ผู้รู้คนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า ถ้ามีทางแยกบนถนนล่ะก็ ให้เลือกทางแยกนั้น
แต่เขากลับไม่บอกว่าจะต้องหันไปทางไหน

หญิงสาวสวยชาวสโลวาเกียกำลังอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพด้วยความวิตกกังวลในงานใหม่ของเธอ เมียร์ก้า (ลูเซีย ซิโปโซวา) กำลังถูกถ่ายภาพโดยแมงดาจอมเจ้าเล่ห์ชาวออสเตรีย ร็อกโก้ (โยฮันส์ คริสช์) สำหรับโปรไฟล์ออนไลน์การเป็นเอสคอร์ทสาวของเธอ แอนนา น้องสาวเธอ (กาเบรียลลา มาร์ซินโควา) ผู้สนใจแต่การอ่านหนังสือ นั่งสังเกตการณ์เงียบๆ เป็นฉากหลัง
ไมเคิล เดลี (จู๊ด ลอว์) นักธุรกิจชาวอังกฤษ จะได้เป็นลูกค้าคนแรกของเมียร์ก้า แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังจะได้พบกันในบาร์ของโรงแรม เขาก็ถูกรบกวนโดยเซลส์แมนชาวเยอรมัน (มอริทซ์ เบลบโทร) ผู้อยากจะคุยเรื่องธุรกิจกับเขา เซลส์แมนหนุ่มสังเกตเห็นเมียร์ก้านั่งอยู่ที่บาร์ตามลำพังและเล็งเห็นว่าเธอเป็นโสเภณี ไมเคิล ที่รู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ตัวว่า การใช้ค่ำคืนนี้กับเธอไม่ใช่เส้นทางที่เขาอยากจะเลือก เขาจึงตัดสินใจเดินจากบาร์ไปตามลำพัง เซลส์แมนชาวเยอรมันรู้ว่าไมเคิลได้เรียกใช้บริการของเมียร์ก้าและแบล็คเมล์เขาให้เซ็นสัญญากับบริษัทของเขา
ไมเคิลกลับไปลอนดอน สู่ภรรยาของเขา โรส (ราเชล ไวซ์) และลูกสาวตัวน้อย โรสมีสัมพันธ์สวาทกับช่างภาพหนุ่มชาวบราซิล รุย (จูเลียโน คาซาร์เร) แต่เธอก็ตัดสินใจว่าเธอจะต้องยุติความสัมพันธ์นี้ ในขณะเดียวกัน ลอรา (มาเรีย ฟลอร์) แฟนสาวชาวบราซิลของรุย ได้พบว่าเขานอกใจและเมื่อเขากลับไปที่แฟลทที่เขาใช้ชีวิตร่วมกับเธอ เธอก็จากเขาและกลับไปบราซิลแล้ว
ในปารีส พ่อหม่ายผู้อ้างว้างชาวอัลจีเรีย (จาเมล เด็บบูซ) ต้องสู้กับความปรารถนาที่เขามีต่อลูกจ้างที่แต่งงานแล้วของเขา หญิงชาวรัสเซียที่มีชื่อว่าวาเลนตินา (ไดนารา ดรูคาโรวา) และความศรัทธาที่เขามีต่อศาสนาอิสลาม เขาขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากอิหม่ามของเขาและนักบำบัด ขณะที่เขาดิ้นรนกับความขัดแย้งภายในใจ
ลอรา ที่หัวใจสลาย ตัดสินใจที่จะดื่มเหล้าจนเมาระหว่างไฟลท์บินกลับบ้านและได้คุยกับชายชราชาวอังกฤษ (แอนโธนี ฮ็อปกินส์) ที่นั่งข้างเธอ เขาอธิบายว่าลูกสาวของเขาหายตัวไปหลายปีแล้วและเขาก็กำลังเดินทางไปฟินิกซ์เพราะมีการค้นพบศพที่มีลักษณะตรงกับเธอ พวกเขาไปถึงในเดนเวอร์แต่พายุหิมะรุนแรงทำให้พวกเขาต้องติดอยู่ที่นั่นและเที่ยวบินทุกเที่ยวในคืนนั้นก็ต้องถูกเลื่อนออกไป
ท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่นๆ คือชายหนุ่มชาวอเมริกัน ไทเลอร์ (เบน ฟอสเตอร์) นักโทษคดีทางเพศที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจากคุกและอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน เขารู้สึกวิตกจริตในที่สาธารณะชนและโทรหาฟราน (มารีแอนน์ ฌอน-แบ็บติสท์) นักจิตวิทยาจากคุกของเขา เพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะที่เขากลับไปที่ร้านอาหารในสนามบิน เขาก็พบลอรานั่งรอชายชราอยู่ที่โต๊ะของเขา
สิ่งที่ชายชาวอัลจีเรียไม่รู้คือวาเลนตินาไร้ความสุขในชีวิตคู่ของเธอและเธอก็มีความรู้สึกที่รุนแรงกับเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้สึกกับเธอ เมื่อเธอกลับสู่ปารีสจากการไปเยี่ยมน้องสาวในฟินิกซ์ เธอก็พบว่าเซอร์เจ สามีชาวรัสเซียของเธอ (วลาดิเมียร์ วโดวิเชนคอฟ) กำลังจัดทริปธุรกิจไปเวียนนาสำหรับหัวหน้าผู้ร่ำรวยของเขา (มาร์ค อิวาเนียร์) ซึ่งรวมถึงการไปรับเขาจากสนามบินในรถคันหรู ถือปืนให้เขาและจองตัวโสเภณีให้เขา ระหว่างรออยู่ในรถด้านนอกโรงแรมในเวียนนา เขาได้พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ และพวกเขาก็พูดคุยกันในทันที
พวกเขาทุกคนต่างก็มีสายสัมพันธ์กัน


360 เป็นภาพรวมที่ทันสมัยและมีสไตล์ของความรักและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงตัวละครจากเมืองและประเทศต่างๆ ในเรื่องราวที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้ง ตื่นเต้นและเจิดจ้าของชีวิตที่โรแมนติกในศตวรรษที่ 21 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เริ่มต้นในเวียนนา ได้ร้อยเรียงผ่านปารีส ลอนดอน บราทิสลาวา ริโอ เดนเวอร์และฟินิกซ์จนกลายเป็นเรื่องราวหนึ่งเดียวที่ตราตรึงใจได้อย่างงดงาม
360 กำกับโดย เฟอร์นันโด เมอเรลเลส ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ (City of God, The Constant Gardener, Blindness) บทภาพยนตร์โดย ปีเตอร์ มอร์แกน ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล ออสการ์ (Frost/Nixon, The Queen, The Last King of Scotland) นำแสดงโดยทีมนักแสดงจากทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยนักแสดงชื่อดังของโลกและนักแสดงดาวรุ่งจากประเทศของพวกเขา
ทีมนักแสดงได้แก่นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ แอนโธนี ฮ็อปกินส์ (Thor, The Rite, Silence of the Lambs), ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ จู๊ด ลอว์ (Sherlock Holmes, Cold Mountain, The Talented Mr. Ripley) และ เมอเรลเลส ก็ได้กลับมาร่วมงานกับนักแสดงหญิง ราเชล ไวส์ (Dream House, The Whistleblower, Agora) อีกครั้ง หลังจากการร่วมงานกันใน The Constant Gardener ซึ่งเธอได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นอกจากนั้น นักแสดงของเรื่องนี้ยังรวมถึง เบน ฟอสเตอร์ (The Mechanic, The Messenger, 3.10 to Yuma), จาเมล เด็บบูซ (Out of Law, Asterix and Obelix meet Cleopatra, Amelie), มารีแอนน์ ฌอน-แบ็บติสท์ (ซีรีส์ Without a Trace, Takers, Secrets and Lies), มอริทซ์ เบลบโทร (The Baader Meinhof Complex, Run Lola Run), ไดนารา ดรูคาโรวา (Gainsbourg), วลาดิเมียร์ วโดวิเชนคอฟ ดาราเจ้าของผลงานภาพยนตร์กว่า 40 เรื่องในรัสเซีย ประเทศบ้านเกิดของเขา, มาเรีย ฟลอร์, มาร์ค อิวาเนียร์, โยฮันส์ คริสช์, จูเลียโน คาซาร์เร, ลูเซีย ซิโปโซวา และ กาเบรียลลา มาร์ซินโควา
360 อำนวยการสร้างโดยแอนดรูว์ อีตันและเดวิด ลินด์ ร่วมด้วยเอ็มมานูเอล ไมเคิล, แดนนี ครอยซ์, คริส แฮนลีย์, มาร์ค มิสซอนเนียร์และโอลิเวียร์ เดลบอสช์ และมีทีมงานเบื้องหลังจากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงผู้กำกับเอเดรียโน โกลด์แมน (Jane Eyre, Sin Nombre), ผู้ออกแบบงานสร้าง จอห์น พอล เคลลี (The Guard, The Other Boleyn Girl) และมือลำดับภาพ แดเนียล เรเซนเด้ (Tree of Life, City of God) และดนตรีที่แต่งโดยเซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์
ยูไนเต็ด โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ ขอเชิญคุณมาร่วมค้นหาคำตอบของเรื่องราวเหล่านี้ได้ 19 เมษายนนี้ ที่โรงภาพยนตร์ Apex Siam Square และ SF World Cinema
เรื่องย่อ
360 เป็นภาพรวมที่ทันสมัยและมีสไตล์ของความรักและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงตัวละครจากเมืองและประเทศต่างๆ ในเรื่องราวที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้ง ตื่นเต้นและเจิดจ้าของชีวิตที่โรแมนติกในศตวรรษที่ 21 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เริ่มต้นในเวียนนา ได้ร้อยเรียงผ่านปารีส ลอนดอน บราทิสลาวา ริโอ เดนเวอร์และฟินิกซ์จนกลายเป็นเรื่องราวหนึ่งเดียวที่ตราตรึงใจได้อย่างงดงาม
จากการตัดสินใจที่เรียบง่ายของชายคนหนึ่ง ที่จะซื่อตรงต่อภรรยาของเขา ได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งสั่นสะเทือนไปทั่วโลกด้วยผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ และท้ายที่สุดก็นำ 360 กลับมาสู่สถานที่แห่งการตัดสินใจครั้งแรกของเขา
360 ถูกคิดและเขียนขึ้นท่ามกลางฉากหลังของวิกฤตการณ์ธนาคารของโลก โดมิโนเอฟเฟ็กต์ของการประท้วงของชาวอาหรับ ภัยคุกคามของไข้หวัดนกและการไร้เสถียรภาพของยูโรโซน พูดง่ายก็คือ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้วว่าโลกเราเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
จากช่วงเวลาโรแมนติก งดงาม ยกระดับจิตใจไปสู่ช่วงเวลาขัดแย้ง สับสน ไร้ซึ่งความหวัง ตัวละครแต่ละตัวใน 360 ต่างก็มีช่วงเวลาที่โศกเศร้า ตลก บันเทิง และเจิดจ้าของตัวเองขณะที่เรื่องราวของพวกเขาร้อยเรียงและสอดประสานกันไปทั่วโลก
ด้วยการแสดงความคารวะต่ออาร์เธอร์ ชนิทซ์เลอร์ นักเขียนบทละครชาวเวียนนาและ Der Reigen ผลงานคลาสสิกเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนของเขา 360 ได้พาผู้ชมไปสู่การเดินทางที่บรรจบที่จุดเริ่มต้นของความเชื่อมโยงที่โรแมนติก ข้ามพรมแดนแปดประเทศ และแสดงในเจ็ดภาษา
พวกเราทุกคนต่างก็มีสายสัมพันธ์กัน
จากหน้ากระดาษสู่หน้าจอ
ฉันคิดว่าฉันกำลังถามว่า
ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอด
เพื่อถามคำถามเหล่านี้หรือ
ใจกลางของ 360 คือธีมของความรัก พวกเราทุกคนต่างก็มีทางเลือกและพวกเราทุกคนต่างก็ตัดสินใจ แต่เราจะมีโอกาสซักกี่ครั้ง เราจะเลือกเส้นทางไหนกัน จะหันขวา แล้วมาหักซ้ายในวินาทีสุดท้าย แล้วถ้าสิ่งที่เราตัดสินใจไปถูกเปลี่ยนแปลงด้วยการกระทำของอีกคนหนึ่งล่ะ การกระทำของเราซักกี่ครั้งที่มาจากความปรารถนาดีเพื่อคนอื่น หรือในระดับที่ลึกลงไป มันเป็นการกระทำตามความต้องการและความปรารถนาลับๆ ของเรากันแน่ เรามาถึงจุดที่เรายืนอยู่ในทุกวันนี้ได้อย่างไร ชีวิตของเราเป็นเครือข่ายสายใยของความบังเอิญ หรือทั้งหมดถูกกำหนดมาสำหรับเราแล้ว
360 เป็นการบอกเล่าถึงความเชื่อมโยงสัมพันธ์ของโลกและการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ใช่เพียงผ่านอินเทอร์เน็ตมหัศจรรย์ที่เชื่อมโยงกับทั้งโลกเท่านั้น ไอเดียของปีเตอร์ มอร์แกนสำหรับบทภาพยนตร์ดั้งเดิมเกิดขึ้นขณะที่วิกฤติการณ์ทางการเงินแพร่กระจายจากประเทศหนึ่งไปสู่ประเทศหนึ่ง ทิ้งให้ธนาคารและรัฐบาลต้องล้มระเนระนาดราวกับโดมิโน และไข้หวัดนกที่คุกคามไปทั่วในแบบที่ทำให้แต่ละมุมโลกเชื่อมโยงสัมพันธ์กับอีกมุมโลก
มอร์แกน มือเขียนบทหลายรางวัล ด้วยบทภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นและถ่ายทำในโลเกชันต่างๆ ทั่วโลก ได้ใช้เวลาจำนวนมากอยู่กับการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางระหว่างเวียนนา ลอนดอน นิวยอร์กและลอสแองเจลิส ขณะที่เขาอธิบาย ชีวิตของเขาท่ามกลางเหตุการณ์ทั่วโลกที่เขาเฝ้ามองได้ส่งอิทธิพลต่อรากฐานของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ “ในหลายๆ แง่มุม 360 เป็นภาพสะท้อนวิธีการใช้ชีวิตและการที่ผมใช้เวลานานเกินไปในสนามบินและในการเดินทาง ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความมึนงงของอาการเจ็ทแล็กและจินตนาการชีวิตในเมืองทั้งสี่เมืองที่เป็นศูนย์กลางเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยชุมชนหลากเชื้อชาติ แล้วผสมผสานมันเข้ากับผลของอินเทอร์เน็ต คุณจะอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นถึงการที่พรมแดนถูกทำลายและชีวิตในศตวรรษที่ 21 กลายเป็นชุมชนหนึ่งเดียวทั่วโลก ผมอยากจะเขียนสิ่งที่จะสะท้อนเรื่องนั้นและความจริงที่ว่าการกระทำทุกอย่างจะมีผลลัพธ์ตามมา ความจริงที่ว่าการกระทำด้านเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง หรือธนาคารหนึ่งหรือรัฐบาลประเทศหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อคนอื่นอย่างมาก ความจริงที่ว่าคนๆ หนึ่งที่มีไวรัสในนิวยอร์กได้ขึ้นเครื่องบินแล้วนำไวรัสนั้นไปติดคนอีกคนในมองโกเลียอีก 24 ชั่วโมงให้หลัง ความจริงที่ว่าราคาหุ้นตกในโตเกียวทำให้คนตกงานในสต็อคโฮล์ม การที่คนเล่นโป๊กเกอร์ออนไลน์กับคนที่อยู่ในคนละไทม์โซนและคนละประเทศ ถึงขั้นที่พวกเราจะกลายเป็น หรือกลายเป็นชุมชนเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมอยากจะเขียนเรื่องราวที่สะท้อนเรื่องนั้น แต่ผมไม่อยากเขียนมันตรงๆ ผมอยากจะเขียนให้มันในเชิงเปรียบเทียบ และอะไรจะเป็นหัวเรื่องที่จะถ่ายทอดเรื่องราวนี้ได้ดีไปกว่าความรัก โรแมนซ์ เซ็กส์และความสัมพันธ์ล่ะครับ”
เดวิด ลินด์ ผู้อำนวยการสร้างและผู้บริหารที่ได้รับการยกย่องทั่วโลก ผู้รับผิดชอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเชิงรายได้ และได้รับรางวัลมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับทีมผู้สร้างที่มีพรสวรรค์ที่สุดของโลก รู้ว่าเขาจะต้องส่งบทเรื่องนี้ไปให้ใครในตอนที่บท 360 มาถึงมือเขา ลินด์อธิบายว่า “ผมก็เหมือนกับอีกหลายๆ คนที่ประทับใจกับ City of God ของเฟอร์นันโด เมอเรลเลส ตอนนั้น ผมกำลังบริหารโฟกัส ฟีเจอร์สและพยายามทำทุกทางเพื่อหาวิธีที่จะได้ทำงานกับผู้กำกับที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับสิ่งที่เราพยายามจะทำที่โฟกัส ซึ่งก็คือการให้ความสำคัญกับผู้กำกับ ผู้ซึ่งมุมมองที่มีต่อเนื้อหา เป็นตัวกำหนดเรื่อง The Constant Gardener พิสูจน์ถึงโอกาสนั้นและมันก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้เห็นหนังเรื่องนั้นมีชีวิตชีวาในมือของเขา เมื่อผมได้อำนวยการสร้าง 360 ผมก็ส่งบทนี้ไปให้เขาเพราะความสนใจที่เขามีต่อมนุษย์และวัฒนธรรมทั่วโลกและวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อกัน ผมคิดถึงเฟอร์นันโดว่าเป็นผู้กำกับที่แคร์ตัวละครของเขาและเขาก็มีความสามารถที่เหลือเชื่อที่ทำให้พวกเขาให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวสำหรับความสนใจ ความกลัวและอารมณ์ของเรา ใน 360 เราเข้าถึงประสบการณ์ของตัวละครแต่ละตัวจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษสุดเหลือเกิน”
360 ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ครอบคลุมหลายทวีปและภาษาพูดเจ็ดภาษา ขณะที่เรื่องราวได้ร้อยเรียงและสอดประสานกัน ได้พบผู้กำกับที่เพอร์เฟ็กต์ในตัวของเฟอร์นันโด เมอเรลเลส เขาได้รับเสียงวิจารณ์ยกย่อง รางวัลมากมายและการยอมรับไปทั่วโลกจากสไตล์การถ่ายทำที่เน้นภาพของเขานับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์เรื่อง City of God ของเขาเข้าฉายและทำให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความเจ็บปวดและความงดงามของชีวิตในสลัมของประเทศบราซิล ที่บอกเล่าผ่านชีวิตของเด็กหนุ่มสองคน นี่เองที่ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เพอร์เฟ็กต์ที่จะกำกับ 360 ด้วยความเฉลียวฉลาด พลังงานและความกระตือรือร้น และความเข้าใจที่เขามีต่อความเป็นมนุษย์ ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถนำความสมจริงมาสู่ชีวิตร่วมสมัยของตัวละครหลักเหล่านี้ได้
สิ่งที่ทำให้เมอเรลเลสสนใจคือบทภาพยนตร์ที่มอร์แกนได้เขียนขึ้นและความจริงที่ว่า ในสายตาของเขา มีธีมสำคัญที่เชื่อมโยงตัวละครเหล่านี้เข้าด้วยกัน อย่างที่เขาอธิบายว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่เชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกันสำหรับผม และสิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับพวกเขาคือพวกเขาเป็นคนที่พยายามทำอย่างดีที่สุด พยายามทำในสิ่งที่ดีและเป็นคนดี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เสมอไป มันหมายความว่านี่เป็นเรื่องราวที่มีความเป็นมนุษย์มากๆ เพราะมันเป็นเรื่องของแรงกระตุ้นและความปรารถนา และความจริงที่ว่าบางครั้ง สิ่งที่อยู่ข้างในตัวคุณสามารถนำพาคุณไปยังอีกทิศทางหนึ่งได้ ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องน่าทึ่งและผมก็อยากจะสำรวจมันครับ”
สำหรับแอนดรูว์ อีตัน ผู้อำนวยการสร้างอิสระเจ้าของรางวัลต่างๆ ผู้ได้รับการยกย่องและยอมรับจากการหาโปรเจ็กต์ท้าทายมาสู่จอแก้วและจอเงิน อธิบายว่า มันเป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันที่ซิกแซกไปทั่วโลก และตัวละครและสถานการณ์ที่แตกต่างสำหรับแต่ละคนเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้ชมได้เชื่อมโยงกับตัวละครอย่างน้อยหนึ่งคนในทางใดทางหนึ่ง “ผมคิดว่าคนจะได้เห็นส่วนหนึ่งของตัวเองในตอนที่พวกเขาได้ดูหนังเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่พวกเขาเคยเจอในชีวิต และผมคิดว่าความปกตินั้น ที่ถูกบอกเล่าในลักษณะที่ยิ่งใหญ่ คือสิ่งที่มีเสน่ห์ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความหวัง ว่าไม่ว่าเราจะเคยทำผิดพลาดอะไรมาในความสัมพันธ์ของเรา ชีวิตก็ดำเนินต่อไปครับ”
กระบวนการเขียนบทจากไอเดียเริ่มแรกไปจนถึงผลสุดท้ายเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจตามสัญชาตญาณและมอร์แกนก็ได้อธิบายว่าตัวบทเองก็กลายเป็นการเดินทางสำหรับเขาขณะที่เขาพัฒนาความสัมพันธ์หลายคู่ที่นำเค้าโครงจากสังคมยุคใหม่ “การเดินทางของคุณในตอนที่คุณเขียนบทและการเปลี่ยนแปลงทิศทางและถนนที่มีทางแยก ผมชอบเรื่องแบบนั้นครับ ผมมักจะไปในเส้นทางที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
อีตันสังเกตการร่วมงานกันระหว่างเมอเรลเลสและมอร์แกนและเขาก็พูดถึงมันว่าเป็นกระบวนการเติบโต ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน ที่ปรากฏบนหน้าจอขณะที่เรื่องราวค่อยๆ มีชีวิตขึ้นมา “การดูกระบวนการระหว่างเฟอร์นันโดและปีเตอร์เป็นเรื่องน่าทึ่งสำหรับผมเพราะปีเตอร์เป็นนักเขียนอัจฉริยะและด้วยเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันแบบนี้ ผมก็คิดว่าเฟอร์นันโดได้ยกระดับมันขึ้นไปอีก ถ้าคุณดูผลงานของเขา อย่าง City of God และ Constant Gardener คุณจะเห็นได้ว่าพวกมันมีโครงสร้างที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ที่กลับไปกลับมา และสำหรับ 360 เฟอร์นันโดก็ได้ทำอย่างเดียวกันด้วยความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เช่นการคุณจะไม่ได้รู้ว่าโรสแต่งงานแล้วก่อนที่คุณจะได้เห็นเธอมีเซ็กส์กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ดังนั้น เขาจะเน้นย้ำถึงความแปลกใจ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดีครับ”
สำหรับเมอเรลเลส การตัดสินใจที่จะกำกับภาพยนตร์ซับซ้อน เปราะบางเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ซึ่งนำพาผู้ชมไปในหลายทิศทางเกิดขึ้นจากความแตกต่างมากมายระหว่างเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งทำให้เขาตื่นเต้น รวมถึงมันยังเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้เล่นกับแนวและฉากต่างๆ ภายในภาพยนตร์เรื่องเดียวด้วย เขาอธิบายว่า “มีโทนที่หลากหลายในเรื่อง และผมก็คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบเพราะเรื่องราวของราเชล ไวซ์และจู๊ด ลอว์เป็นเรื่องของสามีภรรยาที่มีการนอกใจ มันไม่ได้เป็นโรแมนซ์แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่โรแมนติกมากกว่าน่ะครับ แล้วเราก็มีความรักเล็กๆ ระหว่างจาเมล เด็บบูซและไดนารา ดรูคาโรวาในปารีส มันเป็นหนังโรแมนติกที่เศร้ามากๆ แล้วเราก็มีทริลเลอร์นิดๆ ในเวียนนากับพวกรัสเซียและปืน ที่มีคนไล่ล่ากัน มีคอเมดีนิดๆ กับมอริทซ์ เบลบโทร สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือทุกเรื่องราวใหม่ ทุกครั้งที่ผมเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนังอีกเรื่อง หรือเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป ตอนที่ผมถ่ายทำที่ปารีส ผมบอกเล่าเรื่องเศร้า และในเวียนนา มันก็มีแอ็กชันมากมาย ดังนั้นมันก็เลยเป็นฐานที่ต่างกันออกไป ซึ่งผมก็มีความสุขกับมันมากครับ”
มอร์แกนอธิบายว่า สิ่งที่เขาหวังคือการตระหนักถึงประสบการณ์ร่วมกันของมนุษย์ชาติจะเกิดขึ้นระหว่างการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ “ผมสนับสนุนตัวเองให้ทำการเสี่ยงเวลาเขียนงานเสมอเพราะผมเชื่อว่าการดิ้นรนและอารมณ์ของมนุษย์ มันเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนมีร่วมกัน และผมก็คิดว่าความรู้สึกที่ผมมี การดิ้นรนที่ผมเคยเจอก็เป็นสิ่งที่คุณรู้สึกเหมือนกัน ผมมักจะตกใจว่าผมจะนึกถึงสถานการณ์ยากลำบากของตัวเองหรือสถานการณ์ลำบากใจว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เลยและคุณก็รู้ว่าเราทุกคนต่างก็เคยเจอเรื่องต่างๆ มาเหมือนๆ กัน เราต่างก็เจอกับสถานการณ์ยากลำบากมาเหมือนๆ กันครับ”
สำหรับลินด์ 360 แสดงให้เห็นว่าคนเรามองหาวิธีที่จะเชื่อมโยงกันในโลกสมัยใหม่ยุคปัจจุบันอย่างไร โดยเขาอธิบายว่า “มันค่อนข้างจะชัดเจนว่าเราสนใจกันและกันมากกว่าแต่ก่อน Facebook เป็นตัวอย่างสำคัญ หนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องนั้นได้อย่างงดงาม การค้นพบและการมีประสบการณ์ และตัวละครเหล่านี้ก็กล้าหาญและสร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง ในการค้นหาหนทางที่จะรักกันและกันและรักตัวเองในโลกที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โลกของเราน่ะครับ”