‘รอยัล พารากอน ฮอลล์’ วางกลยุทธ์ยึดตำแหน่ง
‘ศูนย์กลางสถานที่จัดงานระดับโลกใจกลางกรุงเทพมหานคร’
รุกตลาดด้วยบริการครบวงจร พร้อมภาพลักษณ์สุดพรีเมี่ยม
ตั้งเป้าโต 15% รายได้ 250 ล้านบาทในปี 2559
กรุงเทพฯ (14 มีนาคม 2559) – รอยัล พารากอน ฮอลล์ (Royal Paragon Hall) ฉลองครบรอบ 10 ปี สู่การเป็นผู้นำศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการระดับโลก (World Class Venue) ประกาศยึดตำแหน่ง ‘ศูนย์กลางสถานที่จัดงานระดับโลกใจกลางกรุงเทพมหานคร’ ชูจุดเด่นสถานที่จัดงานใจกลางเมือง ด้วยภาพลักษณ์ระดับพรีเมี่ยม ตั้งเป้าโต 15% พร้อมรายได้ 250 ล้านบาทในปี 2559
คุณทาลูน เทง กรรมการผู้จัดการ รอยัล พารากอน ฮอลล์
คุณทาลูน เทง กรรมการผู้จัดการ รอยัล พารากอน ฮอลล์ เผยถึงความสำเร็จของ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ว่า “สิ่งที่สะท้อนความสำเร็จที่ผ่านมาของ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ได้ดีที่สุด คือ เสียงตอบรับจากลูกค้าทุกคน โดยที่ผ่านมา รอยัล พารากอน ฮอลล์ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นสถานที่จัดงานระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญมาจากศักยภาพของสถานที่และทีมงานมืออาชีพ อีกทั้งภาพลักษณ์ระดับพรีเมี่ยมของรอยัล พารากอน ฮอลล์ ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าหรือองค์กรที่มาจัดงานได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาในแต่ละปีได้รับความไว้วางใจจากองค์กรและแบรนด์สินค้าต่างๆ เข้ามาจัดงานเฉลี่ยสูงถึง 120 งานต่อปี ด้วยจำนวนผู้ร่วมงานกว่า 1 ล้านคนต่อปี”
ทั้งนี้ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ถือเป็นผู้นำในสถานที่จัดงานที่ได้มาตรฐานระดับสากลและโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์สุดพรีเมี่ยม อีกทั้งศักยภาพของสถานที่ที่สามารถตอบโจทย์การจัดงานได้หลากหลาย โดยมีกลุ่มลูกค้าสำคัญคือ กลุ่มไมซ์ งานคอนเสิร์ตและงานอีเว้นท์ต่างๆ โดยได้วางกลยุทธ์การตลาดภายใต้แนวคิด MICE3 โดยตัว E3 คือ E = Exhibition, E=Entertainment และ E=Event ซึ่งที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ตลอด 10 ปี สูงถึง 10%
“ในโอกาสครบรอบ 10 ปีในครั้งนี้ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ยังคงเดินหน้าต่อยอดจุดยืนที่มั่นคงและแข็งแกร่ง พร้อมด้วยการสานต่อวิสัยทัศน์ของบริษัทแม่คือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ในการเป็น ‘ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย’ ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าว รอยัล พารากอน ฮอลล์ มีเป้าหมายที่จะให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ผู้มาใช้บริการ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่และยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทยต่อไป” คุณทาลูน กล่าว
ล่าสุด เพื่อต่อยอดความสำเร็จสู่การเป็น ‘ศูนย์กลางสถานที่จัดงานระดับโลกใจกลางกรุงเทพมหานคร” รอยัล พารากอน ฮอลล์ จึงประกาศเดินหน้าทำธุรกิจด้วยกลยุทธ์เชิงรุกเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ โดยจะทำกิจกรรมสื่อสารการตลาดไปสู่กลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศมากขึ้น ตั้งเป้าขยายสัดส่วนลูกค้าในประเทศและต่างประเทศจาก 80:20 เป็น 70:30 ในปีนี้ รวมถึงการจัดทำโครงการ Partnership Reward เพื่อตอบแทนกลุ่มลูกค้าเก่าและจูงใจให้เป็นพันธมิตรกันต่อไป โดยในปี 2559 ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 15 % คิดเป็นรายได้รวมกว่า 250 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นรายได้จากการจัดงานประเภทงานแสดงสินค้า (Exhibition) 30%, รายได้จากงานบันเทิง (Entertainment) 30%, รายได้จากงานอีเว้นท์พิเศษ (Special Events) 20% และรายได้จากงานประชุมและงานเลี้ยงสังสรรค์ 20%
ทั้งนี้ เพื่อแสดงความพร้อมสู่การเป็นผู้นำธุรกิจไมซ์ในประเทศไทยและรองรับความต้องการทุกรูปแบบของลูกค้า ล่าสุด รอยัล พารากอน ฮอลล์ จึงได้เพิ่มบริการการเป็นผู้จัดงาน (Organizer) ให้กับลูกค้าที่มาจัดงานบนพื้นที่ ในรูปแบบ One-Stop Service โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้ลูกค้าอีกด้วย
และในปีเดียวกันนี้ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ได้เตรียมงบประมาณในเฟสแรกกว่า 50 ล้านบาท ในการพัฒนาพื้นที่และบุคลากร ด้วยการยกระดับภาพลักษณ์สถานที่ให้มีความหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น เริ่มที่การปรับสีโลโก้ให้เป็นสีทองทั้งหมด เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์พรีเมี่ยมระดับเวิลด์คลาส และการเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED ทั้งพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการประหยัดพลังงานแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรยากาศใหม่ให้ลูกค้า โดยแสงสว่างในรอยัล พารากอน ฮอลล์ สามารถเปลี่ยนสี และเลือกปิด-เปิด ได้ทีละดวง ต่างจากสถานที่จัดงานทั่วไปที่เปิด-ปิด เป็นโซน นับเป็นสถานที่จัดงานแรกในประเทศไทยที่นำระบบนี้เข้ามาใช้ เพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกให้ผู้จัดงานสามารถคิดสร้างสรรค์งานได้ล้ำสมัย รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร อาทิ การอบรมหลักสูตร Certified in Exhibition Management (CEM) ให้กับทีมบริหาร ซึ่งถือเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมไมซ์ระดับโลก
“ปัจจัยแห่งความสำเร็จของ รอยัล พารากอน ฮอลล์ คือ ทีมงานระดับมืออาชีพ ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ และหัวใจการให้บริการที่ดีที่สุด ที่พร้อมร่วมแรงร่วมใจประสานงานกันเพื่อให้งานของลูกค้าออกมาดีที่สุดเช่นกัน ทีมงานทุกคนทำงานบนความเข้าใจต่อลูกค้า เพราะ เป้าหมายสำคัญของเรา คือ การสร้างความสำเร็จให้แก่พันธมิตรและลูกค้าอย่างไม่สิ้นสุด เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งกับงานของลูกค้าทุกๆ งาน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรือ งานใหญ่ ทีมงานของเราล้วนใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของงาน สิ่งนี้คือสิ่งที่เป็นรากฐานความสำเร็จที่แท้จริง” คุณทาลูน กล่าว
และในโอกาสครบรอบ 10 ปีในครั้งนี้ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ไม่ลืมที่จะตอบแทนให้กับสังคม และยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย ด้วยกิจกรรมที่มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดแนวคิดใหม่ๆในธุรกิจการจัดงานของประเทศไทย ในวาระนี้จึงได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ Trend : Creative for Iconic Events โดยเรียนเชิญ คุณนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB พร้อมด้วย คุณดาริโน เชอรูบิโน จาก Azimut ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดประชุมในสไตล์ที่แปลกใหม่จากประเทศอิตาลี มานำเสนอไอเดียและประสบการณ์ ให้แก่ผู้สนใจในวงการและนักเรียนนักศึกษาในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและจัดประชุม ในวันที่ 14 มีนาคม 2559 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์
Royal Paragon Hall sets strategy for
“The World-Class Venue in the Heart of Bangkok” status,
offering state-of-the-art facilities and premium services,
expects 15% growth and 250 million baht revenue in 2016
Bangkok (March 14th, 2016) – Royal Paragon Hall celebrates a full decade of being a world-class venue, set to claim the status as “The World-Class Venue in the Heart of Bangkok” with strategic location and premium brand, expecting to grow by 15% and generate 250 million baht in 2016
Mr. Talun Theng,Managing Director of Royal Paragon Hall, talked about the success of Royal Paragon Hall on the occasion of its 10th anniversary. “What reflects the success of Royal Paragon Hall the most is positive feedback from all our clients. Royal Paragon Hall has been chosen to be the venue for various major events in national and global levels, thanks to our strategically convenient location and our highly experienced team. Royal Paragon Hall has a premium image, which contributes to a good image of our clients. Over the past decade, we have been continuously trusted by leading organizations and brands, with an average of 120 events and a million visitors annually.”
Royal Paragon Hall is a leading venue of an international level with a premium image. The venue has a capacity to cater to various types of events. Most of its clients are MICE events, concerts, and other events. Its marketing strategy has been designed under the framework called MICE3 - E3 refers to E = Exhibition, E=Entertainment and E=Event. Each year, its business grew as high as 10% on average over the past decade.
“To celebrate our 10th anniversary, Royal Paragon Hall will continue to move forward, following the Siam Piwat’s corporate vision of ‘The Icon of Innovative Lifestyle’ In line with this vision, Royal Paragon Hall will focus on being an innovation leader in providing unparalleled experiences to visitors. We want to create something new and unique to elevate Thailand’s MICE industry to another level.” Mr. Talun said.
To become “The World-Class Venue in the Heart of Bangkok”, Royal Paragon Hall announced its strategies which include attracting more foreign clients by conducting more marketing communications activities in targeted countries with the goal to shift its local and international client ratio from 80:20 to 70:30 this year. It also has Partnership Reward Program to reward existing clients and convince them to continue the partnership. This year, Royal Paragon Hall aims to grow by 15%, generating 250 million baht – 30% from exhibition, 30% from entertainment, 20% from special events and 20% from meeting and banquet.
Moreover, to be the leader of the MICE industry in Thailand and to cater to all types of events, Royal Paragon Hall has launched its own organizer service. The one-stop service aims to better facilitate clients and to improve service efficiency.
For this year’s first phase investment, Royal Paragon Hall has invested 50 million baht in venue renovation and personnel development with the aim to elevate the image of the venue, adding more luxury and modernity. The logo of Royal Paragon Hall has been changed into gold color to reflect its world-class status. The lights were also changed into LED lights, which not only save energy but also create a new ambience for clients. In addition, the lighting system at Royal Paragon Hall is distinctively different from that of other venues in Thailand as they can change color and can be controlled individually, whereas other venues can only switch on and off the whole batch at the same time. By being the first venue in Thailand to utilize this system, Royal Paragon Hall can offer innovation that caters to its clients’ creative needs. For personnel development, the management team has been trained in the Certified in Exhibition Management (CEM) program, which is a globally recognized program in the MICE industry.
“The major contributor to the success of Royal Paragon Hall is our highly experienced and service-minded teams of professionals who are ready to assist our clients and ensure that their events turn out to be as perfect as possible. We work to understand the client’s needs as our
main goal is to create success and maximum benefit to clients and business partners. We are extremely dedicated to every client’s event, whether big or small. Attention has been paid to every little detail because this is the true foundation of success.” Mr. Talun said.
On the occasion of its 10th anniversary, Royal Paragon Hall took the opportunity to give back to the society and help elevate Thailand’s MICE industry through an activity that stimulated innovation and creativity for the industry. A seminar titled “Trend: Creative for Iconic Events” was held, inviting Nopparat Maythaveekulchai, President of Thailand Convention & Exhibition Bureau (TCEB) and Dario Cherubino from Azimut, an expert in organizing unique and creative events from Italy. The speakers shared their ideas and experience with the audience that included those working in the MICE and tourism industry as well as MICE students on March 14, 2016 at Royal Paragon Hall.