This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Pages: [1]
1
ไร้สังกัด / เพิ่มมุมแห่งความสุข ความรื่นรมย์ให้บ้านด้วยสวนสวย
« on: June 29, 2011, 04:52:16 PM »
เมื่อถึงวันหยุดชีวิตคนเมืองต่างเรียกร้องหาเวลาว่างเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและคลายเครียดหลังจากการทำงานหนักมาตลอดสัปดาห์ หลายคนชอบช้อปปิ้ง บางคนแพ็คกระเป๋าออกเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเอง ทั้งป่าไม้ ภูเขา หรือทะเล เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดธรรมชาติและสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ แต่สำหรับผู้ที่ชอบพักผ่อนอยู่กับบ้านหรือคอนโดมิเนียม ก็สามารถสร้างความรื่นรมย์ด้วยธรรมชาติสีเขียวได้ง่ายๆ เพียงมองหามุมส่วนตัวแสนสุขที่เพิ่มความร่มรื่นภายในบ้านด้วยต้นไม้นานาพันธุ์กับสวนสวยในรูปแบบต่างๆ และหนึ่งรูปแบบของสวนที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้คือสไตล์ “Vertical Garden หรือสวนแนวตั้ง” ที่สามารถสร้างสรรค์ด้วยตัวคุณเองในพื้นที่จำกัด
นางสาวพัชรี โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ให้มุมมองเกี่ยวกับการจัดสวนว่า “บ้านที่ถูกออกแบบให้มีสไตล์ที่โดดเด่น สวยงาม และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันนับเป็นหัวใจสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการดีไซน์พื้นที่บางมุมของบ้านให้รับกับทิศทางแสงแดดและทิศทางลม เพื่อให้ความโปร่งโล่งสบายทำให้บ้านของเราน่าอยู่ขึ้น และอีกองค์ประกอบที่เพิ่มบรรยากาศความรื่นรมย์ให้กับบ้านได้ดีคือ “พื้นที่สีเขียว” ที่ช่วยทำให้ร่มรื่น สบายตา อากาศบริสุทธิ์ เพิ่มความสุขแห่งการพักผ่อน และทำให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันในการสร้างสรรค์สวนสวยเล็กๆ ด้วยตนเองอีกด้วย”
นายวรวุฒิ แก้วสุก แลนด์สเคป ดีไซเนอร์ และนักจัดสวนมืออาชีพ กล่าวว่า “การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในที่อยู่อาศัยนั้น ก่อนอื่นเราควรเริ่มต้นจากความต้องการส่วนตัว ดีไซน์สวนในสไตล์ที่เราชอบ ศึกษาพันธุ์ไม้ที่จะปลูก และวิธีการดูแลรักษาทั้งประเภทไม้ดอกหรือไม้ประดับใบ วัสดุตกแต่งที่นำมาใช้ และโครงสร้างที่จะใช้ในแต่ละพื้นที่ อาทิ โครงพลาสติก โครงลวด โครงผ้าห่มที่เจาะผ้าห่มเพื่อนำพันธุ์ไม้เสียบลงในร่อง โครงธรรมชาติที่ใช้กาบมะพร้าวหรือไม้ไผ่ หรือการก่อปูนเสริมจากกำแพงบ้านเพื่อจัดวางต้นไม้ เป็นต้น โดยการจัดสวนนั้นจัดได้ 2 รูปแบบ คือ สวนแนวนอน ที่นิยมสร้างความร่มรื่นภายนอกให้กับที่อยู่อาศัย และสวนแนวตั้งที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถจัดวางและสร้างความร่มรื่นได้ทั้งภายในและภายนอกที่อยู่อาศัยและมีความหลากหลายของสไตล์ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
เพิ่มความสุข สัมผัสความร่มรื่นด้วย “สวนธรรมชาติ”
สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่มีเนื้อที่ค่อนข้างมาก เช่น บ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์โฮม สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยธรรมชาติกับ “Vertical Garden หรือสวนแนวตั้ง” ได้ง่ายๆ อาทิ “สไตล์ทรอปิคอล ฟอเรส การ์เด้น” ที่เน้นความโดดเด่นของธรรมชาติเป็นหลัก นิยมนำต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มาเป็นเซ็นเตอร์ของสวน อาทิ ต้นก้ามปู ต้นราชพฤกษ์ หรือไม้ตระกูลไทร เป็นต้น พร้อมเสริมความชุ่มชื่นด้วยกลุ่มก้อนหินน้ำตก แอ่งน้ำ หรือน้ำตกเทียมที่ทำให้เกิดน้ำกระเซ็นและจังหวะน้ำเป็นระลอกคลื่น จากนั้นเพิ่มความสวยงามด้วยไม้ประดับใบตระกูลมอส หรือเฟิร์น อาทิ เฟิร์นข้าหลวง เฟิร์นเขากวาง หรือเฟิร์นใบมะขาม หรือถ้าต้องการให้สวนมีสีสันเพิ่มขึ้น สามารถนำกล้วยไม้ตระกูลหวายที่มีดอกตลอดทั้งปี หรือแวนด้า หรือแกละช้าง ที่มีกลิ่นหอมใส่ไว้ตรงแง่งหินก็ได้ พร้อมเพิ่มชีวิตชีวาด้วยสีสันของปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายอยู่ในแอ่งน้ำ หรือต้นไม้น้ำก็สร้างความเพลิดเพลินได้
นอกจากนี้ ถ้าใครชื่นชอบสีสันของดอกไม้ก็สามารถดีไซน์สวนใน “สไตล์ฟลาวเวอร์ การ์เด้น – สวนดอกไม้” ที่เน้นความสวยงามของดอกไม้เป็นหลัก ซึ่งนิยมการขึ้นโครงสร้างเป็นรูปต่างๆ ที่มีช่องว่างสำหรับวางไม้ดอกที่มีสีสันต่างๆ อาทิ ดอกเบญจมาศ ดอกดาวเรือง เป็นต้น หรือเพิ่มมิติให้กับสวนด้วยการแขวนกระถางไม้ดอก อาทิ ดอกลิปสติก หรือไม้ตระกูลเดฟ หรือนำอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ มาประดับเพิ่ม อาทิ กิ่งไม้สวยๆ ตุ๊กตาดินปั้น หรือโมบายกระจก ก็ทำให้กำแพงหรือรั้วบ้านของเราดูดีมีสไตล์ยิ่งขึ้น
เปลี่ยนมุมเล็กๆ ในบ้านให้เป็นมุมพิเศษ
มุมห้องในบ้านขนาดพอดีตัวหรือระเบียงคอนโดมิเนียมในพื้นที่ที่จำกัดก็สามารถเพิ่มความสวยงามได้ใน “สไตล์ทรอปิคอล การ์เด้น” ที่เน้นความสบายตาของโทนสีสันและความสะดวกในการดูแลรักษาต้นไม้ ใช้วัสดุง่ายๆ โดยเริ่มจากโครงสร้างแบบรางน้ำที่สามารถเก็บกักน้ำและให้ความชุ่มชื้นกับต้นไม้ตลอดเวลา ถ้าเราสร้างสวนในพื้นที่ร่ม ควรเลือกต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดน้อย อาทิ ตระกูลเฟิร์น มอส ฤาษีผสม หนวดปลาดุก เดฟ หรือสับปะรดสีพันธุ์ต่างๆ ซึ่งควรปลูกในแนวเฉียง 45 องศา เพื่อความสวยงามและการยึดของต้นไม้ หรือถ้าจัดสวนบริเวณริมระเบียง ควรเลือกต้นไม้ที่มีดอก อาทิ กล้วยไม้ หรือลิปสติก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มความเก๋ไก๋ให้สวนสวยด้วยพืชสวนครัวขนาดเล็กที่สามารถเก็บผลไปรับประทานได้ อาทิ ผักหอม หรือผักกาดแก้ว เป็นต้น หรือเพิ่มสีสันและความน่ารักให้สวนได้โดยนำตุ๊กตาตัวเล็กๆ หรืออุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ อย่าง โมบายแก้ว หรือกระดิ่ง ที่มีสีสันสดใสมาวางประดับเพื่อเพิ่มมิติสีสัน ซึ่งการจัดสวนแนวตั้งนอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้ว ยังช่วยกันฝุ่นและกรองอากาศจากภายนอกก่อนเข้าสู่ในห้องพักได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มปริมาณอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านและป้องกันมลภาวะอีกด้วย
เรียนรู้เทคนิคพร้อมเคล็ดลับการสร้างสวนสวยแนวตั้งแล้ว ก็สามารถเริ่มลงมือทำได้เลย ซึ่งในการจัดสวนนั้น ไม่มีอะไรผิด อะไรถูก ขอเพียงแค่ให้ความรัก ความใส่ใจ กับการออกแบบและเลือกพันธุ์ไม้ที่โปรดปราน และตกแต่งทีละเล็กทีละน้อย โดยการชวนสมาชิกในบ้านมาร่วมสนุกกับการออกไอเดียถ่ายทอดความอ่อนโยนของจิตใจลงในสวนสวย เพื่อร่วมกันนำธรรมชาติกลับคืนสู่บ้านแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง เราก็สามารถสร้างความสุขกับมุมพักผ่อนของเราอย่างแท้จริง
สัมผัสเรื่องราวความรัก ความเข้าใจ และการแบ่งปัน พร้อมเคล็ดลับในการเพิ่มความสุขให้กับการพักผ่อนที่บ้านที่ “ปริญสิริ” สร้างสรรค์ให้กับทุกคนได้ทางเว็บไซต์ www.prinsiri.com และ www.facebook.com/Prinsiri
นางสาวพัชรี โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ให้มุมมองเกี่ยวกับการจัดสวนว่า “บ้านที่ถูกออกแบบให้มีสไตล์ที่โดดเด่น สวยงาม และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันนับเป็นหัวใจสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการดีไซน์พื้นที่บางมุมของบ้านให้รับกับทิศทางแสงแดดและทิศทางลม เพื่อให้ความโปร่งโล่งสบายทำให้บ้านของเราน่าอยู่ขึ้น และอีกองค์ประกอบที่เพิ่มบรรยากาศความรื่นรมย์ให้กับบ้านได้ดีคือ “พื้นที่สีเขียว” ที่ช่วยทำให้ร่มรื่น สบายตา อากาศบริสุทธิ์ เพิ่มความสุขแห่งการพักผ่อน และทำให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันในการสร้างสรรค์สวนสวยเล็กๆ ด้วยตนเองอีกด้วย”
นายวรวุฒิ แก้วสุก แลนด์สเคป ดีไซเนอร์ และนักจัดสวนมืออาชีพ กล่าวว่า “การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในที่อยู่อาศัยนั้น ก่อนอื่นเราควรเริ่มต้นจากความต้องการส่วนตัว ดีไซน์สวนในสไตล์ที่เราชอบ ศึกษาพันธุ์ไม้ที่จะปลูก และวิธีการดูแลรักษาทั้งประเภทไม้ดอกหรือไม้ประดับใบ วัสดุตกแต่งที่นำมาใช้ และโครงสร้างที่จะใช้ในแต่ละพื้นที่ อาทิ โครงพลาสติก โครงลวด โครงผ้าห่มที่เจาะผ้าห่มเพื่อนำพันธุ์ไม้เสียบลงในร่อง โครงธรรมชาติที่ใช้กาบมะพร้าวหรือไม้ไผ่ หรือการก่อปูนเสริมจากกำแพงบ้านเพื่อจัดวางต้นไม้ เป็นต้น โดยการจัดสวนนั้นจัดได้ 2 รูปแบบ คือ สวนแนวนอน ที่นิยมสร้างความร่มรื่นภายนอกให้กับที่อยู่อาศัย และสวนแนวตั้งที่ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถจัดวางและสร้างความร่มรื่นได้ทั้งภายในและภายนอกที่อยู่อาศัยและมีความหลากหลายของสไตล์ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
เพิ่มความสุข สัมผัสความร่มรื่นด้วย “สวนธรรมชาติ”
สำหรับบ้านอยู่อาศัยที่มีเนื้อที่ค่อนข้างมาก เช่น บ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์โฮม สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยธรรมชาติกับ “Vertical Garden หรือสวนแนวตั้ง” ได้ง่ายๆ อาทิ “สไตล์ทรอปิคอล ฟอเรส การ์เด้น” ที่เน้นความโดดเด่นของธรรมชาติเป็นหลัก นิยมนำต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มาเป็นเซ็นเตอร์ของสวน อาทิ ต้นก้ามปู ต้นราชพฤกษ์ หรือไม้ตระกูลไทร เป็นต้น พร้อมเสริมความชุ่มชื่นด้วยกลุ่มก้อนหินน้ำตก แอ่งน้ำ หรือน้ำตกเทียมที่ทำให้เกิดน้ำกระเซ็นและจังหวะน้ำเป็นระลอกคลื่น จากนั้นเพิ่มความสวยงามด้วยไม้ประดับใบตระกูลมอส หรือเฟิร์น อาทิ เฟิร์นข้าหลวง เฟิร์นเขากวาง หรือเฟิร์นใบมะขาม หรือถ้าต้องการให้สวนมีสีสันเพิ่มขึ้น สามารถนำกล้วยไม้ตระกูลหวายที่มีดอกตลอดทั้งปี หรือแวนด้า หรือแกละช้าง ที่มีกลิ่นหอมใส่ไว้ตรงแง่งหินก็ได้ พร้อมเพิ่มชีวิตชีวาด้วยสีสันของปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายอยู่ในแอ่งน้ำ หรือต้นไม้น้ำก็สร้างความเพลิดเพลินได้
นอกจากนี้ ถ้าใครชื่นชอบสีสันของดอกไม้ก็สามารถดีไซน์สวนใน “สไตล์ฟลาวเวอร์ การ์เด้น – สวนดอกไม้” ที่เน้นความสวยงามของดอกไม้เป็นหลัก ซึ่งนิยมการขึ้นโครงสร้างเป็นรูปต่างๆ ที่มีช่องว่างสำหรับวางไม้ดอกที่มีสีสันต่างๆ อาทิ ดอกเบญจมาศ ดอกดาวเรือง เป็นต้น หรือเพิ่มมิติให้กับสวนด้วยการแขวนกระถางไม้ดอก อาทิ ดอกลิปสติก หรือไม้ตระกูลเดฟ หรือนำอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ มาประดับเพิ่ม อาทิ กิ่งไม้สวยๆ ตุ๊กตาดินปั้น หรือโมบายกระจก ก็ทำให้กำแพงหรือรั้วบ้านของเราดูดีมีสไตล์ยิ่งขึ้น
เปลี่ยนมุมเล็กๆ ในบ้านให้เป็นมุมพิเศษ
มุมห้องในบ้านขนาดพอดีตัวหรือระเบียงคอนโดมิเนียมในพื้นที่ที่จำกัดก็สามารถเพิ่มความสวยงามได้ใน “สไตล์ทรอปิคอล การ์เด้น” ที่เน้นความสบายตาของโทนสีสันและความสะดวกในการดูแลรักษาต้นไม้ ใช้วัสดุง่ายๆ โดยเริ่มจากโครงสร้างแบบรางน้ำที่สามารถเก็บกักน้ำและให้ความชุ่มชื้นกับต้นไม้ตลอดเวลา ถ้าเราสร้างสวนในพื้นที่ร่ม ควรเลือกต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดน้อย อาทิ ตระกูลเฟิร์น มอส ฤาษีผสม หนวดปลาดุก เดฟ หรือสับปะรดสีพันธุ์ต่างๆ ซึ่งควรปลูกในแนวเฉียง 45 องศา เพื่อความสวยงามและการยึดของต้นไม้ หรือถ้าจัดสวนบริเวณริมระเบียง ควรเลือกต้นไม้ที่มีดอก อาทิ กล้วยไม้ หรือลิปสติก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มความเก๋ไก๋ให้สวนสวยด้วยพืชสวนครัวขนาดเล็กที่สามารถเก็บผลไปรับประทานได้ อาทิ ผักหอม หรือผักกาดแก้ว เป็นต้น หรือเพิ่มสีสันและความน่ารักให้สวนได้โดยนำตุ๊กตาตัวเล็กๆ หรืออุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ อย่าง โมบายแก้ว หรือกระดิ่ง ที่มีสีสันสดใสมาวางประดับเพื่อเพิ่มมิติสีสัน ซึ่งการจัดสวนแนวตั้งนอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้ว ยังช่วยกันฝุ่นและกรองอากาศจากภายนอกก่อนเข้าสู่ในห้องพักได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มปริมาณอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านและป้องกันมลภาวะอีกด้วย
เรียนรู้เทคนิคพร้อมเคล็ดลับการสร้างสวนสวยแนวตั้งแล้ว ก็สามารถเริ่มลงมือทำได้เลย ซึ่งในการจัดสวนนั้น ไม่มีอะไรผิด อะไรถูก ขอเพียงแค่ให้ความรัก ความใส่ใจ กับการออกแบบและเลือกพันธุ์ไม้ที่โปรดปราน และตกแต่งทีละเล็กทีละน้อย โดยการชวนสมาชิกในบ้านมาร่วมสนุกกับการออกไอเดียถ่ายทอดความอ่อนโยนของจิตใจลงในสวนสวย เพื่อร่วมกันนำธรรมชาติกลับคืนสู่บ้านแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง เราก็สามารถสร้างความสุขกับมุมพักผ่อนของเราอย่างแท้จริง
สัมผัสเรื่องราวความรัก ความเข้าใจ และการแบ่งปัน พร้อมเคล็ดลับในการเพิ่มความสุขให้กับการพักผ่อนที่บ้านที่ “ปริญสิริ” สร้างสรรค์ให้กับทุกคนได้ทางเว็บไซต์ www.prinsiri.com และ www.facebook.com/Prinsiri
2
ไร้สังกัด / เพิ่มพูนความรัก เติมเต็มความอบอุ่นกับหนึ่งมุมเล็กๆ ใน “บ้านของเรา”
« on: April 13, 2011, 04:00:47 PM »
“บ้าน” เปรียบเสมือนเหมือนศูนย์รวมจิตใจของความสุข แหล่งพักพิงใจยามท้อแท้ แหล่งรวมการแบ่งปันยามที่เราสังสรรค์ และแหล่งรวมความรักที่คนในบ้านมีให้กันและกัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากหากเราจะถามว่า “บ้าน” มอบความสุขอะไรให้กับเรา เพราะทุกๆ รายละเอียดของบ้านมักจะมีเรื่องราวความประทับใจของแต่ละคนที่ผูกพันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นมุมเล็กๆ ในห้องครัว เสียงหัวเราะในห้องนั่งเล่น ความอบอุ่นของห้องนอน ความอุ่นใจปลอดภัยกับรั้วบ้าน หรือพื้นที่สีเขียวให้เอนกายพักผ่อนของสวนธรรมชาติหน้าบ้าน”
มุมเล็กๆ เพิ่มความรู้กับ “บันไดใส่รองเท้า”
การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยเราสามารถเปลี่ยนผนังห้องเรียบๆ ให้ดูมีสไตล์ด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดชิค หรือการสร้างกรอบรูปภาพโดยนำเรื่องราวความประทับใจในช่วงเวลาต่างๆ มาใส่ไว้ก็ได้ หรือแม้แต่ชั้นวางรองเท้าภายในบ้านนั้น ก็สามารถสร้างเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างคุณและเจ้าตัวน้อย ทั้งช่วงเวลาก่อนออกจากบ้านหรือกลับมาถึงบ้านก็ได้ ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเป็นมุมเสริมสร้างความรู้ของเจ้าตัวน้อย ด้วยการนำชุดโต๊ะเก้าอี้สีลูกกวาดมาวาง เพิ่มแสงสว่างให้พื้นที่ด้วยโคมไฟลายการ์ตูน พร้อมตกแต่งผนังให้ดูสวยงามด้วยสติ๊กเกอร์ลายน่ารักๆ เพื่อเสริมบรรยากาศและกระตุ้นความนึกสนุกกับการทำการบ้าน ซึ่งงานนี้นอกจากจะได้มุมใช้สอยเพิ่มขึ้น ยังสร้างนิสัยในใฝ่รู้ให้กับลูกๆ อีกด้วย นอกจากนี้ คุณยังสามารถเปลี่ยนมุมบันไดให้สุดชิคด้วยการสร้างช่องเก็บรองเท้าไว้ใต้ชั้นระหว่างขั้นบันได เป็นทางเลือกใหม่เพื่อเก็บรองเท้าแสนรักได้ทั้งครอบครัวแถมประหยัดพื้นที่ใช้สอย ไม่รกสายตา แถมการหยิบรองเท้ามาสวมใส่ก่อนออกจากบ้าน หรือถอดเก็บก็แสนง่ายเช่นกัน เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลกับพื้นที่ในการเก็บรองเท้าอีกต่อไป
แต่งบ้านคลายร้อน เพิ่มมุมสบายให้ “ห้องทำงาน”
ช่วงซัมเมอร์มักเป็นปัญหาหนักใจสำหรับคนที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นกังวลกับเรื่องการถ่ายเทของอากาศ ลองเปลี่ยนมุมมองด้วยการแต่งบ้านสไตล์ใหม่ที่จะช่วยให้บ้านดูโปร่ง อากาศถ่ายเท แถมสร้างความยังใกล้ชิดกับคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ด้วยการสร้างพื้นที่เล็กๆ แบบ “ห้องทำงานติดผนัง” โดยการหามุมสบายๆ แล้วนำโต๊ะทำงานเข้าชนติดผนังตามแนวยาวของบ้าน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในแนวตั้ง โดยการจัดชั้นหนังสือหรือวางของตามสไตล์ของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Built-in หรือ D.I.Y. จากนั้นเปลี่ยนอารมณ์ให้สงบด้วยสีโต๊ะทำงานและชั้นหนังสือตามสีผนังจะช่วยให้ห้องดูโล่งมากขึ้น พร้อมเพิ่มความสูงของเพดานด้วยการยกระดับฝ้าเพิ่มขึ้นจากเดิม เช่น ถ้าหากภายในห้องมีเพดานฝ้าที่ต่ำกว่า 2.4 เมตรจะทำให้ดูอึดอัด ลองเพิ่มความสูงเป็น 2.6 เมตรขึ้นไป ก็จะทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบายขึ้นมาทันที และสิ่งสุดท้าย ลองเปลี่ยนกรอบประตูหรือผนังห้องเพื่อให้สามารถมองเห็นห้องอื่นๆ ภายในบ้าน ด้วยการใช้หน้าต่างบานสูง เพราะนอกจากทำให้ห้องทำงานดูโปร่งกว้างขึ้นแล้ว ยังช่วยให้อาหารถ่ายเทได้สะดวก และถึงแม้แต่ละคนจะทำกิจกรรมอยู่คนละมุมของบ้าน ก็ไม่รู้สึกเหงาหรือแปลกแยก เพราะยังสามารถมองเห็นและแอบส่งยิ้มให้กันและกันได้
มุมแม่บ้านกับ “ห้องครัวสุดเก๋”
กลิ่นอาหารหอมๆ หลังจากที่ทำเสร็จใหม่ มักสร้างความรู้สึกหิวให้กับบรรดาสมาชิกในครอบครัว ซึ่งกว่าจะทำเสร็จนั้นคุณแม่บ้านอาจต้องผจญกับทั้งกลิ่น ควัน และคราบน้ำมันที่กระเด็นจากกระทะ การแต่งบ้านสามารถช่วยลดสารพัดปัญหากวนใจได้ โดยการเพิ่มประตูกั้นห้องครัวแบบสไลด์ เพื่อไม่ให้กลิ่นของการเตรียมอาหารไปรบกวนกับห้องอื่นๆ ภายในบ้าน แถมประหยัดพื้นที่ใช้สอย รวมทั้งติดตั้งกระจกแบบบานสูง เพื่อเพิ่มช่องทางในการระบายกลิ่นและควัน แถมช่วยให้ห้องครัวดูโปร่งสูงไม่อึดอัด สำหรับการขจัดคราบน้ำมันนั้น วิธีง่ายๆ แถมประหยัดเวลาในการทำความสะอาดครัว สามารถทำได้โดยใช้แผ่นรองกั้นน้ำมันรองบริเวณรอบกระทะและบริเวณผนังครัวเพื่อให้ง่ายสำหรับการเช็ดล้างห้องครัวหลังจากทำอาหารเสร็จ นอกจากนี้ ลองสร้างบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อพิเศษของคุณด้วยการแต่งเติมกลิ่นต่างๆ จากเทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหย เช่น ในช่วงมื้อเย็นที่ผ่อนคลาย สามารถสร้างบรรยากาศได้ด้วยการใช้กลิ่นน้ำมันลาเวนเดอร์ แต่หากต้องการจัดดินเนอร์ปาร์ตี้แสนสนุกก็สามารถทำได้ด้วยการเพิ่มด้วยกลิ่นส้มหรือมะนาว หรือสำหรับวันที่ร้อนอบอ้าว ลองนำกลิ่นมิ้นต์มาเพิ่มความสดชื่น ถ้าต้องการความอ่อนละมุน ลองนำกลิ่นวานิลลามาเพิ่มบรรยากาศความรักและใส่ใจ เพียงเท่านี้ ห้องครัวของคุณก็สามารถสร้างเรื่องราวดีๆ ระหว่างคนในครอบครัวในทุกๆ มื้ออาหารได้อย่างลงตัว
สัมผัสเรื่องราวความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปัน พร้อมเคล็บลับการแต่งบ้านดีๆ ที่ “ปริญสิริ” สร้างสรรค์ให้กับทุกคน ได้ทางเว็บไซต์ www.prinsiri.com หรือ www.facebook.com/prinsiri
มุมเล็กๆ เพิ่มความรู้กับ “บันไดใส่รองเท้า”
การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยเราสามารถเปลี่ยนผนังห้องเรียบๆ ให้ดูมีสไตล์ด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดชิค หรือการสร้างกรอบรูปภาพโดยนำเรื่องราวความประทับใจในช่วงเวลาต่างๆ มาใส่ไว้ก็ได้ หรือแม้แต่ชั้นวางรองเท้าภายในบ้านนั้น ก็สามารถสร้างเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างคุณและเจ้าตัวน้อย ทั้งช่วงเวลาก่อนออกจากบ้านหรือกลับมาถึงบ้านก็ได้ ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเป็นมุมเสริมสร้างความรู้ของเจ้าตัวน้อย ด้วยการนำชุดโต๊ะเก้าอี้สีลูกกวาดมาวาง เพิ่มแสงสว่างให้พื้นที่ด้วยโคมไฟลายการ์ตูน พร้อมตกแต่งผนังให้ดูสวยงามด้วยสติ๊กเกอร์ลายน่ารักๆ เพื่อเสริมบรรยากาศและกระตุ้นความนึกสนุกกับการทำการบ้าน ซึ่งงานนี้นอกจากจะได้มุมใช้สอยเพิ่มขึ้น ยังสร้างนิสัยในใฝ่รู้ให้กับลูกๆ อีกด้วย นอกจากนี้ คุณยังสามารถเปลี่ยนมุมบันไดให้สุดชิคด้วยการสร้างช่องเก็บรองเท้าไว้ใต้ชั้นระหว่างขั้นบันได เป็นทางเลือกใหม่เพื่อเก็บรองเท้าแสนรักได้ทั้งครอบครัวแถมประหยัดพื้นที่ใช้สอย ไม่รกสายตา แถมการหยิบรองเท้ามาสวมใส่ก่อนออกจากบ้าน หรือถอดเก็บก็แสนง่ายเช่นกัน เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลกับพื้นที่ในการเก็บรองเท้าอีกต่อไป
แต่งบ้านคลายร้อน เพิ่มมุมสบายให้ “ห้องทำงาน”
ช่วงซัมเมอร์มักเป็นปัญหาหนักใจสำหรับคนที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นกังวลกับเรื่องการถ่ายเทของอากาศ ลองเปลี่ยนมุมมองด้วยการแต่งบ้านสไตล์ใหม่ที่จะช่วยให้บ้านดูโปร่ง อากาศถ่ายเท แถมสร้างความยังใกล้ชิดกับคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ด้วยการสร้างพื้นที่เล็กๆ แบบ “ห้องทำงานติดผนัง” โดยการหามุมสบายๆ แล้วนำโต๊ะทำงานเข้าชนติดผนังตามแนวยาวของบ้าน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในแนวตั้ง โดยการจัดชั้นหนังสือหรือวางของตามสไตล์ของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Built-in หรือ D.I.Y. จากนั้นเปลี่ยนอารมณ์ให้สงบด้วยสีโต๊ะทำงานและชั้นหนังสือตามสีผนังจะช่วยให้ห้องดูโล่งมากขึ้น พร้อมเพิ่มความสูงของเพดานด้วยการยกระดับฝ้าเพิ่มขึ้นจากเดิม เช่น ถ้าหากภายในห้องมีเพดานฝ้าที่ต่ำกว่า 2.4 เมตรจะทำให้ดูอึดอัด ลองเพิ่มความสูงเป็น 2.6 เมตรขึ้นไป ก็จะทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบายขึ้นมาทันที และสิ่งสุดท้าย ลองเปลี่ยนกรอบประตูหรือผนังห้องเพื่อให้สามารถมองเห็นห้องอื่นๆ ภายในบ้าน ด้วยการใช้หน้าต่างบานสูง เพราะนอกจากทำให้ห้องทำงานดูโปร่งกว้างขึ้นแล้ว ยังช่วยให้อาหารถ่ายเทได้สะดวก และถึงแม้แต่ละคนจะทำกิจกรรมอยู่คนละมุมของบ้าน ก็ไม่รู้สึกเหงาหรือแปลกแยก เพราะยังสามารถมองเห็นและแอบส่งยิ้มให้กันและกันได้
มุมแม่บ้านกับ “ห้องครัวสุดเก๋”
กลิ่นอาหารหอมๆ หลังจากที่ทำเสร็จใหม่ มักสร้างความรู้สึกหิวให้กับบรรดาสมาชิกในครอบครัว ซึ่งกว่าจะทำเสร็จนั้นคุณแม่บ้านอาจต้องผจญกับทั้งกลิ่น ควัน และคราบน้ำมันที่กระเด็นจากกระทะ การแต่งบ้านสามารถช่วยลดสารพัดปัญหากวนใจได้ โดยการเพิ่มประตูกั้นห้องครัวแบบสไลด์ เพื่อไม่ให้กลิ่นของการเตรียมอาหารไปรบกวนกับห้องอื่นๆ ภายในบ้าน แถมประหยัดพื้นที่ใช้สอย รวมทั้งติดตั้งกระจกแบบบานสูง เพื่อเพิ่มช่องทางในการระบายกลิ่นและควัน แถมช่วยให้ห้องครัวดูโปร่งสูงไม่อึดอัด สำหรับการขจัดคราบน้ำมันนั้น วิธีง่ายๆ แถมประหยัดเวลาในการทำความสะอาดครัว สามารถทำได้โดยใช้แผ่นรองกั้นน้ำมันรองบริเวณรอบกระทะและบริเวณผนังครัวเพื่อให้ง่ายสำหรับการเช็ดล้างห้องครัวหลังจากทำอาหารเสร็จ นอกจากนี้ ลองสร้างบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อพิเศษของคุณด้วยการแต่งเติมกลิ่นต่างๆ จากเทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหย เช่น ในช่วงมื้อเย็นที่ผ่อนคลาย สามารถสร้างบรรยากาศได้ด้วยการใช้กลิ่นน้ำมันลาเวนเดอร์ แต่หากต้องการจัดดินเนอร์ปาร์ตี้แสนสนุกก็สามารถทำได้ด้วยการเพิ่มด้วยกลิ่นส้มหรือมะนาว หรือสำหรับวันที่ร้อนอบอ้าว ลองนำกลิ่นมิ้นต์มาเพิ่มความสดชื่น ถ้าต้องการความอ่อนละมุน ลองนำกลิ่นวานิลลามาเพิ่มบรรยากาศความรักและใส่ใจ เพียงเท่านี้ ห้องครัวของคุณก็สามารถสร้างเรื่องราวดีๆ ระหว่างคนในครอบครัวในทุกๆ มื้ออาหารได้อย่างลงตัว
สัมผัสเรื่องราวความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปัน พร้อมเคล็บลับการแต่งบ้านดีๆ ที่ “ปริญสิริ” สร้างสรรค์ให้กับทุกคน ได้ทางเว็บไซต์ www.prinsiri.com หรือ www.facebook.com/prinsiri
3
news & activity / “ปริญสิริ” เสนอ 3 เรื่องสั้น และ 1 MV ชุดใหม่ ผ่านสื่อออน์ไลน์
« on: April 13, 2011, 03:55:11 PM »
ปริญสิริ “ความสุข...สร้างจากการใส่ใจทุกรายละเอียด” เดินหน้าสร้างการรับรู้เรื่องแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำคอนเซ็ปต์หลัก “We love, We care, We share” ล่าสุดผุดไอเดียเรื่องสั้น 3 รูปแบบ 3 เรื่อง และมิวสิค วิดีโอ 1 เรื่อง โดยสะท้อนมุมมองของแบรนด์ที่ต้องการยกระดับการดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นผ่านเรื่องราวของคำว่า “Love” “Care” “Share” และ “A day in life” โดยเรื่องแรกเป็นมุมมองที่สะท้อนมาจากคำว่า “Love” โดยเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่มีใจรักต่องานที่ทำ พร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เข้าถึงความหมายของคำว่า “บ้าน” โดยเนื้อเรื่องแสดงให้เห็นถึงความรักในทุกๆ รายละเอียดที่เขามีต่อการสร้างบ้านหนึ่งหลัง มีความสุขกับการศึกษาทิศทางของแสงแดด กระแสลม ผิวสัมผัสของวัสดุต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าการสร้างบ้านที่เริ่มต้นด้วยความรัก ผลงานที่ได้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของผู้ที่อยู่อาศัย
เรื่องราวต่อมาหยิบยกคำว่า “Care” มาใช้ โดยสะท้อนผ่านความใสซื่อของเด็ก เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เด็ก 2 คน กำลังนั่งคุยกันที่ชิงช้าเกี่ยวกับบ้านของตัวเองว่ามีอะไรบ้าง โดยน้องเอบอกว่า บ้านของเขามีปลาทองตัวใหญ่เท่าโหลใส่ปลา จากนั้นน้องบีก็บอกว่าแต่บ้านเค้ามีปลาวาฬตัวใหญ่มาก ซึ่งทั้งสองคนนั่งคุยกันจนถึงเวลาอาหารเย็นแล้วแยกกันกลับบ้าน หลังจากนั้นตอนกลางคืนน้องเอโทรศัพท์หาน้องบีบนที่นอนและพูดว่า ห้องเรามองเห็นดาวเต็มฟ้าเลย น้องบีก็บอกว่าห้องนอนเขาเห็นเป็นล้านๆ ดวงเลย เพราะเราใส่ความห่วงใยเข้าไปในทุกรายละเอียดของการออกแบบ จึงสามารถตอบสนองความต้องการและสามารถใช้สอยทุกพื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และเรื่องราวสุดท้ายเป็นเรื่องราวของการ “Share” ที่สะท้อนผ่านความผูกพันของ “น้องบีบี” สุนัขสุดน่ารัก โดยเริ่มต้นจากครอบครัวหนึ่งที่เลี้ยงสุนัขน่ารักแสนซน “น้องบีบี” เพื่อเป็นเพื่อนเล่นของลูก โดยน้องบีบีมักเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของที่บ้านและเพื่อนบ้านอยู่บ่อยๆ จนบ้านทั้งสองหลังเกิดความสนิทสนมผูกพันระหว่างกันและกัน จนเกิดเป็นการแบ่งปัน เพราะเราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้สึกดีๆ เป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่ดี
นอกจากนี้ “ปริญสิริ” ยังได้สร้างสรรค์มิวสิค วิดีโอ อีก 1 เรื่อง เพื่อความสมบูรณ์ในการสื่อสารโดยดำเนินเรื่องราวผ่านเด็กชายและเด็กหญิงที่ได้มาเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่เล็ก โดยทั้งสองต่างก็เอาใจใส่กันและกันมาโดยตลอดทั้งมอบของขวัญให้ในวันเกิด หรือทำอาหารง่ายๆ มาให้กันและกันโดยตลอด จนเมื่อทั้งคู่โตขึ้น ฝ่ายชายหนุ่มจึงเริ่มที่จะสารภาพความรู้สึกดีๆ ให้กับหญิงสาวได้รู้โดยส่งซีดีที่ถูกถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่เล็กของทั้งสอง เพื่อเป็นการเชิญให้มาร่วมดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียนและเป็นการสารภาพความรู้สึกที่ถูกเก็บมาโดยตลอดให้กับหญิงสาวได้รู้
สัมผัสความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันที่ปริญสิริสร้างสรรค์ให้กับทุกๆ คน ได้ทางเว็บไซต์ www.prinsiri.com หรือ www.facebook.com/prinsiri และ www.youtube.com/prinsiripcl
เรื่องราวต่อมาหยิบยกคำว่า “Care” มาใช้ โดยสะท้อนผ่านความใสซื่อของเด็ก เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เด็ก 2 คน กำลังนั่งคุยกันที่ชิงช้าเกี่ยวกับบ้านของตัวเองว่ามีอะไรบ้าง โดยน้องเอบอกว่า บ้านของเขามีปลาทองตัวใหญ่เท่าโหลใส่ปลา จากนั้นน้องบีก็บอกว่าแต่บ้านเค้ามีปลาวาฬตัวใหญ่มาก ซึ่งทั้งสองคนนั่งคุยกันจนถึงเวลาอาหารเย็นแล้วแยกกันกลับบ้าน หลังจากนั้นตอนกลางคืนน้องเอโทรศัพท์หาน้องบีบนที่นอนและพูดว่า ห้องเรามองเห็นดาวเต็มฟ้าเลย น้องบีก็บอกว่าห้องนอนเขาเห็นเป็นล้านๆ ดวงเลย เพราะเราใส่ความห่วงใยเข้าไปในทุกรายละเอียดของการออกแบบ จึงสามารถตอบสนองความต้องการและสามารถใช้สอยทุกพื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และเรื่องราวสุดท้ายเป็นเรื่องราวของการ “Share” ที่สะท้อนผ่านความผูกพันของ “น้องบีบี” สุนัขสุดน่ารัก โดยเริ่มต้นจากครอบครัวหนึ่งที่เลี้ยงสุนัขน่ารักแสนซน “น้องบีบี” เพื่อเป็นเพื่อนเล่นของลูก โดยน้องบีบีมักเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของที่บ้านและเพื่อนบ้านอยู่บ่อยๆ จนบ้านทั้งสองหลังเกิดความสนิทสนมผูกพันระหว่างกันและกัน จนเกิดเป็นการแบ่งปัน เพราะเราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้สึกดีๆ เป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่ดี
นอกจากนี้ “ปริญสิริ” ยังได้สร้างสรรค์มิวสิค วิดีโอ อีก 1 เรื่อง เพื่อความสมบูรณ์ในการสื่อสารโดยดำเนินเรื่องราวผ่านเด็กชายและเด็กหญิงที่ได้มาเป็นเพื่อนบ้านกันตั้งแต่เล็ก โดยทั้งสองต่างก็เอาใจใส่กันและกันมาโดยตลอดทั้งมอบของขวัญให้ในวันเกิด หรือทำอาหารง่ายๆ มาให้กันและกันโดยตลอด จนเมื่อทั้งคู่โตขึ้น ฝ่ายชายหนุ่มจึงเริ่มที่จะสารภาพความรู้สึกดีๆ ให้กับหญิงสาวได้รู้โดยส่งซีดีที่ถูกถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่เล็กของทั้งสอง เพื่อเป็นการเชิญให้มาร่วมดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียนและเป็นการสารภาพความรู้สึกที่ถูกเก็บมาโดยตลอดให้กับหญิงสาวได้รู้
สัมผัสความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันที่ปริญสิริสร้างสรรค์ให้กับทุกๆ คน ได้ทางเว็บไซต์ www.prinsiri.com หรือ www.facebook.com/prinsiri และ www.youtube.com/prinsiripcl
4
news & activity / ปริญสิริ เปิดสัมผัสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “ล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็น จัดดอกไม้บู
« on: April 13, 2011, 03:37:39 PM »
การสร้างนิยามความสุขในทุกวันนี้ มีหลากหลายวิธีทั้งการท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ ช้อปปิ้งบำบัด ตระเวนนั่งชิลล์ๆ ตามร้านอาหารชื่อดัง หรือเข้าวัดนั่งสมาธิเพื่อทำจิตใจให้สงบ แต่วิธีลัดที่ช่วยลดความตึงเครียดต่างๆ แถมสร้างภูมิคุ้มกันแบบยั่งยืนแบบง่ายๆ นั้นคือ “การมอบความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุขให้กันและกัน” พร้อมร่วมสร้างกิจกรรมในครอบครัว หรือกลุ่มผองเพื่อน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสุข ก็นับเป็นวิธีที่ดีและสามารถทำได้ทั้งครอบครัวเป็นการเพิ่มความอบอุ่นในบ้านได้เช่นกัน
นางสาวพัชรี โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปริญสิริ” ได้ยึดหลักพื้นฐานในการดูแลเอาใจใส่ลูกบ้านโดยคำนึงถึงความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุข ที่สะท้อนผ่านมุมมองของ แบรนด์ ภายใต้คำนิยามที่ว่า “ปริญสิริ ความสุข...สร้างจากการใส่ใจทุกรายละเอียด” โดยถ่ายทอดเรื่องราวของศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข “The Art of Living” ในมุมต่างๆ เพื่อการใช้ชีวิตทั้งต่อตนเองและร่วมแบ่งปันความสุขให้แก่คนรอบข้าง ผ่านความหมายของคำว่า “We love” หมายถึง ความรัก ความเอาใจใส่ในงานที่ทำ “We care” หมายถึง การถ่ายทอด ความห่วงใยใส่ใจไปสู่การออกแบบและลงลึกในรายละเอียด และ “We share” หมายถึง การส่งมอบและแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับลูกบ้านและสังคม
โดย “ปริญสิริ” ได้เตรียมความพิเศษที่หลากหลายตลอดระยะเวลา 9 เดือน เพื่อให้ลูกบ้านและผู้ที่สนใจได้ร่วมกิจกรรมสร้างความสุข ความใส่ใจ และแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น โดยในครั้งแรกได้ส่งมอบความสุขให้แก่ผู้โชคดีกว่า 100 คน ประกอบด้วยลูกบ้าน ผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมกับคลื่นวิทยุชั้นนำของประเทศไทย และผู้ที่ร่วมสนุกผ่านกิจกรรมของปริญสิริในช่องทางเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่ “ปริญสิริ” มีให้กับทุกรายละเอียดของการดูแลอย่างแท้จริง ผ่านทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยการเดินทางล่องเรือชมบรรยากาศยามเย็นบนสายน้ำเจ้าพระยา พร้อมร่วมกันจัดดอกไม้เพื่อถวายพระพุทธที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณที่สร้างในสมัยอยุธยา และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย
ส่วนดีเจเสียงนุ่ม ดีเจอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล และดีเจเจ๊แหม่ม-วินัย สุขแสวง กล่าวถึงการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “สำหรับอาชีพดีเจ นั้นต้องส่งผ่านความสุขให้กับผู้อื่นๆ ทั้งในช่วงเวลาจัดรายการ หรือนอกห้องจัด เพราะต้องคอยหาข้อมูลสดใหม่ เพื่ออัพเดทเทรนด์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ กิจกรรมดีๆ หรือเรื่องราวของความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุข เพื่อนำข้อมูลดีๆมาบอกต่อผู้ฟัง ช่วยผ่อนคลายความเครียดและสร้างสีสันให้กับผู้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งนิยามความรัก ความใส่ใจ และแบ่งปันของดีเจอ้อย-นภาพร นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มต้นจากคนหนึ่งคนที่มีความรักในตัวเองและพร้อมที่จะมอบความรักให้กับผู้อื่น ไม่ว่าจะคนรัก พ่อแม่หรือพี่น้องก็ตาม โดยความรักที่มอบให้นั้นต้องเป็นความรักที่บริสุทธิ์ใจ จึงจะก่อเกิดเป็นความใส่ใจและร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นได้ และสำหรับดีเจเจ๊แหม่ม นับว่าเป็นเรื่องราวของความรักความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนที่มอบสิ่งดีๆ ให้กัน ห่วงใยกัน พร้อมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเวลาเกิดความทุกข์เผชิญความทุกข์ด้วยกัน สุขด้วยกัน ซึ่งถ้าเราทุกคนมอบความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุขให้กันวันนิด เราก็จะพบแต่สิ่งดีๆ สุขกายและสุขใจในทุกวัน
สองพี่น้องผู้โชคดีที่ได้ร่วมเดินทางสัมผัสปรากฎการณ์พิเศษจากการมีส่วนร่วมผ่านทางคลื่นกรีนเวฟ อย่างนางสาวอธิสราภรณ์ และนางสาวพศิชญาภรณ์ ลือวงศ์ศุภิจ กล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมเดินทางล่องเรือไปนมัสการพระที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารในยามค่ำคืน ซึ่งสิ่งที่ประทับใจในครั้งนี้ คือ การร่วมเวิร์กช้อปจัดช่อดอกไม้เพื่อถวายพระ โดยส่วนตัวเชื่อว่าการจัดดอกไม้เป็นเรื่องที่ยาก เพราะเคยมีประสบการณ์เรื่องการเข้าช่อดอกไม้ ลำบากทั้งการจับก้านดอกไม้ การเลือกดอกไม้ที่เข้าคู่กันทั้งสีและขนาด ทำให้ไม่ค่อยมีความมั่นใจ แต่พอได้มีอาจารย์มาช่วยแนะนำทั้งสอนเคล็ดลับในการเข้าช่อนั้นทำให้รู้สึกสนุกและยิ่งใส่ใจ ตั้งใจทำอย่างพิถีพิถัน ทั้งการเลือกดอกไม้ จัดช่อ หรือเพิ่มการตกแต่งก็ยิ่งทำให้ช่อดอกไม้สวยงามมากขึ้น เสมือนกับการที่มีความตั้งใจ ใส่ใจ และแบ่งปันความสุขให้กันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง พ่อแม่ หรือแม้แต่คนรักก็ตาม เราเชื่อว่าการมอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ จะช่วยคนหลายๆ คนพบความสุขที่ไม่ต้องไปมองหาที่ไหน เพียงเราเปิดใจเราก็จะพบสิ่งนี้อยู่ใกล้ๆ ตัวเรา”
นางปราณี และนางสาวสุชาดา วจนพานิช หนึ่งในลูกบ้านของปริญสิริ โครงการคอนโดมิเนียม เดอะ คอมพลีท “The Complete” กล่าวถึงความรู้สึกในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “รู้สึกดีๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการ ทำกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาร่วมนมัสการพระประธานของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารในยามค่ำ ทำให้พบความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่งของตัวอารามที่อาบแสงสีเหลืองทองของไฟที่ส่องสะท้อนเงาระยิบระยับกับพื้นน้ำ เป็นจังหวะขึ้นลงตามกระแสคลื่น นอกจากนี้ ความสงบเงียบยิ่งทำให้วัดดูศักดิ์สิทธ์มากกว่าช่วงเวลาเช้า ทำให้จิตใจสงบผ่อนคลาย ยิ่งได้ถวายช่อดอกไม้หน้าพระประธานของอาราม พร้อมนั่งฟังคำเทศนาของพระสงฆ์เกี่ยวกับการมอบความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นๆ ยิ่งทำให้เรารู้ว่าความรักที่มีในตัวเรานั้นสามารถนำมามอบให้แก่ผู้อื่นได้เช่นกัน เสมือนการแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอื่น เพื่อที่เค้าจะได้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตและส่งมอบความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับนำไปมอบให้กับผู้อื่นได้ เป็นการส่งต่อความรู้สึกดีทำให้อิ่มใจทั้งผู้ให้และผู้รับเช่นกัน”
“ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจาก “ปริญสิริ” จะได้ส่งมอบความรู้สึกดีๆ ผ่านความรัก ความห่วงใย ความเอาใจใส่ ให้แก่ลูกบ้านและผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านยังได้มีโอกาสร่วมแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันและกัน คนรอบข้าง และเผื่อแผ่ไปยังคนในสังคมอีกด้วย ซึ่งสามารถติดตามเรื่องราวดีๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ที่ www.prinsiri.com หรือ www.facebook.com/Prinsiri ได้ต่อไป
นางสาวพัชรี โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปริญสิริ” ได้ยึดหลักพื้นฐานในการดูแลเอาใจใส่ลูกบ้านโดยคำนึงถึงความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุข ที่สะท้อนผ่านมุมมองของ แบรนด์ ภายใต้คำนิยามที่ว่า “ปริญสิริ ความสุข...สร้างจากการใส่ใจทุกรายละเอียด” โดยถ่ายทอดเรื่องราวของศิลปะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข “The Art of Living” ในมุมต่างๆ เพื่อการใช้ชีวิตทั้งต่อตนเองและร่วมแบ่งปันความสุขให้แก่คนรอบข้าง ผ่านความหมายของคำว่า “We love” หมายถึง ความรัก ความเอาใจใส่ในงานที่ทำ “We care” หมายถึง การถ่ายทอด ความห่วงใยใส่ใจไปสู่การออกแบบและลงลึกในรายละเอียด และ “We share” หมายถึง การส่งมอบและแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับลูกบ้านและสังคม
โดย “ปริญสิริ” ได้เตรียมความพิเศษที่หลากหลายตลอดระยะเวลา 9 เดือน เพื่อให้ลูกบ้านและผู้ที่สนใจได้ร่วมกิจกรรมสร้างความสุข ความใส่ใจ และแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น โดยในครั้งแรกได้ส่งมอบความสุขให้แก่ผู้โชคดีกว่า 100 คน ประกอบด้วยลูกบ้าน ผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมกับคลื่นวิทยุชั้นนำของประเทศไทย และผู้ที่ร่วมสนุกผ่านกิจกรรมของปริญสิริในช่องทางเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่ “ปริญสิริ” มีให้กับทุกรายละเอียดของการดูแลอย่างแท้จริง ผ่านทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยการเดินทางล่องเรือชมบรรยากาศยามเย็นบนสายน้ำเจ้าพระยา พร้อมร่วมกันจัดดอกไม้เพื่อถวายพระพุทธที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณที่สร้างในสมัยอยุธยา และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย
ส่วนดีเจเสียงนุ่ม ดีเจอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล และดีเจเจ๊แหม่ม-วินัย สุขแสวง กล่าวถึงการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “สำหรับอาชีพดีเจ นั้นต้องส่งผ่านความสุขให้กับผู้อื่นๆ ทั้งในช่วงเวลาจัดรายการ หรือนอกห้องจัด เพราะต้องคอยหาข้อมูลสดใหม่ เพื่ออัพเดทเทรนด์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ กิจกรรมดีๆ หรือเรื่องราวของความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุข เพื่อนำข้อมูลดีๆมาบอกต่อผู้ฟัง ช่วยผ่อนคลายความเครียดและสร้างสีสันให้กับผู้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งนิยามความรัก ความใส่ใจ และแบ่งปันของดีเจอ้อย-นภาพร นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มต้นจากคนหนึ่งคนที่มีความรักในตัวเองและพร้อมที่จะมอบความรักให้กับผู้อื่น ไม่ว่าจะคนรัก พ่อแม่หรือพี่น้องก็ตาม โดยความรักที่มอบให้นั้นต้องเป็นความรักที่บริสุทธิ์ใจ จึงจะก่อเกิดเป็นความใส่ใจและร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นได้ และสำหรับดีเจเจ๊แหม่ม นับว่าเป็นเรื่องราวของความรักความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนที่มอบสิ่งดีๆ ให้กัน ห่วงใยกัน พร้อมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเวลาเกิดความทุกข์เผชิญความทุกข์ด้วยกัน สุขด้วยกัน ซึ่งถ้าเราทุกคนมอบความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุขให้กันวันนิด เราก็จะพบแต่สิ่งดีๆ สุขกายและสุขใจในทุกวัน
สองพี่น้องผู้โชคดีที่ได้ร่วมเดินทางสัมผัสปรากฎการณ์พิเศษจากการมีส่วนร่วมผ่านทางคลื่นกรีนเวฟ อย่างนางสาวอธิสราภรณ์ และนางสาวพศิชญาภรณ์ ลือวงศ์ศุภิจ กล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมเดินทางล่องเรือไปนมัสการพระที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารในยามค่ำคืน ซึ่งสิ่งที่ประทับใจในครั้งนี้ คือ การร่วมเวิร์กช้อปจัดช่อดอกไม้เพื่อถวายพระ โดยส่วนตัวเชื่อว่าการจัดดอกไม้เป็นเรื่องที่ยาก เพราะเคยมีประสบการณ์เรื่องการเข้าช่อดอกไม้ ลำบากทั้งการจับก้านดอกไม้ การเลือกดอกไม้ที่เข้าคู่กันทั้งสีและขนาด ทำให้ไม่ค่อยมีความมั่นใจ แต่พอได้มีอาจารย์มาช่วยแนะนำทั้งสอนเคล็ดลับในการเข้าช่อนั้นทำให้รู้สึกสนุกและยิ่งใส่ใจ ตั้งใจทำอย่างพิถีพิถัน ทั้งการเลือกดอกไม้ จัดช่อ หรือเพิ่มการตกแต่งก็ยิ่งทำให้ช่อดอกไม้สวยงามมากขึ้น เสมือนกับการที่มีความตั้งใจ ใส่ใจ และแบ่งปันความสุขให้กันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง พ่อแม่ หรือแม้แต่คนรักก็ตาม เราเชื่อว่าการมอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ จะช่วยคนหลายๆ คนพบความสุขที่ไม่ต้องไปมองหาที่ไหน เพียงเราเปิดใจเราก็จะพบสิ่งนี้อยู่ใกล้ๆ ตัวเรา”
นางปราณี และนางสาวสุชาดา วจนพานิช หนึ่งในลูกบ้านของปริญสิริ โครงการคอนโดมิเนียม เดอะ คอมพลีท “The Complete” กล่าวถึงความรู้สึกในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “รู้สึกดีๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการ ทำกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาร่วมนมัสการพระประธานของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารในยามค่ำ ทำให้พบความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่งของตัวอารามที่อาบแสงสีเหลืองทองของไฟที่ส่องสะท้อนเงาระยิบระยับกับพื้นน้ำ เป็นจังหวะขึ้นลงตามกระแสคลื่น นอกจากนี้ ความสงบเงียบยิ่งทำให้วัดดูศักดิ์สิทธ์มากกว่าช่วงเวลาเช้า ทำให้จิตใจสงบผ่อนคลาย ยิ่งได้ถวายช่อดอกไม้หน้าพระประธานของอาราม พร้อมนั่งฟังคำเทศนาของพระสงฆ์เกี่ยวกับการมอบความรัก ความใส่ใจ และการแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นๆ ยิ่งทำให้เรารู้ว่าความรักที่มีในตัวเรานั้นสามารถนำมามอบให้แก่ผู้อื่นได้เช่นกัน เสมือนการแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอื่น เพื่อที่เค้าจะได้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตและส่งมอบความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับนำไปมอบให้กับผู้อื่นได้ เป็นการส่งต่อความรู้สึกดีทำให้อิ่มใจทั้งผู้ให้และผู้รับเช่นกัน”
“ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจาก “ปริญสิริ” จะได้ส่งมอบความรู้สึกดีๆ ผ่านความรัก ความห่วงใย ความเอาใจใส่ ให้แก่ลูกบ้านและผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านยังได้มีโอกาสร่วมแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันและกัน คนรอบข้าง และเผื่อแผ่ไปยังคนในสังคมอีกด้วย ซึ่งสามารถติดตามเรื่องราวดีๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ที่ www.prinsiri.com หรือ www.facebook.com/Prinsiri ได้ต่อไป
Pages: [1]