enjoyjam.net
ภาพยนตร์ => ข่าวภาพยนตร์ => Topic started by: FB on May 17, 2015, 08:30:33 AM
-
“ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เอารักมาฝาก “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” หนังเลิฟสตอรี่ เพลงขึ้นให้รีบรัก ฉายรับวาเลนไทน์นี้



ลูกทุ่ง ซิกเนเจอร์ (Official Teaser)
หลังจากเคยฝากผลงานภาพยนตร์รักอย่าง "ฝัน หวาน อาย จูบ" เมื่อปี 2551 มาแล้ว ผู้กำกับรุ่นใหญ่มากความสามารถ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ก็ได้ฤกษ์หวนกลับมากำกับภาพยนตร์รักอีกครั้งกับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" หนังเลิฟสตอรี่ สำหรับทุกหัวใจมีรัก เรื่องราวความรักหลากหลายรสชาติทั้งซาบซึ้ง อบอุ่น ยิ้มละมุนที่จะบรรเลงไปพร้อมบทเพลงลูกทุ่งคุ้นหูและเนื้อเพลงโดนใจ อาทิ บอกรักฝากใจ, เรารอเขาลืม, ความรักเจ้าขา, ขอจองในใจ, แต่งงานกันเถอะ ฯลฯ ซึ่งได้รับการเรียบเรียงให้ร่วมสมัยและอบอวลด้วยบรรยากาศความรักโดย "สุเมธ องอาจ" (สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง) นักร้อง นักแต่งเพลงที่มีประสบการณ์ด้านดนตรีอย่างโชกโชน
ถ่ายทอดความรักของตัวละครมากสีสันและดื่มด่ำเพลงลูกทุ่งสุดไพเราะผ่านทีมนักแสดงและศิลปินชื่อดังอย่าง กฤษดา สุโกศล แคลปป์ (น้อย วงพรู), เบน ชลาทิศ, ธนนท์ จำเริญ (นนท์ The Voice1), พลอย ศรนรินทร์, คนึงพิมพ์ ธนพิชชากรณ์ (หนิม AF5), กาย-ชัยธรรศ วัฒนพานิช, รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช (ไข่มุก The Voice 4), สมบัติ เมทะนี, พิศมัย วิไลศักดิ์, กอล์ฟ-เบญจพล เชยอรุณ, นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, จอย-พัชรี ทับทอง ฯลฯ ที่จะมาพลิกคาแรคเตอร์และร่วมร้องเพลงลูกทุ่งให้ดังก้องจอภาพยนตร์...วาเลนไทน์นี้
"โปรเจกต์นี้ผมมีความคิดที่จะทำอยู่ในหัวมานานมากไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้วครับ จะว่าไปแล้วก็เป็นไอเดียที่มีพร้อมๆ กับที่ผมอยากจะทำเรื่อง 'องค์บาก' เลย เพราะโดยส่วนตัวผมชอบฟังลูกทุ่งมาก บางทีเราก็อินกับมัน ก็เลยรู้สึกว่า เพลงลูกทุ่งมันมีเสน่ห์โดยเฉพาะกับความเป็นคนไทย ก็เลยมีไอเดียอยากทำหนังรักเกี่ยวกับเพลงลูกทุ่งที่เป็นมุมมองของคนเมือง เพราะผมคิดว่ามุมนี้ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง
เรื่องเพลงนี่ผมก็โฟกัสไปเลยคือ เป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก คิดถึงกัน หลงรักกัน ต้องไม่ใช่เพลงที่พูดถึงท้องไร่ ท้องนา ควายอะไรอย่างนี้ ผมอยากให้เป็นเพลงที่พูดถึงแล้วคนกรุงเทพฯ คนเมือง หรือใครๆ ก็รู้สึกได้ สัมผัสได้ ส่วนเนื้อเรื่องก็คิดแยกต่างหาก ทั้งเรื่องที่สร้างขึ้นมาใหม่และได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เรื่องนี้รู้สึกยังไง สัมผัสใจเรายังไง ก็ใช้เวลากับตรงนี้หลายปีคือปั้น ผสม ปรับเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา
ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าคุณเป็นคนไทย คุณต้องมีหัวใจลูกทุ่ง ซึ่งบางคนอาจจะรู้ตัว บางคนอาจจะไม่แน่ใจ บางคนอาจจะปฏิเสธ แต่จริงๆ แล้ว คุณก็มีความเป็นลูกทุ่งอยู่ในตัว เพราะลูกทุ่งมันคือจิตวิญญาณของคนไทย และจากตรงนี้มันก็เลยทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นได้ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ผมอยากจะพูดให้คนไทยได้เห็นว่า ลูกทุ่งมันไม่ได้สื่อสารถึงกันแค่คนต่างจังหวัด แต่คนเมืองหรือคนกรุงเทพฯ ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถสัมผัสได้เช่นกัน"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มีจังหวะและลูกคอ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
เปิดตัวหนังรักประเดิมปี 59 “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอ วาเลนไทน์นี้ เพลงขึ้นให้รีบรัก




"สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" และ "บาแรมยู" แถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับมากฝีมือ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.58 ณ โรงภาพยนตร์ House RCA ท่ามกลางบรรยากาศอบอวลด้วยความรัก
เปิดงานด้วยการพูดคุยกับผู้กำกับฯ ถึงแรงบันดาลใจ, ที่มาที่ไป และรายละเอียดที่น่าสนใจของโปรเจกต์เรื่องนี้ที่ทุ่มทั้งใจหวนกลับมากำกับภาพยนตร์รักอีกครั้งในรอบเกือบ 10 ปีแบบไม่ธรรมดา เพราะครั้งนี้มาพร้อมเรื่องราวความรักหลากหลายรสชาติที่จะบรรเลงควบคู่ไปกับบทเพลงลูกทุ่งโดนใจ
จากนั้น เปิดตัวทีมนักแสดงและศิลปินชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น กฤษดา สุโกศล แคลปป์ (น้อย วงพรู), เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ, ธนนท์ จำเริญ (นนท์ The Voice 1), พลอย ศรนรินทร์, รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช (ไข่มุก The Voice 4), สมบัติ เมทะนี และ พิศมัย วิไลศักดิ์ มาเล่าถึงนิยามรักจังหวะลูกทุ่งของแต่ละคน, ความน่าดูและน่าฟัง พร้อมโชว์ลูกคอกันเบาๆ อย่างไพเราะ
เปิดตัวครั้งแรกให้ชมก่อนใครด้วยความซาบซึ้งกับคลิปพิเศษเพลง "ความรักเจ้าขา" เวอร์ชัน "นนท์ เดอะวอยซ์" เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนชมมิวสิควิดีโออย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
และปิดท้ายด้วยการเชิญผู้บริหาร รวมทั้งผู้สนับสนุนภาพยนตร์ขึ้นถ่ายภาพร่วมกับผู้กำกับและทีมนักแสดงนำจากภาพยนตร์ นำโดย คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, คุณชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยได้รับเกียรติจาก คุณวราภรณ์ ลีกุลนิมิต ผู้จัดการอาวุโส ส่วนโฆษณา บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ขึ้นถ่ายภาพร่วมกัน
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
Movie Guide: MV.ความรักเจ้าขา เพลงประกอบภาพยนตร์ ลูกทุ่งซิกเนเจอร์

MV. ความรักเจ้าขา (Official Ost. ภาพยนตร์ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)
ความรักเจ้าขา เพลงประกอบภาพยนตร์ ลูกทุ่งซิกเนเจอร์
คำร้อง-ทำนอง จำรักษ์ เอื้ออารีนุสรร์
เรียบเรียง ออกแบบ และควบคุมการร้อง สุเมธ องอาจ
ขับร้อง ธนนท์ จำเริญ
เชื่อไหมว่า
น้อย วงพรู จะร้องลูกทุ่ง จีบสาว
เบน ชลาทิศ คอนเฟิร์มเบี่ยงเบน (ทางเพลง) แน่นอน
นนท์ เดอะวอยซ์ หล่อขึ้น เพราะมีความรัก
ร่วมด้วย กาย นวพล ลำพูน, ไข่มุก เดอะวอยซ์, นุ่น ศิริพันธ์, กอล์ฟ เบญจพล, พลอย ศรนรินทร์ และ สมบัติ เมทะนี กับ พิศมัย วิไลศักดิ์
"ลูกทุ่ง ซิกเนเจอร์"
เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก
11 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
-
Movie Guide: #ทีมลูกทุ่งซิกเนเจอร์ พร้อมเอารักมาฝาก หลากหลายสไตล์ ในเพลง “บอกรักฝากใจ” เวอร์ชั่นพิเศษ
น้อย วงพรู จะเอารักมาฝาก
ลูกทุ่ง นนท์ ซิกเนเจอร์
ลูกทุ่ง ไข่มุก - ซิกเนเจอร์
"พี่เอารักมาฝาก เป็นความรักจากชายคนหนึ่งส่งถึงทรามวัย
ขอฝากหัวใจเอาไว้ในห้องหอหัวใจของเจ้าที่เขาบูชา
พี่เอารักมาส่งจากชายซื่อตรงคงคำมั่นไม่ผันวาจา
รักกว่าน้ำดินและฟ้า หญิงทั่วทั้งโลกาไม่ปรารถนาใครเกิน"
เตรียมปล่อยเพลง "บอกรักฝากใจ" เวอร์ชั่นพิเศษประกอบภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของผู้กำกับมากฝีมือ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ออกมาให้อบอุ่นหัวใจกันแล้ว
แต่ก่อนอื่นเราขอเรียกน้ำย่อยกับคลิป "บอกรักฝากเสียง" ของเหล่านักแสดงในเรื่อง มาดูกันว่าความรักและเพลงลูกทุ่งของแต่ละคนจะมีซิกเนเจอร์เป็นแบบไหน ก่อนที่จะไปฟังเพลงนี้อย่างเต็มอิ่มเต็มอารมณ์กันในสัปดาห์หน้านี้
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรักกับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์
-
“เบน ชลาทิศ” เปิดซิงร้องลูกทุ่ง โชว์ลีลาแพรวพราว ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”


อยู่ในวงการเพลงมานาน แต่นักร้อง-นักแสดงอารมณ์ดี "เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ" ก็เพิ่งได้มีโอกาสโชว์ลีลาและความสามารถทั้งเล่นและร้องเพลงลูกทุ่งเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับมากฝีมือ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ที่กำลังจะฉายรับวาเลนไทน์นี้
เบนได้เผยถึงการแสดงล่าสุดในซุป'ตาร์เพลงป๊อปตกกระป๋องจนต้องเบนเข็มไปร้องเพลงลูกทุ่งอย่างจำใจว่า
"เรื่องนี้ผมรับบท 'พีท' เป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์เพลงป๊อปขวัญใจวัยรุ่นซึ่งอยู่ในช่วงขาลง ยอดขายและเรตติ้งตก ก็เลยได้รับคำบัญชาจากเบื้องบนให้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์มาร้องเพลงลูกทุ่งจะได้เข้าสู่มหาชนมากขึ้น ซึ่งก็จะขัดกับความรู้สึกของความเป็นราชาเพลงป๊อปแดนซ์มากว่าทำไมเราต้องมาอยู่ ณ จุดๆ นี้ แล้วสุดท้ายเรามาร้องเพลงเพื่ออะไร เป็นวิกฤติชีวิตของพีทมาก
บทนี้ก็สนุกดีครับ แถมยังต้องร้องเพลงลูกทุ่งอย่าง 'บอกรักฝากใจ' และ 'ทำบุญร่วมชาติ' ซึ่งได้ Featuring กับพี่ฮาย อาภาพรด้วยครับ นี่เป็นการร้องเพลงลูกทุ่งจริงจังอย่างเป็นทางการครั้งแรกเลย เคยแต่ร้องเล่นกันเอง ผมไม่กล้าร้องลูกทุ่ง จะปฏิเสธตลอดเพราะเกรงใจคอเพลงลูกทุ่งแท้ๆ แต่ว่าด้วยทีมงาน ด้วยจุดมุ่งหมายของหนังเรื่องนี้คืออยากจะสืบสานเพลงลูกทุ่งให้กับคนรุ่นใหม่ๆ แล้วก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่ปรัชผู้กำกับรวมถึงครูสลา ก็เลยมีความมั่นใจที่จะร้องมากขึ้น ก็รู้สึกท้าทายสำหรับการเป็นนักร้องของเราด้วย
ผมมั่นใจว่า 'ลูกทุ่งซิกเนเจอร์' จะต้องเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนดูแล้วมีความสุข ผมว่าดนตรีลูกทุ่งนี่มันเป็นมันเป็นรากฐานของคนไทยทุกคน จะบอกว่าฉันไม่ถนัดเพลงลูกทุ่ง ฉันไม่ฟังเพลงลูกทุ่ง แต่แน่นอนตลอดชีวิตคนหนึ่งคน มันจะต้องได้ยินเพลงลูกทุ่งลอยเข้ามาในหัว แล้วผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแบบนั้นว่า เออ...ฉันเคยฟังเพลงนี้เมื่อตอนนั้นตอนนี้นะ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เป็นแฟนเพลงลูกทุ่งอะไรแบบนี้ ซึ่งมันเป็นความน่ารัก ผมว่าทุกคนออกมาจากโรงแล้วจะต้องมีความสุขกับหนังและเพลงลูกทุ่งในเรื่องนี้ครับ"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
Movie Guide: ตัวอย่างเต็ม ลูกทุ่งซิกเนเจอร์
ตัวอย่างเต็ม ลูกทุ่งซิกเนเจอร์ (Official Trailer)
MV. แต่งงานกันเฮอะ (Official Ost. ภาพยนตร์ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)

ถ้าเพลงขึ้น ให้รีบรัก
11 กุมภานี้ รับวาเลนไทน์
เชื่อไหมว่า
น้อย วงพรู จะร้องลูกทุ่ง จีบสาว
เบน ชลาทิศ คอนเฟิร์มเบี่ยงเบน (ทางเพลง) แน่นอน
นนท์ เดอะวอยซ์ หล่อขึ้น เพราะมีความรัก
ร่วมด้วย กาย ชัยธรรศ ลำพูน, ไข่มุก เดอะวอยซ์, นุ่น ศิริพันธ์, พลอย ศรนรินทร์,
กอล์ฟ เบญจพล และ สมบัติ เมทะนี กับ พิศมัย วิไลศักดิ์
เรื่องราวความรักหลายรูปแบบของตัวละครหลากสีสันที่อยู่รายรอบชีวิตเรา
สะท้อนผ่านกลิ่นอายเพลงลูกทุ่งอันคุ้นเคย
เปิดเผยทุกอารมณ์ความรู้สึกในใจ...
สนุก ซาบซึ้ง อบอุ่น ยิ้มละมุน สุข เศร้า เหงาเพราะรัก...
ผู้บริหารหนุ่มผู้ต้องมนต์เสน่ห์ในเสียงร้องของแม่บ้านสาวทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า
นักร้องซูเปอร์สตาร์ขาแดนซ์ตกกระป๋อง
ต้องจำใจหันมาร้องเพลงลูกทุ่งเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตน
หนุ่มอกหักผู้กำลังกระโดดสะพานลอยฆ่าตัวตาย
จู่ๆ สาวน้อยลึกลับก็ได้ฝ่าวงล้อมเข้ามา...
สิ่งที่ รปภ. สาวผู้รักการร้องคาราโอเกะเป็นชีวิตจิตใจ
ทำได้สตรองไม่แพ้การรักษาความปลอดภัย นั่นคือ
การเพ้อฝันเป็นแฟนกับพระเอกในป้ายโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้าไปวันๆ
ความรักของหนุ่มขายเฉาก๊วยและสาวหน้าผีดำเนินไปตามปกติ
จนกระทั่งเธอได้รับข้อเสนอให้ทำศัลยกรรมเพื่อออกรายการทอล์กโชว์
เรื่องวุ่นๆ ในกองถ่ายหนัง เมื่อหนุ่มฝ่ายศิลป์แอบหลงรักสาวเอฟเฟกต์มือระเบิด
แต่ดันไม่กล้าบอกรัก แล้วอย่างนี้หัวใจหรือระเบิดจะตูมตามก่อนกัน
ชายแก่ผู้ไม่เคยลืมรักแรกและสัญญาใจของหญิงคนรัก
เพราะท่วงทำนองของ "เพลงลูกทุ่ง" ดังใกล้อยู่รอบตัวเรา
เฉกเช่น "ความรัก" ที่เฝ้าติดตามไม่เคยห่างไกลจากหัวใจ
-
ลูกทุ่ง เบน - ซิกเนเจอร์
ลูกทุ่ง กาย/จอย - ซิกเนเจอร์
-
Movie Guide: “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” ฝากรักผ่านเสียงเพลง กับโปสเตอร์คาแรคเตอร์ 6 แบบ






ลูกทุ่ง น้อย(วงพรู) ซิกเนเจอร์
ลูกทุ่ง นนท์ - ซิกเนเจอร์
ลูกทุ่ง ไข่มุก - ซิกเนเจอร์
ลูกทุ่ง หนิม - ซิกเนเจอร์
ลูกทุ่ง สมบัติ/พิศมัย - ซิกเนเจอร์
ยิ่งใกล้วันฉายยิ่งเรียกความสนใจจากแฟนหนังและแฟนเพลงมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ก็ได้ปล่อยโปสเตอร์คาแรคเตอร์ถึง 6 แบบออกมาให้ได้อินไปกับความรักหลากหลายรูปแบบของพวกเขาและเธอที่จะทำให้ "เพลงลูกทุ่ง" ที่คุณเคยฟังไพเราะกว่าที่เคย
เชื่อไหมว่า... "น้อย วงพรู" จะร้องลูกทุ่งจีบสาว, "เบน ชลาทิศ" คิดเบี่ยงเบนทางเพลง, "นนท์ เดอะวอยซ์" หล่อขึ้นเพราะมีความรัก, "ไข่มุก เดอะวอยซ์" จะร้องเพลงรักให้คุณหลง, "หนิม AF" จะร้องเพลงให้คนที่แอบรัก, "กาย-จอย" จะป่วนกองถ่ายด้วยระเบิดรัก ฯลฯ
-
Movie Guide: เตรียมหัวใจให้พร้อม เปิดตัว MV “บอกรักฝากใจ” เพลงประกอบภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”
MV. บอกรักฝากใจ (Official Ost. ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)
คำร้อง-ทำนอง : สุนทร ชื่นวิทยา
เรียบเรียง : อนิรุจน์ พิมพ์ทอง
ควบคุมการร้อง : สุเมธ องอาจ
ขับร้อง : นนท์-ธนนท์ จำเริญ , เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ, ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช, หนิม-คนึงพิมพ์ ธนพิชชากรณ์ และ น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์
เชื่อไหมว่า ...
น้อย วงพรู จะร้องลูกทุ่ง จีบสาว
เบน ชลาทิศ คอนเฟิร์มเบี่ยงเบน (ทางเพลง) แน่นอน
นนท์ เดอะวอยซ์ หล่อขึ้น เพราะมีความรัก
ร่วมด้วย กาย ชัยธรรศ ลำพูน, ไข่มุก เดอะวอยซ์,นุ่น ศิริพันธ์, พลอย ศรนรินทร์,หนิม AF, กอล์ฟ เบญจพล และ สมบัติ เมทะนี กับ พิศมัย วิไลศักดิ์
เพราะท่วงทำนองของ "เพลงลูกทุ่ง" ดังใกล้อยู่รอบตัวเรา เฉกเช่น "ความรัก" ที่เฝ้าติดตามไม่เคยห่างไกลจากหัวใจ
"ลูกทุ่ง ซิกเนเจอร์" เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก : 11 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
-
บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เอารักมาฝาก ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” วาเลนไทน์นี้ เพลงขึ้นให้รีบรัก



จุดเริ่มต้น-ที่มาที่ไปของโปรเจกต์เรื่องนี้
โปรเจกต์นี้ผมมีความคิดที่จะทำอยู่ในหัวมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีก่อน จะว่าไปแล้วก็เป็นไอเดียที่มีพร้อมๆ กับที่ผมอยากจะทำเรื่อง "องค์บาก" ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้ถ่ายองค์บากเลย โดยส่วนตัวผมเป็นชอบฟังลูกทุ่งมาก บางทีชอบถึงขนาดเปิดฟังในรถ แล้วขับวนไปวนมาอยู่ถนนหน้าบ้าน บางทีเราอินกับมันน่ะ ก็เลยรู้สึกว่า เพลงลูกทุ่งมันมีเสน่ห์อะไรบางอย่างโดยเฉพาะกับความเป็นคนไทย ก็เลยมีไอเดียอยากทำหนังเกี่ยวกับเพลงลูกทุ่งที่เป็นมุมมองของคนเมือง เพราะผมคิดว่ามุมนี้ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง เพราะจริงๆ แล้วคนไทยทุกคนกับเพลงลูกทุ่งมันอยู่คู่กันมาและก็เป็นจิตวิญญาณ
ซึ่งตอนนั้น "คุณศุ บุญเลี้ยง" ที่มีมุมลูกทุ่งเหมือนกัน ก็คุยกันและตั้งชื่อหนังให้ว่า "มนต์รักลูกครึ่ง" เพราะตอนนั้นกระแสลูกครึ่งกำลังมาแรง เลยมีความคิดว่าจะทำหนังลูกทุ่งแต่ใช้ลูกครึ่งเล่นกันทั้งเรื่องเลย ซึ่งเป็นไอเดียอยู่ ณ ตอนนั้น และเก็บไว้ในใจอยู่ตั้งนาน จนมาถึงตอนนี้พอเราเสร็จจากหนังแอ็คชั่น และหาช่วงเบรกจากหนังแอ็คชั่นก็อยากจะลองหาหนังแนวอื่นๆ มาทำดูบ้าง ไอเดียลูกทุ่งอันนี้เลยกลับมา
พัฒนาโปรเจกต์-เรื่องราวอย่างไร
ตั้งแต่ไอเดียแรกตอนนั้น มันเปลี่ยนไปเลยครับ ผมว่าเรื่องราวและเนื้อหามันต้องร่วมสมัยมากขึ้น ส่วนตัวเพลงลูกทุ่ง ยังไงผมก็ยังนึกถึงเพลงลูกทุ่งคลาสสิก ไล่มาตั้งแต่ยุคเก่าๆ แต่เพลงลูกทุ่งที่ผมจะใช้ในเรื่องนี้ต้องมีหลายเพลง และต้องเป็นเพลงที่คนรุ่นใหม่รู้จัก ซึ่งผมก็ดูรายการประกวดร้องเพลงไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มีคนรุ่นใหม่มาร้อง มีเพลงอะไรที่เขานิยมเอามาร้องกันบ้าง ซึ่งนั่นคือเพลงที่ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักด้วย
การคิดเรื่อง-เขียนบท พี่ปรัชมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน
ผมเป็นคนคิดเรื่องเองทั้งหมด ไอเดียและภาพจะอยู่ในหัวผมอยู่แล้ว แล้วผมก็หาคนเขียนบทมาช่วยเขียนไอเดียต่างๆ ที่ผมเล่าให้ฟัง วิธีการคิดเรื่องเนี่ย บางเรื่องก็ลอยมาเอง บางเรื่องก็มาจากเรื่องจริง ซึ่งหลายเรื่องในนี้ก็เป็นเรื่องจริงที่ผมได้เห็น มีมุมที่มันกระทบความรู้สึกซึ่งมันผสมกับเพลงลูกทุ่งได้ดีก็เลยนำมาผสมกัน
ความหลากหลายของทั้งเรื่องราวและอารมณ์เพลงแบ่งสัดส่วนอย่างไร
ผมมองว่ามันจะเล่าเรื่องเดียวไม่ได้ และพอเป็นหนังเพลง มันก็ต้องมีหลายเพลง และให้ความสำคัญกับเพลงเหล่านั้นโดยที่เล่าเป็นเรื่องใครเรื่องมันไปเลย เสร็จแล้วผมก็มานึกถึงเรื่อง Love Actually ซึ่งเป็นหนังรักโรแมนติกที่หลายๆ คนประทับใจ เป็นหนังที่พูดถึงคู่รักหลายๆ คู่ หลายๆ รูปแบบ ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นรูปแบบที่เหมาะกับโปรเจกต์นี้มากๆ ผมก็เลยไปศึกษาการเล่าเรื่องของเรื่องนี้ ก็จะเห็นว่าเค้าพูดมุมความรักให้ไม่ซ้ำมุมกัน แต่มันแทบไม่ได้เชื่อมตัวละครเลยด้วยซ้ำ ผมว่าเค้าก็เล่าอย่างนั้นก็ทำให้เราสนุกได้ ผมก็เลยคิดว่าวิธีนี้เราต้องทำให้ได้ ก็คือเล่าจากเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกันก็ได้ ให้เรื่องแต่ละเรื่องมันเป็นเรื่องใครเรื่องมัน แล้วก็สมบูรณ์ในแต่ละเรื่องไปเลย
เรื่องเพลงนี่จริงๆ ผมคิดแยกกันเลย คือเรารู้แล้วว่าจะมาทางนี้ ไอ้ตรงเพลงผมเลือกมาก่อนเลยเป็นเพลงลูกทุ่งเก่าที่คนรุ่นใหม่รู้จัก คือพูดง่ายๆ ไปร้านคาราโอเกะแล้วต้องมี หรือเราได้ยินคนรุ่นใหม่นำร้องบ่อยๆ ร้องประกวดอะไรอย่างนี้ ผมก็เลยกรุ๊ปมาเลยว่าเพลงเหล่านี้ผมต้องได้ใช้แน่ๆ เสร็จแล้วผมก็โฟกัสให้มันชัดไปอีกคือ ต้องไม่ใช่เพลงที่พูดถึงท้องไร่ ท้องนา ควายอะไรอย่างนี้ ผมอยากให้เป็นเพลงที่พูดถึงแล้วคนกรุงเทพฯ ก็รู้สึกได้ ก็สัมผัสได้ เพราะฉะนั้นเนื้อหาก็จะเป็นแบบคิดถึงกัน หลงรักกันอะไรอย่างนี้ ผมก็ค่อยๆ โฟกัสให้มันชัดขึ้นๆ จนเหลือประมาณ 20-30 เพลง
หลังจากนั้นตัวเรื่องก็คิดแยกต่างหาก เรื่องนี้รู้สึกยังไง เรื่องนี้สัมผัสใจเรายังไง แล้วค่อยมาดูว่าเรื่องนี้กับเพลงไหนมันเข้ากัน ก็ใช้เวลากับตรงนี้หลายปีอยู่ พูดง่ายๆ คือที่ผมบอกว่า 10 กว่าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ผมก็คิดไม่หยุดตลอดเวลา คือปั้นมัน ผสม ปรับเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา
เรื่องราวความรักหลายรูปแบบของตัวละครหลากสีสันที่อยู่รายรอบชีวิตเรา สะท้อนผ่านเพลงลูกทุ่งอันคุ้นเคย
ผมตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นความรักวาไรตี้ผสมกลิ่นอายเพลงลูกทุ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ทุกเพศวัย มีทั้งอารมณ์รักซาบซึ้ง อบอุ่น ตลก ยิ้มยิ้ม น่ารัก เรียกว่าครบทุกความรู้สึกเลย
"CEOกับสาวเมทห้องน้ำ" เรื่องนี้ผมเชื่อในความรู้สึกและพลังของความรักที่เหลือเชื่อที่เราคงเคยเห็นหลายคู่ที่สถานะทางสังคม เรื่องส่วนตัว ไม่น่าเชื่อว่าสองคนจะมารักกันได้ ผมชอบพลังความรักแบบนี้ เรื่องนี้ผมก็เลยวางเรื่องและคาแรคเตอร์ให้พระเอกเป็นซีอีโอทำงานออฟฟิศหรูอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ส่วนนางเอกก็เป็นเมดห้องน้ำให้มันเหลือเชื่อไปเลย แล้วทำยังไงเค้าถึงรักกันได้ ซึ่งผมว่าก็เป็นไปได้ที่จะเอาเสียงเพลงมาเป็นตัวเชื่อม ความรู้สึกของเรื่องนี้ ผมนึกถึงอารมณ์ของแอนิเมชันสั้นที่ได้ออสการ์เมื่อ 2-3 ปี ก่อนเรื่อง Paperman มันจะเป็นฟิลลิ่งเดียวกันเลย คนทำงานหรือคนเมืองที่กำลังตามหาความรักอยู่ตัวคนเดียว
แคสติ้งของเรื่องนี้ "คุณน้อย กฤษดา" เนี่ยเป็นแคสที่ลอยมาตั้งแต่แรกแล้ว พอพูดถึงซีอีโอแล้ว คุณน้อยนี่หน้าตานอกจากจะเป็นคนเมืองแล้ว ยังไปทางลูกครึ่งฝรั่งๆ อีก มันก็เลยคอนทราสต์กับลูกทุ่งสุดๆ เป็นแคสที่ผมมองว่าใช่มากๆ ส่วนตัวเมดห้องน้ำ ผมอยากได้หน้าใหม่ ซึ่งต้องไม่สวยเกินไป และต้องมาด้วยเสียง ซึ่งมีคนแนะนำ "น้องไข่มุก" ให้ผมได้รู้จัก เพราะน้องไข่มุกเป็นน้องที่ชอบเพลงลูกทุ่งมากแล้วก็ประกวดมาหลายรายการ ตอนั้นยังไม่ประกวด The Voice เลย เค้าเป็นตัวเด่นที่น่าจับตาเลย ณ ตอนนั้น และพอผมเห็นปั๊บใช้เวลาแป๊บเดียวก็ตัดสินใจว่าคนนี้อ่ะใช่ เป็นเมดที่ไม่ได้สวยมาก แต่ตอนนี้กลายเป็นสวยมากแล้ว (หัวเราะ)
เรื่องนี้ผมไม่ต้องการความรักแบบผู้ชายผู้หญิงมากนัก ผมอยากได้ความรักที่มันบริสุทธิ์กว่านั้น ขนาดซีเอโอยังมาผูกพัน ลุ่มหลงในเสียงจนอาจพัฒนาเป็นความรักขึ้นมาก็ได้ แต่ว่าระหว่างคุณน้อยกับน้องไข่มุก มันต้องมีเส้นๆ หนึ่งที่คนดูจะไม่คิดไปไกลเกินนั้น คือดูแล้วจะยิ้มกับรักบริสุทธิ์ ซึ่งผมอยากได้ภาพอย่างนั้น
ตอนนี้มีเพลงประจำเรื่องคือเพลง "เรารอเขาลืม" เป็นเพลงที่คุณสุนารี ราชสีมาร้องไว้ มันฝังอยู่ในหัวผมนานเหมือนกัน แล้วตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันชื่อเพลงอะไร จนต้องฮัมทำนองถามจากคนที่รู้จักเพลงลูกทุ่ง แล้วพอเอามาให้ไข่มุกร้อง ก็เพราะในแบบเสียงหวานใสกังวานของน้องเลย
เรื่อง "หนุ่มสะพานลอย" นี่มันมาจากเรื่องจริงนะ คือมีวันหนึ่งผมได้ดูข่าวจากเมืองจีน เป็นหนุ่มวัยรุ่นที่เขาจะฆ่าตัวตายบนสะพานลอยข้ามถนน ซึ่งในเนื้อข่าวนั้นน่ะ มันอาจจะเหมือนไม่มีอะไรนะ แต่มันน่าสนใจตรงที่ว่า ในระหว่างที่เขาจะฆ่าตัวตาย มีเด็กนักเรียนวัยรุ่นหญิงคนหนึ่ง วิ่งฝ่าฝูงชนฝ่าตำรวจเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น แล้วก็ในข่าวเขารายงานว่า ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นแฟนกัน แต่พอสังเกตดูอาการในการคุยกันของเขา จับความรู้สึกได้เลยว่า สองคนนี้ไม่รู้จักกันมาก่อน คือแล้วผู้หญิงทำไมวิ่งเข้าไปหา อันนี้คือสิ่งที่ผมสนใจมาก เหมือนประมาณว่าเข้าไปช่วยเหลืออ่ะ เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้คงเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ในเรื่องของความรักอกหักประมาณนี้ แล้วผู้หญิงคนนี้แบบว่าฉลาดมากเลยคือโน้มคอผู้ชายคนนี้มาจูบ มันเลยทำให้ตำรวจเข้าไปช่วยได้ เป็นเรื่องที่ผมแบบอึ้ง เป็นข่าวที่ผมดูแล้วมันเป็นเรื่องจริง ผมก็เลยชอบ หลังจากตอนนั้นผู้ชายคนนี้ก็ไม่พูดอะไรเลย พูดอย่างเดียวว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน อยากเจออีก ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็เป็นผู้หญิงที่ลึกลับแล้วก็หายไปเลยอ่ะ ในข่าวมันมีแค่นี้ ผมแบบอันนี้มันใช่อ่ะ เป็นเรื่องที่ผมต้องเล่าให้ได้ ผมชอบเรื่องนี้ คือมันอาจจะดูไม่มีอะไร แต่ในแง่ความรู้สึกมันได้อ่ะ
แล้วผมก็เลยเลือกเพลง "ความรักเจ้าขา" เรื่องนี้เป็นเพลงที่แบบพูดง่ายๆ ผมว่าคนไม่ค่อยได้ยินหรอก เป็นเพลงที่ ถามว่าฮิตกับคนรุ่นใหม่มั้ย ผมว่าไม่ฮิต แต่ว่าเนื้อเพลงมันใช่ มันถึงความรู้สึกจริงๆ เลย แล้วก็ด้วยแคส "น้องนนท์ The Voice" ลอยมาเลยอ่ะ เพราะผมก็แอบชอบนนท์ตอนดูรายการนี้ นนท์เขาเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะจริงๆ และพอให้เขามาร้องเพลงนี้ของคุณรุ่งเพชร แหลมสิงห์ โอ้โฮ น้องนนท์ร้องแบบทุกคนอึ้งเลย เขาร้องเพราะมากๆ เพราะจริงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วน้องนนท์เนี่ยตอนที่เขาแข่ง The Voice ยังไม่หล่อนะฮะคือแค่ดูใช้ได้ แต่ปัจจุบันนี้วันที่ผมมาถ่ายหนัง มันโชคดีมากเลย คือ เขาเปลี่ยนเป็นดูหล่อเลย โดยเฉพาะพอเอาแว่นออกนี่ โอ้โฮ หล่อมากๆ เลย
นอกจากน้องนนท์แล้ว ผมก็อยากได้น้องผู้หญิงวัยรุ่นหน้าใหม่เลย แล้วก็ได้ "น้องพลอย ศรนรินทร์" มา ซึ่งตอนนั้น ผมก็กำลังดูแลหนังเรื่อง "อาบัติ" แล้วคุณฝน (ขนิษฐา ขวัญอยู่) ผู้กำกับเขาก็แนะนำให้ผมได้รู้จัก บอกว่าพี่สนใจไหมเนี่ยน้องพลอย ผมก็ โอ้โฮ…ใช่เลย ก็เลยให้น้องพลอยมาเล่น ซึ่งบทก็ไม่ได้เยอะอะไรมากหรอกครับ แต่ว่าด้วยแคส ด้วยความสดของน้องพลอย ความใหม่ของน้องนนท์ มันก็ได้ลงตัว รับผิดชอบเรื่องนี้ได้สมบูรณ์แบบมากๆ
"นายเฉาก๊วยกับสาวหน้าผี" นี่ก็มาจากเรื่องจริงครับ ก็หลายปีมาแล้วผมได้ดูรายการของคุณวิทวัสฮะ เขาก็พาดหัวว่า นายเฉาก๊วยกับสาวหน้าผี ประมาณนี้แหละ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ น่าสนใจมาก อะไรคือนายเฉาก๊วย แล้วผมก็ได้นั่งดูคุณวิทวัสสัมภาษณ์ แล้วก็นายเฉาก๊วยก็เล่าประวัติชีวิตของเขา ตั้งแต่เป็นลูกจ้างผลิตเฉาก๊วยจนออกมาเข็นรถเข็นขายเฉาก๊วยอยู่ย่านหมู่บ้านอิสลาม แล้วก็มาเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่เด็กๆ แถวนั้นชอบล้อว่าสาวหน้าผี สาวหน้าผี ซึ่งเขามารู้ทีหลังว่าที่หน้าของผู้หญิงมีก้อนเนื้อปูดออกมาตรงลูกตาข้างซ้าย จากความที่เขารักด้วยความจริงใจ ไม่รังเกียจผู้หญิง เขาก็เลยได้เป็นแฟนกัน แล้วก็ทางรายการคุณวิทวัสเนี่ยสนใจความรักของสองคนนี้ก็เลยพาผู้หญิงไปทำศัลยกรรม ซึ่งวันที่ผมได้ดูรายการวันนั้นนะฮะ เป็นวันที่ศัลยกรรมเสร็จแล้ว แล้วจะเชิญผู้หญิงมาเปิดแผลเปิดหน้ากลางรายการเลย พร้อมกับให้นายเฉาก๊วยได้ดู ได้เจออะไรประมาณนี้ฮะ ซึ่งดูเหมือนกับปกติแหละครับ แต่ว่ามันมีประโยคๆ หนึ่งที่คุณวิทวัสถามนายเฉาก๊วยว่า คุณคาดหวังที่จะได้เห็นหน้าตาแฟนคุณสวยแค่ไหน ปรากฏว่าเขาตอบมาคำๆ หนึ่ง ผมน้ำตาไหลเลย เขาตอบมาว่า ตอนแรกเขาก็อยากจะเห็นแฟนเขาสวยเหมือนคนอื่น แต่พอมาคิดอีกทีหนึ่ง เขาเปลี่ยนใจละ เขาบอกอย่าสวยเลย ไม่ต้องสวยหรอก เพราะว่าถ้าสวยแล้วกลัวจะเสียเธอไป ซึ่งตรงนี้แววตาของนายเฉาก๊วยนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าเขารักและหวงแฟนเขามาก ความรักของสองคนนี้ ดูแล้วแบบน้ำตาไหล แล้วก็อมยิ้มกับความรักของเขา ซึ่งผมก็ชอบและประทับใจ ก็เลยอยากจะพูดถึงความรักของคู่นี้
"คุณกอล์ฟ เบญจพล" เนี่ย ผมแอบสังเกตมาหลายปีแล้วฮะ ผมชอบเขาแสดงดราม่า เขาดราม่าได้กินใจมาก คือ โอเค บางคนอาจจะเห็นภาพเขาตลกๆ แต่ผมชอบดราม่ามากกว่า และผมก็เคยคุยกับคุณกอล์ฟตั้งนานแล้วว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาส อยากทำงานด้วยนะ แต่อยากให้กอล์ฟดราม่าให้ ซึ่งผมก็คิดว่าโปรเจกต์นี้แหละ ซึ่งเป็นบทไหนตอนนั้นผมยังไม่รู้ แต่พอมาตัดใจเลือกว่าจะทำเรื่องนายเฉาก๊วยนี้ ก็ต้องกอล์ฟเลย แล้วก็ตัวผู้หญิงก็ต้องดูดีมากๆ ซึ่งได้ "คุณนุ่น ศิรพันธ์" มาเล่น ผมก็ลำบากใจว่านุ่นต้องมาเล่นแบบมีก้อนเนื้อปูดที่ลูกตา ซึ่งพอเขาทราบเรื่องทราบคอนเซ็ปต์ เขาก็สนใจและก็ท้าทายที่ได้มาดราม่ากับคุณกอล์ฟ มีความรักกัน ซึ่งพอสองคนนี้มาเล่นด้วยกันแล้ว ผมก็ชอบการทำงานแบบว่า ให้เขาเป็นเขา ให้เขาทำการบ้านมาเอง ให้เขานำเสนอ คือคุยให้เขาเข้าใจแล้วเอาเลยทั้งสองคน ซึ่งทั้งสคู่ก็ทำการบ้านมาดีมาก ถ่ายกันดีมากๆ ส่วนที่ยากที่สุดคือคุณวิทวัส ผมก็บอกว่า คุณวิทวัสเป็นคุณวิทวัสแหละ เหมือนไม่เคยสัมภาษณ์มาก่อน เหมือนสัมภาษณ์ใหม่เลย ซึ่งคุณวิทวัสใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร เพราะว่าความถนัดอีกแบบหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายทุกอย่างก็ลงตัวหมด ดีมาก
ตอนนี้ได้ "คุณศรเพชร ศรสุพรรณ" มาร้องเพลง "บุพเพสันนิวาส" ให้ด้วย คุณศรเพชรเนี่ย เขาได้ร้องเพลงของศิลปินท่านอื่นมาหลายเพลงแล้ว แต่เพลงนี้ในชีวิตของคุณศรเพชรไม่เคยร้องนะฮะ เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ฟังศรเพชร ร้องเพลงบุพเพสันนิวาสนี้กันครับ
เรื่อง "สาวมือระเบิดกับหนุ่มอาร์ต" นี่มันก็มีที่มาจากเรื่องจริงเหมือนกัน คือตอนผมทำหนังแอ็คชั่นไล่มาตั้งแต่เรื่อง "องค์บาก" แล้วก็มา "ต้มยำกุ้ง" เนี่ย ก็มีหลายๆ ครั้งผมจะต้องมีฉากระเบิด ผมก็ต้องใช้ "เฮียเล้ง" มาทำระเบิดให้ ซึ่งคนในวงการจะรู้จักแกดี และผมก็เห็นเฮียเล้งมาพร้อมกับลูกสาว ซึ่งลูกสาวตอนนั้นกำลังเป็นวัยรุ่น ผมก็เห็นลูกสาวเฮียเล้งมาช่วยพ่อวางระเบิด ขุดดิน ใส่ดินปืน เดินสายไฟ ทำแบบแคล่วคล่องมาก คือเป็นภาพที่ผมสนใจ นั่งมองการทำงาน คือ ผู้หญิงที่วางระเบิดมันเป็นภาพที่แปลกดี แล้วการวางระเบิด อุปกรณ์สมัยก่อนก็ไม่ได้เหมือนสมัยนี้ คือมันต้อง Manual มากเลย เอาตะปูมาตอกๆ ใส่ไม้แล้วเอาทองแดงมาพันๆๆ แล้วตะปูอีกตัวหนึ่งพันสายไฟมาขั้วบวกขั้วลบ แล้วก็ระเบิดกันตูมๆๆ อะไรอย่างนี้ ผมเห็นแล้วก็แบบสนใจคาแรคเตอร์เหล่านี้ บางทีคาแรคเตอร์คนเรามันสร้างเรื่องราวได้ ก็เลยพยายามผูกเรื่องราวขึ้นมาให้เกิดความรักในกองถ่ายระหว่างหนุ่มอาร์ตหน้าใหม่กับสาวมือวางระเบิดครับ
ซึ่งก็ได้ "น้องกาย นวพล" มาเล่น หน้าตาก็ไปทางลูกครึ่งนิดๆ ส่วน "น้องจอย พัชรี" นางเอกนี่ผมหาอยู่นานนะฮะ อยากได้ผู้หญิงที่ต้องดูแล้วเชื่อว่าเขาวางระเบิดเป็น ตอนนั้นก็มีคนแนะนำจอยให้รู้จัก ช่วงนั้นเขาได้เล่นโฆษณาตัวหนึ่งพอดี เป็นเด็กที่อยู่กับพ่อเป็นใบ้ที่มีดราม่ากันน่ะ คราวนี้ถึงตัวละครเฮียเล้ง ก็เลือกอยู่หลายคนว่าจะเอาใคร สุดท้ายก็เลยนึกถึงว่า เอ๊ะ ทำไมไม่เอาคุณพ่อที่เล่นเป็นใบ้ในโฆษณาตัวนั้นกับน้องจอยมาเป็นคู่เลย เขาเคยเล่นด้วยกันมาแล้ว ผมก็เออ ดีมากเลย ก็เอามา คราวนี้ปัญหาก็คือคุณพ่อที่เล่นโฆษณาตัวนั้นเขาเป็นใบ้จริงๆ ผมก็อ้าวเหรอ ทำไงดี ในบทเฮียเล้งต้องพูดด้วย ผมก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนให้เฮียเล้งเป็นใบ้ ผมว่ามันน่าสนใจขึ้น มันมีมิติขึ้นเยอะเลย มือระเบิดเป็นใบ้ มันลงตัว แล้วก็ใส่เรื่องราวให้มันเกิดขึ้น
ในส่วนของเพลงเรื่องนี้จะพิเศษกว่าเรื่องอื่นตรงที่ว่าตัวละครไม่ได้ร้องเพลง แต่ว่าในความรู้สึกจะต้องมีเพลงมาซัพพอร์ตจริงๆ ผมเลยคิดว่าจะต้องมีตัวละครอื่นมาร้องให้ เป็นการเชื่อมเรื่องอีกแบบหนึ่ง เป็นตัวละครอื่นจากเรื่องราวอื่นมาร้องให้ ซึ่งก็คือเพลง "บอกรักฝากใจ" ซึ่งได้ "เบน ชลาทิศ" มาร้องให้ ซึ่งเป็นแพลงฮิตนะครับ ฮิตมากๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ หลายคนเอามาร้อง แล้วก็เวลาคุณ search ดูใน YouTube นะฮะ "บอกรักฝากใจ" คุณจะเห็นเลยว่าใครๆ ก็ร้อง นักร้อง ดารงดาราเอามาร้องหมดเลย ซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในใจของคนลูกทุ่ง แล้วเนื้อหาก็น่ารักมาก คือรักเขาแต่ไม่กล้าบอก ก็แค่บอกว่ามีคนฝากมาบอกนะอะไรอย่างนี้ ซึ่งเหมาะกับเรื่องนี้มากๆ ครับ
เรื่อง "ซุป'ตาร์สัมผัสทุ่ง" จะว่าไปก็มีส่วนจริงเกิดขึ้นอยู่ คือตั้งแต่ตอนผมทำงานอยู่ RS นะฮะ ผมทำมิวสิควิดีโอของคุณทัช ณ ตะกั่วทุ่ง มาตั้งแต่อัลบั้มแรกคือ สัมผัสทัช แล้วหลังจากนั้นก็เป็นทัชนู่นทัชนี่ สัมผัสมาทางเทคโนโลยี มาทางแดนซ์ มาทางป๊อป อิเล็กทรอนิคผสมกันไปงี้เลย แล้วอยู่มาวันหนึ่งเพื่อการตลาด ทัชจะต้องมาร้องเพลงลูกทุ่ง แล้วชื่ออัลบั้มว่า "ทัชสัมผัสทุ่ง" ผมก็เห็นว่าเออ...อันนี้คือสัจธรรรม นี่คือธุรกิจนะ ตัวตนของเขากับความเป็น คือมันคนละเรื่องเลย มาแดนซ์แล้วมากลายเป็นลูกทุ่ง ก็แค่มุมนี้ละฮะที่มันทำให้เกิดแรงบันดาลใจ เพราะว่ามันเหมาะกับการที่ผมจะมาพูดเรื่องลูกทุ่งว่า จริงๆ แล้วลูกทุ่งกับเพลงแนวอื่นๆ อะไรเนี่ย มันมีคุณค่าไม่ต่างกันจริงๆ มันมีคำคมคำหนึ่งที่พี่ประภาสเขียนไว้นานแล้ว ผมชอบมากๆเลย เขาพูดถึงวงการเพลง เพลงประเภทต่างๆ เขาบอกว่า "คลาสสิกอย่าดูถูกแจ๊ส แจ๊สอย่าดูแคลนป๊อป ป๊อปก็อย่ารังเกียจลูกทุ่ง ลูกทุ่งเองก็อย่ารังงอนหมอลำ หมอลำก็อย่าไปคิดว่าคลาสสิกมันสูงส่ง" ซึ่งประโยคคำคมนี้มันใช่เลย แล้วมันเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ผมจะมาพูดในหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นตัวละครในเรื่อง "ซุป'ตาร์สัมผัสทุ่ง" เนี่ย จะต้องเป็นนักร้องเพลงป๊อปแดนซ์ที่วันหนึ่งการตลาด จากเศรษฐกิจที่มันเปลี่ยนไป แล้วก็ความดังของเขามันเปลี่ยนไป ค่ายเพลงจะต้องให้เขาไปทำอัลบั้มลูกทุ่ง ซึ่งนักร้องคนนี้จะต้องเป็นคนที่แบบว่า ไม่มีความเป็นลูกทุ่ง แล้วก็ไม่ได้คิดว่าชีวิตเขาจะต้องไปเกี่ยวกับลูกทุ่ง ผมอยากเล่าให้ตัวละครในเรื่องนี้แทบจะเป็นแก่นของหนังเรื่องนี้เลยว่า จากคนที่ไม่รู้จักลูกทุ่ง แล้วไปสัมผัสลูกทุ่ง อะไรทำให้เขาเปลี่ยน อะไรทำให้เขาเข้าใจ แล้วก็เขาได้เรียนรู้อะไรกับความเป็นลูกทุ่ง
แล้วก็ใช่มากเลย ผมก็คิดอยู่นานจะเอาใครมาเล่น แต่ผมว่าตัวจริงเขาต้องเป็นนักร้องด้วย ไม่ควรเอาดารามาเล่น ควรจะเป็นนักร้องตัวจริง ถ้าจะให้ดีต้องเป็นนักร้องที่ไม่ใช่ลูกทุ่งด้วยเลย ก็คิดอยู่นาน เลือกอยู่หลายครั้ง ช่วงนั้น "คุณเบน ชลาทิศ" เขากำลังโด่งดังขึ้นมาเลย เป็นที่รู้จักมากขึ้น ถ้าไม่ ผมไม่ได้นึกถึงเขาเลยตอนแรก แล้วพอจังหวะอีท่าไหนไม่รู้ พอชื่อเขาลอยขึ้นมา ใช่เลย ใช่สุดๆ เลย คือพอเขายินดีรับเล่น ผมแทบจะกราบเขาเลย เพราะว่าตอนนั้นต้องเขาเท่านั้นเลยครับ
อย่างที่ผมว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นตัวละครที่เหมือนเป็นตัวแทนคนดูส่วนใหญ่ที่จะเข้าไปสู่วงการเพลงลูกทุ่ง คนที่ไม่รู้จักลูกทุ่ง จะได้รู้จักผ่านตัวละครของเบน แล้วผมก็อยากได้ครูเพลงมาแสดง เป็นช่วงที่เขาทำงานด้วยกันจะเกิดการแลกเปลี่ยนกัน เกิดการซึมซับซึ่งกันและกัน ผมว่า "ครูสลา คุณวุฒิ" ก็น่าจะเป็นครูเพลงที่รุ่นใหม่รู้จักแล้วก็น่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี ผมต้องการความขลังของลูกทุ่ง แต่ไม่ใช่ว่าดูซีเรียสเกินไป ครูสลานี่ผมว่าเป็นกลางๆ ดี แล้วก็ส่วนตัวแม่ของลูกทุ่งเนี่ย มันต้องมี Featuring กัน ซึ่งเราก็เห็นว่า บางทีเราเห็นค่ายเพลงแกรมมี่บ้าง อาร์เอสบ้าง บางทีก็เอาศิลปินป๊อปมา Featuring คู่กับลูกทุ่งหญิงชื่อดัง แล้วก็ได้เพลงฮิตๆ มาหลายเพลงเลย ผมก็เลยน่าจะมาทางนี้ ก็ได้ "คุณอาภาพร นครสวรรค์" เพราะว่าคุณอาภาพรกับเบนเขาก็น่าจะเหมาะกันดีฮะ แล้วเพลงที่เลือกใช้ก็เหมือนเป็นเพลงชาติของลูกทุ่งเหมือนกัน ก็คือ "ทำบุญร่วมชาติ" เพลงนี้พอพูดปุ๊บ ใครๆ ก็ เด็กรุ่นใหม่ก็รู้จักครับ
-
เรื่องต่อไป "ไหนว่าไม่ลืม" นี่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมว่าค่อนไปทางเพลงมาก่อน เพราะเพลง "ลืมไม่ลง" เป็นเพลงฮิตของครูสุรพล สมบัติเจริญ แล้วก็มีอีกเพลงหนี่งคือเพลง "ไหนว่าไม่ลืม" ของแม่ผ่องศรี วรนุชนะครับ เป็นร้องแก้กัน จากเนื้อเพลงมันทำให้ผมนึกถึงความรักที่แบบว่า มันต้องผ่านเวลามามากๆ ก็เหมาะกับมุมความรักของคนที่สูงอายุหน่อยนะครับ คือผมเชื่อในความรักนี่มันอยู่กับมนุษย์จนวันตาย ไม่ว่าอายุจะแค่ไหนก็ตาม ความรักมันยังมีอยู่ในใจเขา ก็เลยอยากจะพูดถึงความรักที่มันฝังใจเขามาตั้งแต่ตอนวัยรุ่น แล้วมันเป็นความรักที่เขาไม่ลืม แต่วันที่เขามาเจอกันเนี่ย มันมีโรคลืมเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วก็อยากจะเล่าเรื่องคนแก่ 2 คนที่หายกันไปนานแล้วมาเจอกันโดยบังเอิญ แล้วในขณะที่ฝ่ายหนึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์ แล้วเขาจะรำลึกกันยังไง เรื่องนี้ผมคิดโครงไว้คร่าวๆ แล้วก็ให้ "คุณฝน ขนิษฐา" (ผู้กำกับ "อาปัติ") มาเขียนบทให้ ถือว่าเป็นเรื่องที่คุณฝนใส่เรื่องผสมเข้ามาให้ผมมากเลย แล้วก็แทบจะเป็นเรื่องใหม่เลย แล้วคุณฝนเขียนไว้ดีมากแต่ค่อนข้างยาว เพราะไม่ได้เบรกตัวเอง ยาวมากเราก็เลยต้องทอนลง แต่ว่าหลายคนอ่านแล้วชอบมาก
ซึ่งเรื่องนี้ผมมองว่าต้องเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อายุเยอะแล้ว แต่ร้องเพลงได้ ซึ่ง "พี่แอ๊ด-สมบัติ เมทะนี" แล้วก็ "คุณพิศมัย วิไลศักดิ์" ทั้งสองท่านนี้ร้องเพลงเพราะมากนะฮะ แต่ว่าผมไม่เคยเห็นคุณสมบัติร้องเพลงลูกทุ่ง แล้วผมก็ คุณพิสมัยผมก็ไม่เคยได้ยินท่านร้องเพลงมาก่อนเหมือนกัน และก็การร้องของสองท่านนี้ ผมไม่ต้องการให้ร้องเพราะนะ ผมต้องการให้ร้องด้วยความรู้สึก แล้วดีมาก ฟังแล้วก็ โอ้โห...ชอบมากๆ ครับ
เรื่อง "แต่งงานกันเถอะ" นี่เป็นเพลงมาก่อนเลย ผมชอบเพลงนี้มาก เพลง "แต่งงานกันเถอะ" นี้ต้นฉบับร้องโดยคุณจันทร์จวง ดวงจันทร์ น้องสาวของคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ผมชอบเพลงนี้มาก มันอยู่ใน iPod ผมจนปัจจุบันนี้มันก็ยังอยู่ใน iPhone อยู่ใน iPad ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมต้องมีเพลงนี้ ผมบอกตัวเองไว้ แต่ว่าเป็นเรื่องที่ผมคิดได้ท้ายสุดเลยว่าเรื่องจะเป็นยังไง จริงๆ แล้วตัวเนื้อหาเพลงมันบอกอยู่แล้ว มันง่ายมากเลย แค่ผู้หญิงหลงรักผู้ชายแล้วก็อยากจะแต่งงานกับเขา แต่คงเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงคนนี้เอื้อมไม่ถึง ประมาณอย่างนั้น จะว่าไปเรื่องนี้ก็เหมือนกันคือ ผู้ชายเรื่องนี้ค่อนข้างจะสูง ผู้หญิงก็ต่ำกว่า เหมือนกัน เหมือนกับตอนคุณน้อยกับไข่มุก แต่ว่าเรื่องนี้มันมีอีกเพลงหนึ่งที่ผมบอกตัวเองเหมือนกันว่าจะต้องมีเพลงนี้ ก็คือเพลง "ขอจองในใจ" คราวนี้หลังจากที่ผมคิดเรื่องอื่นเสร็จหมดแล้วเนี่ย ผมว่าต้องมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมี 2 เพลงนี้แหละ พอเริ่มต้นจากสองเพลงนี้ปั๊บ มันก็เลยคิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้เลย
อันนี้ต้องขอบคุณ "คุณธงชัย ประสงค์สันติ" ด้วย ผมก็ชอบนั่งคุยกัน เล่าไอเดียให้ฟังว่าอยากทำอะไรอย่างนี้ ตอนแรกผมคิดเป็นเรื่องความรักของสาวเซเว่นเจอผู้ชายที่มากลางดึก ทุกตีสามจะต้องมาซื้อของแล้วเกิดความรัก แต่สุดท้ายคุณธงชัยเขาให้ไอเดียมาอันหนึ่ง เป็นแบบผู้หญิงทำงานที่รถไฟฟ้าแล้วก็ก่อนกลับบ้านชอบไปแวะร้านคาราโอเกะ เป็นผู้หญิงติดดินที่มีความฝัน รักผู้ชายที่ระดับซูเปอร์สตาร์ดาราดัง ผมก็คิดต่อจากอันนี้เลยคือเป็นเรื่องของพนักงานเฝ้าเส้นเหลือง-ดูแลความปลอดภัยบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสนะฮะ แล้วก็ยังเป็นโสดอยู่ คืออายุแบบเลขสามแล้แต่ยังไม่มีแฟน ซึ่งความฝันของเธอคือ ซูเปอร์สตาร์บนป้ายโฆษณาคนนั้นคือคนที่เธอหลงรัก ทำงานไปมองป้ายไปแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แต่พอมีข่าวว่าดาราคนนี้แต่งงาน เธอก็เสียใจ ไม่มีกำลังใจในการใช้ชีวิตเลย จนอยู่มาวันหนึ่งก็เหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอะไรอย่างนี้
ตอนนั้นก็มีคนแนะนำผมเหมือนกันว่ามีนักร้อง AF อยู่คนหนึ่ง เป็นผู้หญิงหน้าตารุ่นใหม่เลยแต่ร้องลูกทุ่ง ผมก็ชอบตรงที่เขามีความเป็นลูกทุ่งอยู่แล้ว แล้วเป็นนักร้องอยู่แล้ว แล้วเป็นรุ่นใหม่ แล้วก็ได้รู้จักกับ "หนิม คนึงพิมพ์" แล้วด้วยคาแรคเตอร์ ด้วยวัยก็ตรงเลยครับ ผมใช้เวลาตัดสินใจแป๊บเดียวเองว่า นี่แหละเอาหนิมเลย แล้วก็ทาบทามมาเล่น แล้วก็เกิดเรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อเหมือนกันก็คือ ตอนผมหาข้อมูลของหนิมก็เจอตอนเขาออดิชั่นช่วงต้นๆ นะ เขาใช้ 2 เพลงนี้เลยคือ เพลงแต่งงานกันเถอะ กับ ขอจองในใจ ผมว่านี่แหละ เขาคงเกิดมาเพื่อบทนี้ อันนี้แอบคิดไปเอง ส่วนบทพระเอกก็ได้ "คุณชาคริต แย้มนาม" มาเล่น แล้วก็ต้องขอบคุณชาคริตมากเลยที่ให้เอาเรื่องส่วนตัวของเขามาเล่นในหนัง ก็คือภาพข่าวการแต่งงานของชาคริตกับวุ้นเส้นนะครับ
ก็ฉากเพลงแต่งงานกันเถอะ มันเกิดขึ้นในร้านลาบคาราโอเกะนะฮะ แต่ว่าผมมองว่าตัวละครตัวนี้เขาเพ้อฝันน่ะ แล้วฝันใหญ่มาก ผมก็เลยทำฉากนี้ให้มันดูเป็นเหมือนมิวสิควิดีโอ เหมือนหนังอินเดีย มีความรู้สึกอย่างนั้น ทุกคนในร้านมาเต้นให้เขาได้เลย อาจจะเหนือจริงหน่อยหนึ่ง แต่มันก็คือความฝันของเขา
เรื่อง "ล่องเรือหารัก" กับ "ร้องไห้กับเดือน" สองเพลงนี้ก็เป็นเพลงชาติลูกทุ่งเลย แม้เพลงชาติมันเยอะ ไม่รู้สิ ผมว่าถ้าเป็นคนที่ชอบลูกทุ่ง พอพูดว่า "ล่องเรือหารัก, ร้องไห้กับเดือน" ก็จะต้องอ๋อ ใช่เลย คืออย่างที่ผมเล่าว่า โปรเจกต์นี้ผมมีมานานแล้ว แล้วมีศิลปินท่านหนึ่งคือ "คุณศุ บุญเลี้ยง" ก็เป็นเพื่อนกัน คุยกันเรื่อยๆ เลย แล้วเขาก็อินกับไอเดียเรื่องนี้ แล้วเขาก็เป็นที่ปรึกษา ถึงเขาจะไม่ได้มานั่งทำด้วยกัน แต่ความคิดเขาก็สำคัญมากๆ ก็ผ่านไปหลายปี ผมยังไม่ทำเรื่องนี้ซักที มีวันหนึ่งเจอคุณศุ เขาบอกปรัชญาไอ้ไอเดีย "มนตร์รักลูกครึ่ง" น่ะ ทำได้แล้วนะ ผมรู้สึกว่า เออ ใช่ ต้องขอบคุณเขามากเลยที่เตือนสติ แล้วผมก็รื้อกลับมาทำใหม่ แล้วก็มีความรู้สึกว่าเหมือนเป็นเพื่อนกัน ก็อยากให้เขามีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ อยากให้คุณศุ บุญเลี้ยงมาร้องเพลง เพราะว่าเขาก็เป็นศิลปินอยู่แล้ว แล้วก็มี "เพลงอิ่มอุ่น" ที่เป็นเพลงที่อยู่ในความรู้สึก อยู่ในใจของคนไทยทุกคน วันแม่เพลงอิ่มอุ่นก็จะต้องลอยออกมา ผมก็เลยอยากได้ความรู้สึกแบบอิ่มอุ่นที่เขาร้อง แล้วคุณศุเองก็เป็นคนแนะนำผมเลยว่า อย่าลืมเพลงนี้นะ "ล่องเรือหารัก" ซึ่งผมก็เลยให้คุณศุมาร้องเพลงนี้ซะเลย เหมือนเป็นรับเชิญนะฮะ คือหนังเรื่องนี้บางทีผมรู้สึกเหมือนเราไปดูคอนเสิร์ตที่รวมศิลปิน แล้วก็บางทีศิลปินบางท่านก็อาจถูกเชิญมาในช่วงเวลาสั้นๆ มาร้องเพลงเพลงเดียว แล้วก็แต่ละเรื่องแต่ละเพลงที่เขาจะร้องมันก็มีเรื่องราว แล้วก็มีบอกความรู้สึกอะไรบางอย่างใส่เข้าไปในหนัง หรืออาจจะมีความส่วนตัวอะไรลงไปในหนัง ผมก็เลยมองตอนของคุณศุ บุญเลี้ยงเป็นตอนที่เหมือนภาคผนวก เหมือนไม่เกี่ยว แต่ว่าแถมเข้ามา อาจจะเหมาะกับอยู่ไตเติ้ลหรือแทรกอะไรก็ได้ ผมรู้สึกอย่างนั้น ก็เลยวางเรื่องราวว่าให้เป็นชีวิตจริงของคุณศุเลยที่มีวันหนึ่งเราก็เห็นเขาร้องเพลงเล่นอะคูเลเล่ เขาเป็นศิลปินคนแรกๆ นะที่ใช้อะคูเลเล่ แล้วเขาก็นั่งอยู่บนเรือมีคนพายให้ แล้วก็ร้องเพลงล่องเรือหารักไป เนื้อหาของเพลงนี้ มันพูดถึงผู้ชายที่ตามหาผู้หญิงที่ถูกใจที่ดีที่สุดของเขาสักคนหนึ่ง แล้วก็ล่องไปสองข้างทาง มีความรู้สึกเหมือนเขาร้องเพลงจีบผู้หญิงสองข้างทาง ซึ่งจริงๆ คาแรคเตอร์ของเขาก็เป็นขวัญใจของสาวๆ ฮะ โดยเฉพาะในยุคเฉลียงนะฮะ ปัจจุบันแม้เขาอายุเยอะแล้ว แต่เสน่ห์เขายังมีอยู่ แล้วมันน่ารักดี เขาเป็นคนที่เวลายิ้มแล้วซื่อ เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ เพราะฉะนั้นตอนที่เขาร้องเพลง เนื้อหาอาจจะเหมือนเจ้าชู้หรือเปล่า เอ๊ะ...จีบเต็มไปหมด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ผมอยากให้มันรู้สึกเหมือนมันไม่มีเรื่องแต่มันมีโมเม้นท์ ความรู้สึกแล้วมันคือฟังเพลงเพราะๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แล้วคุณศุเขาก็ร้องได้เพราะมาก
"ร้องไห้กับเดือน" นี่คือตอนระหว่างที่ผมต้อง Search บ่อยก่อนที่จะทำโปรเจกต์นี้ แล้วทำให้ผมได้ไปเจอศิลปินอีกคนหนึ่งที่ผมเห็นเขาแอบมาร้องเพลงลูกทุ่งไว้ใน YouTube เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ใช่นักร้องลูกทุ่งนั่นคือ "คุณสุเมธ องอาจ" เขาจะแอบร้องไว้ส่วนตัว เพราะฉะนั้นถามว่าคุณเคยได้ยินคุณสุเมธร้องเพลงลูกทุ่งมั้ย บางคนอาจจะเห็นใน YouTube แต่ถ้าบางคนไม่ได้เห็น ผมก็เลยชวนคุณสุเมธมาทำงานเรื่องนี้ แล้วก็ให้เขารับผิดชอบในการดูแลทุกคนที่จะร้องเพลงในหนังเรื่องนี้ เพราะทุกคนต้องร้องเพลงลูกทุ่ง แล้วหลายคนนี่ไม่ใช่คนลูกทุ่ง ผมเลยอยากเอาความรู้สึกที่คุณสุเมธที่เขารู้สึกกับเพลงลูกทุ่งเนี่ย เอาความจริงใจจากลูกทุ่งของเขาใส่เข้าไป ก็เลยเชิญคุณสุเมธมาทำงานตรงนี้ แล้วก็ให้เขาร้องด้วย เพราะจะว่าไปผมเองเห็นคุณสุเมธร้องเพลง "ล่องเรือหารัก" ไว้ได้เพราะมากๆ แต่ว่าเพลงนี้คุณศุ บุญเลี้ยงเป็นคนแนะนำ ผมก็เลยให้คุณศุเขาร้อง แล้วก็เอา "ร้องไห้กับเดือน" ซึ่งจริงๆ คุณศุ บุญเลี้ยงเคยร้องเพลงร้องนี้ในอัลบั้มฯ มาแล้ว ผมก็เลยอ่ะ สลับกันร้องไปเลย แล้วก็ผูกเรื่องผูกราวให้คุณสุเมธเขาแสดงด้วยร้องด้วยอะไรประมาณนี้
เบื้องหลังการทำเพลง
ก็คือจะเอาเพลงมาทำใหม่ แล้วก็เหมือนว่าหนังเรื่องนี้เป็นลูกทุ่งสำหรับให้คนกรุงรับได้ด้วย ไม่ใช่แค่ลูกทุ่งสำหรับคนลูกทุ่ง แต่เป็นลูกทุ่งสำหรับคนไทย ดังนั้นคนไทยมีทั้งคนในเมืองคนนอกเมือง ผมว่าจะทำให้คนเมืองรับให้ได้ คนลูกทุ่งหรือคนนอกเมืองรับได้อยู่แล้ว เพราะว่าเราเลือกจากเพลงฮิตมาใช้
แล้วก็หลังจากได้คุยกับคุณสุเมธว่าโจทย์ของผมเป็นอย่างนี้ จะทำหนังอย่างนี้ คุณสุเมธก็ทันทีเลยครับ เขาก็มีใจให้ลูกทุ่งเยอะอยู่แล้ว แล้วเขาแบบผมว่าเขาสนุกกับงานนี้ด้วยกัน ผมก็เต็มที่เลย เพราะผมก็ไม่ได้รู้เรื่องเพลงมาก ผมก็เออ คุณสุเมธว่ายังไง คุณสุเมธก็บอกว่าบางคนควรเบาๆ ไม่ใช่โฉ่งฉ่าง แล้วก็หลายๆ เพลงก็ไม่ใช่เพลงเร็ว แต่เป็นเพลงรักและกินใจ แล้วก็ใช้เนื้อหามันในการเข้าถึงคนดู การเขียนเนื้อของลูกทุ่งมันไม่เหมือนเพลงสตริง มันซื่อ มันใช่ และเวลามันตรงเข้าไปในใจ มันตรงลึกเลย โดยเฉพาะความเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นคุณสุเมธเขาเริ่มจากการใช้กีตาร์เป็นตัวเกลาเบาๆ ในการทำเพลงทุกเพลง แล้วเป็นการคุมจังหวะเพื่อจะให้ศิลปินได้มาร้องก่อน แล้วผมก็มาถ่ายหนัง แล้วหลังจากเราตัดต่อเสร็จแล้วเนี่ย ผมถึงจะทำพาร์ตดนตรีใส่เข้าไปทีหลัง ให้คนทำดนตรีเขาได้เห็นหนังทั้งเรื่อง แล้วค่อยมาว่าดนตรีตรงนี้ควรจะเป็นยังไง แล้วก็บวกกับว่า ปกติแล้วเวลาหนังหนึ่งเรื่องจะมีเพลงใส่เข้าไปในหนังเนี่ย โดยทั่วไปเวลาเราไปซื้อเพลงมา เพลงก็จะต้องถูกการทำจนเสร็จแล้วหรือมิกซ์เรียบร้อยแล้วถึงใส่เข้าไปในหนัง แต่ทีนี้ภาพยนตร์เกิดการมิกซ์เสียงของงานเพลง มันมิกซ์คนละแบบ ก็คือการแยกช่องเสียงมันมีมิติมากกว่าเพลง เพลงส่วนใหญ่เป็นสเตอริโอ นานๆ ทีจะเป็นเซอร์ราวด์ออกมาสักทีหนึ่ง แต่ว่าของภาพยนตร์นี่เป็นเซอร์ราวด์แบบตอนนี้ไปถึง Atmos แล้ว และก็มีเป็น 7.1 หรือ 9.1 ไปแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะใช้กี่ช่องเสียง ผมก็เลยอยากมิกซ์เพลงในหนังเรื่องนี้เป็นแบบภาพยนตร์ ก็คือให้คนทำเพลงเนี่ย แยกดนตรี ก็คืออย่าเพิ่งมิกซ์ เรามามิกซ์ในห้องมิกซ์ภาพยนตร์ประมาณนี้ เพราะเราอยากให้คนดูหนัง ฟังเพลงแล้วมันมีความไพเราะมากกว่าการไปฟังเพลงที่อื่น ซึ่งในหนังไทยผมไม่เคยเห็น ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องแรกเลยนะ
การกำกับเรื่องนี้ถือว่าผ่อนคลายขึ้นเยอะ
ครับ มีความสุขมากๆ อาจจะเป็นเพราะถ้าเทียบกับพวกหนังแอ็คชั่น มันเป็นหนังที่ทำยากกว่าปกติ คือมันต้องมีฉากนู้นฉากนี้ที่จะต้องใช้ทีมงานเชี่ยวชาญหลายๆ ทางมาประกอบกัน ซึ่งมันเป็นสเกลที่ใหญ่มาก พอมาทำหนังเรื่องนี้ เหมือนผมได้ไปพักผ่อนน่ะ บางทีเหมือนแบบนี่ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ เพราะปกติหนังแอ็คชั่นที่ผมถ่ายบางทีน้อยสุด 60 คิว มากสุดก็ 120 คิวถ่ายทำ แต่เรื่องนี้ผมใช้ 18 หรือ 20 คิวแค่นั้นเอง ผมถ่ายหนังแอ็คชั่นบางทีฉากหนึ่ง 20 คิว ผมได้แอ็คชั่นแค่ฉากเดียว แต่นี่ผมได้หนังทั้งเรื่อง แล้วก็ถ่ายแบบไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องกลัวใครเป็นอันตราย ผมมาโฟกัสแต่เรื่องความรู้สึก แล้วเราเป็นคนชอบฟังเพลงลูกทุ่งอยู่แล้ว มันเลยอิน อินแบบมีความสุขมากๆ เป็นเรื่องที่ผมนอนตายตาหลับไปอีกอันหนึ่งแล้วเพราะได้ทำไปแล้ว
ความประทับใจในการทำเรื่องนี้
ทุกวันลยนะ ทุกวันที่ผมออกไปถ่าย ผมมีความสุขมากๆ เลย เอาตั้งแต่ถ่ายตอนคุณน้อยก่อนใครเลย คือผมก็แอบลุ้นว่าคุณน้อยเขาอินกับเพลงลูกทุ่งแค่ไหน เขาไม่ได้อินนะแต่เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ในเรื่องนี้เขาไม่ได้มาร้องเพลง แต่การแสดงเขาคือต้องพยายามร้องเพราะร้องไม่เป็น ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่นั้นได้ดีมากเลย เขาต้องพยายามร้องเพลงลูกทุ่ง มันเป็นเสียงที่เราคุ้นเคยของคุณน้อยมาร้องลูกทุ่ง ทุกคนชอบมากเลย ถึงมันน้อยๆ แต่ทุกคนก็ชอบมากเลย เดี๋ยววันหนึ่งหรือวันแถลงข่าวใดๆ คุณน้อยช่วยโชว์หน่อยเถอะ คุณน้อยก็รับปาก เออ เราก็มีความสุขกับตรงนี้
แล้วก็ทุกครั้งที่ไข่มุกร้องนี่แบบอื้อหือ คือแบบว่าในเรื่องที่ผมถ่าย เราแทบไม่เห็นหน้าคุณไข่มุกเลย เพราะฉะนั้นตอนที่เขาทำความสะอาดห้องน้ำไปแล้วร้องไป บางทีเราไม่ต้องให้เขาร้องก็ได้ เราเปิดเทปก็ได้ ทำทีหลังได้ แต่คุณไข่มุกเขาทำเองร้องเอง ร้องใหม่ทุกครั้ง เป๊ะมากเลย ก็เพราะจริงๆ ฮะ เสียงเขามีเสน่ห์มาก แล้วก็มีความสุข เวลาเราทำงาน ไม่รู้สิ ทีมงานผมบางคนไม่อินลูกทุ่งนะครับ แต่พอจะปิดกล้องเขาบอกว่าเขาหลงเพลงลูกทุ่งไปแล้ว
แล้วมีเพลงหนึ่งคือเพลงล่องเรือหารัก ตอนที่คุณศุล่องเรือเนี่ย เราต้องถ่ายทำ ฉากที่ตรงนั้นมันเป็นคลองหรือที่มีสองข้างทางแบบกรุงเทพอ่ะ ก็น่ารักดี แล้วเงียบ เพราะช่วงเราถ่ายไม่มีเรือหางยาวเลยจะเงียบสงบ พอเราเปิดเพลงให้คุณศุ บุญเลี้ยงร้องตอนถ่ายทำนะครับ เพลงมันก็ดัง เรียกได้ว่ามันดังทั้งคุ้งน้ำเลย แล้วก็หลายรอบ ล่องเรือหารักกันทั้งวันเลย มีความสุขมากๆ เลยฮะ ผมอยากให้ทุกคนได้ไปเห็นความรู้สึกตรงนั้น ทุกคนเงียบ เดินกล้อง เรือที่ตั้งกล้องก็เงียบ ไม่มีติดเครื่อง แล้วค่อยพายเบาๆ คุณศุร้องเพราะมากๆ ฮะ แล้วต่อลำโพงใหญ่ๆ มีแต่เสียงเครื่องโดรน ฉากนั้นเราถ่ายโดรนเรี่อยไปตามน้ำ
แล้วก็เพลงของหนิม เพลง "แต่งงานกันเถอะ" ผมก็ใช้โคโรกราฟมือต้นๆ ของประเทศไทยเราอย่าง "ครูเจด้า" ก็ไปเล่าเรื่องลูกทุ่งให้เขาฟังเพื่อออกแบบท่าเต้น เขาก็อินเพลงลูกทุ่งนี่ใช่เลย แล้วเรามีโมเดลคือเพลงอินเดีย หนังอินเดีย ท่าเต้นอะไรงี้ ก็คุยกัน ครูเจด้าเขาก็ชอบ ก็ให้เขาช่วยออกแบบท่าเต้นให้ ก็เป็นอีกฉากหนึ่งที่ประทับใจฉากอื่นๆ กับนักแสดงทุกๆ ท่านในเรื่องนี้ ผมดีใจมากที่ได้ร่วมงานกัน ประทับใจมากครับ
การร่วมงานกับทีมนักแสดง
ไม่รู้ผมคิดไปคนเดียวหรือเปล่า ผมอินลูกทุ่งมากนะแต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าต้องเอามาร้อง ผมเป็นคนร้องเพลงไม่เป็น แต่ว่าผมรู้สึกจริงจังกับการเลือกสรรฟังเพลงลูกทุ่ง แล้วเก็บเพลงลูกทุ่งเอาไว้ทั้งเก่าทั้งใหม่ไว้ฟังนะ ตอนทำงานก็เลยลุ้นไปว่าความรู้สึกของนักแสดง ทีมงาน หรือใครก็ตามที่มาร่วมอยู่ในโปรเจกต์นี้ เขาจะรู้สึกกันยังไง ซึ่งหนังเรื่องนี้ผมมักจะพูดคำๆ หนึ่งว่า "ผมเชื่อว่าคนไทยต้องมีใจลูกทุ่ง" ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร บางคนเนี่ยรักลูกทุ่งอยู่แล้ว บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีลูกทุ่งอยู่ในใจ บางคนคิดว่าตัวเองไม่ใช่แล้วปฏิเสธ แต่จริงๆ แล้วทุกคนน่ะมีลูกทุ่งอยู่ในใจไม่มากก็น้อย อยู่ที่ว่าเมื่อใดเพลงลูกทุ่งจะมาจุดความเป็นลูกทุ่งของคุณออกมา อยู่ที่ทุกคนจะโดน แล้วก็มีคำถามหนึ่งที่ผมจะถามทุกคนว่า เคยฟังลูกทุ่งไหม และเมื่อใดที่ฟัง หรือ ณ ตอนนั้นทำไมถึงฟังลูกทุ่ง ผมจะสนุกมากกับการได้ฟังคำตอบจากคนที่ไม่ค่อยได้ฟังลูกทุ่ง แล้วเขาจะตอบว่า เออ...ปกติเขาไม่ได้ฟังหรอก แต่บังเอิญวันนั้นยังไงไม่รู้มันแวบมา แล้วก็ทำให้เขาเผลอฟังจนจบเลยอ่ะ เหมือนเปลี่ยนคลื่นวิทยุแล้วมันเข้ามาแล้วก็เผลอฟังจนจบเลยก็มี มันก็จะเกิดโมเม้นต์แปลกๆ แต่ว่ายังไงก็ตาม มันคือจิตวิญญาณของความเป็นคนไทยกับเพลงลูกทุ่ง
เสน่ห์-ความน่าใจของภาพยนตร์เรื่องนี้
เพลงลูกทุ่งครับ อยู่ตรงเพลงลูกทุ่งเลย ซึ่งผมว่าหนังไทยยังไม่มีภาพแบบนี้ เราอาจจะเคยเห็นหนังลูกทุ่งมาแล้ว เพลงลูกทุ่งมาแล้ว อาจจะมิวสิควิดีโอลูกทุ่งมาแล้ว แต่คุณไม่เคยเห็นหนังลูกทุ่งที่มีภาพแบบนี้ ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่แปลก ใหม่ แล้วก็ส่วนตัวผมว่ามันน่าสนใจนะ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคนดูจะสนใจหรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่รู้
มาดูว่าคนเมืองเขาฟังลูกทุ่งกันยังไง ลูกทุ่งมีผลยังไงกับคนเมืองอย่างนี้ดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ของคนเมืองคนต่างจังหวัดหรอก แต่มันของคนไทยทุกคน
คำว่า "ลูกทุ่ง" ที่ผมใช้ในหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นเพลงคลาสสิกไปแล้ว เพราะฉะนั้นพอคลาสสิกแล้วเนี่ย ผมว่าคนที่เคยดูลูกทุ่งก็จะยอมรับมัน จะชอบเลย ชอบเพลงทุกเพลงในหนังเรื่องนี้ ส่วนคนอีกฝั่งที่ไกลและไม่รู้จักลูกทุ่งเลย ผมว่าเขาน่าจะหันมามอง แล้วก็น่าจะเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ท้าทายให้เขามาดู แล้วก็เหมือนกับสำรวจตัวเองว่า สุดท้ายเขาใช่หรือเปล่ากับลูกทุ่ง ซึ่งผมกล้าท้าว่าใช่ ถ้าคุณเป็นคนไทย มีจิตวิญญาณ คุณคือคนลูกทุ่ง เพราะฉะนั้นคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังสำหรับคนไทยทุกคนที่น่าจะมาดูกันครับ
-
บทสัมภาษณ์ “กฤษดา สุโกศล แคลปป์” (น้อย วงพรู) พลิกบทบาทมาร้องเพลงลูกทุ่งจีบสาว ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”




บทบาท-คาแรคเตอร์
เรื่องนี้ผมรับบทที่ชื่อว่า "บอย" นะฮะ เป็น CEO ของบริษัทหนึ่งนะฮะ คาแรคเตอร์ก็จะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบที่ค่อนข้างสูงเหมือนกัน แล้วก็ค่อนข้างเครียด เพราะว่ามีปัญหาที่บริษัท แล้วทุกครั้งที่เขาเครียดหรือกลุ้มใจนี่ เขาก็มักจะไปหลบอยู่ในห้องน้ำเงียบๆ คนเดียว แล้วก็พอดีวันหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงแม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทร้องเพลง พอได้ยินเสียงนั้นปั๊บ เขาก็เหมือนกับความเครียดทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไป เพราะเขาไม่เคยได้ยินเสียงร้องที่แบบลึกเหลือเกินและเพราะเหลือเกิน จนเขาต้องรู้ให้ได้ว่าแม่บ้านคนนี้คือใครครับ
เพลงนี้คือเพลง "เรารอเขาลืม"
ครับ เป็นเพลงที่ทางโปรดิวเซอร์ส่งมาให้น้อยฟัง ให้น้อยช่วยท่องเนื้อเพลงลูกทุ่งนี้ให้หน่อยนะฮะ เพลงนี้ชื่อว่า "เรารอเขาลืม" ซึ่งปกติน้อยก็ไม่ได้ชินกับการร้องเพลงลูกทุ่งเท่าไหร่อยู่นัก แต่ว่าพอได้ยินก็เริ่มอินไปกับเพลง แล้วก็เริ่มหัดร้องนะฮะ หัดร้องในสไตล์น้อยนะครับ แต่เผอิญในหนังนี่เราเป็นคนที่ร้องไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่อยู่แล้ว ผมก็เลยต้องพยายาม ผมก็มีเพื่อนบางคนที่ร้องไม่ได้จริงๆ เสียงแย่จริงๆ ผมก็พยายามก๊อปเพื่อนนี่ละฮะ (หัวเราะ) ช่วงซีนนั้นผมก็เลยพยายามร้องแบบเหมือนเสียงเพี้ยนนะฮะ แล้วก็อาจจะทำตัวเขินหน่อย อาจจะประมาณนั้น แต่ว่าผมก็ตกใจจริงๆ นะฮะ เพราะว่าช่วงที่ถ่ายทำมันก็หลายเดือนมาแล้วนะฮะ แล้วก็วันหนึ่งประมาณ 6-7 เดือนผ่านมานี่ ผมก็นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้าน แล้วอยู่ดีๆ ก็เห็นไข่มุกร้องเพลงนี้ออดิชั่นใน The Voice ผมก็เฮ้ย...แล้วก็ร้องเพลงนี้ด้วยนะ นางเอกของเรา เดี๋ยวนี้น่าจะมีชื่อเสียงมากกว่าเราแล้วด้วยซ้ำ ก็ดีใจสำหรับเขานะฮะ เพราะเสียงเขาเพราะมาก
ตัวละครผูกพันกับเพลงนี้ยังไงบ้าง
ในคาแรคเตอร์ของบอยนี่ก็ค่อนข้างเป็นคนที่เหงานะฮะ แล้วก็คล้ายๆ กับหลายคนที่เวลาทำงานก็ทำให้ดีที่สุด แต่ว่าสิ่งที่เขารักจริงๆ เนี่ย เขายังค้นหาอยู่ มันอาจจะไม่ใช่งาน มันอาจจะเป็นอย่างอื่น เขากำลังค้นหา อาจจะเป็นใครคนหนึ่งก็ได้ฮะ เหมือนเขาเป็นคนที่มีความรักเยอะเหลือเกินในตัวเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอามันไปไว้ที่ไหน หรือจะเอามันไปให้ใคร ซึ่งความรู้สึกนี้ค่อนข้างสะท้อนกับบทเพลงนี้ในระดับหนึ่ง ในความเหงาการรอความรัก พอเราได้ยินบทเพลงนี้ เนื้อหาเพลงนี้ แล้วก็ได้ยินเสียงนี้ด้วยนะฮะ มันก็เริ่มทำให้เราคล้ายๆ กับเหมือนเจอแล้วสิ่งที่เรารัก แล้วเราต้องไปรู้จักกับคนๆ นี้หรือว่าต้องไปรู้จักกับความรู้สึกนี้ที่มันเกิดขึ้นให้ได้นะฮะ ซึ่งผมก็จำได้สมัยก่อนที่เราเจอกับภรรยาครั้งแรก พอผมเจอเขาปั๊บ เหมือน Love at First Sight แบบผมรู้ว่าเธอต้องเป็นของผม (หัวเราะ) รู้สึกมันเป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวจริงๆ นะ แต่ She is Mine ผมไม่แคร์แล้ว แม้ว่าเธออาจจะมีแฟนแล้วผมไม่รู้ ผมไม่แคร์แล้ว ผมเจอแล้วอ่ะ แล้วผมต้องทำให้เธอรักผมให้ได้ ต้องรู้จักกันให้ได้ฮะ รักนี้ต้องเกิดฮะ ความรู้สึกในคาแรคเตอร์มันก็เป็นประมาณนี้ก็ได้ฮะ
การร่วมงานกับน้องไข่มุก
ผมรู้สึกว่าแม้แต่เสียงของเธอ แล้วก็หน้าตาของเธอจะมีความค่อนข้างบริสุทธิ์ทีเดียวฮะ แต่เธอก็เป็นคนที่มั่นใจนะ และผมพูดตามตรงผมก็เขินนิดหน่อยนะ เพราะว่าผมอายุมากกว่าไข่มุกค่อนข้างเยอะเหมือนกันฮะ (หัวเราะ) เลยก็เขินเหมือนกันตอนที่แบบบางฉากที่ต้องมองสายตาเธอ ต้องจับมือเธอนิดหน่อย แต่ว่าผมก็หวังว่าคนที่ชมภาพยนตร์ยังจะพอยอมรับความรู้สึกระหว่างเราสองคนได้นะฮะ ระหว่างความรู้สึกของผมในเสียงเพลงของเธอฮะ
ความรักของเรื่องนี้เป็นยังไง..
ความรักนี้มันคล้ายๆ เป็น Discovery เหมือนกับบางทีเราลืมไปแล้วว่า ความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไง มันทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนกับช่วงเรียนมัธยมที่ทุกอย่างมันยัง Fresh และค่อนข้างบริสุทธิ์ลึกซึ้ง แล้วมันก็จริงเหลือเกิน เหมือนกับ Return to Innocence สำหรับน้อยนะฮะ
ความผูกหันของเพลงลูกทุ่งกับคนไทย
มันก็ไม่มีเสียงเพลงอะไรที่เป็นไทยอย่างแท้จริงเท่าเพลงลูกทุ่งอยู่แล้วฮะ เพราะว่าแม้แต่ผมเองที่ร้องเพลงอัลเทอร์ ป๊อปร็อก ผมก็ได้อิทธิพลมาจากทางเมืองนอกอยู่แล้วนะฮะ แต่นี่มันเป็นเสียงเพลงที่บริสุทธิ์จริงๆ ของความเป็นไทยฮะ แล้วผมว่ามันจริงที่สุดด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเสียงเพลงแล้วก็เสียงของคนร้องฮะ มันมีความเป็น Original จริงๆ ฮะ
พูดตรงๆ แล้วน้อยก็ไม่ได้เติบโตมากับเพลงลูกทุ่งนะฮะ แล้วก็ไม่ได้ฟังมากมายถึงขนาดนั้นนะฮะ แต่ว่ายังพอคุ้นเคยหน่อยฮะ แต่ว่าน้อยก็เคยพยายามร้องมาก่อนนะฮะ แต่ว่าไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ (หัวเราะ)
เบื้องหลังความสนุกในการถ่ายทำ
ก็สำหรับหนังภาพยนตร์เรื่องนี้นะฮะ สำหรับผม ผมก็ต้องขอบคุณพี่ปรัชนะฮะที่ชวนผมมาเล่นเรื่องนี้ หลายคนก็ทราบอยู่แล้ว ส่วนมากผมจะเล่นหนังไปทางดราม่าหน่อย บางคนบอกหนังโรคจิตอะไรอย่างนี้ หนังแรงๆ อินเนอร์ (หัวเราะ) ซึ่งมีฉากหนึ่งที่ถ่ายกันนะฮะ ฉากที่ผมกำลังเครียดอยู่ในห้องน้ำ ฉากเครียดก็มาละ ผมก็ทำหน้าเครียดแบบแรงๆ มาก พี่ปรัชก็บอกว่าน้อยๆ คัทๆๆ น้อย นี่ไม่ใช่หนังโรคจิตนะน้อย นี่เป็นหนัง Feel Good ไม่ต้องเครียดมากก็ได้ ผมก็เออๆ ใช่ๆ โทษทีครับพี่
เสน่ห์ความน่าสนใจของเรื่องนี้
ผมดีใจที่มีโอกาสได้เล่นหนัง Feel Good ในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นหนังที่มีความ Positive และ Inspiration มากๆ ครับ ผมว่ามันค่อนข้างจะมีทุกสิ่งทุกอย่างครบวงจรนะ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง นักแสดงที่หลากหลายเหลือเกิน แต่ละคนก็มีคนละสไตล์ที่เวลาผสมผสานกันมันน่าสนใจดี มัน Mix & Match แล้วทำให้เกิดอะไรใหม่ๆ สำหรับภาพยนตร์ไทยในบ้านเรา เรื่องนี้มันมีหลายสไตล์ในเรื่องเดียวกัน แล้วมันก็มีความหมายของความรักค่อนข้างเยอะแยะทีเดียว ผมว่าทุกคนก็น่าจะ Connect ได้ครับ
-
Movie Guide: ไพเราะ เพราะเวอร์ ครั้งแรก!!! “น้อย, เบน, นนท์, หนิม, ไข่มุก” เปล่งหัวใจประสานเสียงร้อง “บอกรักฝากใจ” เพลงประกอบหนัง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”

MV. บอกรักฝากใจ (Official Ost. ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)
"พี่เอารักมาฝาก เป็นความรักจากชายคนหนึ่งส่งถึงทรามวัย ขอฝากหัวใจเอาไว้ในห้องหอหัวใจของเจ้าที่เขาบูชา พี่เอารักมาส่งจากชายซื่อตรงคงคำมั่นไม่ผันวาจา รักกว่าน้ำดินและฟ้า หญิงทั่วทั้งโลกาไม่ปรารถนาใครเกิน..."
ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันแล้วกับซิงเกิลพิเศษ "บอกรักฝากใจ" เพลงประกอบภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ที่ได้ 5 นักร้องเสียงดีมากฝีมืออย่าง "น้อย วงพรู, เบน ชลาทิศ, นนท์ เดอะวอยซ์, หนิม AF และ ไข่มุก เดอะวอยซ์" มาร่วมร้องและประสานเสียงอย่างไพเราะอบอุ่นหัวใจเป็นครั้งแรกของวงการเพลงและภาพยนตร์
โดยเพลงประกอบเวอร์ชั่นนี้ได้นักร้องคุณภาพอย่าง "สุเมธ องอาจ" มาออกแบบและควบคุมการร้องด้วยตัวเอง เขาพูดถึงการทำงานในเพลงนี้ว่า
"เพลง 'บอกรักฝากใจ' เวอร์ชั่นลูกทุ่งซิกเนเจอร์นี้ เป็นการร้องของนักร้อง 5 คนคือ น้อย วงพรู, เบน ชลาทิศ, นนท์ เดอะวอยซ์, หนิม เอเอฟ และ ไข่มุก เดอะวอยซ์ ซึ่งเราก็จะพยายามใช้ความเป็นตัวตนทั้งเสียงและคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนให้ออกมาอยู่ในเพลงเดียวกัน อย่างสไตล์ของเบนก็จะเป็นเสียงแหบใหญ่ทิ้งหางเสียงให้ย้วยกว่าปกติ ซึ่งพวกจังหวะโยนๆ ก็เป็นสไตล์ของเบนอยู่แล้ว ส่วนของน้องหนิมก็จะให้ร้องหวานขึ้น เบาๆ สวยๆ เซ็กซี่นิดหน่อยเป็นการบอกรักแบบไม่โฉ่งฉ่าง ส่วนนนท์ก็จะเป็นลูกทุ่งกึ่งป๊อป สามารถอยู่ตรงกลางระหว่างลูกทุ่งและป๊อปได้ ไข่มุกก็เป็นแนวเสียงหวานลูกทุ่งแท้ๆ มีลูกเอื้อนเพราะๆ ส่วนคนสุดท้ายก็คือน้อย วงพรู สไตล์ของเขาก็จะเป็นเสียงสูงบาง ใส่จริตในคำ มีเสียงลมที่เป็นเสน่ห์เข้ามาอะไรแบบนี้
ความเป็นเพลงลูกทุ่งในบริบทเมืองถูกวางคอนเซ็ปต์ไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะไม่พยายามให้นักร้องป๊อปมาร้องลูกทุ่งให้เป็นลูกทุ่งเป๊ะ แต่ว่าลูกทุ่งที่แต่ละคนจับต้องได้ในมุมไหนก็ให้เขาถ่ายทอดออกมาในมุมนั้นๆ เพราะผมคิดว่าสำเนียงสำคัญกว่าวิธีร้อง โดยเรากำลังจับต้องสิ่งที่ศิลปินแต่ละคนเป็น เพราะเพลงนี้จริงๆ แล้วมีความเป็นป๊อปอยู่สูง มันไม่ได้ดีไซน์ไว้ด้วยรากของเพลงไทยเดิมอย่างเพลงลูกทุ่งอื่นๆ แต่ออกแบบไว้เพื่อเป็นเพลงป๊อปลูกทุ่ง เพื่อจะได้ไม่ยากในการทำงาน ให้ถอยความเป็นลูกทุ่งออกมานิด แต่เราก็ปล่อยให้คนเป็นลูกทุ่งก็เป็นลูกทุ่งอยู่ คือลูกทุ่งเขาจะไม่ประสานเสียงแต่ว่าด้วยความที่นักร้องตั้ง 5 คน และมีช่องว่างที่เป็นช่วงทอดอารมณ์ได้เยอะ เราเลยให้เล่นประสานเสียงกันบ้าง ดังนั้นจึงกลายเป็นเพลงป๊อปห่างไกลจากความเป็นลูกทุ่งมาเยอะ แต่ว่ากระดูกของมันก็ยังเป็นลูกทุ่งอยู่ และเป็นการผสมผสานที่ลงตัวเลยครับ"
-
Movie Guide: “นนท์ เดอะวอยซ์” เล่นเศร้าร้องซึ้ง ครวญเพลง “ความรักเจ้าขา” ครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”




MV. ความรักเจ้าขา (Official Ost. ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)
ด้วยเสียงนุ่มละมุนและบุคลิกที่เข้ากับบทบาทในเรื่อง ทำให้นักร้องหนุ่ม "ธนนท์ จำเริญ" (นนท์ เดอะวอยซ์) เป็นที่เตะตาของผู้กำกับ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" จนได้เลือกเขาให้มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ซึ่งงานนี้นนท์ต้องรับบทหนักเป็นหนุ่มผู้อกหักในความรักและคิดจะโดดสะพายลอยเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง รวมถึงต้องเอื้อนลูกคอร้องเพลง "ความรักเจ้าขา" ให้แฟนๆ ได้ซึ้งกันด้วย
หนุ่มนนท์เผยถึงการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกนี้ว่า
"ใน 'ลูกทุ่งซิกเนเจอร์' หนังเรื่องแรกของผม คาแรคเตอร์ก็จะเป็นพวกขี้แพ้ พออกหักจากความรักก็คิดสั้นโดดสะพานลอย ซึ่งมันเป็นจุดที่เขาจะหนีปัญหาและจบทุกอย่างด้วยวิธีการแบบนี้ ซึ่งมันก็เลยทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วตัวละครตัวนี้มันน่าจะมีแรงผลักดันเยอะมากถึงกล้าที่จะทำอย่างนี้นะครับ เรื่องนี้เป็นการแสดงชิ้นแรกเลยครับ การแสดงมันเป็นศาสตร์ที่เราไม่รู้จักและเป็นอะไรที่กว้างมาก แต่พอเราได้มาแสดงจริงๆ ตัวละครตัวนี้ต้องใช้เวลาอยู่กับมัน ต้องเข้าใจมันมากๆ เป็นอะไรที่ยากมากแต่ก็สนุกดีฮะ
เรื่องนี้ผมต้องร้องเพลง 'ความรักเจ้าขา' เป็นครั้งแรกด้วย คือได้ยินนานแล้วครับ แต่ว่าก็ยังไม่คิดว่าเป็นเพลงที่มันจะมีความหมายขนาดนี้ จนเราได้มาสวมบทบาทตัวละครตัวนี้ มันเป็นอีกมิติหนึ่งที่ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้น ความหมายของเพลงนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงสื่อความรู้สึกของตัวละครได้ดีขึ้น
ตอนแรกตกใจ ไม่คิดว่าพี่ปรัชจะติดต่อมา เค้าบอกว่าชอบคาแรคเตอร์เรา ก่อนหน้านี้ก็มีติดต่อเข้ามา คือผมจะชอบกดดันตัวเอง เรากลัวเป็นภาระของทีมงาน แต่ต้องบอกว่าเป็นเกียรติด้วย เพราะเราก็ติดตามพี่ปรัชมานานแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ ที่ได้ร่วมเล่นเรื่องนี้
ความน่าสนใจของหนังที่ผมสัมผัสได้ ผมรู้สึกว่าอย่างแรกก็คือเป็นเรื่องที่พูดถึงชีวิตจริง พูดถึงความรักความรู้สึกของมนุษย์ ในจุดหนึ่งที่มันมีปัญหาเข้ามา แล้วก็อาจจะมีความรักเข้ามาแก้ไขได้ หรือเพลงในเรื่องนี้ ผมว่ามันเป็นซิกเนเจอร์มาก มันเป็นเพลงลูกทุ่งจริงๆ ซึ่งผมได้มีโอกาสได้ร้องเองด้วย บางคนอาจจะเคยฟัง บางคนอาจจะยังไม่เคย แต่เป็นมิติใหม่ครับ เรานำมาพรีเซ้นต์ในยุคของปัจจุบัน ในตัวละครปัจจุบัน ซึ่งผมว่ามันสามารถแตะใจคนดูร่วมสมัยได้เลยครับ"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
“ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” ส่งต่อความรักผ่าน Postcard Set การกุศล วาดโดย “สเลดทอย” รายได้มอบให้มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก

"สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" ผู้สร้างภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" จัดกิจกรรม "เขียนคำ 'รัก' ส่งต่อความสุขแห่งการได้ยิน" ผ่านโปสการ์ดเซ็ตที่ระลึก (9 ใบ / เซ็ต) จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งวาดโดย Sahred Toy - สเลดทอย (ต๊อด-อารักษ์ อ่อนวิลัย) นักวาดภาพประกอบชื่อดัง
โดยจะจำหน่ายในราคาเซ็ตละ 99 บาท จำนวน 500 เซ็ต
เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. นี้เป็นต้นไป
รายได้จากการจำหน่าย (ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น) มอบให้ "มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์" เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในมูลนิธิฯ ต่อไป
ติดตามรายละเอียดได้ที่ FB: Sahamongkolfilmint หรือโทร 02-279-5555 ต่อ 514
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
บทสัมภาษณ์ “รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช” (ไข่มุก The Voice 4) เสียงสะเทือนจอกับเพลง “เรารอเขาลืม” ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”


บทบาท-คาแรคเตอร์
สวัสดีค่ะ "รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช" หรือ "ไข่มุก เดอะวอยซ์" ค่ะ ในภาพยนตร์เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ในตอน "CEO กับสาวเมดห้องน้ำ" ไข่มุกก็รับบทเป็น "แก้ม" ค่ะ เป็นแม่บ้านสาวเมดนั่นเอง ตัวแก้มก็จะเป็นผู้หญิง เป็นเด็กสาวบ้านนอกแล้วก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ก็ทำมาหลายที่มาก เป็นสาวเมดอะไรอย่างนี้ จนมาที่บริษัทนี้ แล้วแก้มก็จะเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมากๆ ร้องเพลงแล้วรู้สึกว่ามีความสุข รู้สึกเป็นตัวเอง รู้สึกคิดถึงบ้านอะไรอย่างนี้ค่ะ คือแก้มจะเป็นคนขี้อาย ชอบแอบร้องเพลงในห้องน้ำออฟฟิศเวลาทำงานไปก็ร้องไปอะไรอย่างนี้ ก็จะไม่รู้เลยว่าใครจะมาได้ยินเสียงเราบ้างค่ะ จะกลัวคนอื่นได้ยินเสียง เราอายเสียงตัวเองมากค่ะ จนกระทั่งวันหนึ่งเราร้องเพลงในห้องน้ำเป็นปกติทุกวัน แล้วก็มีชายหนุ่มมาได้ยินเราร้องเพลงค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเสียงของแก้มนี่ไปกระทบใจหรือว่าเขาชอบจนต้องตามหาเราอะไรอย่างนี้หรือเปล่าค่ะ
เพลงประจำตัวแก้มที่ชอบร้องคือ
เพลงที่แก้มชอบร้องในเรื่องนี่ชื่อเพลงว่า "เรารอเขาลืม" ค่ะ
บรรยากาศวันที่อัดเพลงนี้ ครั้งแรกที่ร้องเพลงนี้
คือพี่สุเมธ (สุเมธ องอาจ – ผู้ออกแบบและควบคุมการร้อง) ค่ะ บอกให้เราร้องเหมือนว่าไม่เก่ง ร้องแบบซื่อๆ บ้านนาๆ ซึ่งไม่ต้องมีเทคนิคอะไรมากมาย เพราะว่าในตัวละครนี่คือเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เขาชอบร้องเพลงลูกทุ่งค่ะ เราก็นึกถึงตามเนื้อเพลงเลยค่ะ เรารอเขาลืมอะไรอย่างนี้ นึกถึงแบบว่าเด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่ง เหมือนอาจจะมีความรักหรืออะไรอย่างนี้ค่ะ เราอาจจะรอเขาแล้วเขาลืมเราอะไรอย่างนี้ก็ได้ หรือไม่ก็ร้องแทนพ่อแม่ที่อยู่บ้านนอกอะไรอย่างนี้ รอเราแล้วเขาจะลืมเราหรือเปล่า มันตีความได้หลายอย่างค่ะ
เรื่องนี้เป็นการแสดงครั้งแรก รู้สึกยังไงบ้าง
รู้สึกว่าร้องเพลงง่ายกว่าค่ะ (หัวเราะ) เพราะเราเป็นนักร้องใช่ไหมคะ รู้สึกว่าร้องเพลงง่ายกว่าเยอะเลย แล้วก็ตื่นเต้นแบบไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แอ็คติ้งเราจะผ่านไหม เล่นกับพี่น้อยอีก ยิ่งแบบเกร็งๆ ไปอีกค่ะ แต่พอเล่นๆ ไปแล้ว ทั้งพี่ๆ ตากล้อง ทีมงาน ผู้กำกับ ทุกๆ คนเลยค่ะจะช่วยเราเยอะมาก แบบบิลด์อารมณ์ความรู้สึกเราอะไรอย่างนี้ จะคอยแนะนำตลอดเลย แล้วพี่น้อยก็จะส่งอารมณ์ให้เราเยอะเหมือนกัน
ร่วมงานกับพี่น้อย (วงพรู) เป็นยังไงบ้าง
หนูว่าพี่น้อยเขาเป็นคนที่แบบน่ารักอ่ะ จริงๆ แล้วเป็นคนเรียบร้อยมาก เป็นคนเก่งคนหนึ่งเลยที่หนูรู้มา คือแบบหนูก็ติดตามอยู่ คือเก่งอ่ะ หนูว่าเขาเป็นคนที่ติสท์ๆ แบบเฟี้ยวดีค่ะ ความรู้สึกแรกที่เข้าฉากกับพี่น้อยคือหนูเขินมาก คือพี่เขาแบบพอสั่งแอ็คชั่นปุ๊บคืออารมณ์มาเต็มเลยอะไรอย่างนี้ หูย เก่งจัง คือกว่าหนูจะนิ่งได้นี่ต้องทำสมาธินานมากค่ะ
การร่วมงานกับผู้กำกับ
หนูคิดว่าสนุกมาก หนูได้อะไรหลายๆ อย่างจากการเล่นหนังครั้งนี้เลยค่ะ คือให้คำแนะนำแบบนั้นดีกว่าไหม อย่างนี้ดีกว่าไหม คือพี่ปรัชเหมือนรู้ว่าหนูแบบเป็นน้องใหม่อะไรอย่างนี้ ก็จะคอยบอกคอยสอนน้องตลอดอะไรอย่างนี้ค่ะ
มีฉากอะไรที่เรารู้สึกหนักใจหรือกดดันบ้างมั้ย
มันจะมีแค่... มันจะแบบไม่เป็นบทพูด แต่มันจะเป็นซีนอารมณ์มากกว่า สื่ออารมณ์ ร้องเพลงอะไรอย่างนี้ เราต้องทำเหมือนคนได้ยินเราอะไรอย่างนี้ แล้วก็มีฉากในทุ่งหญ้าที่แบบเดินๆ ไปเจอกับพี่น้อย แล้วสบตากันอะไรอย่างนี้ ก็ตอนนั้นเขินมาก หนูไม่เคยมาจ้องตาใครอะไรขนาดนี้ค่ะ
เพลงลูกทุ่งกับคนไทยมีความผูกพันกันยังไงบ้าง
สำหรับตัวหนูนะคะ อย่างหนูนี่เติบโตมาก็ได้ฟังแต่เพลงลูกทุ่งนะคะ มันคงแล้วแต่คนกับสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ ถ้านึกถึงคนไทยก็ต้องนึกถึงเพลงลูกทุ่งอยู่แล้ว หนูคิดว่ามันควบคู่กันมา จุดเด่นของเพลงลูกทุ่งก็จะเป็นสำเนียงการร้องค่ะ เนื้อเพลง คำในการร้อง แล้วก็ลูกเอื้อนที่มันจะเป็นเอกลักษณ์ของเพลงลูกทุ่งค่ะ
เสน่ห์ความน่าสนใจของตอนนี้
ความน่าสนใจของตอนนี้คือเสียงของแก้มค่ะ ซึ่งร้องอยู่คนเดียวในห้อง แล้วเหมือนแบบว่าคนที่ไม่เห็นหน้าตา เขาก็จะไม่รู้ว่า เฮ้ย...เป็นแม่บ้านร้องเหรอ ทำไมเสียงนี้มันน่าสนใจจัง น่าจะเป็นที่เสียงของแก้มที่เด่นๆ นี่อาจจะเป็นทั้งแรงบันดาลใจ แล้วก็อาจจะสร้างความรัก ทำให้เกิดเป็นความรักขึ้นมาก็ได้ค่ะ
ก็อยากเชิญชวนทุกคนนะคะมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นแฟนคลับนักร้องนักแสดงคนไหนนี่ต้องมาดูเลยค่ะ คับคั่งกันมาก แล้วก็น่าติดตามทุกๆ ตอนเลยค่ะ ทั้งเนื้อเรื่องหลากหลายความรัก ทั้งเพลงลูกทุ่งแบบร่วมสมัยเพราะๆ ทุกเพลงเลย รับรองว่าได้รับความสุขสนุกสนานกลับไปแน่นอนค่ะ 11 ก.พ.นี้ในโรงภาพยนตร์ค่ะ
-
Movie Guide: เพลง “เรารอเขาลืม” เพลงประกอบภาพยนตร์ “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”

เรารอเขาลืม - ไข่มุก รุ่งรัตน์ (Ost.ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)
เพลง "เรารอเขาลืม"
เพลงประกอบภาพยนตร์ ลูกทุ่งซิกเนเจอร์
คำร้อง-ทำนอง ชลธี ธารทอง
เรียบเรียง-ควบคุมการร้อง สุเมธ องอาจ
ขับร้อง ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช
เชื่อไหมว่า
น้อย วงพรู จะร้องลูกทุ่ง จีบสาว
เบน ชลาทิศ คอนเฟิร์มเบี่ยงเบน (ทางเพลง) แน่นอน
นนท์ เดอะวอยซ์ หล่อขึ้น เพราะมีความรัก
ร่วมด้วย กาย ชัยธรรศ ลำพูน, ไข่มุก เดอะวอยซ์, นุ่น ศิริพันธ์, พลอย ศรนรินทร์, หนิม AF, กอล์ฟ เบญจพล และ สมบัติ เมทะนี กับ พิศมัย วิไลศักดิ์
เพราะท่วงทำนองของ "เพลงลูกทุ่ง" ดังใกล้อยู่รอบตัวเรา
เฉกเช่น "ความรัก" ที่เฝ้าติดตามไม่เคยห่างไกลจากหัวใจ
"ลูกทุ่ง ซิกเนเจอร์"
เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก
11 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
-
Movie Guide: สัมผัสหลากหลายความรัก ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” อบอุ่นหัวใจ วาเลนไทน์นี้




ตัวอย่าง ลูกทุ่งซิกเนเจอร์ (Official Trailer)
"ผมตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นความรักวาไรตี้ผสมกลิ่นอายเพลงลูกทุ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ทุกเพศวัย มีทั้งอารมณ์รักซาบซึ้ง อบอุ่น ตลก ยิ้มยิ้ม น่ารัก เรียกว่าครบทุกความรู้สึกเลย"
ภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" งานกำกับล่าสุดของผู้กำกับ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" จะบอกเล่าเรื่องราวความรักหลายรูปแบบของตัวละครหลากสีสันที่อยู่รายรอบชีวิตเรา สะท้อนผ่านเพลงลูกทุ่งอันคุ้นเคย เปิดเผยทุกอารมณ์ความรู้สึกในใจที่คุณก็เคยเป็น...
เคยตกหลุมรักใคร จนหัวใจจะระเบิดมั้ย
"ความรัก" บางทีก็เริ่มจาก "ความไม่รัก" นั่นแหละ
"แอบรัก" ถึงจะไม่ได้รักตอบ แต่ก็ไม่มีวัน "อกหัก" ให้เสียน้ำตา
บางทีก็ไม่รู้ตัวว่าที่ผ่านมา "หัวใจ" เราโคตรเหงา จนได้ "รัก" ใครสักคน
คนหวานอยู่ด้วยนานๆ ก็เลี่ยน คนเกรียนๆ ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งอารมณ์ดี
เป็นไปได้มั้ยที่คนเราจะ "อกหัก" และ "ตกหลุมรัก" ไปพร้อมๆ กัน
ต่อให้อยู่ไกลแสนไกลแค่ไหน คนจะรัก...ยังไงก็รัก
เราใช้เวลาเพียง "เสี้ยววินาที" เพื่อตกหลุมรัก แต่เราต้องใช้เวลา "ทั้งชีวิต" เพื่อลืมใครบางคน
เพราะท่วงทำนองของ "เพลงลูกทุ่ง" ดังใกล้อยู่รอบตัวเรา เฉกเช่น "ความรัก" ที่เฝ้าติดตามไม่เคยห่างไกลจากหัวใจ
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
“น้อย วงพรู” ทิ้งบทโรคจิตพลิกเล่นหนังรักโรแมนติก ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”


เป็นนักแสดงมากความสามารถอีกคนของวงการสำหรับ "น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์" ที่รับเล่นหนังเรื่องไหนก็เรียกความสนใจจากแฟนๆ ได้อยู่เสมอ ล่าสุดในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ของผู้กำกับ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" เขาก็พลิกบทบาทมาเล่นบทชายหนุ่มขี้เหงาที่เฝ้าตามหาบางสิ่งบางอย่างมาเติมเต็มชีวิต
"เรื่องนี้ผมรับบทเป็น CEO ของบริษัทหนึ่งนะฮะ ในคาแรคเตอร์ก็จะค่อนข้างเป็นคนเหงา แล้วก็ยังค้นหาสิ่งที่เขารักจริงๆ อยู่ มันอาจจะไม่ใช่งาน มันอาจจะเป็นอย่างอื่น อาจจะเป็นใครคนหนึ่งก็ได้ฮะ เหมือนเขาเป็นคนที่มีความรักเยอะเหลือเกินในตัวเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอามันไปไว้ที่ไหน หรือจะเอามันไปให้ใคร ซึ่งความรู้สึกนี้ค่อนข้างสะท้อนกับบทเพลง 'เรารอเขาลืม' ในระดับหนึ่ง ในความเหงาของการรอความรัก พอเราได้ยินเพลงนี้และเสียงร้องนี้ มันก็เหมือนกับเราเจอสิ่งที่เรารัก มันมีความผูกพันบางอย่างจนเราต้องไปค้นหาเจ้าของเสียงหรือความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นนี้ให้ได้
สำหรับเรื่องนี้ ผมก็ต้องขอบคุณพี่ปรัชที่ชวนมาเล่นเรื่องนี้ ส่วนมากผมจะเล่นหนังไปทางดราม่าหนังโรคจิตอะไรอย่างนี้ หนังอินเนอร์แรงๆ ซึ่งมีฉากหนึ่งที่ตัวละครผมกำลังเครียดอยู่ในห้องน้ำ ผมก็ทำหน้าเครียดแบบแรงมากๆ พี่ปรัชก็คัทๆๆ เลย นี่ไม่ใช่หนังโรคจิตนะน้อย นี่เป็นหนัง Feel Good ไม่ต้องเครียดมากก็ได้ ผมก็เออใช่ๆ โทษทีครับพี่ (หัวเราะ)
ผมดีใจที่มีโอกาสได้เล่นหนัง Feel Good ในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นหนังที่มีความ Positive และ Inspiration มากๆ ครับ ผมว่ามันค่อนข้างจะมีทุกสิ่งทุกอย่างครบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง นักแสดงที่หลากหลาย แต่ละคนก็มีสไตล์ที่ผสมผสานกันแล้วน่าสนใจดี มัน Mix & Match แล้วทำให้เกิดอะไรใหม่ๆ สำหรับภาพยนตร์ไทยในบ้านเรา เรื่องนี้มันมีหลายสไตล์ มีความหมายของความรักเยอะแยะทีเดียว ผมว่าทุกคนน่าจะ Connect กับเรื่องนี้ได้ดีเลยนะครับ"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
บทสัมภาษณ์ “ธนนท์ จำเริญ” (นนท์ The Voice 1) เปิดซิงเล่นเศร้าร้องซึ้ง ในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”




บทบาท-คาแรคเตอร์
ในภาพยนตร์เรื่องแรกของผมเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ตอน "หนุ่มสะพานลอย" นนท์รับบทเป็น "หนึ่ง" ครับ คาแรคเตอร์ของตัวหนึ่งเนี่ยก็จะเป็น Loser พวกขี้แพ้เลยฮะ คือจริงๆ เราจะเห็นหนึ่งในมุมที่เขาอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดนะฮะ ซึ่งมันเป็นจุดที่เขาจะหนีปัญหาทุกอย่าง จะจบทุกอย่างด้วยวิธีการแบบนี้ ซึ่งมันก็เลยทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วตัวละครตัวนี้มันน่าจะมีแรง Push Up เยอะมากที่ทำให้ตัวละครตัวนี้ถึงทำอย่างนี้ครับ
เรื่องราวของหนุ่มสะพานลอย
สำหรับเรื่องนี้ก็พูดถึงหนุ่มคนหนึ่งที่ผิดหวังจากความรักครับ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นด้วย แล้วก็พี่ปรัชญา ปิ่นแก้วก็นำมาทำเป็นหนังครับ เมื่อหนุ่มคนหนึ่งที่มันผิดหวังจากความรักมากๆ เขาก็เหมือนกับว่าอยากจะจบปัญหาด้วยการกระโดดสะพานลอย มันก็เลยเป็นสตอรี่ตรงที่ว่าอยู่ดีๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ค่อยๆ เข้ามาช่วยโดยไม่พูดพร่ำอะไรก็คว้าหนึ่งมาจูบเลย แต่กลายว่าแค่จูบเดียวช่วยชีวิตหนุ่มคนนั้นไว้เลย ซึ่งมันก็เลยเกิดเป็นความรักโดยที่ยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ผ่านแค่สัมผัสหนึ่งสัมผัส มันทำให้ผมรู้สึกว่า มันสามารถดึงผู้ชายคนนั้นจากจุดที่ต่ำที่สุดออกมาได้ ทำให้หนึ่งจากคนที่หนีปัญหา อยากจะลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง รู้สึกมีความหวังขึ้นมา ถึงแม้จะรู้สึกว่ากำลังจะไม่เหลือใคร แต่เหมือนกับกำลังจะมีใครอีกคนเข้ามา ก็เลยใช้เวลาเริ่มใหม่ทั้งหมด เรื่องราวตรงนี้มันน่าสนใจมาก มันมีเสน่ห์มาก ก็ต้องไปติดตามครับ ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นอะไรยังไง แต่ว่าสนุกมากครับ
ความสัมพันธ์ของตัวละครตัวนี้กับเพลงลูกทุ่ง
มันมีเพลงหนึ่งที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของตัวละครหนึ่งเลยก็คือ เพลง "ความรักเจ้าขา" ครับ ซึ่งอย่างที่บอกว่าหนึ่งเป็นคนที่ผิดหวังจากความรัก เพราะฉะนั้นเขาก็ยังโหยหาแต่ว่ามันก็เจ็บมากๆ ในขณะเดียวกัน พอมันเจอแล้วมันหายไปอีก เขาก็รู้สึกอยากจะโหยหาอีก ซึ่งเพลงความรักเจ้าขานี่เป็นการพูดถึงการร้องขอความรักจากผู้หญิงคนหนึ่งครับ ซึ่งมันก็เป็นตัวแทนหนึ่งได้ดีที่จะหาผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาช่วยเขาไว้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวละครของหนึ่งเลย
เพลง "ความรักเจ้าขา" นี่เป็นการร้องครั้งแรกเลย คือได้ยินนานแล้วครับ ตอนเราเด็กๆ พ่อก็จะชอบฟังลูกทุ่งที่มันเก่าจริงๆ ก็เลยได้ยินบ้าง แต่ว่าก็ยังไม่คิดว่าเป็นเพลงที่มันจะมีความหมายขนาดนี้ จนเราได้มาสวมบทบาทตัวละครที่ชื่อ "หนึ่ง" แล้วพอมาแตะเพลงนี้อีกที มันเป็นอีกมิติหนึ่งที่เราเหมือนอยู่จากอีกจุดหนึ่งที่สูงกว่า แล้วเรามองลงมาเห็นภาพชัดขึ้นครับ มันเปลี่ยนทัศนคติ คือพอเราอิน พอเราเป็นหนึ่งจริงๆ มันกลายเป็นว่าเพลงนี้มันต่างออกไป มันฟังแล้วมันไม่ได้แบบว่าเฉยๆ หรือว่าเป็นเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง แต่กลายเป็นเพลงที่เป็นเพลงประกอบชีวิตเราซะงั้น ซึ่งก็ทำให้ความหมายของเพลงนี้มันเพิ่มขึ้นมากๆ เลย จริงๆ มันมีเพลงสตริงที่สะท้อนได้เยอะมาก แต่พอเป็นเพลงลูกทุ่งแล้วมันจะมีความขลังอยู่ในจุดที่หนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น สื่อออกมาในด้านความรู้สึกของหนึ่งและความเป็นตัวของหนึ่งด้วยว่ากำลังรอคอยโหยหาใครบางคนอยู่
การแสดงหนังเรื่องแรก
เป็นหนังเรื่องแรก เป็นการแสดงชิ้นแรกเลยครับ จริงๆ ศาสตร์การแสดงมันเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่เราไม่รู้จัก คือมันมีเรื่องของการแสดงอยู่แล้วล่ะตอนร้องเพลง ตอน On Stage เนี่ย แต่หลักๆ ก็คือโฟกัสเรื่องร้อง แต่พอมาเล่นหนังเรื่องนี้หลักๆ ก็ต้องอยู่ที่การแสดง มันเป็นอะไรที่สนุกครับ พอเราได้มาได้ทำจริงๆ มันเป็นศาสตร์ที่กว้างมากโดยเฉพาะตัวละครอย่างหนึ่งเนี่ยครับ มันเป็นตัวละครที่ต้องใช้เวลาอยู่กับมัน ต้อง Take Time มากๆ ต้องเข้าใจมันมากๆ อย่างเช่น Loser แบบนี้เป็นอะไรที่ Sensitive มาก ตัวละครนี้เป็นอะไรที่ยากมากแต่ก็สนุกดีฮะ
ตอนแรกตกใจ ไม่คิดว่าพี่ปรัชญาจะมาติดต่อเรา เค้าก็บอกว่าเค้าชอบคาแรคเตอร์เรา ซึ่งเราก็งงว่าตรงไหน ในขณะที่ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับชีวิตมากเลยนะ แต่พอพูดถึงหนึ่ง มันกลายเป็นด้านมืดของโลกใบหนึ่ง ของคนๆ หนึ่งที่มันแง่ลบทุกอย่าง พี่ปรัชก็ส่งไปเรียนไปทำความเข้าใจเรื่องการแสดง ก่อนหน้านี้ก็มีติดต่อเข้ามา คือผมจะชอบกดดันตัวเอง เรากลัวเป็นภาระของทีมงาน แต่ต้องบอกว่าเป็นเกียรติด้วย เพราะเราก็ติดตามพี่ปรัชมาหลายครั้งแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ ที่ได้ร่วมเล่นเรื่องนี้
มีการทำความเข้าใจในตัวละครยังไงบ้าง
ก็หลายๆ อย่างครับ ผ่านทางแอ็คติ้งโค้ช ผ่านทางพี่ปรัช-ผู้กำกับ ซึ่งทุกคนก็พยายามอธิบายว่า เราจะไม่ใช่คนที่เป็นบุคลิกแบบตัวละคร "หนึ่ง" เลย เราจะเป็นคนที่ถ้าเกิดปัญหาเนี่ย ธรรมดาของมนุษย์นี่จะมองวิธีแก้ปัญหาก่อน แต่หนึ่งเหมือนเขาโดนมาบ่อย จนเขารู้สึกเหนื่อยที่จะแก้ปัญหาละ เขาตัดสินใจที่จะหนีปัญหา ซึ่งมันก็จะต้องทำความเข้าใจมากขึ้นครับ ก็มีการทำการบ้านอย่างที่บอกก็คือทำการบ้านหนักๆ ครับ ยิ่งอันไหนเราไม่รู้ก็จะยิ่งต้องทำการบ้านมากเข้าไป
การร่วมงานกับพี่ปรัชครั้งแรก
การร่วมงานกับพี่ปรัชครั้งแรก โดยส่วนตัวของผม ผมเกร็ง เกร็งมากครับ เพราะเรามีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ของพี่ปรัชไว้เยอะครับ ซึ่งก็เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าพอถึงวันหนึ่งเนี่ย จากที่เราเคยดูอยู่หน้าจออะไรอย่างนี้ฮะ หน้าโรงอย่างนี้ครับ ซึ่งครั้งนี้เราได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ของเขา ก็ที่เราดีใจครับ และก็เป็นเกียรติมาก แล้วก็อย่างที่บอกก็เป็นครั้งแรกครับ ก็เกร็งเหมือนกัน แต่พี่ปรัชก็ให้ความเอ็นดูครับ คอยแนะนำเสมอ ต้องขอบคุณมากๆเลยฮะ
การร่วมงานกับ "น้องพลอย ศรนรินทร์" เป็นยังไง
ร่วมงานกับน้องพลอยครั้งแรกก็เกร็งครับ ด้วยความที่เราได้มีโอกาสได้เห็นการแสดงของน้องพลอยมาบ้าง น้องเขาเล่นเก่งมาก ซึ่งก็ทำให้รู้สึกว่าเราต้องแอคทีฟขึ้น ยิ่งเราใหม่ด้วย การบ้านก็จะยิ่งต้องทำเยอะขึ้น ทำให้สนุกมากครับ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้น้องเกร็งด้วยเวลาเล่นกับเรา คือทำงานกับใครมันก็ต้องสบายใจ น้องพลอยเป็นคนน่ารักมาก ตัวเล็กนิดเดียวครับ ยกหิ้วไปไหนก็ได้
เสน่ห์ความน่าสนใจของตอนนี้
สำหรับตอน "หนุ่มสะพานลอย" ความน่าสนใจผมว่ามันเป็นตัวแทนของใครหลายๆ คนที่วันหนึ่งเราถึงจุดที่ต่ำที่สุดอย่างนี้ครับ แล้วพอมันมีคนๆ หนึ่งเข้ามา ทำให้เรารู้จักคำว่ารักจริงๆ โดยที่อาจจะไม่ได้พูดอะไรมาก เหมือนเรากำลังกลุ้มเรื่องหนึ่ง แม่มาถึงแตะไหล่เบาๆ ไม่เป็นไรนะลูก มันไม่ได้พูดว่ารักเลยนะ แต่มันรู้สึกถึงความรัก มันแปลกไหม ตื่นเช้าขึ้นมามีแม่พูดว่าอย่าลืมกินข้าวนะลูก นั่นก็คือความรักเหมือนกัน ซึ่งในเรื่องนี้มันเหมือนเป็น Symbolic เมื่อคนๆ หนึ่งที่อยู่ต่ำที่สุดแล้วโดนความรักดึงขึ้นมาอยู่จุดเดิม แล้วก็กลับมามองตัวเองใหม่ว่า จริงๆ สิ่งที่เราทำอยู่นั้น บางทีอาจจะไม่ใช่เลย มันโคตรงี่เง่าเลย มันอยู่ที่เราจะเลือกมองมุมไหนด้วยครับ
เอกลักษณ์ของเพลงลูกทุ่ง
ผมว่ามันเป็นไทยริธึ่ม มันคือซิกเนเจอร์ มันคือ Symbolic ของคนไทย พอพูดถึงความเป็นไทย มันมีอะไรที่เป็นอัตลักษณ์ของไทยเยอะมาก และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งก็คือลูกทุ่ง แล้วทุกวันนี้คนก็ยังร้องเพลงลูกทุ่ง ยังเต้นโจ๊ะๆ ทึมๆ กันอยู่ ซึ่งมันแปลกมาก เราไปคอนเสิร์ต EDM เราก็เต้น แต่แปลกมากเวลาสามช่าขึ้น อยู่ดีๆ ก็เต้นบ้าบอคอแตกกัน ทุกคน Enjoy แล้วยิ่งเป็นคนไทยเราจะรู้ทันทีเลย ถ้าสามช่าขึ้นแล้วมีการเต้นออกมา คนไทยหนีไม่พ้นสำหรับเพลงลูกทุ่งครับ
ความน่าสนใจโดยรวมของลูกทุ่งซิกเนเจอร์
ความน่าสนใจของหนังที่ผมสัมผัสได้ ผมรู้สึกว่าอย่างแรกก็คือเป็นเรื่องที่พูดถึงชีวิตจริง พูดถึงความรักความรู้สึกของมนุษย์ ในจุดหนึ่งที่มันมีปัญหาเข้ามา แล้วก็อาจจะมีความรักเข้ามาแก้ไขได้ หรือเพลงในเรื่องนี้ ผมว่ามันเป็นซิกเนเจอร์มาก มันเป็นเพลงลูกทุ่งจริงๆ ซึ่งผมได้มีโอกาสได้ร้องเองด้วย บางคนอาจจะเคยฟัง บางคนอาจจะยังไม่เคย แต่เป็นมิติใหม่ครับ เรานำมาพรีเซนต์ในยุคของปัจจุบัน ในตัวละครปัจจุบัน ซึ่งผมว่ามันสามารถแตะใจคนดูร่วมสมัยได้เลยครับ ความบันเทิงนี่ได้แน่นอน มีทุกรส เป็นอาหารจานเดียวที่มีทุกรส รวมไปถึงพี่ๆ นักแสดง-นักร้องทุกคนที่นานๆ จะมารวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ก็ไม่อยากให้พลาดกันกับหนังไทยดีดีเรื่องนี้ครับ
ความเป็นลูกทุ่งของหนังเรื่องนี้ ผมว่าน่าจะอยู่ที่สามารถใช้กับชีวิตจริงที่อยู่ได้ทั้งนาและเมือง ปกติเราจะนึกถึงที่มันไกลเมืองหลวง แต่เรื่องนี้มันเป็นลูกทุ่งที่อยู่ในเมือง ไปตามงาน พอสามช่าขึ้นจะรู้เลยคนไหนคนไทย มันเป็นจังหวะที่อยู่ในอินเนอร์ของพวกเรา กลายเป็นว่าลูกทุ่งไม่ได้อยู่ไกลมาก มันอยู่ในตัวพวกเรา มันอยู่ในเมือง มันเป็นเพลงที่อยู่ในสายเลือดของคนไทยทุกคนนี่แหละครับ
ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" นี้ด้วยนะครับ เป็นภาพยนตร์ที่ผมว่ามันเป็น Story of Love พูดถึงความรักต่างๆ นานา โดยที่มีเพลงลูกทุ่งเข้ามาเกี่ยวพัน ซึ่งในตัวหนังเองก็มีความ Real ที่นำเสนอแง่มุมต่างๆ ของความรักอย่างนี้นะครับ แล้วก็มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มาก ยิ่งพอมีเพลงที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยฟัง หลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้ว นำมาทำใหม่ผ่านมิติใหม่ ตัวหนังเองก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่อยากให้หลายๆ คนเข้ามาชมและฟังกันครับ ผมว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่เล่าความรักในมิติต่างๆ ได้ครบ เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่เหใในช่วงวาเลนไทน์นี้มากครับ ไม่ว่าคุณจะเคยผ่านเรื่องราวความรักที่ทั้งดีและไม่ดีมามากขนาดไหน ผมเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีมุมมองความรักแบบนั้นเหมือนที่คุณเคยเจอหรือคุณอาจไม่เคยเจอ แต่คุณดูแล้วจะเข้าใจมันได้ในหนังเรื่องนี้ครับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์"
-
Movie Guide: “เบน-ฮาย” เต้นยับ “ทำบุญร่วมชาติ” จับคู่ Featuring ครั้งแรก ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”




เพลง ทำบุญร่วมชาติ / เบน ชลาทิศ-อาภาพร (Ost.ลูกทุ่งซิกเนเจอร์)
รวมกันเราอยู่ แยกหมู่ก็อดแดนซ์สิจ๊ะ ว่าแล้วสองตัวแม่อย่าง "เบน ชลาทิศ" และ "อาภาพร นครสวรรค์" ก็เลยขอจับคู่ Featuring โชว์ทั้งลูกคอและจังหวะเต้นสุดพลังร่วมกันเป็นครั้งแรกในเพลง "ทำบุญร่วมชาติ" อีกหนึ่งเพลงประกอบสนุกสนานไพเราะของภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ที่พร้อมแจกจ่ายความรักและความไพเราะในช่วงวาเลนไทนน์นี้
งานนี้เสริมความมันส์ด้วยทัพแดนเซอร์มืออาชีพที่ยกกันมาแบบจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและลีลาการแดนซ์แบบดูแล้วใจสั่นอยากลุกขึ้นเต้นตามกันในโรงหนังทันที
"เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของเราสองคนเลยค่ะ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เบนเค้าร้องเพลงลูกทุ่งด้วย ร้องได้เต็มปากเต็มคำมาก ร้องได้แบบดีมากด้วยค่ะ ไม่คิดว่าเขาจะร้องได้เป็นลูกทุ่งขนาดนี้ คุณยิ่งยงฟังครั้งแรกบอก หูย...เบนเค้าร้องได้แบบเต็มมากเลยนะ เค้าก็ฝากชมมาด้วย ได้ร่วมงานกันครั้งแรกก็สนุกมากค่ะ เบนก็น่ารัก ดีใจที่ได้ทำงานร่วมกันค่ะ เรื่องเต้นนี่ต้องบอกเลยว่าเป็นมือใหม่มาก อย่างพี่ฮายเคยเต้นก็จริงแต่ก็ห่างหายมานานมาก ฉากนี้ใหญ่มากเลยค่ะ นอกจากเราสองคนแล้วยังมีน้องๆ แดนเซอร์อีกเกือบสี่สิบชีวิตมาร่วมเต้นไปกับเราด้วย ใหญ่มาก ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้ พอถ่ายเสร็จนี่ เบนต้องไปจัดกระดูกต่อนะคะ เพราะต้องอุ้มพี่ด้วย เสียงดังกร๊อบเลย" (หัวเราะ)
"ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับพี่ฮายครับ ก็สำหรับเพลง 'ทำบุญร่วมชาติ' นี้ก็จะเป็นไคลแม็กซ์ในตอนของเราสองคนนะครับ จะเป็นยังไงต้องไปดูกันในโรง ฉากนี้ก็แบบว่าเต็มที่กันมาก โปรดักชั่นใหญ่มาก เต้นกันไม่หยุด เต้นตั้งแต่เช้า เต้นจนหมอนรองกระดูกเคลื่อนไปหมดแล้วเนี่ย สนุกมากๆ ครับ ก็ต้องขอบคุณน้องๆ แดนเซอร์และทีมงานทุกคนด้วยที่อดทนกับเรามากๆ ก็เพื่อคนดูทุกๆ คนนะครับ ก็ขอฝากเพลงนี้ที่ผมกับพี่ฮายได้ร่วมงานกันไว้ ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับเพลงนี้และภาพยนตร์เรื่อง 'ลูกทุ่งซิกเนเจอร์' นะครับ 11 กุมภานี้นะครับ"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรัก กับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" 11 กุมภาพันธ์ 2559 ในโรงภาพยนตร์
-
ใครดูก็ต้องตกหลุมรัก “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์” หนังรักครบรส สนุกโดนใจทุกเพศวัย



ได้รับเสียงตอบรับและชื่นชมเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายกับภาพยนตร์เลิฟสตอรี่ที่มาพร้อมจังหวะและลูกคอเรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ของผู้กำกับมากฝีมือ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ที่ใครดูแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นภาพยนตร์รักที่สนุกครบรส ดูได้ทุกเพศวัย โดนใจทุกคนด้วยเรื่องราวความรักทั้งการแอบรัก, หลงรัก, เผลอใจ, รักครั้งแรก, อกหัก, ลืมรัก, ตกหลุมรัก, รักแท้ชนะทุกสิ่ง ฯลฯ เรียกว่ามีให้ได้สัมผัสทุกรูปแบบของความรักกันเลยทีเดียว ผสมกับบทเพลงลูกทุ่งร่วมสมัยสุดไพเราะที่มีให้ฟังกันเต็มอิ่มกว่าสิบเพลง พร้อมทัพนักแสดงและศิลปินสุดโดดเด้งที่จะพลิกบทบาทแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนผสมชั้นเยี่ยมที่จะทำให้คุณต้องอินเลิฟกับภาพยนตร์รักที่เพราะที่สุดเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลย
"ต้องบอกว่ามันเหมือน Love Actually ของเมืองไทยเลยครับ ผมนึกไม่ถึงเลยครับว่าพี่ปรัชจะกำกับหนังสไตล์นี้ได้ ปกติจะเห็นแบบบู๊ๆ แต่นี่เป็นหนังรักที่ผิดคาดไปเยอะ เป็นหนังที่อบอุ่น สนุก แล้วก็ประทับใจมากๆ เพลงลูกทุ่งมันเข้ากันได้ดีเลยครับ สามารถทำให้เป็นทำนองที่ร่วมสมัย ติดหู ฟังง่ายและรู้สึกฟิน"
"เพลงลูกทุ่งก็มีชีวิต มีความรัก มีความรู้สึก ผมอยากให้คนมาดูหนังที่ทำเพื่อคนไทยครับ ขอบคุณพี่ปรัชญาที่รวมทุกอย่าง ทำให้คนดูมีความสุข ถ้าอยากมีความสุขต้องดูลูกทุ่งซิกเนเจอร์"
"เราดูแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจและรู้สึกว่าเป็นหนังต้อนรับวาเลนไทน์ที่ดีมาก เรานึกถึงปรัชญา ปิ่นแก้ว ในหนังบู๊ล้างผลาญ ถามว่าเรื่องนี้ยังมีมั๊ย ยังมี แต่เป็นระเบิดสีและแกสาดความรักได้อย่างน่าประทับใจมาก รู้สึกว่าจริงๆ แกอินเลิฟอยู่หรือเปล่า"
"พี่กอล์ฟกับพี่นุ่นดีงามมาก ดูแล้วมันรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง น้ำตาไหล โดนใจ เพราะมันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่หน้าตา คนนี้แหละที่จะอยู่ข้างๆ ส่วนเพลงลูกทุ่งในหนังเรื่องนี้เพราะมาก กระชากอารมณ์มาก นี่คือหนังรักที่ห่อหุ้มด้วยเพลงรักฉบับลูกทุ่ง ลงตัวสุดๆ เพลงดี เรื่องดี และต้องมีหลายเรื่องที่คุณประทับใจ น้ำตาจะไหลแบบผมหรือเปล่าไม่รู้ มาพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ"
"มันรู้สึก Touch มากขึ้นกับความรู้สึกที่ว่าเพลงสมัยเก่าที่เรารู้จักแต่ไม่เคยรู้จักความหมายมันเลย แต่พอดูเรื่องนี้จบเราเข้าใจความหมายของเพลงมากขึ้น คนรุ่นเก่าเขาเขียนมาดีมากคนรุ่นใหม่ทัชได้ง่ายมาก"
"อย่างแรกเลยคือ Feel Good รู้สึกดี อาจจะทำร้ายคนโสดไปบ้าง แต่ก็เป็นความรู้สึกที่อิ่มเอมครับ"
"ชอบหลายช่วงหลายคู่มาก การสรุปของแต่ละคู่ทำให้น้ำตาไหลอย่างมีความสุข ตื้นตัน บอกจริงๆว่าอยากให้ดูไม่ได้โฆษณา ดูแล้วไม่ผิดหวัง มีความสุขในเทศกาลแห่งความรักนี้แน่ๆ"
"ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยฟังลูกทุ่ง แต่ดูหนังแล้วรักลูกทุ่งมากขึ้น / ไม่คิดว่าจะเป็นหนังที่รักและซึ้งขนาดนี้ ดูแล้วซึ้งมากจนตัวเองน้ำตาไหล อยากบอกคนเมืองทุกคนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นคอลูกทุ่งก็สามารถดูได้"
"ผมมาดูไม่ได้คาดหวังทีแรก แต่พอดูแล้วมีความสุขมากๆ ผมคิดว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดของปรัชญาตั้งแต่ทำมาเลย"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรักกับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" วันนี้ในโรงภาพยนตร์
-
รักแท้ชนะทุกสิ่ง“นุ่น-กอล์ฟ” ถ่ายทอดเรื่องจริงสุดซาบซึ้ง ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”



เป็นอีกหนึ่งพาร์ทความรักในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ที่ทำเอาผู้ชมอิ่มเอมใจและซาบซึ้งต่อมน้ำตาแตกไปตามๆ กันกับเรื่องราวของ "นายเฉาก๊วยกับสาวหน้าผี" ซึ่งได้สองนักแสดงมากฝีมืออย่าง "นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา" และ "กอล์ฟ-เบญจพล เชยอรุณ" มาถ่ายทอดเรื่องราวของคู่รักในชีวิตจริงอย่าง "เล็ก" สาวหน้าอัปลักษณ์ครึ่งซีกที่โชคชะตานำพาให้เจอกับ "อู๊ด" หนุ่มขายเฉาก๊วยที่ไม่มองเธอแค่เพียงภายนอก ซึ่งความรักของทั้งคู่จะพิสูจน์ให้ผู้ชมทุกคนได้เห็นถึง "รักแท้มีอยู่จริง" ยิ่งกว่าบุพเพสันนิวาสสร้างสรรค์ได้อีก
ผู้กำกับ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" เผยถึงรายละเอียดของตอนนี้ว่า
"เรื่องนี้ก็มาจากเรื่องจริงครับ ผมได้ดูรายการของคุณวิทวัสเป็นตอนที่สัมภาษณ์คู่รักหนุ่มขายเฉาก๊วยกับสาวหน้าผี มันน่าสนใจมาก จากการที่เขารักด้วยความจริงใจ ไม่รังเกียจฝ่ายหญิงที่มีก้อนเนื้อปูดออกมาตรงลูกตาข้างซ้าย ทางรายการก็สนใจความรักของทั้งคู่ก็เลยพาผู้หญิงไปทำศัลยกรรม แล้วมันมีประโยคหนึ่งที่คุณวิทวัสถามนายเฉาก๊วยว่า คุณคาดหวังที่จะได้เห็นหน้าตาแฟนคุณสวยแค่ไหน ปรากฏว่าเขาตอบมาคำๆ หนึ่ง ผมน้ำตาไหลเลย ตอนแรกเขาก็อยากจะเห็นแฟนเขาสวยเหมือนคนอื่น แต่พอมาคิดอีกที เขาเปลี่ยนใจละ เขาบอกอย่าสวยเลย เพราะถ้าสวยแล้วกลัวจะเสียเธอไป ซึ่งตรงนี้แววตาของนายเฉาก๊วยนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าเขารักและหวงแฟนเขามาก ความรักของสองคนนี้ ดูแล้วแบบน้ำตาไหล แล้วก็อมยิ้มกับความรักของเขา ซึ่งผมก็ชอบและประทับใจ ก็เลยอยากจะพูดถึงความรักของคู่นี้
ในพาร์ทนี้ก็ได้ 'กอล์ฟ เบญจพล' กับ 'นุ่น ศิรพันธ์' มาแสดง กอล์ฟเนี่ยผมชอบเขาแสดงดราม่าได้กินใจมากๆ ส่วนนุ่นนี่ผมก็ลำบากใจว่าต้องมาเล่นแบบมีก้อนเนื้อปูดที่ลูกตา แต่พอเขาทราบคอนเซ็ปต์ เขาก็สนใจและก็ท้าทายที่ได้มาดราม่ากับกอล์ฟ มีความรักกัน ซึ่งพอสองคนนี้มาเล่นด้วยกันแล้วนี่ลงตัวหมดเลย ผู้ชมต้องเสียน้ำตาให้กับการแสดงของทั้งคู่แน่ๆ ครับ ที่พิเศษอีกอย่างคือตอนนี้ได้ 'คุณศรเพชร ศรสุพรรณ' มาร้องเพลง 'บุพเพสันนิวาส' ให้ด้วย ซึ่งก็ยิ่งทำให้เรื่องราวในตอนนี้มีพลังและความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมากๆ ครับ"
วาเลนไทน์นี้ เตรียมหัวใจให้พร้อม เมื่อเพลงขึ้นให้รีบรักกับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" วันนี้ในโรงภาพยนตร์
-
ภาพข่าว: ลูกทุ่ง Signature

นางสาววราภรณ์ ลีกุลนิมิต ผู้จัดการอาวุโส ส่วนโฆษณา บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน Gala ภาพยนตร์เรื่อง "ลูกทุ่ง Signature" ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักหลากหลายอารมณ์ ที่จะบรรเลงผ่านบทเพลงลูกทุ่งทำนองคุ้นหูและเนื้อเพลงโดนใจ โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนหลัก ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน
-
ไว้ลายรุ่นเก๋า เล่น-ร้องสะกดทุกสายตาผู้ชม “สมบัติ-พิศมัย” คืนจอหนังรอบ 10 ปี รักฝังใจไม่ลืม ใน “ลูกทุ่งซิกเนเจอร์”




หวนคืนจอใหญ่ในรอบกว่า 10 ปี สำหรับอมตะตำนานภาพยนตร์ไทยอย่าง "อาแอ๊ด-สมบัติ เมทะนี" และ "มี้-พิศมัย วิไลศักดิ์" ที่กลับมาประชันฝีมือแสดงร่วมกันในภาพยนตร์เลิฟสตอรี่เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ที่กำลังเรียกคะแนนนิยมและทำให้ทุกหัวใจเบ่งบานด้วยความรักอยู่ในขณะนี้
เมื่อพรหมลิขิตทำให้ชายหญิงชราอย่าง "โสภา" และ "สมพร" ได้หวนกลับมาพบกันโดยบังเอิญ นั่นทำให้รู้ว่า ทั้งคู่ยังไม่ลืม "รักแรก" ได้เลย
ผู้กำกับ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" เผยเบี้องหลังของตอนนี้ว่า
"ในตอน 'ไหนว่าไม่ลืม' นี้ ผมค่อนไปทางได้เพลงมาก่อน เพราะเพลง 'ลืมไม่ลง' เป็นเพลงฮิตของครูสุรพล สมบัติเจริญ แล้วก็มีอีกเพลงหนี่งคือเพลง 'ไหนว่าไม่ลืม' ของแม่ผ่องศรี วรนุช เป็นเพลงที่ร้องแก้กัน จากเนื้อเพลงมันทำให้ผมนึกถึงความรักที่มันต้องผ่านเวลามามากๆ ก็เหมาะกับมุมความรักของคนที่สูงอายุ คือผมเชื่อในความรักนี่มันอยู่กับมนุษย์จนวันตาย ไม่ว่าจะอายุแค่ไหนก็ตาม ความรักมันยังมีอยู่ในใจเขา ก็เลยอยากจะพูดถึงความรักที่มันฝังใจเขามาตั้งแต่ตอนวัยรุ่น แล้วมันเป็นความรักที่เขาไม่ลืม แล้วก็อยากจะเล่าเรื่องคนแก่ 2 คนที่หายกันไปนานแล้วมาเจอกันโดยบังเอิญ แต่วันที่เขามาเจอกันเนี่ย มันมีโรคลืมเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วเขาจะรำลึกกันยังไง เรื่องนี้ผมคิดโครงไว้คร่าวๆ แล้วก็ให้ 'ฝน ขนิษฐา' (ผู้เขียนบท-กำกับ "อาปัติ") มาเขียนบทให้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ฝนใส่เรื่องผสมเข้ามาให้ผมมากเลย แล้วก็แทบจะเป็นเรื่องใหม่เลย แล้วฝนเขียนไว้ดีมากแต่ค่อนข้างยาว เพราะไม่ได้เบรกตัวเอง ยาวมากเราก็เลยต้องทอนลง แต่ว่าหลายคนอ่านแล้วชอบมาก
ซึ่งเรื่องนี้ผมมองว่าต้องเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อายุเยอะและร้องเพลงได้ ซึ่ง 'พี่แอ๊ด-สมบัติ เมทะนี' แล้วก็ 'คุณพิศมัย วิไลศักดิ์' ทั้งสองท่านนี้ร้องเพลงเพราะมาก ผมไม่เคยเห็นคุณสมบัติร้องเพลงลูกทุ่ง และคุณพิศมัยผมก็ไม่เคยได้ยินท่านร้องเพลงมาก่อนเหมือนกัน ซึ่งการร้องของสองท่านนี้ ผมไม่ต้องการให้ร้องเพราะนะ ผมต้องการให้ร้องด้วยความรู้สึก แล้วก็ออกมาดีมาก ฟังแล้วก็ โอ้โห...ชอบมากๆ ครับ อยากให้ได้ชมกันจริงๆ"
รักแล้วรักเลยกับ "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" วันนี้ในโรงภาพยนตร์