษะแรงงานผ่านการอบรมและ Skill Matching เตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงของตลาด สร้าง Ecosystem ที่เชื่อมโยงแผนพัฒนาระดับชาติและวาระลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ SMEs เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
3.   เร่งเตรียมความพร้อมปรับตัวรับมือโลกรวน ด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือ ดำเนินการวางรากฐานการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร นำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ประโยชน์ พร้อมศึกษาและนำแนวทางนโยบายจากต่างประเทศมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของไทย เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือวิกฤติโลกรวน



ด้าน ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า “ระบบพลังงานของไทยเผชิญแรงกดดันทั้งจากเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก NDC 3.0 การตอบรับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป และความจำเป็นในการยกระดับดัชนี Energy Transition Index เพื่อความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาค เราจึงเสนอกรอบแนวทาง ‘ชัด คล่อง เป็นจริง’ โดยมุ่งเน้นการเปิดตลาด Direct PPA ที่โปร่งใสเพื่อดึงดูดการลงทุนพลังงานหมุนเวียน การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน และไฮโดรเจน พร้อมสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อวางรากฐาน Green Infrastructure ที่มั่นคงและยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาแรงงานทักษะสีเขียว โดย TDRI พร้อมสนับสนุนงานวิจัยและนโยบายในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนผ่านนี้”


ขณะที่ ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย กล่าวว่า “MSMEs (Micro & Small, Medium Enterprises) ซึ่งเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจไทยกว่า 99.5% ของผู้ประกอบการและมีการจ้างงานกว่า 13 ล้านคน ยังคงเผชิญกับ 4 ความท้าทายหลัก ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งทุน โอกาสเชื่อมโยงตลาดใหม่ กฎระเบียบที่ยังซับซ้อน และขาดทักษะอนาคต โดยได้กำหนดแนวทางเพื่อครอบคลุมมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมาตรการดังกล่าวกระตุ้นเร่งให้เติมทุนหมุนเวียนให้ Micro และ Small Entrepreneurs โดยให้ความสำคัญกับ การสร้างช่องทางการเงินใหม่ๆ ที่ไม่ผูกติดอยู่กับระบบธนาคารที่มีความเข้มงวดต่อการพิจารณาสินเชื่อสูง อาทิ กองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Micro & Small Entrepreneurs) ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ 3-4% ต่อปี เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับตัว และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันต่อไป นอกเหนือจากนี้ การยกระดับทักษะและนวัตกรรมทาง Digital, AI and Green Transformation เพื่อให้เกิดความพร้อมในการเชื่อมโยงตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงตลาด Online ตลอดจนการสร้าง One Stop Service และ Ecosystem ครบวงจร พร้อมผลักดันการปรับปรุงกฎระเบียบที่เอื้อกับผู้ประกอบการ MSME ให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในระยะยาว ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ”


“นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมในการรับมือวิกฤตโลกรวน (Climate Adaptation) เป็นโจทย์เร่งด่วนที่ประเทศต้องเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพราะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และความผันผวนของทรัพยากร กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และความมั่นคงของประเทศ การเร่งเตรียมพร้อมอย่างรอบด้านจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือความจำเป็นโดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้มาใช้ ยกระดับความสามารถในการปรับตัว ลดความเสี่ยง และสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเป็นระบบ

เอสซีจีพร้อมเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อผลักดันข้อเสนอจาก ESG Symposium 2025 ไปสู่การปฏิบัติจริง ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ และการลงทุนพัฒนาผ่านโครงการนำร่อง PPP สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต” นายธรรมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

3
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย มอบทุนการศึกษาในระดับชั้นประถม
และทุนฯ ทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
5 จังหวัดภาคเหนือ รวมงบฯ กว่า 2.25 ล้านบาท





วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ  นำทีมลงพื้นที่มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา และทุนฯ ทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) ประจำปี พ.ศ. 2568 แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์  5 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และ แม่ฮ่องสอน โดยมีจังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดศูนย์กลางในการมอบทุนฯ รวม 53 สถาบัน 265 ทุน รวมเป็นเงินจำนวน 2,255,000 บาท (สองล้านสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมตามที่มุ่งหวัง เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะมูลนิธิเชียงใหม่สามัคคีการกุศล เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ ห้องประชุมโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบํารุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่







นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ เปิดเผยว่า การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี สนับสนุนให้เยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา โดยไม่ต้องละทิ้ง หรือยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยในปี พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดสรรงบประมาณในการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เป็นจำนวนเงินกว่า 17.8 ล้านบาท

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”







มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ร่วมบริจาคสมทบทุนงานสาธารณกุศลต่างๆ กับทางมูลนิธิฯ “ทุกบาท ทุกสตางค์ ที่ท่านบริจาค สามารถร่วม ช่วยชีวิต รักษาชีวิต และสร้างชีวิต นับล้านชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

## มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน






4
“เปิดโลกไทดำ สืบสานตำนานวัฒนธรรมท่าฉนวน” 
สุโขทัยคึกคัก กิน เล่น เต้น ครบ!!





          จังหวัดสุโขทัยสุดคึกคักกับงาน “เปิดโลกไทดำ นำสู่วัฒนธรรม ท่าฉนวน @สุโขทัย” ณ ศูนย์ศึกษาไทดำบ้านนำเรื่อง ตำบลท่าฉนวน อำเภอกงไกรลาศ นักท่องเที่ยวแห่ร่วมงานคับคั่งเพื่อสัมผัสวิถีชุมชนโบราณ ชิมอาหารพื้นบ้าน รำวงสุดสนุก และเพลิดเพลินกับดนตรีจัดเต็ม ตอกย้ำเสน่ห์วัฒนธรรมไทย และขานรับนโยบายรัฐบาลในการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น







          โดยพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ได้รับเกียรติจาก นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนางสุภาวิณี นวลหงษ์ นายอำเภอกงไกรลาศ กล่าวรายงาน, นายเจษฎา สระทองแร่ ประธานไทดำภาคเหนือ, นายคำพัน อั่นลาวัน เอกอัครราชทูตแห่งสปป.ลาว ประจำประเทศไทย และนายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย เขต 2 ท่ามกลางนักท่องเที่ยวร่วมงานอย่างคับ ในงาน “เปิดโลกไทดำ นำสู่วัฒนธรรม ท่าฉนวน @สุโขทัย” ที่ศูนย์ศึกษาไทดำบ้านนำเรื่อง ตำบลท่าฉนวน อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันก่อน




          ไฮไลต์กิจกรรมงานครั้งนี้สะท้อนอัตลักษณ์ความงดงามของชาวไทดำไว้อย่างครบถ้วน ได้แก่นิทรรศการ “วิถีไทดำ” และบูธสินค้าท้องถิ่นชิมเมนูโบราณหาทานยาก เช่น ปลาปิ้งต๊บ, ปลาต๊ง, กบโอ๋, จุ๊ปผัก และข้าวเม่าคลุก กิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ “กินข้าววง” ร่วมโต๊ะอาหารกับชาวบ้าน สร้างความอบอุ่นและประทับใจ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านรำโชว์จากแม่บ้านหมู่ 5 และหมู่ 12, การแสดงจากโรงเรียนบ้านนำเรื่อง และโรงเรียนวัดเกาะแก้ว, การรำแคนย่าง และนาฏภูษาไทดำวังหยวก การละเล่นและรำวงพื้นบ้าน เชิญนักท่องเที่ยวร่วมเต้นกับชาวไทดำแบบสนุกสนาน ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตมันส์ๆ จากศิลปินชื่อดัง “อาร์ วงระเบียบศิลป์” และ “วงเดอะโซ่ง”







          สำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนงานครั้งนี้ เกิดขึ้นจากพลังความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งจังหวัดสุโขทัย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, องค์การบริหารส่วนตำบลท่าฉนวน, อำเภอกงไกรลาศ, ประธานกลุ่มไทดำแต่ละจังหวัด, ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน และภาคเอกชนอย่าง บริษัท ไอ-แคนนาบิซ จำกัด

          งาน “เปิดโลกไทดำ นำสู่วัฒนธรรม ท่าฉนวน” ไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมโบราณให้คงอยู่ แต่ยังเป็นเวทีเชื่อมโยงชุมชน นักท่องเที่ยว และเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างแท้จริง















5
การผ่าตัดต่อมไทมัสแผลเล็ก : ก้าวใหม่ของการรักษาเนื้องอกต่อมไทมัส

โดย รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย
โรงพยาบาลวชิรพยาบาล


           ต่อมไทมัส (Thymus) เป็นอวัยวะเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงกลางทรวงอกทางด้านหลังของกระดูกอก ทำหน้าที่สำคัญในวัยเด็กและวัยรุ่น คือช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด T-lymphocyte ซึ่งเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย พอเราโตขึ้นต่อมไทมัสจะค่อย ๆ เล็กลงและทำงานน้อยลง แต่ในบางคนอาจเกิดความผิดปกติจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกต่อมไทมัส (Thymoma) โดยอาจทำให้เกิดอาการได้หลายแบบ เช่น มีอาการหายใจลำบาก ไอเรื้อรัง แน่นหน้าอกหรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนขาไม่มีแรง (โดยเฉพาะหากมีโรค Myasthenia Gravis ร่วมด้วย)หรือบางรายตรวจพบโดยบังเอิญจากการเอกซเรย์หรือ CT Scan การรักษาหลักคือการนำเอาต่อมไทมัสออก(Thymectomy) โดยการผ่าตัดนำก้อนออก เพื่อป้องกันการลุกลาม ลดอาการและเพิ่มโอกาสหายขาดในผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมอยู่ด้วย การผ่าตัดเอาต่อมไทมัสออกยังช่วยให้อาการดีขึ้นได้




           จากการผ่าตัดเปิดอกสู่ “แผลเล็ก” นั้น รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย  ศัลยแพทย์ทรวงอกจากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลวชิรพยาบาลกล่าวว่า เดิมทีการผ่าตัดต่อมไทมัสต้องอาศัยการเปิดช่องอกกลาง(Median sternotomy) ซึ่งต้องมีการตัดบริเวณกระดูกหน้าอกออก เพื่อให้ศัลยแพทย์ได้มองเห็นและนำก้อนออกได้หมด แม้จะมีประสิทธิภาพดี แต่ก็ทำให้ผู้ป่วยเจ็บแผลมาก ฟื้นตัวช้าและมีแผลผ่าตัดที่เห็นชัด ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดที่ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ แต่ยังคงความปลอดภัยและได้ผลการรักษาใกล้เคียงเดิม


           การผ่าตัดผ่านกล้องแบบจุดเดียว (UVATS: Uniportal Video-Assisted Thoracoscopic Surgery) ศัลยแพทย์จะใช้แผลเพียงรูเดียวเล็ก ๆ ผ่านเข้าบริเวณช่องซี่โครงเพื่อทำให้เจ็บน้อยลง ข้อดีของการผ่าตัดแบบนี้แผลเป็นจะเล็กมากมีความสวยงาม ฟื้นตัวเร็ว, ลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด, ลดโอกาสภาวะติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วย, ใช้ระยะเวลานอนที่โรงพยาบาลสั้นลง และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น


           ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลนั้น จากงานวิจัยในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าผลของการรักษาของการผ่าตัดแผลเล็กนั้น ไม่ด้อยไปกว่าการผ่าตัดแบบเปิดอก (แบบดั้งเดิม) ทั้งในด้านของอัตราการนำก้อนออกหมดและการควบคุมโรคในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อทำในโรงพยาบาลที่มีทีมศัลยแพทย์ทรวงอกที่มีประสบการณ์สูง ผู้ป่วยที่เหมาะกับการผ่าตัดแผลเล็ก ได้แก่ ผู้ที่มีก้อนต่อมไทมัสขนาดไม่ใหญ่มากนัก, ไม่มีการลุกลามไปยังกระดูกอกหรือหลอดเลือดใหญ่และผู้ที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว ลดความเจ็บปวดและแผลสวยงาม อย่างไรก็ตามการเลือกวิธีผ่าตัดควรพิจารณาเป็นรายบุคคล โดยศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินจากขนาดก้อน ตำแหน่งและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย


           การผ่าตัดต่อมไทมัสแผลเล็ก ถือเป็นก้าวใหม่ของการรักษาเนื้องอกต่อมไทมัส ที่มุ่งเน้นทั้งความปลอดภัย ประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิผลสูง แต่ฟื้นตัวได้เร็วและเจ็บปวดน้อยลง ติดตามข่าวสารของ รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย (ศัลยแพทย์ทรวงอก)ได้ที่เฟซบุ๊ก : ผ่าตัดปอดโดยรศ.นพ.ศิระ เลาหทัย หรือ Youtube : ผ่าตัดปอด หรือ Lineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.comได้ทุกช่องทาง

6
เจนเนอราลี่ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จ่ายเบี้ยสั้น คุ้มครองยาว
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ GEN SMART PROTECT 90/5 (PAR)


            เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต ไทยแลนด์ เดินหน้าลุยตลาดประกันชีวิตไตรมาสสุดท้ายปี 2025 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “GEN SMART PROTECT 90/5 (PAR)” ประกันชีวิตสะสมทรัพย์แบบมีเงินปันผล โดดเด่นด้วยการชำระเบี้ยสั้น แต่ให้ความคุ้มครองยาวนาน ผลตอบแทนต่อเนื่อง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่ต้องการวางแผนทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมสร้างหลักประกันระยะยาว ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มั่นใจ และมีแผนสำรองที่มั่นคงในอนาคต


            นายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (Chief Agency Officer - CAO) บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีมุมมองด้านการเงินและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปกับการวางในแผนอนาคต แสวงหาอิสระทางการเงินและการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ ขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญกับการออมและการลงทุนที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งการวางแผนผ่านการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีความยืดหยุ่น จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่และผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณก่อนวัย


            ล่าสุด เจนเนอราลี่ จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “GEN SMART PROTECT 90/5 (PAR)” ประกันชีวิตสะสมแบบทรัพย์มีเงินปันผล ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงความต้องการของคนทุกช่วงวัยที่ต้องการวางแผนทางการเงินเก็บเกี่ยวผลตอบแทนระหว่างทาง และสร้างหลักประกันเพื่อความมั่นคงในอนาคตและวัยเกษียณได้อย่างแท้จริง โดยมีจุดเด่น คือการชำระเบี้ยประกันภัยระยะสั้นเพียง 5 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 90 ปี มอบผลประโยชน์เงินคืนระหว่างสัญญาต่อเนื่องสูงสุด 8%* ต่อปี และโอกาสรับเงินปันผลเพิ่มเติมทุกปี ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่กำหนดอีกทั้งเมื่อครบกำหนดสัญญายังมอบเงินก้อนรวมสูงสุดถึง 500% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย* พร้อมสิทธิประโยชน์ในการนำเบี้ยประกันไปใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี**

            ในกรณีเสียชีวิตระหว่างสัญญา ผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นตามปีกรมธรรม์ เริ่มตั้งแต่ 100% ของทุนประกันภัยในปีแรก และสูงสุดถึง 500% ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ (ADB) 100% ในช่วง 2 ปีแรก เปิดรับผู้เอาประกันภัยตั้งแต่อายุ 0 - 60 ปี*

            สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ GEN SMART PROTECT 90/5 (PAR) ได้ ผ่านเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตของ เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต ไทยแลนด์ ทั่วประเทศ เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://generali.co.th/individual-insurance/gen-smart-protect-90-5-par/

            ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียด ข้อกำหนด เงื่อนไข และผลประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ประกันภัยก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

* คำนวณจากทุนประกันภัย
** เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด

7
“NaRaYa” ไอเดียสุดเก๋ เปิดประสบการณ์ความน่ารัก ความน่ากอดในรูปแบบฮีลใจสุดเซอร์ไพรส์ ส่ง “น้องหมีเนย ลูกสาวแห่งชาติ”


กลับมาสร้างปรากฏการณ์ห้างแตกอีกครั้ง NaRaYa x Butterbear Collection2  : Our Forever Love “น้องหมีเนย” ประกบคู่กับ “พี่ปอนด์” พลวิชญ์ เกตุประภากร  นักแสดงหนุ่มหล่อสุดอบอุ่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับแคมเปญที่เต็มไปด้วยความน่ารักไร้ขีดจำกัด ฟุ้งกระจายอบอวลทั่ว NARAYA Shop at  Central World


นารายา (NaRaYa) คอลแลปส์  “น้องหมีเนย (Butterbear)” เปิดตัวคอลเล็กชันสุดพิเศษเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 68 พร้อมกันนี้ ทำการเปิดตัวคอลเลคชั่นล่าสุดของ น้องหมีเนย ผ่านช่องทางออนไลน์ NaRaYa Website พร้อมกันไปแล้วเมื่อ วันที่ 9 กันยายน 2568 มาถึงกิจกรรมที่รอคอยสำหรับสุดยอดผู้โชคดีจำนวน  20 Lucky Fans  ที่จะได้ร่วมเก็บภาพความทรงจำ ความน่ารัก สีสันแห่งความสุขกับงาน


โดย NaRaYa x Butterbear Collection 2 Our Forever Love เป็นคอลเล็กชันพิเศษลิขสิทธิ์แท้ลายน้องหมีเนย ออกสินค้าจำนวน 13 รายการ พร้อม Exclusive set ที่มีความพิเศษรวมถึงมีสินค้าให้เลือกช้อปแบบ all -in item เฉพาะทางช่องทางออนไลน์อีกด้วย


นารายา (NaRaYa)  เอาใจมัมหมีและลูกค้าสุดพิเศษ ด้วย Our Forever Love Collection อีกทั้งยังมี เซอร์ไพรส์สุดฮีลใจ สร้างรอยยิ้มให้มากขึ้นไปอีก จุดประสงค์หลักของกิจกรรม เพื่อขอบคุณสำหรับการตอบรับที่ดีกับแคมเปญพิเศษ และครั้งนี้ “น้องหมีเนย (Butterbear)” มารับบทนางเอก ใน Our Forever Love Showcase คู่กับ พี่ปอนด์ พลวิชญ์ เกตุประภากร  นักแสดงหนุ่มหล่อสุดอบอุ่น


ซึ่งคอลเล็กชันพิเศษ NaRaYa x Butterbear Collection 2 : Our Forever Love เป็น Collaboration ที่ต่อเนื่องมาจากการจัดงานเปิดตัวครั้งแรกในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา


แบรนด์เห็นผลตอบรับ ความรักของเหล่าแฟนคลับของ Butterbear (น้องหมีเนย) มาสคอตหมีสุดน่ารักสัญชาติไทย เป็นอีกก้าวที่สำคัญของแบรนด์ในการสื่อสารภาพลักษณ์ และ มอบประสบการณ์ใหม่  แก่กลุ่มลูกค้าของแบรนด์นารายา ในการขยายตลาดและฐานลูกค้าไปยังลูกค้ารุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง การวางแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ ประเทศจีนที่มีแฟนคลับของน้องหมีเนย และ หนุ่มปอนด์ พลวิชญ์ อยู่แล้วได้เป็นอย่างดี และ กิจกรรมสุดพิเศษครั้งนี้จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านกิจกรรมอีกด้วย


สำหรับผู้ติดตามสินค้าแบรนด์นารายา (NaRaYa) หรือผู้ที่สนใจสินค้าทุกคอลเล็กชัน และ เหล่ามัมหมีของน้องหมีเนย ที่สนใจสินค้า NaRaYa x Butterbear Collection2 :Our Forever Love สามารถติดตามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ www.naraya.com หรือ ผ่านช่องทาง

Line Official :NaRaYa
Facebook :  naraya ,
Instagram : naraya_official
Tiktok :  naraya และ หน้าร้านนารายา (NaRaYa) ทั้ง  17 สาขาทั่วประเทศ

8
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.9 ที่จังหวัดเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ทำให้อาคารและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน


ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์ถึงเหตุแผ่นดินไหวใน ฟิลิปปินส์ โดยแบ่งออกเป็น  4 ประเด็น

1. ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นหมุ่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ในบริเวณวงแหวนไฟ (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแนวมุดตัวระหว่างแผ่นโลกหลายแผ่น ได้แก่ แผ่นทะเลฟิลิปปินส์ แผ่นยูเรเซีย แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย และแผ่นแปซิฟิก ซึ่งเป็นแนวที่มีการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดแนวหนึ่งในโลก โดยมีประเทศ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็อยู่ในแนววงแหวนไฟ เช่นกัน

2. เป็นแผ่นดินไหวระยะใกล้ และระดับตื้น โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ระดับความลึกเพียง 10 กม. จึงส่งผลให้เกิดความรุนแรงที่ผิวดินมาก

3. โครงสร้างที่ได้รับความเสียหายและถล่ม มักเป็นอาคารเก่าทำจากอิฐหรือหินที่ไม่เสริมเหล็กหรือเสริมเหล็กน้อย และอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กเตี้ยๆสูง 2-3 ชั้นมีความเสียหายที่ชั้นล่าง บางหลังพบว่าเสาชั้นล่างหักกลายเป็นชั้นอ่อน (Soft Storey)

4. แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในทะเล แต่ไม่พบคลื่นสึนามิที่รุนแรง เนื่องจากความแรงของแผ่นดินไหวยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดสึนามิที่รุนแรงได้

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นฟิลิปปินส์ มีความแตกต่างจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เป็นอย่างมาก เนื่องจาก แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบนบก เป็นแผ่นดินไหวระยะไกล และส่งผลกระทบกับอาคารสูงในชั้นดินอ่อนของกรุงเทพฯ เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย มีรอยเลื่อนมีพลัง 16 กลุ่มรอยเลื่อน กระจายในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้เป็นหลัก จึงควรต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวโดยการทำให้อาคารแข็งแรง ทั้งอาคารเก่าและอาคารใหม่ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่แจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้

9
ALESSIO BISUTTI Set to Fight for WBF World Title This October 2025 at World Siam Stadium


Bangkok, Thailand – Italian powerhouse Alessio “The Hammer” Bisutti is officially set to return to the ring on October 25, 2025, at the iconic World Siam Stadium in Bangkok, Thailand, where he will compete for the prestigious World Boxing Foundation (WBF) World Title.


The fight marks a historic moment in Bisutti’s career as he goes after his second world title in just two months, solidifying his place among the sport’s elite. Fresh from a remarkable victory that earned him his first world crown, Alessio has wasted no time, jumping straight back into training camp to prepare for another war inside the squared circle.


The upcoming bout is expected to attract massive attention from international boxing fans. Known for his relentless fighting style, knockout power, and unwavering determination, Alessio is looking to cement his legacy as a two-division world champion within the same year.


With just over six weeks to go before fight night, his training regimen has already kicked off with a mix of strength conditioning, sparring, and technical drills, proving that he is leaving no stone unturned in his pursuit of another historic victory.

The WBF World Title clash is shaping up to be one of the year’s most anticipated boxing events in Thailand.

Event Details:
📍 Venue: World Siam Stadium, Bangkok, Thailand
📅 Date: October 25, 2025
🏆 Title at Stake: WBF World Title

Stay tuned as the countdown to fight night begins—Alessio Bisutti is on a mission to conquer the boxing world once again.


##########

Alessio Bisutti จะต่อสู้เพื่อ WBF World Title ในเดือนตุลาคม 2568 ที่ World Siam Stadium


กรุงเทพฯ, ไทย - อิตาลีโรงไฟฟ้า Alessio“ The Hammer” Bisutti ได้รับการตั้งค่าอย่างเป็นทางการให้กลับไปที่แหวนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่สนามกีฬาสยามโลกสยามโลกที่เป็นสัญลักษณ์ในกรุงเทพฯประเทศไทย


การต่อสู้นับเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในอาชีพของ Bisutti ในขณะที่เขาไปตามตำแหน่งโลกที่สองของเขาในเวลาเพียงสองเดือนทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในบรรดาชนชั้นสูงของกีฬา สดใหม่จากชัยชนะที่น่าทึ่งที่ทำให้เขาได้รับมงกุฎโลกครั้งแรกของเขา Alessio ไม่เสียเวลากระโดดกลับเข้าไปในค่ายฝึกซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามอีกครั้งในวงกลมกำลังสอง


การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงนี้คาดว่าจะดึงดูดความสนใจอย่างมากจากแฟน ๆ มวยนานาชาติ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสไตล์การต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งพลังที่น่าพิศวงและความมุ่งมั่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง Alessio กำลังมองหามรดกของเขาในฐานะแชมป์โลกสองแผนกภายในปีเดียวกัน


ด้วยเวลาเพียงหกสัปดาห์ก่อนที่จะต่อสู้คืนระบบการฝึกอบรมของเขาได้เริ่มต้นด้วยการผสมผสานระหว่างการปรับสภาพความแข็งแรงการซ้อมและการฝึกซ้อมทางเทคนิคพิสูจน์ว่าเขาไม่ทิ้งหินไว้ในการแสวงหาชัยชนะทางประวัติศาสตร์อีกครั้ง

การปะทะกันของ WBF World Title กำลังก่อตัวขึ้นเป็นหนึ่งในกิจกรรมการชกมวยที่คาดว่าจะมากที่สุดในประเทศไทย

รายละเอียดเหตุการณ์:
📍สถานที่: เวิลด์สยามสนามกีฬากรุงเทพฯประเทศไทย
📅วันที่: 25 ตุลาคม 2568
🏆ชื่อเรื่องที่เดิมพัน: WBF World Title

คอยติดตามการนับถอยหลังเพื่อต่อสู้กับคืนเริ่มต้น - Areessio Bisutti อยู่ในภารกิจที่จะพิชิตโลกมวยอีกครั้ง

10
ร่วมแรงร่วมใจแพ็คถุงยังชีพ
เพื่อส่งไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม จ.อุตรดิตถ์"





วันพุธที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่ พร้อม ผู้บริหารฯพนักงานฯ อาสาสมัครฯ และจิตอาสาฯ ร่วมกันแพ็คถุงยังชีพ บรรจุถุงมูลนิธิฯประกอบด้วย ข้าวสวยหอมมะลิอาหารสำเร็จรูป(แกงเขียวหวานไก่,กะเพราไก่,ไข่พะโล้ใว่ไก่,ฉู่ฉี่ปลาแมคคอเรลทอด) ยาสีฟัน,แปรงสีฟัน,สบู่ก้อน,สเปรย์ฉีดกันยุง,ผ้าอนามัย,กระดาษทิชชู่เปียก,กระดาษทิชชู่,ไฟฉาย LED.พร้อมถ่าน,ถุงขยะแบบหนามีหูผูก จำนวน 1,000 ชุด เพื่อนำไปสนับสนุนให้ทีมบรรเทาสาธารณภัยของมูลนิธิฯนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์















11
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์
ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม


ด้วยสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ทองแสนขัน อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์  ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนได้รับความเดือดร้อน




เมื่อวันอังคารที่ 30 กันยายน 2568 ทางคณะกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงสั่งการด่วน ให้นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่ฯ จัดทีมบรรเทาสาธารณภัยฯนำโดยนายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย, กู้ชีพ จำนวนประมาณ 50 คน พร้อมโรงครัวเคลื่อนที่, เรือท้องแบน  4 ลำ ,รถกู้ชีพ-กู้ภัย รถยกสูง 4x4, รถโรงครัวเคลื่อนที่ จำนวน 12 คัน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เสื้อชูชีพ 100 ตัว อาหารหมาแมว

และเมื่อ เวลา 03.00 โดยประมาณ ทีมบรรเทาสาธารณภัยได้ถึงพื้นที่ จัดตั้งกองอำนวยการ ณ วัดพลอยสังวรนิรันดร์ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ เบื้องต้นลงพื้นที่ช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบอุทุกภัยน้ำท่วม (รายละเอียดต่างๆจะรายงานให้ทราบต่อไป)

ฝ่ายสื่อสารองค์กรมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรายงาน












12
URTHE (ยูอาร์เดอะ) เปิดตัวคอลเลกชันพิเศษ URTHE x PERSES
ดึงบอยกรุ๊ปชื่อดัง ย้ำภาพแฟชั่นสตรีตแวร์สุดคูลของ Gen ใหม่




 
หลายครั้งที่แฟชั่นเสื้อผ้ากลายเป็นสิ่งที่ตีกรอบความเป็นตัวตนของเรา ทั้งข้อจำกัด ทั้งเพศ อายุ และไซซ์ จนหมดสนุก ที่จะหยิบชุดที่ชอบมามิกซ์กับสไตล์ที่ใช่ แต่สำหรับ URTHE(ยูอาร์เดอะ) แบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีตแฟชั่น ที่กำลังมาแรงในกลุ่ม คนรุ่นใหม่ กลับความไร้กังวลในเรื่องนี้ และเป็นนิยามของคำว่า “อิสระ” ทันสมัย ทุกคนเข้าถึงได้ ล่าสุด URTHE(ยูอาร์เดอะ) ได้สร้างความแปลกใหม่อีกครั้ง ด้วยการร่วมงานกับไอดอลที-ป๊อปวงดัง PERSES ก่อนปล่อยคอลเลกชันพิเศษ URTHE X PERSES ในคอนเซ็ปต์ YOU ARE THE PIECES OF PERSES กับดีไซน์ที่ถ่ายทอดความสดใสซุกซนแบบเด็กผู้ชาย (Boyish Spirit) ผสมกับความนิ่ง ๆ คูล ๆ ในสไตล์บอยกรุ๊ป ออกมาเซอร์ไพรส์แฟนคลับ




คุณเบนซ์-อุมาทิพย์ ชำนาญเรือง ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ URTHE(ยูอาร์เดอะ) เล่าให้ฟังว่า “URTHE(ยูอาร์เดอะ) จริง ๆ อ่านว่า ยูอาร์เดอะ โดย THE มาจากรุ่นเดอะ : รุ่นใหญ่ เก๋าเกม มากประสบการณ์ เราเป็นเสื้อผ้า Unisex แบรนด์แรก ๆ ของไทย ที่ไม่ว่าคุณจะเพศอะไร ก็ใส่เสื้อผ้าของเราได้ ราคาก็เข้าถึงง่าย แต่ได้สิ่งที่คุ้มค่ากลับไปด้วยคุณภาพที่เราให้มากกว่าราคา   ที่จ่าย จนไม่พลาดที่จะกลับมาหาเราอีก เราเชื่อว่า แฟชั่นไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบของอะไรทั้งสิ้น ทรงโอเวอร์ ไซซ์ จึงเป็นคำตอบที่สะท้อนความเป็นอิสระและการแสดงตัวตน ใคร ๆ ก็ใส่เสื้อผ้า URTHE(ยูอาร์เดอะ) ได้ดูดีมีสไตล์ แต่สบายและคล่องตัว ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ถ้าจะนับรวมแล้ว ปัจจุบันแบรนด์ก่อตั้งมาเป็นเวลา 13 ปีพอดี โดยเราเริ่มจากความชอบและหลงใหลในแฟชั่น ที่รวมกับความเป็นตัวเอง และกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร เรามุ่งออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่หลากหลาย ทันสมัย แต่ยังคงความเรียบง่าย มิกซ์ แอนด์ แมตช์ แต่ละชิ้น ให้เข้ากับลุคที่ต้องการได้อย่างลงตัว เราต้องการสร้างแบรนด์แฟชั่นคนไทยที่แข็งแรงและเป็นที่จดจำ ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ดีไซน์ที่เข้ากับเทรนด์แฟชั่น จะสังเกตว่า ทุกคอลเลกชันของ URTHE(ยูอาร์เดอะ) ถูกคิดและออกแบบโดยทีมดีไซน์เนอร์ของเราเอง เราวางแผนรักษามาตรฐานและต่อยอดคอลเลกชัน ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง มีช่องทางในการซื้อที่หลากหลาย ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เพื่อให้แบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ในทุกกิจกรรมคนรุ่นใหม่”







และครั้งนี้ ก็เป็นอีกคอลเลกชัน ที่เซอร์ไพรส์ทั้งแฟนคลับของแบรนด์ และสาวกบอยกรุ๊ปชื่อดัง กับคอลเลกชันพิเศษ URTHE X PERSES “สำหรับคอลเลกชันนี้ ทีมดีไซเนอร์มีแรงบันดาลใจที่อยากถ่ายทอดพลังและเส้นทางสายดนตรีของน้อง ๆ  ทั้ง 5 หนุ่มวง PERSES ออกมาในรูปแบบของแฟชั่น แต่ละชิ้นงาน สะท้อนเรื่องราวและการเดินทางของวงที่เติบโตมาพร้อมกับ   แฟน ๆ และเมื่อทุกชิ้นมารวมกันก็จะกลายเป็นภาพรวมที่สมบูรณ์แบบ ทำไมต้องเป็นวง PERSES เพราะ URTHE(ยูอาร์เดอะ)  มองว่าเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่มีพลัง ความมุ่งมั่นและเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์เรา ที่เชื่อในความเป็นเอกลักษณ์และการสร้างคุณค่าในแบบของตัวเอง การร่วมงานในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การทำคอลเลกชันแฟชั่น แต่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างดนตรี และแฟชั่นเข้าด้วยกัน คอนเซ็ปต์นี้ จึงเป็นคอลเลกชันเสื้อผ้า 7 SKU ที่ดีไซน์มาจากตัวตนของทั้ง 5 หนุ่ม ถ่ายทอดความซุกซนแบบเด็กผู้ชาย(Boyish Spirit) ที่ผสมกับ 'ตัวตนของสมาชิกวง PERSES' ผ่านมุมมองสดใหม่ และเต็มไปด้วยความเป็นวัยรุ่นของแบรนด์ มันเหมือนกับว่าเป็นบันทึกช่วงเวลาหลังจากการเล่นสนุก ความไร้เดียงสา, และความเท่ห์ ด้วยกันอย่างลงตัว เหมือนได้ปลุกตัวตนในวัยเด็กให้กลับมาอีกครั้ง”




สำหรับสมาชิกวง PERSES ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์โปรด หนุ่มจั๋ง-วิกร ลีดเดอร์ของวง ก็ขอเป็นตัวแทนเพื่อน ๆ พูดถึงความพิเศษของคอลเลกชันนี้ว่า “ปกติพวกเรา ถ้าเป็นวันสบาย ๆ สไตล์การแต่งตัวของพวกเราจะคล้าย ๆ กัน คือชอบอะไรที่ง่าย ๆ คลีน ๆ แต่ให้มีลูกเล่นนิด ๆ อย่างเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์เท่ๆ กับกางเกงยีนส์ที่มีดีเทลเยอะ ๆ หรือแทรคแพนต์ แล้วก็เพิ่มแอคเซสซอรี่ อย่างหมวกหรือสร้อยเล็ก ๆ แล้วก็จะเน้นไปสีดำขาว กับสีสด ๆ แทรกมาเล็กน้อย สำหรับ URTHE แบรนด์ที่พวกเราคุ้นเคยอยู่แล้วครับ พอเรารู้ว่าจะได้มาคอลแลปส์กัน ก็ดีใจมาก ตื่นเต้นมาก ๆ ที่พวกเรา PERSES ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชันของแบรนด์ที่เราชอบ พอผลงานออกมาพวกเราแฮปปี้มากครับ เพราะเหมือนพวกเรากับ URTHE ได้ร่วมกันส่งข้อความไปถึง Pieces ของพวกเรา ทั้งซ่อน Symbolic Detail ไปในเสื้อแต่ละตัวเพื่อบอกว่า แฟน ๆ ของพวกเราสำคัญขนาดไหน







ผมจั๋ง ก็ขอเป็นตัวแทน PERSES ทุกคน ทั้ง เน, กฤติน, ปาล์ม, ปลั๊กกี้ คอลเลกชันนี้พิเศษมาก ๆ เพราะพวกเราอยากจะบอกแฟน ๆของพวกเราว่า Pieces คือชิ้นส่วนสำคัญของ PERSES จริง ๆ พวกคุณคือ พลังชีวิตของพวกเราและเป็นครอบครัวที่พวกเราที่เติบโตไปพร้อม ๆ กับทุกคน ที่ขาดไม่ได้ พวกเราก็ต้องขอบคุณ URTHE(ยูอาร์เดอะ) ที่เปิดโอกาสให้เราได้เล่าเรื่องของตัวเองผ่านสตรีตแฟชั่น และหวังว่าแฟนๆ จะรักคอลเลกชันนี้เหมือนที่พวกเรารักนะครับผม”

ปัจจุบัน URTHE (ยูอาร์เดอะ) มีสาขามากกว่า 35 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่องทางร้านค้าออนไลน์

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ URTHE (ยูอาร์เดอะ) ได้ที่ instagram.com/urthe_clothing






13
TOA ประกาศรางวัล ‘ARX’ สุดยอดเวทีสร้างสรรค์เยาวชนนักออกแบบรุ่นใหม่
นิสิตสถาปัตย์ จุฬาฯ คว้าแชมป์! รับเงินรางวัล 150,000 บาท
จากผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ





บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำนวัตกรรมสีรักษ์โลก - เคมีภัณฑ์ของไทย ประสบความสำเร็จในการจัดงาน ‘ARX’ สุดยอดเวทีสร้างสรรค์เยาวชนนักออกแบบรุ่นใหม่ พร้อมประกาศรางวัลในรอบชิงชนะเลิศกับ 20 ผลงานสุดว้าว! เพื่อเฟ้นหาเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียการออกแบบสถาปัตยกรรมเชิงทดลองแบบไร้ขีดจำกัด ภายใต้แนวคิด LIMINAL TERMINAL: Transitioning something to anything โดย ‘ชวิน เหล่าอนันต์ชัย’ นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ  สามารถคว้าแชมป์อันดับ 1 ไปครอง พร้อมรับเงินรางวัล 150,000 บาท จากเยาวชนที่เข้าร่วมกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ

TOA มุ่งมั่นยกระดับและส่งเสริมพลังของเยาวชนไทย ล่าสุด! เราได้ปั้นเวทีขึ้นมาใหม่ ‘ARX’ (ARCHITECTURE ‧ REALITY ‧ XPERIMENTAL) เพื่อเป็นพื้นที่จุดประกายและสร้างสรรค์เยาวชนนักออกแบบรุ่นใหม่ ได้ปลดปล่อยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ในโลกของสถาปัตยกรรมเชิงทดลอง ภายใต้แนวคิด LIMINAL TERMINAL: Transitioning something to anything – พื้นที่รอยต่อแห่งการปรับเปลี่ยนและตีความ

โดยผู้เข้าแข่งขันต้องเปลี่ยนแนวคิดจากกระดาษให้เป็นสุดยอดผลงานที่จับต้องได้จริง บนพื้นที่ออกแบบอเนกประสงค์ (Pavilion) ขนาด 10x10 เมตร ที่เชื่อมโยงผู้คนหลากหลายให้มาปฏิสัมพันธ์กัน โดยเปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่สามารถกำหนดฟังก์ชันการใช้งานของพื้นที่ได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระที่ท้าทายกรอบเดิมของสถาปัตยกรรม




เวที ARX เปิดรับสมัครตั้งแต่เยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ อายุไม่เกิน 30 ปี เพื่อสร้างเวทีที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 สิงหาคม 68 ที่ผ่านมา และมีเยาวชนผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกว่า 1,000 คนจากทั่วประเทศ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 280,000 บาท

          โดยรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายชวิน เหล่าอนันต์ชัย จากผลงาน FLUXn’FLOW นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับเงินรางวัล จำนวน 150,000 บาท,
          รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากผลงาน ANCHORED AIR ได้แก่ นายชยนยุทธ์ ฉินนะโสต นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร รับเงินรางวัล จำนวน 60,000 บาท,
          รองชนะเลิศอันดับที่ 2 ผลงาน อรุณสวัสดิ์ โดย นางสาวพัชธ์ธมน บุญอยู่  นางสาววรันธร พราวเนตร และนางสาวณัฐพัชร์ รัตนพิทักษ์กุล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ รับเงินรางวัล จำนวน 40,000 บาท และ
          รางวัลพิเศษ ‘สุดยอดการสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม’ ได้แก่ ผลงาน Bangkok Bounding Box โดย นายธาวิน ต่างใจ นางสาวณัฐภัสสร จึงมานะกิจ และนายมหาสมุทร ปัญจปภาวิน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล, โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รับเงินรางวัล จำนวน 30,000 บาท 




โดยมี นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA เป็นประธานมอบรางวัล และมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นางสนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์  ผู้ก่อตั้ง Sanitas Studio นายอังกฤษ อัจฉริยโสภณ ศิลปิน คิวเรเตอร์ ผู้จัดการแกลเลอรี  และ นายประธาน ธีระธาดา บรรณาธิการบริหาร art4d ร่วมตัดสิน ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน
   
ด้านผู้ชนะเลิศ นายชวิน เหล่าอนันต์ชัย นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เผยว่า ตนได้ออกแบบผลงานชิ้นนี้ ในชื่อ FLUXn’FLOW ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าธรรมชาติคือแรงบันดาลใจสูงสุด เป็นการสังเกตและประยุกต์การออกแบบจากธรรมชาติ ผลงานนี้จึงเกิดขึ้นจากความตั้งใจให้ Pavilion สามารถอยู่ได้ทุกที่  บางครั้งกลมกลืนกับธรรมชาติ บางครั้งแทบจะหายไป และยังคงความหลากหลายที่ไม่สิ้นสุด ให้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของผลงานและสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้คนที่เข้ามาใช้งาน

โดย นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA เผยว่า TOA มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่ได้จัดเวที ARX ขึ้นมา เพื่อเป็นพื้นที่ "โชว์ของ" โชว์ผลงานจากพลังความคิดสร้างสรรค์ของน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักด้านการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรม เราจึงเปิดรับสมัครเยาวชนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับปริญญาตรี และนักออกแบบรุ่นใหม่จนถึงอายุ 30 ปี เพื่อเป็นเวทีแบบไร้ขีดจำกัดจริงๆ

"สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมสุดท้าย หรือทีมที่ไม่ได้รางวัล อย่าเสียใจ ถือว่าได้ประสบการณ์ล้ำค่าไปพัฒนาต่อ ปีหน้า TOA สัญญาว่าจะยกระดับงานประกวด ARX ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น พร้อมผนึกพันธมิตร VG, PODIUM, CUCINA GALLERIA และ WoodDen เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้โชว์ผลงานสุดว้าวกันต่อไป




ท้ายนี้ ผมต้องขอชื่นชมและขอร่วมแสดงความยินดีกับน้องๆ ทุกคน ทั้งผู้ชนะเลิศที่ได้รับเงินรางวัลไปถึง 150,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอีก 2 รางวัล จนมาถึงรางวัลพิเศษที่ตอนแรกไม่มี แต่เรามอบให้เพื่อแสดงความชื่นชมและยินดีเป็นพิเศษ โดยเผยว่าได้ตัดสินใจมอบ รางวัลพิเศษ ‘สุดยอดการสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม’ เพิ่มเติม ด้วยเงินรางวัล 30,000 บาท เนื่องจากคณะกรรมการประทับใจในไอเดียของทีมเยาวชนระดับมัธยมศึกษาที่โดดเด่นเกินคาด” นายจตุภัทร์กล่าวให้กำลังใจ

สำหรับเยาวชนนักออกแบบและสถาปนิกที่พลาดโอกาสในปีนี้ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมของโครงการได้ที่ เว็บไซต์ arxawards.wordpress.com Facebook: facebook.com/ARXperimental และ Tiktok: https://www.tiktok.com/@arxawards เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อร่วมสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมแห่งอนาคตไปพร้อมกัน



14
เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เร่งเสริมทีมผู้แนะนำการลงทุนกว่า 500 อัตรา ดึงมือโปร
การลงทุนระดับท็อปพร้อมขยายพอร์ตรีเทลเต็มกำลัง


            บมจ. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจรีเทล ด้วยการเปิดรับสมัครผู้แนะนำด้านการลงทุน Investment Consultants (ICs) และ Independent Financial Advisors (IFA) มืออาชีพจำนวนกว่า 500 คน เพื่อเข้าร่วมกับหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่มั่นคงและมีศักยภาพการเติบโตสูงที่สุดในตลาดทุนไทย

            กลยุทธ์การเสริมทัพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งขยายพอร์ตธุรกิจรีเทลให้เติบโตและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

            MST เชื่อว่า ด้วยความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงทางการเงิน การบริหารจัดการที่เป็นระบบ และผลงานการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพและต้องการความมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนจำนวนมากกำลังมองหาบริษัทที่พร้อมมอบโอกาส ความท้าทาย และการเติบโตในสายอาชีพ

            นางสาวเนธิตา กระบวนรัตน์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายบริการการลงทุน กล่าวว่า “เรากำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีความมุ่งมั่นและผลงานโดดเด่นเป็นจำนวนกว่า 500 ท่าน เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโตในตลาดรีเทล และยกระดับมาตรฐานการให้บริการแก่ลูกค้าของเรา การเสริมทัพครั้งนี้ไม่เพียงเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในครึ่งปีหลังที่เรากำลังจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่ม HNW และ UHNW แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของ MST ในการเป็นผู้นำตลาดที่แท้จริง เราเชื่อว่าบุคลากรคือหัวใจของความสำเร็จ และพร้อมมอบสภาพแวดล้อมการทำงานที่มั่นคง ท้าทาย และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อเติบโตไปพร้อมกับบริษัทในระยะยาว”

            ผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) สามารถส่งประวัติและข้อมูลการติดต่อมายัง mst.recruitment@maybank.com เพื่อก้าวสู่โอกาสในการทำงานกับหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่มั่นคงที่สุดในประเทศไทย พร้อมร่วมสร้างความสำเร็จในตลาดรีเทลและยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการลงทุนไปด้วยกัน

15
ระทึกทุกวินาที “Hotel Mumbai” ภารกิจเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์จริงสุดสะเทือนโลก ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24


            ทรูโฟร์ชวนดู เปิดนรกปิดเมืองมุมไบ” หรือ “Hotel Mumbai” (2018) ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ-ดราม่า สร้างจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย เมื่อพฤศจิกายน ปี 2008 ถ่ายทอดผ่านมุมมองของผู้รอดชีวิตและพนักงานโรงแรมที่ยืนหยัดปกป้องแขก นำแสดงโดย เดฟ พาเทล, อาร์มี่ แฮมเมอร์, นาซานิน โบเนียดี, อานูพัม เคอร์ และเจสัน ไอแซกส์ ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลกในด้านการเล่าเรื่องที่เข้มข้น สมจริง และสะเทือนอารมณ์






            เปิดมาด้วยเหตุการณ์โจมตีโรงแรมทัชมาฮาลพาเลซผ่าน “อาร์จุน” (เดฟ พาเทล) พนักงานเสิร์ฟผู้กล้าหาญ “เดวิด” (อาร์มี่ แฮมเมอร์) นักธุรกิจอเมริกันที่ติดอยู่ในเหตุการณ์พร้อมภรรยาและลูก “ซาห์รา” (นาซานิน โบเนียดี) ภรรยาที่ต้องตัดสินใจเพื่อปกป้องครอบครัว เชฟโอเบอรอย” (อานูพัม เคอร์) หัวหน้าเชฟผู้ไม่ทิ้งแขกแม้ในสถานการณ์คับขัน และ “วาซิลี” (เจสัน ไอแซกส์) อดีตทหารที่กลายเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต ด้วยการกำกับที่ตึงเครียดและการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ “เปิดนรกปิดเมืองมุมไบ” กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผู้ชมทั่วโลกกล่าวถึงในฐานะงานสร้างทรงพลังและสมจริง  ห้ามพลาดความสนุกในวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลา 15.30 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และรับชมออนไลน์ที่ https://true4u.com/live/

Pages: [1] 2 3 ... 2534