ชื่ออังกฤษ HERCULES
ชื่อไทย เฮอร์คิวลีส
วันที่เข้าฉาย 24 กรกฏาคม 2557
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
เบื้องหลังงานสร้าง
“เจ้าเป็นเพียงตำนาน หรือเจ้าคือตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังตำนาน?”
เรื่องราวเล่าขานถึงวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ผสานกับภารกิจของชายชาตรี ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มนักรบใน “Hercules” ภาพยนตร์ทริลเลอร์แอ็กชั่นผจญภัยยิ่งใหญ่อลังการประจำซัมเมอร์ปีนี้ จะเผยให้เห็นถึงเอกบุรุษที่เป็นสัญลักษณ์ของความหาญกล้าดั่งหัวใจสิงห์ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นการค้นพบหัวใจของวีรบุรุษผู้นี้ที่เต้นรัวอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเขา
ดเวย์น จอห์นสัน รับบท เฮอร์คิวลิส ผู้เกิดมาพร้อมความแข็งแกร่งดั่งเทพเจ้า แต่ยังคงรู้สึกถึงความทุกข์ทรมานได้แบบมนุษย์ เขามีชื่อเสียงโด่งดังจากวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ ซึ่งรวมถึง “ภารกิจทั้ง 12” ที่คนทั่วโลกรู้จักดี อันเป็นภารกิจที่ยากลำบากที่สุดในกรีซโบราณ แต่เฮอร์คิวลิสที่ถูกตามหลอกหลอนโดยอดีตของตัวเอง กลายเป็นนักรบรับจ้างที่เดินทางท่องไปทั่ว หากินกับเรื่องราวที่เป็นตำนานของตัวเขาเอง พร้อมด้วยกลุ่มผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ภักดี แต่ ณ บัดนี้ขณะที่เขาตัดสินใจรับงานอันหาญกล้าที่จะยุติสงครามกลางเมืองนองเลือดแห่งดินแดนเทรซ และคืนกษัตริย์อันชอบธรรมสู่บัลลังก์ เฮอร์คิวลิส ถูกบีบและผลักดันจนถึงขีดจำกัดของเขา เหล่าวายร้ายที่คาดไม่ถึงจะเป็นผู้ทดสอบพลังที่เป็นตำนานของเขา และโลกที่กระหายความเป็นธรรมจะทดสอบความเป็นมนุษย์ของเฮอร์คิวลิส ในภาพยนตร์ใหม่ของ เบร็ทท์ แร็ทเนอร์ ที่หยิบเอาหนึ่งในวีรบุรุษผู้กล้าในมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทุกยุคทุกสมัยมาขึ้นจอ
พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส และเมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์ พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ “Hercules” สร้างจากนิยายภาพเรื่อง Hercules ของเรดิคัล คอมิคส์ ผลงานของ สตีฟ มัวร์ บทภาพยนตร์เป็นฝีมือเขียนบทของ ไรอัน เจ คอนดัล และอีแวน สพิลิโอโทพูลอส กำกับโดย เบร็ทท์ แร็ทเนอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดย นักแสดงเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ เอียน แม็คเชน (“Deadwood,” “Pirates Of The Caribbean: On Stranger Tides”), รูฟัส ซีเวลล์ (“Legend of Zorro”), แอ็กเซล เฮนนี่ (“Headhunters”), อิงกริด โบลโซ เบอร์ดัล (“Hansel & Gretel: Witch Hunters”), รีซ ริทชี่ (“Prince of Persia: The Sands Of Time”), โทเบียส ซานเทลแมนน์ (“Kon-Tiki”), โจเซฟ ไฟนส์ (“American Horror Story”), ปีเตอร์ มัลแลน (“War Horse,” “Top of the Lake”), นักแสดงชายผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จอห์น เฮิร์ต (“Harry Potter And The Deathly Hallows”), นักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน (“The White Queen”), ไอแซ็ค แอนดรูว์ส (“Blackwood”) และเออริน่า ชี้ก
Hercules อำนวยการสร้างโดย โบ ฟลินน์, แบร์รี่ เลวิน และแร็ทเนอร์ ทีมผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ รอสส์ แฟงเกอร์, เจสซี่ เบอร์เกอร์, ปีเตอร์ เบิร์ก และซาราห์ ออบรีย์ ทีมงานหลังกล้อง ได้แก่ ผู้กำกับภาพผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ดังเต้ สปิน็อตติ (“The Insider,” “LA Confidential”), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ฌอน-วินเซนต์ พูซอส (“10,000 B.C.”), ผู้ลำดับภาพ มาร์ก เฮลฟริช (“X-Men: The Last Stand”) และจูเลีย หว่อง, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แจนนี่ เทมิม (“Skyfall”), ดนตรีประกอบเป็นฝีมือของ เฟอร์นันโด เวลาซเคซ, วิชวลเอฟเฟ็กต์ ซูเปอร์ไวเซอร์ จอห์น บรูโน่ (“Avatar”), ผู้กำกับกองถ่ายย่อยที่ 2 อเล็กซานเดอร์ วิตต์ (“Skyfall”) และผู้ประสานงานสตั๊นต์ เกร็ก พาวเวลล์ (“Fast & Furious 6,” ภาพยนตร์แฟรนไชส์ชุด “Harry Potter”)
ตำนานที่ไร้กาลเวลา . . . การผจญภัยแห่งศตวรรษที่ 21
ตำนานที่เป็นอมตะของเฮอร์คิวลิส มนุษย์กึ่งเทพที่มีชื่อเสียงในเรื่องของวีรกรรมอันยิ่งใหญ่และความกล้าหาญ ได้ถูกนำมาสร้างใหม่ในแบบที่สร้างความตื่นเต้นสไตล์ศตวรรษที่ 21 โดยมีผู้กำกับ เบร็ทท์ แร็ทเนอร์ และดาราแอ็กชั่นอย่าง ดเวย์น จอห์นสัน เป็นผู้นำ เฮอร์คิวลิส ให้ฟื้นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้ง ในฐานะชายผู้ดิ้นรนที่จะใช้ชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ให้ทัดเทียมกับวีรกรรมที่เขาเคยสร้างเอาไว้ ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายเลวทราม
เฮอร์คิวลิสในเวอร์ชั่นนี้คือวีรบุรุษที่เคยปราบทั้งสิงโตและสุนัขเฝ้าอเวจี และเป็นที่หวาดหวั่นและเคารพยำเกรงในฐานะแชมเปี้ยนที่เป็นมนุษย์จอมพลัง แต่ลึกๆ ลงไปแล้ว ในใจเขายังเต็มไปด้วยบาดแผลจากโศกนาฏกรรม และความไม่แน่นอนจากสิ่งที่เขาได้รับสืบทอดมา เฮอร์คิวลิส พร้อมกับผู้ร่วมทางที่ซื่อสัตย์ห้าคน เดินทางมายังอาณาจักรแห่งนี้เพื่อขายแรงงานของเขาแลกกับทองคำ และใช้ชื่อเสียงอันน่าหวั่นเกรงของเขาเพื่อข่มขู่ศัตรู แต่เมื่อผู้ปกครองนครเทรซ และบุตรสาว ขอความช่วยเหลือจากเฮอร์คิวลิสเพื่อให้เขามาปราบขุนศึกที่น่าเกรงขาม เฮอร์คิวลิสมิอาจเอ้อระเหยลอยชายไปตามเรื่องเล่าขานรอบๆ ตัวเขาได้
เขาต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับในตำนานของตัวเขาเอง และกลายเป็นวีรบุรุษที่ผู้คนมีความศรัทธา
ดเวย์น จอห์นสัน กล่าวว่า “การสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับเฮอร์คิวลิส ถือเป็นโปรเจ็กต์สุดรักของผมมานานมากแล้ว เขาเป็นตัวละครที่ตลอดหลายศตวรรษมานี้ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนมากมาย รวมถึงตัวผมเองด้วย แต่ในครั้งนี้ เราอยากสร้าง เฮอร์คิวลิส ในแบบที่คนดูไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนที่เราได้พบ เฮอร์คิวลิส ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาคือคนที่โดนเนรเทศ เขากำลังทรมานกับความรู้สึกเสียใจ และเขาต่อสู้เพื่อทองคำเท่านั้น เขาต้องเอาชนะความชั่วร้ายในตัว และค้นหาหัวใจเพื่อจะกลับมาเป็นชายที่ผู้คนอยากให้เขาเป็นอีกครั้ง”
“ความแตกต่างของ เฮอร์คิวลิส ของเราก็คือ เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่ปฏิเสธความจริงที่ว่าเขาเป็นลูกชายของเทพเจ้ากรีก” เบร็ทท์ แร็ทเนอร์ กล่าวเสริม “ทุกตำนานเริ่มต้นด้วยเรื่องจริง และเมื่อผมได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ที่อิงจากนิยายภาพเรื่อง Hercules - The Thracian Wars มันทำให้ผมอึ้งไปเลยที่มันวางเรื่องเอาไว้บนความเป็นจริงที่คุณรู้สึกได้ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะนำมาขึ้นจอ”
สำหรับแร็ทเนอร์ ซึ่งคุ้นเคยดีทีเดียวกับงานสร้างภาพยนตร์แอ็กชั่นสุดมันส์ ตั้งแต่ภาพยนตร์ชุด “Rush Hour” จนถึง “X-Men: Last Stand” การสร้างภาพยนตร์เรื่อง “Hercules” หมายถึงการสร้างภาพยนตร์มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ยังเป็นการวางเฮอร์คิวลิสเอาไว้ในรูปลักษณ์ที่ตรงกันข้ามกับความเป็นวีรบุรุษได้อย่างน่าสนใจ “นี่คือเรื่องที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่น อารมณ์ขัน และการต่อสู้แบบต่อตัวต่อ ซึ่งทุกคนคงอยากดู แต่ผมหวังว่าคนดูคงจะเดินออกไปจากโรงภาพยนตร์โดยรู้สึกได้ถึงพลังในความศรัทธาของเฮอร์คิวลิส” ผู้กำกับแร็ทเนอร์บอก
แรงบันดาลใจในการจินตนาการ เฮอร์คิวลิส ขึ้นมาใหม่นั้น เริ่มต้นขึ้นด้วยหนังสือการ์ตูนของ เรดิคัล สตูดิโอส์ เรื่อง Hercules: The Thracian Wars ซึ่งนักวาดการ์ตูนชาวอังกฤษอย่าง สตีฟ มัวร์ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับคนอ่านด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับวีรบุรุษตกอับที่เกิดความกังขาในตนเอง จนต้องมองหาหนทางไถ่บาป นับแต่แรกเริ่ม แบร์รี่ เลวิน และเจสซี่ เบอร์เกอร์ ผู้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทเรดิคัล ก็ตั้งความหวังเอาไว้อยู่แล้วว่านิยายภาพสุดทะเยอทะยานเรื่องนี้ จะได้ก้าวขึ้นสู่จอภาพยนตร์ และทลายรูปแบบของภาพยนตร์ที่สร้างจากเทพปกรณัมคลาสสิก ซึ่งบ่อยครั้งมักจะถลำลึกลงไปในเรื่องราวแฟนตาซี หรือแม้กระทั่งงานแอนิเมชั่น
นิยายภาพเรื่องนี้สร้างความสนใจให้กับ จอห์นสัน ครั้งแรกในระหว่างที่เขาได้เข้าไปเยือนสำนักงานของเรดิคัล “หนังสือการ์ตูนของพวกเขานำเสนอ เฮอร์คิวลิส ได้อย่างโดดเด่น ซึ่งดึงความสนใจของเราไปได้ทั้งหมด” จอห์นสันบอก “พวกเขาได้นำเอาตำนานเฮอร์คิวลิสสุดเท่ มาบิดเรื่องไปในแบบที่ทำให้เรื่องนี้มีพลังแบบร่วมสมัย กลายเป็น เฮอร์คิวลิส ในแบบที่คนดูไม่คุ้นเคย”
หลังจากนั้นไม่นาน แร็ทเนอร์ได้เข้ามาร่วมงานกับโปรเจ็กต์นี้ และเรดิคัล คอมิคส์ก็ตื่นเต้นกับการร่วมมือกันครั้งนี้ “กลับกลายเป็นว่าเบร็ทท์เป็นแฟนของ เฮอร์คิวลิส มาตั้งแต่ตอนสมัยเขายังเป็นเด็กแล้ว” เลวินเล่า “เขาได้นำเอาความกระตือรือร้นและความรักที่เขามีมาให้โปรเจ็กต์นี้ และเริ่มต้นรวบรวมความคิดสุดยอดเอาไว้มากมาย”
ไอเดียเหล่านั้นได้ผสมรวมกับไอเดียของทีมเขียนบท ไรอัน คอนดัล และอีแวน สพิลิโอโทพูลอส ซึ่งช่วยกันจับ เฮอร์คิวลิส ไปวางเอาไว้ในยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งพันธมิตรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ชัยชนะทางทหาร ความปั่นป่วนบาดหมางระหว่างชนเผ่า และความทะยานอยากของอาณาจักร มันคือโลกที่ต้องการอำนาจในตำนาน แต่ เฮอร์คิวลิส ไม่เชื่อว่าเขามีสิ่งเหล่านั้นอยู่
“บทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างตำนานของ เฮอร์คิวลิส ขึ้นมาอีกครั้ง” ฟลินน์ตั้งข้อสังเกต “เขาได้ปฏิเสธตำนานอันโด่งดังเกี่ยวกับตัวเขาเอง คุณจะเห็นเลยว่าเขาคือคนที่ใกล้จะยอมแพ้แล้ว แต่เขายังมีโอกาสสุดท้ายที่จะชะล้างความชั่วร้ายของตัวเอง และกลายมาเป็นคนที่สมบูรณ์อีกครั้ง”
เมื่อมี จอห์นสัน รับบทเป็น เฮอร์คิวลิส บทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เพิ่มมิติใหม่ๆ ขึ้น “เมื่อดเวย์นเข้ามารับบทนี้ เราเริ่มต้นดึงเอาความสนุกและความสามารถออกมาจากตัวเฮอร์คิวลิส” สพิลิโอโทพูลอสอธิบาย “เราอยากให้คนดูได้สนุกกับอารมณ์ขันของดเวย์น เสน่ห์ของเขา และความตื่นเต้นของหนังแอ็กชั่นซัมเมอร์ที่เกี่ยวกับเฮอร์คิวลิส”
จอห์นสันสรุปว่า “สำหรับผม โทนของ ‘Hercules’ ต้องออกมาเหมาะเจาะที่สุด ต้องหาสมดุลระหว่างอารมณ์ขัน ความอบอุ่น และความยิ่งใหญ่ รวมถึงแอ็กชั่นระดับมหากาพย์ให้ได้ ผมคิดว่าเราสามารถทำเช่นนั้นได้ และวางเรื่องนี้เอาไว้ในตัวละครที่สนุกสนานมาก ผมอยากให้ เฮอร์คิวลิส มีเสน่ห์เท่ๆ และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คนดูจินตนาการเอาไว้ว่าเขาเป็น”
ทีมนักแสดง และตัวละคร
เฮอร์คิวลิส/ ดเวย์น จอห์นสัน:
เขาเกิดมาเป็นลูกชายของซุส แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยล้าและกลายเป็นนักรบที่เป็นมนุษย์ปุถุชนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเศษซากสุดท้ายของชื่อเสียงอันขจรขจายของเขา จนกระทั่งเขาได้ค้นพบว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อมันผสมรวมเข้ากับศรัทธา
การจะทำให้เฮอร์คิวลิสมีเลือดเนื้อขึ้นมา รวมถึงต้องมีทั้งพลังมหาศาลและความเฉลียวฉลาด และเสน่ห์ที่ดึงดูดใจนั้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด เขาผู้นั้นก็คือ ดเวย์น จอห์นสัน ตัวของ จอห์นสัน เองนั้นก็คงเหมือนตำนานบทหนึ่งของกรีก เพราะเขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะฮีโร่ ที่ผันตัวเองจากการเป็นซูเปอร์สตาร์บนสังเวียนมวยปล้ำ WWE จนกลายมาเป็นพระเอกหนังแอ็กชั่น และยังเป็นหนึ่งในนักแสดงนำชายที่มีคนต้องการตัวมากที่สุด จอห์นสันไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติของตัวละครตัวนี้ครบถ้วน แต่เขายังมีความฝันที่จะได้เล่นเป็น เฮอร์คิวลิส มาตั้งแต่ยังเด็ก
“ดเวย์นเกิดมาเพื่อเล่นเป็น เฮอร์คิวลิส” ผู้กำกับแร็ทเนอร์บอก “และการทุ่มเทของเขาที่มีให้กับการแสดงเป็นเฮอร์คิวลิสก็น่าทึ่งมาก เขาฝึกตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวัน แน่นอน ดเวย์นเคยแสดงหนังแอ็กชั่นฟอร์มยักษ์มาแล้วมากมาย แต่ผมว่าเขายังไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน หนังเรื่องนี้มีฉากใหญ่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีการต่อสู้ และมีความสนุก แต่มันยังมีเรื่องราวในส่วนที่แสดงอารมณ์และความอบอุ่นหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ”
จอห์นสันเล่าว่า “ผมเติบโตมาพร้อมกับความชื่นชมในตัวเฮอร์คิวลิส และมันคือโปรเจ็กต์แรกที่ผมเคยคุยว่าผมอยากจะทำ ตอนที่ผมเริ่มก้าวเข้าสู่วงการฮอลลีวุ้ด ดังนั้นนี่จึงเป็นภาพยนตร์และบทที่ถูกเพาะบ่มเพื่อผมมานานหลายปีมากๆ”
“อีกอย่าง ผมอยากจะใส่ผ้าเตี่ยวมานานแล้ว” จอห์นสันกล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน
ทันทีที่โปรเจ็กต์นี้เริ่มดำเนินงานสร้าง จอห์นสันก็เริ่มต้นด้วยการฝึกเป็นระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งทำให้เขาต้องผ่านการลดน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อ และฟิตหุ่นที่มีความบึกบึนเป็นพิเศษของเขา รวมถึงยังต้องเพิ่มทักษะในการต่อสู้ให้มากขึ้นด้วย แต่เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องสร้างเฮอร์คิวลิสที่มีข้อบกพร่องในตัว เป็นเฮอร์คิวลิสที่ช่างประชดประชัน น่ากลัว เก่งในเรื่องการต่อสู้ตัวต่อตัว แต่เขากำลังตามหาเหตุผลที่จะกลายมาเป็นวีรบุรุษในแบบที่เขาเคยเป็นอีกครั้ง
“ในความคิดของผม คุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะได้แสดงเป็นเฮอร์คิวลิสที่ทุกคนชื่นชม ผมจึงอยากแน่ใจว่าเฮอร์คิวลิสที่ผมคิดเอาไว้ในหัว คือเฮอร์คิวลิสในแบบที่คนดูอยากจะเห็นบนจอจริงๆ” จอห์นสันอธิบาย “และนั่นก็คือการเป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ซึ่งผมรู้ดีว่าคงต้องการความแข็งแกร่งอย่างมาก ต้องมีการฝึกตามเงื่อนไข และต้องมีการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดด้วย”
เขากล่าวเสริมอีกว่า “การสร้างและรักษาความฟิตของร่างกายแบบนั้นเอาไว้ จำต้องมีความใส่ใจในรายละเอียดอย่างสูง บางครั้งคุณต้องลดการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หรือเพิ่ม หรือฝึกวันละสามรอบ หรือเพิ่มแคลอรี่เป็นวันละ 8,000 หรือต้องลดจำนวนแคลอรี่ลง มันคือความท้าทายอย่างมหาศาล แต่มันก็ควรเป็นความท้าทายในการจะเล่นเป็นเฮอร์คิวลิสให้ได้!”
สำหรับข้อเรียกร้องทางกายของบทนี้ ซึ่งยิ่งแสนสาหัสขึ้นไปอีกเมื่อจอห์นสันต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ก่อนหน้าที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้นเพียงไม่นาน จอห์นสันยังให้ความสนใจในเรื่องของการใส่อารมณ์ที่หลากหลาย รวมถึงเรื่องความ สัมพันธ์ที่เฮอร์คิวลิสต้องเจอ ขณะที่เขาเกิดความเข้าใจว่าเขาเป็นใครในฐานะที่เป็นกึ่งเทพกึ่งมนุษย์
“ตอนที่เราได้พบเขาครั้งแรก สำหรับเขาแล้วมันไม่สำคัญเลยว่าเขาจะเป็นลูกของซุสหรือไม่” จอห์นสันอธิบาย “สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับเขาก็คือ การแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด แต่
แอมเฟียราอุส / เอียน แม็คเชน:
ผู้พยากรณ์ แอมเฟียราอุส ได้เข้าร่วมกองทัพทหารรับจ้างของ เฮอร์คิวลิส โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตวิญญาณแอมเฟียราอุสที่บัดนี้มองเห็นนิมิตการตายของเขาที่กำลังจะมาเยือน ต่อสู้โดยไร้ซึ่งความกลัว เพราะเขาเชื่อว่ามันยังไม่ถึงเวลาตายของเขา และผู้ที่เข้ามารับบทสำคัญบทนี้ก็คือหนึ่งในนักแสดงที่น่าติดตามมากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบันอย่าง เอียน แม็คเชน นักแสดงเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ผู้เคยรับบทเป็น อัล สแวเรนเกน ในผลงานของ HBO เรื่อง “Deadwood” และยังเคยรับบทบาทเป็นตัวละครที่มีความหลากหลายทั้งในภาพยนตร์ตลกและภาพยนตร์แอ็กชั่น
“เอียดเป็นคนฉลาด ตัวละครของเขาเป็นคนที่ทำให้เฮอร์คิวลิสได้คิดว่า จงเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายของตัวเอง” แร็ทเนอร์กล่าว ขณะที่ จอห์นสัน กล่าวเสริมว่า “เอียนเดินเข้ามาและตีบทนี้แตกกระจุย”
แม็คเชนเกิดความสนใจตัวละครตัวนี้ในทันที “เขาเป็นคนที่บอกว่าอย่าได้โยนความผิดให้กับเทพเจ้าอันเนื่องจากการกระทำของมนุษย์ คุณต้องรับผิดชอบในชะตากรรมของตนเอง” แม็คเชนอธิบาย
เขายังสนใจในโอกาสที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงขาลุยที่มีความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่นด้วย “ภาพยนตร์เรื่องนี้เดินตามรูปแบบธรรมเนียมของภาพยนตร์คาวบอยและภาพยนตร์ซามูไร คุณมีกลุ่มคนนอกคอกที่แต่ละคนต่างมีหลักการของตัวเอง แต่พวกเขาต้องหาทางทำงานด้วยกันเป็นกลุ่ม” แม็คเชนตั้งข้อสังเกต “พวกเขาคือทหารรับจ้างที่ต่อสู้เพื่อเงิน แต่ตอนนี้พวกเขากลับพบหน้าที่ที่สูงส่งมากขึ้น”
การมารับบทเป็นชายผู้เชื่อมั่นในศรัทธา รวมถึงความเชื่อที่ว่าเขายังตายไม่ได้ คือความท้าทายที่น่าทึ่ง “แอมเฟียราอุสไม่กลัวเกรงสิ่งใด แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ใช่คนโง่” แม็คเชนกล่าว “ผมคิดว่าเขาอยากเตือนเฮอร์คิวลิสว่าพวกเขาสามารถทำเรื่องถูกต้องได้ทุกอย่าง”
ออโตไลคัส/ รูฟัส ซีเวลล์:
ออโตไลคัสอาจไร้ซึ่งความแข็งแกร่งแบบเฮอร์คิวลิส แต่เขาก็มีคุณสมบัติอื่นมาชดเชย นั่นก็คือ ปัญญาที่เฉียบคมของเขา ทำให้เขากลายเป็นผู้วางกลยุทธของเฮอร์คิวลิส รูฟัส ซีเวลล์ นักแสดงชายชาวอังกฤษที่เมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งมีบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Abraham Lincoln: Vampire Hunter” รับบทเป็นสหายคู่ใจของเฮอร์คิวลิส
“ออโตไลคัสและเฮอร์คิวลิสคอยเฝ้าระวังภัยให้กัน” ซีเวลล์อธิบาย “พวกเขามีการสื่อสารที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด พวกเขามักจะทำงานด้วยกัน นั่นคือความภาคภูมิของออโตไลคัส ซึ่งเขารู้จักเฮอร์คิวลิสดีกว่าคนอื่น”
ในเวลาเดียวกัน ออโตไลคัสก็มีด้านที่ซีเวลล์พบว่าสนุกสนานมาก “เขาเป็นพวกที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง” ซีเวลล์สารภาพ “เขาเป็นพวกช่างประชดประชัน และมีอารมณ์ขันกับเฮอร์คิวลิส เขาไม่เพียงแต่เป็นมันสมองของปฏิบัติการนี้เท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่คิดเกี่ยวกับเงินทอง เขาเป็นคนที่มีจิตใจดี แต่บ่อยครั้งที่เขาเก็บซ่อนมันเอาไว้”
ในการทำศึก ออโตไลคัสยังใช้ประโยชน์จากคมดาบให้มาเป็นข้อได้เปรียบ ซึ่งสำหรับซีเวลล์ มันหมายความว่าเขาต้องเริ่มฝึกตั้งแต่วินาทีที่เขาตัดสินใจรับบทนี้ “คุณรู้ว่าจะต้องมีการฝึกเยอะมากแน่ๆ เมื่อคุณต้องยืนอยู่ข้างๆ ดเวย์น จอห์นสัน และต้องทำให้ทุกคนเชื่อว่าพวกคุณอยู่สปีชี่เดียวกัน” ซีเวลล์กล่าวติดตลก “ผมฝึกต่อสู้ ยกน้ำหนัก และฝึกการใช้อาวุธ เพราะเราเป็นทหารรับจ้าง การต่อสู้ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีเยอะมาก ไม่ค่อยได้เต้นฟุตเวิร์กเท่ๆ กันหรอก ขณะเดียวกัน สิ่งที่ผมชอบมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ มันมีทั้งอารมณ์ขันและความเป็นมนุษย์ปุถุชน”