enjoyjam.net
news & activity => news & activity => Topic started by: MSN on January 22, 2016, 03:40:33 PM
-





คุณอิบรา เวน ร่วมงานกับอมุนดิในปี 2542 และดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลยุทธ์ตราสารทุนตั้งแต่ปี 2551โดยก่อนหน้านั้นคุณอิบราเคยทำหน้าที่หลายบทบาทภายในองค์กร รวมถึง หัวหน้านักวิเคราะห์ตราสารทุน สาขาลอนดอน รองหัวหน้านักวิเคราะห์ในสาขาปารีส และนักวิเคราะห์รับผิดชอบส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์
คุณอิบรา เวน ได้รับรางวัล Distinction Award ในฐานะนักวิเคราะห์จากฝรั่งเศสและนานาประเทศ ก่อนมาร่วมงานกับอมุนดิ คุณอิบราทำงานในฝ่ายSector Research ที่ Société Générale และ CCF Securities (ปัจจุบันเป็น HSBC France) เป็นเวลา 12 ปี นอกจากนี้คุณอิบรายังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ให้คณะทำงานระดับมันสมองของฝรั่งเศสFrench think-tank SEDES-CREP และรับภาระกิจต่างๆ ให้ธนาคารโลก คุณอิบราสำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกรอน็อบล์(ปี 2522) บริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจากสถาบัน Institut Supérieur de Gestion ในปารีส รวมทั้งได้รับการรับรองในฐานะนักวิเคราะห์การลงทุนที่ได้รับการรับรอง (Certified Investment Analyst) จาก CFAF ในปารีส และคุณอิบราก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการ SFAF ซึ่งเป็นสมาคมนักวิเคราะห์การเงินของฝรั่งเศส และได้เป็นกรรมการสมาคมในปี 2553ถึง 2554
เกี่ยวกับอมุนดิ
อมุนดิ คือผู้จัดการทรัพย์สินยุโรปอันดับ 1 และเป็นหนึ่งใน 10 ของโลก1โดยมีทรัพย์สินภายใต้การจัดการมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก2
อมุนดิ ตั้งอยู่ในใจกลางของภูมิภาคแห่งการลงทุนที่สำคัญในกว่า 30ประเทศ และเสนอผลิตภัณฑ์ครบวงจรที่ครอบคลุมสินทรัพย์ทุกคลาสและสกุลเงินหลักทั้งหมด
อมุนดิได้พัฒนาโซลูชั่นการออมเงินตามความต้องการของลูกค้ารายย่อยกว่า 100ล้านราย และออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีเพื่อลูกค้าประเภทสถาบันซึ่งจัดทำเฉพาะตามข้อกำหนดและโพรไฟล์ความเสี่ยงของลูกค้าประเภทสถาบัน
อมุนดิ กลายเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของยุโรปที่ได้รับการยอมรับด้าน
ความโปร่งใสและผลการดำเนินงานของผลิตภัณฑ์
คุณภาพของความสัมพันธ์ของลูกค้าซึ่งบริการด้วยแนวทางให้คำแนะนำระยะยาว
ความมีประสิทธิผลในองค์กรและคำสัญญาของทีมในการให้บริการลูกค้า
-
ปรับข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการณ์ตลาดล่าสุด
ปีใหม่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับการตกลงอย่างมากของตลาดหุ้น การลดค่าเงินหยวนและการปิดตัวลงของตลาดในเมืองจีนล้วนเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ความกลัวเดิม ๆ ได้เกิดขึ้นมาอีกซึ่งก็
คือการล่มสลายของการเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก การหาทางลงที่แสนจะเป็นไปได้ยากของเศรษฐกิจจีน ค่าเงินที่ตึงตัวอันเนื่องมาจาก Fed และความซับซ้อนของสถานะการณ์ทางการเมือง ทำให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ดำเนินต่อไป
เมื่อปีใหม่เริ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะหวนนึกถึงกระแสเงินซึ่งเป็นแนวโน้มหลักของปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่เป็นที่ได้ถูกจารึกว่าเป็นปีแห่งการถอยหลังลงทางเศรษฐกิจและเป็นปีที่เกิดการผันผวนทางการเงินในประเทศระดับแนวหน้าเช่น สหรัฐอเมริกา การขึ้น ๆ ลง ๆ ของอัตราการแลกเปลี่ยน การตกลงของราคาสินค้า ทำให้คนใช้บัตรเครดิตมากขึ้น ต้องยอมรับว่า อัตราการแลกเปลี่ยนยังคงต่ำอยู่และยังได้ขยายตัวไปยังประเทศรอบ ๆ ของยุโรปด้วย แต่สถานะการณ์ของกองทุน ซึ่งขยายตัวอย่างกว้างขวางและมีสภาพคล่องน้อย ทำให้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
โดยรวม ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาในปี 2015 ทำให้ปีนี้เป็นปีที่มีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติในยุโรป วิกฤติในตลาด ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของโลก ความกังวลเกี่ยวกับการหาทางลงสำหรับประเทศจีนการกลับมาของความผันผวนโดยเฉพาะในรัสเซียและในบราซิล การที่ราคาสินค้าตกต่ำลง อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่คงที่และความกลัวเรื่องสงครามทางการเงิน ปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2016 เรื่องราคาที่ตกต่ำของสินค้าและเรื่องเศรษฐกิจในประเทศจีนกลับมาเป็นปัญหาหลักต้น ๆ เราจะอธิบายว่าสถานะการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เรามองไว้เลยในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา
การที่น้ำมันราคาตกลง เป็นการบอกอะไร?
ราคาน้ำมันตกลงเกือบ 75% ตั้งแต่กลางปี 2014 เป็นเหตุการณ์ที่ช๊อคโลกมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ราคาที่ตกลงมาล่าสุดจาก 50 ดอลล่าร์สหรัฐเหลือ 28 ดอลล่าร์สหรัฐเมื่อวันที่ 18 มกราคม ทำให้อุปสงค์เกินความต้องการตลาดและเกิดภาวะเงินเฟ้อ พร้อมด้วย (1) กลวิธีใหม่ของกลุ่มโอเปค (ในต้นเดือนธันวาคม กลุ่มประเทศโอเปคพยามทุกวิถีทางที่จะรักษามาร์เกตแชร์เอาไว้) และ (2) การกลับมาในตลาดของประเทศอิหร่าน จากทั้ง 2 เหตุผลนี้ ผู้ส่งออกหลัก ๆ ของกลุ่มประเทศโอเปคจึงพยายามบีบบังคับผู้มาใหม่ในตลาด เช่น อเมริกาเพื่อที่จะตัดอุปทานออก ถึงแม้ยุทธศาสตร์ทางราคาจะเกิดขึ้น และดูเหมือนจะไปได้ดี เราก็ต้องเข้าใจว่าการที่จะทำให้น้ำมันน้อยลงในตลาดเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันอยู่ ในปี 2016 ผู้จำหน่ายน้ำมัน non –conventional คาดหวังว่าจะลดการผลิตลง ดังนั้น เราคาดว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นและคงที่อยู่ที่เกิน 40 ดอลล่าร์สหรัฐแต่คงจะไม่ก่อนปลายปี 2016
เราไม่ได้มองว่าการที่ราคาน้ำมันตกลงเป็นการคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งไปกว่านั้น การที่น้ำมันมีราคาต่ำลงจะทำให้เกิดการคงที่หรือถึงขั้นเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศในหมู่ผู้ส่งออกน้ำมัน อย่างที่พูดไปแล้ว ความกดดันของผู้ส่งออกน้ำมัน (รัฐที่มีอำนาจสูงสุด) และบริษัทน้ำมัน (ทั่วโลก) ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน นอกจากนี้ การที่ดอลล่าร์สหรัฐและราคาน้ำมันไม่สัมพันธ์กัน บริษัท EM ที่เป็นหนี้ค่าเงินสหรัฐอย่างหนักก็จะยิ่งอ่อนแรงลงในช่วง 2 เดือนนี้ ผู้ที่อยู่ในตลาดก็จะยิ่งกังวลกับพวกที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างเครดิต ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะทำให้การเติบโตของตลาดโลกถอยลงได้ ในขณะที่เรารู้ว่าการผิดสัญญาของ corporate จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ (ในส่วนของพลังงานของอเมริการวมไปถึง EM countries) เรายังคงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น
หรือถึงแม้จะมีการถดถอยเกิดขึ้น อัตราการขยายตัวของ GDP โลกก็ยังคงอยู่ที่อัตรา 3% ตลอดปี 2015 เป็นปีที่ 4 ถึงแม้จะมีการติด ๆ ขัด ๆ ในบางภูมิภาคเช่น อเมริกา หรือจีน ก็จะกลับมาสู่ผิวน้ำใหม่ใน Q4 15 อัตราการขยายตัวของ GDP จะปิดลงที่ 3% ในปี 2016-2017 การเติบโตของโลกจะคาดการณ์ว่ายังคงสูงอยู่ แต่จะไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เหตุการณ์ที่เราเห็นเมื่อปีที่แล้วระหว่างเศรษฐกิจที่นำหน้าและเศรษฐกิจที่เกิดใหม่ก็จะยังคงเห็นต่อไปในปีนี้
จีนกำลังช้าลงแต่นีคือเส้นทางสู่การพัฒนา
ในประเทศจีน การช้าลงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นตัวเชื่อมเบื้องต้นที่เกี่ยวกับลักษณะจำนวนประชากรของประเทศและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางเศรษฐกิจซึ่งการบริการจะมาแทนที่อุตสาหกรรม เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงกลางของวิกฤติของการมีมากเกินไป (overcapacity) และก็จะช้าลงในปีที่กำลังจะมาถึง จริง ๆ แล้ว การเติบโตที่ช้าลงของจีน (อายุของประชากร, การมีอัตราการเกิดต่ำ) ซึ่งก็เหมือนกับในกลุ่มประเทศ EM แต่ข่าวดีก็คือความสมดุลย์กำลังจะตามมา ด้วยการเปลี่ยนกิจกรรมของภาคผู้ผลิตไปยังภาคการให้บริการซึ่งก็คือการเปลี่ยนจากการลงทุนไปสู่การบริโภค GDP จริง ๆ ในการบริการได้เพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อปีที่แล้วจาก 7.8 yoy ใน Q4 2014 เป็น 8.3% ใน Q4 2015 ซึ่งในขณะเดียวกันภาคการผลิตได้ช้าลงอย่างรวดเร็วจาก 7.3 yoy ใน Q4 2014 เป็น 6.0% ใน Q4 2015
ต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ระหว่างภาคบริการและภาคผลิต การเติบโตของ GDP ควรจะอยู่ที่ประมาณ 6% ทั้งในปี 2016 และ 2017 เราสังเกตุว่าการบริการจะกลายเป็นตัวหลักในการจ้างงานและเราเชื่อว่าการพัฒนาของการบริการซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าได้ส่งผลอย่างมากต่อรายได้ต่อหัวในเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการบริการนี้ได้ถูกประเมินต่ำเกินไปในหมู่ผู้ร่วมตลาด จากประสบการณ์ทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลัก ๆ เราคาดว่าการเติบโตของจีนจะเกิดขึ้นจากการบริการ ในปี 2016 การสร้างสมดุลย์ใหม่ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างทางจะเป็นตัวกันการถอยลงของภาคการผลิต
นอกจากนี้ ในกรณีฉุกเฉิน PBoC และรัฐบาลควรจะต้องลงมือเพื่อให้เกิดความราบรื่นของวงจร จีนได้ให้ความเพียงพอในการจัดทัพ เมื่อ QE มาถึง PBoC ก็จะเป็นผู้มาใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารกลางแห่งหลัก ๆ อื่น ๆ และแทบจะไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ เราเชื่อว่าในสถานะการณ์ที่จะเกิดการเสี่ยงในการสร้างสมดุลย์ใหม่ของเศรษฐกิจ จะเกิดปีงบประมาณและเงินที่แข็งแกร่ง เราหวังว่าทั้ง PBoC และรัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความราบรื่นในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้
-
คำถามเกี่ยวกับเงินหยวน (ซึ่งจะรวมในสกุลเงินที่ใช้ใน IMP special Drawing Rights ตั้งแต่ตุลาคม 2016) กลายเป็นเรื่องที่กังวลเป็นเรื่องหลักในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาและเมื่อต้นปีนี้ เงินหยวนได้เพิ่มค่าขึ้นตั้งแต่ปี 2008 ในช่วงวิกฤติทางการเงินเบื้องหลังที่เงินดอลล่าร์เพิ่มขึ้นและการลดลงของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่กลายเป็นปัญหาสำหรับเมืองจีน แต่เราไม่ควรคาดหวังว่าการลดค่าเงินหยวนจะเกิดขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว จีนต้องการส่งเสริมให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินนานาชาติในขณะที่เศรษฐกิจยังคงขึ้นอยู่กับสกุลเงินในปี 1994 เมื่อจีนลดค่าเงินลง 1/3 ภาครัฐได้เข้ามาแทรกเมื่อไม่นานมานี้เพื่อทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนทางการค้าคงที่มากขึ้นและก็ดูเหมือนว่าจะยังคงทำแบบนั้นต่อไป ดูเหมือนว่ารัฐบาลต้องการทำให้เงินหยวนกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวของภูมิภาค ตั้งแต่เกิดสงครามสกุลเงินขึ้น ก็ยังไม่มีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน เราคาดว่าเงินหยวนจะลดค่าลงทีละเล็กทีละน้อยเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนอาจะควบคุมการลงทุนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นี้
ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก เราขอเพิ่มเติมว่า :
เมื่อเศรษฐกิจช้าลงมันมีผลกระทบต่ออเมริกาด้วย ไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจที่อยู่นอกภาคการผลิต หรือในอีกนัยหนึ่ง การส่งออกจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของ GDP ในปี 2016 แต่การบริการซึ่งเป็นตัวบอกเศรษฐกิจอเมริกาทั้งหมด จะต้องได้กำไรจากการบริโภคที่กลับสู่สภาพเดิมได้ หรืออาจจะพูดได้ว่าวงจรธุรกิจนำหน้ายุโรป การที่ค่าเงินดอลล่าร์แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้วงจรของ corporate profit จบลง ที่ดีที่สุดคือหลังจากความยากลำบากที่การเติบโตของ GDP ลดลงใน Q4 2015 การเจริญเติบโตควรจะค่อย ๆ มาบรรจบกันตามที่จะเป็นไปได้ ซึ่งมันได้ลดลงอย่างมากตั้งแต่วิกฤติทางการเงิน (ความเป็นไปได้ของการเติบโตคาดว่าจะต่ำว่า 2% เนื่องมาจากความอ่อนทางการผลิต) Fed ต้องรอดูอีกครั้งหนึ่ง
เศรษฐกิจขาลงจะเกิดขึ้นในประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ การพึ่งในโลกของการค้าและสินค้าบริโภคซึ่งราคาได้ตกลงมาเป็นเวลาหลายปี ทำให้ไม่เพียงพอที่จะชดเชยโดยอุปสงค์ภายในประเทศ และบางประเทศใหญ่ ๆ เช่น รัสเซียและบราซิลก็อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง มีเพียงประเทศที่บริโภคสินค้าเท่านั้นที่ยังคงได้เปรียบแต่ประเทศเหล่านี้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวายทางการเงินที่เกิดขึ่นในประเทศเกิดใหม่ได้
กรณีของ Eurozone เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป หลังจากความยากลำบากเป็นเวลาหลายปี ประเทศแถบนี้ก็ได้เปรียบในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ (ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว) กระบวนการที่รวมการเงินเข้าด้วยกัน ระบบเศรษฐกิจที่ช่วยเหลือกัน รวมไปถึงนโยบายทางการเงินทำให้เกิดการฟื้นตัวภายในประเทศ การเติบโตอาจจะไม่น่าตื่นเต้นแต่ก็เกินกว่าที่คาดว่าจะเป็นในปี 2016- 2017
อีกตัวอย่างหนึ่งเรื่องสถานะการณ์ทางการเงินคือความตกต่ำในตลาดการค้าโลก ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศเกิดใหม่ ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ การกระจายไปทั่วโลกก็ยากขึ้น ซึ่งทำให้มีผลต่อการพัฒนาใหม่ ๆ การเติบโตภายในประเทศก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าประเทศนั้น ๆ จะต้องเสี่ยงกับปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ อีกด้วย
ในปี 2015 ความเสี่ยงทางด้านการเมืองก็กลายเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกตั้งที่เสี่ยง เช่นในกรีซ โปรตุเกส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสเปน, สถานะการณ์ทางการเมืองที่ยุ่งยากซับซ้อน เช่นในบราซิลและตุรกี และการโจมตีของขบวนการก่อการร้ายทำให้มีผลต่อสถานะการณ์ในปัจจุบันด้วย ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ก็ยังไม่ได้ถูกควบคุม ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียได้กลับมาใหม่ในปี 2015 เรารู้กันอยู่แล้วเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมือง ทางการฑูต ทางศาสนาระหว่างสองประเทศนี้ แต่วิกฤติก็ยังเกิดขึ่น
นโยบายทางการเงินก็ยังคงมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ Fed เป็นแบ้งค์กลางที่หาได้ยากในปี 2015 แบ้งค์กลางของสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะส่งสารที่เป็นบวกเกี่ยวกับการเติบโตและการกลับมามีบทบาทอีกครั้ง จึงถูกบังคับให้รอจนถึงเดือนธันวาคมก่อนที่จะประกาศอะไรออกมาใหม่ ในระหว่างนี้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) ECB ได้สร้างเงื่อนไข
เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ สามารถกู้ได้ อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของตลาดหุ้นด้วย การซื้อทรัพย์สินก็ยังดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงเดือนมีนาคม 2517 หรือเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือแบ้งค์กลางและ ECB ทำให้ Eurozone ค่อย ๆ พัฒนาไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก
มีกุญแจสำคัญอยู่ 5 เรื่องคือ
ตามที่ราคาน้ำมันตกลงและเงินค่าแรงที่เฟ้อในเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลายแห่ง ทำให้การที่จะกลับไปยังเป้าหมายเรื่องการขยายตัวของแบ้งค์กลางในปี 2016 เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในกลุ่มเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลัก ๆ นโยบายทางการเงินก็ยังมีการปรับอยู่มาก Fed จะรอดู ECB และ BOJ จะต้องทำอะไรมากกว่านี้ในเดือนที่กำลังจะมาถึงนโยบายทางการเงินไม่สามารถจะทำได้ทุกอย่าง แต่ถ้าทุกอย่างแย่ลงนโยบายงบประมาณก็ยังคงจะไม่ขยับต่อไปในจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและบางประเทศในยุโรปกลาง
การแยกและความแตกต่างได้สร้างโอกาสในเรื่องของราคาและความน่าสนใจ ผลของการแยกตัวออกมาคือค่าเงินดอลล่าร์สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยก็ขยายตัวกว้างขึ้น (ทั้งระยะสั้นและระยะยาว) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ผลของความแตกต่างนี้ก็คือจะมีกลับไปสู่ความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของประเทศหรือความเสี่ยงด้านอื่น (ภาคพลังงานในอเมริกาซึ่งมีผลประกอบการมาก (เปรียบเทียบกับยุโรป) จะเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปี 2015
ระยะเวลาของความเครียดนี้จะทำก่อให้เกิด การมองข้ามด้านศาสนาและชนชั้น มองข้ามหรือไม่ได้ให้คุณค่า ทุกวันนี้เป็นยุคของประเทศเกิดใหม่และการขยายตัวของเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน อันแรกจะดูน่าสนใจกว่าในระยะสั้นเมื่อเทียบกับอันหลังเนื่องมาจากการไม่มีการขยายตัว
ข้อควรระวังในการครอบงำกลยุทธ์ทั้งหมด การคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตยังคงไม่จบ และด้วยสถานะการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องบอบบางมากกว่าปีก่อน ๆ
การชะลอตัวของสภาพคล่องจากรายได้ประจำยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล เราได้เน้นเรื่องนี้มาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ความคล่องตัวที่ต่ำซึ่งมีสภาพที่แย่ลงเนื่องมาจากนโยบายของแบ้งค์กลาง กฎเกณฑ์ต่าง ๆ และตำแหน่งของนักลงทุนหลัก ๆ ซึ่งมีผลต่อตลาดหุ้นซึ่งความไม่แน่นอนได้เพิ่มมากขึ้น