enjoyjam.net

ภาพยนตร์ => ข่าวภาพยนตร์ => Topic started by: FB on January 05, 2015, 12:07:12 PM

Title: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on January 05, 2015, 12:07:12 PM
Movie Guide: ตัวอย่างภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา”









ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา (Official Trailer-HD)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=gFJ9QzpCrvY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gFJ9QzpCrvY</a>
 
          สิ้นสุดการรอยคอย สู่บทสรุปของตำนานหน้าสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย ผลงานภาพยนตร์เกริกเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ครั้งแรกของตัวอย่างภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช​ อวสานหงสา”

          ๙ เมษายน ๒๕๕๘ พร้อมกันทั้งประเทศ
   
          แม้นยุทธหัตถีจะเป็นมหาศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ก็หาใช่ศึกสุดท้ายที่ทำให้อโยธยามีความ สุขสงบมาอีกกว่า ๒๐๐ ปีไม่ หากคือการเริ่มต้นแห่งการรวบรวมบ้านเมืองแ ละสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดิน

          ในปี พ.ศ. ๒๑๓๕ หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี พระเจ้านันทบุเรงระบายพระโทสะที่สูญเสียรา ชบุตร อุปราชแห่งหงสาไปที่พระนางสุพรรณกัลยาและพ ระราชโอรสธิดาจนสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระนเรศวรจึงนำทัพชัยหมายแก้แค้นแทน พระพี่นางและเหยียบหงสาวดีให้ราบเป็นหน้าก ลอง ฝ่ายพระเจ้านันทบุเรงเมื่ออับจนหนทางจึงยอ มให้นัดจินหน่องราชบุตรแห่งเจ้าเมืองตองอู พาพระองค์พร้อมกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนจ ากหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น ครั้นสมเด็จพระนเรศวรเสด็จถึงเมือง หงสาวดีก็กลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้ว

          ศึกครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรจึงต้องยกทัพตา มต่อตีไปยังตองอู แม้จะได้รับคำทัดทานจากพระมหาเถรและพระมเห สีมณีจันทร์ เพื่อหมายสังหารพระเจ้านันทบุเรงให้จงได้ ผลสรุปแห่งมหาสงคราม ๒ แผ่นดินจะจบลงเยี่ยงไร และใครจะเป็นผู้มีชัยเหนือสมรภูมินี้ การศึกครั้งสุดท้ายของสหายร่วมรบแห่งอโยธย า ใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 02, 2015, 12:50:07 PM
Movie: ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา



           แม้นยุทธหัตถีจะเป็นมหาศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์แต่ก็หาใช่ศึกสุดท้ายที่ทำให้อโยธยามีความสุขสงบมาอีกกว่า 200 ปีไม่ หากคือการเริ่มต้นแห่งการรวบรวมบ้านเมืองและสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดิน

          ด้วยระยะเวลาการเตรียมงานสร้างและถ่ายทำถึง 14 ปี คือผลงานภาพยนตร์เกริกเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล  สู่บทสรุปของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์ จากตำนานกษัตริย์นักรบอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย กว่า 4 ศตวรรษ ๙ เมษายน ๒๕๕๘

ภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา
กำหนดฉาย ๙ เมษายน ๒๕๕๘
ผู้สร้าง พร้อมมิตรโปรดักชั่น
จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง พร้อมมิตรโปรดักชั่น
กำกับภาพยนตร์ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
อำนวยการสร้าง หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา ,คุณากร เศรษฐี
บทภาพยนตร์ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ,ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์
ควบคุมงานสร้าง เบญจพร ปัญญายิ่ง
ดนตรีประกอบ เทิดศักด์ จันทร์ปาน
กำกับภาพ Stanislav Dorsic
ถ่ายภาพ อานุภาพ บัวจันทร์, Stanislav Dorsic
ลำดับภาพ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล,หม่อมราชวงศ์หญิงปัทมนัดดา ยุคล
ออกแบบงานสร้าง กรัณย์พล ทัศพร
กำกับศิลป์ นิวัฒน์ ทุมไซ,วรวุฒิ น้อยประภา,พินโย ครองชีพ
บันทึกเสียง ไชยเชษฐ์ เศรษฐี, ชวาล ฮือจีนฮึกกี้,
เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา,สุกัญญา มะเรืองประดิษฐ์,สุมาลี จันก้อน
แต่งหน้าทำผม มนตรี วัดละเอียด
นักแสดง พันโท วันชนะ สวัสดี, นพชัย ชัยนาม, ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ(เตชะณรงค์), เกรซ มหาดำรงค์กุล,จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์, สรพงษ์ ชาตรี,พันเอก วินธัย สุวารี, ปราบต์ปฏล สุวรรณบาง,พันโท คมกริช อินทรสุวรรณ, นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานันท์, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, รัชนี ศิระเลิศ,อรรถพร สุวรรณ,สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์,ปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ, รณ ฤทธิชัย,ดามพ์ ดัสกร ฯลฯ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 02, 2015, 12:50:43 PM
          ในปี พ.ศ. 2135 หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี ฝ่ายหงสาวดีพระเจ้านันทบุเรง (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ทรงโทมนัสที่ต้องสูญเสียพระราชโอรส จึงมีรับสั่งให้คลอกไฟเหล่าแม่ทัพนายกอง ที่ตามเสด็จพระมหาอุปราช(นภัสกร มิตรเอม) ให้ตายตกตามกัน ทั้งยังระบายพระโทสะไปที่ พระสุพรรณกัลยา (เกรซ มหาดำรงค์กุล)องค์ประกันและพระราชโอรสธิดาถึงสิ้นประชนม์ชีพ
          ข้าง สมเด็จพระนเรศวร (พลโทวันชนะ สวัสดี)นั้น มีพระราชประสงค์จะนำทัพปราบหงสาวดี ให้ราบคาบ มิให้ตกค้างเป็นเสี้ยนหนาม ครั้นมาได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ ของพระพี่นาง และพระราชนัดดาก็ยิ่งโทมนัส จึงตัดสินพระทัยยกทัพใหญ่ หมายเหยียบหงสาวดีให้ราบเป็นหน้ากลอง ในระหว่างที่เดินทางมาถึงเมืองเมาะตะมะได้จับตัว พระยาลอ ผู้สำเร็จราชการแทน ที่พระเจ้านันทบุเรง ส่งให้มาปกครองเมือง ถูก เม้ยมะนิก (ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธ) ราชธิดาของ ศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะลอบสังหาร เพื่อแก้แค้นแทนบิดา พร้อมรวบรวมชาวรามัญเพื่ออาสาขอเข้าร่วมรบพม่ากับชาวอโยยา
          แต่ครั้นเมื่อทัพของพระองค์เสด็จถึงหงสาวดีก็พบแต่เพียงเศษซากของมหานครอันเคยยิ่งใหญ่ ด้วยนัดจินหน่อง (นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานันท์) ราชบุตรพระเจ้าตองอูได้วางอุบาย เชิญพระเจ้านันทบุเรงพร้อมกวาดต้อนผู้คนแลทรัพย์ศฤงคารของหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น
          ครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวร จึงทรงยกทัพตามขึ้นไปถึงเมืองตองอู มีพระราชบัญชาให้ เมงเยสีหตู(นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เจ้าเมืองส่งตัว พระเจ้านันทบุเรงออกมาถวาย ด้านนัดจินหน่องเห็นว่าพระเจ้านันทบุเรง ที่เชิญมานั้น เป็นภัยชักศึกเข้าบ้าน จึงหมายยืมมือสมเด็จพระนเรศวรสังหารพระเจ้านันทบุเรงเสีย แต่เมื่อสมเด็จพระนเรศวร ได้ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้านันทบุเรง ที่ทรงทุพพลภาพเป็นที่น่าสมเพช ก็ให้สลดพระราชหฤทัย ระหว่างนั้น เมงราชาญี(รณ ฤทธิชัย) เจ้าเมืองยะไข่ได้แต่งทัพเป็นกองโจร ตีลัดตัดเสบียงอยุธยามิให้ส่งข้าวน้ำขึ้นไปเลี้ยงทัพที่ล้อมพระนครตองอูอยู่ สมเด็จพระเอกาทศรถ(พันเอก วินธัย สุวารี)จึงแบ่งทัพลงมาหมายจะเผด็จศึกยะไข่มิให้เป็นหอกข้างเเคร่ แต่ทรงพลาดท่าถูกเมงราชาญีจับตัวได้ พระราชมนู(นพชัย ชัยนาม)จำต้องขันอาสานำกำลังลงมา แก้เอาสมเด็จพระเอกาทศรถกลับคืน และยกทัพกลับยังอยุธยา
          ข้างฝ่ายพุกามประเทศนั้นได้บังเกิดกษัตริย์ชาตินักรบขึ้นมา แทนพระเจ้าชนะสิบทิศ มีพระนามว่า พระเจ้ายองยาน ตามชื่อพระนครที่ปกครอง พระเจ้ายองยานทรงขยายแสนยานุภาพครอบคลุมดินแดนพม่าตอนบน เข้ายึดครองหัวเมืองในรัฐไทยใหญ่ทั้งหลาย และทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองยองห้วยและเมืองแสนหวีซึ่งขณะนั้นล้วนเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงล่วงรู้ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ให้อธิราชศัตรูพลิกฟื้นขึ้นมา เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินอยุธยาได้อีก สมเด็จพระนเรศวรจึงได้เสด็จยกกองทัพไปตีอังวะ ครั้งนั้นพระมหาเถรคันฉ่อง(สรพงษ์ ชาตรี) และพระอัครมเหสีมณีจันทร์(ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ(เตชะณรงค์)) ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ก็ทูลขอให้งด ซึ่งราชการสงคราม สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงให้สัญญาว่า จะเสด็จไปทำศึกครานี้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็ยั้งทัพจัดกระบวนอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้ทัพสมเด็จพระเอกาทศรถยกขึ้นไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว อยู่มาสมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรจึงโปรดให้ข้าหลวงรีบเชิญเสด็จพระเอกาทศรถมาเฝ้า ครั้นมาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สมเด็จพระเอกาทศรถจึงได้อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรกลับกรุงศรีอยุธยาราชธานี

พ.ศ.2544- พ.ศ.2558
ตลอดระยะเวลากว่า14ปีในการเตรียมงานสร้าง
เปิดกล้องบวงสรวง ใช้เวลาถ่ายทำยาวนานร่วมทศวรรษ
ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด ระดมนักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทยมากที่สุด
          หลังจากความสำเร็จอย่างมหาศาลที่ยังไม่เคยมีภาพยนตร์ไทยเรื่องใดในประวัติศาสตร์เคยทำได้มาก่อนของ “สุริโยไท” ภาพยนตร์ดราม่าเชิงประวัติศาสตร์ที่ว่าด้วยเกียรติประวัติและความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระศรีสุริโยไท วีรสตรีผู้หาญกล้าที่ได้รับการยกย่องในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลหรือท่านมุ้ยได้ทรงถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มและออกฉายในปีพุทธศักราช2544 ไม่มีใครคาดคิดว่าทันทีที่ภาพยนตร์เรื่องสุริโยไทออกฉายเป็นที่ประจักษ์สายตาต่อผู้ชมคือจุดเริ่มต้นของย่างก้าวต่อมาที่เรียกได้ว่าจะกลายเป็นบันทึกครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยที่เรียกได้ว่าเป็นย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติชีวิตการสร้างภาพยนตร์ของท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นการเตรียมงานสร้าง ค้นคว้าข้อมูลหลักฐานต่างๆ ตลอดจนพงศาวดาร จดหมายเหตุ ย้อนกลับไปของประวัติศาสตร์ในอดีตตลอดช่วงระยเวลากว่า4ศตวรรษที่ดำเนินต่อเนื่องมาตราบจนปัจจุบันทั้งที่ได้รับการบันทึกและไม่เคยถูกบันทึกมาก่อนจากหลักฐานที่มีอยู่จริงที่เป็นลายลักษณ์อักษร คำบอกกล่าวหรือเรื่องราวที่มีการเล่าขานต่อเนื่องกันมาทั้งในประเทศและต่างประเทศทั้งในส่วนของไทยเอง พม่า ชนกลุ่มน้อยใหญ่ รวมไปถึงบันทึกของชาวตะวันตกที่ได้แวะเวียนเข้ามาในแต่ละช่วงเวลาในแต่ละยุคสมัยที่เอ่ยอ้างและกล่าวถึง “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” กษัตริย์นักรบวีรบุรุษผู้ห้าวหาญผู้ซึ่งรวบรวมปึกแผ่นผืนดินเป็นหนึ่งเดียว พร้อมกับประกาศอิสรภาพ ความเป็นไทจนเกิดเป็นประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้” ยังไม่รวมกับการที่ท่านมุ้ย พร้อมด้วย รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ที่ปรึกษาและผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ได้ออกเดินทางตามรอยประวัติศาสตร์ออกสำรวจและเข้าไปสัมผัสในทุกพื้นที่และดินแดนต่างๆที่เคยเกิดขึ้นจริงเพื่อรวบรวมหลักฐานและเกร็ดข้อมูลทางประวัติศาสตร์และข้อถกเถียง ตลอดจนสมมติฐานต่างๆอันนำไปสู่ การเตรียมงานสร้างภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์ระดับตำนานเพื่อเตรียมเนรมิตรภาพในประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เคยมีใครได้เคยเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวให้ออกมาใกล้เคียงความเป็นจริงในที่สุด ซึ่งในเวลาต่อมาได้รับการบันทึกว่าเป็นโปรเจกต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่กว่าภาพยนตร์เรื่องใดในอดีต
          ในทุกๆด้านรวมทั้งผลงานระดับมาสเตอร์พีซก่อนหน้าของท่านอย่าง “สุริโยไท” นับตั้งแต่ทุนสร้าง ,จำนวนนักแสดงหลักเหล่าและนักแสดงสมทบ ตลอดจนบรรดาซูเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าของเมืองไทยมากที่สุดและนักแสดงสมทบที่ร่วมเข้าฉากมากมายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนร์จากจำนวนนับหมื่นคนยังไม่รวมจำนวนช้างม้าวัวควายและสัตว์ต่างๆที่ต้องเข้าฉากอีกมากมาย ภายหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องสุริโยไทเข้าฉาย หลังจากนั้น3ปีต่อมา “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาคแรกที่ใช้ชื่อว่าองค์ประกันหงสา” จึงได้เริ่มต้นทำเปิดกล้องถ่ายทำพร้อมด้วยพิธีบวงสรวงขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่11ธ.ค.2547 ที่กองพลทหารราบที่ 9 (ค่ายสุรสีห์) ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีที่ถูกเนรมิตรให้เป็นเมืองอโยธยาเมื่อราว400กว่าปีก่อน โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์ และทรงทอดพระเนตรการถ่ายทำโดยมีนักแสดงเข้าร่วมฉากถ่ายทำกว่า 1,000 คน และหลังจากนั้นได้มีการถ่ายทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงต้นปีพ.ศ.2558 ก่อเกิดเป็นภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ที่มาพร้อมด้วยจำนวนภาคต่อของภาพยนตร์ที่มีการถ่ายทำที่ตั้งใจไว้จากเดิม3ภาคกลายเป็น6ภาค โดยมีเหล่านักแสดงคุณภาพทุกรุ่นทั่วฟ้าเมืองไทยจากในอดีตจนถึงปัจจุบันร่วมเป็นส่วนหนึ่งและถ่ายทอดการแสดงในบทบาทและตัวละครต่างๆทั้งที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์และที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในภาพยนตร์
          ด้วยระยะเวลาในการถ่ายทำยาวนานต่อเนื่องกว่า14ปี นับตั้งแต่การเริ่มต้นเตรียมงานสร้างและใช้เวลาในการถ่ายทำอย่างยาวนานกว่าทศวรรษ จาก “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช : องค์ประกันหงสา” ปฐมบทของวีกรรมอันยิ่งใหญ่ของตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตามมาด้วย “ประกาศอิสรภาพ” ในภาคที่2 , “ยุทธนาวี”ในภาคที่3 ต่อเนื่องด้วย“ศึกนันทบุเรง” ในภาคที่4 และ “ยุทธหัตถี”ในภาคที่5 จนกล่าวได้ว่านี่ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” คือภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าใช้ระบบการถ่ายทำด้วยกล้องฟิล์มภาพยนตร์

สู่บทสรุปส่งท้ายแห่งอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่น
อิงประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
ของกษัตริย์นักรบยอดวีรบุรุษที่อยู่ในหัวใจ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
อันเป็นที่รัก เคารพและศรัทธาของคนไทยมากว่า4ศตวรรษ
          9 เมษายน พ.ศ.2558 พร้อมมิตร โปรดักชั่น และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อมแล้วที่จะนำผู้ชมและคนไทยทั้งแผ่นดินเดินทางย้อนเวลากว่า4ศตวรรษสู่บทสรุปของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์ที่สร้างจากตำนานกษัตริย์วีรบุรุษนักรบไทยอันเป็นที่รักและศรัทธาของปวงชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน เพื่อถ่ายทอดหลากหลายเรื่องราวในตำนานที่หลายคนไม่เคยรู้ บ้างยังคงเป็นที่ถกเถียง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับอีกหลายศึกสงครามและข้อขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างไทยกับพม่าซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากอภิมหาศึกแห่งประวัติศาสตร์ยุทธหัตถีจบลง พระราชประวัติของพระนเรศวรที่ยังคงดำเนินต่อ ไม่ว่าจะเป็นการที่พระองค์ยังคงทรงออกศึกสมรภูมิรบกับอาณาจักรต่างๆอีกหลายครั้งหลยคราก็เพื่อมวลประชาราษฎร์ของพระองค์ รวมไปถึงหลากหลายชะตากรรมชีวิตที่ยังคงดำเนินต่อของผู้คนในประวัติศาสตร์ที่อยู่รายล้อมรอบตัวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทั้งในฝั่งอโยธยาและนอกอาณาจักร การเปลี่ยนผ่านถ่ายอำนาจการปกครองจากอาณาจักรหงสาวดี ราชธานีของพม่าที่เคยรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่เหนือชมพูทวีปในอดีตที่กลับมลายหายสิ้นไปจากแผนที่ การล่มสลายของหงสาวดีและการก้าวขึ้นมาเรืองอำนาจของอาณาจักรใหม่ๆอย่างเกตุมวดีตองอู เหตุผลสำคัญที่ทำให้สมเด็จพระนเรศวรต้องเปิดศึกครั้งใหม่ทั้งๆที่อโยธยาไม่เคยชักศึกไกลถึงหงสามาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับพระเจ้านันทบุเรงภายหลังจากสูญเสียพระมหาอุปราชาที่ทรงสวรรคตจากการศึกยุทธหัตถี หลากหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ากันว่าชีวิตทหารไพร่พลพม่ารามัญนับหมื่นนับแสนที่พ่ายแพ้จากศึกในประวัติศาสตร์ล้วนตกต้องทัณฐ์มหันต์ถูกสั่งให้สุมไฟเผาทั้งเป็นรวมไปถึงวิบากกรรมที่พระสุพรรณกัลยาทรงรับไว้จากผลกระทบดังกล่าวนำไปสู่การสิ้นสุดในสถานภาพของการเป็นองค์ประกันหงสาอย่างแท้จริง และยังมีอีกหลากหลายเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การบุกเข้าตีตองอูของกองทัพอโยธยา , การณ์กลับตาลปัตรเมื่อสมเด็จพระเอกาทศรถถูกเมงราชาญีเจ้าเมืองยะไข่จับตัวไป รวมไปถึงการเสด็จสู่สวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯลฯ
          รวบรวมเหล่านักแสดงระดับตำนานถ่ายทอดการแสดงสุดเข้มข้นสู่บทสรุปส่งท้ายอันยิ่งใหญ่ พลโทวันชนะ สวัสดี ,จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์, ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม , เกรซ มหาดำรงค์กุล,แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ(เตชะณรงค์),พ.อ.วินธัย สุวารี, นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานันท์, สรพงษ์ ชาตรี,ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง ,พันโทคมกริช อินทรสุวรรณ,นภัสกร มิตรเอม, พร้อมด้วยเหล่านักแสดงระดับคุณภาพมาร่วมเพิ่มความเข้มข้นอย่างถึงขีดสุดในบทบาทของตัวละครที่เข้ามามีบทบาทใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช:อวสานหงสา ไม่ว่าจะเป็น นิรุตติ์ ศิริจรรยา ในบทเมงเยสีหตูเจ้าของนครเกตุมวดีตองอู ,สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ รัชนี ศิระเลิศ ในบทพระมเหสีผู้อยู่เคียงข้างเมงเยสีหตูพระราชมารดาของนัดจินหน่อง ,ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธในบทเม้ยมะนิกราชธิดาที่มีเชื้อสายรามัญ-พม่าของศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะ ผู้ซึ่งนำชาวรามัญมาร่วมกับชาวอโธยาเพื่อรบกับพม่า ,รณ ฤทธิชัยในบทเมงราชาญีเจ้าเมืองยะไข่โจรสลัดที่ลอบตัดเสบียงและคร่าชีวิตชาวเมาะตะมะ, ดามพ์ ดัสกรรับบทสีหรั่นสหายรบคู่ใจของเมงราชาญี,อาร์ท อรรถพร สุวรรณ,แฟรงค์ สมศักดิ์ แก้วลือ,ไกรลาศ เกรียงไกรรับบทพระยาลอ ผู้สำเร็จราชการที่ถูกส่งมาปกครองเมืองเมาะตะมะ ฯลฯ
          ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช:อวสานหงสา กล่าวได้ว่าคือบทสรุปส่งท้ายอย่างสมบูรณ์ของโปรเจกต์ภาพยนตร์ไทยที่คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่จะถูกจารึกลงในบันทึกอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยถึงวีรกรรมอันหาญกล้าของกษัตริย์นักรบผู้อันเป็นที่เคารพรักและศรัทธาของปวงชนชาวไทยมาตลอด4ศตวรรษ ผู้รวบรวมผืนแผ่นดินอโยธยาให้เป็นไทยมาจนถึงทุกวันนี้ โดยถ่ายทอดบางส่วนของพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจนสิ้นราชการของพระองค์โดยจบลงที่พระองค์ทรงสวรรคต
พร้อมประจักษ์ทุกสายตากับอภิมหาภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล กับภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจคนไทย “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา” 9 เมษายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์
ข้อมูลเพิ่มเติม ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธ" รับบทป็นเม้ยมะนิก
          เป็นราชธิดาของศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะซึ่งเป็นราชบุตรของพระเจ้าบุเรงนอง แต่เนื่องด้วยศิริสุธรรราชามีมเหสีที่มีหน่อเนื้อเชื้อไขของรามัญจึงหาได้เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้านันทบุเรงไม่ ลอบฆ่าพระยาลอซึ่งคือผู้สำเร็จราชการจากหงสาที่พระเจ้านันทบุเรงแต่งตั้งให้มาปกครองเมาะตะมะ สาเหตุเพราะโกรธแค้นที่พระราชบิดาและมารดาถูกสังหาร และชาวมอญทั้งหลายยังถูกกดขี่ อดอยาก ล้มตายเลยตั้งใจจะสมทบกับชาวอโยธยาหลังจากหนีไปอยู่กับพวกโจรป่าและชาวรามัญรอสมทบกับการมาของพระนเรศเพื่อหวังสมทบและอาสาเข้าร่วมรบกับพม่า
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 06, 2015, 12:44:37 PM
ภาพโปสเตอร์จาก “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา”





ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา (Official Trailer-HD)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=gFJ9QzpCrvY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gFJ9QzpCrvY</a>

แม้นยุทธหัตถีจะเป็นมหาศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
แต่ก็หาใช่ศึกสุดท้ายที่ทำให้อโยธยามีความ­สุขสงบมาอีกกว่า ๒๐๐ ปีไม่
หากคือการเริ่มต้นแห่งการรวบรวมบ้านเมืองแ­ละสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดิน

          ในปี พ.ศ. ๒๑๓๕ หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี พระเจ้านันทบุเรงระบายพระโทสะที่สูญเสียรา­ชบุตร อุปราชแห่งหงสาไปที่พระนางสุพรรณกัลยาและพ­ระราชโอรสธิดาจนสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระนเรศวรจึงนำทัพชัยหมายแก้แค้นแทน­พระพี่นางและเหยียบหงสาวดีให้ราบเป็นหน้าก­ลอง ฝ่ายพระเจ้านันทบุเรงเมื่ออับจนหนทางจึงยอ­มให้นัดจินหน่องราชบุตรแห่งเจ้าเมืองตองอู­พาพระองค์พร้อมกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนจ­ากหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น ครั้นสมเด็จพระนเรศวรเสด็จถึงเมือง หงสาวดีก็กลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้ว

          ศึกครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรจึงต้องยกทัพตา­มต่อตีไปยังตองอู แม้จะได้รับคำทัดทานจากพระมหาเถรและพระมเห­สีมณีจันทร์ เพื่อหมายสังหารพระเจ้านันทบุเรงให้จงได้ ผลสรุปแห่งมหาสงคราม ๒ แผ่นดินจะจบลงเยี่ยงไร และใครจะเป็นผู้มีชัยเหนือสมรภูมินี้ การศึกครั้งสุดท้ายของสหายร่วมรบแห่งอโยธย­า ใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา

          สิ้นสุดการรอยคอย สู่บทสรุปของตำนานหน้าสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย

          “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช​ อวสานหงสา”

          ๙ เมษายน ๒๕๕๘ พร้อมกันทั้งประเทศ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 17, 2015, 01:45:59 PM
“เกรซ” ร่วมเชิดชูวีรกรรมเสียสละของ “พระสุพรรณกัลยา” ชี้ “อวสานหงสา” คือบทสรุปส่งท้ายสิ้นสุดการเป็นองค์ประกันหงสาอย่างแท้จริง



          เป็นทั้งตอนต่อและเป็นบทสรุปส่งท้ายในการปิดตำนานในเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชประวัติของ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช”?กษัตริย์นักรบผู้กอบกู้อิสรภาพและรวบรวมบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นผู้ซึ่งอยู่ในหัวใจคนไทยมาตลอด 400 กว่าปี สำหรับ “อวสานหงสา” ในภาคนี้เราจะได้เห็นหลากหลายชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับตัวละครที่มีบทบาทสำคัญซึ่งอยู่รายล้อมรอบตัวสมเด็จพระนเรศวร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางของพระนเรศวร วีรสตรีผู้ที่อุทิศตัวเองยอมเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อของพระองค์เพื่อชาวอโยธยามาโดยตลอด?คงไม่ผิดความจริงนักถ้าจะกล่าวว่า พระสุพรรณกัลยาคือ องค์ประกันหงสาจนแม้กระทั่งในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของพระองค์ และในภาคอวสานหงสา คือ การสิ้นสุดการเป็นองค์ประกันหงสาของพระองค์อย่างแท้จริง ซึ่งจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เองคือ จุดเริ่มต้นอันเป็นที่มาของศึกครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เป็นเหตุให้พระนเรศวรกรีฑาทัพพร้อมเหล่าสหายศึกคู่ใจเปิดศึกรบนอกอยุธยาไกลถึงหงสาเป็นครั้งแรก ก่อนที่ในท้ายที่สุดอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองแห่งพุกามประเทศอย่างหงสาวดีจะล่มสลายหายไปจากแผนที่โดยสิ้นเชิง และนี่คือประสบการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตของ เกรซ มหาดำรงค์กุล กับการถ่ายทอดบทบาท พระสุพรรณกัลยา และวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของท่านมาตลอด 12 ปีใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทั้ง 6 ภาค”

          “พระสุพรรณกัลยาถ้าจะพูดถึงท่าน ท่านเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ทำอะไรให้กับประเทศไทยมากมาย เพราะว่าท่านเสียสละชีวิตของท่าน ท่านเคยพูดว่าชีวิตข้าและลูกข้าถ้าแลกได้ด้วยชีวิตพระนเรศข้าก็ยินดี คือท่านไม่ได้ถือตัวท่านแค่องค์เดียว ท่านยอมเสียสละเพื่อให้น้องชายกลับมากู้อิสรภาพ และท่านก็มีความหวังอยู่ตลอดเวลา ท่านจะเห็นอโยธยาอีกครั้ง ท่านจะได้กลับอโยธยาอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เศร้ามาก เราเป็นคนรุ่นหลังเราก็ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านก็ไม่เคยกลับมา ท่านก็ไม่เคยได้เห็น ตัวท่านเองตอนที่ต้องจากอโยธยาไปก็ได้โกยดินแล้วนำไปที่หงสาวดี ท่านไม่เคยลืมว่าท่านมาจากไหน ท่านไม่เคยเปลี่ยนการแต่งกาย วิถีชีวิต ท่านยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกอย่างในการเป็นองค์ประกันอยู่ที่หงสาวดี ตอนแรกดูเหมือนพระนเรศจะไม่เข้าใจพระสุพรรณกัลยา  วันที่พระนเรศวรชวนพระองค์หนีกลับอโยธยาศรีรามเทพนคร ถ้าไปกันทั้งคู่ก็จะถูกโดนปลงพระชนม์ทั้งคู่ ก็จะทำให้ไม่มีพระนเรศในวันนี้ แต่พระสุพรรณทรงเป็นผู้หญิงตัวน้อยๆ แต่ทราบดี ท่านเหมือนเป็นวีรสตรีที่กล้าหาญนะคะ เอาองค์เข้าแลกกับบุเรงนองบอกว่าท่านจะอยู่เป็นองค์ประกันให้ แต่ให้ปล่อยน้องชายก็เลยมีพระนเรศวรขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ พอครั้งที่สองก็มาชวนอีก ก็ไม่กลับอีก อันนั้นก็มีเคือง ก็บอกว่าพี่สาวเห็นสามีดีกว่าอยุธยาละ ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมพี่สาวไม่กลับ แต่จริงๆพอเรื่องราวดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ พระนเรศจะเข้าใจว่าจริงๆ ทำไมจะไม่อยากกลับ อยากจะกลับเหมือนคนทุกคน อยากจะกลับบ้านเมืองเรา อยากจะกลับไปอยู่สุขสบายแต่ที่ต้องมาทนทรมานและอยู่เป็นองค์ประกันอยู่คนเดียวก็เพราะความเสียสละและวีรกรรมความกล้าของพระองค์เอง ตอนแรกคนอาจเข้าใจว่าคำว่าองค์ประกันหงสาคงหมายถึงพระนเรศ ซึ่งเป็นองค์ประกันแต่จริงๆ แล้วพอมาตอนอวสานหงสาจะทราบว่าองค์ประกันหงสาจริงๆ ก็คือพระสุพรรณกัลยา เพราะคนที่ติดอยู่ในหงสาวดีจนจบก็คือพระสุพรรณกัลยา”

          9 เม.ย.นี้มาร่วมปิด “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเมืองไทยพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 20, 2015, 03:55:46 PM
Movie Guide: สิ้นสุดการรอยคอย สู่บทสรุปของตำนานหน้าสุดท้ายที่ทุกคนรอคอย พร้อมเผยฉากใหญ่ครั้งแรกในตัวอย่างเต็ม “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา”





ตัวอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา (Final Trailer-HD)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XsqabGmSDVg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XsqabGmSDVg</a>

นันทบุเรง กษัตริย์องค์สุดท้ายบนบัลลังก์แห่งหงสา
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=-q2wwleOVH0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=-q2wwleOVH0</a>
 
          แม้นยุทธหัตถีจะเป็นมหาศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
          แต่ก็หาใช่ศึกสุดท้ายที่ทำให้อโยธยามีความ­สุขสงบมาอีกกว่า ๒๐๐ ปีไม่
          หากคือการเริ่มต้นแห่งการรวบรวมบ้านเมืองแ­ละสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดิน
          ๙ เมษายน ๒๕๕๘ พร้อมกันทั้งประเทศ

          หลังศึกยุทธหัตถี เมื่อพระเจ้านันทบุเรงระบายโทสะที่สูญเสีย­พระราชโอรส อุปราชแห่งหงสาไปที่พระสุพรรณกัลยาและพระร­าชโอรสธิดาจนสิ้นพระชนม์ ทั้งยังสั่งให้เผาแม่ทัพนายกองที่ตามเสด็จ­ให้ตายตกทั้งเป็น สมเด็จพระนเรศวรจึงนำทัพชัยหมายแก้แค้นแทน­พระพี่นางและเหยียบเมืองหงสาวดีให้จงได้ ฝ่ายพระเจ้านันทบุเรงเมื่อสิ้นหนทางจึงยอม­ให้นัดจินหน่องราชบุตรแห่งเจ้าเมืองตองอูก­วาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนจากหงสาไปไว้ยังต­องอูจนหมดสิ้น ครั้นสมเด็จพระนเรศวรเสด็จถึงเมือง หงสาวดีก็กลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้ว

          ศึกครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรจึงต้องยกทัพตา­มต่อไปยังตองอู เพื่อหมายสังหารพระเจ้านันทบุเรงให้จงได้ ผลสรุปแห่งมหาสงคราม 2 แผ่นดินจะจบลงเยี่ยงไร และใครจะเป็นผู้มีชัยเหนือสมรภูมินี้

          สู่ตำนานบทสุดท้ายแห่งองค์มหาราชผู้กอบกู้­บ้านเมืองให้มีเอกราชคงความเป็นชาติให้ชาว­สยามสืบมาจวบจนปัจจุบัน ในตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 23, 2015, 12:14:16 PM
Movie Guide: เพลิงพิโรธแห่งพระเจ้านันทบุเรงสั่งประหารทหารนับหมื่นชีวิต สังเวยศึกยุทธหัตถีอลังการงานสร้างฉากเปิด ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา





          สิ้นสุดยุทธหัตถี หาใช่สิ้นสุดวีรกรรมในความเป็นกษัตริย์ชาตินักรบ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินอโยธยา ให้อยู่เย็นเป็นสุขของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่ แต่พระองค์ยังคงต้องทรงกรำศึก และกอบกู้บ้านเมืองให้ลูกหลานสืบต่อไปจนถึงวาระสุดท้ายของพระองค์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” คือเรื่องราวที่ดำเนินต่อหลังมหาศึกคชยุทธ์ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระมหาอุปราชา ที่ ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ตั้งใจถ่ายทอดให้ได้เห็นกัน ผู้ชมจะได้พบกับฉากใหญ่สำคัญเปิดเรื่องนั่นคือ “การสั่งเผาทหารนับหมื่นชีวิตของพระเจ้านันนทบุเรงให้โดนไฟคลอกตายเพื่อเป็นการสำเร็จโทษหลังจากสูญเสียพระมหาอุปราชาซึ่งเป็นพระราชโอรสที่พระองค์ทรงรักที่สุดไปในการแพ้ศึกยุทธหัตถี”

          โดยงานนี้ระดมทีมงาน นักแสดงหลัก และนักแสดงสมทบนับพันชีวิต เฉพาะนักแสดงสมทบ ที่ต้องสำเร็จโทษอยู่ประจำตะแลงแกงเผาไฟก็มีไม่ต่ำกว่า500คนแล้ว ทีมงานฝ่ายฉากฝ่ายศิลป์ที่ต้องเตรียมจุดไฟประจำจุด ฝ่ายเมคอัพหน้าผมตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆที่นักแสดงทุกคนต้องแต่งตัวย้อนยุคกลับไป 400 กว่าปี เหล่าบรรดาผู้ช่วยผู้กำกับที่ต้องตรวจเช็คการวางตัวตำแหน่งนักแสดงประจำจุด ยังไม่รวมกับทิศทางของการเคลื่อนกล้อง และตำแหน่งจุดต่างๆที่จะต้องถูกนำไปแมทซ์ภาพกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเพื่อสร้างความสมบูรณ์ ให้อลังการด้านภาพของฉากเพลิงพิโรธของพระเจ้านันทบุเรงเผาไหม้ชีวิตไปทั่วทั้งหงสาคุกรุ่นไปด้วยความสูญเสียอันน่ารันทดออกมาอย่างสมจริง

          “ สำหรับฉากเปิดตัวภาคนี้นะครับ คือพอหลังจากชนช้างเสร็จใช่ว่าฝั่งไทยชนะศึกครั้งนี้แล้ว พระนเรศวรจะดีใจนะ จริงๆมันตามมาด้วยความโกรธที่มโหฬารพอสมควร ต้องไปดูกันว่าพระองค์จะทำอย่างไรกับทหารที่ตามศึกกันไม่ทันปล่อยให้พระองค์ และน้องไปอยู่ในวงล้อมของหงสาวดี ซึ่งอาจจะสูญสิ้นทั้งพระนเรศวรและพระเอกาทศรถเลยนะครับ แล้วอยุธยาจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งเด็ดมาก แต่ไอ้การลุกเป็นไฟมันไม่ใช่ทางฝั่งอยุธยาอย่างเดียวนะ ฝั่งหงสาวดีเองแผ่นดินก็เช่นกัน เป็นเพราะพระเจ้านันทบุเรงสั่งเผาบรรดาทหาร ที่ตามศึกลูกชายตัวเองไปเผาทั้งเป็นครับ เป็นหมื่นคนครับ จับขึ้นตะแลงแกงแล้วเผา ซึ่งฉากนี้มันต้องใช้เทคนิคในการถ่ายทำพอสมควรเลยครับ คือมันยากตรงที่ว่าไฟนี่จุดจริง แล้วคนก็ร้อนจริง เพียงแต่ว่าการเตรียมการตะแลงแกงจำนวนเยอะขนาดนั้น มันค่อนข้างจะวุ่นวาย แล้วก็บรรยากาศของความชุลมุนวุ่นวายมันจะต้องเกิดขึ้นบนจอภาพยนตร์อย่างสมจริงด้วย รวมถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจริง ในการถ่ายทำในวันนั้นด้วย อันนี้ที่เราจะได้เห็นในภาค6ที่ว่าหงสาลุกเป็นไฟเป็นอย่างไร”

          ซึ่งเบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้ถึงแม้ว่า ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี จะไม่ได้เข้าฉากเพื่อการถ่ายทำในภาพยนตร์ แต่ก็อยู่ร่วมในเหตุการณ์ระหว่างการถ่ายทำเองก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เฉพาะฉากนี้ฉากเดียว ท่านมุ้ย บรรจงถ่ายทำอยู่เป็นสัปดาห์ เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่าอาณาจักรหงสาวดีที่เคยรุ่งเรืองแห่งพุกามประเทศ นับจากนี้กำลังจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้สัมผัสถึงความยากลำบากกว่าจะเกิดเป็นภาพความอลังการออกมาเสร็จสมบูรณ์ที่จะปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ภาคอวสานหงสานี้

          “ สำหรับในการถ่ายทำฉากนี้ เรามีการถ่ายทำอยู่หลายวัน เพราะบางครั้งเวลาที่เราถ่ายทำไปแล้วมันไม่ได้ครับ คือไฟจุดแล้วมันไม่ลุกมาก หรือบางทีจุดแล้วมันลุกมากเกินมัน ทำให้ตัวแสดงที่ถูกมัดอยู่ร้อนจริง แล้วก็ใช้คนประมาณ500คน คือนอกเหนือจากคนที่ถูกเผาแล้ว มันต้องมีทหารพม่าที่ทำหน้าที่เผา คือมันจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในท้องพระโรง การขอชีวิตอะไรอย่างนี้ แล้วก็ความวุ่นวายของคน500คนในการมาถ่ายทำ บางทีเล่นแล้วก็มีการเหลือบมองคนเหลือบมองดูกล้อง ไม่เข้ามาร์ก ไปบังตัวเมน คือชุลมุนวุ่นวายไปหมดครับ แล้วพอบางครั้งเวลาจุดไฟ ตอนซ้อมมันยังไม่มีไฟ พอเอาจริงพอไฟมันขึ้นมาปั๊บ คนที่ต้องไปจุดอีกทีเข้าไปก็ไม่กล้าเข้า พอไม่กล้าเข้า ทางด้านภาพก็ไม่ได้ อย่างนี้นะครับ จริงๆมันมีความยากอีกอย่างหนึ่งคือเราต้องมีคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาช่วย เพราะฉะนั้นท่านมุ้ยจะมองไปเลยว่าฉากตรงนี้รูตรงนี้ จะต้องเอากรีนสกรีนมาขึง เพราะว่าภายหลังจากตรงนี้ไปจะเห็นเป็นกำแพงนะ จะเห็นยอดเจดีย์ตรงนี้นะครับ ภาพทั้งหมดมันเป็นภาพที่เขียนมาแล้วครับว่าจะมีเจดีย์ขึ้นตรงไหน ทหารจะคุมจากตรงไหนบ้าง เวลาถ่ายลมแรง ก็จะพัดผ้ากรีนเกิดเป็นเงา ต้องไปขึงผ้ากรีนขึ้นใหม่ บางทีพอถ่ายเสร็จปั๊บเงาก็ไปติดที่อยู่ตามผ้ากรีนอีก ก็ต้องจัดแสงใหม่ คือถึงแม้ว่าเราจะมีเทคโนโลยีมาแล้ว มันก็มาพร้อมกับความยากลำบากพอสมควร การถ่ายทำสำหรับฉากนี้ฉากเดียวก็ถ่ายทำเป็นอาทิตย์ละครับ”

          เตรียมพบกับอีกนหนึ่งฉากอลังการงานสร้างเมื่อเพลิงพิโรธของพระเจ้านันทบุเรงส่งผลต่อการนำไปสู่การอวสานหงสาในการปิดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอย่างสมบูรณ์ 9เม.ย.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 30, 2015, 01:43:37 PM
บทสัมภาษณ์ “ผู้พันเบิร์ด วันชนะ สวัสดี จากตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา”



“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมาหาราช : อวสานหงสา การกลับมาปิดตำนานของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่และอยู่ในใจตลอดกาลของผู้ชมภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์ ของ ผู้พันเบิร์ด พันโท วันชนะ สวัสดี

          “อวสานหงสาจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งครับที่คนไทยทุกคนจะได้รับรู้เป็นประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงหลังจากศึกยุทธหัตถี ที่ท่านมุ้ยตั้งใจถ่ายทอดให้คนไทยได้รับรู้ในเมื่อเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของพระองค์ท่านทำไมเราถึงไม่เรียนรู้ให้จนจบรัชกาลของพระองค์ อยากให้ทุกคนได้รับทราบและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไปพร้อมๆกับคนที่แสดง ทีมงานครับ”

Q. กำลังจะมีภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสาเข้าฉาย ภาคนี้อวสานหงสายืนยันว่าจบแน่นอนแล้ว
B. หลายคนบอกว่ามาหลอกกันนี่นา ไม่เห็นจะจบสักที ชนช้างแล้วยังไม่จบอีกเหรอ จริงๆเราก็คิดคล้ายกันว่า เออมันน่าจะจบที่ชนช้างไหม เพียงแต่ผมเชื่ออย่างนี้ครับ เมื่อคนที่ชมภาค6ออกมาจากโรงภาพยนตร์แล้ว ทุกคนน่าจะคิดหมือนกัน ว่ามันควรจะมีภาค 6 ด้วยเหตุผลที่ว่าช่วงชีวิตของพระองค์ในการครองราชย์ของท่าน จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ พระองค์ไม่ได้จบชีวิตลงตรงแค่การทำยุทธหัตถีแค่นั้น แต่มันมีเรื่องราวที่สืบทอดต่อเนื่อง มีการผันเปลี่ยนทางอำนาจ รวมถึงความสูญเสียในชีวิตของคน หลังจากนั้นอีกมาก และเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ที่เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อคนได้ไปดู เราถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในปีนี้เป็นปีที่12ปีและกำลังก้าวย่างเข้าไปสู่ปีที่13 มันมีเรื่องราวที่เราถ่ายทำไปเยอะมากแล้วในภาค6นะครับ ถ้าไม่จบด้วยข้อจำกัดของเวลา มันมีเรื่องราวที่เยอะกว่านี้อีก แต่เราก็ดึงเฉพาะในส่วนที่น่าสนใจและเรื่องราวที่สำคัญๆมาเพื่อให้ดำเนินเรื่องให้จบได้ในภาคที่6 เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจ ของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่เราเรียกว่าหงสาวดี เปรียบได้กับจีนในปัจจุบัน ยิ่งใหญ่ในอุษาคเนย์ในสมัยนั้น ภาค6อาณาจักรเหล่านั้นมันหายไปครับ มันเปลี่ยนศูนย์กลางอำนาจใหม่ไปอยู่ที่อื่นละ ในขณะเดียวกันมันจะมีความสอดรับกับการก้าวขึ้นมา สู่ห้วงอำนาจที่สำคัญของอยุธยา มันเป็นที่มาของการเป็นเอกราชที่สืบทอดยาวนานอีก170กว่าปี ก่อนที่เราจะมาเสียกรุงครั้งที่2อีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็จะได้เห็นความสูญเสียของคน โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุดก็คือความสูญเสียของพระนเรศวร ก็เกิดขึ้นในภาคนี้
Q. กว่าทศวรรษกับภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ ที่ผู้พันเบิร์ดเข้าไปมีส่วนร่วมสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยกำลังจะปิดฉากลงรู้สึกอย่างไรบ้าง
B. รู้สึก 2 อย่างครับ ความรู้สึกแรกเลยก็คือดีใจ สิ่งที่เราถ่ายทำมาทั้งหมดจนครบทั้ง6ภาค ดีใจที่หนังเรื่องนี้ได้ฉาย เพราะผมเชื่อว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นความรู้สึกใหม่ของคนไทยที่จะได้ดู เพื่อให้คนได้ดูต่อไปในภายภาคหน้า แต่ความรู้สึกที่ตามมาคือความรู้สึกใจหายแวบว่า หลังจากนี้ไปการถ่ายทำที่เราจะได้เห็นนักแสดงครบๆแบบนี้ มันก็จะหายไป ตลอดระยะเวลา12ปีที่ผ่านมา โรงเรียนแห่งนี้เป็นเหมือนโรงเรียนประจำ ที่ทุกคนมาเจอกันตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ หรือบางครั้งเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้กลับบ้าน เลยผูกผันเป็นครอบครัวใหญ่ แล้วก็เรื่องราวที่มันเกิดขึ้นในกองถ่าย มันเหมือนรวมตั้งแต่ปฐมแล้วต่อมัธยมจนจบเลย แล้วก็เจอกันทุกวัน เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แล้วเรากำลังจะแยกย้ายจากกันไป มันก็คือใจหาย แต่ว่าเราก็ดีใจครับเพราะว่าความผูกผันตรงนั้นมันไม่ได้จางหายไปไหนหรอกครับ เพียงแต่มันเปลี่ยนสภาพไปเจอกันที่อื่นไปทำงานกันใหม่ในที่อื่นหรือว่านัดกันไปเที่ยว
Q. จากภาคแรกจนถึงภาคนี้ พัฒนาการของตัวละครของสมเด็จพระนเรศวร เป็นอย่างไรบ้างในความคิดของผู้พันเบิร์ด
B. ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคสุดท้าย จริงๆตัวละครของพระองค์ เราต้องการจะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ที่มีความหลากหลายทางอารมณ์เหมือนคนทั่วไป พระองค์มีห่วง มีความรัก พระองค์มีความโกรธ เสียใจ ร้องไห้ มีความกลัว แต่ในช่วงพัฒนาของตัวละครที่ผมเล่นตั้งแต่ภาค2 แต่ในภาค6ที่เป็นภาคสุดท้ายนี้ จะมีความหลากหลายทางอารมณ์มากกว่าในภาคที่ผ่านมา ภาคสุดท้ายเราจะเห็นความหลากหลายทางอารมณ์แล้วลึกมาก โดยเฉพาะความห่วงในแผ่นดินอโยธยา ที่เราจะได้เห็นของพระนเรศวรในฉากท้ายๆเรื่อง เราจะเห็นเลยว่าความเป็นมนุษย์จริงๆของพระองค์ ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในฉากนี้ และจะบ่งบอกเป็นบทสรุปทุกอย่างเลยว่า ทำไมพระองค์จึงเพียรทำทุกสิ่งทุกอย่างมาตั้งแต่ภาคหนึ่งจนถึงภาคหกครับ
Q. นอกจากศึกยุทธหัตถีแล้ว ในภาคอวสานหงสาจะเกิดอะไรขึ้น มีเหตุการณ์เรื่องราวสำคัญอะไรในประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในภาพยนตร์ภาคนี้
B. ในภาคนี้เราจะพูดถึงเรื่องของการปกครอง แล้วเราจะพูดถึงชีวิตของคน แล้วผมจะแบ่งเรื่องการปกครอง และชีวิตในฝั่งหงสาวดี การปกครองและชีวิตในฝั่งอยุธยา เราเริ่มที่ในเรื่องการปกครองก่อน ในภาค6จะได้เห็นจุดพลิกผันของอาณาจักรหงสาวดีที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ในชมพูทวีป ส่งผลให้อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่เหล่านั้นมันหายไปเลยครับ แล้วมันจะมีการเปลี่ยนแปลงศูนย์กลางอำนาจใหม่ มีเมืองต่างๆเกิดขึ้นในอาณาจักรหงสาที่เคยรุ่งโรจน์อยู่ เราจะเห็นกลุ่มคนใหม่ๆอย่างยะไข่ ซึ่งเป็นพวกโจรสลัด เราเรียกว่าเป็นชาวอาระกัน มาจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ซึ่งอยู่ติดกับจีน พวกนี้เป็นโจรสลัดที่ลงมาปล้น มันจะมีนิสัยเหมือนกับพวกตีหัวเข้าบ้านอย่างเดียว เราจะเห็นพวกเมืองมอญ ที่เกิดขึ้นมาใหม่ เราจะเห็น เมาะตะมะ แล้วเราก็จะได้เห็น ตองอู ซึ่งจะกลายเป็นอาณาจักรศูนย์กลางแห่งใหม่ของพม่า
ต่อมาคือเรื่องชีวิตของคน เราก็จะได้เห็นชีวิตในส่วนของพระเจ้านันทบุเรง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองหงสาวดี คนที่ครองเมืองจะต้องมีความยิ่งใหญ่มาก สืบต่ออำนาจมาจากพระเจ้าบุเรงนองผู้ชนะสิบทิศ เพราะฉะนั้นความเกรงขามของคนที่อยู่ใต้อาณัติ แม้กระทั่งอโยธยาในเมื่อก่อนนี้เองก็ถือว่าเป็นเมืองขึ้นของพระเจ้านันทบุเรงมาก่อน ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนของตน ต้องไปเหมือนลี้ภัย แล้วก็เจ็บป่วยเหมือนกับเวรกรรมตามทัน การเจ็บป่วย การเลอะเลือนของสติ แล้วก็ถูกข่มเหง ถูกใช้ประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของส่วนอื่น ถูกหลอกใช้นี่คือนันทบุเรง แต่ที่สำคัญของพระเจ้านันทบุเรงที่ช้ำชอกไปกว่านั้นนะครับ คือการสูญเสียลูกชายที่พระองค์รักมากตั้งแต่ศึกยุทธหัตถีแล้ว การสูญเสียในครั้งนั้นมันส่งผลอะไรต่อสภาพจิตใจของพระองค์บ้าง เกิดการกระทำอะไรขึ้นในหงสาวดี มีความเหี้ยมโหดอะไรเกิดขึ้นบ้าง นี่แหละคือสิ่งที่เราจะได้เห็นในภาคที่6
          ฝั่งอยุธยาในแง่ของการปกครอง เราจะได้เห็นความเข้มแข็งของอยุธยา ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เราจะเห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของพระองค์ อันเป็นศูนย์นำจิตใจของคนสมัยนั้นทำให้เมืองเข้มแข็ง เราจะเห็นการเดินทัพของพระองค์จากอยุธยาไปไกลถึงหงสา เป็นครั้งแรกที่เราไปเหยียบหงสา สืบเนื่องมาจากแนวความคิดของสมเด็จพระนเรศวร 2 ประการ ประการแรกคือเรื่องส่วนรวมของอยุธยา ที่ต้องการจะไปเอาเมืองหงสากลับมาเป็นเมืองขึ้นของเรา เหมือนเมื่อครั้งที่เราเคยเป็นเมืองขึ้นของเขา แต่ประการที่สองเป็นเรื่องเฉพาะพระองค์ นั่นหมายถึงพระองค์จะพยายามไปเอาพระสุพรรณกัลยากลับมา แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นพระองค์ได้เดินทัพไปรบอีกหลายศึก รบกับตองอู รบกับเมาะตะมะ ทำไมพระองค์ถึงต้องทำแบบนั้น เพื่อความเป็นเอกราชและความคงอยู่อย่างมีความสุขของประชากรในอยุธยานั่นเองนะครับ อันนี้เป็นเรื่องของการปกครอง ต่อมาเป็นเรื่องส่วนตัว เราจะได้เห็นความสูญเสียองค์ประกันที่จบความเป็นองค์ประกันอย่างแท้จริงในภาค6 นั่นคือ พระสุพรรณกัลยา และความสูญเสียนี่ก็จะเป็นเหตุผลอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำไมพระนเรศวรถึงต้องยกทัพไปถึงหงสา ด้วยความสูญเสียในครั้งนั้นทำให้พระองค์เหมือนมีความเจ็บแค้นอยู่ในใจ ที่จะต้องเอาหงสากลับคืนมาให้ได้ และเมื่อยกทัพไปถึงหงสาแล้ว ยังต้องตามไปเอาชีวิตของนันนทบุเรงกลับมาให้ได้อีกนะครับ ความสูญเสียที่สำคัญที่เราจะได้เห็นในภาค6 นั่นคือการปิดฉากของช่วงชีวิตของสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่วันหนึ่งคนเราเกิดมานะครับจะต้องจากไป เราจะฝากอะไรไว้ให้กับแผ่นดินบ้าง เราจะได้เห็นแม้วินาทีสุดท้าย ที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์แล้ว ความผูกผันและความห่วงในแผ่นดิน พระองค์ได้ฝากเรื่องราวต่างๆให้กับน้องชายพระเอกาทศรถ จนทำให้เราเข้าใจชีวิตทำให้เราจบภาค6 ถึงแม้ว่าพระองค์จะสูญสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่เรากลับอิ่มเอิมใจ ก็แปลกที่ทำภาพยนตร์สร้างออกมาได้แบบนั้นนะครับ และนี่คือบริบททั้งฝั่งอยุธยาและฝั่งหงสาวดีครับ
Q. ในภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุกภาคที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นอาณาจักรอย่างหงสาวดีกับอโยธยา แต่ในภาคอวสานหงสา เราจะได้เห็นการก้าวเข้ามา มีบทบาทสำคัญของอาณาจักรอื่นๆที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนแปลงทางประวัติศสตร์
B. ในภาค6 นอกเหนือจากอาณาจักรที่มีอยู่อย่างหงสาวดี ก็จะมีเมืองต่างๆที่ขึ้นอยู่กับบุเรงนอง ไม่ว่าจะเป็นตองอู เมาะตะมะ ยะไข่ เหล่านี้ แต่ทีนี้เมื่อสิ้นบุเรงนองแล้ว การขึ้นมาของนันทบุเรงมาเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ความระส่ำระสายที่เกิดขึ้นคือความเชื่อถือของเมืองต่างๆเหล่านี้ที่มีต่อนันทบุเรง เริ่มคลายความจงรักภักดีออกไป เริ่มตีตัวออกห่าง สัญญาณเหล่านี้จริงๆมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยภาค2ตอนประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ตอนนั้นพระนเรศวรเข้าไปเพื่อช่วยหงสาวดีรบกับกบฎอังวะ นี่เป็นสิ่งบอกเหตุว่า อังวะเริ่มตีตนออกห่างแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็เลยเกิดความระส่ำระสายเมืองต่างๆเริ่มที่จะตีตัวออกห่างมากขึ้น ด้วยความที่อยากจะขึ้นมาเป็นใหญ่ เพราะด้วยความที่ไม่เชื่อมั่นต่อในตัวพระเจ้านันทบุเรง เมืองเดิมๆเหล่านี้แหละที่จะเข้ามามีบทบาทในการสู้รบสำคัญในภาค6 การสู้รบระหว่างหงสาวดีกับอยุยา เช่น เมืองยะไข่ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นพวกโจรสลัด เมืองตองอู(เกตุมวดีตองอู) เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่ขึ้นไปทางเหนือจากหงสาวดีขึ้นไป ซึ่งการขึ้นไปก็ค่อนข้างทุรกันดารพอสมควร โดยมีเมงเยสีหตู เป็นเจ้าเมืองแสดงโดย อาหนิง-นิรุตติ์ อีกคนหนึ่งคือ พี่ลูกแพร รัชนี ศิระเลิศ เมงเกงสอ ภรรยาของเจ้าเมือง ส่วนลูกชายของเมืองนี้ที่เป็นอุปราชอยู่ เราเห็น นัดจินหน่อง มาตั้งแต่ในภาค2 ตอนขึ้นไปตีเมืองคัง 3 ทัพ ทัพหนึ่งจะเป็นพระนเรศวร อีกทัพหนึ่งเป็นพระมหาอุปราชา และอีกทัพหนึ่งละครับก็คือนัดจินหน่องซึ่งมาจากตองอู เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในเรื่องการเมืองการปกครองมากขึ้น เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในเครือข่ายของพม่าในสมัยนั้น แต่อังวะก็ดี เกตุมวดีตองอูก็ดี จริงๆเป็นเครือญาติกันเกิดมาตั้งแต่สมัยบุเรงนอง เพราะฉะนั้นเขาเองก็คิดว่าเขามีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ เขาก็มีสิทธิ์เท่าพระเจ้านันทบุเรงเช่นกัน เพราะฉะนั้นทุกคนก็เลยพยายามที่จะตีตัวออกห่างนะครับ สมเด็จพระนเรศวรเดินทัพไปที่หงสาวดี เพื่อที่พระองค์จะไปพาตัวเอาพระสุพรรณกัลยากลับมา พอรู้ว่านันทบุเรงได้สังหารพระสุพรรณกัลยาไปแล้ว ตัวนันทบุเรงไปอยู่ที่ตองอู พระนเรศวรก็เลยยกทัพขึ้นไปถึงตองอู โดยที่พระองค์ไม่ได้เตรียมเสบียงอาหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเพื่อที่จะขึ้นไปถึงเหนือขึ้นไปถึงตองอู การขึ้นไปจึงทุลักทุเลด้วยความยากลำบากของเส้นทางที่ไป ความที่มันเป็นป่า และมีโรคไข้ป่ามากมาย ทำให้ทหารของพระองค์เกิดล้มป่วย เจ็บตายกันมาก ทั้งการรบที่ยากลำบากอยู่แล้ว แถมซ้ำยังต้องมาเผชิญกับพวกยะไข่ที่มาคอยตัดตีตัดเสบียงเราอีก อย่างพระจ้านันทบุเรง หลังจากที่ทรงสูญสียลูกชายไปกับศึกยุทธหัตถี พระองค์ก็เสียใจรวมทั้งความคับแค้นใจ จากการที่ทหารต่างๆที่ติดตามขบวนทัพของลูกชายไปแล้วปล่อยให้ลูกชายตาย พระองค์โหดถึงขนาดจับเผาหมดทหารเหล่านั้น แล้วความเป็นไปของพระเจ้านันทบุเรงในช่วงบั้นปลายของพระองค์เหมือนสติเลอะเลือน ทุกอย่างดาวน์ลงไปหมดเลย ผิดหวังในชีวิตรูปโฉม เหมือนกับเป็นคนพิการ ทุกอย่าง เมืองที่เคยครอบครองที่ยิ่งใหญ่ก็หายไป เหล่านี้มันเป็นบั้นปลายชีวิตของคนๆนี้ แล้วสุดท้ายพระนเรศวรทำอย่างไร ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อมาหลังจากการขึ้นครองความเป็นใหญ่ของตองอู นัดจินหน่องจะเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้อง แล้วมันยังมีเมืองอื่นอีกมั้ยที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับตองอู ที่จะกลายป็นคู่แข่งกัน แล้วบัดนั้นความพลันแปรเปลี่ยนไปของเมืองหลวงของพม่าก็จะเปลี่ยนอำนาจไปที่อื่น หรือไม่อย่างไร
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 30, 2015, 01:44:19 PM
Q.รวมไปถึงบทบาทสำคัญของชาวมอญรามัญ ที่เข้ามาร่วมกับทางฝั่งอโยธยาในภาคนี้ และตัวละครใหม่ๆที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคนี้ด้วย
B. ในภ.มีหลายเผ่าพันธุ์ พวกยะไข่ พวกยองม้วย ไทยใหญ่ เมืองคัง อยุธยา พิษณุโลก หรือทางฝั่งเขมร ฝั่งลานช้างร่มขาวเป็นลาว มีเชียงใหม่ แต่ในภาคนี้เราจะเห็นความสำคัญของ พวกมอญพวกรามัญโดยแท้ ซึ่งเดิมทีอาณาจักรหงสา คือจะเป็นพวกมอญมาอยู่ก่อน แต่บุเรงนองก็มายึด และก็ขับไล่พวกมอญออกไป เพราะฉะนั้นอาณาจักรของพวกมอญที่อยู่รายล้อมหงสาวดีก็ยังมีอยู่ จะมีพวกมอญแทรกซึมอยู่ในระหว่างการรบเสมอ แต่ในภาคนี้เราได้ดึงตัวละครใหม่เข้ามา เม้ยมะนิก คือน้องปันปัน-เต็มฟ้า คือสาวชาวลูกครึ่งมอญ-ไทยใหญ่ ที่มีความเก่งกาจ คล่องแคล่วในการต่อสู้ อยู่ภายใต้อาณาจักรเมาะตะมะ ที่เจ้าเมืองเมาะตะมะก็ข่มเหงพวกมอญเหล่านี้มาโดยตลอด แม้แต่ข่มเหงย่ำยีแม่ของเม้ยมะนิก น้องเขา คือเขาเป็นนักกีฬาทีมชาติ นักยิมนาสติกลีลา เต้นบัลเลต์ ความอ่อนตัว ความแข็งแรง ความยืดหยุ่นเขามีอยู่แล้ว น้องเขาต้องทำทุกอย่างเหมือนที่ผมทำ แล้วทำได้ดีกว่าด้วย เพราะว่าพวกผมไม่ได้มีความอ่อนตัว ความสามารถพิเศษในการใช้อาวุธที่ท่านก็ออกแบบมาคล้ายกับคทายิมนาสติก เขาคล่องเลยนะครับ แล้วก็จะมีบทรุมกันของพระเอกาทศรถแล้วก็พระราชมนูที่พระนเรศวรสั่งให้ไปตามจับตัวมา ก็ต้องมีการชิงไหวชิงพริบ ต้องไปจับตัวคนนี้ให้ได้ มีการสร้างเรื่องราวของเม้ยมะนิกขึ้นมา ยังมีอีกสองตัวละครที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ก็คือ อารณ ฤทธิชัย ซึ่งเล่นเป็น เมงราชาญี เจ้าเมืองยะไข่ และ สีหรั่น ผู้ร้ายตลอดกาลคือ อาดามพ์ ดัสกร ท่านมุ้ยยังบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นกรุสมบัตินักแสดง ท่านให้อาดามพ์กับอารณ เหมือนวิ่งออกไปสู้รบนะ แล้วท่านก็มองแต่ในกล้องนะ อาก็วิ่งร้อง อ๊า คือวิ่งเหนื่อยมาก แล้วพวกผมก็มองกันอยู่นอกกล้อง โหอาแกวิ่งแทบไม่ไหวอยู่แล้ว ท่านมุ้ยก็บอกว่าเออ ขอโทษที ลืมไปฉันก็อายุขนาดนี้แล้ว โหแต่ยังไหวท่าน เอาเป็นว่าผมขอขี่ม้าได้มั้ย ผมไม่กลัวเลย คราวนี้ท่านก็ให้ขี่ม้า แล้วคอยสั่งการเอา แต่ก็ดูดีขึ้นนะครับ
          ยะไข่มันเป็นโจรสลัดมันอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่าในปัจจุบัน เมืองๆนี้มีความเก่าแก่ถึงขนาดที่ว่าเราเชื่อว่าเสมา ธรรมจักรที่เก่าแก่ที่สุดที่เอามาจากอินเดีย เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้เลยนะอยู่ที่เมืองนี้ และแม้กระทั่ง พระสีหมุนี ที่เราไปไหว้ที่พม่าก็เอามาจากเมืยองนี้ ด้วยความที่รุ่งเรืองขนาดที่ว่าเพราะว่ามันเป็นโจรสลัดครับ มันอยู่ในเทือกเขาอาระกันโยมา ซึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นกำแพงของเมืองๆนี้เลย แล้วตรงเขาตรงไหนที่มันจะชนกันตรงนี้นะ เขาก็ก่อกำแพงกั้นด้วย เหมือนกำแพงเมืองจีนเลย แล้วมีทางเข้าทางเดียวคือแม่น้ำอาระกัน เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนี้เวลาเข้าออกมาเขาก็ล่องเรือออกมาครับแล้วก็มาปล้นมาชิงทอง ปล้นสะดม ในท้ายที่สุดเวลาใครจะปล้นเมืองนี้ ต้องผ่านโดยการใช้เรือเข้าออกมา แต่ได้ทางเดียว จนในที่สุดเวลาใครจะเข้าไปตีเมืองๆนี้ก็ต้องล่องแม่น้ำเข้าไป เพราะฉะนั้นแล้วเวลาล่องแม่น้ำเข้าไป แน่นอนว่ามันมีจุดสกัดที่อยู่บนบกยิงลงมา กว่าจะไปถึงนะครับ ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ เพราะครั้นจะไปปีนเขา มันก็ทำไม่ได้เพราะเขามันสูงมาก ผมก็เลยบอกว่าโอ้โหเมืองนี้พวกยะไข่มันน่าสนใจ น่าศึกษาว่าชนชาตินี้เป็นอย่างไรนะ
Q.นอกเหนือจากความเข้มข้นของเรื่องราวและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในภาคอวสานหงสาเราจะได้เห็นภาพความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาของสมเด็จพระนเรศวรชัดเจนขึ้น
B. เราเคยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์สมัยก่อนเป็นสมมติเทพ แต่จริงๆเราต้องการที่จะสื่อในความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาตั้งแต่ภาค1ถึงภาค5อยู่แล้ว พระนเรศวรจะมีแกนกลางของแนวความคิด ก็คือพระองค์จะต้องทำเพื่อแผ่นดิน เมื่อแผ่นดินอยู่ได้ ประชาชนของพระองค์เองก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขเช่นเดียวกัน แต่ในการพลิ้วไหวของอารมณ์ที่มันเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่นความสูญเสียของพระองค์จากการที่พี่สาวถูกสังหาร บางทีคนเราก็จะโกรธขึ้นมา จะยอมทำทุกอย่างเพื่อความโกรธ แล้วก็ทำตามนั้น แต่พอวันหนึ่งเมื่อเวลามันผ่านไป จะแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นทรงกระทำซึ่งเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เป็นการกระทำเพื่อส่วนรวมเป็นการเสียสละ ยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อให้ความเป็นเอกราชกลับคืนมาสู่อยุธยา อย่างเช่นในฉากท้ายๆเรื่องของการที่พระองค์จะสวรรคตแล้ว คือพระองค์ได้บอกว่า ณ เวลานี้เราจะสิ้นแล้ว เราไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไอ้ความเป็นเอกราช หรืออะไรที่จะนำมาซึ่งแผ่นดิน ณ ถึงเวลานี้ เราต้องการเพียงแค่สองสิ่งคือเมียกับลูก อันนี้คือสิ่งที่เป็นคนธรรมดาจริงๆเลย แต่ก็จำเป็นต้องจากไปเพราะป่วย อันนี้คือความเป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง แต่พอสักพักหนึ่งนะครับมันจะถูกหวนกลับมาซึ่งความคิดเดิม คือการกระทำเพื่อแผ่นดิน พระองค์ก็ยังเป็นห่วงอีก พระองค์ก็จึงเรียกพระเอกาทศรถมาสั่งเสียว่าอโยธยาเราต่อไปต้องเป็นอย่างไร จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ประชาชนอยู่ได้อย่างมีความสุข สิ่งหนึ่งก็คือบอกพระเอกาทศรถว่าต้องครองแผ่นดินโดยธรรม และเราต้องเป็นเอกราชให้ได้ การที่เป็นเมืองขึ้นไม่มีทางหรอกที่ประชาชนจะอยู่ได้อย่างมีความสุข
Q. ในขณะเดียวกันก็จะได้เห็นความรักความผูกผันของหลากหลายตัวละคร ที่อยู่รายล้อมของพระนเรศวรมหาราชที่มีส่วนสำคัญกับชีวิตพระองค์จนถึงวินาทีสุดท้าย
B. เราจะได้เห็นถึงความรักความผูกผัน เอื้ออาทรของคนรอบข้างพระนเรศวรที่มีต่อพระองค์ การทัดทานว่าอย่าไปศึกนั้นเลย น่าจะแก้ไขปัญหาแบบนั้นแบบนี้ เริ่มตั้งแต่ บุญทิ้ง เป็นทั้งเพื่อน ทั้งทหารของพระมหากษัตริย์ บุญทิ้งเทิดทูนพระนเรศวรเป็นเจ้านาย ออกรับหน้าแทนพระองค์ไม่ต้องไปรบ ข้าขอไปแทน เปรียบได้กับคนไทยในปัจจุบันที่เรายอมที่จะเสียสละชีวิตให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้พระองค์มีชีวิตที่ยืนยาว มีความสุขใจอยู่ได้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับคนไทย มณีจันทร์ ก็มีความห่วงหาพระนเรศวร ในแง่มุมมองของคนเป็นเมีย และเคยเป็นเพื่อนมาก่อน ก็คอยให้ข้อคิดพระนเรศวรเสมอ อันนี้มันถ่ายทอดได้ว่าเป็นคู่คิดที่อยู่ในครอบครัว มหาเถร มีความผูกผัน มีความห่วงใยพระนเรศวรในแง่มุมมองที่พระนเรศวรเป็นเสมือนลูกศิษย์ ข้อคิดที่มหาเถรให้กับพระนเรศวรมันยังเป็นข้อคิดตามหลักธรรม ทำให้พระนเรศวรเย็นลง มีความให้อภัย เรื่องของแอ็คชั่นการบู๊แล้ว ความเป็นบุ๋นมันจะเกิดขึ้นจาก 2 คน คือมณีจันทร์ กับมหาเถรทำให้พระนเรศวรมีบารมีได้ เราจะเห็นได้ว่าท้ายที่สุดไม่ว่าคนจะทัดทานพระนเรศวรยังไง แต่เมื่อตัดสินใจอย่างไรแล้ว ทุกคนก็จะเคารพในการตัดสินใจของพระองค์ และก็พร้อมที่จะทำให้การตัดสินใจของพระองค์ไปสู่ผลสำเร็จให้ได้ เพราะทุกคนรู้ครับว่าพระองค์ทำเพื่ออะไร นั่นก็คือความสุขของไพร่ฟ้าประชาชนของชาวอโยธยานั่นเอง บทบาทความสำคัญของพระเอกาทศรถ ที่เราจะได้เห็นต่อเนื่องจากภาค5 ที่ไปชนช้างอีกคู่หนึ่งกับ มังจาปะโร พระเอกาทศรถ มีความเป็นน้องไม่คิดอะไรซับซ้อน มีวัตถุประสงค์เดียวคือช่วยพี่ ทำทุกอย่างเพื่อพี่ ตอนภาค3ยุทธนาวีเราก็เห็น พระเอกาทศรถเอาเรือมาขวาง แต่ภาคนี้เราจะเห็นมากขึ้น ทั้งความเป็นพี่น้องคู่นี้ในหนัง เห็นพัฒนาการความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คือมีความเหมาะสมที่จะขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งต่อไปของอยุธยาเราได้แน่นอน แล้วก็คอยทัดทานพระนเรศวร หรือการให้แง่คิดกำลังใจ กับเม้ยมะนิก
Q.ฉากหรือเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา
B. มีฉากสำคัญอยู่หลายฉากด้วยกัน เราจะได้เห็นภาพที่บอกว่าหงสาวดีแผ่นดินลุกเป็นไฟ ลุกเป็นไฟตามอารมณ์แต่เป็นเพราะนันทบุเรงสั่งเผา เผาคนที่ตามศึกลูกชายตัวเองไปเผาทั้งเป็นครับ เป็นหมื่นคนครับ จับเผาขึ้นตะแลงแกงแล้วเผา ซึ่งฉากนี้มันต้องใช้เทคนิคในการถ่ายทำพอสมควรเลย คือมันยากตรงที่ว่าไฟนี่จุดจริง แล้วคนก็ร้อนจริง แต่ว่าไฟไม่ถึงตัวนะการเตรียมการตะแลงแกรงจำนวนเยอะขนาดนั้น มันค่อนข้างจะวุ่นวายในระหว่างที่เผา วุ่นวายจริงในหนังต้องเอาด้วย ตอนเบื้องหลังการถ่ายทำก็วุ่นวาย แล้วก็ความจริงมันไมได้ลุกเป็นไฟอย่างเดียว ในพงศาวดารยังกล่าวไว้เลยว่าพระเจ้านันทบุเรงกวาดต้อนคนพม่ากลับเข้ามาในเมือง แล้วปิดประตูเมืองภายนอกเมืองทั้งหมด ตัดต้นไม้ที่ออกดอกออกผลที่กินได้ทั้งหมด เพื่อต้องการให้พวกมอญอดตายอยู่นอกเมืองครับ ใครขัดขืนแอบเอาไปให้กันฆ่าตายให้หมด คือโหดมากในสมัยก่อน เรามีการถ่ายทำอยู่หลายวัน เพราะบางครั้งเวลาที่เราถ่ายทำไปแล้วมันไม่ได้ครับ คือไฟจุดแล้วมันไม่ลุกมาก หรือบางทีจุดแล้วมันลุกมากเกินมัน ทำให้ตัวแสดงที่ถูกมัดอยู่ร้อนจริง แล้วก็ใช้คนประมาณ500คน คือนอกเหนือจากคนที่ถูกเผาแล้ว มันต้องมีทหารพม่าที่ทำหน้าที่เผา คือมันจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในท้องพระโรง การขอชีวิตอะไรอย่างนี้ แล้วก็ความวุ่นวายของคน500คนในการมาถ่ายทำ บางทีเล่นแล้วก็มีการเหลือบมองคนเหลือบมองดูกล้อง ไม่เข้ามาร์ก ไปบังตัวเมน คือชุลมุนวุ่นวายไปหมดครับ แล้วพอบางครั้งเวลาจุดไฟ ตอนซ้อมมันยังไม่มีไฟ พอเอาจริงพอไฟมันขึ้นมาปั๊บ คนที่ต้องไปจุดอีกทีเข้าไปก็ไม่กล้าเข้า พอไม่กล้าเข้า ทางด้านภาพก็ไม่ได้ อย่างนี้นะครับ จริงๆมันมีความยากอีกอย่างหนึ่งคือเราต้องมีคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาช่วย เพราะฉะนั้นท่านมุ้ยจะมองไปเลยว่าฉากตรงนี้รูตรงนี้ จะต้องเอากรีนสกรีนมาขึง เพราะว่าภายหลังจากตรงนี้ไปจะเห็นเป็นกำแพงนะ จะเห็นยอดเจดีย์ตรงนี้นะครับ ภาพทั้งหมดมันเป็นภาพที่เขียนมาแล้วครับว่าจะมีเจดีย์ขึ้นตรงไหน ทหารจะคุมจากตรงไหนบ้าง เวลาถ่ายลมแรง ก็จะพัดผ้ากรีนเกิดเป็นเงา ต้องไปขึงผ้ากรีนขึ้นใหม่ บางทีพอถ่ายเสร็จปั๊บเงาก็ไปติดที่อยู่ตามผ้ากรีนอีก ก็ต้องจัดแสงใหม่ คือถึงแม้ว่าเราจะมีเทคโนโลยีมาแล้ว มันก็มาพร้อมกับความยากลำบากพอสมควร การถ่ายทำสำหรับฉากนี้ฉากเดียวก็ถ่ายทำเป็นอาทิตย์ละครับ
Q.ทราบมาว่าผู้พันเบิร์ดถึงกับยกนิ้วให้กับความทุ่มเท และเต็มที่สุดๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงของนักแสดงคุณภาพอย่าง ต้น-จักรกฤษณ์ ที่ต้องถ่ายทอดการแสดงผ่านดวงตา น้ำเสียง ท่าทางภายใต้หน้ากากชนิดที่ว่าทวีคูณความยากยิ่งขึ้นไปอีก
B. บางคนอาจจะคิดว่าสบายเพราะใส่หน้ากาก กลับกันยิ่งยากไปกว่าเดิม มันยากตรงที่ว่าเห็นอย่างเดียว คือเห็นแค่ตาครับ แต่พี่ต้นสามารถแสดง ถ่ายทอดออกมาจากทางตา ว่ารู้สึกอย่างไรอยู่ ถ่ายทอดผ่านทางเสียง ถึงแม้ว่าจะใส่หน้ากาก แต่พี่ต้นก็ยังเล่นลึกเหมือนเดิม คือไม่ใช่ว่าโกรธอย่างเดียว คือโกรธอย่างสูญเสีย ช้ำอกช้ำใจด้วย ก็ถือว่ายากเป็นสองเท่า ลำพังเฉพาะเล่นทางหน้าธรรมดาก็ยากอยู่แล้ว แต่ที่นี้ต้องเล่นเฉพาะตากับเสียง ผมถือว่าพี่ต้น คือนักแสดงมืออาชีพโดยแท้ จัดเป็นอันดับแนวหน้าของเมืองไทยแน่นอน ผมบอกได้เลยว่าผมทำไม่ได้ บางทีแกนั่งเล่นคนเดียว เสียใจ พูดอยู่คนเดียว เรายังรู้สึกได้เลยว่ามันจุกอก แล้วพี่ต้นเก็บรายละเอียดเยอะมาก คือเวลาแกหยิบจับอะไรบนเตียง หรือพลับพลาที่ใช้อยู่ พี่ต้นใช้ทุกอย่างหมดเลยที่อยู่ใกล้ตัว เพราะฉะนั้นหน้ากากที่พี่ต้นใส่ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคของพี่ต้นเลย เพราะพี่ต้นสามารถเล่นได้
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 30, 2015, 01:44:53 PM
Q.ฉากไคล์แม็กซ์สำคัญของภาพยนตร์ การเผชิญหน้ากันระหว่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระเจ้านันทบุเรง
B. คือต้นเหตุของการที่พระนเรศวรต้องบุกไปถึงหงสา ขึ้นไปถึงตองอู เพื่อต้องการที่จะขึ้นไปเอาชีวิตของนันทบุเรง ผมขอเล่าความรู้สึกในช่วงการถ่ายทำก่อน ผมอยากจะบอกว่าฉากนี้เป็นฉากสุดท้ายที่พี่ต้น-คมกริช ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือด แต่แกมาถ่ายฉากนี้หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลต้องเติมเลือดเป็นประจำ พอถึงเวลาพอเติมเลือดแล้วแกจะสดใสขึ้นมา แต่ผมรู้เลยว่าพี่ต้นแกมีความสุขกับการที่ได้มาถ่ายหนัง แกสดใสร่าเริงถ่ายทำทั้งคืนเลยนะครับ แต่หลังจากนั้น2วันแกก็กลับเข้าไปเติมเลือดใหม่ แต่แกกลับเข้าไปคราวนั้นนอนยาวจนกระทั่งเสียชีวิตเลย นึกถึงฉากนี้ก็ต้องนึกถึงคนๆนี้ แล้วก็เมื่อได้ร่วมงานกับพี่ต้น-จักรกฤษณ์ ผมบอกเลยว่าในภาคนี้ทั้งภาคผมเจอพี่ต้น-จักรกฤษณ์ในซีนนี้ซีนเดียว ถ้าเราพูดถึงในเนื้อหาของหนัง คือกษัตริย์รูปงามพระองค์หนึ่งที่เคยเป็นกษัตริย์ของหงสาวดี ที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หมด ซึ่งความเปล่งรัศมีของการเป็นพระมหากษัตริย์ ด้วยการที่ใบหน้าเละ จากการถูกปืนใหญ่และไฟลวก แล้วก็สติเลอะเลือน แล้วก็คือเมาสุราจนไม่ได้สติ มีแต่ไฟของความโกรธแค้น ความพิโรธ แล้วก็อยู่ในความหวาดกลัวที่ตัวเองจะต้องถูกคนอื่นตามมาเอาชีวิต เพราะตัวเองได้สร้างก่อกรรมทำเข็ญกับคนอื่นไว้มาก อยู่กับความสูญเสียที่ตอกย้ำอยู่ในจิตใจคือลูกชายที่เป็นที่รักของตัวเองก็เสียไป แล้วความสูญเสียอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ เมื่อพระนเรศวรกลับเข้าไปแล้วเห็นคนๆนี้อีกครั้งหนึ่ง มันมีการปะทะคารมกันพอสมควร แม้แต่พี่ต้นเองก็รู้สึกบางอย่าง ผมเองตอนเล่นก็รู้สึกบางอย่างหมายถึงรู้สึกในหนังนะครับว่ามันมีการเชือดเฉือนอารมณ์กันต้องไปตามดู
Q.ตลอดการทำงานกว่า1ทศวรรษ ฉากที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของ ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดีในตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาตลอด6ภาคมาจนถึงอวสานหงสา
B. ฉากนี้คือที่สุดของผม คือผมไม่คิดว่าจะเล่นฉากซึ้งได้ คือซีนสวรรคตในฉากภาค6 ที่เล่นมาทั้งหมดให้ผมแอ็คชั่นยังไงก็ได้นะ ตกจากกำแพงค่าย สู้บนหลังช้าง ปีนกำแพงเมืองขี่ม้าฟันดาบ ฉากที่ผมชอบที่สุดในชีวิตการแสดงคือฉากนี้ มันดีขนาดที่ว่าพอถ่ายทำฉากนี้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง อารมณ์เริ่มไม่ได้ พักกองเลยครับ ท่านเบรคเลยไม่เป็นไร เพราะหลังจากนี้มันจะสำคัญกว่านี้อีก รอ เดี๋ยวค่อยกลับมาถ่ายใหม่ ฉากจะเซ็ทใหม่ แล้วทุกคนก็จะกลับไปพัก หลายวัน ปล่อยให้อารมณ์มันคลาย แล้วค่อยๆบิ้วกลับเข้ามาใหม่ แล้ววันที่ถ่ายอีกครั้งหนึ่งคือ มันจบประมาณสักเที่ยงคืนอีกวันจบตี3 คราวนี้ไม่ละ ท่านต้องการให้ทุกคนมาแบบสดชื่นที่สุด เพื่อที่จะมาเล่นฉากนี้ยังไม่ติดอะไร รู้แค่บทก่อน
วันมาถึงท่านก็เริ่มนำนักแสดงทุกคนผม พี่ต๊อด ปีตอร์ พี่ปราบ เข้าไปในพลับพลาที่เซ็ทไว้ อธิบายให้ฟังว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชุดนี้เป็นชุดที่คุณใส่ตอนขึ้นครองราชย์ อาวุธเหล่านี้มันถูกส่งทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า เริ่มอธิบายถึงเหตุผลในสิ่งที่เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ที่เป็นเครื่องราชย์ของพระมหากษัตริย์ มันมีความสำคัญ แต่เมื่อสิ้นรัชกาลต่างๆมันจะถูกส่งทอด คืออธิบายให้ฟัง เวลาที่พระนเรศวรสิ้นแล้ว พระเอกาทศรถก็ต้องรับสิ่งเหล่านี้ต่อไป ก็นั่งคุยกันไป เรื่องตลกบ้าง อะไรบ้าง ท่านคงจะดูอารมณ์ ว่ามันคลายแล้วรึยัง งั้นเดี๋ยวไปเวิร์คช็อพหน่อย เบิร์ดมา นอน เริ่ม บทผมก็ยังไม่ได้อ่านเลยนะ แต่จำได้ๆก็มีบทไว้ ค่อยๆบิ้วทีละนิดและเริ่มเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับหนังให้ฟังว่าพระเอกาทศรถ ต๊อดคุณขี่ม้ามาสามวัน ในขณะที่พระมหากษัตริย์กำลังจะสิ้นซึ่งเป็นพี่ทุกคุณรัก คือทุกอย่างคุณตายแทนได้นะ ถ้าเปลี่ยนพระนเรศวรไม่ตายพระเอกาทศรถตายคุณจะตายแทนได้ คุณจะตายมั้ย พี่ต๊อด ตายครับ แล้วก็เริ่มเล่น ผมก็ไม่คิดว่าผมจะเล่นได้ คุยกันไป สั่งกันไป พี่ต๊อดคือน้ำหูน้ำตาไหล แล้วก็ร้องไห้ พี่ต้น(คมกริช) พี่ปราบฏ์ คือ ที่หลุดพูดถึงพี่ต้น(คมกริช) ทุกๆครั้งที่ถ่ายฉากสำคัญผมจะนึกถึงพี่ต้นตลอดเวลา ทุกครั้งที่ผมไหว้พระ ก็จะนึกถึงบอกพี่ต้นว่าเรากำลังถ่ายฉากนี้อยู่นะ พี่ปราบฎ์เขาก็จะเป็นคู่ซี้พี่เขา เขาก็จะนึกถึง มันเป็นการแสดงทางอารมณ์ความรู้สึกจริงๆ นึกจะร้องก็ร้องนึกจะกราบก็กราบ นึกจะจับเท้าก็จับเท้า ไหว้เหนือหัว อะไรอย่างนี่ มันก็เป็นไปตามอารมณ์ของมัน ก็ค่อยๆ ถ่ายๆไป ตี5เลิกครับ ซึ่งไม่เหนื่อยเลย มีความรู้สึกว่าแหมมันยังมีฉากแบบนี้อีกมั้ย (หัวเราะ) อาจารย์สุเนตร เขียนได้ดีมากเลย ทำให้ทุกอย่างมันคลาย ผมก็เลยคิดว่าการจากไปของพระนเรศวรในหนังภาคนี้ ไม่ได้นำมาซึ่งความเศร้า แต่นำมาซึ่งความซาบซึ้ง และทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวร ที่พระองค์ทรงเพียรสร้างมาทั้งหมดมันจะอยู่ในฉากนี้ ทำให้เราเป็นเอกราชต่อมาอีก175ปี หลังจากที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ในปี2135 แล้วเรามาเสียกรุงอีกครั้งหนึ่งในปี2310 175ปี เราอยู่อย่างเป็นเอกราช เพราะสมเด็จพระนเรศวร เรามีเวลาที่จะทำนุบำรุงศาสนา บ้านเมืองเจริญเติบโตจากการค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ไล่มาจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไล่มาเรื่อยเลยครับ จนกระทั่งในที่สุดเรามาเสียกรุงอีกครั้งหนึ่ง ผมบอกได้เลยว่าการเสียกรุงครั้งที่2 มิได้เกิดขึ้นจากความอ่อนแอของเรานะครับ แต่มันเป็นเพราะเราแพ้ศึก เพราะกลยุทธ์ของทางพม่าที่เขาเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ทำให้เราปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไม่ทันกัน โดยในส่วนของเบื้องหลังในการถ่ายทำฉากนี้ เราเริ่มถ่ายซีนสุดท้าย ที่บอกว่าจบตี5ตั้งแต่6โมงครึ่งตอนเย็น แล้วปราณีตถ่าย ต้องให้ทีมงานเลื่อนมุ้งใหม่ หรือตัดมุ้งเฉพาะรู แล้วพอตัดเสร็จสำหรับซีนนี้ แล้วซีนต่อไปก็ต้องเอาด้ายมาเย็บตะเข็บใหม่เพื่อสอยไม่ให้มันมีรอย อย่างนี้ครับ แสงจัดแล้วจัดอีก พอเปลี่ยนมุมปั๊บแสงก็จัดใหม่
Q.ว่ากันว่าในซีนสุดท้ายนี้ ท่านมุ้ยตั้งใจถ่ายทอด และนำเสนอให้ได้เห็นตัวตนความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาอย่างชัดเจนมากๆของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
B. ซีนนี้มันจะเกิดขึ้นเป็นซีนสุดท้ายของภาพยนตร์ในช่วงที่พระองค์ป่วยอยู่ เราจะเห็นมณีจันทร์เข้ามาในช่วงพะวงของความฝันที่พระองค์ทรงป่วยอยู่นี่แหละ ได้แสดงออกและถ่ายทอดถึงความเป็นมนุษย์ธรรมดา ที่มีความรู้สึกรัก โลภ ห่วงในความเป็นตัวของตัวเอง แต่พออีกพาร์ทหนึ่งต่อจากตรงนี้ พระองค์เมื่ออยู่กับเมียเป็นอย่างนี้ แต่เวลาเมื่ออยู่กับทหารก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง อยู่กับเพื่อนสนิทไอ้ทิ้งก็จะมีอีกอารมณ์หนึ่ง และสุดท้ายมาอยู่กับพระเอกาทศรถที่รู้ว่าต้องฝากแผ่นดินไว้ พระองค์ก็ต้องพูดอีกแบบหนึ่ง มันเหมือนกับคนเรามีบทบาทที่เปลี่ยนไปในสังคม
Q. ยังมีอีกฉากสำคัญที่ท่านมุ้ยทรงตั้งอกตั้งใจ และพูดได้ว่าแฟนๆของตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทุกภาคจะต้องรู้สึกและอินกับฉากนี้เป็นพิเศษ จริงๆคือเป็นฉากที่พระนเรศมาลามหาเถรเพื่อที่จะทรงออกศึกครั้งสุดท้าย
B. ฉากนี้ถึงแม้ว่าตัวละครแต่ละคนไม่ได้เล่นเป็นเด็กมาก่อน นั่นคือการที่มาพบเจอกันในเฟรมเดียวกันอีกครั้ง อาเอก-สรพงษ์ ชาตรี มหาเถรคันฉ่อง ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม ไอ้ทิ้ง ที่ไม่เรียกว่าพระราชมนูเพราะตอนเด็กๆคือไอ้ทิ้ง แอฟ-ทักษอร มณีจันทร์ แล้วก็ตัวผมเล่นเป็นพระนเรศวร มันเป็นเฟรมที่ต้องการให้ทุกคนได้มองย้อนกลับ ความสัมพันธ์ตอนเด็ก แล้วโตขึ้นมาความสัมพันธ์เหล่านี้มีการพัฒนา ทั้งในตัวละคร ทั้งความสัมพันธ์ของบุคคลจริง แอฟมีลูกก็ไปเยี่ยมกัน ปีเตอร์กับผมทำงานอยู่ด้วยกัน พี่เอกสรพงษ์ที่กลายเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่มีพ่อเป็นท่านมุ้ย แล้วมีลูกเป็นผมปีเตอร์แอฟ ฉากนี้เป็นฉากสำคัญที่ถ้าทุกคนได้ดูแล้วจะรู้สึกอมยิ้มนิดๆ กลายเป็นรู้สึกเศร้า เพราะว่ามันเหมือนเป็นการพูดถึงการรบอีกครั้งหนึ่งของพระนเรศวรที่พระองค์จะเสด็จขอรบเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะกลับมาฝากบ้านเมืองกลับมาบวช คือเหมือนไปครั้งนี้คือจะขอสละทุกอย่างแล้วในทางโลกจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ทางธรรมเพื่อที่ “ข้าจะกลับมาเป็นองค์ดำคนเดิมของเจ้ามณีจันทร์ คือกลับมามีความสุขเหมือนสมัยก่อน” อยู่กับมหาเถร ไอ้ทิ้งล้างบาตร พระนเรศวรกวาดลานวัด มณีจันทร์ก็อยู่คอยแซว มหาเถรก็คอยดูเด็กสามคนนี้อยู่ในวัดเหมือนเมื่ออยู่ที่หงสาวดี
Q.การทำงานที่เรียกได้ว่ามีความพิเศษมากๆของภาคอวสานหงสา คือการที่ท่านมุ้ยขอให้แอฟกลับมาถ่ายทำในขณะที่กำลังตั้งท้อง8เดือน ส่งผลให้ภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาคอวสานหงสา
B. ถ้าผมเป็นแอฟผมก็จะรู้สึกดีใจ ซึ่งผมก็เชื่อว่าแอฟรู้สึกแบบนั้น แอฟท้อง8เดือน ท่านต้องการให้เห็นท้องก่อน แล้วเอากลับมาถ่ายใหม่ แต่ผมเชื่อว่าพัฒนาการทางอารมณ์มันดีขึ้น คือแอฟเองเป็นแม่คนจริงๆ ผมเองก็มีลูกแล้ว ทำให้เวลาเราเล่นในหนัง เราใส่อารมณ์เต็มที่ทุ่มทั้งความรู้สึกทางด้านร่างกายและความรู้สึกทางจิตใจ เข้าไปอยู่เป็นพระนเรศวรกับมณีจันทร์จริงๆ กับการที่จะต้องร่ำลากัน ซึ่งจากตรงนี้ทำให้ผมกล้าพูดได้ว่าตลอดระยะเวลา13ปีที่ผ่านมา ผมบอกเสมอว่าผมเชื่อมั่นในท่านมุ้ย ท่านคอยไม่ถ่ายท้ายที่สุดภาพที่มันออกมามันดีจริงๆ ผมเองเอ็นหัวเข่าขาดก็ยังไม่ถ่าย รอผมจนกระทั่งผมเดินขึ้นจากเรือได้ถึงยอมถ่าย ฉากบางฉากรอคอยมาเป็นปี เราเห็นในหนังอาจจะแค่นาทีเดียว หรือไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ แต่มันคุ้มค่า อย่างเช่นฉากที่แอฟกลับเข้ามาถ่ายตอนท้อง 8 เดือน ท่านต้องการบันทึกความสมจริงของตัวมณีจันทร์ที่ท้องลงไปในหนัง ฉันต้องการให้เห็นพุงให้เห็นท้องว่าเขาท้อง ก็จะมีรอยของผ้า คอย คือไปเอาสีมาลองกลบดูซิ อย่าให้เห็นรอยผ้า ความปราณีตเหล่านี้ มันจะเกิดขึ้นในทุกๆฉากของหนัง วันหนึ่งผมเชื่อว่าเวลาลูกเขาโตที่ดูหนังได้แล้ว เขาก็จะบอกว่านี่ฉากนี่ลูก..น้องปีใหม่อยู่ในท้องแม่นะ ซี่งถ้าเกิดแอฟไม่ท้องขึ้นมานะ คนดูก็คงจะไม่ได้เห็นงานคุณภาพอันนี้หรอก แต่คราวนี้แอฟท้องไงก็เลยได้เห็น สมจริงไปเลยครับ
Q.เป็นเวลา13ปีที่ได้ร่วมงานกับท่านมุ้ย นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
B. ความคิดของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เราเคารพท่านมุ้ย เหมือนกับเมื่อก่อนนี้เป็นครู เดี๋ยวนี้ความเป็นครูก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ท่านเปรียบเป็นเหมือนกับพ่อของกองถ่าย และพ่อคนนี้ก็จะมอบสิ่งที่ดีให้กับทุกคนในกองถ่ายเสมอ อย่างตัวผมเองก็ได้รับการสืบทอดแนวความคิด หรือความรู้ต่างๆหรือวิธีคิดบางอย่างในอีกมุมมองหนึ่ง ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสนั่นคือในแง่ของการแสดง ในแง่ของการเทียบเคียงทางประวัติศาสตร์ในสมัยก่อน กับทางประวัติศาสตร์ในสมัยนี้ รวมถึงการปกครอง รวมถึงเรื่องของพระบรมวงศานุวงศ์ที่มันมีความผันเปลี่ยนไปตามวาระโอกาส หรือตามอาณาจักรที่มันมีความเจริญมาเรื่อยๆมาจนกระทั่งถึงในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นผมคิดว่าผมได้ทำงานกับท่านถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีในชีวิตครั้งหนึ่ง จนมาถึงทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นครอบครัวท่านก็ยังโทรศัพท์มา เบิร์ดว่างมั้ยไปดูหนังเรื่องนี้กันหน่อย หรือจนถึงคริสต์มาสต์ท่านก็จะชวนไปที่บ้านไปกินข้าวกัน ปีใหม่สงกรานต์ แล้วก็29พ.ย.เป็นวันเกิดของท่านพวกผมนักแสดงก็จะพากันไปอวยพรวันเกิดท่าน ไปขอรับพรจากท่าน คือเรียกได้ว่าท่านได้มอบแต่สิ่งที่ดีให้กับผม และครอบครัว สิ่งที่ไม่ดีท่านมอบให้เป็นข้อคิด อย่างเช่นครอบครัวผม ท่านก็กรุณาคือขอสมรสพระราชทานให้ แต่งงานเป็นประธานในงาน พอมีลูกแล้วท่านก็ถามว่าเป็นไงตัวเล็กเป็นไงบ้าง ก็เรียกได้ว่าก็ผูกผันเหมือนเป็นครอบครัว ตัวหม่อมเองก็เปรียบได้เหมือน กับแม่คนหนึ่งที่คอยให้คำปรึกษา รวมถึงคุณแมงมุมคุณอดัม ลูกของท่านก็เป็นเหมือนพี่น้องกันนะครับ พอมีอะไรก็จะคอยช่วยเหลือกัน
Q.อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
B. ผมอยากเชิญชวนให้คนไทยทุกคน รวมถึงชาวต่างชาติมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในตอนอวสานหงสา สืบเนื่องมาจากที่ว่า ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคน อยากให้ลองเปิดใจก่อน แล้วเข้ามาดูเถอะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เข้ามาแบบใจโล่งๆ สบายๆ แล้วเอามาเก็บเกี่ยวในสิ่งที่ท่านจะได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้กลับไป ดู1รอบท่านจะได้ข้อคิดอย่างนึ่ง ดู2 รอบท่านจะได้ข้อคิด 3รอบด 6 รอบ 7 รอบ ผมเชื่อว่าทุกรอบที่ดู มันจะได้ข้อคิดกลับไปเสมอ บางคนมาซึมซับหรือมาสัมผัสภาษาที่สวยงาม บางคนก็มาดูเสื้อผ้าที่สวยงาม บางคนก็มาดูเอาเนื้อหาของมัน บางคนก็มาดูแสงที่สวย ภาพที่สวย เพราะผมเชื่อว่ามารับรองได้อะไรกลับไปอย่างแน่นอนครับภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นกำลังใจให้คนดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตอย่างมีหลักของการดำเนินชีวิตแน่นอนครับ

พาร์ทเสริม
พระราชมนู ความสัมพันธ์ของสหายศึก นักรบคู่ใจของพระนเรศ
          “ที่ผ่านมาจะมีบุคคลๆหนึ่งที่ขึ้นมาทัดทานการตัดสินใจของพระนเรศวรอยู่ตลอดว่า แล้วก็โดนด่าหนักด้วย เพราะว่าสนิทกันคือสนิทกันเป็นลักษณะเป็นเหมือนคู่คิดที่เป็นเพื่อน เป็นเพื่อนที่เติบโตมาตั้งแต่เด็กมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นไอ้ทิ้งถึงกล้าที่จะทัดทานในความที่เกรงใจด้วยนะครับ แต่ก็ท้ายที่สุดไอ้ทิ้งก็อาสาไปรบนะ ผมว่าอันนี้ก็เป็นการแสดงออกของความผูกผันของสองคนนี้ที่พร้อมที่จะดุด่าว่ากล่าว ทัดทาน พูดคุย ยอม และก็มีหลายๆครั้งที่พระนเรศวรยอมไอ้ทิ้ง มันก็เลยมีความรู้สึกว่าคนเรามันก็ต้องยอมคนอื่นบ้าง
ผู้พันเบิร์ดพูดถึงปีเตอร์ นพชัย
           “ผมชื่นชมการแสดงของนพชัยปีเตอร์มากๆเลยครับ เพราะว่าปีเตอร์เป็นคนหนึ่งที่เขาเล่นได้อินคาแรคเตอร์ และรักษาความเป็นตัวตนของบุญทิ้งไว้อย่างดีมาก หลายครั้งที่เขาเล่นไม่ได้เป็นตัวเขา เพราะว่าเขาเล่นเลียนแบบบุญทิ้งตอนเด็กคือน้องเก้าจิรายุ เขาเล่นเลียนแบบไว้ปั๊บ ทุกวันนี้เขาก็ยังเล่นเลียนแบบอยู่ในบางอารมณ์ที่ต้องการให้คนได้มองย้อนกลับไปถึงเด็กๆอย่างเช่นซีนที่เข้าฉากเจอกัน4คนอีกครั้งหนึ่งของมหาเถร,พระนเรศวร,มณีจันทร์และพระราชมนู ปีเตอร์เขาเล่นไว้แบบทำให้เราเห็นแล้วมันน่าเอ็นดู ทั้งๆที่ท่านก็บอกว่าให้ทำแบบนี้เดี๋ยวเอ็งคลานเข้ามาดูนะมาหามหาเถร ท่านบอกแค่นี้ แต่ปีเตอร์เล่นทำให้ผมดูแล้วก็รู้สึกน่ารัก แล้วก็ทำให้นึกถึงเก้าตอนเด็กๆ คือแบบเขานะสุดยอดมากของการแสดง ดูแล้วก็รู้สึกซาบซึ้ง ดูแล้วผมรักไอ้คนๆนี้ แหมรู้สึกถูกชะตามากๆเลยกับปีเตอร์เขา”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 31, 2015, 12:48:34 PM
10 ปีไม่สาย ท่านมุ้ยสานฝัน ปันปัน-เต็มฟ้า เป็นจริง ได้บู๊-ดราม่าร่วมรบพระนเรศฯ ใน “อวสานหงสา”





           พูดได้ว่าเข้าตา ท่านมุ้ย-หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เข้าอย่างจัง ทั้งบุคลิก หน้าตา หน่วยก้าน ความสามารถเฉพาะตัวในเรื่องการแสดง ตลอดจนความสามารถทางด้านกีฬา ทั้งว่ายน้ำ, เทนนิส, ไอซ์สเก็ต, บัลเล่ต์ โดยเฉพาะยิมนาสติก ที่มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติที่ผ่านการฝึกฝนมาตั้งแต่อายุเพียง 7 ปี เรียกได้ว่าสอดคล้อง และมีพื้นฐานตรงกับการเลือกให้มาถ่ายทอดตัวละคร เม้ยมะนิก ลูกครึ่งมอญ-พม่า ราชธิดาของ พระเจ้าศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะ ผู้อาสา และนำไพร่พลชาวมอญรามัญ เข้าร่วมสมทบกับกองทัพพระนเรศวรมหาราช เป็นสหายศึกร่วมกับอโยธยาเพื่อบุกหงสาวดีและตองอู เป็น1ตัวละครใหม่ ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญร่วมกับนักแสดงรุ่นใหญ่ระดับฝีมือแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง นิรุตติ์ ศิริจรรยา,รณ ฤทธิชัย, สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์, ดามพ์ ดัสกร, รัชนี ศิระเลิศ, อรรถพร สุวรรณ (อาร์ทบิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์), แฟรงค์ สมศักดิ์ แก้วลือ, ไกรลาศ เกรียงไกร ร่วมกับนักแสดงหลักชุดใหญ่ที่มีบทบาทต่อเนื่องมาทุกภาค ของตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำเอา ปันปัน “เต็มฟ้า กฤษณายุธ" ลูกไม้หล่นใต้ต้นของนักร้องสาว ฐิติมา สุตสุนทร ถึงกับยอมรับว่าการที่ท่านมุ้ยได้ให้โอกาสตนเอง เข้ามาร่วมปิดตำนานอภิมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่อย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นการสานฝันที่เคยตั้งใจไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นจริง

          “ได้ทราบมาว่าท่านมุ้ยกำลังหานักแสดง หรือว่านางเอกที่เป็นนักกีฬา เพราะว่าท่านมุ้ยแพลนไว้ว่าบทนี้มันต้องบู๊หนักมาก จริงๆ ท่านก็มีดูไว้หลายๆ คน มีไปเล็งนางเอกอินเตอร์ไว้ด้วยค่ะ มีทีมงานติดต่อผ่านมาทางคุณแม่ พอรู้เราก็ตื่นเต้นมากๆ เลย เพราะว่าเราเป็นแฟนคลับของตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ มาตั้งแต่ภาคแรก แล้วตัวละครที่เก้าเล่นก็มีอายุพอๆ กัน ก็เลยรู้สึกว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ที่ดูไม่เบื่อเลย หลังจากนั้นก็ดูมาตลอดภาค 2-3 ดูต่อมาเรื่อยๆ ก็ไม่คิดว่า 10 ปีผ่านไป จากที่ภาคแรกเข้าฉายเราจะได้มีโอกาสเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

          แน่นอนว่าหนังเรื่องแรกในชีวิตของนักแสดงแต่ละคนคงแตกต่างกันแต่สำหรับปันปันเต็มฟ้านอกจากจะเป็นหนังเรื่องแรกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับระดับครูแถวหน้าของเมืองไทยอย่างท่านมุ้ยแล้วยังเป็นหนังพีเรียดย้อนยุคกลับไปถึง 400 กว่าปีที่ต้องจัดหนักจัดเต็ม ทั้งบทดราม่า และแอ็คชั่นแบบเต็มๆ ตัว

          “สำหรับหนังเรื่องแรกของปันปันค่อนข้างหนักค่ะ เราต้องทำกิจกรรมต่างๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้าฟันดาบ สู้บนหลังม้า หรือว่าใช้อาวุธต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะธนูแล้วเราจะต้องโปรมาก มีคทา คืออาวุธเยอะมาก แล้วเราต้องขี่ม้าแบบโปร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นนักกีฬายิมนาสติก แต่ยังไม่เคยต้องจับอาวุธ ขี่ม้าเร็วอะไรอย่างนี้นะค่ะ ก็มีเวลาสองอาทิตย์ที่จะต้องทำทุกอย่าง เลยต้องพัฒนาตัวเองเป็นสองเท่า แล้วก็พยายามตั้งสติว่าอันนี้ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเรานะ ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาน้อย แต่ว่าถ้าเราทำให้ดีที่สุด แล้วเราตั้งใจก็คงไม่มีอะไรเกินความสามารถไปได้ ก็ค่อนข้างยากค่ะ เพราะนอกจากที่ต้องแสดงอารมณ์หรือว่าที่ต้องบู๊หนักแล้ว ยังมีเรื่องบทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยว่าบทที่ไม่ใช่ภาษาวัยรุ่นทั่วไปที่พูดกัน เราต้องไปฝึกพูดซ้ำเพื่อที่ให้เราได้ชินภาษาที่ในประวัติศาสตร์ช่วงนั้นเขาพูดกัน แต่ว่ายังโชคดีที่เราเป็นแฟนคลับนเรศวรมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยรู้ว่าถ้อยคำหรือวิธีการพูดเขาพูดเขาทำกันยังไง แต่ว่าในเรื่องของอารมณ์ก็คิดว่าเราก็พยายามจะเข้ามาเป็นตัวละครให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ พยายามไล่เรื่องราวของตัวละครมานอกเหนือจากบทที่ให้ไว้ค่ะ พยายามคิดว่าตั้งแต่เด็กๆ มีแบคกราวด์ชีวิตเป็นอย่างไร คิดมาตั้งแต่เริ่มต้น เกิดมาเป็นเจ้าหญิงนะพ่อแม่เราถูกฆ่าตาย เป็นลูกกำพร้า ต้องอพยพไปอยู่ในป่า ต้องสู้เพื่อประชาชนทุกอย่าง เรารักประชาชนของตัวเอง รักประเทศของตัวเองมาก แล้ววันหนึ่งถ้าสิ่งที่เรารักมากๆ มันสูญเสียไปหมดเลยเราจะรู้สึกอย่างไร”

          เตรียมพบกับอีกหนึ่งสีสันแห่งความเข้มข้นของอีกหนึ่งตัวละครใหม่ที่จะเผยให้เห็นถึงบทบาทของชาวมอญรามัญในการศึกครั้งสำคัญของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชใน อวสานหงสา 9 เม.ย.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 31, 2015, 12:59:42 PM
ประสบการณ์ที่ยากประเมินค่า นาวาอากาศโทจงเจตน์ ร่วมงานท่านมุ้ย 10 ปีแห่งความเข้มข้นกับการสวมบท “นัดจินหน่อง” ตัวแปรสำคัญสู่บทสรุปส่งท้าย “อวสานหงสา”





           ถึงจะไม่ได้มีประสบการณ์ยาวนานถึง13ปีเหมือนเหล่าทีมนักแสดงตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รุ่น 1 อย่าง ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี, ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม, แอฟ ทักษอร ภักดีสุขเจริญ (เตชะณรงค์) ฯลฯ แต่ตลอดระยะเวลา 10 ปี ในการถ่ายทอดตัวละคร นัดจินหน่อง ราชบุตรของ เมงเยสีหตู และ เมงเกงสอ แห่งอาณาจักรเกตุมวดีตองอู ที่ปรากฎตัวครั้งแรกในตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค2ประกาศอิสรภาพ ในฐานะ 1 ใน 3 มหาอุปราชจาก3เมือง ซึ่งรวมถึงพระนเรศวร, พระมหาอุปราชามังสามเกียด ตามพระราชโองการของพระจ้านันทบุเรง ให้ยกทัพไปทำการศึกที่เมืองคัง ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอภิมหาโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินลดน้อยแต่อย่างใด ทั้งหนุ่มโน้ต นาวาอากาศโทจงเจตน์ วัชรานนท์ ได้พบรักกับคู่ชีวิตอย่าง คุณเกรซ มหาดำรงค์กุล ซึ่งรับบทเป็นพระสุพรรณกัลยา และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้รับองค์ความรู้ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความท้าทายซึ่งยากจะประเมินค่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์อันดับ 1 ของเมืองไทยอย่าง ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล

          “ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ให้อะไรหลายๆ อย่างซึ่งไม่ใช่กับผมอย่างเดียว คือมันเป็นภาพยนตร์ของประเทศนะครับ ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลง เพราะแบล็คกราวน์ของผมเป็นทหารอากาศ งานแสดงก็มีบ้างไม่ได้เข้าไปเต็มตัว มีโฆษณา มีละครนิดหน่อย ด้วยระยะเวลาที่ถ่ายทำที่ค่อนข้างยาวนานมากๆ จริงๆ ผมเองไม่ถึง13ปีนะครับ ต้องรุ่นแรกมี แอฟ, ทราย, พี่ปีเตอร์, เบิร์ด, พี่ต๊อด แล้วก็เอฟโฟร์นะครับมีพี่ต้นคมกริช ที่ได้จากพวกเราไปแล้ว แต่ผมมาทีหลังก็ประมาณ 10 ปี ตอนนั้นยังยศเรืออากาศเอกอยู่ นอกจากจะได้พี่ได้เพื่อนได้น้องแล้ว ยังมีโอกาสได้ทำงานกับท่านมุ้ย ผมเองค่อนข้างผ่านการแสดงมาน้อย แล้วก็เป็นทหารด้วย การเข้าฉากที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ในขณะเดียวกันมันก็มีความตื่นเต้น คือต้องบอกว่าเริ่มตั้งแต่วันแรกที่แคสติ้งมาแล้ว มาฟิตติ้ง ท่านบอกว่าเราเหมือนกับเรฟเฟอร์เลนซ์นัดจินหน่องที่ท่านมี ท่านก็ให้ถ่ายหนังเลยวันนั้น คือผมตื่นเต้นมากวันที่ถ่ายฉากแรก เจอแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลย เจอท่านมุ้ย เจอ อ. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ศิลปินแห่งชาติมาแต่งกลอนให้ เจอเอ็กซ์ตร้า เจอช้าง เจอม้า เจอน้องๆ ทหารมาเข้าฉาก มันที่สุดแล้ว ได้บทวันนั้นเลยครับไดอาล็อคค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่ว่าท่านไม่ทำให้เรากลัวเลย ปกติแล้วผมได้ยินมาใครๆ ก็พูดว่าโอ้โหถ่ายหนังกับท่านมุ้ยเลยเหรอ แต่ว่าท่านมากำกับใกล้ๆ และเป็นกันเองมาก แล้วในวันนั้นก็ถ่ายได้สำเร็จคือเทคน้อยมากครับ นี่คือความประทับใจแรกที่ผมมี คือท่านอาจจะรู้ว่าเราใหม่นะครับ แต่ท่านก็เหมือนมีจิตวิทยา ถ้าเกิดวันนั้นท่านดุ ผมก็คงไปเหมือนกันคงเล่นไม่ได้เหมือนกัน ทำให้ผมมีความกล้า กล้าที่จะแสดงออกมา จำบทไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ท่านมีวิธีทำให้พูดได้ คือท่านมีจิตวิทยาสูงเคยได้ยินคำว่า ฉันกำกับลิงฉันยังกำกับได้เลย ทำไมกับคนฉันจะกำกับไม่ได้ ซึ่งก็จริงครับ ก่อนจะถ่ายท่านจะบอกอารมณ์เรา ให้เราคิด แต่จะไม่บอกทำหน้าอย่างนี้นะทำโกรธ ทำเกลียด ทำยิ้ม ให้ทำเอง เราคิดๆ แล้วเราก็ทำไปตามที่ท่านบอกสตอรี่ แล้วมันก็ออกมาอย่างนั้น แต่ถ้าท่านไม่ชอบท่านก็จะบอกว่าอย่างนี้เยอะไปนะอย่างนี้น้อยไปนะ ท่านเป็นเหมือนครูนะครับ ท่านสอนให้เรามีอารมณ์ของตัวเอง”

          จากวันแรกจนถึงบทสรุปส่งท้ายของ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา แน่นอนว่าความเข้มข้นของภาพยนตร์ได้เดินทางมาสู่จุดไคล์แม็กซ์ของภาพยนตร์ ที่ผู้ชมจะได้พบกับการแสดงที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ลุ่มลึก จากตัวละครนัดจินหน่องที่พูดได้ว่าจะมีสีสันและบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ภาคสุดท้ายนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวแปรสำคัญของกลการศึก 3 เส้าของ 3 แผ่นดินกันเลยทีเดียวทั้ง อโยธยา, หงสาวดีและเกตุมวดีตองอู ก่อนที่จะไปสู่บทสรุปช่วงสุดท้ายในชีวิตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจนสิ้นรัชกาลของพระองค์ที่ไม่อยากให้คนไทยทุกคนพลาด 9 เม.ย.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on March 31, 2015, 01:26:49 PM
ตัวอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา (Final Trailer-HD)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XsqabGmSDVg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XsqabGmSDVg</a>

14 ปีจารึกตำนานมหาราช สู่บทสรุปแห่งมหากาพย์ภาพยนตร์ ใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=YyQ1LBTpkYM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=YyQ1LBTpkYM</a>

พระสุพรรณกัลยา วีรสตรีชีวิตนี้ยอมพลีเพื่อแผ่นดิน
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=eQT7QeAMq6w" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=eQT7QeAMq6w</a>

สมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราชผู้ชำนาญศึก
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=cpJH8juUdRw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=cpJH8juUdRw</a>

เม้ยมะนิก เจ้าหญิงผู้อาจหาญ ถึงเป็นสตรีก็พร้อมรบเพื่อศักดิ์ศรีแห่งบิดา
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=l_xs3fpDxrw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=l_xs3fpDxrw</a>
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 03, 2015, 12:15:10 PM
ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ (เตชะณรงค์ ) มณีจันทร์ นางเอก 1 เดียวตลอดกาลในรอบทศวรรษของท่านมุ้ย



           “ตอนแรกนึกว่าท่านมุ้ยพูดเล่นรึเปล่า เมื่อถูกเรียกให้กลับมาถ่ายจริงๆ ถามคนในกองได้ว่าแอฟรู้สึกดีใจและมีความสุขมากค่ะ รู้สึกว่าบทมณีจันทร์ซึ่งเราสวมบทบาทนี้มา 10 กว่าปีแล้ว ณ วันนี้เรามีลูกน้อยอยู่ในท้องแล้วก็ได้มารับบทนี้ด้วยกัน มันรู้สึกดีมากเลยค่ะทำให้ความรักความผูกผันและสายตาที่พระนเรศมองเราและมีความรู้สึกต่อเรา มันมีมากกว่าเดิมอีกนะคะ แล้ววันนั้นก็เป็นโอกาสที่ดีด้วยที่แอฟเองก็รู้สึกพิเศษจริงๆ นะคะ ที่ได้ตั้งท้องจริงๆ และก็ได้มาถ่ายทำจริง”

Q. เป็นนางเอกตลอดกาลของท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว สำหรับแอฟ ทักษอร รู้สึกอย่างไรบ้างที่ท่านมุ้ยเปิดโอกาสให้มาเป็นนางเอกของท่าน มาเป็นมณีจันทร์ ของพระนเรศ จนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อปิดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอย่างสมบูรณ์ นับจากนี้ไปจะไม่มีตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาให้ดูอีกแล้ว
A.คงเป็นความรู้สึกอื่นไปไม่ได้เลยค่ะ นอกจากคำว่าใจหายนะคะ คือใจหายทั้งในแง่ที่ว่ารารับบทๆ นี้ เราอยู่ในคาแรคเตอร์นี้บทบาทของมณีจันทร์ 10 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่มณีจันทร์ยังเด็กๆ ยังไม่มีความลึกซึ้งในความรักชาติขนาดนี้ อันนี้คืออินเนอร์ของแอฟในการเป็นมณีจันทร์ ในช่วงแรกอาจจะด้วยความรักในตัวไอ้บุญทิ้ง และในตัวพระนเรศ ก็เลยมีความรักความผูกผันก็ติดตามมาอยู่เมืองไทย แต่หลังจากนั้นมันคือความรักชาติ และเรามีความเป็นคนไทยมากขึ้น เราสามารถเสียสละชีวิตเพื่อแผ่นดินนี้ เพื่อชาวไทยได้ ทั้งที่เราเป็นคนมอญ อันนี้คือพัฒนาการของตัวมณีจันทร์ ซึ่งแอฟรู้สึกได้นะคะ ความคิดถึงบรรยากาศในการทำงาน แม้ว่าในการทำงานจริงจะยาก แล้วก็ลำบาก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ง่ายในการที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นภาพยนตร์ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของคนไทยด้วย ทุกอย่างจะต้องมีความปราณีต ความบรรจง ทุกอย่างจะต้องถูกต้องตามพงศาวดาร คือรายละเอียดพวกนี้ก็เลยทำให้การถ่ายทำยากสักหน่อย อาจจะลำบากสักนิด สำหรับนักแสดงทุกคน แต่ว่าทุกคนก็ผ่านมาได้ด้วยดี และมีประสบการณ์ที่ดีเรื่อยมาจนทุกวันนี้ค่ะ แล้วถ้าหลังจากนี้มันจะจบลง เราจะไม่ได้มีประสบการณ์แบบนั้นอีกแล้ว เราจะไม่ได้เจอพี่ๆ ทีมงาน เราจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ ร่วมแสดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้กำกับอย่างท่านมุ้ย แอฟก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสร่วมงานกับท่านอีกรึเปล่า ซึ่งที่ผ่านมาสำหรับบทมณีจันทร์แอฟก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งในชีวิตการแสดงของแอฟ ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสที่ดีแบบนี้อีกมั้ย
Q.ว่ากันว่าภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นำมาซึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตของทีมงานตลอดจนนักแสดงแต่ละคนที่ได้มีโอกาสร่วมงานกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้พันเบิร์ด, คุณเกรซ และคุณโน้ต รวมไปถึงทุกๆ คนสำหรับแอฟ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่อย่างไร
A. ด้วยระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา แอฟก็เปลี่ยนจากการเป็นนิสิตคนหนึ่ง ซึ่งเข้ามาคุยกับท่านมุ้ย ยังมองท่านมุ้ยว่าเป็นผกก.ที่ดุ น่าเกรงขาม ตื่นเต้นทุกครั้งที่คุยกับท่าน มาถึงตรงนี้เป็นแม่คนแล้ว ความรู้สึกที่มีกับท่านก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน คือเมื่อแอฟมองท่านแล้ว ไม่ได้เป็นแค่ผกก.ซึ่งให้ความรู้ และให้หลักการดีๆ ในการคิดการเป็นตัวละครเท่านั้น แต่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ เป็นมากกว่าญาติผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ในทุกวันนี้คือเรามีความรักความเคารพความผูกผัน ซึ่งในช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาทำให้เรารู้สึกกับท่านที่ไม่ได้เป็นแค่ผกก.ค่ะ
Q. มาจนถึงบทสรุปในภาคสุดท้ายอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา บทบาทความสำคัญของมณีจันทร์ในภาคนี้ ที่แฟนๆ หรือผู้ชมจะได้รับชมเป็นอย่างไรบ้าง
A. ก็สำหรับบทบาทของมณีจันทร์ แน่นอนว่ายังคงเป็นเพื่อนคู่คิดนะคะ แล้วก็ยังเป็นคู่ชีวิตของสมเด็จพระนเรศ พอมาจนถึงภาคนี้แล้ว ด้วยความกดดันและเหตุการณ์ต่างๆ ที่รุมล้อมเข้ามา มันไปถึงจุดที่สมเด็จพระนเรศจะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง เนื่องจากความกดดันที่ว่านี้ แต่เราก็ยังคงเป็นเพื่อนคู่คิด แล้วก็เหมือนเป็นช้างเท้าหลังที่พระนเรศก็ฟังความคิดเห็นด้วย เพราะฉะนั้นเราก็จะมีส่วนที่แสดงความคิดเห็น มีท้วงติงบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่ในจุดที่เคารพการตัดสินใจของท่าน และสุดท้ายแล้วไม่ว่าสมเด็จพระนเรศจะตัดสินใจอย่างไร มณีจันทร์ก็ยังคงอยู่เคียงข้าง และสนับสนุนแนวคิดนั้นอย่างเต็มที่แล้วก็ยืนหยัดอยู่จนวินาทีสุดท้ายไม่ว่าการตัดสินใจของท่านจะเป็นอย่างไรค่ะ
Q.ทราบมาว่า มีฉากที่ประทับใจและที่สำคัญ เป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่ทำให้แอฟมีความสุขมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้มีส่วนร่วมในฉากสำคัญจนถึงวินาทีสุดท้ายของภาพยนตร์เลยทีเดียว
A. ก็สำหรับฉากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งฉากที่แอฟประทับใจนะคะ ก็เชื่อว่าคนที่ติดตามชมตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งแต่องค์ประกันหงสาภาคแรก คงจำภาพนี้ และคาแรคเตอร์ทุกอย่างของตัวละครทั้ง 4 ตัวนี้ได้นะค่ะ แอฟเองก็เมื่อเข้าไปอยู่ในฉากนี้ก็รู้สึกย้อนความทรงจำเหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เล่นเป็นตัวเด็กนะ แต่ก็จำได้ว่าน้องเก้าเล่นเป็นอย่างไร ตอนดาด้าเล่นเป็นอย่างไร ก็คือเรียกได้ว่าเป็นภาพความทรงจำในวัยเด็ก แล้วทำให้เรารู้สึกยิ่งตอกย้ำความรักความผูกผันที่ 4 ตัวละครนี้มีมาร่วมกันตั้งแต่เด็กจนโต แต่สำหรับมณีจันทร์ยิ่งพิเศษไปกว่านั้นคือ เมื่อย้อนเหตุการณ์เดิม คาแรคเตอร์เดิม ทำให้ความรักความผูกผันและสายตาที่พระนเรศมองเราและมีความรู้สึกต่อเรา มันมีมากกว่าเดิมอีกนะคะ แล้วเมื่อพระนเรศกล่าวว่ายังไง จะให้สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเจ้า
Q. การกลับมาถ่ายทำครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่า ตรงที่แอฟได้เข้าฉากถ่ายทำในบทบาทมณีจันทร์ และภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรที่แอฟรักมากที่สุด พร้อมกับน้องปีใหม่ด้วย
A. โอ้โหมัน เป็นความรู้สึกที่การกลับมาถ่ายทำภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรครั้งนี้แอฟรู้สึกพิเศษมากจริงๆ แล้วมันเป็นความรักความผูกผันที่พระนเรศมีให้กับมณีจันทร์มากจริงๆ ค่ะ แล้วแอฟคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีด้วยที่แอฟเองก็รู้สึกพิเศษ
จริงๆ นะคะ ที่ได้ตั้งท้องจริงๆ และก็ได้มาถ่ายทำจริง เพราะตอนแรกนึกว่าท่านมุ้ยพูดเล่นรึเปล่า เมื่อถูกเรียกให้กลับมาถ่าย จริงๆ ถามคนในกองได้ว่าแอฟรู้สึกดีใ จและมีความสุขมากค่ะ รู้สึกว่าบทมณีจันทร์ซึ่งเราสวมบทบาทนี้มา 10 กว่าปีแล้ว ณ วันนี้เรามีลูกน้อยอยู่ในท้องแล้วก็ได้มารับบทนี้ด้วยกัน มันรู้สึกดีมากเลยค่ะ
Q. อย่างนี้คนใกล้ตัวไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลเหรอ ที่แอฟกับน้องต้องมาเข้าฉากถ่ายทำภาพยนตร์ที่ว่ากันว่าโหดมากอย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
A. สำหรับคนรอบข้างก็ไม่ถึงขั้นกังวล แต่ก็เป็นห่วงค่ะ ว่ามาถ่ายทำแล้วจะเป็นยังไง จะไหวมั้ย แต่ว่าเราก็ยืนยันว่าเรามีความสุข และเราก็อยากให้ลูก ซึ่งเราถือว่าเป็นโอกาสอันดีมากที่ลูกได้มีส่วนร่วมด้วย ถึงแม้ว่าลูกจะอยู่ในท้องค่ะ
Q. เห็นว่าประทับใจกับฉากนี้รวมไปจนถึงการแสดงของพี่ๆ ที่ร่วมถ่ายทำในฉากนี้ด้วย
A. เพื่อนร่วมแสดง คนแรกพี่เตอร์เป็นคนที่สวมบทบาทของไอ้บุญทิ้งได้อย่างทั้งน่ารัก ทั้งเท่ห์ และมีเสน่ห์ คือมีหลายๆ อย่างในบทบาทนี้เลยค่ะ คิดว่าทุกคนก็คงคิดเห็นเหมือนกับแอฟนะคะ โดยเฉพาะฉากนี้ที่เหมือนกับย้อนวัยไปในวัยเด็ก ในความปกติที่เขาจะมีความเท่ห์ในความเป็นนักรบของเขา แต่ในฉากนี้เขาแอบมีความน่ารัก มีความกุ๊กกิ๊กไปอ้อนพระมหาเถร คือเขาสามารถดึงคาแรคเตอร์ของน้องเก้า ที่ตอนนั้นเล่นเอาไว้ออกมาได้ ก็เป็นความน่ารักอีกอย่างหนึ่ง แล้วก็สายตาที่เขามองเรา คือมันเหมือนกับเพื่อน ที่ผูกผันกันมาตั้งแต่เด็กจริงๆ เลยค่ะ สำหรับพี่เบิร์ด คนนี้เป็นนักรบเป็นสุภาพบุรุษของทั้งมณีจันทร์ และของทักษอรด้วยนะคะ ตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงภาคสุดท้ายภาคจบนี้ ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา พี่เบิร์ดก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ อันนี้ชื่นชมจากใจจริงเลยทั้งในเรื่องส่วนตัว ทั้งในเรื่องบทบาทการแสดง สำหรับพี่เบิร์ดแล้วเป็นที่พี่ชายที่ดี เป็นทั้งนักแสดงที่ดีสำหรับแอฟจริงๆ ค่ะ สำหรับอาเอก-สรพงษ์ เป็นผู้ใหญ่ใจดี มีทั้งความรักความเมตตาให้กับทุกๆ คน ทั้งในบทบาทการแสดง และทั้งในชีวิตจริงด้วยค่ะ อาเอกก็จะคอยสอน คือตรงคาแรคเตอร์เลยนะคะ พระมหาเถรก็จะเป็นคนที่คอยสอน คอยแนะนำเด็กๆ ทั้งสี่คน แล้วก็นอกจอก็เช่นเดียวกันเวลาเห็นอะไรก็จะคอยแนะนำพวกเรา ก็เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เรารักและเคารพเสมอมา สิบกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่กันมานี่ค่ะ จริงๆ ถึงบอกว่ามีความรักความผูกผันกับเพื่อนนักแสดงจริงๆ
Q.เรียกได้ว่าเป็นพระเอกเพียง 1 เดียวบนจอภาพยนตร์ ของแอฟ ทักษอรตลอด1ทศวรรษที่ผ่านมา สำหรับ ผู้พันเบิร์ด
A. เรื่องพัฒนาการทางด้านการแสดงของพี่เบิร์ด แอฟคิดว่าคงไม่ต้องพูดถึงค่ะ แอฟเชื่อว่ามีความลึกซึ้งในตัวละคร เนื่องด้วยพี่เบิร์ดมีอินเนอร์ในความเป็นทหาร ในความรักชาติ แล้วด้วยความเป็นนักแสดงที่ดีของพี่เบิร์ด เขามีการศึกษาบทมาเป็นอย่างดี และมีวินัยในการแสดงเสมอทำให้พี่เบิร์ดเป็นนักแสดงที่ดี และเป็นอีกนักแสดงที่แอฟชื่นชมจนทุกวันนี้ค่ะ
Q. จับตาดูฉากสุดท้ายของมณีจันทร์ กับสมเด็จพระนเรศวร
A. สำหรับฉากสุดท้ายก็เป็นอีกฉากหนึ่งที่แอฟใจหายค่ะ โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกดีใจมาก ที่ท่านให้โอกาสแอฟได้แสดงในฉากสุดท้ายด้วย เพราะว่าตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าบทจะออกมาเป็นอย่างไร และสุดท้ายแอฟก็ได้มีโอกาสอยู่ตรงนั้นด้วย แล้วก็เป็นบทที่แอฟรู้สึกซาบซึ้งมากๆ ด้วย เราอาจไม่เคยได้ยินพระนเรศพูดแบบนี้กับมณีจันทร์ เอ๊ะ! สุดท้ายแล้วท่านเห็นคุณค่ามาตลอด ในการที่เราคอยอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนคู่คิด หรือคอยให้ความเห็นต่างๆ ท่านไม่ได้มองเราเป็นเพียงแค่ช้างเท้าหลังเท่านั้น แต่ท่านให้เกียรติแล้วก็จริงๆ เคารพในความคิดของเรา และที่สำคัญที่สุดเลยคือฉากสุดท้ายเราจะรู้สึกได้เลยว่า สุดท้ายแล้วในชีวิตท่านต้องการเรา ท่านต้องการมณีจันทร์ อยู่เคียงข้างท่าน
Q. ฝากถึงแฟนๆ ของแอฟทักษอร และแฟนๆ ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ติดตามกันมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กับบทสรุปของภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์
A. สำหรับภาคที่แล้วอาจจะเป็นการจบในแง่ของชัยชนะในเรื่องของสงคราม แต่สำหรับในภาคสุดท้ายยิ่งจะพลาดไม่ได้เลยกับการเป็นบทสรุปของตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นบทสรุปที่ทำให้เราได้เห็นถึงวีรกรรมของวีรบุรุษ และวีรสตรีทั้งหลายที่เสียสละทำให้เรามีชาติไทยจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรกรรมของวีรสตรีอย่างพระสุพรรณกัลยา ที่เราจะได้เห็นกันในภาคนี้ค่ะว่าที่เราได้ยินกันมาว่าท่านสวรรคต สรุปแล้วท่านเสียสละอย่างไร และท่านต้องเจอกับอะไรบ้างซึ่งตรงนี้แอฟเชื่อว่าทุกคนต้องเสียน้ำตาแน่นอนค่ะ และหลังจากนั้นเราก็จะได้เห็นเหตุการณ์หลายๆ อย่างหลังจากศึกยุทธหัตถีนะค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยของภาคนี้คือเราจะได้เห็นวีรกรรมความเสียสละของทุกตัวละครค่ะ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 03, 2015, 01:03:28 PM
พระนเรศวรกรีฑาทัพบุกเข้าตีตองอูเปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุก เปิดชนวนศึก 3 เส้า อโยธยา, หงสาวดี สู่การถ่ายโอนอำนาจใหม่แห่งพุกาม













           ชนวนศึกสงครามที่ยังคงดำเนินต่อภายหลังการสิ้นสุดมหาศึกคชยุทธ์ของ 2 แผ่นดินใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคยุทธหัตถี ที่หลายคนอาจะลืมไปแล้วว่า กว่าแผ่นดินอยุธยาจะร่มเย็นสืบเนื่องมาอีกเกือบ 200 ปี นับได้ราว3ชั่วอายุคน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมด้วยเหล่าสหายศึกบรรพชนผู้หาญกล้า ยังคงต้องเสียสละเลือดเนื้อไปอีกสักเท่าไหร่ ในขณะที่ยังทรงต้องรับมือกับการก้าวขึ้นมาเรืองอำนาจของเหล่าอาณาจักรต่างๆ ที่พร้อมท้าทายอโยธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดพลิกผันครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของการถ่ายเทอำนาจ จากหงสาวดีที่เคยรุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุดถึงกลับมาล้มสลายหายไปจากพุกามประเทศ

          ใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ภาคปิดส่งท้ายตำนานอันยิ่งใหญ่ขององค์พระมหากษัตริย์ยอดนักรบ โดยมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย ผู้ชมจะได้พบกับการขึ้นมาเรืองอำนาจของ เกตุมวดีตองอู อีกหนึ่งอาณาจักรที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคนี้ พร้อมกับตัวละครใหม่ๆ อย่าง เมงเยสีหตู (นิรุตต์ ศิริจรรยา) ผู้ครองอาณาจักรตองอู ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอนุชาร่วมบิดาบุเรงนองผู้ชนะสิบทิศ เฉกเช่นเดียวกันกับพระเจ้านันทบุเรง พร้อมพระนางเมงเกงสอ พระมเหสี (รัชนี ศิระเลิศ) ผู้เต็มไปด้วยเล่ห์กลอุบายอันแยบยล และราชบุตรที่พร้อมจะขึ้นมาเป็นใหญ่อย่าง นัดจินหน่อง (นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานนท์) โดยมีมหาเถรเสียมเพรียม (สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) ซึ่งเปรียบได้กับพระมหาเถรคันฉ่อง ผู้รอบรู้ทั้งเรื่องการศึกการสงคราม การมองการณ์ไกล คอยผลักดันให้ตองอูขึ้นมาทัดเทียมและอยู่เหนือหงสาวดี อันนำไปสู้ศึก 3 เส้าที่เกี่ยวโยงกับ แผ่นดินอโยธยา,หงสาวดีและตองอู ที่ส่งผลให้สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ พร้อมไพร่พลอโยธยาต้องออกกรำศึกต่อเนื่อง นำไปสู่การยกพลเข้าบุกตีอาณาจักรตองอูในเวลาต่อมา ก่อให้เกิดกลยุทธ์การทำศึกสงครามในเชิงรุกของฝั่งไทย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอโยธยาจะเป็นฝ่ายตั้งรับศึกจากพม่าแทบทั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกษัตริย์นักรบที่มีความเต็มเปี่ยมในหัวใจทั้ง มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงรู้ว่าการศึกครั้งนี้มีอุปสรรคมากมาย

          “เราจะได้เห็นความเข้มแข็งของอยุธยาภายใต้การปกครองของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของพระองค์อันเป็นศูนย์นำจิตใจของคนสมัยนั้น ทำให้บ้านเมืองมีความเข้มแข็ง การเดินทัพของพระองค์จากอยุธยาไปไกลถึงหงสา เป็นครั้งแรกที่เราไปเหยียบหงสา แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นพระองค์ได้เดินทัพไปรบอีกหลายศึก ในภาค 6 ไปรบกับตองอู รบกับเมาะตะมะ จะเห็นถึงในแง่ของการปกครองว่าทำไมพระองค์ถึงต้องทำแบบนั้น เพื่อความเป็นเอกราช และความคงอยู่อย่างมีความสุขของประชากรในอยุธยานั่นเองนะครับ การยกทัพขึ้นไปครั้งนั้นเป็นการยกทัพไปโดยที่พระองค์ไม่ได้เตรียมเสบียงอาหาร หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ การขึ้นไปจึงทุลักทุเลด้วยความยากลำบากของเส้นทางที่ไป ความที่มันเป็นป่าและมีโรคไข้ป่ามากมาย ทำให้ทหารของพระองค์เกิดล้มป่วย เจ็บตายกันมากทั้งการรบที่ยากลำบากอยู่แล้ว แถมซ้ำยังต้องมาเผชิญกับพวกกลุ่มชนอื่นๆ อย่างยะไข่ที่มาคอยตีตัดเสบียงเราอีก เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่เราเรียกว่าหงสาวดี เปรียบได้กับยักษ์มหาอำนาจอย่างจีนในปัจจุบัน นั่นแหละคือหงสาวดีที่ยิ่งใหญ่ในอุษาคเนย์ในสมัยนั้น วันหนึ่งภาค 6 อาณาจักรเหล่านั้นมันหายไปครับ มันเปลี่ยนศูนย์กลางอำนาจใหม่ไปอยู่ที่อื่นละ ในขณะเดียวกันก็จะมีความสอดรับกับการก้าวขึ้นมาสู่ห้วงอำนาจที่สำคัญของอยุธยา เป็นที่มาของการเป็นเอกราชที่สืบทอดยาวนานอีก170กว่าปี ก่อนที่เราจะมาเสียกรุงครั้งที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็จะได้เห็นความสูญเสียของคน โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุดก็คือความสูญเสียของพระนเรศวรก็เกิดขึ้นในภาคนี้ เชื่อเถอะครับว่าเมื่อดูจบภาค6แล้วทุกคนจะคิดเหมือนผมว่าควรจะมีภาคนี้เพราะมันคือประวัติศาสตร์ของเรา”

          การันตีจาก ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี ผู้ซึ่งถ่ายทอดชีวิตของพระนเรศวรมากว่าทศวรรษ อย่าพลาดชม 9 เม.ย.นี้ มาร่วมปิดตำนานพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 10, 2015, 03:01:11 PM
ปิดตำนาน 12 ปี “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ของ “ไอ้ทิ้งหรือพระราชมนู”


 
           “ท่านสอนทุกวัน สอนโดยเหมือนไม่สอน สอนทุกอย่าง สอนให้เป็นนักแสดงที่ดี สอนวิธีคิดต่อการแสดง วิธีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยนะครับ แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เราถ่ายทำภาคสุดท้ายนะครับอวสานหงสา ท่านก็ยังสอนอยู่”
บทสัมภาษณ์ ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม

Q. ความรู้สึกของปีเตอร์ นพชัยที่มีต่อการทำงานภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ตลอดกาลกับ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
P. ความทรงจำตลอด 12 ปี ตั้งแต่ผมยังอายุน้อยๆ อยู่กับ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ทั้ง 6 ภาครวมถึงภาคนี้ อวสานหงสา มาถึงวันนี้คงนึกไปถึงวันแรกๆ มากกว่า วันที่เรายังทำอะไรไม่เป็น ฟันดาบไม่เป็น ขี่ม้าไม่เป็น ผมถือว่าเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิตแล้วกัน ได้ผ่านการอยู่ในเบ้าหลอมของท่านมุ้ยที่สอนเราทุกอย่าง การเป็นนักแสดงที่ดี ทุกอย่างที่นักแสดงที่ดีควรจะมี ในการเข้าใจบท การทุ่มเทให้บท ในการที่ควรจะทำทุกอย่างได้เองเพราะว่าคนดูเขาต้องการที่จะมาดูเรา แล้วทุกวันที่เข้าไปไม่ว่าจะเข้าไปซ้อมกับท่านมุ้ย หรือเข้าไปในกองถ่าย เราจะได้รับการอบรมเรียนรู้ทุกวัน อันนั้นมันเหมือนเราได้วิชาความรู้อยู่ในตัวเรานะครับ เหมือนท่านมุ้ยให้วิชาความรู้มาเป็นอาชีพแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่ไปจากเรา มันอยู่กับเราตลอด และเราได้ใช้ประกอบอาชีพทำมาหากิน มันเรียกเป็นมูลค่าไม่ได้ครับ
Q.ท่านสอนอะไรบ้าง
P. ท่านสอนทุกวัน สอนโดยเหมือนไม่สอน สอนทุกอย่าง สอนให้เป็นนักแสดงที่ดี สอนวิธีคิดต่อการแสดง วิธีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยนะครับ แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เราถ่ายทำภาคสุดท้ายนะครับอวสานหงสา ท่านก็ยังสอนอยู่ แต่ท่านไม่ได้สอนแบบจะจะนะ ท่านมีความเป็นครูตลอดเวลาทำให้เราได้เรียนรู้ทุกครั้งที่เข้าไปกองถ่ายท่านมุ้ยนะครับ
Q.มาจนถึงภาคสุดท้ายแล้วรู้สึกใจหายมั้ยกับโปรเจกต์ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรามาตลอด 12 ปี
P. คือผมถือว่าผมได้ผ่านช่วงเวลาดีๆ มาแล้ว เพราะมันอยู่กับเราตลอดเวลา มันไม่เสียดาย ผมไม่รู้สึกว่าใจหายจะไม่ได้ไปเล่นแล้ว ผมได้สิทธิ์นั้นแล้ว ผมได้โอกาสดีๆ มาแล้ว ช่วงเวลานั้นจะอยู่กับผมจนวันตาย ผมไม่เสียดาย
Q. ความน่าสนใจในภาค6อวสานหงสาที่เราต้องดู
P. สำหรับผมเองก็คงเหมือนทุกท่าน ผมไม่เคยรู้เรื่องราวหลังยุทธหัตถี เหมือนกับมารู้พร้อมๆ กับทุกๆ คน มันมีรายละเอียดทางประวัติศาสตร์เยอะ น่าสนใจ สนุกด้วย และที่สำคัญที่สุดสำหรับผมนะ ผู้คนจะได้เข้าใจในความเป็นสมเด็จพระนเรศวรมากขึ้น ผมเห็นว่าทำไมท่านถึงไม่หยุดแค่ยุทธหัตถี ตอนแรกเราอาจจะเข้าใจท่านไปต่างๆ นานา ว่าท่านเป็นกษัตริย์ยอดนักรบ เป็นนั่นโน่นนี่ แต่ว่าตอนนี้จะเฉลย และจะอธิบายแล้วครับว่าทำไมท่านถึงต้องทำต่อไป เพราะอะไร ท่านทำเพื่อใคร เราจะได้เห็นอาณาจักรอย่างหงสาวดีที่เคยรุ่งเรืองมากๆ ทำไมภาคนี้ถึงเป็นอวสานหงสา ภาค 1-2-3 เราได้เห็นจุดที่รุ่งเรืองที่สุดของหงสา ภาคนี้ทำไมถึงเป็นอวสานหงสา ทำไมหงสาถึงได้ล่มสลาย สุดท้ายอย่างที่ผู้ชมติดตามตัวละครมาจะมีการเดินทางของตัวละคร แต่ ณ ภาค 6 ทำไมตัวละครตัวนี้ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ มาถึงจุดต่ำสุดของตัวละคร อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือเราจะได้เห็นมุมทางความคิดของพระนเรศวร ซึ่งดูเป็นธรรมชาติมากๆ ดูเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดามากๆ คนหนึ่งว่าทำไมการที่พระองค์คิดต่อประชาชนของท่านอย่างนี้ แล้วก็มันมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่หลายเรื่องพอสมควร เรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระเอกาทศรถด้วย แล้วก็ยังมีเรื่องพระสุพรรณกัลยาด้วย ที่เรายังต้องเล่าต่อเนื่องจากที่ยุทธหัตถีแล้วครับ มีหลายส่วนที่น่าติดตามมากครับ
Q.บทบาทและความสำคัญของพระราชมนูในภาคนี้อวสานหงสา
P.สำหรับภาคนี้ออกพระราชมนูก็ยังคงความจงรักภักดีจนถึงวินาทีสุดท้ายนะครับ แต่สำหรับผมเองสิ่งที่เห็นแตกต่างไปคือพระราชมนู โตขึ้นนะ แล้วก็กล้าที่จะทัดทานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ถึงแม้ยังไงก็ตาม สุดท้ายท่านอยากให้ทำอะไรก็ยังทำสุดใจเหมือนเดิม จากภาคก่อนๆ เราจะเห็นความมุทะลุ เฮ้ยเอาไงเอากัน แต่ในภาคนี้ทิ้งเองมองพระนเรศวรแล้วเหมือนมีความเป็นห่วงพระองค์ท่านมากขึ้น แล้วดูเหมือนในภาคนี้พระองค์ท่านจะใจร้อน ก็คอยทัดทานอยู่เรื่อย ไม่กลัวหัวขาดเลย แต่ว่าสุดท้ายก็ยังคงความเป็นพระราชมนูอยู่ดี พระองค์ท่านสั่งให้ไปไหนก็ไป ให้ไปตายก็ไป ความจงรักภักดียังอยู่เหมือนเดิมจนถึงวินาทีสุดท้าย
Q. ฉากประทับใจที่น่าจับตามองของตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสาที่ แฟนพันธุ์แท้พลาดไม่ได้
P. ก็ยังมีอีกฉากหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า เขาเรียกว่ายังไงนะ สัมผัสได้และค่อนข้างกินใจนักแสดงร่วมทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะว่าเป็นฉากเหมือนย้อนอดีตภาค 1 ก็เป็นฉากที่อยู่ที่วัดพระมหาเถร มีมณีจันทร์, สมเด็จพระนเรศวร, พระมหาเถร และไอ้ทิ้งอยู่ร่วมกัน เหมือนบรรยากาศเดิมเลย พระนเรศวรก็กวาดลานวัด ไอ้ทิ้งก็ล้างบาตรเหมือนเดิมครับ ก็เป็นฉากที่ดูเหมือนจะเรียบๆ อย่างที่คุยกันนะครับ แต่ว่าพอเราไปแสดงแล้ว มันก็มีความรู้สึกที่ว่าเดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะไปรบละ เราก็จะได้เห็นมุมของพระนเรศวร สำหรับผมนะรู้สึกได้เลยว่าพระนเรศวรท่านอยากทำให้ประชาชนอยู่อย่างสบาย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็อยากจะหยุดแล้วละ แต่ก็รู้ว่ามันยังหยุดไม่ได้นะ เพราะว่าพระองค์ท่านก็รู้ว่า ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ประชาชนก็ยังไม่สงบสุข ก็เลยต้องไปทำสิ่งนี้ ตอนแสดงเองก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีด้วยได้อยู่กับพระองค์ท่านจนถึงวินาทีสุดท้ายด้วยเลยนะ ก็อยากให้ไปชมฉากนี้กัน ท่านผู้ชมที่ติดตามมาตั้งแต่ภาค1ก็จะนึกถึงไอ้ทิ้งก็อยู่กับพระองค์ท่านตั้งแต่ยังเด็ก เวลาไปเล่นฉากนี้ก็เหมือนจะนึกถึงวันแรกเมื่อ 12 ปีที่แล้ว หลังจาพอเราแสดงไปแล้ว ความน่ารักในฉากนั้นนะครับ ตอนท้ายก็มีเหมือนไปอ้อน คือพระมหาเถรก็เหมือนกับพ่อนะแหละ เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ยังเล็ก ก็ท่านมุ้ยอีกนั่นแหละครับที่บอกว่าลองไปกอดขาดู ก็เป็นฉากที่น่ารักฉากหนึ่งครับ
Q.นอกจากนี้ก็จะมีอีกหนึ่งฉากสำคัญในภาคนี้คือ ฉากที่พระนเรศวรสวรรคต
P. ผมว่าเราก็จะได้เห็นความเข้มแข็งของพระองค์ท่านด้วย ท่านผู้ชมต้องรอดูฉากนี้ แต่สำหรับในส่วนของการถ่ายทำในวันนั้น ณ ห้วงเวลานั้นมันแบบว่าทั้งพี่เบิร์ดเอง คนเล่นนักแสดงทุกคนที่อยู่รอบๆ นี่ไปหมดแล้ว แต่คนที่น่าจับตามองมากที่สุดสำหรับผมนะก็คือพี่ต๊อด โอ้โห ผมดูแล้วชอบ เราเองยังชอบการแสดงของพี่ต๊อด มันเหมือนไม่ได้แสดง ไม่ต้องพูดเรื่องน้ำตาก็ได้ พอเห็นหน้าพี่ต๊อดรู้เลยว่าเขาเข้าใจ ไม่เคยเห็นพี่เบิร์ดเป็นแบบนี้ ถ้าผู้ชมไปดูนะครับ ไม่เคยเห็นพระนเรศวรอ่อนไหวขนาดนี้ ทั้งในแง่ของอารมณ์นะครับ ส่วนของพี่ต๊อดเชื่อว่าไม่เคยมีใครเห็นพี่ต๊อดอย่างนี้แน่ๆ เป็นฉากที่จริงๆ ผมประทับใจพี่ต๊อดพี่เบิร์ดแม้กระทั่งพี่ปราปต์เอง ตอนท้ายอยากให้ผู้ชมไปดู เดี๋ยวผมเฉลยมากก็ไม่สนุก แล้วคนที่ไปอยู่ในบรรยากาศจะรู้สึกมันมีมวลแบบอวลๆ ช่วงนั้นในห้องนั้น ซึ่งส่วนตัวนักแสดงเองได้ไปเล่นฉากแบบนี้ก็สนุกด้วย แล้วก็รู้สึกว่ามันดีนะ
Q. เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกร่วมทั้งในบทบาทของตัวละครในภาพยนตร์ และความรู้สึกผูกผันกันของนักแสดงที่ผ่านการร่วมงานกันมานับทศวรรษด้วย
P. ใช่ครับก็เป็นบรรยากาศรวมๆ ทั้งเรื่องจริงและในเรื่อง ช่วงท้ายๆที่เราจะเลิกถ่ายกันแล้วด้วย สำหรับฉากนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำนาน หลายวันอยู่นะครับ มันมีบางอย่างที่ท่านมุ้ยคิดว่าอารมณ์มันน่าจะยิ่งกว่านี้นะ ก็เลยไม่ถ่าย ท่านรู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยดี หมายถึงบรรยากาศทางการแสดงยังไม่ค่อยดี ไม่เอาดีกว่า เพราะท่านบอกว่ามันเป็นซีนที่สำคัญที่สุดของเรื่อง ของทุกคน เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องกลมกลืนไปด้วยกันนะ ตอนนั้นมันเหมือน ท่านก็เลยเลื่อนไปอีกวันหนึ่ง กว่าจะได้ถ่ายซีนนี้มันยากมานานแล้วครับ เหมือนจะถ่ายๆ จะถ่ายก็ไม่ได้ถ่ายซะที แล้วก็ไปอีกวันหนึ่ง เหมือนท่านคงเห็นอะไรมั้งครับ ซึ่งบางทีเราไม่ได้เห็นเหมือนกับท่านทั้งหมด
Q.ฉากที่เรียกได้ว่าสะท้อนออกมาให้เห็นตรงกับชื่อเรื่องและสะท้อนภาพบรรยากาศความรู้สึกผูกผันของตัวละครไอ้ทิ้ง กับการย้อนกลับไปยังที่ที่เคยเติบโตมาอย่าง หงสาวดี
P. ก็คือสัจธรรมละครับ พระนเรศวรเองก็เห็นสัจธรรม ไอ้ทิ้งก็เห็น เมืองที่เราเคยอยู่เมื่อเด็ก วันหนึ่งเราขี่ม้ากลับไป กะจะไปที่เมืองเขา ก็ได้ไปเห็นความล่มสลายของหงสา ผมว่าคุณผู้ชมเองก็สะท้อนใจ พระนเรศวรก็สะท้อนใจ ว่ามันเหมือนเห็นสัจธรรมจริงๆ ว่าคนที่เคยรุ่งเรืองก็มีวันที่จะลง จากศูนย์ไปถึงจุดสูงสุดแล้วกลับลงมาศูนย์อีก ก็เห็นวัฎจักรที่เป็นสัจธรรมของโลก
Q.ในภาคอวสานหงสา จะได้พบกับตัวละครใหม่ และภาพความเกี่ยวข้องเรื่องราวใหม่ๆ ที่ถูกถ่ายทอดในภาพยนตร์
P. สำหรับภาคนี้มีตัวละครใหม่ขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เป็นตัวสีสันก็คือตัวเม้ยมะนิก เป็นตัวละครอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวพันกันซึ่งแสดงโดย น้องปันปัน-เต็มฟ้า ก็คงต้องบอกว่าตัวน้องเขาเหมาะกับบทนี้มาก เขาเป็นนักกีฬาและยังมีความสามารถทางด้านยิมนาสติกต่างๆ ความสามารถทางด้านการแสดงนี่ไม่ต้องพูดถึง ต้องบอกว่ามาเต็มครับ ผมชอบการแสดงของเขาเต็มที่ด้วย อะไรก็ทำได้หมดนะครับ เสียงก็ดี ก็คุณแม่เป็นนักร้อง ผู้ชมจะต้องชอบตัวละครตัวนี้ ท่ายิมนาสติกผสมกับคิวบู๊ที่ท่านดีไซน์ไว้นะครับ จะได้เห็นความสามารถของน้องที่ต้องมาบู๊กับผมด้วย พี่ต๊อดด้วย ก็เป็นบู๊ที่สนุกๆ นะครับ น่ารักๆ แต่ว่าเราจะได้เห็นเขามาช่วยรบด้วย ก็เป็นตัวละครใหม่ซึ่งผมว่าผู้ชมจะต้องหลงรักตัวละครตัวนี้ เราก็จะได้เห็นพี่ต๊อดซึ่งคือพระเอกาทศรถในอีกมุมหนึ่งกับตัวละครนี้ด้วยนะครับ สำหรับน้องในส่วนคิวบู๊ของน้องยาก แต่ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬา เขาอดทน ซ้อม ผมว่าเขาทำออกมาได้สวยงามนะ แล้วก็ได้คิวบู๊แปลกๆ ที่มันต้องใช้ความสามารถพิเศษ แล้วก็เรื่องขี่ม้าอีก น้องเขามาขี่ไม่ได้นานมากนะ แปลกมากเลย ไม่กลัวม้าเลย ไม่กลัวบู๊เลย คือเวลาอยู่ในกองถ่ายกับเขาคือทำงานสบายมาก เหมือนเราๆ เลยครับยืนกลางแดดได้ ไม่เหนื่อย ไม่ร้อน ไม่บ่น ตีลังกาได้ น้องเขามาถ่ายช่วงร้อนพอดีครับ เจอร้อนเจอหนาวด้วย
Q.ท้ายนี้อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆ คุณปีเตอร์และอัพเดทชีวิตล่าสุดของคุณปีเตอร์
P. ก็ขอฝากสำหรับภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 6 ภาคสุดท้ายอวสานหงสา คนดูจะได้ชมในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน ส่วนใหญ่เราจะรู้สุดแค่ยุทธหัตถีนะครับ แต่ว่ามันมีเรื่องราวต่างๆ ทางประวัติศาสตร์เอง ทั้งในแง่ที่เขาเรียกว่าอารมณ์ความรู้สึกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเอง ซึ่งจะถูกท่านมุ้ยทำออกมาให้ผู้ชมได้เห็น ได้เห็นทั้งในแง่ความทุ่มเทของท่าน ความเสียสละของท่าน ภาคนี้จะได้เห็นว่าหลังจากยุทธหัตถี ทำไมท่านถึงยังไม่หยุด ท่านต้องการอะไร ท่านต้องการทำเพื่อใครซึ่งก็คือทำเพื่อเรานั่นแหละครับ ก็ไปหาคำตอบได้ในภาพยนตร์ละกันครับ แล้วก็ในภาคนี้คุณผู้ชมจะได้เจอกับสหายศึกทั้งหมดกลับมาร่วมแรงร่วมใจกันรบเพื่อประเทศชาติอีกครั้งหนึ่งไม่ว่าจะเป็นพระชัยบุรี และพระศรีถมอรัตน์ ซึ่งก็คือพี่ต้นคมกริชที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ที่จะมีบทบาทอยู่ในภาคนี้ด้วยนะครับ ก็นอกจากวันที่ 9 เม.ย.จะได้ชมภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 6 อวสานหงสาแล้ว ผมก็ยังมีผลงานอื่นในมุมอื่นตอนนี้ก็ไปลองกำกับละครอยู่เรื่องหนึ่งครับเป็นซี่รี่ส์ 12 ตอน ก็คาดว่าปลายๆ ปีจะได้ชมกันครับ แล้วก็มีหนังสั้นของสืบ นาคะเสถียรนะครับ ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งเหมือนกัน ก็เล่นเป็นคุณสืบเลย แล้วก็ตัดผมสั้นถ่ายไปเมื่อปีที่แล้ว ก็คิดว่าน่าจะได้ชมเร็วๆ นี้ครับ ซี่รี่ส์ที่กำกับ ตี๋ใหญ่ดับดาวโจรครับ ก็เป็นการทำงานร่วมงานกันของผม พี่ป๊อก-ปิยธิดา แล้วก็อีกหลายๆ ท่านครับ พี่เบิร์ดพันโทวันชนะ แสดงนำโดย พี่เต๋าสมชาย เข็มกลัด แล้วก็น้องกัน อีโวไนน์ มีป๋าเทพ พี่แมน ศุภกิจ มีอีกหลายๆ ท่านเลยครับที่ผมอยากทำงานร่วมกับเขาครับ ก็น่าจะได้ออนแอร์ปลายๆ ปีครับ ช่องโมโน 29 ครับ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 10, 2015, 03:03:04 PM
เอกสิทธิ์เฉพาะ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ดู “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ทุก 2 ที่นั่ง ลุ้นแผ่นภาพทองคำแท้ 99.99% PRIMA ART 5 ชิ้นในโลก จาก Prima Gold รวมมูลค่า 450,000 บาท




 
           สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ และ Prima Gold (พรีม่า โกลด์) ร่วมปิดตำนานกับ 14 ปี แห่งความยิ่งใหญ่ของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์ของแผ่นดิน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” เอกสิทธิ์พิเศษสำหรับท่านที่ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความยิ่งใหญ่กับสุดยอดภาพยนต์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์ที่คนไทยรักชาติทุกคนรอคอยเฉพาะที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ เท่านั้น

          เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ “ตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ทุก 2 ที่นั่ง ในช่วงระหว่างวันที่ 9-22 เมษายนนี้ รับคูปองกรอกชื่อ-ที่อยู่ลุ้นเป็นเจ้าของ งานหัตถศิลป์แผ่นภาพจากทองคําแท้99.9% Prima Art (พรีม่า อาร์ต) ขนาด 69*94 ซม. จำลองแบบจากรูปใบปิดธีมของตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา เพิ่มคุณค่าแห่งความพิเศษที่แสนงดงามยิ่งขึ้นด้วยการฉลุลายทองคำเพิ่มในส่วนของคอปกเสื้อพระนเรศวร, กำแพงเมืองหงสาวดี, วัดทั้ง 2 ฝั่ง รวมไปถึงข้อความบนคำโปรย “พระเดชานุภาพปราบแผ่นดินหงสา” และ “ชื่อภาพยนตร์” เพื่อเพิ่มมิติทางด้านภาพสุดอลังการ พิเศษเพียง 5 ชิ้นในโลกเท่านั้น รางวัลละ 90,000 บาท รวมมูลค่า 450,000 บาท (ผู้โชคดีต้องชําระภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่าของรางวัล หรือ ตามที่กฎหมายกําหนด)

          ติดตามการจับรางวัลและประกาศผลได้ในวันที่ 8 พฤษภานี้ทาง https://www.facebook.com/sahamongkolfilmint และ http://www.sfcinemacity.com
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 16, 2015, 03:02:24 PM
เอาใจแฟนๆ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา ด้วย Dolby Atmos ระบบเสียงที่ดีที่สุด พร้อมโปรโมชั่นแจกของพรีเมี่ยม Limited Edition


 
          เพื่อต้อนรับการเข้าฉายของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์ที่ทุกคนรอคอย “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ได้เลือกระบบ Dolby Atmos นวัตกรรมเสียงที่สมบูรณ์ที่สุดในโรงภาพยนตร์ ซึ่งถูกใช้กับภาพยนตร์ระดับบล็อคบัสเตอร์ใหญ่ๆ เกือบทุกเรื่อง มาใช้กับภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสานี้ เพื่อเป็นการปิดตำนานอย่างสมบูรณ์แบบ และเพื่อให้แฟนๆ หนังได้สัมผัสกับทุกมิติแห่งรายละเอียดของเสียงที่ “จริง” ยิ่งกว่า กับพลังก้องกังวานของเสียง 360 องศาเหนือศรีษะและรอบทิศทางท่ามกลางสมรภูมิแห่งประวัติศาสตร์ กึกก้องทรงพลังกัมปนาทไปกับทุกฉากของการกรีฑาทัพและกรำศึกรบลือลั่นสะเทือนแผ่นดิน กระหึ่มอย่างชัดเจน มร. Pankaj Kedia” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินเดีย และออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ (Senior Regional Director, India, South East Asia, ANZ) ของ บ.Dolby Laboratories เองได้เปิดเผยถึงการที่ได้รับความไว้วางใจและมีส่วนร่วมในการปิดตำนานครั้งนี้ว่า

          “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และเรียกได้ว่าเฝ้ารอถึงวันเข้าฉายของภาพยนตร์ เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ที่ถูกถ่ายทอดและนำเสนอภายใต้ระบบเสียง Dolby Atmos กันเลยทีเดียว พูดได้ว่าที่บ.ดอลบี้ พวกเรามีความตั้งใจอย่างแรงกล้าและปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผ่านการคิดค้นอย่างดีที่สุด และมีส่วนในการเติมเต็มความฝัน ต่อยอดจินตนาการของเหล่าผู้สร้างภาพยนตร์นำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้เกิดขึ้นในโลกภาพยนตร์”

          พิเศษยิ่งกว่าร่วมปิดตำนานกับบทสรุปส่งท้ายอภิมหากาพย์ภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” ภายใต้ประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์ที่ “จริง” ยิ่งกว่า เลือกชมในโรงภาพยนตร์ภายใต้ระบบเสียง ดอลบี้ แอทมอส Dolby Atmos เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา ในระบบ Dolby Atmos ทุก 2 ที่นั่ง ผ่านทางออนไลน์ที่ www.majorcineplex.com และ App Major MoviePlus แล้วนำหางตั๋วมาโพสท์ลงในหน้ากิจกรรม ที่ www.facebook.com/MajorGroup พร้อม Hastag #DolbyAtmos_KingNaresuan ลุ้นรับเสื้อยืดจากภาพยนตร์จำนวน 200 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 9 - 20 เม.ย. 58 และประกาศผลรายชื่อผู้โชคดี 25 เม.ย.58 นี้ ที่ www.facebook.com/MajorGroup
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 16, 2015, 03:12:35 PM
“ผู้พันเบิร์ด” เชื่อใน “ท่านมุ้ย” 1 นาทีในหนังอาจใช้เวลาแรมปีจนถึง 10 ปี “อวสานหงสา” การรอคอยอันยิ่งใหญ่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด




 
           14 ปี กับการที่ต้องอยู่ร่วมกับโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หลายคนอาจมองว่าเป็นการรอคอยที่ยาวนาน แต่สำหรับ ผู้พันเบิร์ด พันโท วันชนะ สวัสดี และเหล่านักแสดงจากภาพยนตร์ชุดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คือ การแลกมาซึ่งหยาดเหงื่อ ร่องรอยของความทรงจำ ที่ได้กลมกลืนและแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อันนำมาซึ่งประสบการณ์อันล้ำค่าที่ยากจะประเมินเป็นตัวเลขหรือตีเป็นมูลค่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1 นาทีที่ปรากฎลงบนจอภาพยนตร์ใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแต่ละภาคที่เราได้ชมกันบางครั้งอาจใช้เวลาแรมปี หรือแม้กระทั่ง 10 ปี ในการถ่ายทำ บางฉากผ่านการถ่ายทำหลายต่อหลายครั้ง กว่าจะได้ออกมาสมดั่งใจของผู้กำกับ ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ถึงกับสั่งหยุดการถ่ายทำกลางคันและทรงสั่งเลิกกอง เมื่อท่านรู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกตลอดจนบรรยากาศการถ่ายทำยังไม่ถึงที่สุดดั่งที่ตั้งใจและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉากที่สำคัญที่สุด โดยยอมขนทีมงานกลับมาใหม่เพื่อเริ่มต้นการถ่ายทำตั้งแต่แรกอีกครั้งเมื่อทุกอย่างพร้อม และนี่เป็นการบ่งบอกถึงอัจฉริยภาพและพลังแห่งความลุ่มหลงในการเป็นผู้กำกับนักสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทยที่มีต่อผลงานที่รัก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการรอคอยที่ ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี ยอมรับและเชื่อมั่นในท่านมุ้ยอย่างหมดใจ

          “ผมกล้าพูดได้ว่า ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ผมบอกเสมอว่า ผมเชื่อมั่นในท่านมุ้ย แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ การที่เราต้องคอยอะไรบางอย่าง ตอนนั้นเราไม่เข้าใจ แต่ท่านคอย ท่านคอยไม่ถ่ายๆๆๆ ท้ายที่สุดภาพที่มันออกมาหรือผลที่มันออกมามันดีจริงๆ ฉากบางฉากที่เราเห็นในหนังอาจจะเห็นสั้นๆ เล็กๆ เราเห็นในหนังอาจจะแค่นาทีเดียวหรือไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ แต่มันคุ้มค่า อย่างเช่น ฉากที่แอฟกลับเข้ามาถ่ายตอนท้องแปดเดือน ท่านต้องการบันทึกความสมจริงของตัวมณีจันทร์ที่ท้องลงไปในหนัง แอฟตอนท้อง5เดือนก็ยังไม่ใหญู่พอ ดูไม่รู้ ท่านก็ให้ส่งรูปมาให้ดูนะพอไม่ใหญ่พอไม่สมจริงท่านก็ให้รอถ่ายตอนที่ภาพออกมาสมจริงที่สุด ท่านต้องการให้เห็นพุงให้เห็นท้องว่าเขาท้อง คอยปราณีตในทุกกระบวนการ มันจะเกิดขึ้นในทุกๆ ฉากของหนังนเรศวร แล้วมันคุ้มค่ากับการรอคอย ส่วนนักแสดงถามว่ารอคอยแล้วเขารู้สึกอย่างไร ตอนนี้ให้รอ ผมก็รอ ท่านมุ้ยบอกให้ผมคอยอะไรผมก็จะคอย เพราะเรารู้ว่าผลที่ได้มันคุ้มค่า แอฟเองก็รอคอยฉันอยากจะถ่ายแปดเดือนแล้วรอตั้งแต่ห้าเดือน วันหนึ่งผมเชื่อว่าเวลาลูกเขาโตที่ดูหนังได้แล้ว เขาก็จะบอกว่านี่ฉากนี่ลูก..น้องปีใหม่อยู่ในท้องแม่นะ แล้วความสมจริงมันก็ไม่ต้องยัดอะไรให้มันป่องขึ้นมานะ มันคงเป็นความประทับใจอีกอย่างหนึงทั้งของแอฟและน้องปีใหม่ครับ”

          ร่วมปิดตำนานอันยิ่งใหญ่ของ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา พร้อมกันวันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ ทั้งในระบบปกติ และระบบเสียง ดอลบี้ แอทมอส Dolby Atmos 
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 17, 2015, 12:48:04 PM
“ปีเตอร์ นพชัย” กลับมาเป็น “ไอ้ทิ้ง” ใน “อวสานหงสา” สหายกล้าผู้ลุกขึ้นมาทัดทาน พระนเรศวร และพร้อมเป็นข้ารองพระบาทผู้ซื่อสัตย์ตราบจนวินาทีสุดท้าย





          เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่คนดูและแฟนๆ นเรศวรรักมากที่สุดชนิดที่ว่ามีแฟนคลับไม่น้อยไปกว่าพระนเรศวรหรือมณีจันทร์เลยทีเดียวสำหรับ พระราชมนู หรือ ไอ้ทิ้ง ทหารเอกผู้กล้ายอดนักรบคู่ใจขององค์ดำผู้ชำนาญการศึกและยุทธวิธีการรบเหนือกว่าผู้ใด ผู้ที่เติบโตมาในฐานะพระสหายก่อนที่จะเติบใหญ่ในฐานะข้ารองพระบาทผู้ซื่อสัตย์ซึ่งยอมบุกน้ำลุยไฟเหล่าอริศัตรู และสละได้กระทั่งชีวิตตัวเองเพื่อพระนเรศ จากการถ่ายทอดบทบาทโลดแล่นออกมาบนจอภาพยนตร์โดย ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม และแน่นอนว่าใน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา ภาคจบที่เป็นบทสรุปของภาพยนตร์ แฟนๆ จะได้เห็นบทบาทของพระราชมนูที่กล้าลุกขึ้นมาทัดทานพระนเรศวรในหลากหลายสถานการณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะรับฟังคำสั่งและเคารพในการตัดสินใจของพระนเรศวร รวมไปถึงคอยอยู่เคียงข้างกับพระองค์แม้กระทั่งในวินาทีสุดท้าย

          “สำหรับภาคนี้พระราชมนูก็ยังคงความจงรักภักดีต่อพระนเรศวรจนถึงวินาทีสุดท้ายนะครับ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราจะได้เห็นถึงความแตกต่างออกไปคือพระราชมนูกล้าที่จะทัดทานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถึงแม้สุดท้ายท่านอยากให้ทำอะไรก็ยังทำสุดใจเหมือนเดิม คือ เมื่อเทียบจากภาคก่อนๆ เราจะเห็นความมุทะลุ เอาไงเอากัน แต่ในภาคนี้ทิ้งเองมองพระนเรศวรแล้วเหมือนมีความเป็นห่วงพระองค์ท่านเพราะพระองค์ท่านใจร้อนมากก็คอยทัดทานอยู่เรื่อยไม่กลัวหัวขาดเลย ถึงแม้สุดท้ายพระองค์ท่านสั่งให้ไปไหนก็ไป มีความจงรักภักดียังอยู่เหมือนเดิมจนถึงวินาทีสุดท้าย ภาคนี้ผู้ชมจะได้เจอกับสหายศึกทั้งหมดที่กลับมาร่วมแรงร่วมใจกันรบเพื่อประเทศชาติอีกครั้งหนึ่งไม่ว่าจะเป็น พระชัยบุรี และ พระศรีถมอรัตน์ ซึ่งก็คือ พี่ต้น คมกริชที่ได้ล่วงลับไปแล้วจะมีบทบาทอยู่ในภาคนี้และกลับมาร่วมรบพร้อมกันอีกครั้ง พร้อมกับได้ชมในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน ส่วนใหญ่เราจะรู้สุดแค่ยุทธหัตถี แต่ว่ามันมีเรื่องราวต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ ทั้งในแง่ที่เขาเรียกว่าอารมณ์ความรู้สึกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเองซึ่งถูกท่านมุ้ยทำออกมาให้ผู้ชมได้เห็นทั้งในแง่ความทุ่มเทของท่าน ความเสียสละของท่าน ทำไมท่านถึงยังไม่หยุด ท่านต้องการอะไร ท่านต้องการทำเพื่อใครซึ่งก็คือทำเพื่อเรานั่นแหละครับ ก็ไปหาคำตอบได้ในภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสานะครับ ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์” ปีเตอร์ กล่าว

          ร่วมปิดตำนานอันยิ่งใหญ่ของ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” พร้อมกันวันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 24, 2015, 11:12:26 AM
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา เชิญชวนร่วมทำบุญบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันครบรอบ 410 ปีวันสวรรคต



           บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด, บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ร่วมกับ สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนประชาชน พี่น้องชาวไทยร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของคนไทย โดยการร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตขององค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีคุณูปการต่อชนชาวไทย ซึ่งตรงกับวันเวลาในพงศาวดารคือวันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง หรือตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 เมื่อ 410 ปีที่แล้ว

          พิเศษในวันเสาร์ที่ 25 เมษายนนี้ ผู้ร่วมบริจาคโลหิต 500 ท่านแรก ณ ศูนย์บริจาคโลหิต สภากาชาดไทย ถ. อังรีดูนังต์ จะได้รับบัตรชมภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา 1 ท่านต่อ 1 ที่นั่ง (สำหรับชมที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่กรุงเทพฯ หรือ ในเครือ เอส เอฟ ซีเนม่า ที่กรุงเทพฯ) เริ่มตั้งแต่เวลา 8.30 – จนกว่าบัตรจะหมด
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช: อวสานหงสา 9 เมษายน 2558
Post by: FB on April 28, 2015, 03:28:25 PM
เกรซ มหาดำรงค์กุล และนาวาอากาศโท จงเจต วัชรานันท์ นักแสดงนำ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา ร่วมบริจาคโลหิต เนื่องในวโรกาสครบรอบ 410 ปี วันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช




 
          เนื่องในวโรกาสครบรอบ 410 ปี วันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในวันที่ 25เมษายน บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด, บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน), บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)?และภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดกิจกรรมพร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของคนไทย โดยการร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นำโดยคุณอวิกา เตชะรัตนประเสิรฐ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, คุณเกรซ มหาดำรงค์กุล และนาวาอากาศโท จงเจต วัชรานันท์ นักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา ที่มาร่วมบริจาคโลหิต พร้อมแจกบัตรชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา สำหรับชมที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุงเทพฯ หรือในเครือ เอส เอฟ ซีเนม่า กรุงเทพฯ ให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรม และบริจาคโลหิต 500 ท่านแรกในวันนี้ด้วย ซึ่งถึงแม้วันนี้อากาศอึมครึมและมีฝนตกลงมาตั้งแต่เช้า แต่แฟนๆ และผู้ใจบุญก็มาร่วมบริจาคโลหิต พร้อมถ่ายภาพกับนักแสดงกันอย่างคับคั่ง