enjoyjam.net

ข่าวบันเทิง => ข่าวบันเทิง => Topic started by: FC on August 17, 2015, 11:55:37 PM

Title: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on August 17, 2015, 11:55:37 PM
เรื่องย่อ: เพลิงตะวัน









          เรื่องย่อ "เพลิงตะวัน"
          บทประพันธ์ : น้ำผึ้งเดือน 8
          บทโทรทัศน์ : ดรีมทีม
          กำกับการแสดง : อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
          แนวละคร : ดราม่า-แอ็คชั่น
          ผลิตโดย : บริษัท ดูมันดี จำกัด
          ออกอากาศ : ละครหลังข่าว ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
          จำนวน : 15 ตอน
          ออกอากาศ ; ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30-22.30 น. (ต่อจากละคร เจ้านาง)
          เริ่มวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558

          ธงไทย (เอส กันตพงศ์) ขับรถกะบะมุ่งหน้ากลับไร่ทานตะวัน ระหว่างทางแวะเติมน้ำมัน รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติท้ายรถ แล้วก็เป็นจริง เขาพบร่างของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเลือด เธอนอนหมดสติอยู่ ธงไทยตัดสินใจ รีบพาร่างของหญิงสาว
นิรนามส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด...!!
          หมอแจ้งว่า เธอแท้งลูกอ่อนและสมองได้รับการกระทบกระเทือน สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ต้องช่วยชีวิตเธอไว้ให้ได้ เพราะจากสภาพร่างกายถือว่าสาหัส เป็นตายเท่ากัน
          ธงไทยกลับไปที่ไร่ด้วยความสับสน และ สงสัยว่าหญิงโชคร้ายคนนี้มาอยู่ท้ายรถเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเธอถูกใครทำร้ายมา แม่นวล (ปิยะมาศ โมนยะกุล) แนะนำให้ลูกชายไปแจ้งความไว้ เพื่อติดตามหาญาติของหญิงคนนี้ต่อไป แต่ธงไทยกลับเห็นตรงกันข้าม เขาขอดูอาการของหญิงสาวก่อน บางทีการดูแลรักษาแบบเงียบๆ อาจทำให้เธอคนนี้ปลอดภัยจากการถูกตามล่าก็ได้ แม่นวล เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย
          หลังการผ่าตัด แม่นวล และธงไทย หมั่นไปดูอาการของหญิงสาวทุกๆวัน แต่เธอก็ยังคงเป็นเหมือนเจ้าหญิงนิทรา ไม่ไหวติง และมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ หมอตัดสินใจว่า หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องปล่อยให้เธอจากไป....แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นในวันหนึ่ง ขณะทุกคนลงความเห็นว่า จะปล่อยให้เธอจากโลกนี้ไป...ระหว่างที่ธงไทยจับมือเพื่อขออโหสิกรรม อยู่ๆ เธอก็ขยับตัว ภาพแรกที่เธอลืมตาเห็นคือ ธงไทย เธอโผเข้ากอดธงไทย ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว...
          หญิงนิรนามคนนี้ไม่สามารถบอกเล่าอะไรได้เลย เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมด แม้กระทั่งการเดิน การกิน หรือการเข้าห้องน้ำ เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แม่นวล รู้สึกสงสารและเวทนา จึงตัดสินใจขอพาเธอกลับไป และพร้อมที่จะอุปการะดูแลหญิงสาวคนนี้ ดีกว่าที่จะปล่อยให้เธอไปเผชิญชะตากรรมที่สถานสงเคราะห์ อีกอย่าง หญิงสาว ดูจะไม่ไว้ใจใครเลย นอกจาก ธงไทย..!!
          ณ ไร่เคียงตะวัน แม่นวลใช้เวลาทั้งหมดเพื่อดูแลหญิงสาว โดยมี จ๊ะจ๋า(ณัชยกานต์ ปากหวาน) เป็นลูกมือช่วยดูแลด้วย จ๊ะจ๋ามักทำท่าขยะแขยงทุกครั้งที่ต้อง เช็ดอึ เช็ดฉี่ให้กับเธอ แต่เพราะคำสั่งปนขอร้องจากธงไทย ทำให้จ๊ะจ๋ายอมมาดูแลให้ เพราะคิดว่าธงไทยจะหันมาสนใจและตกหลุมรักเธอเข้าสักวัน เป้าหมายของจ๊ะจ๋าในทุกๆวัน คือ การทำให้ผู้หญิงคนนี้หายเป็นปกติเร็วๆ เธอก็จะได้ไปจากที่นี่ซักที
กิจวัตรประจำวันของธงไทยหลังจากเสร็จงานในไร่คือ ทุกๆเย็น เขาจะพาเธอนั่งรถเข็นไปชมดอกทานตะวัน ที่มองเห็นสุดลูกหูลูกตา "ตะวัน..ตะวัน" คือคำแรกที่หญิงสาวพูด...นับแต่วันนั้นธงไทยจึงขอเรียกเธอว่า ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) พัฒนาการของตะวันดีวันดีคืน อาจเป็นเพราะการเอาใจใส่ดูแลจากแม่นวล ที่คอยพูดคอยสอน ทั้งการทำอาหาร การพูดจา การนั่งการเดิน การดูแลตัวเอง....อาการของตะวันดีวันดีคืน เธอเรียนรู้ทุกอย่างจากแม่นวลได้อย่างรวดเร็ว บัดนี้ตะวันเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง เธอกลายเป็นสาวสวยเพียบพร้อม ทั้งกริยาอ่อนหวาน และมีวิชาทำอาหาร ของแม่นวลติดตัวด้วย ตะวันกลายเป็นลูกรักคนใหม่ของแม่นวล แม่นวลดีใจมากเหมือนมีลูกสาวอีกคน ทั้งคู่สนิทกันมาก ธงไทยชอบแอบดูแม่นวลและตะวันชวนกันทำขนม หรือนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิง เขาสบายใจมากที่แม่นวลมีตะวันเป็นเพื่อนและคอยดูแล ความสวยน่ารักอ่อนหวานของตะวัน แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของธงไทยจนบัดนี้ เขาแน่ใจแล้วว่าเขารักหล่อนอย่างหมดหัวใจ
ติดกับไร่เคียงตะวัน เป็นไร่ของ เสี่ยหมู (ศักราช ฤกษ์ธำรง) ซึ่งหวังจะกว้านซื้อที่แถวนั้นเพื่อเก็งกำไร มีเพียงไร่เคียงตะวันเท่านั้น ที่ไม่ยอมขาย จึงสร้างความไม่พอใจให้เสี่ยหมูเป็นอันมาก เพราะในบรรดาไร่แถวนั้น ไร่เคียงตะวันถือว่าเป็นไร่ที่สวยงามและมีเนื้อที่มากที่สุด เสี่ยหมูมีลูกน้องคนสนิทที่มีนิสัยก้าวร้าวมากชื่อ จอม (ป๊อบ-จิณณะ จอมขันเงิน)จอมติดตาต้องใจในตัวตะวัน และหวังจะได้ตัวตะวันมาครอบครอง จอมหาโอกาสเข้ามาตะวัน เขามีโอกาสหลายครั้งแต่ตะวันก็รอดมาได้ทุกครั้ง โดนที่ตะวันไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกปองร้ายอยู่ แม่นวลกับธงไทยรู้สึกเป็นห่วงตะวันมาก จึงสั่งตะวันให้ระวังจอมให้ดี
          งานวันสงกรานต์ แม่นวลให้ จ๊ะจ๋า และตะวัน ช่วยทำขนมไทยเพื่อไปเลี้ยงพระที่วัดใกล้บ้าน จ๊ะจ๋าถูกสอน ให้ปั้นขนมไทย ประดิษฐ์ตกแต่งมาตั้งแต่ยังเล็ก ฝีมือจึงไม่เป็นรองใคร แต่ครั้งนี้คนที่ได้รับคำชมไม่ขาดปาก คือ ตะวัน ทำให้จ๊ะจ๋ารู้สึกน้อยใจที่นับวันความสำคัญของตัวเธอลดน้อยลงไป
          ตกดึก..ธงไทยพาตะวันไปเดินเล่นงานวัด และรู้สึกแปลกใจที่ ตะวันเล่นเกมอะไรก็ชนะ ทั้งยิงลูกโป่ง ปาลูกดอก ฯลฯ ทั้ง 2 คนต้องช่วยกันอุ้มตุ๊กตาตัวกลับบ้าน คืนนั้นก่อนนอน ตะวันเริ่มรู้สึกแว่บๆ เมื่อตอนที่เธอได้จับปืน....เธอรู้สึกคุ้นเคย และ โหยหาที่จะจับมันอีก
จ๊ะจ๋าเริ่มทวงถามว่าเมื่อไหร่จะไล่ๆ ให้ตะวันออกไปจากบ้านสักที เพราะนับตั้งแต่ตะวันเข้ามาอยู่ที่ไร่ เธอกับ ธงไทยก็เหมือนจะห่างกันไปเรื่อยๆ ไผ่ (โอ๊ต-สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) ที่แอบชอบจ๊ะจ๋าอยู่ คอยเป็นคนดูแลปลอบใจ อีกทั้งเป็นที่รองรับ อารมณ์ของจ๊ะจ๋าทุกครั้ง จ๊ะจ๋าเริ่มคิดหาหนทางที่จะไล่ให้ตะวันออกไปจากที่นี่ จ๊ะจ๋าหาทางกลั่นแกล้งตะวันสารพัด แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่เธอต้องรับกรรมเอง ในที่สุดความโกรธเกลียดก็ทำให้จ๊ะจ๋าหน้ามืดตามัว ถึงขนาดหลอกล่อ ตะวันไปให้จอม ทุกคนตามหาตะวันแต่ไม่พบ จ๊ะจ๋ารู้สึกผิด จึงชี้นำทางให้ลองไปที่รกร้างใกล้ไร่เสี่ยหมู ทุกคนรีบไป มีแต่ไผ่ที่สงสัยในตัวจ๊ะจ๋า ในที่สุดก็พบตะวันนอนสลบอยู่ข้างทาง เนื้อตัวมีร่องรอยการต่อสู้ ธงไทยพาตะวันส่งโรงพยาบาล ผลการตรวจร่างกายตะวันไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ได้ถูกล่วงละเมิดใดๆ ตะวันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่เจอจอม และจอมพยายามทำร้ายแต่หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ คืนนั้นตะวันฝันประหลาด ในฝันมันเบลอๆ แต่ดูโหดร้ายมาก ในฝันตะวันเห็นแววตาตัวเองดุดัน แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น จอมหายไปจากชีวิตของตะวัน ไม่มีใครรู้ว่าจอมหายไปไหน แม้แต่เสี่ยหมูเอง ในวันที่ธงไทยตามหาตะวัน หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เขาได้รู้ใจตัวเองว่าชีวิตนี้เขาขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ เมื่อตะวันหายไป เขาเหมือนใจจะขาด และเมื่อพบเธอแล้ว เขาจะไม่ปล่อยเธอไปอีกเด็ดขาด ตั้งแต่คืนนั้นทั้งคู่ ก็เหมือนเป็นเงาของกันและกัน ความหวานแผ่ซ่านไปทั้งไร่เคียงตะวัน แม่นวลรู้สึกได้เลยว่าลูกชายของตน กำลังมีความสุขที่สุดในชีวิต
          เสียงกรีดร้องของจ๊ะจ๋าดังไปทั่วทุ่ง หากดอกทานตะวันมีมือคงอุดหูไปแล้ว ธงไทยตัดสินใจจะแต่งงานกับตะวัน แม่นวลเห็นดีเห็นชอบด้วย เพราะตะวันก็ไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย ทุกอย่างที่เธอเป็นขณะนี้เกิดจากการอบรม ดูแล ของแม่นวลเอง ฉะนั้น ลูกสะใภ้คนนี้จึงถือว่าได้ดั่งใจที่สุด
          ธงไทยโทรไปนัดกับ วิว (กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) เพื่อขอเข้าไปดูชุดแต่งงาน วิวรู้สึกใจหายและประหลาดใจที่อยู่ๆเพื่อนที่เธอแอบรัก ก็โทรมาบอกเรื่องแต่งงาน เจ้าสาวเป็นใครเธอก็ยังไม่เคยได้รู้จัก ธงไทยรับปากว่าจะพาว่าที่เจ้าสาวไปแนะนำให้รู้จัก อีกทั้งยังทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับวิวว่า ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ จะขอให้วิวเป็นคนออกแบบชุดให้ แต่วิวก็ไม่คิดไม่ฝัน ว่ามันจะรวดเร็วเพียงนี้ อย่างน้อยคนสนิทอย่างเธอน่าจะรู้ระแคะระคายมาบ้าง การเดินทางมากรุงเทพของตะวัน ถือว่าเป็นครั้งแรก เธอดูตื่นตาตื่นใจ แววตาเป็นประกาย
จ๊ะจ๋าใช้ช่วงเวลาที่ ตะวันกับธงไทยไม่อยู่ เอาใบปลิวหน้าของ ตะวัน ไปติดเพื่อประกาศตามหา ให้ญาติมารับกลับ โดยเฉพาะหน้าเทศกาลท่องเที่ยว มักมีคนมากหน้าหลายตาเดินทางมาเที่ยวชมดอกทานตะวัน ไผ่พยายามห้ามปราม แต่จ๊ะจ๋าไม่ฟัง เธอคิดว่านี่คือทางเดียวที่จะทำให้ตะวันไปจากที่นี่
          ภายในร้านชุดแต่งงานหรูใจกลางกรุงเทพ วิว ต้องตกใจเมื่อเห็น ธงไทยกับตะวันเดินเข้ามาในร้าน หลังจากที่แนะนำให้รู้จักกัน ธงไทยขอให้วิวพาตะวันไปเลือกดูชุด ระหว่างที่ตะวันลองชุด วิวได้ปรี่เข้ามาถาม กับธงไทยว่าไปรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง ไม่ทันที่ธงไทยจะตอบอะไร เขาก็ได้เหลือบไปเห็นภาพคู่แต่งงาน ที่ทางร้านใช้ประดับตกแต่งอยู่ 1 ในนั้นคือ หญิงสาวที่หน้าเหมือนกับตะวันกับผู้ชายท่าทางภูมิฐาน วิวบอกว่านี่คือ คุณปรางค์ทอง (เซฟฟานี อะวานิค) ไฮโซชื่อดังกับ นันทวัฒน์ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ทายาทพันล้าน ไม่ทันที่วิวจะเล่าอะไรเพิ่มเติม เสียงร้องของตะวันก็ดังขึ้น ตะวันยืนมองรูปถ่ายของตัวเองกับนันทวัฒน์ เธอรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ จนทนไม่ไหว ล้มลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้น ทั้งชุดแต่งงาน ธงไทยรีบวิ่งเข้าไปช่วยและรีบพาส่งโรงพยาบาล
          การติดประกาศของจ๊ะจ๋าเริ่มเห็นผล เมื่อ เปลว (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์)แม่ของตะวันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่า เห็นใบประกาศ ลูกสาวเธอติดอยู่ เปลวรู้สึกทั้งตื่นเต้นและเป็นห่วง จึงรีบออกเดินทางจากกรุงเทพมาที่ไร่ทันที ทรงพล (สรพงศ์ ชาตรี) ขอติดตาม มาด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นลูกสาวตนเองแน่นอน แต่เปลวรั้งไว้ เธอขอเดินทางคนเดียว และ รับปากว่าจะแจ้งข่าว ทันทีที่ได้เจอกับ ปรางค์ทอง
ธงไทยได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตะวันจากปากของวิวว่าเป็นสาวไฮโซ รักการออกงานสังคม ทันสมัย กล้าได้กล้าเสีย มีคุณสมบัติดีพร้อม เสียดายที่ชีวิตแต่งงานไม่ประสบความสำเร็จ เธอได้ข่าวมาว่า ปรางค์ทอง กับสามีห่างกัน ด้วยเหตุผลเพราะทางพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม วิวค่อนข้างเป็นห่วงธงไทย เพราะเธอรู้จักนิสัยร้ายกาจ ของปรางค์ทองเป็นอย่างดี วิวโดนเหวี่ยงเสียยกใหญ่ เมื่อครั้งทำชุดแต่งงานให้เธอ ธงไทยพยายามประติดประต่อ เรื่องราวทั้งหมด เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่ปรางค์ทองถูกทำร้าย เลยพอจะเดาเหตุการณ์ได้ว่า การถูกทำร้ายร่างกาย ครอบครัวนี้อาจมีส่วนรู้เห็น เขาจะช่วยเธออย่างไรดี ตะวันคือหญิงสาวที่เขารักและผูกพัน จนจะแต่งงานด้วย ในขณะที่ความเป็นจริง เธอคือภรรยาของใครอีกคน...!!
          อาการของปรางค์ทองไม่ค่อยจะดีนัก เธอยังปวดหัวอยู่เรื่อยๆ หมออนุญาตให้พักรักษาตัวที่บ้านได้ แต่กำชับให้กินยาคลายเครียด ตลอดเวลาที่ตะวันอยู่โรงพยาบาล กระทั่งกลับ มีแต่สายตาที่จ้องมองเธอแบบแปลกๆ และแน่นอน มีปาปาราซซี่ แอบถ่ายรูปเธอไว้ด้วย ธงไทยรีบพาเธอกลับไปที่ไร่ ตลอดการเดินทางทั้งคู่ต่างพากันเงียบ ธงไทยกำลังสับสนกับหัวใจตัวเอง ในขณะที่ตะวันเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคนในรูป
ระหว่างทางกลับบ้าน ธงไทยเห็นใบปลิวแปะตามเสาไฟและต้นไม้ เขาจอดรถลงไปดู โกรธจนเลือดขึ้นหน้า รีบบึ่งรถเข้าบ้านด้วยความเร็ว ถึงในบ้านธงไทยร้องตะโกนหา จ๊ะจ๋า ไผ่ออกมารับหน้าแทนพร้อมกับบอกว่า จ๊ะจ๋า ไม่ว่าง เพราะกำลังรับแขกอยู่ ธงไทยเดินปรี่เข้าไปหาจ๊ะจ๋า โดยมีตะวันเดินตามไปด้วย จ๊ะจ๋าเห็นธงไทยแล้วดีใจ รีบบอกว่า แม่ของตะวันมารับตัวกลับบ้านแล้ว ต่อหน้าเปลว ธงไทยพูดอะไรไม่ออก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่ และลูก ได้พบหน้าพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ผล เพราะตะวันดูจะตื่นกลัวคนแปลกหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งได้เจอเปลว ในสภาพร้องห่มร้องไห้ ทำให้เธอยิ่งหวาดกลัว ตะวันกอดธงไทยและพิมมาดาแน่น เปลวได้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับปรางค์ทอง จนทำให้เธอเป็นอย่างนี้ จึงเกิดความสงสารและเห็นว่าไม่เป็นผลแน่ หากจะรับตัว ปรางค์ทองกลับ จึงยอมที่จะให้ปรางค์ทองอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนตัวเธอจะหมั่นเทียวไปเทียวมา เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย เสียก่อน จ๊ะจ๋ารู้สึกหงุดหงิดที่ตะวันยังอยู่ที่นี่ต่อไป....
          ตะวันเฝ้าวนเวียนกับสิ่งใหม่ที่ได้รับรู้ เธออยากรู้อดีตของตัวเอง อยากรู้ว่าใครทำร้ายเธอ ธงไทยยังสับสน ในตัวเอง แม้จะฝืนใจสักแค่ไหน แต่ธงไทยก็คิดว่านั่นคงเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาเป็นห่วงในความปลอดภัย ของเธอ ธงไทยได้ปรึกษากับวิวเพื่อหาหนทาง วิวบอกกับธงไทยว่า อีกไม่นานจะมีงานเปิดตัวอัญมณี ธงไทยคิดได้ว่า เขาควรจะใช้งานนี้เปิดตัว ปรางค์ทอง เพราะอย่างน้อย การที่มีนักข่าวมากมายทำข่าวของเธอ ก็เหมือนเป็นการประกาศการกลับมาของเธอต่อสาธารณชน มีพยานรู้เห็นการมีตัวตนของเธอมากมายอย่างนี้ จะช่วยให้เธอปลอดภัยจากการลอบทำร้าย
          งานเปิดตัวอัญมณี นันทวัฒน์ และ มยุริญ (ธันย์ชนก ฤทธินาคา) ได้ไปร่วมงานนี้เช่นกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยไฮโซทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ อีกทั้งยังนักข่าวจากสารพัดสื่อ ช่วงเวลาของการเดินแบบ บรรดาแขกในงานพากันตะลึงและแปลกใจ ที่อยู่ๆ คุณปรางค์ทองก็ออกมาเดินแบบในชุดฟินเนอเร่ สวย สง่า แต่ในความสง่านั้น เธอยังมีแววตาที่ดูหวาดกลัว และกังวล โชคดีที่ธงไทย ยืนอยู่ข้างเวที เพื่อส่งกำลังใจ และทำให้ตะวันอุ่นใจขึ้น
          นันทวัฒน์ ทั้งตื่นเต้นและดีใจ ที่ได้พบกับปรางค์ทองอีกครั้ง หลังจากที่ขาดการติดต่อไปนาน เขาเองก็อยากรู้ เหตุผลในวันที่เธอเดินจากเขาไป นันทวัฒน์ ดักรอพบปรางค์ทองหลังเลิกงาน ธงไทยจำได้ว่านี่คือ สามีของปรางค์ทอง เขาเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 คนได้พูดคุยกัน ปรางค์ทองรู้สึกคุ้นเคยกับนันทวัฒน์ ในคืนนั้นเอง นันทวัฒน์ ชวนให้ปรางค์ทองกลับไปอยู่ที่บ้าน ปรางค์ทองตกปากรับคำ แต่มีข้อแม้ว่า ขอให้ธงไทยไปอยู่ด้วย เพราะสำหรับเธอ ธงไทย คือคนที่เธอไว้วางใจและ รู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ นันทวัฒน์ยินยอม
เปลวและทรงพล รู้ว่านันทวัฒน์จะชวนให้ปรางค์ทองกลับไปอยู่ด้วย 2 คนก็ 2 มุมมอง เปลวไม่อยากให้ปรางค์ทองกลับไปเพราะรู้สึกเป็นห่วง ในขณะที่ทรงพลอยากให้ปรางค์ทองกลับเข้าไปในบ้านหลังนี้เช่นเดิม ธงไทยพาปรางค์ทอง มาพบกับ แม่และทรงพล ทรงพลแอบเล่าเรื่องราวเก่าๆ ของปรางค์ทองให้เธอฟัง ภาพเก่าๆ ก็เริ่มปรากฏในจิตใต้สำนึก คืนนั้นเองทำให้ปรางค์ทองฝันร้าย ฝันถึงแต่การต่อสู้ทำร้ายแย่งชิง ปรางค์ทองเริ่มมีความทรงจำเก่าๆ ผุดเข้ามาในสมอง
          ธงไทยพาปรางค์ทองย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของนันทวัฒน์ โดยเขาจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเธอจะคุ้นเคย กับคนที่นี่ และจะกลับไปที่ไร่เคียงตะวัน ปรางค์ทองเข้าใจดี เธอเองก็คิดหลายตลบว่าในเมื่อมีชีวิตใหม่ ได้เจอกับธงไทย คนที่แสนดีกับเธอแล้ว เธอจะกลับมาที่นี่อีกทำไม จริงอยู่เธอกับ นันทวัฒน์ อาจมีความหลังที่ดีต่อกัน แต่วันนี้เธอแทบไม่รู้จักเขาเลย ที่เธอต้องกลับมาในวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทรงพลขอร้องให้กลับมา ประกอบกับเรื่องราวที่ทรงพลเล่าให้ฟังมันยิ่งทำให้เธออยากรู้ว่าใครคือ ผู้อยู่เบื้องหลังในการทำร้ายเธอ และคนนั้นทำร้ายเธอเพราะอะไร
          ก้าวแรกที่เข้ามาในบ้านนันทวัฒน์ ปรางค์ทองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยว ทุกคนในบ้านดูไม่เป็นมิตรเลย ต่างพากันมองปรางค์ทองด้วยสายตาแปลกๆ ธงไทยให้กำลังใจเพื่อให้ปรางค์ทองเข้มแข็ง ทั้งๆที่ในใจ อยากพาปรางค์ทองกลับไร่ทานตะวัน ในบ้าน ปรางค์ทองต้องคอยรับมือกับแม่สามีอย่าง นันทา (เดือนเต็ม สาลิตุล) ที่คอยจับผิด และกระแนะกระแหน นันทนา (อาริษา วิลล์) น้องสาวอารมณ์ร้ายของนันทวัฒน์ กันเกรา (ดีใจ ดีดีดี) หัวหน้าแม่บ้านปากร้ายขี้ฟ้อง และ แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน พิชิต (อติรุจ สิงหอำพล) ชายหนุ่มร่างใหญ่ เงียบขรึม แววตาลึกลับ คนสนิทของนันทวัฒน์ ที่คอยจับจ้องเธอทุกฝีก้าว จะมีก็แต่ อึ่ง (ดนยา รัตนธาดา) แม่ครัวร่างใหญ่ใจดี ที่ดูจะมีความเป็นมิตรให้เธอ อาจเป็นเพราะอึ่งเพิ่งเข้ามาหลังจากที่ปรางค์ทองหายตัวไปจึงไม่มีอคติกับเธอ ปรางค์ทองยังจำคำสอนของแม่นวลได้ดี แม่นวลว่าให้ทำดีไม่ว่าใครจะทำอย่างไรกับเราก็ให้ใช้ความดีเข้าสู้ ซึ่งปรางค์ทองก็ปฏิบัติตามคำสอนนั้น โดยไม่โต้ตอบใดๆ และพยายามทำดีกับทุกคน นันทวัฒน์รู้สึกปลื้มใจที่ปรางค์ทองมีความอดทนและพยายามอย่างมาก เขาจึงพยายามอยู่เคียงข้างปรางค์ทอง ธงไทยได้แต่มองอย่างปวดร้าว
          ปรางค์ทองได้รู้ภายหลังว่า หลังจากที่เธอหายตัวไปซักพัก นันทาผู้เป็นแม่ได้ชักนำ มยุริญ ลูกสาวของเพื่อนรักมาให้สนิทสนมกับนันทวัฒน์ แต่นันทวัฒน์ไม่ได้สนใจ จนเวลาล่วงผ่านนันทวัฒน์ก็พ่ายแพ้แก่ความดีของมยุริญ และเริ่มสานสัมพันธ์กับเธอ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ถ้าปรางค์ทองไม่กลับมาเสียก่อน เรื่องนี้ทำให้ทุกคนผิดหวังมาก นันทวัฒน์เองก็ไม่สบายใจ แต่มยุริญเองเสียอีกที่กลับเป็นฝ่ายเข้าใจในสถานการณ์นี้ดี เธอขอเปลี่ยนสถานะตัวเองจากคนรักมาเป็นเพื่อนสนิท นันทวัฒน์รู้สึกทึ่งในตัวมยุริญ และรู้สึกขอบคุณเธอเป็นอย่างมากที่เข้าใจเขา มยุริญกลายเป็นแขกประจำของบ้าน เธอเป็นที่รักของทุกคนและเธอก็ยังเป็นมิตร และช่วยเหลือปรางค์ทองเป็นอย่างดีด้วยความจริงใจ นั่นเพราะพื้นฐานเธอเป็นคนจิตใจดีนั่นเอง นันทวัฒน์ได้เห็นความดีของมยุริญทำให้เขาหวั่นไหว แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะคนที่เขารักคือปรางค์ทอง ไม่ใช่มยุริญ
          นันทาสุดแสนจะแค้นใจ ที่เกือบจะได้สะใภ้ดีๆ เข้าบ้านอยู่แล้วเชียว ปรางค์ทองก็ดันโผล่กลับมาอีก แถมมาคราวนี้ก็มาแปลก ไม่รู้จะมาไม้ไหน สองแม่ลูกจึงได้แต่หาเรื่องกลั่นแกล้งปรางค์ทองทุกวัน ดีที่ ธงไทย คอยอยู่ช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้ แม้สองแม่ลูกจะกลั่นแกล้งหนักขึ้นทุกวันๆ แต่ปรางค์ทองก็ผ่านมันมาได้ทุกที
ในบ้านยังมี วัฒนา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) พ่อของนันทวัฒน์ที่นอนป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และพูดจาสื่อสารไม่ได้ ปรางค์ทองอยากช่วยดูแล แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้ วัฒนากลับส่งเสียงร้องเอะอะ และมีแววตาหวาดกลัวเสียทุกครั้งไป นันทาและนันทนาสั่งห้ามปรางค์ทองเข้าใกล้วัฒนา ปรางค์ทองเริ่มคิดว่าอดีตของเธอคงจะเลวร้ายมาก ทำให้เธอรู้สึกอยากค้นหาตัวตนที่แท้จริงว่าเธอคือใคร..?
          และแล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน…นันทาแม่ของนันทวัฒน์ ก็ตกบันไดหัวฟาดพื้นอย่างไม่มีสาเหตุ นันทนา และ กันเกราต่างยืนยันว่าเป็นฝีมือของปรางค์ทอง แต่นันทวัฒน์กับมยุริญยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะไม่มีหลักฐาน ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต ธงไทยก็ขอตัวปรางค์ทองกลับไร่ไปพักผ่อน เพราะเธอเจอเรื่องหนักๆ มาเยอะ นันทวัฒน์เห็นด้วย และบอกว่าจะตามไปรับปรางค์ทองวันหลัง
การกลับมาที่ไร่เคียงตะวันในครั้งนี้ ตะวันหรือปรางค์ทองได้เปลี่ยนไปแล้ว แววตาเธอดูแข็งกร้าวขึ้นจนแม่นวลหวั่นใจ จ๊ะจ๋าเองก็โดนโต้กลับชนิดที่เจ้าตัวก็คาดไม่ถึง บัดนี้ตะวันคนเดิมที่แสนอ่อนหวานได้หายไปเกือบหมดสิ้นแล้ว เหลือแต่ปรางค์ทองผู้มากด้วยความแข็งกร้าวและมีความลับในใจ
          วันหนึ่งมีคนพบศพของจอมในบ่อน้ำแถวๆ ที่รกร้าง ที่ธงไทยเคยได้พบตัวตะวันในวันที่เธอหายไป ธงไทยรู้สึกใจไม่ดี เขารู้ว่าในไม่ช้าเขาต้องสูญเสียตะวันที่เขารักไปแน่นอน เขาคิดอะไรไม่ออก นอกจากวิธีสุดท้ายที่จะรั้งเธอเอาไว้ ในคืนนั้นปรางค์ทองและธงไทยก็เป็นของกันและกัน ความรักของธงไทยละลายหัวใจของปรางค์ทอง เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เธอมีชายคนรัก แม่นวลที่รักและเคารพอย่างสุดหัวใจ และไร่เคียงตะวันสวรรค์บนดินของเธอ เรื่องราวเกือบจะลงเอยด้วยดี ถ้าทรงพลไม่ตามมาหาปรางค์ทองที่ไร่เคียงตะวันเสียก่อน!!!

          ตะวันจะตัดสินใจอย่างไร? จะอยู่ที่ไร่เคียงตะวัน
          เพื่อเป็นภรรยาของชายคนรักของเธอหรือไม่?
          หรือเธอจะกลับไปค้นหาอดีตของตัวเอง
          ความจริง และความลับที่กำลังจะเปิดเผย...!!!
          ใครฆ่าจอม และใครเป็นคนทำร้ายเธอ...ร่วมค้นหาคำตอบไปกับเธอ...
          "เพลิงตะวัน" ทางช่อง 7 สี ดูมันดี...รับประกันความมันส์จ้า...!!!!
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on August 17, 2015, 11:58:19 PM
วุธ-อัษฎาวุธ จัดเต็ม! เลี้ยงปิดกล้อง “เพลิงตะวัน”









          ถ่ายทำมานานกว่า 10 เดือน ได้ฤกษ์ปิดกล้องแล้วจ้า สำหรับละครแอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้น “เพลิงตะวัน” ของค่ายดูมันดี ที่ได้โต้โผใหญ่ วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร จัดหนัก จัดเต็ม จัดงานเลี้ยงปิดกล้องละคร ณ ร้าน share ย่านทาวน์อินทาวน์ โดยมีนักแสดงนำ อาทิ เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์, เซฟฟานี อาวะนิค, เดือนเต็ม สาลิตุลย์, สุเชาว์ พงษ์วิไล, นัท-อติรุจ สิงหอำพล, เบเบ้-ธันย์ชนก ฤทธินาคาป๊อบ-จิณณะ จอมขันเงิน, โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์, โอ๊ค-สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์, เฟิร์น-ณัชยกานต์ ปากหวาน, มิ้นท์-กุญช์ภัสส์ พรปวีณ์วรกุล, หญิง-อภิสรา รักชาติ, น้องเบลล์-มณัญศิกาญจน์ โพธิ์ทอง และ น้องโฟกัส-มนัชญา กัลปพฤกษ์ มาร่วมงานเลี้ยงฉลองอย่างคึกคัก โดยได้รับเค้กแสดงความยินดีก้อนโตจากผู้บริหารสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และร่วมเป่าเค้กสำหรับนักแสดงที่มีวันคล้ายวันเกิดในเดือนสิงหาคมด้วย ทั้ง เอส, นัท และ น้องสิงห์ ลูกสาวสุดหวงของผู้จัดฯ เรียกได้ว่าสนุกสนานกันถ้วนหน้า และอย่าลืมติดตามชมละคร “เพลิงตะวัน” ซึ่งจะออกอากาศในชมตอนแรกวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558 หลังข่าวภาคค่ำทางช่อง 7 สี งานนี้...ดูมันดี...เค้าจัดให้!!!!
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on August 20, 2015, 07:53:12 PM
จากเวทีนางงามสู่ตำแหน่งนักแสดง เฟิร์น-ณัฐชยกานต์ รับบทสุดท้าทายในละคร “เพลิงตะวัน”









          มีความสวยและความสามารถระดับ Miss Grand Rising Star บนเวที Miss Grand Thailand 2014 จนเป็นเหตุให้ เฟิร์น-ณัฐชยกานต์ ปากหวาน ได้รับโอกาสดีมารับบทเป็น “จ๊ะจ๋า” ในละครแอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้น “เพลิงตะวัน” ค่ายดูมันดี ที่มีโต้โผใหญ่อย่าง อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร นั่งคุมบังเหียน ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกในชีวิตเธอ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบทหินสุดท้าทายที่เธอบอกว่า ยากสุดๆ และไม่ตรงกับคาแร็กเตอร์ในชีวิตจริงของเธอเท่าไหร่นัก
          มาทำความรู้สึกสาวน้อยวัยสิบแปดให้มากกว่านี้ ผ่านตัวหนังสือเหล่านี้กันค่ะ
          @ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง
          ตอนเด็กๆ คุณพ่อกับคุณแม่ค่อนข้างจะเลี้ยงแบบอิสระ แต่ก็จะอยู่ในสายตาของท่านเสมอ ในละแวกบ้านก็จะมีเพื่อนผู้ชายเป็นส่วนมาก ตอนเด็กๆ เราเลยเล่นกับผู้ชายตลอด ทำให้เราเป็นคนที่ค่อนข้างกระโดกกระเดก ไม่ค่อยระวังตัว และซุ่มซ่ามมาก แต่ว่าคุณย่าจะคอยดูแลตลอด คอยสั่งสอน จนเรามีนิสัยเหมือนผู้หญิงมากขึ้นนิดหน่อย เฟิร์นเองก็จะสนิทกับที่บ้านมากๆ จะพูดคุยกันทุกๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องการเรียน ที่บ้านจะให้อิสระเต็มที่ในการเลือกเส้นทางชีวิตของเรา แล้วก็จะคอยสนับสนุนทุกๆ เรื่องที่เราเลือกให้เป็นไปได้ดีมากที่สุด
          @ตอนนี้เรียนที่ไหน
          ตอนนี้ขึ้นปี1 ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะโบราณคดี เอกมานุษยวิทยา ค่ะ ที่เลือกเรียนคณะนี้ จริงๆ แล้วเพราะชอบเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัย แล้วก็ถูกใจคณะโบราณคดีตรงที่ เปิดสอนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรเพียงที่เดียวในประเทศไทย พอได้เข้าเรียนจริงๆ แล้วก็รู้สึกว่าเราเลือกถูกมาก เพราะทั้งสภาพแวดล้อม ทั้งสังคม เพื่อนๆ พี่ๆ น่ารักมาก ดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว และที่สำคัญยังมีเพื่อนๆ และพี่สาว เรียนอยู่คณะเดียวกัน ทำให้เฟิร์นรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ไปเรียนค่ะ
          @เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไรคะ
          เริ่มจากการประกวดนางงามบนเวทีเล็กๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น เวทีนางนพมาศ นางสงกรานต์ ธิดากาชาด จนมีพี่ที่รู้จักกัน ชวนไปประกวดเวทีระดับประเทศ ซึ่งเวทีแรกของเฟิร์นคือ Utip Freshy Idol 5 ก็เข้ารอบ 15 คนสุดท้าย แล้วก็เว้นไปปีหนึ่ง จนได้มารู้จักกับเวที Miss Grand Thailand ก็เลยลองสมัครดู แต่ไม่คิดว่าจะได้เข้ารอบและมาถึงจุดนี้ได้ เพราะผู้เข้าประกวดแต่ละคนก็มีความสามารถและมีความพร้อมกันทุกๆ คน
          @ได้รับตำแหน่ง Miss Grand rising star มาด้วย
          ใช่ค่ะ ก็ถือเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ และเฟิร์นก็รู้สึกภูมิใจมากที่สุดในชีวิต ที่ทำให้ครอบครัวและตัวเฟิร์นเองมีความสุข ก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆ ท่าน โดยเฉพาะ คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพของเฟิร์น และให้โอกาสเฟิร์นได้รับตำแหน่ง Miss Grand rising star 2014 ค่ะ
          @รู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับโอกาสให้มาเล่นละครเรื่อง เพลิงตะวัน
          รู้สึกตื่นเต้น แล้วก็ค่อนข้างกดดันมาก เพราะเฟิร์นไม่เคยมีประสบการณ์อื่นๆ ในวงการบันเทิงเลย นอกจากการประกวด เฟิร์นต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในหลายๆ ด้าน ทั้งทักษะการแสดง บุคลิกภาพ และรูปร่าง เฟิร์นรู้สึกว่า การแสดง ทำให้เฟิร์นโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะต้องเรียนไปด้วย ถ่ายละครไปด้วย ตอนมัธยมเฟิร์นเรียนอยู่ต่างจังหวัด จึงต้องใช้เวลาในการเดินทาง และยิ่งเป็นช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เราต้องรู้จักแบ่งเวลา ขยันและอดทนมากกว่าคนอื่น
          @เคยผ่านงานแสดงมาบ้างหรือเปล่า
          ก่อนหน้านี้ก็มีการเวิร์คชอปเรื่องการแสดงมาบ้าง แต่เป็นคอร์สระยะสั้น ทำให้เฟิร์นมีพื้นฐานในการแสดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากเรียนรู้ และ ฝึกฝน เพื่อเพิ่มทักษะให้ตัวเองมากขึ้น
          @บท จ๊ะจ๋า ในละคร เพลิงตะวัน เป็นอย่างไร
          ค่อนข้างยากค่ะ เพราะ จ๊ะจ๋าเป็นตัวละครที่ ขี้อิจฉา ชอบโวยวาย ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง และถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ง่าย ซึ่งเฟิร์นเองก็ไม่ได้มีคาแร็กเตอร์ตรงกับตัวจ๊ะจ๋าทั้งหมด ก็ต้องมีเรียนรู้ตัวละคร และปรับคาแร็กเตอร์ให้ใกล้เคียงจ๊ะจ๋ามากที่สุดค่ะ ในเรื่องจะต้องเล่นคู่กับ พี่โอ๊ต สุรศักดิ์ ซึ่งรับบทเป็น ไผ่ เป็นคนในไร่ที่แอบรักจ๊ะจ๋า แต่ก็ไม่เคยที่จะส่งเสริมให้จ๊ะจ๋าทำเรื่องไม่ดี จ๊ะจ๋าก็มีใจให้กับพี่ไทยคนเดียว ตอนถ่ายทำแรกๆ ก็มีท้อบ้างค่ะ ถึงขั้นร้องไห้เลย แต่ทางพี่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ผู้กำกับฯ และพี่ๆ นักแสดงทุกคนก็ให้กำลังใจ และคอยช่วยเหลือตลอด กับบางซีนที่ต้องใช้อารมณ์ แม่ปุ๊ (ปิยะมาศ โมนยะกุล) ก็จะส่งอารมณ์ให้เต็มที่ จนเราเองก็รู้สึกไปกับบทนั้นจริงๆ ทำให้เฟิร์นผ่านมาได้ด้วยดี
          @ร่วมงานกับ โอ๊ต สุรศักดิ์ เป็นอย่างไรบ้าง
          ดีค่ะ พี่โอ๊ต น่ารัก เป็นกันเอง ให้คำแนะนำเยอะมาก เพราะเราต้องเข้าฉากด้วยกันบ่อย ก็เลยสนิทมากกว่าใคร บางทีก็มีปรึกษาพี่เค้าบ้างว่าต้องเล่นหรือทำความเข้าใจอย่างไรค่ะ
          @ผู้กำกับฯ ดุมั้ยคะ
          ดุค่ะ เพราะพี่วุธเป็นคนตั้งใจทำงานมากและอยากให้งานออกมาดี แต่พองานเสร็จพี่วุธก็จะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเลย คือ เป็นกันเอง แล้วก็จะปล่อยมุขตลอด ทำให้คนที่ร่วมงานด้วยมีความสุข ตอนนี้ก็เข้าใจการแสดงมากขึ้นมาในระดับหนึ่งค่ะ จากที่ไม่ค่อยมีความรู้ในด้านนี้เลย แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในวงการบันเทิงก็ยังถือว่าน้อย เพราะเฟิร์นยังเด็กและเพิ่งเข้ามาในวงการบันเทิง แต่เฟิร์นคิดว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะคะ
          @คิดว่าตัวเองอ่อนเรื่องการแสดงด้านไหนมากที่สุด
          ส่วนใหญ่เฟิร์นจะโดนดุเรื่อง acting การส่งอารมณ์ และการใช้เสียง ซึ่งเฟิร์นยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเสียงเฟิร์นเป็นโมโนโทน ทำให้ใช้กับฉากที่ต้องโวยวายได้ยาก และยิ่งบางฉากที่ร้องไห้ ก็ต้องใช้เวลาทำอารมณ์มากกว่าคนอื่น ซึ่งเฟิร์นเองก็เกรงใจพี่ๆ ทีมงานมาก ตอนนี้เฟิร์นชอบการแสดงกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะได้ทำอะไรที่เราไม่เคยทำในชีวิตประจำวัน เพราะเฟิร์นเป็นคนไม่ชอบเริ่มต้นใหม่ ไม่กล้าทำอะไรที่แปลกไปจากเดิม แต่การแสดงทำให้เฟิร์นได้ทำอะไรที่หลากหลาย ก็รู้สึกว่ามันท้าทายดี
          @วางแผนเรื่องการทำงานในวงการบันเทิงอย่างไร
          อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการบันเทิงให้ได้มากที่สุด และถ้ามีโอกาสก็อยากทำงานในด้านอื่นๆด้วย เช่น พิธีกร นางแบบหรือด้านอื่นๆ ตามที่ผู้ใหญ่เห็นสมควรค่ะ
          @ฝากละครเรื่อง เพลิงตะวัน หน่อยค่ะ
          ฝากติดตามชมละครเรื่อง เพลิงตะวัน จากค่ายดูมันดีด้วยนะคะ เป็นละครแนว แอคชั่น-ดราม่า แล้วก็เป็นเรื่องแรกของเฟิร์นด้วยค่ะ อยากให้ทุกคนได้เห็นการแสดงของเฟิร์น และติชมกันมาได้นะคะ เฟิร์นอยากรู้ว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง จะได้นำมาแก้ไข เฟิร์นขอโอกาสผู้ชมทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
          ช่วยเป็นกำลังใจให้สาวน้อยคนนี้ได้ในละครเรื่อง “เพลิงตะวัน” ค่ายดูมันดี ที่จะออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี เพราะเรา...คัดแล้ว....คัดอีก!!

Profile
ชื่อสกุล ณัฐชยกานต์ ปากหวาน
ชื่อเล่น เฟิร์น
วันเดือนปีเกิด 5 มกราคม 2540
อายุ 18 ปี
การศึกษา ชั้นปีหนึ่ง คณะโบราณคดี เอกมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร
ภูมิลำเนา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สัดส่วน 32-25-35
น้ำหนัก 54 กิโลกรัม
สูง 173 เซนติเมตร
ผลงานชิ้นแรก ละครเรื่อง เพลิงตะวัน
ไอดอลด้านการแสดง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์
คติประจำใจ live each day as if it was your last
คำพูดติดปาก อย่าว่าน้อง น้องน่าล๊ากก , อ่ะน่อววว
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on August 21, 2015, 02:08:04 PM
วุธ-อัษฎาวุธ จัดหนัก จัดเต็ม!!! ส่ง “เพลิงตะวัน” เอาใจคอแอ็คชั่นดราม่า!!!



           ถ่ายทำมานานกว่า 9 เดือนสำหรับละครแอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้นของผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทรในนามบริษัท ดูมันดี จำกัด ที่จับเอานางเอกหน้าใหม่ไฟแรง เซฟฟานี อาวะนิค มารับบทสองคาแร็กเตอร์ที่ต่างกันสุดขั้วในละครเรื่อง “เพลิงตะวัน” ที่ได้ฤกษ์ออกอากาศในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558 เวลา 20.30-22.30 น. ทางช่อง 7 สี เป็นตอนแรก โดยเจ้าตัวเผยถึงจุดมุ่งหมายในการหยิบละครเรื่องนี้มาทำว่า

          “นอกจากความสนุกสนาน และอรรถรสในการชมละครสไตล์ดูมันดี คือครบรสแล้ว เพลิงตะวัน ยังต้องการนําเสนอเรื่องราวของ ความดีและความเลว ซึ่งเกิดจากการเลี้ยงดู กล่อมเกลาและสิ่งแวดล้อมให้ผู้ชมเห็นว่า ไม่มีใครที่เกิดมาพร้อมเป็นคนดีหรือเลว แต่ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่างรอบตัวคนๆ นั้น แต่ถึงกระนั้น สุดท้ายแล้ว เราทุกคนสามารถเลือกได้เอง ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว และเหมือนทุกเรื่องที่ทำคือ หวังให้คนมีความสุขจากงานของเรา ส่วนเรื่องเรทติ้งยกให้คนดูเป็นผู้ตัดสินครับ ค่ายดูมันดีได้ทุ่มเทกับละครเรื่องเพลิงตะวันเต็มที่ในการสร้างสรรค์ แต่ละฉากให้ออกมามีความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ ในแต่ละสถานที่ในการถ่ายทำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบางที่ยากแก่การถ่ายทำมาก เช่น ฉากบู๊ไล่ล่ากันที่หมู่บ้านชาวประมงหรือที่รู้จักกันในนามหมู่บ้านไร้แผ่นดิน จังหวัดจันทบุรี นอกจากเนื้อหาละครที่เข้มข้นแล้ว ดูมันดียังได้คัดสรรนักแสดงมากฝีมือทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่มาประชันฝีมือกันอย่างล้นจอเลยทีเดียว เพื่อความสุขและความบันเทิงแก่แฟนละคร 7 สีทุกคน เพราะเรา คัดแล้วคัดอีก ครับ”
 
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 02, 2015, 03:58:36 PM
ปุ๊-เอส ร้องเฮ!!! เซฟฟานี เรียกชื่อตัวเองได้…ในละคร “เพลิงตะวัน”









          ออกอากาศเพียงสัปดาห์แรกก็ได้เสียงตอบรับอย่างท่วมท้น หลายคนชื่นชมในฝีมือการแสดงของนางเอกใหม่ไฟแรง เซฟฟานี อาวะนิค ที่เล่นคาแร็กเตอร์หญิงสาวที่ถูกทำร้ายปางตายและสาวความจำเสื่อมในละครแอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้น “เพลิงตะวัน” ค่ายดูมันดี ได้อย่างดีเยี่ยม จนหลายสำนักเตรียมฟันธงแล้วว่า เธอคือนางเอกรุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่นางเอกรุ่นพี่หลายๆ คนได้เลย

          วันนี้เรามีฉากเบื้องหลังที่แฟนๆ ละครจะได้เห็นความสามารถของสาวเซฟอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อหญิงสาวนิรนามอาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พาเธอออกมาชมดอกทานตะวันที่ไร่นวลตะวัน โดยมี นายแม่นวล (ปิยะมาศ โมนยะกุล) ตามมาสมทบ ด้วยความรักความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทำให้หญิงสาวนิรนามเริ่มมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น เธอเริ่มพูดได้ เริ่มเรียกชื่อ ธงไทย และ นายแม่นวล รวมทั้งชื่อใหม่ของเธอเอง นั่นคือ “ตะวัน”

          ฉากนี้ วุธ-อัษฎาวุธ ผู้กำกับฯ ใช้พื้นที่ทุ่งทานตะวัน แถวจ.ลพบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำ เมื่อผู้กำกับฯ เซ็ทพื้นที่ที่จะให้นักแสดงทำการแสดงแล้ว ซ้อมบทพูดเสร็จสรรพ์ก็สั่นเคลื่อนกล้อง โดยที่หนุ่มเอส เริ่มเข็นรถเข็นที่สาวเซฟนั่งอยู่ชมทุ่งทานตะวันที่สวยงามมาก จากนั้นก็เริ่มตั้งชื่อให้ โดยมี แม่ปุ๊ ปิยะมาศ ตามมาสมทบ เซฟเล่นฉากนี้ได้น่ารักมากๆ แต่ถ้าอยากรู้ว่าน่ารักแค่ไหนต้องติดตาม!!!

          ชมภาพทุ่งดอกทานตะวันสวยๆ และความสามารถด้านการแสดงของ เซฟฟานี อาวะนิค อีกรูปแบบหนึ่งได้ในละคร “เพลิงตะวัน” วันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ดูมันดี...เค้าจัดให้!!!
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 02, 2015, 08:09:02 PM
“เพลิงตะวัน” ออกอากาศ 8-9 ก.ย.58





          ตอน 3 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
          หญิงสาวนิรนาม (เซฟฟานี อาวะนิค) อาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเรียกชื่อ ธงไทย ได้แล้ว ธงไทยพาเธอไปเที่ยวไร่นวลตะวัน และตั้งชื่อให้เธอว่า "ตะวัน" จ๊ะจ๋า (เฟิร์น-ณัชยกานต์) หมั่นไส้ ตะวัน แกล้ง ตะวันให้เดินเอง ตะวัน ตะเกียกตะกายเดินไปหา ธงไทย (เอส กันตพงศ์) ธงไทย ดีใจมาก โผเข้ากอด ตะวัน โดยที่ วิว (กระติ๊บ ชวัลกร) เดินเข้ามาเห็นพอดี

          ตอน 4 ออกอากาศวันอังคารที่ 9 กันยายน 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
          มยุริญ (เบเบ้ ธันย์ชนก) พา อึ่ง (จุ๊กกะดุ๋ย ดนยา) มาเป็นคนรับใช้ที่บ้าน นันทวัฒน์ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) นันทวัฒน์ รู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของ มยุริญ แต่ก็อดคิดถึง ปรางค์ทอง (เซฟฟานี อาวะนิค) ไม่ได้ พิชิต (นัท อติรุจ) ขอลาไปทำธุระ ทำให้ นันทวัฒน์ ที่แท้ พิชิต มาหา ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) ที่ไร่นวลตะวัน แต่ ตะวัน จำอะไรไม่ได้เลย
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 02, 2015, 08:20:02 PM
เอส-กันพงศ์ เจองานหิน!!! สวมบทหนุ่มชาวไร่ในละคร “เพลิงตะวัน”



           เล่นละครมาหลายเรื่อง แต่พอมาเจอบท "ธงไทย" ในละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง "เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี โดยเรื่องนี้พระเอกหนุ่มผิวเข้ม เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ออกปากว่ายากในเรื่องการสวมบทเป็น หนุ่มชาวไร่ เพราะต้องสลัดความเป็นหนุ่มเมืองกรุงออกไป นอกจากจะประชันบทบาทกับนางเอกสาวไฟแรง เซฟฟานี อาวะนิค แล้ว หนุ่มเอสยังต้องประชันกับผู้กำกับฯ วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ในฐานะนักแสดงนำร่วมด้วย โดยหนุ่มเอสเผยถึงคาแร็กเตอร์และความยากในการรับบทนี้ว่า

          "ธงไทยเป็นคนจิตใจดีครับ จะเฟรนลี่กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีประวัติเลวร้าย หรือมีด้าน Dark เราไม่ใส่ใจในอดีตเค้า ต่อให้เขาเป็นโจรผู้ร้ายมา หรือเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เราก็พร้อมที่จะช่วย เป็นคนที่ดีมากๆ ผมคิดว่าในชีวิตจริงก็น่าจะมีคนแบบนี้อยู่นะที่มองว่าอดีตก็คืออดีต ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน ส่วนความยากที่ผมเจอ ผมว่าก็เหมือนกับทุกเรื่องคือ ต้องเป็นตัวละครตัวนั้นให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้บทต่างกว่าทุกเรื่องคือเป็นชาวไร่ เราก็สลัดความเป็นคนเมืองออกไปให้ได้ ต้องเป็นตัวละครนั้นให้ได้ ก็พยายามปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ อยู่ตลอดครับ การร่วมงานกับพี่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ผมชอบที่พี่เค้าสอนนะครับ คือมันเป็นประโยชน์กับตัวนักแสดงเอง ที่พี่เค้าบอกเราสามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้ เราจะหงุดหงิดตัวเองที่เราทำไม่ได้ เราพยายามกดดันตัวเองให้ทำให้ได้ และผมรู้สึกว่าเป็นการทำงานแบบฝรั่ง คือคุยกัน เถียงกันในระหว่างงาน ในงานก็คืองาน จบ แต่ไม่ได้มีส่วนตัวเลยครับ"

          ติดตามชมบทบาทของหนุ่มเอสได้ในละคร "เพลิงตะวัน" ทุกคืนวันจันทร์และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง7 สี ดูมันดี...เค้าจัดให้!!!
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 10, 2015, 07:54:50 AM
‘เซฟฟานี่’ ขอบคุณ ช่อง 7 สี ส่งบทท้าทาย ใน ‘เพลิงตะวัน’





          ช่อง 7 สี คัดแล้ว คัดอีก เพื่อแฟนๆ ส่ง 'เซฟฟานี่ อาวะนิค' นางเอกสาวคนล่าสุดของวิกหมอชิต จัดเต็มงานแสดงในบทบาทสุดท้าทายอย่าง ปรางค์ทอง และ ตะวัน สาวสองบุคลิกที่ต่างกันอย่างสุดขั้วในละครเรื่อง เพลิงตะวัน ผลงานของ ผู้จัด ผู้กำกับ และนักแสดงฝีมือดี วุธ – อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี เปิดเรื่องมาก็เจอบทหนัก ถูกคนร้ายตามไล่ฆ่า จนพระเอกต้องช่วยหามส่งโรงพยาบาล ให้หมอช่วยผ่าตัดสมอง งานนี้เลยถูกจับแปลงโฉมเป็นสาวหัวโล้น จนใครๆ ต่างยกนิ้วให้ในความทุ่มเทการแสดง ซึ่งสาวเซฟเผยว่า

          "ตรงนี้ต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่มากๆ ที่ให้โอกาสได้รับบทดีๆ เพราะบทค่อนข้างซับซ้อน ก็รู้สึกดีใจค่ะ คนชมว่าเล่นดี พัฒนาขึ้น กับบทที่ต้องเล่นเป็นเด็ก ไม่มีความทรงจำอะไรเลย เล่นยากมากๆ ซึ่งฉากที่อยู่ในอ่างน้ำก็มีคนชมว่าเซฟเล่นดีมาก สีหน้า แววตา อารมณ์ ทำได้ดี ฉากนี้ต้องขอบคุณพี่ปุ๊ ปิยะมาศ ซึ่งรับบทเป็นแม่นวล ที่ช่วยส่งอารมณ์มา ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเหมือนแม่เราจริงๆ พอเราส่งอารมณ์กลับไป น้ำตามันก็เริ่มไหลออกมาเอง บรรยากาศภายในห้องก็เงียบมาก คือทุกคนในกองถ่ายอินกับฉากนี้มาก แล้วเราแสดงเป็นเด็กหัวโล้นด้วย เลยยิ่งดูน่าสงสาร ฉากนี้ก็เลยออกมาดีค่ะ แล้วจะมีในส่วนของปรางค์ทอง ที่เล่นเป็นผู้หญิงโหดร้าย ก็อยากฝากให้แฟนๆ ติดตามละครเรื่องเพลิงตะวัน แล้วมาลุ้นกันว่า ตะวันจะเป็นคนดีแบบนี้ตลอดไป หรือจะกลับไปเป็นปรางค์ทองเพื่อตามหาความจริงว่าใครเป็นคนพยายามฆ่าเธอ ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เซฟด้วยนะคะ"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 14, 2015, 08:39:21 AM
เอส-กันตพงศ์’ ชวนแฟนละคร 7 สี ร่วมสนุก ชิงเสื้อละคร เพลิงตะวัน’



          ออกอากาศมาได้ไม่นาน ทำเอาแฟนละครอิน เรียกหา 'พี่ไทย' กันทั่วบ้านทั่วเมือง สำหรับละคร โรแมนติก ดราม่า ครบรส เรื่อง "เพลิงตะวัน" ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ผลงานของ ผู้จัด ผู้กำกับ และนักแสดงฝีมือดี วุธ – อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร งานนี้ ธงไทย สุภาพบุรุษหนุ่มชาวไร่ ที่รับบทโดยพระเอกมาดเข้ม 'เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์' เลยขอเอาใจแฟนละคร ด้วยการชวนร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ ว่า

          "ขอเชิญชวนแฟนละครเรื่อง เพลิงตะวัน ร่วมสนุกกับกิจกรรมละครครับ กติกาง่าย ๆ เพียง Save รูปกิจกรรมละคร 'เพลิงตะวัน' ที่มีข้อคิดดีๆ ข้อความเด็ดๆ จากตัวละครในเรื่อง บนแฟนเพจ BBTV Channel7 แล้วไปโพสต์บน Facebook หรือ Instagram ของตนเอง พร้อมติดแฮชแท็ก ‪#‎CH7PleungTawan โดยผู้ร่วมสนุกทุกท่านต้องเปิด Account ให้เป็นสาธารณะ (Public) และอย่าลืมแคปภาพ พร้อมใส่ข้อมูล ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ของตนเอง แล้วส่งมายืนยันที่ In Box ของเพจ BBTV Channel7 งานนี้ลุ้นรับเสื้อยืดสวยๆ จากละคร "เพลิงตะวัน" จำนวน 50 ตัว โดยร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ จนละครอวสาน แล้วมาลุ้นไปพร้อมๆ กันครับว่า เรื่องราวความรักระหว่าง ธงไทย และตะวัน จะลงเอยเช่นไร ตะวันจะตัดสินใจอยู่ที่ไร่นวลตะวันเพื่อเป็นภรรยาของธงไทย หรือจะกลับไปค้นหาอดีตของตัวเอง ห้ามพลาดใน ละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ครับ"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 18, 2015, 02:17:15 PM
วุธ-อัษฎาวุธ จัดเต็ม! เปิดตัว “โรส ศิรินทิพย์” นักฆ่า “คีริน”





           ละคร "เพลิงตะวัน" ดำเนินเรื่องมาอย่างสนุกสนาน ผูกปมไว้ให้คนดูได้คิด ได้ลุ้นกันว่า ใครกันแน่? คือฆาตกรตัวจริง ล่าสุด วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ คนเก่งแห่งค่ายดูมันดี เตรียมเปิดซิงนักร้องสาวเสียงสวย โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ ชิมลางงานแสดงละครเรื่องแรก แถมบทที่ได้รับนั้นเป็น "นักฆ่า" นามว่า "คีริน" เสียด้วย

          ไม่เพียงแค่นั้น หนุ่มวุธยังจัดเต็มเสริมทัพความเป็น "นักฆ่า" ด้วยการเพ้นท์ภาพกิเลนไว้ที่หลังสาวโรส เสมือนหนึ่งเป็นพวกยากูซ่าที่ต้องมีรอยสักยังไงยังงั้น

          "ที่ต้องเพ้นท์เป็นภาพ กิเลน เพราะ kirin (คีริน) แปลว่า กิเลน เป็นความลับที่ซ่อนอยู่ เบื้องหน้าเป็นนักร้องเสียงใส เบื้องหลังเป็นนักฆ่ามือฉกาจ เราเลือกแบบสวยๆ มาเพ้นท์ โดยดูภาพจากมือถือ ก็เป็นภาพที่สวยครับ" ฟากสาวโรสก็เผยความรู้สึกที่ผู้กำกับฯ ลงมือเพ้นท์ กิเลน ซึ่งเป็นครั้งแรกของเธอว่า

          "รู้สึกปลื้มมาก ผู้กำกับฯ เก่งสุดๆ ทั้งแสดงเอง ทั้งเป็นสตั๊นให้โรสด้วย และยังเพ้นท์ภาพ กิเลน ให้โรสอีก ที่สำคัญสอนเรื่องการแสดงให้โรส ซึ่งโรสเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งพอเห็นภาพที่เพ้นท์ โห...สวยมากกกก อยากให้รอเพ้นท์อยู่นานๆ เลยค่ะ"
ติดตามชมบทบาทการเป็น "นักฆ่า" ของสาวโรสได้ในละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 18, 2015, 02:18:49 PM
เซฟฟานี ใจเด็ด!! ขับมอเตอร์ไซด์ไล่ล่าคนร้ายใน “เพลิงตะวัน”





          ออกอากาศไม่กี่สัปดาห์ก็ได้เสียงตอบรับอย่างท่วมท้น หลายคนชื่นชมในฝีมือการแสดงของนางเอกใหม่ไฟแรง เซฟฟานี อาวะนิค ที่เล่นคาแร็กเตอร์หญิงสาวที่ถูกทำร้ายปางตายและสาวความจำเสื่อมในละครแอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้น "เพลิงตะวัน" ค่ายดูมันดี ได้อย่างดีเยี่ยม แถมลีลาการพะบู๊ก็ไม่เป็นรองใคร ซึ่งเธออาจจะขึ้นแท่นเป็น "ราชินีนักบู๊" ของวงการไทยอีกคนก็เป็นได้

          ไม่ได้อวยกันเอง แต่เรามีเบื้องหลังละคร "เพลิงตะวัน" มาฝากกันด้วย ซึ่งเป็นฉากที่ สาวเซฟ จะต้องขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ล่าคนร้ายที่มาทำร้ายเธอ แต่พลาดไปโดน "ธงไทย" (เอส กันพงศ์) ทำเอาราชินีนักบู๊เลือดขึ้นหน้า ตามไล่ล่าคนร้ายแบบไม่ลดละ และด้วยความสามารถของ "นักฆ่า" ทำให้เธอสามารถกำจัดคนร้าย 1 คน ได้สำเร็จ ส่วนอีกคนกลับขับรถหนีไปแบบสุดชีวิต

          ฉากนี้ผู้กำกับฯ วูธ-อัษฎาวุธ ใช้ทุ่งทานตะวัน ละแวกจ.ลพบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเซ็ทฉากที่สาวเซฟขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ล่าคนร้าย โดยเก็บภาพหลายๆ ช๊อต ซึ่งให้เห็นความสวยงามของทุ่งทานตะวัน และความเท่ของสาวเซฟในบท "นักฆ่า" ที่เรียกได้ว่าหน้าสวยของเธอกลับกลายเป็นหน้าที่โหดเลยล่ะ!!!

          ติดตามชมฉากไล่ล่าฉากนี้ได้ในละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" ออกอากาศในวันอังคารที่ 22 กันยายน 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 18, 2015, 02:22:37 PM
เซฟ-เซฟฟานี่ ปลื้มกระแสละครดี ดีกรีนางเอกมาแรง ส่งกำลังใจ มิสทีน ไทยแลนด์ 2015 บาย ชาเม่ คอลลาเจน



           ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ความแรงของ "เซฟ-เซฟฟานี่ อาวะนิค" มิสทีน ไทยแลนด์ 2009 กำลังมาแรงสุดๆ เพราะตอนนี้ละครเรื่อง เพลิงตะวัน ไม่เพียงมีเรตติ้งที่ดีเท่านั้น แต่ด้วยฝีมือการแสดงที่พัฒนาขึ้นอย่างมากของ "เซฟ" ทำให้ใครต่อใครต่างอินกันทั่วบ้านทั่วเมือง รวมทั้งงานโฆษณาเครื่องสำอางแบรนด์ดังมิสทีน ล่าสุดได้มีโอกาสเจอ "เซฟ" คิวทองคนนึงของวงการบันเทิงก็ว่าได้ เพราะ "เซฟ" เทเวลาให้กับทั้งเรื่องงานแสดงและเรื่องเรียนแบบชนิดที่ไม่ให้เสียทั้งสองอย่าง วันนี้มาอัพเดทเรื่องราวต่างๆ ของ "เซฟ" กันสักหน่อย
          อัพเดทผลงานที่ผ่านมา
          นอนนี้มีละครเรื่อง​เพลิง​ตะวัน​ มีงานอีเว้นท์ แล้วก็มีโฆษณา​ของ​เครื่อง​สำอาง​มีสทีน​ค่ะ

          อยากให้เล่าถึงละครเรื่องล่าสุด เพลิงตะวัน
          ล่าสุด​เพลิงตะวัน​ มี2 คาเรคเตอร์ คือ​ ปรางทองเป็นนักฆ่าที่โหดร้ายมาก​ ส่วน​ตะวัน​ก็คือปรางทองคะ แต่เสียความสรงจำจากการโดนทำร้ายอย่างหนักแล้วก็ถูกดูแลมาจากพระเอกและครอบครัว​ เป็นคนดี​ เรียบร้อย​ มีแต่คนรัก​ ขยัน​และอ่อนแอ​

          แบบนี้กังวลกับเรื่องงานแสดงไหม
          ยอมรับว่ามีกังวลและหนักใจเหมือนกันคะ เซฟทำการบ้านมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยคะ เพราะอยากแสดงให้ดีที่สุดให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่

          กระแสตอบรับจากผลงานตอนนี้เป็นยังไง
          ถ้าเป็นละครเพลิงตะวันกระแสละครดีมากค่ะ ดีใจมากที่ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ละครทุกคนดีขนาดนี้ หายเหนื่อยเลยก็ว่าได้คะ เพราะบทมีความซับซ้อนกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา ส่วนโฆษณาลิปสติกมิสทีน กระแสดีค่ะ ไปไหนมาไหนถ้ามีคนจำได้ ​ หลายๆคนบอกว่าสวยมากๆเลย​ค่ะ

          มีทั้งงานละคร งานถ่ายแบบ งานอีเว้น แบ่งเวลายังไงบ้าง
          เรื่องการแบ่งเวลา​ก็ไม่ได้ง่ายเลยค่ะตอนนี้ เพราะเซฟเรียนหนักมากกว่าเดิม ตอนนี้อยู่ปี 4 คณะวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ม.มหิดล อินเตอร์ ซึ่งวิชาที่ลงจะมีเข้าแล็ป และบางวิชาทำวิจัยเป็นกลุ่ม บางวิชาเป็นวิชาบังคับ ก็จะรับงานที่ไม่กระทบกับการเรียน​เลย​ อาจจะเป็นหลังเลิกเรียน​หรือก่อนไปเรียน แต่เซฟก็พยายาม​จัดตาราง​เรียนให้พอมีเวลาทำงานค่ะ

          เซฟมีงานละครหลายเรื่อง บทไหนที่เล่นยากที่สุด
          บทที่เล่นยากสุดตอนนี้ก็เรื่อง​เพลิงตะวันค่ะ​ คือเรื่องนี้เราต้องทำได้หลายอย่าง​ ตัวละครปรางทองคือต้องเก่งมาก​ เก่งทุกอย่าง​ เช่นยิงปืน​ ต่อสู้​ ขับมอไซ​ และอีกหลายอย่าง​ รวม​ถึงการแสดง​อารมณ์​โหดร้ายทางสายตา​ ความแค้น​ในสายตา​ และการฆ่าคนร้ายแบบเลือด​เย็น​

          สำหรับเซฟแล้วคิดว่าอะไรทำให้เรามามีงานแสดงอย่างต่อเนื่อง ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ
          เซฟต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่ได้ให้โอกาสเซฟมีวันนี้ ทั้งทางช่อง 7, กองประกวด มิสทีน ไทยแลนด์, เครื่องสำอางมิสทีนที่คัดเลือกให้เซฟมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พี่ๆ สื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุน เซฟคิดว่าความตั้งใจและความอดทนคะ ​ ทุกๆอย่างเซฟตั้งใจทำอย่างเต็มที่ เราอยากให้ผลงานออกมาดีเราก็ตั้งใจและมีความพยายาม​ที่จะทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ​ ความอดทนก็สำคัญ​เพราะงานแสดง งานถ่ายแบบ งานเดินแบบ ทุกๆ อย่างในวงการบันเทิง ไม่ได้ง่ายๆเลย​

          กับวันนี้ที่ เซฟ มีงานในวงการบันเทิงทั้งงานละคร ถ่ายแบบ เดินแบบ รู้สึกยังไงบ้าง
          จริงๆเซฟดีใจมากๆ แล้วที่ได้เป็น มิสทีน ไทยแลนด์ 2009 ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาถึงจุดนี้​ ซึ่งเซฟก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ในทุก ๆเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรียนงานแสดง งานถ่ายแบบ และทุกๆ อย่างในวงการบันเทิงที่เซฟได้รับโอกาส โดยเซฟจะทำแต่ละวันของวันนี้ให้ดีที่สุด ให้เต็มความสามารถคะ​

          วงการบันเทิงมีนักแสดงหน้าใหม่เยอะ เซฟ กังวลไหมว่า เด็กใหม่ๆจะเข้ามาแทนที่
          ไม่กังวลเลยค่ะ​ เพราะเซฟคิดว่าไม่มีใครแทนใครได้ค่ะ​ วงการนี้ไม่ได้จำกัดที่ เพราะฉะนั้น​ทุกคนมีที่ยืนของตัวเองได้​ ไม่ต้องไปยืนแทนที่ใครค่ะ​

          ตอนนี้เรื่องภาษาไทยเป็นยังไงบ้าง และเวลาที่ไม่เข้าใจ เซฟแก้ไขยังไงบ้าง
          ภาษาตอนนี้ถือว่าดีขึ้นเยอะเลยค่ะ​ มีแต่คนชมว่าพูดชัดขึ้นเยอะเลย ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็จะถามคุณ​แม่ตลอดค่ะ

          ตอนนี้มิสทีน ไทยแลนด์ 2015 บาย ชาแม่ คอลลาเจน ได้เริ่มรับสมัครแล้ว อยากให้เซฟ ให้คำแนะนำน้องๆ
          เซฟต้องบอกก่อนเลยว่าเวที มิสทีน ไทยแลนด์ ให้โอกาสและประสบการณ์​กับเซฟเยอะมาก​ และเซฟได้เรียน​รู้หลายๆย่างจากเวทีนี้​ อยากให้น้องๆหลายๆคนมาหาประสบการณ์​ค่ะ​ ช่วงเวลา15-18 มันไปไวมากค่ะ​ ถ้าใครมีความฝันอยากเป็นนักแสดง​หรือนางแบบ​เวทีนี้จะช่วยเราไปถึงจุดนั้นได้ค่ะ​ อยากจะแนะนำน้องๆให้มาด้วยรอยยิ้มค่ะ อยากให้น้องๆตั้งใจ​ แล้วก็ให้มีความเชื่อมั่น​ในตัวเอง​ มั่นใจ​ว่าเราทำได้​ แล้วเราจะทำออกมาดีค่ะ​ เป็นตัวของตัวเอง

          ฝากผลงานถึงแฟนละครที่ติดตามและให้กำลังใจเซฟหน่อย
          ขอบคุณแฟนๆทุกคนที่ติดตามและให้กำลังใจเซฟมาตลอด เซฟอยากฝากผลงานของเซฟด้วยนะคะ เรื่องเพลิง​ตะวัน​ ทางช่อง7 ค่า​ ตอนนี้ก็กำลังถ่ายอีกสองเรื่อง​ค่ะ​ เรื่อง​ไฟรักเกมร้อง​ กับ​ ทะเลไฟ​ หน้าจะออกอากาศปีหน้า​ ยังไงก็ฝากผลงานทุกชิ้นของเซฟด้วยค่ะ

          สาววัยทีนห้ามพลาด! มิสทีน ไทยแลนด์ 2015 บาย ชาเม่ คอลลาเจน เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป-วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2558 ดูรายละเอียดการสมัครและรอบคัดเลือกได้ทาง เว็บไซต์ www.missteenthailand.com หรือโทร 02-508-3366-7, 087-324-5096
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 23, 2015, 02:55:06 PM
เอส กันตพงศ์’ นำทีมนักแสดง เพลิงตะวัน’ บุกตลาดน้ำคลองลัดมะยม



          ช่อง 7 สี ขอเอาใจแฟนละคร แบบถึงใจ ถึงอารมณ์ จัดเหล่านักแสดงจากละครเรื่อง 'เพลิงตะวัน' นำโดยพระเอกตาคม เอส กันตพงศ์ บุกตลาดน้ำคลองลัดมะยม พบปะแฟนๆ พร้อมชวนลุ้นของที่ระลึกจากนักแสดงนำอย่างใกล้ชิด งานนี้ได้กรี๊ดกันคอแตกแน่นอน เพราะหนุ่ม เอส กันตพงศ์ แอบบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ แต่จะเป็นอะไร ต้องตามไปเจอกันที่ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ในวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน นี้ เวลา 10.30 น. ห้ามพลาด
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 23, 2015, 03:01:09 PM
วุธ-อัษฎาวุธ เหลืออด!!! พลั้งมือฟาดหน้า “เซฟฟานี” ในละคร “เพลิงตะวัน”





           เรื่องราวของละครแอ็คชั่นดราม่า "เพลิงตะวัน" กำลังสนุกสนานเข้มข้น ชวนติดตาม และลุ้นกันทุกซีน ทำเอา ฟีดแบ็กของละครเรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันมาก โดยเฉพาะนางเอกสาวไฟแรง เซฟฟานี อาวะนิค ที่สวมบทสองคาแร็กเตอร์ได้ชัดเจน และน่าทึ่งมากๆ

           ล่าสุดเรามีฉากเบื้องหลังมาฝากกันค่ะ เป็นฉากย้อนอดีตในงานเลี้ยงหรูแห่งหนึ่ง ที่ นันทวัฒน์ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร)พา ปรางค์ทอง (เซฟฟานี อาวะนิค) มาร่วมงานด้วย ซึ่งเธอไม่ค่อยเต็มใจนัก ภายในงานมี นันทา (เดือนเต็ม สาลิตุลย์) ทนายทนงศักดิ์ (มาฬิศร์ เชยโสภณ) มาร่วมงานด้วย โดย ปรางค์ทอง นั้นไม่ค่อยถูกกับแม่สามีสักเท่าไหร่ ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ปรางค์ทอง พูดจาล่วงเกิน นันทา จน นันทวัฒน์ ทนไม่ได้ ต้องสั่งหยุด แต่ทว่า ปรางค์ทอง ไม่ฟัง จึงสะบัดมือไปโดนหน้า ปรางค์ทอง ทำให้ ปรางค์ทอง โกรธมาก และเดินหนีออกไปจากงาน นันทวัฒน์ จะเดินตามไป เพราะคิดว่าตัวเองทำรุนแรงเกินไป แต่ถูก นันทา รั้งตัวเอาไว้

          ฉากนี้ผู้กำกับฯ วุธ ใช้พื้นที่โรงแรมเรดิสันบลู แถวสุขุมวิท เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเซ็ทฉากเป็นงานเลี้ยงหรู หลังจากซักซ้อมบทพูด และตำแหน่งการยืนของนักแสดงแล้ว เจ้าตัวก็สั่งเคลื่อนกล้อง ฉากนี้ค่อนข้างดราม่า บรรยากาศในการถ่ายทำจึงค่อนข้างเงียบกริบ เมื่อสั่งคัท หนุ่มวุธรีบไปดูมอนิเตอร์ และให้ทีมงาน insert แต่ละมุม เพื่อความสวยงามของภาพ

          ติดตามชมฉากนี้ได้ในละคร "เพลิงตะวัน" ในวันอังคารที่ 22 กันยายน 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี เพราะเรา"คัดแล้วคัดอีก"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 24, 2015, 07:56:05 AM
คุยกับ “นักฆ่าคีริน” โรส-ศิรินทิพย์ เผยติดใจงานแสดงเข้าให้แล้ว





           นอกจากจะทำหน้าที่เป็น "นักร้องเสียงคุณภาพ" ให้แฟนๆ ได้ฟังกันแล้ว ล่าสุด โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ นักร้องสาวเจ้าของบทเพลงฮิต "ก้อนหินก้อนนั้น" ก็ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเต็มตัวในละครเรื่องแรก "เพลิงตะวัน" ให้กับค่ายดูมันดี โดยมีผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร รับหน้าที่เจียระไนให้สาวโรสมารับบท "นักฆ่าคีริน" นักฆ่ามือฉมังที่เบื้องหน้าเป็นนักร้องตามผับ แต่เบื้องหลังคือ นักฆ่าสาวฝีมือดีที่เหี้ยมโหดสุดๆ
          วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวโรส ที่ดูเหมือนว่าเธอจะชื่นชอบการแสดงเข้าให้แล้ว ด้วยเหตุผลในเรื่องของความท้าทาย ความสนุก และที่สำคัญเป็นการทำงานที่ได้เปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ
@คิดอย่างไรถึงมารับงานแสดง
          ก่อนหน้าที่จะได้แสดงละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" โรสเคยแสดงซิทคอมสั้นๆ "เลิฟ ออน แอร์" มาก่อน ในบท "โรส-ศรินทิพย์" เล่นเป็นตัวเองเลย ซึ่งที่ผ่านมาโรสอยากเล่นละครมานานแล้ว รู้สึกว่ามันน่าจะสนุกดี โรสคิดว่าการเป็นนักร้องหรือเป็นนักแสดงมันจะมีความเหมือนกันตรงที่เราต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง อย่างการร้องเพลงที่เราไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แต่เราก็ต้องทำให้ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาให้เขารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร นักแสดงก็ดูจะไม่ต่างกัน โรสจึงอยากลองเรื่องการแสดงบ้าง ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ทางของเราก็ได้หรือเล่นๆ ไปเราอาจสนุกเหมือนกับการร้องเพลงก็ได้นะ
@แล้วมาเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไร
          ด้วยความคิดแบบนี้ ที่ผ่านมาก็พูดมานาน แถมพูดกับพี่ๆ นักข่าวด้วยว่า อยากลองเล่นละครดูบ้างบ่อยมาก แต่ด้วยความที่โรสเป็นคนชอบพูดเล่น บางทีก็เล่นมุข คนเลยอาจคิดว่าพูดเล่นมั้ง จนกระทั่งมาเจอ พี่อิน บูโดกัน ในงานหนึ่ง พี่เขาก็พูดถึงเรื่องเล่นละคร โรสก็บอกพี่เขาไปว่าอยากเล่นละครเหมือนกัน พี่อินก็ถามว่านี่พูดจริงหรือเปล่า โรสก็บอกว่าจริงสิ... พี่อินเลยบอกว่าเดี๋ยวบอก พี่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ให้ หลังจากนั้นไม่นาน พี่วุธ ก็ติดต่อมาว่าอยากให้รับบท "นักฆ่า" ฟังทีแรกก็ตกใจเหมือนกันว่า เราเนี่ยนะจะเป็นนักฆ่า แต่คิดว่าพี่เขาคงเห็นอะไรในตัวเรา อีกทั้งคงอยากให้โอกาส โรสก็คิดว่ามันน่าลองนะเลยตอบรับเล่นทันทีแม้ตอนนั้นรับรู้แค่รับบทเป็นนักฆ่าสาวโหดเหี้ยมเท่านั้น หลังจากนั้นพอได้อ่านบทถึงได้รู้ว่า โรสรับบท "คีริน" เป็นตัวละครที่ไม่ได้เป็นแค่นักฆ่าโหดเหี้ยมเพียงด้านเดียวแต่ยังมีมุมเป็นคนกตัญญู รักครอบครัว ในเรื่องมีการตัดสินใจเลิกเป็นนักฆ่าแล้ว แต่ก็มีเหตุจำเป็นทำเพื่อแม่ จึงทำให้ต้องกลับมาทำอีกมีมุมต้องเล่นดราม่าด้วย
@ก่อนการแสดงมีการเตรียมตัวอะไรบ้างมั้ย
          ก็พยายามกินให้น้อยลง เพราะโรสปกติจะกินเก่งแล้วจะอ้วน นอกจากนี้ก็หันมาออกกำลังกายมากขึ้น เหตุผลก็เพราะโรสเป็นคนที่ไม่ค่อยทะมัดทะแมง คล่องแคล่ว ซึ่งในเรื่องมันต้องมีแสดงแอ็คชั่นด้วย โรสก็เลยต้องออกกำลังกายให้ตัวเองเฟิร์มคล่องตัวมากขึ้น แล้วก็หาหนังพวกตำรวจ หนังแอ็คชั่นมาดูเยอะมาก มีศึกษาเลียนแบบท่าทางบ้าง
@ในเรื่องต้องไว้ผมยาวด้วย
          ใช่ คือในตอนแรกที่เป็นนักฆ่า โรสก็จะไว้ผมสั้นคือผมเรานี่แหละ แต่พอวางมือไม่ได้เป็นนักฆ่า พี่วุธ ก็อยากให้มีความต่างบ้างเหมือนเราเปลี่ยนไป ก็เลยอยากให้ผมยาว โรสเลยต้องต่อผ มซึ่งออกมาดูเนียนเชียวเหมือนธรรมชาติมาก แต่พอตอนหลังกลับมาเป็นนักฆ่าอีกโรสก็กลับมาตัดผมสั้นอีกครั้งก็เอาผมที่ต่อออก ซึ่งฉากตอนไว้ผมยาวโรสก็เคยไว้ผมยาวมาก่อนก็เลยดูไม่แปลกอะไร แต่ถ้าถามว่าจะกลับไปไว้ผมยาวอีกมั้ย ก็คงจะไม่เพราะโรสไว้ผมสั้นมา 2-3 ปีได้ มันรู้สึกสบายมาก เพราะโรสเป็นคนที่ผมหนามาก ตอนไว้ผมยาวเวลาสระผมๆ จะแห้งช้า เป่าไดร์วนานมาก แต่พอมาไว้ผมสั้นประหยัดทั้งแชมพู ประหยัดทั้งเวลา เวลารีบๆ สระผมไม่ต้องไดร์วเลย ปล่อยแปปเดียวก็แห้งแล้ว เลยชอบไว้ผมสั้นมากกว่าแล้ว
@เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องหัวของโรสด้วย คืออะไร
          ปกติโรสจะเป็นคนที่หัวโตมาก แถมยังหัวทุยอีก แล้วในเรื่องตอนฉากที่ต้องต่อผมจะใช้กิ๊ฟหนีบกับผมจริงของเรา โดยปกติมันก็จะเจ็บอยู่แล้ว พอมาเจอฉากตอนเป็นนักฆ่าต้องใส่หมวกกันน็อคยิ่งลำบากใหญ่ ซึ่งในประเทศไทยหาหมวกไซส์โรสได้ยากมาก จำได้ว่าวันที่ไปถ่ายทีเซอร์หมวกกันน็อคที่เตรียมมาใส่ได้แค่ครึ่งหัว หลังจากนั้นพี่วุธต้องไปหาไซส์ใหม่ได้ไซส์ XXL มาให้ ซึ่งมันก็ใหญ่มากแล้ว แต่โรสก็ยังคับอยู่จากเดิมตอนใส่หมวกหัวเราก็เจ็บอยู่แล้ว แล้วตอนมาเจอกิ๊ฟที่หนีบผมเราอีก โอ้โห...มันเจ็บทรมานมาก แต่ต้องทนเพราะหาหมวกไซส์ใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้ว เพื่อนสนิทโรสจะรู้ว่าหมวกธรรมดาใส่ไม่ได้เลย ความที่หัวโตมาก
@ความรู้สึกที่ได้เข้าฉากวันแรก
          โอ้โห...เกร็งมาก วันแรกที่ถ่ายโชคดีเป็นซีนง่ายๆ ไม่ยาก ยังไม่มีซีนอารมณ์ อย่างเช่น ซีนแรกที่ถ่ายเป็นซีนหาแม่ไม่เจอ คือแม่ไปขายหมูปิ้งแล้วเหมือนมีคนเอาเปรียบแม่ พระเอกนางเอกมาช่วยไว้ แล้วพากลับบ้านความที่มันผิดเวลา เราก็เลยเป็นห่วง เป็นซีนง่ายๆ แต่ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก ความที่เป็นละครเรื่องแรกที่แสดงแบบเต็มๆ เรื่องแอ็คติ้งก็ไม่เคยเรียน สิ่งที่กลัวมากที่สุดก็คือทำให้ทุกคนเสียเวลา อีกทั้งบทก็เพิ่งได้ตอนเช้าวันนั้นเลย มันก็เลยยิ่งทำให้เราไม่ได้ศึกษาบททำการบ้านทำความเข้าใจตัวละครมาก่อน ซึ่งก็เข้าใจนะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ประพันธ์มา มันเป็นการเขียนบทขึ้นมามันก็เลยได้วันต่อวัน หรือบางทีก็ล่วงหน้าแค่วันสองวัน เพราะต้องนั่งเขียนใหม่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้บทตอนเช้าทุกเช้าก่อนที่จะถ่ายมันก็เลยทำให้เรายิ่งเกร็งมากกลัวทำให้เสียเวลากัน
@ฉากไหนที่เล่นมาแล้วยากที่สุด
          ฉากขี่มอเตอร์ไซด์ยากที่สุด คือขี่ไม่เป็นไม่เคยขี่ ถ้าเป็นออโต้แค่บิดแล้วไปได้นะ แต่นี่เป็นมอเตอร์ไซด์ผู้ชาย ซึ่งการใส่เกียร์ การปล่อยครัช แล้วบิดเพื่อให้ไปแล้วมันไม่ให้ดับ มันเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนมันก็เลยค่อนข้างยาก แล้วรู้สึกตลกมาก เพราะเราต้องทำหน้าว่าขี่เป็นพอนำ 5-4-3-2 ขับออกไป แทนที่จะวิ่งมันก็จะดับเป็นอย่างนี้หลายครั้งจนรู้สึกว่าเป็นฉากที่ยากที่สุด กว่าจะออกมาอย่างภาพในละคร โรสต้องขี่ซ้อมหลายรอบก่อนถ่ายแล้วเวลาถ่ายโรสก็จะขี่ไปอย่างช้าๆ นะ
@เรื่องของแอ็คติ้งไม่มียากเลยหรือ
          ถ้ายากก็พวกซีนอารมณ์ ร้องไห้นะ..
@แต่ทีมงานชมกันเยอะว่าโรสเล่นซีนร้องไห้เก่ง คิดอะไรน้ำตาถึงไหล
          โรสคิดถึงว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ แล้วเกิดเรื่องขึ้นแบบนั้นจริงๆ อย่างซีนแรกที่ต้องร้องให้ พี่เอ๋ (ปิยะธิดา เพ็ญจินดา) ที่รับบทแม่ก็ช่วยส่งอารมณ์ให้มาดีด้วย คือเราเหมือนเสาหลักครอบครัวอุตส่าห์ทำงานเก็บเงิน เพื่อมารักษาตาแม่ แต่น้องสาวเป็นคนเกเรมาขโมยเงินเอาไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่ตัวเองอยากได้ เราโมโหมากก็เลยตบน้อง ทั้งๆ ที่เราก็รักน้องนะ แต่เราโกรธเพราะงานที่เราทำอยู่ก็ไม่ได้เงินเยอะ ซึ่งกว่าจะเก็บเงินได้มันต้องใช้เวลานาน แม่ก็เข้ามาเห็นด้วยความที่เขารักลูกและรู้ว่าน้องเกเรก็เลยจะห่วงมาก เมื่อมาเห็นเราตบน้องเลยปกป้องเราก็บอกไปว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็กลับบอกว่าน้องเขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไปสิ...เราก็เลยถามว่าแม่ไม่อยากมองเห็นหรือนี่เป็นเงินที่เก็บไว้ให้แม่นะ...แม่ก็ตอบว่า ...จะมองเห็นไปทำไม มองเห็นแล้วมาเห็นพี่น้องทะเลาะกันแบบนี้ แม่มองไม่เห็นดีกว่า...พอเราได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกว่าแม่ไม่แคร์ตัวเองเลย ทั้งๆ ที่เราก็รักเขาแต่แม่ก็ยังพูดแบบนี้กับเรา คิดแล้วก็รู้สึกเสียใจน้ำตาไหลออกมาเลย ปกติโรสเป็นคนเซ้นสิทีฟดูหนังเศร้าๆ ยังร้องไห้เลยเป็นคนที่อินมาก พอมาเล่นละครพอเจอบทดราม่าก็รู้สึกอินไปกับบททุกครั้ง โรสมองว่าถ้าเวลาแสดงแล้วเราไปคิดถึงเรื่องอื่นมันไม่ถูก ซึ่งโรสเคยอ่านบทสัมภาษณ์เขาบอกว่า ถ้าจะเล่นบทร้องไห้ให้คิดถึงเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิต แต่โรสคิดว่าพอเข้าฉากก็ร้องไห้ได้แปปเดียวมันก็คงจะหยุด เพราะมันคนละเรื่องกับที่เราแสดงอยู่ ฉะนั้นเวลาแสดงโรสจะคิดและทำความเข้าใจไปแล้วคิดว่าต้องร้องไห้หรือเปล่า ถ้าต้องร้องมันก็จะไหลออกมาเองแต่ถ้าคิดแล้วไม่ต้องร้องมันก็ไม่ร้อง โรสคิดว่าเราต้องรู้สึกอย่างนี้จริงๆ
@ ผู้กำกับฯ ได้พูดถึงเรื่องการแสดงของโรสมั้ย ว่าเป็นไงบ้าง
          ก็ไม่รู้ว่าพี่วุธ จะชมเป็นมารยาทหรือเปล่า พี่เค้าบอกว่าเก่งค่ะ ซึ่งตอนแสดงพี่วุธก็ไม่ค่อยจี้ในจุดไหนของโรสมากนะ แรกๆ ก็กลัวนิดนึง เพราะมีคนบอกว่า พี่วุธดุนะ...ค่อนข้างเป็นคนซีเรียส ก็เลยทำให้กังวลเหมือนกัน แต่พอมาแสดงพี่วุธก็เป็นคนใจดีมาก จะคอยเน้นบอกในเรื่องของอารมณ์ว่าให้เรามองไปตรงนี้นะแล้วจะต้องรู้สึกแบบนี้ เราก็จะคอยคิดตาม...พี่วุธจะมาแนวสอนอธิบายมากกว่าไม่ได้ดุนะ
@ดูตัวเองตอนสวมบทนักฆ่าแล้วรู้สึกอย่างไร
          ตอนแสดงก็รู้สึกเขินนิดนึง ไม่รู้จะออกมายังไง แต่พอเล่นเสร็จแล้วไปดูมอนิเตอร์ก็รู้สึกชอบนะ เราสามารถทำได้ไม่แย่อย่างที่เราคิด เพราะยอมรับว่ากลัวมาก อย่างเล่นฉากแอ็คชั่นเราไม่เคยเรียน เตะต่อยก็มาเรียนที่หน้ากอง ฉากยิงปืนก็มาเรียนหน้ากอง มันก็ทำให้เรากังวลไปเหมือนกัน แต่เห็นภาพที่ออกมาก็รู้สึกดี
@ความรู้สึกกับเพื่อนนักแสดงที่ร่วมงาน
          ที่แสดงด้วยกันบ่อยๆ ก็มีแม่ , รัน (มิ้นท์ กุญช์ภัสส์ หรือ มิ้นท์ วงไทนี่จี) ที่เป็นน้องสาว แล้วก็ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) หลักๆ ก็มีแค่นี้ ซึ่งก็สนุกดีนะ แล้วงานนี้ก็เลยได้น้องสาวมาหนึ่งคนก็ มิ้นท์ นี่แหละ เป็นเด็กที่มีบุคลิกที่ใครเห็นก็อยากดูแลเห็นทุกคนพูดอย่างนี้ เพราะน้องตัวเล็กเจอครั้งแรกยังแซวว่าอายุสิบขวบเปล่า เวลาเข้าฉากด้วยกันกลัวน้องเจ็บ ซึ่งมีหลายฉาก อย่างฉากกระชากแขนน้องให้กลับบ้านก็กลัวแขนเขาจะหัก อย่างฉากตบก็กลัวน้องเขาจะเจ็บ แต่ความเป็นจริงแล้วน้องเขาเป็นคนที่อึดมาก เป็นเด็กที่บ้ากีฬาเอ็กสตรีมมากๆ ซึ่งก็ดีได้น้องมาเพิ่มหนึ่งคน ส่วนเซฟก็น่ารักนะ เงียบๆ ดูเป็นเด็กไม่ค่อยพูดจา ดูตาลอยๆ แต่พอสนิทกันเขาก็เริ่มเล่นด้วยนะ ส่วน เอส (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) ก็มีเข้าฉากกันด้วย คนนี้ชอบร้องเพลงมาก พอว่างก็จะให้เอากีตาร์มาเล่นกัน เป็นกองที่น่ารักมากนะ
@ตอนนี้เห็นว่าชอบการแสดงไปแล้ว
          ใช่ รู้สึกว่ามันสนุกดี ได้ทำอะไรที่ไม่ใช่เรา อย่างชีวิตประจำวันเราคงไม่ได้หยิบปืนมาวิ่งไล่ฆ่าคน แล้วก็ไปตบคนอะไรแบบนี้ เพราะนิสัยโรสตัวจริงจะเป็นคนตลกเฮฮา ชอบแหย่คนอื่นให้หัวเราะ คาแรคเตอร์แฮปปี้ ไม่มีมานั่งวีนเหวี่ยงใครให้คนไม่ชอบ พอได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำนอกจากสนุกแล้ว มันยังรู้สึกตัวเองเหมือนได้ปลดปล่อย ถ้าถามอยากเล่นบทแบบไหนอีกนึกไม่ออกหรอก แต่อยากดูว่าเขาจะให้เราเล่นบทอะไรมากกว่า เห็นอะไรในตัวเรา แล้วเราจะทำได้มั้ยมากกว่า
@ด้วยปกติบุคลิกโรสก็ดูเหมือนทอม ห้าวๆ พอมาสวมบทนักฆ่า ก็มีเสียงชมว่าเท่ห์ สาวๆ ดูจะชอบกัน โรสรู้สึกยังไง
          มันเป็นเรื่องปกติ เพราะตอนเป็นนักร้องแฟนคลับก็มีแต่สาวๆ แต่ผู้ชายชอบก็มี เพศที่สามก็มี เรียกว่ามีทุกเพศนะ ที่ผ่านมาเวลาทำอะไรก็ไม่เคยคิดว่าเราต้องมาคีบลุคส์เท่ห์ ขายผู้หญิงหรือให้ใครดู เราเป็นอะไรเราก็เป็นอย่างงั้นเป็นตัวของเราเอง ไม่เคยมองว่าคนที่มาชอบเราเพราะอะไร จริงๆ โรสก็พยายามสวยนะแต่สวยแล้วไม่เกิดก็ไม่ต้องสวยดีกว่า
@สุดท้ายอยากฝากอะไรกับการแสดงเรื่องแรกของตัวเองมั้ย
          ก็อยากให้ทุกคนช่วยติดตาม และติชมกันได้ ซึ่งโรสก็รู้ว่าการแสดงของตัวเองยังมีข้อผิดพลาดอยู่มากทีเดียว ก็หวังว่าคงจะไม่รำคราญตากันเกินไป แล้วก็ฝากนักแสดงทุกคนด้วย พร้อมทั้งขอขอบคุณพี่วุธที่ให้โอกาส หวังว่าแฟนๆ คงจะชอบตัวละคร คีริน และเพลิงตะวันกันนะคะ
          อย่าลืมติดตามชมบทบาทของสาวโรสได้ในละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ดูมันดี...เค้าจัดให้!!!
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 26, 2015, 01:53:16 PM
วุธ – อัษฎาวุธ’ สุดทึ่งฝีมือ เซฟฟานี่’ นางเอกดาวรุ่งช่อง 7 สี จากละคร เพลิงตะวัน’



          ผู้กำกับฯ และนักแสดงฝีมือดี 'วุธ – อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร' ผู้ผลิตละคร 'เพลิงตะวัน' สุดทึ่งในฝีไม้ลายมือการแสดงของนางเอกดาวรุ่งช่อง 7 สี 'เซฟฟานี่ อาวะนิค' จากบทบาทสุดท้าทายดีร้ายสุดขั้ว "ตะวัน-ปรางค์ทอง" ในละคร โรแมนติก ดราม่า 'เพลิงตะวัน' ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี กำลังทยอยปล่อยฉากเด็ดออกมาให้แฟนๆ ลุ้นตามหาตัวตนที่แท้จริงของตะวัน ผ่านฝีมือการแสดงของนางเอกดาวรุ่งช่อง 7 สี โดยผู้กำกับฯ หนุ่มเผยว่า

          "เรื่องนี้ต้องขอชื่นชมนางเอกของผมครับ ที่เล่นได้ใช่ เขาทำได้ดีมาก คือ 'ตะวัน' กับ 'ปรางค์ทอง' บุคลิกจะแตกต่างกันคนละขั้วเลย โดยคนดูจะเห็นถึงความแตกต่างของตัวละครได้ผ่านการสื่อสารจากแววตาที่คนดูจะเห็นได้เพียงชั่วขณะหนึ่งในฉากนั้นๆ จากตะวันกลายไปเป็นปรางค์ทองแล้วกลับไปเป็นตะวันคนเดิม โดยไม่ใช้คำพูดอธิบายอารมณ์ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าน้องเซฟฟานี่สามารถเข้าถึงบทบาทได้จริงๆ และเรื่องราวกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ อยากชวนให้แฟนๆ คอยลุ้น คอยเชียร์เรื่องราวความรักระหว่าง 'ธงไทย' กับ 'ตะวัน' ว่าจะสมหวังหรือไม่ และติดตามกันต่อไปจนถึงตอนจบเลยนะครับว่าปมต่างๆ จะคลี่คลายอย่างไร ใครคือคนสั่งฆ่าปรางค์ทอง แล้วตะวันจะกลับไปเป็นปรางค์ทองเพื่อค้นหาอดีตของตัวเอง หรืออยู่ที่ไร่กับธงไทยต่อไป ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ครับ"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on September 29, 2015, 03:37:48 PM
คุยกับนักร้องตัวเล็กแต่มากความสามารถ มิ้นท์-กุญช์ภัสส์ (มิ้นท์ ไทนี่จี) กับการแสดงเต็มตัวเรื่องแรก “เพลิงตะวัน”









          มิ้นท์-กุญช์ภัสส์ พรปวีณ์วรกุล นักร้องสาวไทยตัวเล็ก แต่มากความสามารถ หรือที่รู้จักกันในนาม มิ้นท์ ไทนี่จี หนึ่งในสมาชิกของสมาชิกวง Tiny-G เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของเกาหลี สังกัด GNG Production ที่ล่าสุดมาเอาดีด้านการแสดงแล้วในละคร "เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี โดยผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร เล็งเห็นความสามารถด้านการแสดง จึงส่งเทียบเชิญให้สาวมิ้นท์มารับบท "รัน" น้องสาวของ "คีริน" (โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์) เด็กสก๊อย ห้าวๆ กวนๆ วีนๆ วันๆ เอาแต่เที่ยว ช้อปปิ้ง ทั้งๆ ที่บ้านก็จนแต่ก็ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง...ที่เจ้าตัวบอกว่ารู้สึกขัดๆ กับตัวจริงยังไงก็ไม่รู้!!!
          เรามีโอกาสได้เจอสาวมิ้นท์ในกองละคร "เพลิงตะวัน" ย่านมีนบุรี ซึ่งเป็นฉากที่เจ้าตัวต้องเข้าฉากกับพี่สาว "คีริน" เมื่อมีเวลาว่างสาวมิ้นท์จึงปลีกตัวมาเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังว่า
          @เล่าชีวิตวัยเด็กหน่อยจ้ะ
          "มิ้นท์เป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆก็ซนตามประสาเด็กๆ แต่จะเป็นเด็กที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง ตั้งแต่อนุบาลแล้วจะตื่นเองแต่เช้าขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียนไม่มีงอแง เพราะมิ้นท์ชอบไปโรงเรียน เวลาไปโรงเรียนก็จะได้ทำกิจกรรมซึ่งมิ้นท์จะเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมมาก มีทั้งรำไทยแล้วก็เต้นซึ่งก็เต้นแบบเด็กๆค่ะ และเมื่อเห็นว่าลูกชอบเต้นก็เลยส่งให้ไปเรียนจริงจังตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ที่ครูสอนตอนนั้นก็เต้นแบบยังง่ายๆ เต้นเหมือนพวกหางเครื่อง แล้วก็สอนพวกเต้นแจ๊สค่ะ"
          จากการเรียนเต้นก็เลยทำให้ได้ทำงานกับพี่เบิร์ด ธงไชย
          "ใช่ค่ะ ตอนนั้นอายุ 11 ปีแต่ตัวยังเล็กมาก ได้เข้าไปออดิชั่นกับ ดีแดนซ์ ของแกรมมี่ ซึ่งหลังจากเต้นให้ดูผู้ใหญ่เขาก็ชอบ ก็เลยให้ไปเต้นเป็นแบ็คอัพแดนซ์เซอร์เริ่มจากอัลบั้ม เปิดฟอร์ล จากนั้นก็เต้นมาหลายคอนเสิร์ต ยอมรับว่าดีใจมากทั้งๆ เรายังเด็กอยู่เลย แต่ก็ได้ร่วมงานกับพี่เบิร์ด ซึ่งพี่เขานิสัยดีมาก แทคแคร์ดีมากกับแดนซ์เซอร์ทุกคนเลยไม่ว่าจะเป็นใคร ตอนซ้อมซื้อขนมมาให้ทานเยอะมาก พี่เบิร์ดน่ารักมากค่ะ"
          @แล้วจากจุดตรงนี้ทำให้คุณแม่ถึงกับเปิดโรงเรียนสอนเต้น
          "จริงๆ ในระหว่างที่ยังเป็นแดนซ์เซอร์ คุณแม่ก็เปิดโรงเรียนสอนเต้นควบไปด้วยเลย ถ้าเวลามิ้นท์ว่างก็จะมาช่วยสอนด้วย แล้วบางครั้งทางโรงเรียนส่งทีมประกวดเต้นคัฟเวอร์ เต้นฮิปฮอป ถ้าขาดคนมิ้นท์ก็จะร่วมลงเต้นประกวดด้วย"
          @แต่มาไกลขนาดได้ไปเป็นศิลปินที่เกาหลี
          "ผลจากการไปประกวดนี่แหละ งานนั้นเราเลือกประกวดเต้นฮิปฮอป พอดีกรรมการมีคนเกาหลีด้วย เขาเห็นเขาก็ชอบหลังประกวดเสร็จจำได้ว่าพวกเรานั่งกินส้มตำอยู่ เขาก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูปแล้วถามว่าร้องเพลงได้มั้ย เต้นแนวอื่นได้มั้ย ในวันนั้นงานเขาจัดที่ห้างเซ็นทรัลเวิร์ด ชั้นใต้ดินมีห้องอยู่เขาก็ขอให้มิ้นท์คนเดียวลงไปออดิชั่นเลย มิ้นท์ก็ร้องเพลงให้เขาฟังซึ่งมิ้นท์เคยเรียนร้องเพลงคอร์สสั้นๆ ก็เลยพอร้องได้ ตอนร้องก็เต้นประกอบนิดๆหน่อยไปด้วย เขาก็ถ่ายเป็นวีดีโอไปเลย เสร็จแล้วก็ขอเบอร์ติดต่อ มิ้นท์ก็งงนะตอนนั้น พอวันรุ่งขึ้นเขากลับเกาหลีถัดไปอีกวันเขาก็ติดต่อมาเลยว่าจะมาเกาหลีเมื่อไหร่เพราะงานนั้นทีมมิ้นท์ได้ที่ 1 ได้ตั๋วไป-กลับเกาหลี 1 ที่ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ในทีม เขาเสียสละให้มิ้นท์ไปเพราะบอสใหญ่ที่ GNG เขาอยากเห็นเราตัวจริงแล้วก็ร้องโชว์ให้ดูอีกครั้ง จำได้ว่าวันนั้นพอโชว์เสร็จกลับมาที่โรงแรมในคืนนั้นแม่ก็โทรถามเลยว่า เราได้มั้ย... เพราะตอนนั้นมิ้นท์ยังเรียนอยู่ม.3 แม่ก็เลยอยากรู้ไวๆเพราะจะได้วางแผน ถ้าไม่ได้ก็จะได้กลับเมืองไทย ปรากฏว่าเขาบอกว่าได้กลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่เกาหลีเลย เป็นอะไรที่เร็วมาก...ความที่แม่ชอบแม่ก็เลยสนับสนุนให้ทำเลย ส่วนมิ้นท์ตอนนั้นเฉยๆคิดว่าไม่ได้ก็กลับมาเรียนต่อ พอได้ชีวิตก็เลยเปลี่ยนในปีแรกๆ ก็ยังไป-กลับ เมืองไทย เกาหลีได้ จนเรียนจบม.6 หลังจากนั้นก็ต้องอยู่เกาหลียาวเลย แต่มิ้นท์ก็ลงเรียนต่อมหาลัยฯที่พิษณุโลก ทางอินเตอร์เน็ตนะ มีช่วงสอบบางครั้งก็กลับมาสอบด้วย แล้วในตอนนั้นมิ้นท์ก็ต้องเรียนภาษาเกาหลีควบไปด้วย ถามถึงคะแนนที่จบปริญญาตรีมาก็ปานกลางค่ะ หลังจากนั้นมิ้นท์ไปเรียนการเต้นที่มหาลัยฯเกาหลีหวังจะเอาปริญญาทางด้านนี้อีกหนึ่งใบ แต่ความที่มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ก็เลยทำให้ตอนนี้ดร็อปอยู่ค่ะ"
          @ทราบว่าใช้ชีวิตคนเดียวในเกาหลีเป็นไงบ้าง
          "ก็อยู่กับค่าย เขามีที่พักให้ อยู่กับเพื่อนๆ เกาหลี ที่บางคนบ้านอยู่ต่างจังหวัดเขาก็ต้องมาพักในโซลค่ะ ช่วงแรกๆ ที่พูดภาษาเกาหลีไม่ได้ภาษาที่ใช้กับเพื่อนๆจะเป็นภาษาใบ้มากกว่า เพราะเพื่อนๆพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แล้วตอนนั้นมีไอโฟนติดไปด้วยก็เลยใช้ google ช่วยแปล ซึ่งก็ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ พอเซ็นสัญญากับค่ายเสร็จโดยเป็นเวลา 7 ปี เขาก็ส่งเราเรียนภาษาจริงจังเลย มีการแบ่งตารางเรียน 9.00 น.-15.00 น. เรียนภาษาทุกวัน หลังจากนั้นก็มาเรียนซ้อมเต้นร้องกับเพื่อนๆ ทำแบบนี้หนึ่งปีเต็มๆซึ่งยอมรับว่ามิ้นท์ตั้งใจมากไม่เคยขาดเรียนเลย ซึ่งปกติถ้าจะสอบเข้ามหาลัยฯที่โน่นต้องเรียนถึงเลเวล 4 แต่มิ้นท์เรียนถึงเลเวล 6 เลย ยอมรับว่าเรียนเร็วมาก ความที่เราเรียนคนเดียวมันก็เลยผ่านเร็วมากค่ะ ทุกวันนี้ก็พูด อ่าน เขียนได้สบายค่ะ"
          พอเข้าปีที่สองเป็นปีที่ให้เราเรียนรู้ภาษาด้วยตัวเอง ส่วนค่ายก็ทำวีซ่าให้เราไม่ต้องกลับไทยแล้ว มีการปรับการเรียนใหม่เป็นเด็กเทรน วันจันทร์-ศุกร์ 10.00 น.-22.00 น. จะเรียนร้องเรียนเต้นทั้งวัน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะได้พัก แต่พอหลังๆมิ้นท์จับกลุ่มมีโปรเจค วันเสาร์ก็ต้องซ้อมกับกลุ่ม พอมีเพลงของตัวเองวันอาทิตย์ก็ต้องมาซ้อมกับเพื่อนๆวันหยุดก็หมดไป สำหรับมิ้นท์ใช้เวลาเตรียมตัวสองปีถึงได้เดบิวส์อัลบั้มค่ะ"
          @เกิดเป็น ไทนี่จี
          "ใช่ค่ะ เรามีสมาชิก 4 คน เกาหลี 3 คน ไทย 1 คน ค่ะ เพลงที่ออกมาสไตล์ฮิปฮอป แต่จะมีความน่ารักผสมเข้าไปด้วย เพราะพวกเราตัวเล็กกันหมด ถือเป็นศิลปินที่ตัวเล็กที่สุดของเกาหลีก็ได้ อัลบั้มที่ออกเป็นซิงเกิ้ลมาวันนี้มี 6 เพลงแล้ว เสียงตอบรับดีเกินคาด ทีแรกเราก็กังวลนะเพราะศิลปินหญิงเกาหลีส่วนมากก็สวยเซ็กซี่ สูงๆ กัน แต่เรามีแต่ตัวเล็กๆ ก็เลยไม่รู้ว่าคนจะชอบมั้ย แต่ปรากฏว่ามันเกินเป้าที่เราตั้งไว้ก็ยอมรับว่าดีใจมาก"
          @แล้วทำไมจู่ๆ บอกว่าจะมาออกอัลบั้มเดี่ยวล่ะ
          "พอดีสมาชิกในวงคนหนึ่งเขาขอเบรกไปเล่นหนัง ส่วนมิ้นท์เองก็อยากทำงานในเมืองไทยบ้าง มันมีโอกาสมิ้นท์ก็เลยเข้าไปคุยกับค่ายว่าอยากทำอัลบั้มเดี่ยวนะ เขาก็ใจดีมากเป็นบริษัทที่ดีมากบอกว่าถ้าอยากทำเขาก็อนุญาตนะ แม่มิ้นท์ก็เลยลงทุนเปิดค่ายเพลงกับคนเกาหลีชื่อ รีรัน มิวสิค ซึ่งก็ทำเพลงไป 2 เพลงแล้ว โดยยังคงเป็นเพลงแนวฮิปฮอปที่ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงการแต่งตัวก็จะโตขึ้น มีการเปลี่ยนลุคส์ใหม่ ก็ยอมรับว่ากดดันนิดๆเพราะตอนทำกับไทนี่จี มิ้นท์จะอยู่ในpart แร๊ฟ กับเต้น พอออกเดี่ยวเราก็ต้องทำหน้าที่ร้องมากขึ้น มันก็เลยต้องซ้อมหนักมาก เพราะเราต้องมีคุณภาพพอที่จะออกเดี่ยวได้นะ ซึ่งวางแผนไว้ว่าอัลบั้มน่าจะออกเร็วๆ นี้ค่ะ"
          @มาถึงเรื่องการแสดงละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" มาเริ่มได้อย่างไร
          "ได้มีโอกาสไปเจอพี่วุธ ในงานเลี้ยงปิดกล้องละคร พรายพยากรณ์ และเลี้ยงปีใหม่ของ ดูมันดีค่ะ มิ้นท์ก็บอกกับพี่วุธว่าอยากเล่นละคร พี่ก็เลยให้โอกาสรับบท "รัน" ในบทเหมือนเด็กสก๊อย ห้าวๆ กวนๆ วีนๆ วันๆ เอาแต่เที่ยว ช้อปปิ้ง ทั้งๆ ที่บ้านก็จนแต่ก็ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง...ซึ่งดูตัวเองในมอนิเตอร์ก็ขำตัวเองเพราะรู้สึกขัดๆ เพราะมันไม่ค่อยเหมือนตัวเรา แต่หลายๆคนก็บอกว่ามันไม่ได้แย่มากสำหรับเรื่องแรก ดูแล้วน่าหมั่นไส้ออก ฟังแล้วก็กลัวคนดูจะเกลียดเหมือนกันแต่มองในแง่ดีแสดงว่าเขาจำเราได้นะ"
          @เห็นว่าการแต่งตัวไม่ใช่แนวตัวเองเหมือนกัน
          "ค่ะ ในเรื่องมิ้นท์จะใส่เสื้อกล้าม กับกางเกงขาสั้นตลอด แต่ปกติมิ้นท์จะแต่งตัวสไตล์ฮิปฮอป แบบทอมบอยเหมือนเด็กผู้ชายมากกว่า พอมาเรื่องนี้ต้องแต่งตัวแบบนี้แรกๆก็รู้สึกแปลกๆแต่จะว่าไปก็เคยคิดอยากแต่งแบบนี้เหมือนกัน ก็ได้โอกาสแล้วค่ะ"
          @คิดว่าการแสดงยากหรือไม่
          "โอว ยากมาก โดยเฉพาะพวกซีนอารมณ์ร้องไห้ มิ้นท์ร้องไม่ได้ ก่อนเข้าฉากมิ้นท์ก็พยายามทำอารมณ์แล้วนะ แต่พอเข้าฉากมันก็รู้สึกกดดันมากกลัวจำบทไม่ได้ ทำอารมณ์ไม่ได้ พอยิ่งกลัวสุดท้ายน้ำตาหายไปเลย ทำให้ต้องเทคพยายามยังไงมันก็ยังทำไม่ได้ มิ้นท์ยอมรับว่ามันยากมาก เวลาดูละครแล้วนักแสดงสามารถเล่นให้คนดูร้องไห้ตามได้ยอมรับว่าทึ่งมาก เพราะมันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เลย"
          @ฉากที่คิดว่าตัวเองเล่นยากที่สุด
          "ฉากของมิ้นท์ที่เรียนจบรับปริญญา กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี แม่ดีใจมากร้องไห้หนักมาก แต่มิ้นท์น้ำตาไม่ไหลเลย ก็รู้สึกกับตัวเองนะว่าทำไมเราถึงทำไม่ได้ มันเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆ"
          ในเรื่องเป็นน้องของโรส ศรินทิพย์ ด้วย
          "เชื่อมั้ยว่ามิ้นท์ ชอบฟังเพลงพี่โรส พี่เขาเสียงดีมาก ซึ่งตอนเด็กๆ ฟังเพลงพี่โรส ก็คิดว่าพี่เขาคงเป็นคนขรึมๆ ที่อยู่กับตัวเอง โลกส่วนตัวสูงแน่ เพราะเพลงพี่เขามีแต่พูดถึงความรัก ที่ค่อนข้างเจ็บปวด...มิ้นท์ก็คิดว่าถ้าทักทาย" สวัสดีค่ะ" เสร็จแล้วพี่เขาคงจะนั่งฟังเพลงคนเดียว แต่ปรากฏว่าตรงข้ามหมดเลยเพราะตัวจริงเป็นคนอารมณ์ดีมาก ขึ้เล่นตลก มุกเยอะมาก ชอบแกล้งพูดสไตล์เกาหลี บางครั้งก็เลยมีติดเข้าฉากไปด้วย ซึ่งก็ดีบรรยากาศเฮฮามากทำให้ไม่เครียดเวลาเข้าฉากด้วยกัน เวลาไม่ได้ถ่ายละครมิ้นท์ก็ชวนพี่เขาไปเล่นเวคบอร์ด พี่เขาก็บ้าจี้ไปด้วย นอกจากนี้พี่เขาก็ยังให้คำแนะนำเรื่องร้องเพลง การใช้เสียง เรื่องของอารมณ์ในการสื่อออกมากับเพลง ซึ่งพี่เขาบอกว่าจะทำให้เพลงเราเพราะขึ้นได้นะ เป็นคนที่เฟรนลี่มากจริงๆ"
          @ผู้กำกับ วุธ อัษฎาวุธ ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง
          "พี่วุธก็จะคอยบอกว่าเราต้องแสดงยังไงเวลาเข้าฉาก แล้วบางครั้งเราพูดเร็วเกินไปเพราะติดแร๊ฟ พี่วุธก็จะเตือนให้พูดช้าหน่อย เพราะคนจะฟังไม่รู้เรื่อง แล้วอย่างฉากร้องไห้มิ้นท์เล่นไม่ได้ก็มีเฟลพี่วุธเห็นก็จะพยายามปลอบบอกว่าที่เล่นไปดีแล้วไม่เป็นไรหรอก ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นนะคะ"
          @ตอนนี้รู้สึกชอบการแสดงหรือยัง
          "ชอบค่ะ สนุกดี ถ้ามีโอกาสก็อยากแสดงอีก แล้วอยากพัฒนาทางด้านนี้ไปเรื่อยๆ นักแสดงที่ชอบหรือคะ ถ้านักแสดงไทยก็พี่อั้ม พัชราภา ค่ะ พี่เขาสวย ชอบคาแรคเตอร์พี่เขาในละครที่แสดงเกือบทุกเรื่องอยากเล่นคาแรคเตอร์แบบนั้นบ้าง ส่วนนักแสดงเกาหลีมิ้นท์ชอบ ฮาจีวอน เป็นนักแสดงที่ดูมีคาแรคเตอร์เหมือนกัน เวลาเล่นฉากบู๊ก็ดูออกมาดีเข้ากับเขามาก เพราะมิ้นท์เป็นคนชอบละครแนวแอ๊คชั่น ก็เลยอยากเล่นละครบทบู๊เตะต่อยบ้าง ได้กระโดดเตะเหมือนพี่จีจ้า...อะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้จะเล่นได้หรือเปล่า ถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นละครเกาหลีเหมือนกัน เมื่อก่อนรู้สึกว่ากลัวแต่เมื่อได้ลองก็รู้ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด ถ้าเราได้ฝึกมีการพัฒนามันก็จะทำได้ดีขึ้น"
          @มีตั้งเป้าหมายในการทำงานไว้อย่างไรบ้าง
          "ปีนี้มิ้นท์ก็อายุ 21 ปี ซึ่งบอกตรงๆไม่เคยเพราะเกรงว่าตั้งเป้าไว้ว่าภายในเวลานี้จะต้องเป็นแบบนี้นะ แล้วกลัวจะทำไม่ได้แล้วจะเฟล เพราะวงการนี้มันคาดการณ์ยากว่าจะต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงจะประสบความสำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้ ฉะนั้นมิ้นท์จึงตั้งใจว่าเราจะตั้งใจซ้อม ทำงานอะไรก็พยายามทำให้เต็มที่ แล้ววันหนึ่งชื่อเสียงความสำเร็จสูงสุด ถ้ามันจะมามันก็จะมาเองค่ะ"
          @สรุปว่าทุกวันนี้มิ้นท์ก็คงจะไปๆ มาๆระหว่างที่เกาหลี และที่เมืองไทย ใช่มั้ย
          "ใช่นะ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับงานด้วย แม้การทำงานที่เกาหลีจะดีแต่ยังไงนี่ก็บ้านเกิดเรา ถ้ามีงานมิ้นท์ก็กลับมาทำแน่นอน ต้องดูเป็นงานๆ ไปค่ะ"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on October 01, 2015, 01:27:03 PM
ชาวตลาดยิ้มแก้มแตก เอส กันตพงศ์’ นำทีมนักแสดง เพลิงตะวัน’ บุกตลาดน้ำคลองลัดมะยม พบปะแฟนๆ แจกดอกทานตะวัน ชวนลุ้นของรางวัล แบบใกล้ชิดติดขอบแผง









          ช่อง 7 สี เอาใจแฟนละคร แบบจัดหนัก จัดเต็ม ยกทัพเหล่านักแสดงจากละครเรื่อง 'เพลิงตะวัน' นำทีมโดย พระเอกแสนดี เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ นัท-อติรุจ สิงหอำพล เฟิร์น-ณัฐชยกานต์ ปากหวานและ โอ๊ต-สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์ บุกตลาดน้ำคลองลัดมะยม พบปะพูดคุยกับแฟนๆ แจกดอกทานตะวันเป็นที่ระลึก พร้อมชวนร่วมสนุกตอบคำถามลุ้นรับร่มลายดอกทานตะวันจากเหล่านักแสดงนำแบบใกล้ชิด ณ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา

          งานนี้ทำเอาชาวตลาดกรี๊ดกร๊าด อารมณ์ดี แฮปปี้กันสุดๆ เพราะได้พบกับดารานักแสดงในดวงใจ ทั้งเหล่านักแสดงเอง ก็ปลื้มอก ปลื้มใจ เดินไปตรงไหนมีแฟนๆ คอยให้กำลังใจกันอย่างล้นแน่น เท่านั้นยังไม่พอ แถมได้ของอร่อยจากแฟนๆ และเหล่าพ่อค้าแม่ขายติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเพียบ ด้านพระเอกหนุ่ม เอส- กันตพงศ์ เห็นกระแสละครดีขนาดนี้ ถึงกับยิ้มไม่หุบ พร้อมเผยว่า

          "รู้สึกดีใจที่ชาวตลาดน้ำคลองลัดมะยมให้การต้อนรับพวกเราดีมาก เหล่าพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกชื่อนักแสดงแต่ละคนเป็นชื่อตัวละครในเรื่อง เรียกผมว่า ธงไทย เรียกนัทว่า พิชิต เรียกเฟิร์นว่า จ๊ะจ๋า และเรียกโอ๊ตว่า พี่ไผ่ ยิ่งทำให้พวกเราปลื้มใจกันสุดๆ ไม่พอยังเอาของกินมาให้ทั้ง ไก่ทอด ส้มตำ ยำถั่วพู ปลาช่อนเผา ขนมเบื้องโบราณ เรียกได้ว่าทั้ง สนุก สุขใจ และอิ่มท้องไปในคราวเดียวกัน ยังไงก็ขอฝากละครเรื่อง 'เพลิงตะวัน' ด้วยนะครับ เรียกได้ว่ากำลังสนุกและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อาจได้เห็นผมในบทบู๊ ต่อสู้กับเหล่าหนุ่มๆ ของปรางค์ทอง และบทดราม่า ร้องไห้หนักๆ ที่ทั้งผมและพี่วุธ-อัษฏาวุธ ผู้กำกับฯ ตั้งใจปั้นให้ออกมาซึ้งกินใจที่สุด แล้วมาลุ้น และเชียร์เรื่องราวความรักระหว่าง 'ธงไทย' กับ 'ตะวัน' ว่าจะสมหวังหรือไม่ ใครคือคนสั่งฆ่าปรางค์ทอง แล้วตะวันจะกลับไปเป็นปรางค์ทองเพื่อค้นหาอดีตของตัวเอง หรืออยู่ที่ไร่กับธงไทยต่อไป ติดตามทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ครับ"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on October 11, 2015, 10:13:04 AM
“เพลิงตะวัน” ออกอากาศ 12-13 ต.ค.58





          ตอน 13 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
          ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พา นันทนา (อริษา วิลล์) มาบำบัดที่ไร่นวลตะวัน ตาท้วม (ค่อม ชวนชื่น) เอาสมุนไพรให้กิน ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) มาเห็นไม่พอใจ เพราะทุกคนรุมเอาใจนันทนากันหมด แม่นวล (ปุ๊ ปิยะมาศ) ชวน ตะวัน ไปคุยในไร่บอกให้ตะวันละความแค้น และมาอยู่ที่ไร่นวลตะวัน ตะวันไม่เชื่อ สะบัดมือจนแม่นวลล้มหัวฟาด ธงไทยพาแม่นวลส่งโรงพยาบาล และรู้ความจริงว่า แม่นวลเป็นโรคหัวใจ

          ตอน 14 ออกอากาศวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
          ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พา ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) หนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตที่หมู่บ้านกลางทะเล ซึ่งเป็นบ้านเก่าของตาท้วม (ค่อม ชวนชื่น) ที่นี่ตะวันได้เจอกับ ป้าเรียม (นักแสดงรับเชิญ) และ กลอย (น้องสิงห์ เหลืองสุนทร) เด็กสาวที่หมู่บ้านกลางทะเล ธงไทยและตะวันได้แต่งงานกันที่นี่ด้วยการผูกข้อมือ ทั้งสองเข้าหอด้วยกัน แต่ คีริน (โรส ศิรินทิพย์) ก็มาตามฆ่าตะวันถึงที่นี่
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on October 11, 2015, 10:14:59 AM
เลือดพ่อแรง!!! “น้องสิงห์” ลูกไม้หล่นใต้ต้น!!! รับบท “กลอย” ในละคร “เพลิงตะวัน”









          กำลังเข้มข้นได้ที่ แถมมีเซอร์ไพร้สเกือบทุกตอนทีเดียว สำหรับละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง "เพลิงตะวัน" ของผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ในนามบริษัท ดูมันดี จำกัด ที่นอกจากจะจับเอานักร้องเสียงสวย โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ มารับบท "นักฆ่าคีริน" ในละครเรื่องนี้แล้ว ล่าสุดหนุ่มวุธจับลูกสาวสุดหวง น้องสิงห์ เหลืองสุนทร มารับบท "กลอย" เด็กน้อยในหมู่บ้านกลางทะเล

          เรื่องราวของละครมาถึงจุดที่ ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พา ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) หนีความวุ่นวายในชีวิตมาอยู่ที่หมู่บ้านกลางทะเล ซึ่งเป็นบ้านเก่าของ ตาท้วม (ค่อม ชวนชื่น) มาใช้ชีวิตชาวเลแบบบ้านๆ ตะวันถุงผ้าซิ่น ธงไทยก็สวมกางเกงเลตามแบบฉบับหนุ่มชาวเล เรียกได้ว่าเปลี่ยนบรรยากาศกันเลยทีเดียว

          หนุ่มวุธ ผู้กำกับฯ พาทีมงานมาถ่ายทำที่รีสอร์ทปลายจันทร์ เซ็ทขึ้นเป็นหมู่บ้านกลางทะเล ในอ.บางชัน จ.จันทบุรี หลังจากเซ็ทเป็นบ้านพักของ ธงไทย และตะวัน แล้ว ทีมงานก็เริ่มถ่ายทำฉากต่างๆ ของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า หรือทำกับข้าว โดยฉากทำกับข้าวนี้มีนักแสดงรับเชิญอย่าง "น้องสิงห์" มาร่วมฉากด้วย โดยรับบท "กลอย" เด็กหญิงหน้าตาน่ารัก ลูกหลานชาวเลของป้าเรียม (นักแสดงรับเชิญ) นำปลามาให้ตะวันทำกับข้าว แต่ ปรางค์ทอง ในคราบตะวันนั้น มักจะแฝงตัวมาบ่อยๆ ระแวงคิดว่าจะมีคนมาทำร้าย เลยหยิบมีดทำกับข้าวจะทำร้าย "กลอย" ทำให้ กลอย กลัวรีบวิ่งไปหา ธงไทย

          ฉากนี้หนุ่มวุธบิ้วอารมณ์ให้ลูกสาวอยู่พักใหญ่ และสอนบทพูดด้วย น้องสิงห์ ก็เลือดแรงสามารถจำบทได้แม่น และแสดงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่กลัวมีดในมือสาวเซฟเลย ฟากคุณพ่อวุธก็ลุ้นอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ ฉากนี้ใช้เวลาถ่ายทำประมาณสองเทคก็ผ่านฉลุย หลังจากสั่งคัท น้องสิงห์ก็รีบวิ่งมาหาป๊า ป๊าชมว่า "เก่ง" และให้รางวัลด้วยการหอมแก้มหนึ่งฟอด!!! ทำเอา น้องสิงห์ ยิ้มแก้มปริเลยจ้า....

          ติดตามชมบทบาทของน้องสิงห์ได้ละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on October 11, 2015, 10:15:34 AM
หนึ่ง มาฟิศร์ เกร็ง! ควบสองตำแหน่งในละคร “เพลิงตะวัน”



          ห่างหายจากงานละครหลังข่าวมานานหลายปี ล่าสุดนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ หนึ่ง-มาฟิศร์ เชยโสภณ ผู้รับบทเป็น "ทนายทนงศักดิ์" ของละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง "เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี นอกจากจะสวมบทเป็นนักแสดงของเรื่องแล้ว เจ้าตัวยังรับหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานดูมันดีด้วย โดยเจ้าตัวเผยถึงความรู้สึกครั้งนี้ว่า

          "ละคร บ้านร้อยดอกไม้ เป็นละครหลังข่าวเรื่องล่าสุดที่เคยเล่นไว้ ตั้งแต่ปี 48 ก็หลายปีนะ จนมาถึงเรื่องนี้ เพลิงตะวัน รับบท "ทนงศักดิ์" เป็นคนที่รู้เรื่องราวเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ก่อนที่ ปรางค์ทอง ความจำเสื่อมกลายเป็น "ตะวัน" เป็นคนที่รู้เรื่องราวระหว่างสามบ้านคือ บ้านนันทวัฒน์ ครอบครัวเราเอง ตั้งแต่คุณพ่อ แล้วก็บ้านของปรางค์ทอง พ่อเราก็เป็นทนายให้กับบ้านนี้ ส่วนงานเบื้องหลัง ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ให้โอกาสทำงาน เรื่องปรับตัวก็มีบ้าง ตอนไปญี่ปุ่นก็มีเกร็งๆ หน่อย เพราะต้องรีบทำงานด้วย แต่พอกลับมาแล้วเราก็ต้องทำหน้าที่ทั้งนักแสดงแล้วก็ทีมงาน ถือเป็นการรับสองจ๊อบเลย (หัวเราะ) ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไหนๆ ก็มาแล้ว งานเบื้องหลังแล้วแต่ใช้งาน ทำทุกกอย่าง ประสานงาน ซึ่งก็ดิวกับนักแสดงด้วย ช่วยคุยเรื่องบท เรื่องแอ็คติ้ง เรื่องคาแร็กเตอร์ ก็ไม่ได้เป็นแอ็คติ้งโค้ชอย่างจริงจัง เพราะบางทีวุธไม่มีเวลาอธิบายหรือเจาะทีละคน ก็ให้ไปคุยกับน้องนักแสดง แล้วก็นั่งคุยกับนักแสดงรุ่นใหญ่ๆ บ้างแล้วก็มีช่วยดูเรื่องบทบ้าง ตอนแรกเรายังไม่เห็นบททั้งหมด เราก็รู้ว่าประมาณนี้ มันก็จะค่อยๆ เข้มข้นเรื่อยๆ ทำงานกะวุธก็รู้อยู่แล้ว วุธจะไม่ทิ้งตัวละคร ตัวละครทุกตัวจะต้องมีที่มาที่ไป ซึ่งมีผลกับเรื่อง เราเพิ่งจะมาพัวพันช่วงสุดท้าย รับรองว่าสนุกแน่นอนครับ"

          ติดตามชมบทบาทของ หนึ่ง มาฟิศร์ ในช่วงโค้งสุดท้ายของละคร "เพลิงตะวัน" รับรองว่าแซ่บแน่นอน ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on October 11, 2015, 10:58:06 AM
เซฟฟานี่’ ปลื้ม กระแสตอบรับละครดี อ้อนแฟน 7 สี รอลุ้นจุดจบตัวละคร ปรางค์ทอง’



          แจ้งเกิดในบทนางเอกเต็มตัวของช่อง 7 สี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับสาวฮอต 'เซฟฟานี่ อาวะนิค' ที่พิสูจน์ฝีมือในบทบาทท้าทายความสามารถ จากละคร 'เพลิงตะวัน' ออกอากาศทุกวันจันทร์ – วันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ผลงานของ ผู้กำกับฯ และนักแสดงฝีมือดี 'วุธ –อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร' จนแฟนละครเอ่ยปากชมกันทั่วบ้านทั่วเมือง ว่าเล่นได้ ถึงใจ ถึงอารมณ์ ของจริง งานนี้ทำเอานางเอกสาว เซฟฟานี่ ปลื้มสุดๆ พร้อมเผยว่า

          "ต้องขอบคุณแฟนละครช่อง 7 สี ทุกคน ที่ให้การตอบรับดีมากๆ ตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับบทนี้เลย เพราะคิดว่ายากมากกับการที่ต้องเล่นดราม่า สองบุคลิกที่แตกต่าง กับบท 'ปรางค์ทอง' ที่เป็นสาวเปรี้ยว ก็ต้องเล่นบู๊ด้วยเพราะเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม ฆ่าคนได้แบบเลือดเย็น แม้แต่พระเอก'ธงไทย' (เอส กันตพงศ์) ผู้ชายที่เรารัก และคนที่มีพระคุณคอยชุบเลี้ยงสร้างชีวิตใหม่ให้เราอย่าง 'แม่นวล' (ปิยะมาศ โมนยะกุล) ก็เอาเราไม่อยู่ คิดแต่จะแก้แค้นเพื่อตอบแทนบุณคุณพ่อบุญธรรม (สรพงศ์ ชาตรี) อย่างเดียว เรียกได้ว่าเรื่องราวกำลังเข้มข้นถึงจุดที่น่าติดตาม แต่สุดท้ายต้องมาลุ้นกันว่า ปรางค์ทองจะกลับตัวกลับใจ กลับไปเป็น 'ตะวัน' คนดีของธงไทย หรือเปล่า ห้ามพลาดนะคะ"
Title: Re: เรื่องย่อ : เพลิงตะวัน
Post by: FC on October 15, 2015, 09:21:47 AM
สรพงษ์ ชาตรี ไม่ขอย่ำอยู่กับที่ โดนใจบท “ทรงพล” ในละคร เพลิงตะวัน ได้เล่นหลากหลายอารมณ์





          พะยี่ห้อ "พระเอกตลอดกาล" อย่าง เอก-สรพงษ์ ชาตรี ในวัย 66 ปี นักแสดงชายอันดับหนึ่งของไทย เจ้าของรางวัลเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551 มาสวมบท "ทรงพล" อดีตนายพลใจดี ที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจ เมื่อถูกโกงจนล้มละลาย เขากลายเป็นซาตานที่มีแต่ความแค้นในหัวใจ และใช้ทุกลมหายใจในการคิดแก้แค้นในละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง"เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี จนหลายคนสงสัยถึงที่มาที่ไปในการรับเล่นละครเรื่องนี้ รวมทั้งความรู้สึกกับบทบาท "ทรงพล" ไปอ่านจากบทสัมภาษณ์เหล่านี้กัน

@คาแร็กเตอร์ของ ทรงพล เป็นอย่างไร
          ทรงพลเป็นนายทหารที่มีเพื่อนเป็นนักธุรกิจ และทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วเพื่อนก็ให้เซ็นต์เอกสารที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย จนถูกออกจากราชการ หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ระหว่างนั้นก็ออกไปเที่ยวซ่อง ก็ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกสาวอยู่ในซ่อง ก็เอามาเลี้ยงไว้ พอลูกโตมา เราก็สอนให้ลูกใช้อาวุธเหมือนทหารเหมือนที่เราเรียนมา ให้ลูกเป็นนักฆ่า ไปแก้แค้นให้พวกนั้น พอให้ไปแก้แค้น ลูกดันไปรักลูกของศัตรู ไปใจอ่อน ก็ผิดหวัง เสียใจ ไม่มีใครรัก คนที่อยู่กับเรามันก็จะหนี เหมือนเป็นคนเครียด ไม่มีใครเข้าใกล้

@เรื่องนี้ต้องเล่นหลากหลายอารมณ์มากๆ
          ใช่ ต้องเล่นทั้งตบ ทั้งตี ทั้งบีบคอ และต้องพิการด้วย ก็หลอกคนอื่นว่าเราพิการ เพราะถ้าเราไม่ทำ เขาก็จะทิ้งเราไป พูดง่ายๆ ว่าตั้งแต่เราเล่นหนังมาหกร้อยเรื่อง เล่นเป็นพระเอก เล่นเป็นคนดี แต่ว่าเรื่องนี้เล่นอารมณ์หลากหลาย ก็บังเอิญ 12-13 ปีมานี้ เราไปเล่น ตำนานสมเด็จพระนเรศวร เล่นเป็นพระมา 12 ปี พอมาเล่นทีวี 4-5 ปี ก็เล่นเป็นหลวงตามา 4 ปี เด็กรุ่นหลังก็บอกว่า สรพงษ์เล่นแต่เป็นพระ ก็คิดว่าเราเล่นได้แต่ยิ้มๆ เล่นเป็นคนใจดีอย่างเดียว เราก็คิดว่าเราก็ เอ๊ะ...เราน่าจะให้นักแสดงรุ่นน้องๆ หลานๆ เขาเห็นว่า "การแสดงหมดตัว" นั้นคืออะไร ก็คือการเล่นละครเรื่องนี้ เพราะได้เล่นหลากหลายอารมณ์ ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งดุดัน ทั้งร้องไห้ ต้องดราม่าตลอด

@ชอบบทแบบนี้มั้ย
          บทนี้มันเล่นทุกอย่าง มีทุกอารมณ์ บทนี้จะทำให้น้องๆ นักแสดงเห็นว่าเราเล่นหลากหลายอารมณ์ได้นะ เพราะว่าในคาแร็กเตอร์พระเอกทั่วไป เขาไม่เล่นหรอก มันไม่มีให้เล่นด้วย พระเอกมันคือทำหน้าที่พระเอก ทำดีไป ช่วยคนโน้นคนนี้ เป็นฮีโร่ไป แต่อันนี้มันช่วย แต่ช่วยแล้ว กูได้อะไร มันก็เป็นกิเลสตัณหาของมนุษย์คนหนึ่ง

@หลังจากอ่านบทแล้วรู้สึกกังวลอะไรมั้ย
          จริงๆ เราไม่ได้เล่นแบบนี้มานาน เพราะเราก็ทำงานเกี่ยวกับศาสนา ภาพพจน์ในชีวิตจริงของเราก็เป็นคนใจดี เราสร้างหลวงพ่อโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมา 17 ปี คนมาบริจาคเงินกับเราหลายๆ ล้าน เขาก็ต้องคิดว่าเราเป็นคนดี พอมาดูละครเรื่องนี้ เอ้ย...เป็นคนแบบนี้ด้วยเหรอ (หัวเราะ) กูไม่ทำบุญด้วยดีกว่า ถามว่ากังวลมั้ย จริงๆ คิดว่าสิ่งที่เราทำบุญเขาก็เห็นอยู่แล้วว่าเราทำสำเร็จแล้ว แล้วนี่คือการแสดงที่ผ่านมา 46 ปีในวงการ เราก็รับบทพ่อด้วย แต่บทพ่อที่ได้รับส่วนใหญ่ก็จะเป็นบทพ่อเรียบๆ เป็นพ่อใจดี ก็คิดว่าเป็นบทที่ดี ซึ่งนักแสดงต่างประเทศชอบนะ ก็ไม่ได้คิดว่าถ้าเล่นละครเรื่องนี้แล้ว คนจะมองว่าเราไม่ดี หรือภาพพจน์ไม่ดี เราอายุ 66 ปี เราอยู่วงการมาตั้งแต่อายุสิบเก้า ถ้ามันจะเลว ในชีวิตจริงมันคงเลวไปนานแล้ว (หัวเราะ) ชีวิตจริงมันยืนยัน และผลในการที่เราสร้างสาธารณกุศล มันยืนยัน มันชัดละ

@ตอนผู้จัดฯ ติดต่อมารู้สึกอย่างไร
          ก็ถามคุณเดือน (ดวงเดือน จิตไธสง) ภรรยา คุณเดือนก็บอก บทแรง บทเป็นแบบนี้ แบบนี้นะ เขาก็ถามว่า เล่นมั้ย ก็ถามเขากลับไปว่า "ช่อง 7 เขากล้าสร้างเหรอ" (หัวเราะร่วน) เขากล้าทำเหรอ แล้วเราจะถูกตั้งความหวังไว้เยอะ มีนักแสดงเล่นบทพ่อเยอะแยะ คุณวุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) เขาบอก "ตัวนี้ต้องพี่เอก" ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาไปรู้ยังไงอะไรอย่างนี้นะ เพราะในสมัยหนุ่มๆ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2515-2516 เราเล่นหนังกับท่านมุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ทุกเรื่อง เดี๋ยวเป็นแมงดา เดี๋ยวเป็นมือปืน เดี๋ยวเป็นหมอ เดี๋ยวเป็นนักวิทยาศาสตร์ ท่านมุ้ยให้เราเป็นนักแสดง ไม่ให้เราเป็นพระเอก แล้วเราจึงใช้ความเป็นนักแสดง เราจะไม่ยึดว่าเป็นคนดีตลอด เดี๋ยวเรื่องนี้เราเป็นหมอดี เรื่องหน้าเล่นเป็นแมงดาละ เราเป็นแบบนี้มาตลอด

@พอภรรยาบอกว่าบทแรง คิดยังไง
          เออ...ถ้าเล่นไปตอนนี้คงไม่เป็นไรนะ เพราะว่างานศาสนาเราเสร็จไปร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ที่เราทำคนมันเห็นชัดเจนแล้ว เพราะเราก็ไม่ใช่แบบในเรื่องด้วย เราอยู่มาจนได้รางวัลศิลปินแห่งชาติมา เพราะว่าเรามีผลงานที่คนชอบ แล้วมันก็เป็นผลงานเฉพาะตัว แล้วมันเป็นงานศิลปวัฒนธรรม อย่างเราเล่นหนังโบราณ เล่นหนัง แผลเก่า มันเป็นชีวิตของคนชนบท หนังสุริโยไท ตำนานสมเด็จพระนเรศวร คือภาพตรงนี้มันชัดเจนว่า เราศิลปินตัวจริง แล้วเราเป็นศิลปินแห่งชาติ เราก็ต้องนำเสนออะไรใหม่ๆ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ เพราะชื่อเราถูกจารึกไว้ที่หอศิลปินแห่งชาติแล้ว เราก็ต้องมีมุมใหม่ให้เขามองบ้าง ไม่ใช่แบบ...สรพงศ์มาทีไรก็เล่นแต่บท พระ จริงๆ แล้วชีวิตเราไม่เคยเล่นบทพระเลย จนท่านมุ้ยจับมาเล่น คนก็เห็นก็บอก "เหมือนพระจริงๆ" เคยเดินไปตลาดคนยกมือไหว้ เพราะฉะนั้นเราเล่นอะไร คนก็จะบอกว่าเหมือน ซึ่งจุดนี้เราก็ถือว่าโอเค.นะ ต้องขอบคุณคุณวุธที่เขามองเห็นเรา มีนักแสดงรุ่นเราเยอะแยะ แต่เขาเลือกเรา เรื่องนี้มันมีทั้งดราม่า ทั้งร้องไห้เยอะ โวยวาย มันมีทั้งรัก ทั้งแค้น มันมีทั้งเสียใจด้วย ก็ต้องติดตามว่าตอนจบมันจะเป็นอย่างไร

          มาติดตามบทสรุปของ "ทรงพล" ได้ในละคร "เพลิงตะวัน" ตอนจบ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมศกนี้...หลังข่าวภาคค่ำ ทางช่อง 7 สี รับรองว่ามันส์...!!!!