enjoyjam.net
ภาพยนตร์ => ข่าวภาพยนตร์ => Topic started by: FB on February 23, 2012, 05:19:20 PM
-
ค่ายใบโพธิ์โชว์เซอร์ไพรส์ส่ง “แดน วรเวช” เขียนบท-กำกับ“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”







ค่ายใบโพธิ์โชว์เซอร์ไพรส์ส่ง “แดน วรเวช” เขียนบท-กำกับ“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ประกบ “แพทตี้-อังศุมาลิน” หวานใจในชีวิตจริง พร้อม บีมกวี และ นุช นีรนาท บวงสรวงเปิดกล้องหนังรักเรื่องใหม่อย่างเป็นทางการ
เซอร์ไพรส์เลยทีเดียวสำหรับงานเปิดกล้องบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์รักโรแมนติคเรื่องใหม่ล่าสุด พร้อมแนะนำผู้กำกับใหม่ถอดด้ามของ “สหมงคลฟิล์ม” ที่มีชื่อคุ้นๆ ว่า “แดน วรเวช ดานุวงศ์ โดยมี “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” นั่งแท่นโปรดิวเซอร์ ซึ่งงานนี้หนุ่มแดนไม่รอช้าจัดพิธีบวงสรวงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงสายๆ ของวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ. บริษัทบาแรมยู จำกัด ลาดพร้าว 60 พร้อมกับเปิดตัวเหล่านักแสดงนำซึ่งประกอบไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น บีม-กวี ตันจรารักษ์ เพื่อนรุ่นพี่สนิทสนมและรู้จักกันมาเป็นสิบปีในฐานะสมาชิกวงดีทูบี พร้อมด้วยนางแบบสาวลูกครึ่งอังกฤษสุดเซ็กซี่ นุช-นีรนาท วิคตอเรีย โคทส์ แถมได้นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง เจี๊ยบ นนทิยา จิวบางป่า, ตึ้ง-ธนศักดิ์ อุ่นอ่อน นักพากย์มากฝีมือรวมถึงเพื่อนๆ นักแสดง แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ คือได้หวานใจในชีวิตจริงอย่าง แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ที่มาประกบบทบาทคู่กันแบบเต็มๆ ตัวเป็นครั้งแรก ซึ่งงานนี้ เอ๋-อวิกา เตชะรัตนประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดอาวุโส และจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด 2 ผู้บริหารสาวจากค่ายสหมงคลฟิล์มฯ และสุกัญญา วงษ์สถาปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมทำพิธีด้วย
โดยงานนี้ทาง ปรัชญา ปิ่นแก้วเอง โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ได้การันตีถึงความเป็นคนมี “ของ” และ “ความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัว”ในสายงานภาพยนตร์ที่นอกเหนือจากการเป็นศิลปิน และนักแสดงการันตีว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสะท้อนเสน่ห์ความสามารถและตัวตนของแดนที่หลายคนอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อนที่รับรองว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน ในขณะที่ผู้กำกับใหม่แกะกล่องอย่าง แดน วรเวช เผยถึงความรู้สึกที่ได้ทำงานครั้งนี้หลังจากบ่มเพาะและเตรียมตัวกับโปรเจ็คต์มาอย่างยาวนานและได้เข้าไปมีส่วนร่วมในทุกๆ ด้านเลยทีเดียว
“การเตรียมงานเรื่องนี้ก็ทำเต็มที่ให้ดีที่สุดครับ จริงๆ ที่ผ่านมาก็จะมีการเวิร์คช็อปเยอะหน่อยเวลาถ่ายจริงจะได้ไม่มีปัญหา แล้วก็มีการเตรียมงานด้านอื่นนอกเหนือจากการกำกับหรือแสดง ก็เข้าไปดูตั้งแต่ลุคส์เสื้อผ้าหน้าผมของแต่ละตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น 4 ตัวหลักของผมเอง, แพทตี้, นุชและพี่บีม รวมไปถึงทุกๆ ตัวละครก็ทำทุกอย่างให้เต็มที่นะครับ ก็ยังไงผมก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ด้วยนะครับ พวกเรานักแสดงก็เต็มที่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดหวังว่าคนที่มีโอกาสได้ชม ก็คงจะมีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ”
สำหรับ“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่แอบหลงรักหญิงสาวในดวงใจ แต่ความรักของเขาจะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยถ้าไม่ได้ตัวช่วยซึ่งคือหญิงสาวอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนในขณะที่ตัวเพื่อนสาวเองก็จะมีคนรักเป็นชายหนุ่มที่ทุกอย่างในชีวิตต้องเพอร์เฟ็คต์ และเรื่อราวทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเส้นทางความรักของคนทั้งสี่ที่เดินเข้ามาบรรจบกันก็เกิดเรื่องราวชุลมุนจนเกิดคำถามถึงความลงตัวของ “จังหวะความรัก” ว่าเราจะรัก “คนที่ใช่ในวันที่ผิด” ได้ไหมนะ
เตรียมตัวพบกับคำตอบของหัวใจ ที่เกิดขึ้น ภายในเวลา 2 คืน 3 วัน ตั้งแต่ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ได้เร็วๆ นี้
-
“แดน” หวังคนดูมีความสุขยอมหยุดงานเพลง เขียนบท-กำกับ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” หนังเรื่องแรกในชีวิต



ปิดกล้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แบบเต็มเนื้อเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตของ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในแวดงวงบันเทิงมาเกือบครบทุกด้าน ทั้งในฐานะนักร้อง, นักแสดง, นักแต่งเพลง, นักเขียน, โปรดิวเซอร์ ฯลฯ ชนิดที่ว่าตลอด 12 ปีมีความฝันตลอด และฝันครั้งล่าสุดของเขาคือได้ทำหนังที่ตัวเองรัก ซึ่งแน่นอนว่างานนี้เจ้าตัวยอมรับว่างานกำกับภาพยนตร์เป็นงานที่เหนื่อยมาก ดึงพลังงานในตัวของเขาออกไปแทบหมดตัวชนิดที่ว่าทุกวันที่กลับจากกองถ่ายไม่ต้องทำกิจกรรมใดๆ เพิ่มเติมเลยเว้นเสียแต่การสลบไสลไปบนเตียงนอน เพื่อชาร์จไฟให้ตัวเองก่อนที่จะต้องตื่นตี 5 ตะลุยกองถ่ายต่อ และเป็นอย่างนี้ตลอดระยเวลา 4-5 เดือนที่ชีวิตผูกผันกับการถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปก็เกือบ 3 ปีที่หนุ่มแดนตัดสินใจว่าจะขอทุ่มเทไอเดียความคิดทั้งหมด สานฝันการเริ่มต้นทำงานในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์จนตัดสินใจศึกษา เรียนรู้ วิธีการขั้นตอนต่างๆ ในการกำกับภาพยนตร์ รวมไปถึงตะลุยกำกับมิวสิควิดีโอ และกำกับภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ “บันทึกกรรม” และใช้เวลา1ปีในการเขียนบทภาพยนตร์ในแนว HAPPY COMEDY ROMANTIC เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ขึ้นมา โดยงานนี้ยอมแลกกับการหยุดทำงานเพลงอีกหนึ่งงานที่ตนรักเพื่อมาสานฝันในงานกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัว
“ปิดกล้องแล้วครับ ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งความฝันที่แดนเต็มที่และตั้งใจมากๆ ก็คิดมาแล้วว่าอยากทำงานในส่วนตรงนี้ก็ 3-4 ปีมาแล้ว ก็ไปรวบรวมทักษะวิทยายุทธ์ (หัวเราะ) ฝึกปรือตั้งแต่กำกับมิวสิควิดีโอ ไปจนถึงลองกำกับภาพยนตร์บันทึกกรรมเพื่อที่ว่าวันที่เราทำหนังของเราเองเต็มๆ ตัวจะได้เห็นปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ก่อนที่จะไปลงสนามจริง ก็ใช้เวลาเขียนบทประมาณ 1 ปี แล้วก็ใช้เวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงต้นปีถ่ายทำก็ประมาณ 4-5 เดือน ตอนนี้หนังก็อยู่ในช่วงตัดต่อและเตรียมทำเนื้องานในส่วนโพสต์โปรดักชั่นต่อไป
ถามว่าแฮปปี้มั้ย ต้องบอกวาแฮปปี้มากๆ เพราะหลังจากที่ทำหนังเสร็จแล้วสิ่งที่ได้แน่ๆ คือความสุขที่เราได้ทำ ทำมันแล้วก็ได้งานออกมาอย่างที่เราต้องการนะครับ ก็ต้องบอกจริงๆ ว่าการทำงานแบบนี้เป็นการทำงานที่เหนื่อยมากนะครับ คือเราเคยกำกับ MV มา เราก็รู้ว่ามันเหนื่อยประมาณหนึ่ง ต้องบอกว่าแต่อันนี้มันเกินคาดมาก มันเหนื่อยแบบว่าหมดแรง หมดแรงจริงๆ ปิดสวิชต์เลย หนังเรื่องหนึ่งมันใช้พลังงานเยอะมาก พลังงานคน พลังงานใจ พลังงานสมองมากมาย แต่ก็ถือเป็นงานที่ดีนะครับ เป็นงานที่จุดประสงค์สุดท้ายของการสำเร็จชิ้นงานก็คือการสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนที่ได้ดู เหนื่อยจริงๆ ครับ ผมก็เลยรักงานนี้มากๆ มันเป็นความสุขที่บอกไม่ถูกถึงแม้ว่าเราจะต้องยอมแลกกับการที่เราต้องหยุดเรื่องทำเพลง เบรกเรื่องทำอัลบั้มไปก่อนเลย เพราะต้องใช้สมาธิสูง โอเคเราอาจจะแต่งเพลงทำเพลงควบคู่ไปด้วยก็ได้ แต่ผมว่ามันจะออกมาไม่ดีที่สุด ผมก็เลยคิดว่าผมควรจะทำออกมาทีละชิ้นทีละอันดีกว่านะครับ ก็เลยเลือกที่จะมาทุ่มกับหนังก่อน ถามว่าคุ้มไหมกับการที่เราแลกมาคุ้มมากทำสุดพลังแล้วครับยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยแล้วกันนะครับ คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ 9ส.ค.นี้ครับได้ดูกันแน่ๆ
-
instagram “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
"คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์สนุกสนานยิ้มละมุนเรื่องราวของหนุ่มสาว 2 คู่ที่จะมาชวนให้ทุกหัวใจอุ่นไปด้วยความสุขจากผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัวครั้งแรกของ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในแวดงวงบันเทิงมาเกือบครบทุกด้าน ทั้งในฐานะนักร้อง, นักแสดง, นักแต่งเพลง, นักเขียน, โปรดิวเซอร์ ฯลฯ ชนิดที่ว่าตลอด 12 ปีมีความฝันตลอด และฝันครั้งล่าสุดของเขาคือได้ทำหนังที่ตัวเองรัก
เตรียมพร้อมอัพเดทความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้แล้ว
รีบมาฟอลโล่กันที่
instagram sat2mon
-
สาวนุชสุดเซ็กซี่โชว์ผิวขาวกระจ่างใสส่งรอยยิ้มผ่านแววตา สาวนุชสุดเซ็กซี่โชว์ผิวขาวกระจ่างใสส่งรอยยิ้มผ่านแววตา

ไม่มีข้อโต้แย้งด้วยประการทั้งปวง แถมยังจะช่วยยืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่าบท “ต้นหลิว” พิธีกรสาวสวยเซ็กซี่ประจำรายการเรียลลิตี้ตะลุยบ้านผีสุดฮิตชนิดเรทติ้งกระฉูด ที่ทำเอาหนุ่มๆ คลั่งไคล้ไปทั่วประเทศ รวมทั้งชวด รับบทโดย (แดน วรเวช ดานุวงศ์) ที่ยกต้นหลิวเป็นไอดอลในดวงใจ ถึงขนาดที่ว่าทุกครั้งต้นหลิวเยื้องย่างไปที่ใดก็ตาม จะเหมือนมีออร่าเปล่งประกายเป็นที่โดดเด่นรอบๆ ตัว จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ซูเปอร์โมเดลสาวหุ่นดี ขายาว ผิวสวยอย่างสาวนุช-นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์ และทันทีที่สาวนุชในคาแรคเตอร์ต้นหลิวในชุดเสื้อกล้ามสี OLD ROSE ตัดกับผิวขาวเนียนกระจ่างตาเดินเข้าเฟรมมา พร้อมกับสะบัดผมและหมุนตัวเล็กน้อย ก็แทบจะทำให้หนุ่มแดน ซึ่งเป็นคนเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ในแนว HAPPY COMEDY ROMANTIC เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” และเป็นคนเลือกสาวนุชมารับบทต้นหลิวเองกับมือ บอกทีมงานให้เตรียมตัวถ่ายทำซีนต่อไปได้แทบทันที ที่เห็นการแสดงของสาวนุชเพียงแค่เทคแรก เพราะคงไม่มีนักแสดงสาวคนไหนที่ทั้งจี๊ดด้วยรูปร่างหน้าตาไปจนถึงบุคลิกคาแรคเตอร์ที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่สุดๆ เหมาะเหม็งตรงเป๊ะเป๊ะกับบทที่หนุ่มแดนเขียนขึ้นมาเท่าสาวนุชอีกแล้ว
“น้องนุชนี่จำได้ว่าในวันที่เราถ่ายซีนที่ชวด (แดน) กับถั่ว (ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) เพื่อนรุ่นพี่นั่งกินข้าวเล็งสาวที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วเม้าท์ตามประสาหนุ่มๆ แต่ครั้นพอเจอ “นุช” ที่เขารับบท ต้นหลิว พิธีกรรายการทีวีสุดฮอต ไอดอลในดวงใจของชวดเดินผ่านมาเท่านั้นแหละ หนุ่มๆ ของเราถึงกับเก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียว ซึ่งในบทนี้ต้นหลิว ต้องเป็นผู้หญิงที่เดินมาแล้วคนต้องมองน่ะครับ แล้วพอเจอน้องนุช เดินเข้ากล้องมานี่ปิ๊งเลย ทั้งสายตาเขา ซึ่งน้องนุชเวลาเขามองกล้อง เขาได้หมดเลยนะ เขาได้ความรู้สึกนั้นหมดเลย เพราะว่าผมต้องการคนที่มีรอยยิ้มจากแววตา ไม่งั้นคนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาจะมองเขาด้วยรอยยิ้มไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาต้องมีรอยยิ้มผ่านสายตาก่อน ซึ่งน้องนุชใช่เลย แล้วซีนนี้น้องนุชเขาแทบไม่มีบทพูดเลยใช้การบริหารเสน่ห์ที่มีอยู่แล้วในตัวของเขาและแอ็คติ้งล้วนๆ”
ซีนเปิดตัวเล็กๆ สำหรับแดนหนุ่มโสดสนิทที่ยังไม่มีใครเข้ามาครอบครองเป็นเจ้าของหัวใจ นอกจากจะปิ๊งๆๆ สาวนุชยกย่องเป็นไอดอลในดวงใจเหมือนกับหนุ่มๆ ค่อนประเทศแล้ว เขายังแอบหลงรักสาวนุชอย่างเต็มเปาอีกต่างหาก เพียงแต่ว่าหนุ่มแดนในบทชวดของเราขี้ป๊อด แหมแค่มองหน้าสาวสวยอย่างนุชในบทต้นหลิวยังไม่กล้าด้วยซ้ำ แต่พระเอกของเราก็ยืนยันว่านี่แหละ “คนที่ใช่” ถึงแม้จะยังไม่มีโอกาสและจังหวะที่จะทำให้เธอเปลี่ยนสถานะกลายมาเป็น “คนที่ใกล้” สักกะทีนี่ซิ และแน่นอนว่านี่เป็นเพียงบางส่วนที่เริ่มต้นเท่านั้นเองของ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์ที่กลั่นจากฝีมือเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตของหนุ่มแดนที่มีเป้าหมายสำคัญคืออยากให้ทุกคนที่ดูมีความสุข ติดตามความคืบหน้าที่ทีมข่าวบันเทิงจะสรรหามาให้ยลก่อนใคร รับรองอีกไม่นานเกินรอจ้า
-
โฉมหน้ามือที่ 3 ที่แท้คนใกล้ตัว เผยภาพแพทตี้ควงหนุ่มช็อปปิ้งกลางห้างดัง

เอาแล้ว เป็นเรื่องซะแล้ว งานนี้หนุ่มแดน วรเวช ดานุวงศ์ อาจมีสิทธิ์น้ำตาเช็ดหัวเข่า ร้องไห้ขี้มูกโป่งแหงๆ เลย เพราะมีมือดีปล่อยรูปเด็ด น้องแพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา หวานใจสุดเลิฟในชีวิตจริงของหนุ่มแดน ที่ก่อนหน้าไม่เค้ยไม่เคยมีข่าวให้ต้องเสียหาย โดยเฉพาะเรื่องแอบไปมีกิ๊กควงแขนหนุ่มๆ หน้าใสๆ มาก่อนในชีวิต ชนิดเห็นกันจะจะ จับไม้จับมือถือแขนควงหนุ่มหล่อขาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และเต็มไปด้วยความสุขกันชนิดกลางวันแสกๆ บนห้างดังแถวสี่แยกราชประสงค์ ชนิดที่ว่าแฟนคลับของหนุ่มแดนอาจซับน้ำตานักร้องหนุ่มไม่ทันด้วยซ้ำ งานนี้กระจอกข่าวอย่างเราๆ ท่านๆ เลยต้องขอซูมอินดูหน้ามือที่ 3 ให้ชัดๆ จะแจ้งไปเลยว่า ใครกันหนอริหาญกล้ามาขโมยหัวใจน้องแพทตี้ไปจากอกหนุ่มแดนไปได้จะเป็นคนนอกหรือคนในวงการกันนะ แต่พอเห็นรูปเท่านั้นแหละโอ้วแม่เจ้า ไม่จริงใช่มั้ย นี่มัน พี่บีมดีทูบี กวี ตันจรารักษ์ พี่ชายของน้องแดนนี่นา ทำไม ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ สิ่งนี้มีแค่ในนิยายหรือหนังจีนชุดอย่างศึกสายเลือด ,เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่เคยดูกันเมื่อชาติปางก่อน ชัดๆ โอ้วโน แต่ก่อนจะตีโพยตีพายไปกว่านี้ เอ๊ะนั่นหนุ่มแดน นี่นา แล้วนั่นกล้องถ่ายหนัง ผู้คนทีมงานคับคั่ง อย่ากระนั้นเลยเราไปคุยกับหนุ่มบีมมือที่ 3 อุ๊บส์ต้นสายปลายเหตุกันเลยดีกว่าว่ามันยังไงกันแน่
“ครับ จริงครับ ไม่ช่าย (หัวเราะ) มาถ่ายหนังกับน้องแพทตี้ครับ เป็นหนังเรื่องเดียวเลยครับที่เราเล่นด้วยกัน เป็นคู่รักกันครับ แดนเขาก็รับรู้ด้วยดีครับ เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ก็ที่เขาเขียนบทและเป็นผู้กำกับเองนั่นแหละครับ เขาคงอยากให้ผมกับน้องเป็นแฟนกัน(หัวเราะ) ก็เล่นแป็นแฟนกันกับน้องแพทตี้ คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีมาช็อปปิ้งกินข้าวเดินเล่นกันใช่ม๊ะ ก็อย่างเข้าฉากวันนี้ก็ไม่ได้คุยมาก คุยโวอะไร ผมก็จะเดินอยู่กับน้องแพทตี้ตลอดทั้งวัน แพทตี้แฟนใครก็คงจะรู้นะครับ พูดได้คำเดียวว่า ระวังไว้ละกันนะ ของตัวเองก็ต้องดูแลให้ดี ไม่ใช่ว่าเราจะมาคอยพูดอะไรเกินเลย ผมเรียกว่าอย่างนี้แล้วกันไม่ควรฝากปลาย่างไว้กับแมว (หัวเราะ) เอาเป็นว่าที่เห็นนี้ยังแค่จิ๊บๆ ถือเป็นการเข้าฉากยังไม่มากครับ มาทำความรู้จักกับน้องเขาด้วยในเรื่องผมเล่นเป็นปกป้องก็สมชื่อครับ เป็นที่คอยรักคอยห่วงใยปกป้องน้องเขาตลอดซึ่งก็คือน้องเพ็ญที่เล่นโดยน้องแพทตี้นั่นเอง”
มีอะไรอยากพูดถึงน้องชายคนนี้แดน วรเวชที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับ
“พูดถึงการรอคอยมาทำงานกับแดนต้องบอกว่าเขาเกริ่นมาตั้งนานแหละว่าจะชวนมาเล่นหนังนะ ตั้งแต่ตอนแรกเลยเคยชวนมาเล่นละครก่อน พี่บีมเดี๋ยวเรามาเล่นละครกันตั้งแต่ต้นปี54 จนเวลาผ่านไปปีหนึ่งก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น (หัวเราะ) มาปี 55 ต้นปี ชวนใหม่พี่บีมเล่นหนัง ผมก็บอกว่า จะให้รออีกปีเหรอ (หัวเราะ) ก็ไม่นะครับในที่สุดก็ได้มาเล่นด้วยกัน แล้วบอกว่าเขาจะเป็นผู้กำกับด้วย ตอนแรกผมก็คิดว่า จริงหรอ เราเห็นเขาทำมาหลายอย่างแล้ว แล้วเราก็อยากเห็นเขากำกับเหมือนกัน ก็ดีครับ ก็เขาก็เป็นคนที่ดี กำกับตัวเองเล่นเองด้วย วิ่งไปปุ๊บ เมื่อกี้ผมแอบดูเลยตอนเล่นตอนถ่าย ตัวเองเล่นไม่ดีปุ๊บด่าตัวเอง ทำไมเล่นอย่างนี้ ว่าตัวเอง เอากระจกมาส่องหน้า ทำไมเล่นอย่างนี้สอนไม่รู้จักจำ แดน วรเวช (หัวเราะ) พูดเล่นครับ ก็เห็นความตั้งใจของเขา เชื่อว่าเขาเต็มที่และงานต้องออกมาดีแน่นอนครับ”
แหม ที่แท้เป็นฉากหนึ่งในหนังที่หนุ่มแดน กำกับ เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์นี่เอง จะเป็นยังไงก็คงต้องติดตามกัน รู้แต่ว่าเป็นแนว HAPPY COMEDY ROMANTIC ดูแล้วหัวใจยิ้มๆ แน่นอน 9 สิงหาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
สนุกเวอร์!!! แพทตี้ดี๊ด๊าสุดขีดควงแดน-บีม ถ่ายโปสเตอร์หนัง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ทีมงานเซ็ทฉากไฮไลท์อลังการสุดๆ

Teaser คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์
แดน วรเวช ดานุวงศ์ พร้อมส่ง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”ภาพยนตร์ HAPPY COMEDY ROMANTIC จากค่าย สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ที่จะมาทำให้หัวใจของทุกคนยิ้มได้ไปกับเรื่องราวอารมณ์ดีมีเสียงฮา ล่าสุด แดน ขอนัดรวมพลนักแสดงนำคนสำคัญ แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา และ บีม กวี ตันจรารักษ์ มาร่วมถ่ายโปสเตอร์ภาพยนตร์ ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของนักแสดงและทีมงาน อบอวลไปด้วยความอบอุ่นของคนกันเองที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากปิดกล้อง โดยเฉพาะสาวแพทตี้ อังศุมาลิน ที่ดูจะสนุกสนานป็นพิเศษได้ควงสองหนุ่มสองสไตล์ แดน-บีม ที่มาในลุคต่างกันสุดขั้ว แดนมาในชุดผู้ชายเท่เซอร์แต่ รั่วๆ ฮาๆ และบีมมาในแนวหล่อเนี๊ยบเฉียบกริ๊บ ให้แพทตี้ได้เลือกว่า คนไหนจะเป็นคนที่ “ใช่พอไหม” กับ อีกคนจะเป็นคนที่ “ใกล้พอเหรอ” ตามคอนเซ็ปท์เรื่อง
งานนี้ทางทีมงานได้ลงทุนเซ็ตอัพฉากไฮไลท์ที่ทั้ง 3 ตัวละครต้องมากุ๊กกิ๊กลักยิ้มบุ๋มกันขึ้นมาชนิดที่ว่าอลังการสุดๆในสตูดิโอราวกับยกฉากดังกล่าวมาจากในภาพยนตร์เพื่อถ่ายทำโปสเตอร์ในครั้งนี้เลยทีเดียว ซึ่งแต่ละฉากนั้นก็มีสีสันความสนุกสนานแตกต่างกันไป ทั้งเสื้อผ้าและฉากที่เนรมิตขึ้นมาอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นฉากช็อปโดนใจของคนที่ใช่หรือคนที่ใกล้ของคู่บีมและแพ็ทตี้!!!!ที่จำลองเหตุการณ์ของคู่รักที่ใช้ช่วงเวลาวันหยุด ในการเลือกเสื้อผ้าให้กัน และกันในอารมณ์พ่อแง่แม่งอน หรือบะหมี่เย็นชามนี้ที่เธอคู่ควร!! ที่เราจะได้เห็นแดน-แพ็ทตี้-บีม ซู้ดบะหมี่แบบป่วนกวนฮาร่วมชามเดียวกัน ซึ่งแต่ละคนล้วนแข่งกันแอ็คท่าแบบไม่มีใครยอมกัน กินกันไปแซวกันไป กว่าจะได้ภาพที่เป๊ะโดนใจ ก็ต้องแย่งกันซู้ดซะจนท้องอิ่มเลยทีเดียว และฉากสุดท้ายการเซ็ทบาร์ริมทะเลที่ทั้งสามได้แอ็คท่าจิบค้อกเทลกันอย่างชิลๆ เท่ๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยช็อต ผลัดกันเขียนหน้าท้าความจริง ของแดนและแพทตี้ ซึ่งก็แย่งกันเขียนหน้าอีกฝ่ายแบบสู้สุดใจ แต่แฝงไปด้วยอารมณ์กุ๊กกิ๊กของคู่รักๆ ไปด้วย
หนุ่มแดนได้เผยถึงการทำงานวันนี้ว่า “การทำงานวันนี้ เราก็ขอรวมฉากที่มีความสำคัญกับเรื่องนี้ยกมาไว้ที่นี่หมด ทั้งฉากร้านเสื้อผ้าซึ่งเป็นการช้อปปิ้งของคนเมือง ฉากบะหมี่นี่เราแทบจะยกมาจากบ้านที่เกาะกูดเลยครับ ส่วนฉากบาร์ริมทะเลนั้นฉากนี้ก็เป็นอีกที่สนุกที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง ก็อยากให้ไปติดตามชมกันในหนังนะครับ เรื่องของคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์จะบอกเล่าถึงช่วงเวลาพิเศษที่อาจทำให้เรารู้สึกวูบไหว ไปกับคนๆ หนึ่ง ทำให้เราต้องตัดสินใจเลือกเกี่ยวกับความรัก อาจจะสะกิดเบาๆ ให้นึกถึงว่าเราอยากได้คนรักแบบไหนกัน จะเป็น คนที่ “ใกล้” หรือ คนที่ “ใช่” ดีนะ”
ส่วนสาวแพทตี้ก็ฝากถึงผลงานการเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกว่า
“แพทก็อยากจะฝากเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ไว้ด้วยนะคะ เรื่องนี้ทีมงานทุกคนก็ทำงานเต็มที่สุดๆ ค่ะ เห็นดู ขำๆ เล่นกันจนไม่รู้ว่าทำงานอยู่รึเปล่าแบบนี้ ก็เพราะเป็นกองถ่ายที่ไม่เครียดค่ะ อยากสร้างงานที่ทุกคนเข้าไปสนุกในโรงภาพยนตร์แล้วจะ ได้รอยยิ้ม ได้เสียงหัวเราะกลับมาค่ะ อยากให้ไปดูกันนะคะ”
เตรียมตัวค้นหาคำตอบของหัวใจในช่วงเวลาสุดพิเศษ“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ทุกโรงภาพยนตร์ 9 สิงหาคม นี้
-
“แดน” โชว์แมนลงทุนเปิดอกให้ “แพทตี้” ถีบเต็มๆ 5 เทครวด เปิดฉากรักแรกฮา “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”

หนังโรแมนติคคอมิดี้ทั่วไป ผกก.มักจะปั้นฉาก LOVE AT FIRST SIGHT หรือการเจอะเจอกันครั้งแรกของพระเอกนางเอกให้ออกมาแนวรักหวานซึ้ง สุดประทับใจ แต่สำหรับ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” นอกจากจะขอยกตำแหน่งผกก.หนังในแนว HAPPY COMEDY ROMANTIC ที่อารมณ์ดีสุดๆ ให้กับหนุ่มแดน วรเวช ดานุวงศ์ที่ทั้งเขียนบท กำกับภาพยนตร์แถมโดดลงมาเล่นเองแล้ว เราขอแถมตำแหน่ง “จอมรั่วไอเดียประหลาด” ให้กับผกก. หนุ่มไปอีกตำแหน่งพร้อมพ่วงด้วยว่าที่ผกก.หนังแอ็คชั่นคนใหม่ให้กับเสี่ยเจียง ณ สหมงคลฟิล์ม และปรัชญา ปิ่นแก้ว ก็เพราะอะไรนะเหรอพี่น้อง มีอย่างที่ไหน เล่นจับ แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา นางเอกสาววัยทีนหน้าหวานสุดแสนจะน่ารัก มาโดดถีบเท้าคู่กระโปรงเปิด ซะงั้น แถมเจ้าตัวยังบ้าพลังรับหน้าที่อวดความปึกส์ของแผงอกตัวเองให้สาวแพทสะดุดยอดอกไปเกือบ5เทคซ้อนๆ ในฉากที่พูดนิยามได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นฉากเจอกันครั้งแรกแถมยังเป็นฉากที่ตัวละครทั้งคู่มีการสัมผัสเนื้อตัวกันอีกต่างหาก เพียงแต่เป็นการสัมผัสแบบจุกเสียด และอาจมีสิทธิ์ระบมได้ โดยเป็นเหตุการณ์ที่ชวด ซึ่งรับบทโดย หนุ่มแดนเอง หลังจากแอบลับๆล่อติดตามผู้หญิงที่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักขื่อซึ่งรับบทโดยแพทตี้ จนสบโอกาสที่จะเข้ามาประชิดตัวนางเอกของเรา แถมบรรยากาศรอบข้างเป็นใจ ไร้ซึ่งผู้คน ในที่จอดรถเปลี่ยวๆยามวิกาลซะขนาดนี้ ลองไปฟังจากปากของเขากัน
แดน : ครับทีแรกก่อนทำหนังเรื่องนี้ผมก็คุยกับทางสหมงคลฟิล์ม และก็บาแรมยูนะฮะ ว่าผมจะทำหนังรัก แต่ไปๆ มาๆ ทำไมมีแอ็คชั่น ก็ต้องบอกว่าต้องลองไปดูกันนะครับ แนวไหนบ้างก็ไม่รู้เต็มไปหมด (หัวเราะ) ถามว่ายากไหมหนังรักที่มีฉากแอ็คชั่นแบบนี้ ก็ไม่ยากนะครับ มันก็เป็นเรื่องคิวนะฮะ ต้องใช้เวลาเป็นเรื่องของการซักซ้อมกันให้ดีๆ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ขอทำโรแมนติคคอเมดี้ไปเรื่อยๆ จะดีกว่า (หัวเราะ)
หันมาถามทางนางเอกแพทตี้กันบ้างว่าเป็นฉากสุดท้ายของวันเลยหลังจากมาเข้าฉากตั้งแต่6โมงเช้า จนจะ 2 ทุ่มแล้วประมาณว่าเป็นฉากที่รอคอยเลย
แพทตี้ ใช่แล้วค่ะก็เป็นฉากที่รอคอยตอนแรกก็ค่อนข้างกังวลอยู่
แดน รอคอย ถีบพี่เหรอ
แพทตี้ ไม่ใช่ รอคอยว่าจะถีบออกมาได้ไหม จะเทคตัวได้ไหมภาพจะออกมาเป็นยังไง แต่ก็อย่างที่เห็นน่ะค่ะ มีรอยเกือบทุกส่วนของร่างกาย
แดน ไม่มีเซฟนะฮะ ไม่ต้องเซฟ เลย เฮ้ยเริ่มจุกแล้วเหมือนกันนะ
แพทตี้ จริงเหรอ (หัวเราะ) ขอโทษนะคะ (ไหว้ แดน)
แดน มันคงช้ำในน่ะฮะ ตอนนี้อาการมันยังไม่ออก แต่ดูพรุ่งนี้ละกัน (หัวเราะ)
ตอนผกก.ชวนเขาบอกว่าให้มาเล่นหนังรัก แต่กลายเป็นว่าต้องมาเล่นบู๊ด้วยรู้สึกอย่างไรบ้าง เห็นบอกว่าเรื่องนี้มีเซอร์ไพรส์เยอะเลยตั้งแต่ชื่อหนังแล้วหนังอะไร “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
แพทตี้ ก็จริงๆ ก็ดีนะคะ ไปๆ มาๆ ก็รู้สึกสนุกดีค่ะแอบติดใจนิดหน่อย ที่ว่าได้ทำโน่นทำนี่ขึ้นมา สนุกดีเนาะ แต่ก็เจ็บหน่อยเพราะว่าถีบกันจริง ต้องสารภาพว่าจริงๆ ตอนแรกเราก็ไม่ได้ซ้อมมาก่อนนะคะ เพราะทีมงานเขาบอกว่าจะมีสแตนอินมาเล่นให้ แต่สุดท้าย ก็ไม่มี แล้วเราก็จะงงๆ
แดน พี่เป็นคนบอกเองให้ไม่มี เพราะพี่คิดว่าหนูเล่นได้ พี่มั่นใจ
แพทตี้ (หัวเราะ) นั่นล่ะค่ะแล้วก็เพิ่งมาซ้อม กันก่อนหน้านี้ แค่ก่อนเข้าฉากเลย แต่ก็ลองดู กะจังหวะดู แต่ก็โอเค ทุกคนช่วยกันเซฟอยู่แล้วค่ะ
แล้วไม่กลัวว่าพี่แดนเขาจะเจ็บเหรอ
แพทตี้ ไม่กลัวค่ะ กลัวแค่ว่าเท้าสูงเข้าไว้ๆ
แดน เพราะลงต่ำเมื่อไหร่ล่ะก็ เลิกกองแน่ๆ
แพทตี้ ใช่แล้ว
แหมทุ่มเทซะขนาดนี้ทั้งผู้กำกับแดนทั้งนางเอกน้องแพทตี้ อย่างนี้ไม่ดูไม่ได้แล้ว “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” 9 ส.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์เลยจ้า
-
ทีเซอร์ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
บางทีอาจจะเป็นเพราะสนามแม่เหล็กของพรหมลิขิต ที่ดึงเรามาเจอกันผิดเวลา บางทีอาจจะเป็นเพราะเราต้องรอถามตัวเองว่าเขาใช่หรือไม่ บางทีอาจจะเป็นเพราะเราต้องการหาคนที่จะมี “จังหวะ” ตรงกับหัวใจ บางทีอาจจะเป็นมนต์เสน่ห์ใน...“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
ภาพยนตร์ รั่วกันมันส์ รักกันมาก โดย แดน-วรเวช
9 สิงหาคมนี้
Mv.พอ (Official Ost.คืนวันเสาร์ฯ)
Slot Machine - พอ [Official Audio]
-
บทสัมภาษณ์ “แดน วรเวช จาก คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”

ความฝันครั้งใหม่ของ แดน วรเวช ดานุวงศ์ การเป็นผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิต กับภาพยนตร์ HAPPY COMEDY ROMANTIC เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
Q: กว่าจะมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ได้ในวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตลอด 13 ปีในวงการบันเทิงของแดน วรเวชบ้าง
ผมเข้าวงการครั้งแรก ตอนอายุ 17 ปีครับ เข้ามาก็มาเป็นนักร้องวง D2B ก็เพลิดเพลินกับการเป็นศิลปินอยู่พักหนึ่ง จนเริ่มได้รู้จักกับงานหลายๆ ส่วนมากขึ้น รู้สึกสนุกกับสิ่งที่เราได้เจอ รู้สึกว่าเราอยากมีโอกาสได้คิดบ้าง อยากลองใช้ความสามารถในด้านอื่นๆ บ้าง ซึ่งการทำงานเบื้องหลัง มันคือการทำงานด้วยสมองเกือบ จะ 100% นะครับ เริ่มแรกผมเริ่มสนใจการแต่งเพลง เห็นพี่เค้าแต่งเพลงกันแล้วสนุกจังเลย อยากเป็นนักแต่งเพลงบ้างก็ไปลองศึกษาครับ ผมเป็นคนขี้อายนะ อายที่จะเป็นคนถามใครก่อน ก็เลยเป็นพวกลักจำซะเยอะ (หัวเราะ) คอยแอบดู ว่า อ๋อ เขาทำงานกันยังไง ชอบไปแอบฟังพวกพี่ๆ ทีมงานเขาคุยกัน จริงๆ มันก็เป็นนิสัยที่ไม่ดี (หัวเราะ) แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด อยากเป็นนักแต่งเพลงก็ต้องทำให้ได้แล้วก็ได้มีโอกาสแต่งเพลงแรกคือ “นายเจ็บฉันเจ็บ”
แล้วก็พอรู้สึกว่าเราแต่งเพลงได้แล้ว สิ่งที่อยากทำต่อมาก็คือการเป็นโปรดิวเซอร์เพลง ซึ่งมันใช้กระบวนการความคิดที่มันใหญ่ขึ้นน่ะครับ แล้วก็เลยไขว่คว้าที่จะทำมัน ผมรู้สึกว่าเหมือนเป็นเกมชีวิตน่ะ เหมือนกับการ เราเป็นตัวๆ หนึ่งในเกมแล้ว เราต้องผ่านด่านไปเรื่อยๆ ในแต่ละด่านที่จะถึงก็จะมีบอส
มีอุปสรรค์ต่างๆ มากมายให้เราต่อสู้แก้ปัญหา เพียงแต่ว่ามันเริ่มใหม่ไม่ได้บ่อยเท่านั้นเองครับ บางครั้งถ้าพลาดมันก็จะเกมโอเวอร์ถาวร (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรอบคอบกว่าการเล่นเกมมาก เมื่อมันทำให้เรารอบคอบแล้วเวลาเราเจอสิ่งต่างๆ มันก็จะทำให้เราแข็งแกร่งแล้วก็นิ่งขึ้น เมื่อก่อนผมเป็นคนใจร้อนกว่านี้เยอะครับ คิดจะทำอะไรก็ทำ ทำแล้วก็ ตายๆ (หัวเราะ) ในเกมมันก็ต้องหยอดเหรียญเล่นใหม่ตลอด แต่ว่าอย่างที่บอก ผมตายไม่เกินสองครั้งหรอกครับ จากนั้นก็สั่งสมประสบการณ์ มาเรื่อยๆ จนได้เป็นโปรดิวเซอร์เพลง เสร็จแล้วอยากทำรายการทีวี ก็ลองหาทางไปทำรายการทีวี อยากเขียนหนังสือ ก็เขียนหนังสือซะ ก็ได้เขียน อยากทำละครก็ไปทำละครซะ แต่การทำงานหลายๆอย่างทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้เป็นคนโชคดีมากนะครับ บางคนนั่งอยู่เฉยๆ แล้วก็มีโอกาสมาหาแต่ว่าเราเป็นคนต้องวิ่งไปหาโอกาสซึ่งความเป็นศิลปินเพลงป๊อบ หรือบอยแบนด์มันมีส่วนในการไม่เชื่อมั่นของผู้ใหญ่อย่างสูง
Q: หลายคนคนคิดว่าการเป็นศิลปินชื่อดังอยู่แล้วจะมีโอกาสเข้ามาหาได้ง่ายกว่าคนทั่วไป สำหรับแดนแล้วเป็นแบบนั้นรึเปล่า
การเป็นแดน บางคนอาจจะบอกว่ามันง่าย ที่จะทำอะไรก็ทำได้ เพราะว่ามันคงมีโอกาสมากมาย ที่คุณจะทำได้แต่ว่าจริงๆ มันไม่ใช่เลย มันเป็นดาบสองคมมาก คือการเป็นแดนมันทำให้ทุกคนคิดว่า เราคงทำได้แค่ร้องเพลงไป เราต้องพิสูจน์หนักกว่าคนอื่นหลายๆ เท่า เราต้องพิสูจน์เยอะมากน่ะครับ ว่าจะทำไงให้เขาเชื่อเราว่าเราทำได้จริงๆ เพราะฉะนั้นงานเราถ้าเป็นคนอื่นเสนอไปเขาอาจจะคิดว่าโอเคละ แต่อย่างเราเนี่ยเขาจะเหมือนว่ามีกำแพงอะไรบางอย่างอยู่ก่อนว่า เอ้ย มันจะทำได้จริงเหรอ ก็เลยต้องสู้กับมันหนักหน่อย แต่ว่าก็สนุกดีครับมันก็เป็นเกมที่ยากแต่เราก็ผ่านมันมาได้
Q: จากวันแรกจนถึงทุกวันนี้อะไรคือความเป็นแดนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
สิ่งที่เป็นตัวผมและไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะครับก็คือผมเป็นคนขี้อายครับ ขี้อายมาก แต่ว่าเป็นขี้อายแบบเอาวะ! ทำก็ได้ ตั้งแต่เมื่อก่อนผมชอบโดนจับไปออกงานโรงเรียนตลอด ซึ่งทุกงานที่ผมโดน ผมไม่กล้าขึ้นเวทีเลยนะครับแต่โดนบังคับก็เอาวะก็ขึ้น (หัวเราะ) ขึ้นเวทีก็ไปเต้นๆ ได้สตางค์มาให้คุณแม่ โดนจับไปร้องเพลงก็ไป ตอนนี้จะขึ้นเวทีทุกครั้งทุกวันนี้ก็ยังตื่นเต้นมากนะครับ(หัวเราะ) พอพิธีกรประกาศขอเชิญแดน-วรเวช ก็เอาวะก็ขึ้นไป เหมือนผมจะกล้าๆ ดูคุยเยอะๆ ใช่ไหมแต่ก็อยู่ในอารมณ์เอาวะทำก็ได้เหมือนกัน อยากให้รู้เฉยๆ ว่า เผื่อว่างานไหนสายตาผมดูประหม่าๆ ก็แสดงว่าผมเอาวะไม่ไหวผมกำลังตื่นเต้นมากจริงๆ กำลังประหม่ามากจริงๆ นี่คือสิ่งที่ผมยังแก้ไม่ได้ครับ (หัวเราะ)
Q: จริงมั้ยที่ว่าเราเป็นคนช่างฝัน ถึงขนาดว่ากันว่าชีวิตของแดน วรเวชขับเคลื่อนได้ด้วยความฝัน
ชีวิตผมตอนนี้อยู่ได้ด้วยความฝันเลยครับ ผมว่าชีวิตผมมันมีคุณค่า ก็เพราะผมได้มีโอกาสได้คิดได้ฝันไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน และผมได้ทำความฝันให้มันเป็นจริง ส่วนใหญ่ฝันของผมมันจะไม่ใช่ฝันที่อยู่กับตัวเองน่ะครับ เวลาผมฝันที่จะทำงานแต่ละอย่าง มันจะมีภาพคนอื่นที่ผมรัก และก็คิดว่าเขาก็คงจะรักผม อยู่ข้างๆ ผมน่ะครับ ความฝันผมมันจะเป็นความฝันส่วนรวม มันเหมือนเรากำลังนำกองทัพอะไรสักอย่างไปสู้ พอเราได้ทำฝันเป็นจริงมันก็เหมือนกองทัพเพื่อนฝูงของเราเนี่ยไปช่วยกันทำมันให้สำเร็จ และถ้าเกิดความฝันนั้นมันเวิร์ค เราก็เฮด้วยกัน แต่ถ้าเกิดว่าความฝันนั้นมันทำไม่สำเร็จ ผมก็ยังโชคดีที่ว่าอย่างน้อยคนที่ไปกับผมทุกครั้งเขาก็ไม่เคยทิ้งผม (หัวเราะ)
Q: จากการทำงานที่ผ่านมาของแดนแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ทดลองทำงานใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบค้นหาสิ่งใหม่ๆ รึเปล่า
คือผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรที่มันเดิมๆ น่ะครับ จริงๆ ก็เบื่อง่าย ผมว่าชีวิตเรามันไม่มีวันเต็มนะครับ ถ้าผมบอกว่าชีวิตเราเต็มแล้วเมื่อไหร่ ผมว่าในแต่ละวันเราก็ไม่รู้จะตื่นมาทำไม ตื่นมาแล้วมันก็ เฮ้ย ชีวิตเรามีแค่นี้เหรอ ผมเลยอยากขยายชีวิตของเราให้มันมีพื้นที่ว่างให้มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่น ผมบอกว่าผมเป็นนักร้องเนี่ย คนอาจจะบอกว่ามันประสบความสำเร็จถึงที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นผมประสบความสำเร็จตอนอายุ 18 ปี ถ้าผมหยุดแค่นั้นเนี่ย โห แล้วนี่ผ่านมาเป็น 10 ปี ผมคิดว่าผมเฉาตายแน่ ผมก็ขยายพื้นที่ มันทำให้เราสนุกกับการที่ชีวิตเรามีวันรุ่งขึ้น เราจะมีอะไรให้ทำอีก วันรุ่งขึ้นมันจะมีอะไรให้เราได้ลุ้น ให้ได้ท้าทายให้ได้สนุก ผมเป็นคนชอบเอาชนะตัวเองน่ะครับ ไม่ชอบแข่งกับคนอื่น “ผมสู้ใครไม่ได้แต่ผมว่าผมสู้ตัวเองได้” ก็เนี่ยล่ะครับผมว่ามันสนุกดี
Q: ผ่านความฝันมาก็ไม่น้อยแล้วเริ่มต้นรู้ว่าตัวเองอยากเป็นผู้กำกับตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ฝันอยากเป็นผู้กำกับตั้งแต่เมื่อไหร่ น่าจะสัก 3 -4 ปี ก่อนหน้านี้น่ะครับ มันเกิดจากว่า เราดูหนังแล้วทำไมไม่มีใครทำแบบนี้นะ ทำไมไม่มีมุกนี้นะ จากนั้นก็คิดว่าสักวันต้องขอกำกับหนังบ้างแล้วล่ะ พอรู้ว่าอยากทำหนังก็ไปตระเวณกำกับหนังสั้น กำกับ MV ก่อน เพราะรู้ว่างานทำหนังมันเป็นงานใหญ่มาก ผมพอจะรู้ตัวเองว่าเราทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้เราทำตรงนี้ได้ ตรงนั้นเรายังทำไม่ได้ ผมไม่อยากให้ใครมารู้สึกว่า โถ่ เอ้ย!กะแล้วว่ามันทำไม่ได้จริงๆ เพราะอย่างนั้นขั้นแรกก็คือ คือการเอาตัวเองไปสู้กับปัญหาก่อน หาปัญหาให้เยอะที่สุด เจอปัญหาให้เยอะที่สุด พอถึงงานที่มันใหญ่จริงๆ ปัญหาที่เจอก็จะกลายเป็นปัญหาเล็กๆ ก็เคยเจอๆ มาแล้ว เคลียร์มาแล้ว ซึ่งมันถือว่าได้ผลกับงานครั้งนี้ครับ มันทำให้ปัญหาของเราในกองมันไม่เยอะเท่าไหร่ จริงๆ มันอาจจะเยอะแหละแต่เรามองไม่เห็นมัน เพราะเรามองว่ามันเป็นปัญหาเล็กๆ หรือผมมองว่ามันไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเลยก็ได้
ขั้นที่สองคือเมื่อเราพร้อมแล้ว เราก็เดินไปคุยกับคนที่คิดว่าเขาจะเชื่อใจเรา แล้วก็พอดีว่า พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว เขาก็เชื่อใจเราว่าเราน่าจะทำงานได้ ก็ขอบคุณมากๆ นะครับที่เชื่อใจผม จากนั้นก็เป็นขั้นตอนเขียนบท ตอนเขียนนี่ก็ผมเขียนบทไม่เป็นเลยนะ ก็ไปหาบทละครเก่าๆ บทหนัง มาดู ประเด็นไม่ได้เกี่ยวกับไดอะล็อคจะเขียนยังไง แต่ประเด็นคือแบบ ต้องเขียนแบบฟอร์มว่า กลางวัน, ห้อง, ผมไม่รู้ว่ามันต้องทำยังไง (หัวเราะ) ต้องมีกี่ซีน ไม่รู้เลย คือต้องเริ่มใหม่หมดเลยครับ ตรงนี้แหละคือความสนุกของผม ถ้าทำได้มันคงสนุกดี ก็ค่อยๆ ทำค่อยๆ เขียนไป มันก็จะมีช่วงบางช่วงที่มันช็อต แบบว่าเฮ้ยไม่รอดแน่เลยว่ะ เราไปไหนไม่ได้ จริงๆ ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ หลายๆ คนเวลาที่ผมเครียดเมื่อไหร่ ทุกคนก็พร้อมที่จะกระโจนมาหาผม ไปนั่งที่ไหนก็ได้ มาอยู่กับผม บางทีปรึกษาเพื่อนน่ะ....ช่วยอะไรไม่ได้เลยนะ แต่ละความเห็นแบบ...ไร้สาระมาก (หัวเราะ) แต่มันทำให้เรายิ้มน่ะครับ พอเรายิ้มเนี่ย ประตูมันเปิดมันมีแสงสว่างออกมา เราอารมณ์ดีแล้วเราเขียนต่อได้ ก็ต้องขอบคุณมากจริงๆ หนึ่งในนั้นเป็นหนึ่งในนักแสดงด้วย ก็คือแสดงเป็นพี่ถั่ว พี่ปอย (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) แต่เขาก็ช่วยทำให้สมองผมพังไปหลายทีเหมือนกัน (หัวเราะ)
Q: ก่อนจะมาเป็นคืนวันเสาร์นี่ใช้เวลา นานเท่าไหร่ และไอเดียที่มาของเรื่องราวครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วมาลงตัวที่โปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ได้อย่างไร
ตั้งแต่เริ่มเขียนบทผมเขียนพล็อตไว้หลายอันครับ พล็อตไปเรื่อยก็เป็นสิบร่างได้ครับ ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ครับ ส่วนจุดเริ่มต้นหนังเรื่องนี้มันเกิดจาก ผมสนใจกับคำว่า “คืนวันเสาร์ ถึงเช้าวันจันทร์”ครับ ผมชอบชื่อเรื่องครับ ซึ่งผมไม่ได้คิด คนที่เอาชื่อนี้มาบอกผมคือพี่เอโกะ (สุภาพร เลิศฐิติวีรกานต์ –ไลน์โปรดิวเซอร์ ผู้ประสานงานสร้าง) เป็นคนบอกชื่อนี้มา เค้ามีแค่ชื่อเรื่องให้ผม แต่ผมติดใจเลยว่าชื่อเรื่องนี้น่าทำหนังนะ มันน่าจะดูมีอะไร พอเราได้คำนี้มา เราก็มาแตกประเด็นว่าทำอะไรได้บ้าง ก็ประชุมทีมงานกันว่าใครมีไอเดียอะไรโยนไอเดียกันมาได้เลยเพื่อทำพล็อตให้มันแข็งแรง แล้วก็ได้ไอเดียว่าสังคมยุคนี้ว่าความรักที่จริงจังมันได้หายไปมากมันได้โดนกลืนกินด้วยความรักฉาบฉวย สมมุติว่าคนเราคนนึงมีแฟนแล้ว มันมีสิ่งเร้าหลายอย่าง ทั้งผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อ แล้วดันมาจีบเราอีก หรือบางทีเรามีแฟนอยู่แล้วเราคบกันมานานแต่คุยกันแล้วไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ มันก็รักล่ะนะแต่ว่ามันไม่ได้ยิ้มเลย
ทีนี้ผมเห็นเพื่อนผมเนี่ยแหละ เขาคุยกับใครก็ไม่รู้ เขาไม่รู้จักหน้าตา เขาเล่นเฟซบุค ทวิตเตอร์ ตอบกันไป ตอบกันมาแล้วทำให้เขาหัวเราะได้ แล้วก็มีความสุขกับการที่อยู่ตรงนี้ ทำให้คุยกับแฟนน้อยลงแล้วก็เล่นแต่โทรศัพท์มากขึ้น ซึ่งสมัยนี้มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมบอกได้เลยว่าคนเราสมัยนี้กิ๊กเยอะมาก แม้แต่ตัวเองจะมองว่าไม่ใช่กิ๊กก็ตาม แต่ผมถือว่าเป็นเพื่อนคุยที่เราให้ความรู้สึกบางอย่างมากกว่าแฟนเราด้วยซ้ำมั้งครับ ก็เลยนำประเด็นนี้มาเล่น ว่าถ้าเกิดคนๆ หนึ่งเขามีแฟนอยู่แล้ว แล้วในแต่ละวันแทบจะไม่ได้ยิ้มกับแฟนเลย เราควรจะอยู่แบบนี้กับแฟนคนนี้ต่อไปไหม หรือเราควรจะอยู่กับคนที่เรานั่งอยู่เฉยๆ แล้วเขาก็ทำให้เรามีความสุขได้ หรือการที่เราอยากจะปฏิเสธใครบางคนแต่ก็ยากที่จะห้ามใจเพราะว่าสิ่งที่เขาทำให้เรามันทำให้เรายิ้มได้
แล้วผมอยากพูดถึงกรอบ ตัวตนของคนเราน่ะครับ ผมว่าคนเราทุกคนน่ะมีกรอบตัวเองเป็นชั้นๆ สำหรับคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ก็จะมีเรื่องการระเบิดเกราะการป้องกันตัวของตัวเอง กะเทาะความเป็นตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้มันก็จะเป็นเสนอข้อเท็จจริงของคนเรา เวลาที่เราอยู่กับคนที่เรารู้สึกชอบ ถ้าเราชอบเขาเมื่อไหร่เราจะไม่มีทางเอาตัวตนของเราเผยออกมา ในขั้นแรกเราจะแอ๊บๆ เก็บๆ ไว้ก่อน มักจะไปเปิดเผยกับเพื่อนสนิทของเรา ความเป็นตัวเองที่แบบบ้าสุดๆ เราจะไปอยู่กับเพื่อน จะไปอยู่กับคนที่เราไม่ได้สนใจเขา เราจะดีหรือไม่ดี ไม่สนใจอะไร เผอิญว่านางเอกของเรื่องนี้ดันหลุด เปิดความเป็นตัวเอง แบบนี้ให้กับตัวพระเอก แล้วทำให้ตัวนางเอกเองรู้สึกว่าสบาย ผมอยากให้ทุกคนเป็นแบบนี้จริงๆ เพราะว่าการเป็นตัวเองที่สุด มันทำให้เราอยู่ได้ตลอดไป มันสบายตัวมากเลยครับ คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ก็เลยพูดประเด็นนี้แล้วก็มีอีกประเด็นที่ว่าคนเราจะตกหลุมรักได้ไหมในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน
แต่ความตั้งใจแรกของการสร้างเรื่องนี้เลยก็คืออยากให้ทุกคนมีรอยยิ้มให้ได้ก่อน เมื่อคุณดูภาพยนตร์จบไป เงินที่คุณเสียไปกับการดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณมีแรงที่จะทำงานต่อมีรอยยิ้ม พูดกับใครก็ยิ้มได้ ความสุขเหล่านี้มันจะเกิดมาจากตัวละครทุกตัวที่ผมได้สร้างขึ้นมา นิสัยของตัวละครหลายๆ ตัว มันคือเรื่องราวที่ผมได้ไปเจอมา และผมได้หัวเราะกับมันไปก่อนหน้านี้แล้วก่อนที่ทุกคนจะได้หัวเราะ ผมเจอคนจริงๆ ที่เป็นแบบนี้แล้วผมก็หัวเราะหัวทิ่มไปแล้ว แล้วผมก็เลยเอาสิ่งที่เจอนี้มาขยายความให้มันใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างความสุขมากขึ้นเวลาเราเห็นตัวละครทุกๆ ตัว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผมบอกได้เลยว่าผมเจอมาหมดแล้วจริงๆ บางคนอาจจะแบบว่า เฮ้ยมันมีด้วยเหรอวะ มันมีจริงๆ ครับ มันมีแล้วน่ากลัวมาก (หัวเราะ) แต่รวมๆ แล้วเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มองโลกในแง่ดีนะครับ
-
Q: การเป็นผู้กำกับนั้นเป็นงานที่หนักและรับผิดชอบสูง หลังจากที่ทำหนังแล้วรู้สึกเหนื่อยหรือท้อบ้างไหม
คือการทำงานแบบนี้เรารับรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเหนื่อยมาก คือเราเคยทำหนังสั้น กำกับละคร กำกับ MV มา เราก็รู้ว่ามันเหนื่อยประมาณหนึ่ง ต้องบอกว่าอันนี้มันเกินคาดมากมันเหนื่อยเกินคาด เหนื่อยแบบว่าหมดแรง หมดแรงจริงๆ ปิดสวิชต์เลย ทุกครั้งผมจะมีความสุขมากกับการไม่ต้องเล่น (หัวเราะ) แล้วก็นั่งดูมอนิเตอร์ นั่งขำคนอื่นที่ทำท่าทางตลกไป แต่คือมันดีตรงที่ ผมเหนื่อยแบบผมมีความสุขนะ เพราะฉะนั้นในทุกๆ วันเราก็จะแฮปปี้กับการเหนื่อยครั้งนี้ ผมว่ามันสะใจดี ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ แล้วตื่นมาตอนเช้า ลงมากินข้าวที่แม่ทำไว้ให้ แล้วก็นอนกลิ้งอยู่กับพื้น ทะเลาะกับแมว ผมว่าชีวิตแบบนี้มันเซ็งมากนะ ผมมีความสุขกับการเปิดกองถ่าย ตื่นเช้ามาคิวนึง กองถ่ายของผมมันทำให้คนมีรายได้เกิดขึ้นเยอะมากนะครับ คนที่มีส่วนกับคิววันนั้น ทุกคนมีรายได้เอาไปใช้ในชีวิต
Q: นิยามคำว่าผู้กำกับ ของแดน ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ดีต้องเป็นอย่างไร
ผมว่าผู้กำกับก็ต้องซื่อสัตย์น่ะ ศรัทธา เชื่อในสิ่งที่ตัวเองจะทำ เชื่อมั่นกับชิ้นงานของตัวเอง ผมจะยอมไม่ได้คือถ้าผมทำงานชิ้นไหนแล้วผม ไม่อยากดูเนี่ย ผมจะรู้สึกว่าตัวเองผิดมากต่ออาชีพของตัวเอง นั่นหมายความว่าคุณเองยังไม่อยากจะดูเลย แล้วใครจะมาดูงานคุณ ผมก็ใช้วิธีนี้น่ะ ผมต้องอยากดูงานของตัวเอง ต่อให้มันผ่านไป 10 ปีก็ตาม ทุกวันนี้งานบางงานของผม ผมยังนั่งดูอยู่เลย ว่าอ๋อ เมื่อก่อนเราทำได้แค่นี้จริงๆ แต่เราก็มีความสุขว่าตอนนั้นเราก็ทำเต็มที่แล้วนะ ที่สุดแล้ว ถ้าซื่อสัตย์ต่องานของตัวเอง ศรัทธาเชื่อในงานของตัวเอง เชื่อในคนของตัวเอง คนที่ตัวเองเลือกมาดีที่สุดแล้ว แล้วอย่างที่สำคัญผมว่า ต้องมีการบริหารสภาพจิตใจที่ดี ห้ามเครียด เครียดได้แต่ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าเครียดน่ะครับ เพราะไม่อย่างนั้นงานมันจะหดหู่น่ะ
Q: ต้องขอให้เล่าเรื่องให้ฟังกันสักหน่อยแล้วล่ะ เรื่องราวใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” เป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องมันเกิดจากตัวละครที่ชื่อ ชวด ครับ ชวดทำงานเป็นครีเอทีฟรายการทีวี เป็นผู้ชายชิลๆ คนหนึ่งซึ่งเรื่องความรักเขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่วันหนึ่งเขามาเจอผู้หญิงที่เห็นแล้วกระแทกใจสุดๆ มองแล้ว โห น่ารักมาก ซึ่งคนนั้นก็คือต้นหลิว เขาก็คิดว่าผู้หญิงคนเนี้ยแหละใช่เลย ผู้ชายส่วนใหญ่เค้าจะเป็นแบบนี้นะ เห็นหน้าก่อนพอเป๊ะแล้วก็ใช่เลยกรี๊ดเลย แต่เป็นผู้ชายไงกรี๊ดออกมาไม่ได้เก็บอยู่ข้างในแล้วก็แอบคลั่งอยู่ คอยติดตามรายการ “ที่ซ่อนผี” ที่ต้นหลิวเป็นพีธีกรอยู่ทุกเทปทุกตอน อยากจะเข้าไปจีบเขาแต่เห็นทีไรใจสั่นตลอด เผอิญว่าเค้าไม่ได้เป็นคนที่กล้ามาก เหมือนเวลาคนเราชอบใครมากๆ ก็มักจะไม่กล้าคุยกับเค้า เพราะถ้าคุยจะรู้เลยมือจะสั่นปากจะสั่น ในหนังจะเห็นแล้วมันจะมีอาการแบบว่าแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ชวดก็ทำทุกวิถีทางไม่รู้ว่าจะทำไงละ ก็ใช้วิธีแบบสมัยคุณยายละกันคือการใช้แม่สื่อ แล้วเขาได้เจอ เพ็ญ เพื่อนสนิทของต้นหลิว ก็ไปถามไถ่ข้อมูลต้นหลิวให้เพ็ญพาไปรู้จัก ซึ่งพอคุยกับเพ็ญมากๆ ก็เริ่มสนิทกัน แต่ทางเพ็ญก็มีแฟนอยู่แล้วชื่อ ปกป้อง แต่ความสัมพันธ์ของเพ็ญกับชวดก็ดำเนินไปอย่างบริสุทธิ์ใจเป็นเหมือนเพื่อนกัน และเขาก็คลั่งไคล้ต้นหลิวอยู่ แต่สักพักมันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เพ็ญและชวดต้องไปใช้เวลาร่วมกัน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มเข้ามาเบียดข้างในหัวใจให้ตัวชวดเริ่มคิดว่า เอ๊ะเอายังไงดีวะเนี่ย
Q: คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้
เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ นะครับ มุมมองของผมเองผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของคาร์แร็คเตอร์มากกว่า ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะผมเขียนเองนะครับแต่ผมว่านิสัยของตัวละครทุกคนในเรื่องเลยครับทำให้ผมอยากอยู่กับสิ่งแวดล้อมแบบนี้ อยากอยู่กับครอบครัวแบบนี้อยากอยู่กับเพื่อนแบบนี้ อยากอยู่กับที่ทำงานแบบนี้ ผมว่ามันเสน่ห์ ผมไม่รู้ว่าคนเข้าไปดูแล้วจะรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า แต่ผมคิดว่าถ้าผมได้อยู่ในโลกแบบเนี้ยมันคงเพลินดีเนอะ
Q: คาร์แร็คเตอร์ของเรื่องนี้ค่อนข้างจะมีสีสันทีเดียว แดนมีวิธีการดีไซน์คาร์แร็คเตอร์หลักๆ อย่างไรบ้าง
ผมขอเริ่มที่เพ็ญก่อนนะครับ ผมนึกถึงผู้หญิงคนนึงที่คล่องๆ ผู้หญิงที่อยู่กับแฟนแล้วก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อนแฟนโดยที่บางที ลืมว่าตัวเองเป็นใคร แต่คนที่กระตุกเค้าว่าคุณกำลังไม่ใช่ตัวเองนะก็คือชวดนั่นเอง ตัวผมเองผมชอบคุยกับผู้หญิง หรือว่าคนที่ตอบโต้ผมได้ ผมว่ามันสนุกดี เพราะฉะนั้นผมเลยสร้างตัวละครสองตัวที่เป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อกันเลยสร้างตัวเพ็ญขึ้นมา เราก็จะเห็นการสู้กันด้วยไดอะล็อคบางอันของชวดกับตัวเพ็ญในหนังครับ
ต่อมาที่ตัวปกป้องเป็นตัวละครที่ผมคิดอยู่นานมากว่าจะให้ชื่ออะไร สุดท้ายก็มาตายตรงที่คำว่าปกป้อง หลายคนขำกับชื่อนี้มากเพราะชื่อมันเชย แต่ผมคิดว่านิสัยคนนี้เหมาะกับชื่อนี้มาก เขาพร้อมที่จะปกป้อง ดูแลใครสักคน แต่เผอิญว่าเขาลืมคำนึงว่า สิ่งที่กำลังทำ ดูแลปกป้องเขาเนี่ย เขาแฮปปี้มีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังทำให้เขาไหม นั่นแหละครับคือปกป้อง แต่คนดูจะเห็นถึงความน่ารักของเขา เพ็ญไปตกหลุมรักหรือหลงเสน่ห์ปกป้องได้ ไม่ใช่เรื่องเงินแน่ๆ ครับ หลักๆ เลยคือเป็นความที่เป็นคนที่เอาใจใส่แล้วก็รับรู้ถึงความอบอุ่นที่เขาให้จริงๆ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาให้ดันไม่ถามผู้รับเท่านั้นเอง นั่นคือความผิดเล็กๆ ที่ตัวปกป้องมี อยู่ที่ว่าเขาจะเคลียร์กันยังไงเท่านั้นเอง
ส่วนตัวต้นหลิว ผมตามหาผู้หญิงที่เดินมาแล้วคนต้องมองน่ะ ต้นหลิวเป็นคนสวยมากแต่มาเป็นพิธีกรตามหาผีในบ้านร้าง ซึ่งหน้าเขาอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นพิธีกรรายการแบบนั้นแต่ว่าผมรู้สึกว่า รายการผีพิธีกรต้องสำคัญนะ พิธีกรต้องเรียกคนดูต้องไม่ไล่คน ซึ่งต้นหลิวเวลาเขามองกล้อง เขาได้หมดเลย เขาได้ความรู้สึกนั้นหมดเลย ผมสร้างคาร์แร็คเตอร์ ง่ายๆ เลยเป็นคนที่มองโลกในด้านบวกอย่างเดียวเลยเป็นคนที่มีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่าง มีความสุขกับการคุยกับคน มีความสุขกับงานเป็นผู้หญิงที่ไม่เครียดเลย เป็นผู้หญิงมีสุขภาพจิตดี เพราะว่าผมต้องการคนที่มีรอยยิ้มจากแววตา ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่รอบๆ เขาจะมองเขาด้วยรอยยิ้มไม่ได้
Q: มาถึงงานยากอย่างหนึ่งของการทำหนังก็คือ การคัดเลือกนักแสดง ช่วยเล่าถึงขั้นตอนนี้หน่อยว่านักแสดงแต่ละคนนั้นเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไนบ้าง
เพ็ญสุดท้ายแล้ว ผู้หญิงคล่องแคล่วคนนั้นก็ได้น้องแพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา มารับบทครับ ซึ่งก็ผ่านทางผู้ใหญ่หลายๆ ท่านแล้ว ทั้งพี่ปรัชญา เขาก็บอกว่าควรจะให้น้องแพทเล่น เพราะเขามีหลายๆ ส่วนที่ตรงกับคาร์แร็คเตอร์อยู่เหมือนกัน น้องเขาเป็นคนที่ร่าเริง ใครคุยด้วยก็ได้ จริงจังกับการทำงาน ตัวละครนี้เป็นเป็นตัวที่เล่นยากมากครับ ตอนผมเขียนผมไม่ได้คิดถึงใครเลย บทนี้ต้องทำหน้าทำตาพิลึก ต้องมีความสามารถในเรื่องของการบ้าได้สุดเหวี่ยง ที่สำคัญคือทำแล้วต้องมีเสน่ห์ต้องน่าดู ตัวละครตัวนี้ต้องอยู่ทุกสังคมได้ เป็นเหมือนจิ้งจกตุ๊กแก (หัวเราะ) เปลี่ยนสีได้ทุกสภาพแวดล้อม โดยที่อยู่แต่ละที่แล้วทุกที่ก็รักเขาด้วยนะ เพราะความสดใสร่าเริง ของเพ็ญเนี่ย ทำให้เขาอยู่ในทุกที่ได้โดยที่มีออร่าอะไรบางอย่าง ทำให้ทุกคนมองเขา
สิ่งที่ตัวน้องแพทเองต้องแบกรับภาระมากว่าการท่องไดอะล็อคด้วยซ้ำก็คือการบริหารเสน่ห์ตัวเอง ครับ และยังมีบทแอ็คชั่นนิดๆ ดราม่าหน่อยๆ อีกด้วย ซึ่งน้องแพทเขาไม่เคยเล่นบทที่มันหลุดออกไปจากเดิม มันก็เป็นความสะใจอย่างหนึ่งของผมด้วยครับ ที่ผมจะได้เห็นเขาในสภาพนี่หรือนางเอก (หัวเราะ) แต่ผมว่าเลือกถูกคนแล้ว เดี๋ยวก็ต้องไปดูกันครับว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
Q: การทำงานร่วมกับแพทตี้ครั้งนี้เป็นอย่างไร แพทตี้ได้โชว์ความสามารถอย่างไรบ้าง
ตอนแรกก็กะไว้ว่าตอนเล่นคอเมดี้ น้องคงจะเล่นไม่ได้ คงจะเขินๆ เล่นยาก แต่ปรากฏว่าซีนที่คอเมดี้จัดๆ กลับเล่นได้ กลายเป็นดราม่าที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจจะเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ใช้อารมณ์แบบพลิกสุดด้านมั้งครับ คือพอคอเมดี้ก็เป็นคอเมดี้แบบใช้ร่างกายใช้ทุกอย่าง ตัวละครต้องสนุกๆ จริง ผมจะถ่ายก็ต่อเมื่อนักแสดงและดูสายตาของทุกคนแล้วรู้สึกว่าเขาสนุกกับซีนนี้แล้ว ผมถึงเริ่มถ่ายทีนี้พอมาโซนความสุขมันอาจจะเยอะไปนิดมั้งครับ เขาก็พลิกกลับมาดราม่าไม่ทัน ดราม่าเขาก็ต้องใช้สมาธิเยอะหน่อย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ครับ ผมว่าเป็นความท้าทายของเขา
Q: ถัดมากับบีมเข้ามารับบทได้อย่างไร การกลับมาทำงานร่วมกันพี่บีมครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
พี่บีมภายนอกเนี่ยเขาใช่แน่เป็นผู้ชายลุคสะอาดสะอ้าน มีความรู้มีฐานะมีนิสัยที่มีความมุ่งมั่น เชื่อในบางอย่างในตัวเอง พี่บีมเขาก็เป็นคนแบบนั้น แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นก็คือความน่ารักที่พี่บีมใส่เข้าไปให้กับตัวละครปกป้องครับ เวลาเขาสอนเขาจะสอนจริงจัง แต่ว่าท่าทางการแสดงของเขาถ้าได้ดูจะเห็นถึงความน่ารักของเขา ส่วนที่มาว่าพี่บีมเข้ามาเล่นหนังได้อย่างไร พอเราชวนเขามาเราบอกว่าเราทำหนังเขาก็มาเล่นเลยครับ พี่บีมอาจจะเป็นคนเดียวด้วยมั้งที่ชินกับความฝันไปเรื่อยของผม คือทุกสิ่งที่ผมทำมักจะผ่านหูพี่บีมมาแล้วทุกเรื่อง การทำหนังเรื่องนี้เขาก็ได้ยินมาก่อนและเขาก็แสดงความดีใจที่เรากำลังจะได้ทำความฝันอีกหนึ่งชิ้นของเรา เขาบอกว่าเขายินดีที่จะช่วยทุกอย่าง ก็ขอบคุณมากนะครับ แล้วเขาก็ทำเต็มที่จริงๆ เขาเป็นนักแสดงมืออาชีพมากๆ คืดผมเห็นเขาในมุมนี้แต่ว่าเขาพัฒนาขึ้นเยอะมาก เขาไม่ ยึดกับบทอย่างเดียวแต่เขาดีไซน์เยอะ เขาช่วยคิดเยอะมาก เอาแบบนี้ไหม แบบโน้นนี้ไหมแดน ซึ่ง...ผมไม่เอาเลย ล้อเล่นครับ (หัวเราะ) ตัวละครนี้ตอนเขียนก็ไม่ได้นึกถึงใครนะครับแต่พอต้องเลือกนักแสดงก็นึกถึงเขาเป็นคนแรกเลย
Q: ในเรื่องนี้ยังมีอีกหนึ่งสาวสวยระดับซูเปอร์โมเดล มาร่วมเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญด้วย แดนช่วยเล่าถึงการทำงานกับน้องนุช นีรนาทกันสักนิด
น้องนุช นีรนาท น้องเขาเข้ากล้องแล้วนี่ปิ๊งเลย ในบทน้องนุชต้องเป็นพิธีกรมืออาชีพครับแต่จริงๆ แล้วเขาเพิ่งเคยจะเป็นพิธีกรครั้งแรกในชีวิต ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่เคยรับงานพิธีกรที่ไหนเลย แต่เขาก็ทำได้เยี่ยมมากครับ ตอนเราถ่ายก็เหมือนถ่ายรายการจริงๆ มีป้ายบอกไดอะล็อคเหมือนเหมือนในรายการต่างๆ ให้เขาได้อ่าน แต่เขารู้มุมกล้อง รู้วิธีการพูด มุมไหนสวยน้องนุชจัดให้แป๊บเดียวผ่านครับสมแล้วที่เป็นซุปเปอร์โมเดล น้องนุชเนี่ยเป็นผู้หญิงที่ไม่ต้องมีไดอะล็อคพูดก็ได้ ยืนยิ้มอยู่เฉยๆ ก็สวยมาก เขาก็ส่งเสน่ห์ออกมาให้ทีมงานให้ทุกคนรับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้สมควรแล้วที่จะตกหลุมรักเขา เขาเสน่ห์แรงมากครับ มีอยู่ซีนหนึ่งขนาดเขาแค่นอนหลับยังสวยเลย! (หัวเราะ) จนทีมงานหลงบอกว่าสวยอย่างกับเจ้าหญิงนิทรา เป็นขวัญใจของกองถ่ายเลยครับ เวลาน้องนุชมาเข้าฉากทีไรจะมีคนมาขอถ่ายรูปคู่ด้วยตลอด
Q: มาถึงตัวละครชวด กันบ้าง ทำไมถึงเขียนบทนี้ขึ้นมาและถ้าเป็นคนอื่นเล่นจะสามารถเล่นได้ไหม
ชวดเป็นคนชิลครับ เขาเป็นคนที่เปลี่ยนงานบ่อยมาก เขาเป็นคนขี้เบื่อ ทำงานไปไม่ชอบเหนื่อยละก็ออก เขาก็ออกเขาอยากไปทำงานใหม่เขาก็ทำ ซึ่งเผอิญว่าเขาได้มาทำงานชิ้นใหม่หลังจากที่เขาเพิ่งลาออกจากงานเดิมของเขามา เขาก็โดนเพื่อนเขาที่ชื่อถั่ว มาชวนให้เขาไปทำรายการเรียลลิตี้หมาแพนดี้ ซึ่งก็อปปี้หมีแพนด้ามาเป๊ะเลย แต่เปลี่ยนมานั่งดูหมา หมาตัวนี้มันเป็นหมาที่ไม่รู้เป็นอัมพาตหรือเป็นโรคอะไรสักอย่างมันเป็นหมาที่ไม่ขยับเลย แม้แต่กระพริบตามันยังไม่ค่อยกระพริบเลย (หัวเราะ) พอเข้าไปทำงานวันแรกเนี่ยเขาก็ช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเขาต้องใช้ความสามารถของตัวเองในการทำให้มันขยับให้ได้เพราะว่ามันไม่ขยับเลย มันจะไม่มีคนดูแน่นอนจะให้คนมาดูหมาแช่แข็งเหรอมันก็ต้องทำทุกวิถีทาง แล้ววิธีการของชวดมันก็ห่วยแตก (หัวเราะ) แต่เขาเป็นคนคิดเร็ว มีไหวพริบในการพูดการคิด เขาจะเป็นคนทำทุกอย่างรวดเร็วเขาถึงเหมาะกับการเป็นโปรดิวเซอร์เพราะต้องแก้ปัญหาตลอดเวลา
ซึ่งบทนี้ผมเล่นเองครับ จริงๆ จะให้คนอื่นเล่นก็ได้เพียงแต่ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นคนที่เข้าใจในบทที่ตัวเองเขียนได้ดีที่สุดแล้ว
-
Q: แฟนๆ จะได้เห็นเคมีทางการแสดงที่ลงตัวระหว่างแดนกับแพทตี้อย่างไรบ้าง
ผมกับน้องแพทตี้เหรอครับ เข้าฉากกันเผอิญว่าอาจจะเป็นเพราะเราสนิทกันอยู่แล้ว คือเขามีความคุ้นเคยกัน พอคุ้นเคยกันเนี่ยการพูดจาการตอบโต้กันมันก็เร็ว การกำกับก็เลยง่ายขึ้นครับ ซึ่งช่วยในการทำงานมากเหมือนกันเพราะในบทมันมีช่วงเวลาน้อยมาก คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ คนสองคนนี้จะมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันได้ยังไง มันต้องเป็นเรื่องการเอาเคมีความเข้ากันได้ของตัวละครมาวัดกันเลยครับ ซึ่งงานที่ออกมาก็โอเคครับเรียกว่าพอใจในระดับหนึ่งเลย
Q: นอกจากตัวละครหลักที่แดนตั้งใจเขียนออกมาให้เป็นสีสันใหม่ๆ แล้ว ยังมีตัวละครสมทบน่ารักๆ อีกเยอะช่วยเล่าถึงเหล่านักแสดงสมทบ และบทบาทของพวกเขาให้ฟังหน่อย
ยาย - ยายของชวดที่อยู่ที่ต่างจังหวัดนะครับ ภาพแรกที่ตั้งใจให้เป็นคือยายต้องเป็นผู้หญิงหน้าซื่อๆ ใจดีๆ อบอุ่น น่ารัก แต่ก็ต้องแอบแสบเหมือนกัน ซึ่งยากมาก ตัวละครนี้หากันนานมากเลยครับ แล้วก็ผมก็ไปนึกถึงคุณแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ขึ้นมา เพราะเราเป็นคนสุพรรณเหมือนกัน เรารับรู้อยู่แล้วว่าท่านเป็นคนยังไง แต่ยังไม่เคยเห็นมุมแอบเจ้าเล่ห์น่ะครับ ผมก็ไปหาคุณแม่ขวัญจิตที่สุพรรณเลย ไปพูดคุยได้เจอมุมที่น่ารัก แล้วก็ลองให้ท่านเล่นมุมเจ้าเล่ห์ดูสายตาอีกแบบก็ใช่เลยครับ ใช่มากๆ ก็เลยได้ร่วมงานกัน คุณแม่ก็เต็มที่ครับ ทำการบ้านมาดีมาก บทตัวยายเป็นบทที่ยาวมากครับ แต่คุณแม่ก็พูดได้แบบเป๊ะๆ เลย ท่านมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกอันนึงที่ท่านมีคือความทะลึ่งครับ (หัวเราะ) ท่านมีความสามารถในเรื่องทะลึ่งที่น่ารักมากๆ คือภาพยนต์เรื่องนี้มันอาจจะมีความทะลึ่งนิดๆ หน่อยๆ ตามสไตล์ของวัยรุ่นทั่วไปอ่ะครับ ท่านก็เล่นออกมาได้น่ารักมากครับ จนผมอยากกอดน่ะ ผมเล่นเรื่องนี้ผมก็อยากกอดยายตัวเองเลยล่ะครับ
พ่อแม่ คุณพ่อคุณแม่ของเพ็ญนะ อีกสองตัวละครที่ผมรักมากเหมือนกัน เพราะว่าครอบครัวนี้มีความสุขมาก คุณพ่อคุณแม่รักกันอยู่ด้วยกันสองคนกุ๊กกิ๊ก เมื่อเรากลับบ้านมาเหนื่อยๆ ท่านก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเราได้ และนอกจากสร้างรอยยิ้มแล้วเวลาเรามีปัญหาท่านสามารถสอนเราได้ ทีนี้เรื่องการหานักแสดงเนี่ยก็ยากมากเหมือนกัน จะทำอย่างไรให้ดูอบอุ่นสนุกน่ารัก แต่ว่าผมแค่อยากได้ทางใหม่ ความรู้สึกใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็นคุณพ่อคุณแม่ในหนังแบบนี้ ผมเลยเลือกนักแสดงคนหนึ่งซึ่งเป็นนักแสดงใหม่คือพี่ตึ้ง (ธนศักดิ์ อุ่นอ่อน) เขาก็อยู่ในวงการแวดวงนี้แหละแต่เป็นนักพากย์ครับ เช่นรายการทีวีแชมป์เปี้ยนก็เป็นเสียงเขา เขาไม่เคยแสดงภาพยนตร์มาก่อนเลย ผมได้มีโอกาสไปพากย์หนังกับเขาน่ะครับ แล้วก็เจอเขา ได้เห็นอะไรบางอย่างของเขา ความมีเสน่ห์ และหน้าตาก็เป็นคุณพ่อน้องแพทตี้ได้ ก็ชวนเขามาแล้วเขาเล่นแบบถูกใจมากน่ะครับ เล่นน่ารักมากเล่นดี ผมชอบเลยครับ คุณแม่ก็เหมือนกัน คุณแม่คือพี่เจี๊ยบ (นนทิยา จิวบางป่า) พี่เจี๊ยบนี่ก็น่ารัก วันแรกนี่พวกเขาไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย เหมือนเขาแทบจะไม่รู้จักกันมาก่อนเลย แต่เขาเจอกันดูรักกันเลยน่ะครับ สนิทกันมากแล้ว ด้วยความเป็นมืออาชีพของเขาน่ะครับ เขาก็ทำความสนิทสนมกันเองเวลาเขาเล่น เขาก็ดูน่ารักจริงๆ เป็นพ่อแม่ที่แกล้งกันหยอกกันตลอดเวลาน่ะครับ
แจ็ค ตัวละครแจ็ค เป็นเจ้าของรายการที่เพ็ญมาทำงานด้วย เขาเป็นเจ้าของรายการเต้นแอโรบิคพ่วงการขายสินค้า ที่มีท่าเฉพาะตัวที่ไม่ค่อยน่าเต้นตามเท่าไหร่ บทนี้ได้พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ (ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) มาเล่น เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่พรีเซนต์ความเป็นตัวเอง ที่ใช้คาแร็คเตอร์ของตัวเองเป็นจุดขาย หลังๆ นี้เราก็เห็นเจ้าของสินค้าหลายๆ คนเอาตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์แล้ว และแจ็คเองก็เป็นแบบนั้น และก็ไม่ได้เป็นคนซีเรียสอะไรเป็นคนที่ทำงานกับลูกน้องสบายๆ เขาจะมีสองบุคลิก คือตอนที่เป็นผู้บริหารก็เป็นผู้บริหารที่ขรึมๆ น่ะครับ นิ่งๆ แท่ๆ หน่อย แต่พอตอนที่เขาต้องไปรายการแอโรบิคของเขาจะปลดปล่อยความเป็นตัวเองเต็มที่ กอล์ฟนี่สนิทกันอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน เพราะฉะนั้นเรารู้ทางอยู่แล้วว่าเขามาทางไหน แต่นี่คืออีกตัวละครที่เหนือความคาดหมายจากตอนที่ผมทำบทน่ะครับ เวลากอล์ฟเล่นเขามีความสามารถในการพูดไดอะล็อค การใช้เสียงที่สูงต่ำหนักเบา เขามีความสามารถเรื่องนี้มาก เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาขาย สินค้าของเขาหรือการที่เขาพูดกับลูกน้อง มันดูแล้วมันก็น่าซื้อของเขาจริงๆ ถึงแม้ว่าของมันจะดูแปลกๆ แต่มันก็น่าสนใจ ก็ดีใจที่ได้กอล์ฟมาช่วยกัน ขอบคุณมากครับ
Q: นอกจากเขียนบท กำกับนักแสดงและกำกับภาพยนตร์แล้วยังแสดงเองด้วยแต่ไม่ใช่แค่นี้ได้ข่าวมาว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้แดนเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกๆ ส่วนของภาพยนตร์เลย
การทำงานในเรื่องนี้นอกจากงานผู้กำกับแล้ว เผอิญว่าผมเป็นคนเขียนบทเองด้วยก็เลยจะรู้ภาพที่ต้องการในหัวมากที่สุด ก็เลยเข้าไปช่วยการทำงานในส่วนอื่นๆ ด้วย ไม่ได้อยากไปยุ่งกับตำแหน่งอื่นๆ นะครับ เราก็เคารพในหน้าที่ซึ่งกันและกัน และทีมงานแต่ละคนผมก็เลือกมาเอง เพราะเราเห็นความสามารถของเขาอยู่แล้ว ถือเป็นการช่วยกันมากกว่า ได้ทำในหลายส่วนครับทั้งในเรื่องของการหาโลเคชั่น
เราจะได้เห็นอะไรบ้าง แน่ๆ เลยนะครับเหตุการณ์ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ก็ไปเกิดกันที่ เกาะกูด จังหวัดตราด นะครับ การเดินทางไปยากลำบากมากจริงๆ มันยากมากอย่างนักแสดงก็เป็นชั่วโมงแล้วกว่าจะเดินทางไปถึง แต่ที่หนักกว่านั้นก็คือรถขนเครื่องปั่นไฟ รถขนอุปกรณ์ต่างๆ 20 กว่าชั่วโมง ที่ลอยอยู่บนแพ ข้ามวันข้ามคืนว่าจะข้ามมาถ่ายทำกันได้ครับ แต่การที่ได้ฉากที่นี่ผมคิดว่าคุ้มมากเพราะเกาะนี้นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว มียังมีความพิเศษอีกเยอะครับเกาะนี้ไม่ได้มีแต่ทะเลอย่างเดียวยังมีภูเขา มีแม่น้ำ มีป่าโกงกาง และที่สำคัญยังมีความบริสุทธิ์ ความเจริญยังเข้าไปไม่ถึงมากนัก มีบรรยากาศที่แตกต่างกับกรุงเทพมาก เหมาะกับการที่ตัวละครจะมีช่วงเวลาพิเศษกันที่นี่ ได้หนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่เหมือนหลุดมาอีกโลกนึงครับ แต่การทำงานก็ลำบากไม่ใช่เล่น ถนนในเกาะไม่ค่อยดีนัก บางส่วนไม่มีถนนเข้าไป โดยเฉพาะด้านริมหาดติดหน้าผา ไม่มีถนนที่รถใหญ่เข้าได้ เข้าได้แต่มอเตอร์ไซด์ เพราะฉะนั้นของบางอย่างเนี่ย ก็ต้องใช้แรงคนแบกครับ แบกอ้อมเขาไป ช่วยกันแบกสายไฟขึ้นไปบนเขา ต้องไปแหวกหญ้าถางทางทำทางลงจากหน้าผาเพื่อให้ได้ภาพที่แตกต่างและสวยที่สุดครับ แต่ก็ทุลักทุเลกันพอสมควร (หัวเราะ) การทำงานมันก็ยาก แต่คุ้มค่าครับผมหาโลเคชั่นนี้นานพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะลงตัว ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากไปในที่ๆ เขาถ่ายหนังหรือคนไปกันเยอะๆ เพื่อภาพที่ออกมาจะได้สวยและสดใหม่มากที่สุดครับ โลเคชั่นทะเลของเรายังมีอีกที่ครับ ก็คือที่ ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นฉากบาร์ริมทะเล ซึ่งกว่าจะหาที่ได้ก็ลำบากเช่นกัน ต้องขับรถเข้ามาจากชายหาดรถก็มีติดหล่มกันไปบ้าง ฉากนี้ จริงๆ แล้วเป็นพื้นทรายโล่งๆ เปล่าๆ แต่นี่ทำการเซ็ตฉากขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ใช้เวลาสร้างประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะมันยากอยู่นะครับกับการสร้างบาร์บนพื้นทราย แถมมีเรื่องของน้ำขึ้นน้ำลงมาเกี่ยวอีกด้วยต้องวางแผนก่อสร้างกันให้เป๊ะเลยว่า สร้างแล้วน้ำจะไม่ท่วม ก็ต้องยกเครดิตทีมอาร์ตเขาครับเก่งมาก
นอกจากนั้นฉากของเราก็จะเป็น ก็เป็นกิจกรรมในเมืองเป็นห้างกลางกรุง และสถานที่เที่ยวที่ช้อปปิ้งของคนรุ่นใหม่อีกหลายแห่ง ให้เห็นไลฟ์สไตล์คนเมือง ทั้งดูหนัง ทานข้าวฟังเพลง ก็เป็นชีวิตสองฝั่ง ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปเราก็จะได้เห็นชีวิตสองฝั่งชีวิตที่ดูแล้ววุ่นวายมากๆ กับฝั่งที่อยู่แล้วนิ่งๆ สงบๆ ให้เลือกกันได้ตามความชอบครับ
-
ส่วนเรื่องหน้าเรื่องทรงผมการแต่งกายอะไรก็มีส่วนบ้างก็มีไปซื้อของเองด้วยครับเพราะเสื้อผ้ามันก็เป็นการบอกบุคลิกของตัวละครได้ ยกตัวอย่างชวด ตัวผมเอง เสื้อผ้าจะเป็นวินเทจ (Vintage) นิดๆ ที่เลือกเป็นวินเทจมันเป็นเรื่องของการค้นหา บ้างครั้งการตามหาสิ่งที่ถูกใจก็ต้องรอเวลาเลือก ส่วนตัวของเพ็ญนะ ก็เป็นเรื่องของความสดใสร่าเริง เสื้อผ้าก็จะเป็นที่เราดูแล้วรู้ก็จะเป็นเสื้อผ้าที่ดูแล้วคล่องแคล่ว ส่วนเสื้อผ้าของ ต้นหลิว จะเป็นออกแนวเซ็กซี่หน่อย เพราะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก มั่นใจว่าฉันสวยที่สุดในโลก เสื้อผ้าก็จะจะเปิดไหล่ ผ่าหน้า ผ่าหลัง ส่วนปกป้อง ก็จะเป็นผู้ชายอบอุ่นนะครับ เสื้อผ้าก็จะเป็นสุขุม นุ่มลึก ดูเรียบร้อยอ่อนโยนครับ
Q: หนังแดน วรเวชกำกับเองทั้งทีมีเพลงประกอบภาพยนตร์ให้แฟนๆ ได้ฟังกันบ้างไหม
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ความพิเศษของเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ เป็นเรื่องของเสียงเพลงครับ ผมได้เพื่อนๆศิลปิน มาร่วมพูดคุยถึงไอเดียว่าอยากได้เนื้อหาแบบไหน ดนตรีแบบไหน แนวไหนก็พูดคุยกันจนได้เพลงประกอบภาพยนตร์มา 3 เพลง สามแนว จาก วง Slot Machine มากับเพลงเร็วสนุกๆ และยังมาร่วมมาแจมในหนัง งานนี้คุ้มครับมาดูหนังแต่ได้ชมคอนเสิร์ตไปด้วย จากนั้นก็มีเพลงสากลเพราะๆ ของวง Sobic ศิลปินเดนมาร์กหัวใจไทย ที่ผมก็ได้ถ่าย MV ประกอบภาพยนตร์เอาไว้ระหว่างถ่ายทำ และสุดท้ายเพลงช้าสุดพิเศษ จาก ซิน วง Singular ที่มาช่วยถ่ายทอดอารมณ์หนังออกมาเป็นบทเพลงได้ไพเราะมากอยากให้ลองติดตามฟังกันครับ
Q: มีข่าวแอบบอกมาว่าการทำงานหนังเรื่องนี้แดนเป็นคนละเอียดมาก ทุกอย่างต้องเป๊ะๆ มีในจุดไหนที่เราใส่ใจเป็นพิเศษบ้าง
จริงๆ ผมก็ใส่ใจตลอดนะครับ เพียงแต่ว่าฉากที่ต้องละเอียดหน่อยอาจจะเป็นเรื่องของฉากที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหาร ยกตัวอย่างฉากบาร์ละกัน ซีนนี้มีเรื่องของการชงเหล้ามีเทคนิคของการชงเหล้า เราก็อยากให้มันสมจริงขึ้นมา ทีมงานก็เลยไปเชิญบาร์เทนเดอร์ตัวจริงจากโรงแรมดังแห่งหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้ได้สูตรที่เป๊ะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ออกมาเป๊ะจริงๆ ดูน่าตื่นตามากครับ ผู้ชมจะได้เห็นการทำค้อกเทลที่ผมว่าปกติแล้วไม่ได้หาดูกันง่ายๆ หรอก มีการตั้งแก้วเป็นทาวเวอร์ รินเหล้าให้ไหลลงมาเป็นระดับแล้วจุดไฟ หรือค้อกเทลหน้าตาแปลกๆ อีกหลายตัว ก็ต้องไปลองดูกันครับ
Q: มีคนเมาท์มาว่า ผู้กำกับสั่งได้ทุกคนเลยนะแต่ลืมบทของตัวเอง จริงรึเปล่า
มันเป็นอย่างนี้ครับ (หัวเราะ) เล่าให้ฟังคือวันนี้เราใช้สมาธิเยอะมากอ่ะแล้วมีอยู่ซีนหนึ่งก็ ตกใจตัวเองเหมือนกัน คือมันเป็นซีนร้านกาแฟคือวันนั้นมันเร่งมาก เราก็ไปบรีฟทุกคน ทุกคนซ้อมเสร็จหมดละ เราก็พร้อมแล้วใช่ไหม เราก็ไปนั่งที่แค่รู้ว่าตัวเองนั่งตรงไหนมันอยู่ในหัวเรา เราก็ไปนั่งเสร็จปุ๊บ พอเค้าแอ็คชั่นปุ๊บ เฮ้ยไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย เราลืมไปว่าเราต้องเล่นด้วยไง เราต้องเล่นแล้วเราก็มีไดอาล็อคยาวมาก ก็ต้องพักแป๊ปนึงที่คนอื่นซ้อมมาลืมหมด แต่ผมต้องไปนั่งท่องบทใหม่เพราะว่า เราลืมนึกถึงตัวเอง พอแอ็คชั่นเฮ้ยลืมไปว่าตัวเองต้องนั่งอยู่ในเซ็ทด้วยไง เนี้ยมันก็มีเหตุการณ์อยู่บ้างประปรายครับ (หัวเราะ)
Q: มีเรื่องเครียดที่เกิดขึ้นในกองบ้างไหม ที่ไม่อยากให้ทีมงานรับรู้
แน่นอนว่า การทำงานก็ต้องมีช่วงเวลาที่เครียดบ้าง แต่ว่าเราไม่ควรเครียดให้กับทีมเราเห็น ผมอยากให้ทำงานทำให้ทุกคนมีความสุขที่สุด จริงๆ ก็มีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่างระหว่างในการถ่ายทำ เช่น ผมป่วย แต่เราก็ต้องไม่บอกให้ทีมงานรู้เราจะโดนเป็นห่วง เราก็จะรู้สึกว่าทำอะไรแล้วไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ผมเลยรักษาตัวเองด้วยเสียงหัวเราะของตัวเองมันก็จะหายดีเอง แล้วก็ปัญหามันเกิดขึ้นเยอะมาก จะถ่ายไม่ทันเอย ของบางชิ้นไม่ได้ เสื้อผ้าโดนปั่นในล้อรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเรากำลังจะถ่ายแล้วในซีนต่อไป เป็นเสื้อนางเอกด้วย แล้วอยู่เกาะกูดด้วยจะหาเสื้อผ้ายังไง มีเรื่องเยอะมากแล้ว แต่เราห้ามเครียดเด็ดขาด เป็นสิ่งที่คอยบอกตัวเองไว้ตลอดว่าถ้าเราเครียดจนทนไม่ไหวจริงๆ เราต้องเดินไปที่อื่นครับ เราต้องไม่ยืนตรงที่มีคนเยอะครับ เดินไปหัวเราะกับคนอื่นไปแกล้งไปอำใครเพื่อไม่ซีเรียสและให้กองไม่ซีเรียส เพราะสิ่งที่ผมต้องการคืออยากให้บรรยากาศกองมันดีที่สุดครับ
Q: การทำงานเรื่องนี้ต้องแลกด้วยอะไรบ้าง
สิ่งที่ต้องแลกก็คือเราต้องทำเพลง ทำอัลบั้มต้องใช้สมาธิว่าเราสามารถแต่งเพลงนึงเสร็จได้แต่ว่ามันจะออกมาไม่ดีที่สุด ผมก็เลยคิดว่าผมควรจะทำออกมาทีละชิ้นทีละอันดีกว่านะครับ ถึงแม้ว่าจะโดนดูดพลังไปทั้งร่างกายแต่ว่าสิ่งที่ได้กลับมามันก็เป็นความสุขที่เราได้ทำงานได้เห็นคนอื่นยิ้ม แล้วก็ถามว่าคุ้มไหมกับการที่เราแลกมา ผมว่าคุ้มมากครับ
Q: มุมมองของแดนเปลี่ยนไปไหมจากก่อนทำหนัง
หลังจากที่ทำหนังเสร็จแล้วก็สิ่งที่ได้แน่ๆ คือความสุขที่เราได้ทำ ทำมันแล้วก็ได้อย่างที่เราต้องการ ถามว่าแล้วเราจะทำงานกับมันต่อไหมในเรื่องที่สองหรืออะไรยังไงมันก็ ก็ต้องบอกจริงๆ ว่าการทำงานแบบนี้เป็นการทำงานเหนื่อยมากนะครับ หนังเรื่องมันใช้พลังงานเยอะมาก พลังงานคน พลังงานใจ พลังงานสมองมากมาย แต่ก็ถือเป็นงานที่ดีนะครับ เป็นงานที่จุดประสงค์สุดท้ายของการสำเร็จชิ้นงานก็คือการสร้างความบันเทิงให้กับคุณทุกคนที่ได้ดูผมก็เลยรักงานนี้เหมือนกัน
จะทำหนังต่อไหมมันอยู่ที่เรามีแรงแล้วมีเรื่องอยู่ในหัวไหม ผมทำเมื่อผมรู้สึก ผมทำเมื่อผมคิดได้ เพราะว่าผมคิดว่าผมทำงานศิลปะอยู่อาจต้องรอกับวันที่ผมนึกอะไรที่มันออกจริงๆ แล้วเราก็ค่อยทำ จริงๆ วันนี้ครับก็สุดพลังแล้วก็ฝากติดตามกันด้วยแล้วกัน
Q: เมื่อได้ยินคำว่า “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ในครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้างและคิดว่า เวลาสั้นๆ สามวันสองคืนนั้นจะทำให้คนเราตกหลุมรัก กันได้รึเปล่า
ได้ยินคำว่าคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์เรานึกถึงอะไรเรานึกถึงช่วงเวลาอะไรบางอย่างที่เป็นช่วงเวลาปาฏิหาริย์ ช่วงเวลาของความพิเศษอ่ะครับ คุณจะคิดถึงสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นในหนังผมก็จะสร้างหนังให้มันเป็นอะไรที่มันเหมือนการทัวร์ที่น่าจดจำจนไปเล่าต่อให้คนอื่นฟังได้ไม่มีเบื่อ
หากถามว่า 3 วัน 2 คืนนี้ คนเราจะรักกันได้ไหม ผมว่า 3 วัน 2 คืนนี้คนเรารักกันไม่ได้แต่ตกหลุมรักกันได้ ผมบอกไม่ถูกแต่มันไม่ใช่รักที่แบบรักคุณแบบรักคุณตลอดไป แต่มันจะแบบหลงรักอะไรอย่างนี้ มันคนละความรู้สึกกันนะ มันเกิดขึ้นได้แน่นอน คืนเดียวก็เกิดขึ้นได้ ครับ
Q: หากมีเวลา 3 วัน 2 คืนจะทำอะไรให้กับคนที่รักบ้าง
ถ้ามีโอกาสที่อยากจะทำให้ใน 3 วัน 2 คืนก็คงจะไม่ปล่อยให้หลุดลอยไป คือหมายความว่าจะทำให้มีแต่เสียงหัวเราะ คือสามวันสองคืนให้มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขโคตรๆ ก็จะต้องอะไรทำไรที่มันต้องถูกจดจำไปอ่ะครับ เช่น ทำกิจกรรมที่ครั้งหนึ่งในชีวิต มันจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ถูกจดจำตลอดไปครับ ทำอะไรก็ได้แต่มีความสุขตลอดไป ครับ
-
“แดน” ควงคนรู้ใจ “แพทตี้– บีม” เปิดตัว “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” หนังรัก รั่ว อารมณ์ดี


และแล้วก็ได้เวลาเปิดตัว “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์ HAPPY COMEDY ROMANTIC จากค่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผลงานโชว์ความสามารถอีกด้านของหนุ่ม “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ ในการเป็นผู้กำกับ- เขียนบทภาพยนตร์ ควบแสดงนำครั้งแรกในชีวิต โดยแดนได้นำทีมนักแสดงนำ แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา และ บีม กวี ตันจรารักษ์ ร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ทำงาน ที่แสนสนุก ป่วนฮา เคล้าอารมณ์รัก ณ ลาน Sky Dining Hall ชั้น 6 สยามดิสคัฟเวอร์รี่ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เริ่มงานด้วยผู้กำกับและนักแสดงทั้งสาม แดน-บีม-แพทตี้ ขึ้นแนะนำคาแรคเตอร์ของตัวเอง พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวหนังรัก ฉบับแดน ที่ว่าด้วยเรื่องของการตัดสินใจเลือก คนที่เรารัก ว่าจะเป็นคนไหน คนที่ “ใช่” หรือ คนที่ “ใกล้” และจะเป็นไปได้ไหมที่คนเราจะตกหลุมรักกันในช่วงเวลาเพียง 3 วัน 2 คืน โดยบีม และน้องแพทตี้ก็ขอเมาท์ระยะเผาขนหนุ่มแดนกันอย่างสนุกปาก ถึงเรื่องรั่วๆ มันส์ๆ ตลอดการถ่ายทำภาพยนตร์ครั้งนี้ และ ชื่นชมการทำงานของแดน ในฐานะผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ทุ่มเทแบบสุดๆ ตั้งใจทำภาพยนตร์ให้สนุกเพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน เซอร์ไพรส์พิเศษด้วยคลิปวีดีโอ ส่งตรงมาจากสาวสวย นุช นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์ ที่ติดภารกิจเรียนการแสดงอยู่ต่างประเทศ จึงไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่ก็ส่งภาพมาทักทายทุกคน พร้อมทั้งเล่าประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้กำกับและนักแสดงมากฝีมือในเรื่องนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้ชมมิวสิควิดีโอ และฟังเพลงประกอบภาพยนตร์พร้อมกันเป็นครั้งแรกในงานนี้ กับบทเพลงเพราะๆ “พอ” จากวง Slot machine ที่แต่งเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ เป็นจังหวะโดนใจมันส์ๆ โดดเด่นด้วยเสียงผิวปากที่ทุกคนที่ได้ฟังแล้วต่างลงความเห็นว่าติดหูตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วยการเชิญผู้บริหารแห่งค่ายสหมงคลฟิล์มฯ คุณอวิกา เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด, คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายสื่อสารการตลาด, คุณชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย และ คุณศิตา วอสเบียน ผู้ร่วมควบคุมงานสร้าง บริษัท บาแรมยู ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับนักแสดง - ผู้กำกับ เพื่อเป็นเกียรติและเป็นที่ระลึกในงานเปิดตัวภาพยนตร์ครั้งนี้
เตรียมใจ “ตกหลุมรัก” ใครสักคนกันได้ ใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
กำหนดฉาย 9 สิงหาคมนี้
-
บทสัมภาษณ์ “แพทตี้ จาก คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”



แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา สาวน้อยหน้าใสขวัญใจหนุ่มๆ กับบทบาทนางเอกเต็มตัวครั้งแรก สุดรั่ว แสนฮา แสบซ่า และสุดซึ้งใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์ HAPPY COMEDY ROMANTIC
Q: เรียกได้ว่าแพทตี้เป็น นักแสดงรุ่นใหม่ที่มีงานต่อเนื่องมากที่สุดคนหนึ่ง งานในวงการที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง มีชอบงานด้านไหนเป็นพิเศษและมีสิ่งไหนที่อยากลองอีกไหม
แพทตี้ก็เริ่มเข้าวงการมาจากภาพยนตร์เรื่องปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น นะคะ จากนั้นก็มีภาพยนตร์ต่อมาเรื่อยๆ มีถ่ายโฆษณา, เล่นละคร, ได้ร้องเพลง ที่รัก กับพี่ ปราโมทย์ ปาทาน มีถ่ายมิวสิควีดีโอบ้าง ล่าสุดก็มีเพิ่งถ่าย MV คนเดิมของเธอ กับพี่บี้ เดอะสตาร์ ค่ะ และตอนนี้ก็มีภาพยนตร์เรื่อง คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ค่ะ ถ้าถามว่าชอบงานไหนจริงๆ แต่ละงานค่อนข้างแตกต่างกันอยู่แล้วค่ะ สนุกแตกต่างกันไป ตอนนี้ก็คือเป็นช่วงที่ศึกษาไปเรื่อยๆ มีงานไหนเข้ามาเราก็ลองดู เราก็ดูว่าสุดท้ายเราชอบตรงไหนมากที่สุด แต่ถ้าอยากลองก็คืองาน เดินแบบค่ะที่ยังไม่ได้ลองจริงจังค่ะ
Q: ทราบมาว่าแพทตี้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์เป็นพิเศษถึงขั้นไปเรียนมาทางด้านภาพยนตร์โดยเฉพาะ เริ่มมีความมีความสนใจในเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนไหน
ตอนเด็กๆ ก็ยังไม่ค่อยสนใจนะคะ เพิ่งมามีช่วงหลังๆ ค่ะ ช่วงเริ่มโตขึ้นเริ่มรู้สึกว่าเราดูหนัง แล้วเราสนุกมากขึ้นและเราก็เริ่มมีความสนใจมากขึ้นค่ะ และก็มามากที่สุดก็ตอนที่เรามีโอกาสได้ทำงาน ก็คือพอเรามาทำงานด้านภาพยนตร์ด้วย เราอาจจะเคยรู้เรื่องแต่เบื้องหน้า แต่พอเรามามองพี่ๆ ในกองถ่ายทำงานเบื้องหลัง เราก็แบบ เอ๊ะ เขาทำอันนี้ยังไง เพื่ออะไร เรคคอร์ดยังไง ทำไมเขาต้องจัดไฟแบบนี้ เราก็เลยมีความรู้สึกว่าอยากรู้ตรงนั้นก็เลยไปเรียนค่ะ แพทตี้เรียนจบจากสถาบันเอสเออีค่ะ สาขาทางด้านภาพยนตร์ พอเราเรียนแล้วก็เราก็รู้หลายๆอย่างมากขึ้น ในอนาคตอาจจะลองศึกษาในเรื่องของการทำเบื้องหลังเพิ่มเติม เพราะว่าตอนนี้เริ่มรู้มากขึ้นล่ะ พอเราไปถ่ายหนังก็จะรู้ล่ะว่าโอเคเขาถือไมค์บูมมายังงี้นะเพื่อที่จะให้องศามันเท่านี้ๆ คือตอนนี้เราค่อนข้างที่จะรู้หมดทุกอย่างล่ะ ว่าขั้นตอนของการทำงานทั้งหมดเป็นอย่างไร แต่ว่าอาจจะรอเวลาอีกนิดให้ความคิดของเราชัดเจนมากขึ้นว่าอยากจะทำอะไรค่ะ
Q: คิดว่าเสน่ห์ของภาพยนตร์อยู่ตรงไหน
เสน่ห์ของหนังอยู่ที่มันสามารถถ่ายทอดความเป็นจริงได้ เป็นสื่อที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของคนๆ ทั้งชีวิตหนึ่งมาแสดงในระยะเวลาชั่วโมงครึ่งได้ แต่เราต้องใช้ความสามารถในการถ่ายทอดทั้งหมดให้คนที่นั่งดูเราอินไปกับเรา รับรู้ไปกับเราว่า เราต้องการที่จะสื่ออะไร อยากให้เขารับรู้ชีวิตของเราเป็นแบบไหน ตอนนั้นเราเก็บกด เราท้อแท้ เรายังไง ซึ่งถ้าทำได้แม้มีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง แต่เขาจะรู้ชีวิตเราตั้งแต่เด็กเกิดมาเป็นยังไงค่ะ
Q: ในฐานะที่แพทตี้ เล่นหนังรักมาหลายเรื่องคิดว่าอะไรเป็นเหตุผลที่หนังแนว Romantic –Comedy นี้ได้รับความนิยม และทำออกมาได้ไม่มีซ้ำไม่มีเบื่อ
อันดับแรกอาจจะเป็นเพราะหนังแนวนี้มันไม่เครียด อันดับที่สองอาจจะตลกด้วยหรือว่าดูแล้วยิ้ม คนดูที่เขาเครียดจากงาน เขาก็ไม่อยากดูหนังที่ดราม่าเพิ่มความเครียดให้ตัวเอง คือหนังแนวนี้ค่อนข้าง
เบสิคที่ใครก็เข้าไปดูได้ ทั้งเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ค่ะ ดูแล้วก็ได้รอยยิ้ม กลับมา และอาจจะเป็นเพราะว่าความรักมันเข้าถึงทุกคนได้ มีส่วนร่วมอยู่ในชีวิตของทุกๆ คน ทุกคนก็ย่อมจะมีความรักอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นแบบพ่อแม่พี่น้องหรือว่าเพื่อน แฟน ซึ่งอาจจะตรงกับหลายๆ คนที่เข้าไปดู บางคนก็ฝันว่าฉันอยากมีชีวิตแบบนี้ ดูแล้วก็จะเคลิ้มตามอะไรอย่างนี้ค่ะ มีอารมณ์ร่วมมากกว่าค่ะ
Q: แพทตี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร และตอนที่ได้ยินชื่อเรื่องครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้าง
ตอนที่แพทได้รู้ชื่อเรื่องก็ชอบแล้ว ว่า แปลกดี แล้วก็ดูมีอะไรในชื่อของมันอะไรอย่างนี้ แพทเองก็ไม่รู้อะไรมาก แต่ก็ทราบว่าพี่แดนจะมีโปรเจ็คนี้ขึ้นมา ก็เห็นเขาทำบทเรื่อยๆ จนเสร็จ ทำนู่น ทำนี้ เสร็จจบทุกอย่าง ก็ถึงจะมีทางผู้ใหญ่เข้ามาคุยค่ะว่าสนใจที่จะรับบทไหม
Q: พอรู้ว่าแดนเป็นคนกำกับและเขียนบทเองด้วยรู้สึกยังไงบ้าง และเขาได้มีเกริ่นกับเราก่อนไหม
ก็รู้สึกยินดีด้วยนะคะที่เขาจะเป็นผู้กำกับ เขาก็มีเล่าให้ฟังบ้างคร่าวๆค่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะได้เล่นด้วย เขาก็บอกว่าจะเป็นหนังอารมณ์ดี อารมณ์รัก แพทว่าที่เขาเขียนบทเองกำกับเองด้วยก็ดีแล้วค่ะเพราะเขาสามารถบอกเราได้มากที่สุดว่าเขาอยากได้อะไร ที่เขาเขียนแบบนี้มาเพื่ออะไร เพื่อที่เราจะถ่ายทอดออกมาเป็นแบบไหน พอได้เห็นการทำงานก็รู้สึกว่า อุ๊ย เขามีมุมแบบนี้นี้ด้วยหรอ (หัวเราะ) เป็นเสน่ห์แบบเฉพาะตัวของเขาไป ไม่ได้ไปแบบซ้ำใคร ค่ะ
Q: พอเราตกลงรับบทนี้รู้สึกอย่างไรบ้างกังวลบ้างรึเปล่า เพราะนี่เป็นการเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกด้วย และมีการเตรียมตัวในการทำงานครั้งนี้เป็นพิเศษรึเปล่า
ตอนแรกก็รู้สึกกังวลว่าเราจะถ่ายทอดออกมาได้ตามที่พี่แดนต้องการหรือเปล่าค่ะ ยังกังวลเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดถึงว่า เอ๊ะ ทำไมต้องเลือกเราอะไรอย่างนี้ แค่คิดว่าถ้าเขาเลือกเรา เขาก็คงคิดดีที่สุดแล้วว่าจะให้เราเล่นนะ แต่ว่าเราก็กังวลในส่วนของเรามากกว่า ว่าตอนถ่ายทำเราจะเป็นยังไง เราจะทำให้ทั้งกองรอเราหรือเปล่า หรือว่าเราจะถ่ายทอดออกมาตามที่ผู้กำกับต้องการได้หรือเปล่า จะทำออกมาได้ดีไหม กังวลเรื่องนั้นมากกว่า เมื่อก่อนเราเคยเล่นหนังมาก็จริงแต่ว่าไม่ได้กับขั้นเต็มตัวเล่นทั้งเรื่องอะไรอย่างนี้ค่ะ พอครั้งนี้มาแล้วก็แบบเสียวๆ นิดหน่อย เอ๊ะ จะเป็นยังไงนะ ก็ตื่นเต้นค่ะ
ตอนที่รับเล่นเรื่องนี้อันดับแรกเราชอบในเรื่องของบทค่ะ รู้สึกว่าตัวละครของราเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก พี่แดนเขียนขึ้นมาเพื่อให้มีอะไรให้เล่นเยอะ มีตั้งหลายแบบหลายแนวอะไรอย่างนี้ค่ะ เราก็ตื่นเต้นที่จะต้องเล่นทุกอย่าง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเล่นได้หรือเปล่า มีบู๊ด้วย มีดราม่า มีตลก มีซึ้ง เขาเขียนมาครบก็เลยทำให้รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้รวมทุกอย่างอ่ะค่ะ คนดูก็น่าจะเซอร์ไพรส์ดีกับบางฉากค่ะ
ส่วนเรื่องการเตรียมตัว ก่อนที่ถ่ายกัน ก็มีการเวิร์คช้อปเพื่อที่เราจะได้รู้ลึกขึ้นในเรื่องของตัวละครว่า เพ็ญเขาเป็นผู้หญิงแบบไหน ทำงานอะไร ที่บ้านเขาเป็นยังไง ดูนิสัยพื้นฐานของเขาลึกๆแล้วเขาเป็นผู้หญิงแบบไหนอะไรแบบนี้ค่ะ ก่อนที่จะมาถ่ายเราจะได้รู้เบื้องหลังของเขาส่วนหนึ่งเพื่อที่จะได้ถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุดอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่พอถ่ายจริงๆ บางทีก็จะมีโดนคัทบ้างแบบว่าอันนี้เด็กไปนะ ก็ต้องคิดให้โตขึ้นการพูด การนั่งการยืน การเดินอะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ ก็พยายามให้ดูโตขึ้น ดูเป็นสาวออฟฟิศจริงๆ สาวพีอาร์เขามีบุคลิกเป็นแบบไหน เราก็ศึกษามาคร่าวๆ ว่าอ้อ พีอาร์เขาเป็นแบบนี้ ดูคล่องแคล่วว่องไว ดูเป็นผู้หญิงเก่ง ผู้หญิงฉลาดอะไรอย่างนี้ค่ะ
-
Q: ต้องให้แพทตี้เล่าให้ฟังแล้วล่ะว่าเรื่องราวของคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์เป็นอย่างไรบ้าง
ในเรื่องนะค่ะ แพทก็รับบทเป็น เพ็ญ เป็นผู้หญิงเก่ง เป็นผู้หญิงทำงานค่ะ ซึ่งก็ค่อนข้างทันสมัย ชอบช้อปปิ้งดูหนัง เพ็ญมีครอบครัวที่ดีค่ะ ก็จะทุกคนรักกันเป็นครอบครัวที่เพียบพร้อม เพ็ญค่อนข้างมีชีวิตที่ลงตัว มีแฟนก็เป็นคุณหมอที่ทั้งหล่อทั้งรวยเรียกได้ว่าชีวิตเกือบเพอร์เฟ็กต์ค่ะ มันก็จะมีปัญหาอยู่นิดหน่อยก็คือจาก พี่ปกป้อง (บีม กวี ตันจรารักษ์) ในเรื่องเขาอาจจะเคร่งกับเรา บางทีก็อาจจะทำให้เพ็ญไม่ได้เป็นตัวเองเท่าไร แต่วันหนึ่งที่เราดันไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้ชายที่ประหลาดๆ ก็คือชวด รับบทโดยพี่แดนค่ะ เข้ามาหาเราเพื่อที่จะต้องการปรึกษาเราเรื่องจีบต้นหลิว (นุช นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์) ต้นหลิวเป็นเพื่อนสนิทของเรา ซึ่งชวดก็มาตามวนเวียนตอแยตลอดจากไม่รู้จักก็เลยสนิทไปโดยปริยายค่ะ จากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่เพ็ญกับชวดได้ใช้เวลา คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ด้วยกัน หลังจากเวลานั้นก็ทำให้ทั้งคู่ต้องมานึกทบทวนในความสัมพันธ์ ได้ถามใจตัวเองมากขึ้น
Q: ตัวละครเพ็ญมี เสน่ห์ความน่าสนใจอย่างไร
บุคลิกของตัวเพ็ญจะน่ารักและก็สวย จริงๆเขาอาจจะไม่ได้สวยมาก แต่ข้างในเขาแบบว่ามองโลกในแง่ดี คนที่เข้ามาคุยกับเขาก็สามารถตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ได้ ส่วนเรื่องงานของเขาเนี่ย ในเรื่องเขาคือพีอาร์ ในเชิงของโซเชียลเน็ตเวิร์ค พวกเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ แล้วเขาพยายามหาช่องทางใหม่เพื่อที่จะทำให้สินค้าของทางบริษัทติดตลาด จนเขาได้รับนับถือจากเจ้านาย ถูกยกย่องว่าทุกอย่างที่อยู่ในท้องตลาดที่ทุกคนรู้จักก็เป็นเพราะเพ็ญเป็นคนทำ ในเรื่องการงานเพ็ญก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จมากเหมือนกัน สามารถตัดสินใจได้ตัวเองได้เกือบทุกอย่างเพ็ญเป็นผู้หญิงทันสมัย ทันยุค ทันเหตุการณ์และก็ชอบช้อปปิ้งที่เหมือนผู้หญิงสมัยนี้ที่เขาทำกัน แต่ช้อปปิ้ง แต่เฉพาะของเซลล์เท่านั้นนะคะ
ความสัมพันธ์ในครอบครัว เพ็ญเป็นลูกคนเดียว จริงๆ แล้วครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก คุณพ่อคุณแม่ก็ค่อนข้างที่จะปล่อยเพ็ญ เพราะรู้ว่าเด็กวัยรุ่นเดี๋ยวนี้เป็นยังไง เป็นแบบครอบครัวอารมณ์ดีค่ะ มองโลกในแง่ดี พูดคุยกันดีๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส มาถึงก็กอดกันก่อนคุยกันเล่น คือทั้งหมดที่เพ็ญอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดีพื้นฐานก็จะได้จากครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ และเพ็ญมีแฟนแล้ว ก็คือพี่ปกป้อง พี่ปกป้องก็เป็นคุณหมอที่ทั้งหล่อทั้งรวย เรียกได้ว่าครบทุกอย่างน่ะค่ะ เขาก็ดูแลเราดี ดีมากจนเราเหมือนแบบไข่ในหิน จนเราไม่ได้เป็นตัวเราเองเท่าไร ไม่เต็มร้อยก็ด้วยความที่ยอมทุกอย่างก็เพราะว่าความรัก เพราะเรารักเขาคบกันมานาน
Q: การทำงานกับพี่บีมเป็นไงบ้าง บุคลิกของปกป้องเหมือนตัวจริงไหม
พี่บีมอย่างเรื่องก่อนหน้านี้ก็แสดงในเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ได้เล่นด้วยกันก็เจอกันแบบแว้บไปแว้บมา แต่พอมาเรื่องนี้ก็มาเป็นแฟนกันเลย แรกๆ ก็จะเกร็งๆ เขินๆ นิดหน่อยตามประสาค่ะ แต่พอมาร่วมกันจริงๆ ก็จริงๆแล้วเขาเป็นคนตลกเหมือนกันนะค่ะ เขาก็มีมุมที่ชอบหยอกล้อเล่นอะไรอย่างนี้ ตอนทำงานก็จะทำให้เราสบายๆ ในเรื่องยิ่งเป็นแฟนกันก็ยิ่งสนิทกันอะไรอย่างนี้ ก็สบายเขาก็จะขำๆ ยิ้มๆ สบาย เฮฮา บุคลิกเขาค่อนข้างคล้ายๆ ปกป้องเหมือนกันเลยนะ ด้วยความที่ว่าในเรื่องปกป้องเป็นคุณหมอหน้าที่ต้องรักสะอาดแน่นอนต้องดูเรียบร้อย ดุเนี้ยบทุกอย่างเป๊ะ แต่พี่บีมเขาก็ดูคล้าย ดูเข้า ดูตรงกับบุคลิกแบบนี้ค่ะ เขาแสดงเป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญเลยทีเดียว ตอนทำงานก็สนุกค่ะ มีหลุดขำหลายๆ ฉากเหมือนกัน เพราะเขินด้วย ฮา ด้วย (หัวเราะ)
Q: ความสัมพันธ์ของเพ็ญและชวดเป็นอย่างไรบ้าง เสน่ห์ของชวดอยู่ที่ไหนมีส่วนคล้ายกับแดนไหม
ตัวละครของชวดก็จะมีมุมแปลกๆ บ้าง ชวดก็จะเป็นคนบอกเลยว่าแบบ เอ๋ ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะ ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ ก็จะเป็นกระจกสะท้อนส่องเพ็ญอีกทีหนึ่ง ส่วนชวดกับพี่แดนจริงๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมากนะ เพราะว่าด้วยความที่ว่าชวดเขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีเหมือนกัน หมายถึงว่าเป็นคนอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดีคล้ายๆ กัน ถ้าตัวบุคลิกพี่แดนน่าจะคล้ายๆ กัน
เสน่ห์ของตัวชวดน่าจะเป็นความเป็นตัวของ ที่เขาอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี การที่เวลาเราคุยกับเขา เรามีความสุขอ่ะเราได้ยิ้มสุด หัวเราะสุด เราได้ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ และเราก็ได้ทำ เราค่อนข้างจะปล่อยฟรีมากๆ กับเพ็ญ สมมุติตัวของเพ็ญอยากเล่นเกม เขาก็ไม่มีการบ่นเลยว่า อู้ยโตป่านนี้แล้วยังจะเล่นเกม กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่ฉุดเพ็ญเข้าไปและบอกว่าไปเล่นเกมกัน แต่ว่าพอเพ็ญอยู่กับพี่ปกป้องเพ็ญก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง พี่ปกป้องก็จะแบบไปเหอะน่า ไปเหอะ กลับกันเถอะ ก็จะค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชวดกับปกป้องจะคนละขั้วกันเลย
Q: ในเรื่องนี้แพทตี้ได้ประกบกับสาวซุเปอร์โมเดลสุดฮอต นุช นีรนาท ซึ่งเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกแต่ต้องมาเป็นเพื่อนสนิทกันในบทเพ็ญกับต้นหลิว การทำงานครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เพ็ญกับต้นหลิวสนิทกันนานมากแล้วค่ะ และก็ด้วยความที่ไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันก็คือเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ตามเทรนด์ เวลาไปช้อปปิ้งก็จะไปช้อปด้วยกัน แต่ว่าของเพ็ญเนี่ยจะเน้นของเซลล์ ของต้นหลิวเขาจะเป็นแบบคอลเลคชั่นใหม่เท่านั้น ก็จะต่างกันแค่นี้ ส่วนเรื่องแต่งตัวเนี่ยก็จะคล้ายๆ กันไม่ได้ต่างกันมาก
ต้นหลิวก็เป็นตัวละครที่สำคัญมากเหมือนกันค่ะ ถ้าขาดต้นหลิวไปก็จะไม่สามารถทำให้เพ็ญกับชวดมีโอกาสที่จะได้รู้จักกัน เพราะว่าชวดเข้ามาเพื่อที่จะจีบกับต้นหลิวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเรา
ต้นหลิวเนี่ยเขาเป็นพิธีกร ในเรื่องเขาสวยมากหนุ่มๆทุกคนที่เห็นเขาก็จะเข้ามาจีบก็รวมชวดด้วยเป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบต้นหลิวและเข้ามาจะจีบต้นหลิว เวลาเพ็ญอยู่กับต้นหลิว ก็จะหมองๆ หน่อย เพราะต้นหลิวเขาสวยสง่าก็ดึงผู้ชายไปหมดเลย (หัวเราะ)
ต้นหลิวรับบทโดย นุช นีรนาท ค่ะ นุชเขาเป็นนางแบบอยู่แล้วแล้วพอมาบวกกับบุคลิกแบบต้นหลิวด้วยที่แบบสวยที่หนุ่มๆ ใครเห็นก็ต้องชอบอะไรเงี้ย สำหรับแพทคิดว่าเขาเข้ากับบุคลิกนี้มาก แม้กระทั่งในกองอย่างนี้ผู้ชายทุกคนจะแบบ อยากเจอนุชๆ อยากถ่ายรูปกับนุช คือแบบทุกคนค่อนข้างหลงรักเขา ส่วนการทำงานก่อนหน้านี้ยังไม่เคยเจอกันเลยค่ะ เจอครั้งแรกที่ตอนไปเวิร์คช้อปก็ตอนที่เขามาก็น่ารักดี เฟรนด์ลี่ คุยง่าย และพอลองเล่นต่อบทกันตอนที่ทำงานจริงๆ ก็ง่าย เขาเองก็ผ่านด้านการแสดงมาอยู่แล้วค่ะ ก็เล่นผ่านฉลุยไปได้ด้วยดีค่ะ ทำให้ชิลๆ สบายในกองค่ะ
Q: ในเรื่องยังมีตัวละครที่ใกล้ชิดกับเพ็ญมากก็คือ คุณพ่อคุณแม่ อยากให้เล่าถึงการทำงานของครอบครัวอารมณ์ดีนี้หน่อย
ในเรื่องคุณพ่อคุณแม่ก็จะเป็นพี่ตึ๊ง (ธนศักดิ์ อุ่นอ่อน) กับพี่เจี๊ยบ (นนทิยา จิวบางป่า) ค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกันเลยค่ะแค่รู้ประวัติคร่าวๆว่าเขาเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร พอวันที่เวิร์คช้อปค่ะ พอพวกพี่ๆ เขามาเขามืออาชีพกันมาก มารับบทคู่กันได้ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกันเลย วันถ่ายจริงก็ยิ่งแบบลื่นไหลทุกคนในกองก็ขำหัวเราะกับสิ่งที่เขาเล่นเพราะเขาเข้าขากันมาก ในเรื่องเวลาเพ็ญมีปัญหาอะไรเพ็ญก็จะคอยปรึกษากับคุณแม่คุณพ่อค่ะ ปรึกษาได้ทุกเรื่องเพราะว่าคุณแม่คุณพ่อเขาจะเหมือนวันรุ่นมากกว่าค่ะ เขารู้ว่าต้องทำแบบไหน ต้องคิดแบบไหนถ้าเจอเรื่องแบบนี้มาควรจะคิดแบบนี้นะ และเขาก็ค่อนข้างให้คำปรึกษากับลูกได้ดีมากเหมือนกัน เพ็ญก็สามารถเอาไปใช้ได้
Q: ในเรื่องนี้แพทตี้ได้เล่นกับนักแสดงรุ่นใหญ่ คุณแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ร่วมงานกันครั้งนี้
ในเรื่องนะค่ะก็จะมีตัวละครหนึ่งที่สำคัญเหมือนกันก็คือคุณยาย คุณยายก็เป็นคุณยายของชวด อยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ ถ้าพูดถึงคุณยายทุกคนจะคิดว่าคุณยายแก่ๆ ไม่ค่อยมีแรงหรือว่าไร แต่ว่าคาแร็คเตอร์ของคุณยายในเรื่องไม่ใช่อย่างนั้นเลย คือคุณยายก็จะเป็นคุณยายที่ทันสมัย วัยรุ่น เผลอๆ บางทีวัยรุ่นกว่าตัวชวดอีก ก็จะแบบอารมณ์ดียิ้มแย้ม ส่วนคนที่มาเล่นคุณยายก็เป็นคุณแม่ขวัญจิต ตอนแรกก็จะแบบ อุ๊ย ตื่นเต้น คุณแม่ขวัญจิตค่ะ และก็พอมาเล่นจริงๆ คุณแม่เขาถ่ายทอดออกมาให้ตัวละครคุณยายตัวเนี้ยน่ารักมาก คือวิธีการพูด วิธีการที่เวลายายคุยกับชวด จะดูแบบน่ารักดูแบบเอ็นดูมากๆ ก็ดีค่ะ ตอนร่วมงานก็จะสบายๆ ค่ะ
-
Q: บทบาทเจ้านายของเพ็ญก็เป็นอีกบทที่มีสีสันมาก ซึ่งได้กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่มาแสดง การทำงานกับเขาเป็นอย่างไรบ้าง
ในเรื่องนะค่ะก็จะมีตัวละครหนึ่งชื่อคุณแจ็ค เป็นเจ้านายของเราในเรื่องก็เป็นพี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ที่มาเล่น คือในเรื่องเนี้ยพี่กอล์ฟเขาจะแบบถือว่าเป็นตัวฮาอีกตัวหนึ่งเลยค่ะ แต่ละซีนที่เขาออกมาสุดยอดมากค่ะ มือโปรมากนั้นค่ะ ก็อยากให้ลองติดตามกันดูค่ะ ก็เพิ่งมีโอกาสได้ร่วมงานกันครั้งแรกด้วย แต่รู้สึกเหมือนรู้จักนานมา ตอนเข้ากองเขาดูเหมือนจะแบบนิ่งๆ แป๊ปๆ ก็นอน แป๊ปๆ ก็นอน แต่พอแบบเข้าฉากกันจริงๆ ก็น่ารักค่ะ เก่งมาก วางมาดได้ทั้งขรึมทั้งฮา
Q: การทำงานของแดนผู้กำกับมือใหม่คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง การทำหลายตำแหน่งของแดนในกองถ่ายทำให้เราสับสนบ้างไหม
แรกๆ จะสับสนอยู่นิดนึงว่าพอเขามาเล่นปุ๊บเขาก็จะเปลี่ยนเป็นนักแสดง พอเขาไม่ได้อยู่ในเซ็ทเขาก็เปลี่ยนเป็นผู้กำกับ แรกๆ ก็จะสับสนว่าตอนนี้เขาอยู่ในหน้าที่อะไรอย่างนี้ค่ะ แต่หลังๆ ก็เริ่มรู้ว่าตอนนี้อยู่อันนี้นะ ตอนนี้อยู่อันนี้นะ แต่ด้วยความที่พี่แดนเขาเขียนบทเองและก็กำกับเองด้วยเนี่ย มันก็ดีสำหรับบางทีที่เขาจะตัดนู้นตัดนี้เขาสามารถทำได้เดี๋ยวนั้นเลย เขาต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลาคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ในหัวมีความคิดเต็มไปหมด แถมจะหลุดก็ไม่ได้ต้องคอยดูว่าต่อไปถ่ายอะไรหรือว่าจะอะไร เราเองก็ได้แต่นั่งอยู่ข้างหลังไม่กล้ากวน ค่ะ แต่ก็มีเรื่องตลกว่าเขา สั่งคนนู้นสั่งคนนี้ ก็สั่งคนนั้นอยู่ตรงโน้น ไฟทุกอย่างโอเคนะ กล้องเดี๋ยวแพนไปทางนี้ ทางนี้ โอเค งั้นเริ่มเลยๆ เขาก็เข้าไปยืนอยู่ในบทและก็สั่งแอ็คชั่น และก็เอ๊ะบทของผมอะไรนะ! คือเหมือนกับว่าเขาดูแลทุกอย่างจนครบแต่ลืมส่วนของตัวเองไปซะงั้น (หัวเราะ)
Q: ได้ข่าวว่า ความทุ่มเทของแดนเกินร้อยให้การทำหนังครั้งนี้ อยากให้ช่วยเล่ามุมมองจากคนในกองให้ฟังหน่อย
เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ นักแสดง เขียนบทด้วย สำหรับมุมของแพทก็น่าจะหนักเหมือนกัน สมมุติว่าตื่นตั้งแต่ตีห้า ทำงานถึงเที่ยงคืน ถ้าเป็นนักแสดงธรรมดาก็จะมีช่วงพักของเขา พอเป็นผู้กำกับด้วยสั่งคัทปุ๊บเขาต้องไปล่ะวิ่งไปคิดนู่นคิดนี่ต่อไป ว่าซีนต่อไปจะถ่ายอะไรได้อย่างที่ต้องการหรือเปล่า ไม่ได้ก็ต้องแก้ปัญหาเอง หรือว่าวันนั้นอาจจะถ่ายเสร็จเร็วแค่หกโมงในเรื่องของตัวของเขา แต่เขาก็ต้องอยู่ต่อถึงเที่ยงคืน เพื่อที่จะกำกับคนอื่นต่อและก็ตื่นเช้าในวันใหม่เหมือนกัน แพทคิดว่าไม่ค่อยง่ายเท่าไรสมาธิต้องนิ่งมากแน่วแน่มาก แต่ก็รู้ว่าเขารักในงานของเขา รู้ว่าเขาอยากให้งานของเขาออกมาดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ เพราะเวลาเขารักเขาก็จะทุ่มเทกับทุกอย่างอยู่แล้วก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ว่าเขาก็ทำงานหนักไปนิด แอบงีบหลับห้านาทีก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ทั้งวันต้องใช้พลังงานจนหมดเกลี้ยง ขนาดแค่เราเป็นแค่นักแสดงเองกลับบ้านไปยังเพลียเลย เพลียมาก แต่ในช่วงเวลาระหว่างวันเราก็ยังมีเวลาได้นอนบ้าง แต่อย่างของเขาก็ไม่ได้นอนเลยกลับไปก็คงสลบ หมดปิดจ๊อบพอดีวันหนึ่ง
Q: ผู้กำกับคนนี้โหดไหม
ก็ถ้าเล่นไม่ได้เขาก็ตบ ตี เข่า ศอก ก็ไม่ค่ะ ล้อเล่น (หัวเราะ) จริงๆ เขาเป็นคนอารมณ์ดีเขาก็อยากให้ทุกๆ คนในกองอารมณ์ดี พอเวลาทำงานก็จะไม่ค่อยเครียดกัน ไม่หน้าบึ้งใส่กันไม่อะไรกันแบบนี้ บรรยากาศก็จะสบายๆ อารมณ์ดี ชิว ดูเหมือนไม่ได้ทำงานค่ะ
Q: ฉากที่ประทับใจที่สุดในเรื่องนี้คือฉากไหน
ส่วนฉากที่ประทับใจนะค่ะเป็นช่วงเวลาของคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ก็คือไปถ่ายที่เกาะกูด กับปราณบุรี โลเคชั่นที่ไปถ่ายก็สวยมากน้ำสวยใสแจ๋ว อย่างบ้านคุณยายอย่างนี้ข้างหน้าจะเป็นแม่น้ำบรรจบกับทะเล น้ำก็จะสีฟ้าออกเขียวๆ หน่อยๆ กับบรรยากาศบ้านที่ดูแล้วอบอุ่น บรรยากาศโดยรวมก็เยี่ยมมากๆ ค่ะ และบาร์ของโรเจอร์อ่ะ ก็จะเป็นบาร์ที่ติดอยู่ริมทะเลจะเป็นบาร์แบบชิวๆ สบายๆ โปร่งๆ เปิดๆ เป็นฉากที่เซ็ตขึ้นมาใหม่แต่ทำทุกอย่างสมจริงมากสวยมากค่ะ
Q: แดนขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานได้เป๊ะมาก แต่ว่ามีฉากไหนที่เป็นฉากหลุดของเขาบ้างไหม
ในเรื่องก็จะมีซีนที่ทำอาหารเกาหลีที่ทำทานกัน ในตัวของชวดเองเนี้ย คือบุคลิกของเขาเวลาเขากินอะไรที่เผ็ดๆ เขาจะสะอึก และพอในเรื่องเขาก็กินๆ ปุ๊บแล้วเขาก็สะอึกๆๆ ไปเรื่อยๆ แต่ว่าพอสะอึกเสร็จปุ๊บเขาก็ควรที่จะสะอึกต่อแต่พี่แดนดันเรอออกมา ตอนนั้นในฉากทุกคนตกใจแล้วก็ขำกันมากพี่ๆ ทีมกล้องหรือว่าพี่ๆ หน้ามอนิเตอร์ก็ขำก๊ากกันหมด พี่แดนเรอน่าจะเรอออกมาจริงๆ ค่ะ อาจจะไปกินโซดามาหรือว่ายังไงเรอออกมาแบบยาวมาก ก็ อยากให้ลองติดตามดูและก็ซีนนี้ก็มีเรื่องของการแก้สะอึกก็ลองดูกันว่า วิธีนั้นก็จะเอาไปใช้ได้จริงไหม แต่รู้สึกว่าเขาบอกกันว่าใช้ได้จริงก็เอาไปลองดูค่ะ
Q: การทำงานครั้งนี้มีฉากไหนที่รู้สึกยากไหม
ฉากนี้ก็ทั้งฮา และยากอยู่เหมือนกันค่ะ เป็นฉากอยู่ในบาร์ ชวดเขาจะให้เรากินค็อกเทล และเราก็แรกๆเราก็แบบเอาวะ ฮึ้บ กลั้นใจกิน ตอนถ่ายอาจจะต้องหลอกกินนิดนึง ถ้ากินจริงๆ ก็คงอาจจะเมาไม่ได้ถ่ายต่อ แต่ว่ามันจะบางอันบางช็อตที่กินแล้วมีเหล้าจริงๆ แบบหลุดออกมาอะไรอย่างนี้ค่ะ มันจะมีอันหนึ่งเป็นค้อกเทล ที่เขาเทมาจากทาวเวอร์ข้างบนมันก็จะไหลๆ ลงมาเรื่อยๆ ลงที่สามแก้วข้างล่าง กินกันสามคนและพอเทปุ๊บ และด้วยความที่ว่าโต๊ะมันเอนมันไม่ใช่ระนาบตรง มันจะเอนมานิดนึง ส่วนเหล้าที่มันเทไหลลงมามันก็กลายเป็นว่ามันไหลมารวมอยู่ที่แก้วแพทแก้วเดียว ซึ่งไอ้ส่วนที่ไหลลงมามันเป็นเหล้าจริงแล้วกลิ่นแรงมากคือเขาบอกว่ากี่ดีกรีไม่รู้ ซึ่งเยอะมากค่ะและเราก็ต้องใช้หลอดเพื่อการดูดขึ้นมาแล้วแบบพอมันลงมารวมที่แก้วตัวเอง ก็ในใจนึกเอาแล้วไง ก็ต้องกินเพราะว่าถ่ายอยู่ด้วย เราก็ไม่อยากแบบ เออพี่ค่ะมันลงมาแล้ว เราก็แบบโอเค เอาวะ ลองดู เราก็แบบเอาหลอดจิ้มไปแล้วดูดวึ๊บ แล้วแบบกรึ๊บแรกก็ลงคอไปได้ แต่พอกรึ๊บสองแบบอมไว้ในปากไม่กล้ากลืนเพราะว่ากลิ่นมันแรงมาก แรกๆ เราก็พยายามกลืนไปแล้ว ก็ขอเขากินน้ำ ด้วยความที่ว่าต้องถ่ายหลายๆมุมหลายๆช็อตอย่างนี้ คือถ่ายหลายเทคและพอเทคสุดท้ายพอกินเข้าไปเงี้ยเริ่มแบบมองหน้าแล้ว ไม่ไหวแล้วค่ะ ก็ขอพักไปบ้วนข้างๆ ไม่ไหวเพราะกลิ่นมันแรงๆ จริง พอถ่ายฉากนี้เสร็จปุ๊บทุกคนก็บอกว่าได้กลิ่นเลย ได้กลิ่นจากเราเวลาเราพูดกับเขา ได้กลิ่นเหล้าเลยอ่ะ เพราะมันแรงมากจริงๆ
Q: ในเรื่องนี้มีได้โชว์ลีลาบู๊แบบที่คนดูจะไม่เคยเห็นแพทตี้ในมาดนี้มาก่อน เบื้องหลังการทำงานฉากนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับฉากบู๊ที่เล่นนะค่ะ ก็ถามๆจากพี่ทีมงานว่าอาจจะใช้สแตนอินมาแทน คือเราต้องกระโดดถีบขาคู่โดยที่กระโดดถีบแล้วตัวลอยอยู่ แต่พอถึงวันจริงปุ๊บก็ไม่ได้มีสแตนอินจริงๆ เราต้องเล่นเองตอนแรกก็ยังเสียวๆ ว่า จะเล่นได้ไหม แต่ตอนเล่นจริงๆก็สนุกค่ะ เล่นจริงถีบจริง พี่แดนเขาวิ่งมาปุ๊บเราก็ถีบ ที่มาของฉากก็คือก่อนหน้านี้ เราทานข้าวกับต้นหลิวอยู่แล้วมีคนมาด้อมๆ มองๆ เราก็นึกว่าโรคจิตที่ไหน และอยู่ดีๆ คนที่วิ่งมาก็คือชวดวิ่งพรวดเข้ามาเราก็ตกใจ กระโดดถีบขาคู่เต็มๆ อกเลย ชวดก็ล้มลงจนต้องส่งเข้าโรงพยาบาล ฉากนี้ก็ถีบจริงค่ะ เสื้อพี่แดนเขาจะใส่เสื้อสีขาว เสื้อก็จะเป็นรอยเท้าแปะ แปะ เต็มไปหมดเลยค่ะ ถ้าถามว่าเขาเจ็บไหมก็คงมีสำลักบ้างค่ะ เพราะว่าตอนที่ถีบก็รู้สึกว่าถีบแรงเหมือนกัน ได้เวลาเอาคืนแล้ว ล้อเล่นนะคะ (หัวเราะ)
Q: ได้เป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกมีอะไรจะฝากถึงแฟนๆ ไหม
ยังไงก็จะฝากเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์นะคะ เรื่องนี้บทตัวแพทเองก็ค่อนข้างแปลกใหม่กว่าเรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมา อันดับแรกก็อาจจะโตขึ้นกับบทบาทที่ได้รับ ในเรื่องนี้ก็จะมีครบทุกรส มีตลก มีดราม่า มีบู๊ เป็นบทบาทที่รับรองว่าไม่เคยเห็นแพทเล่นแบบนี้มาก่อน ก็อยากให้ติดตามดูเพราะว่าตอนถ่ายก็ค่อนข้างทุ่มเทมากๆ ทีมงานเองทุกคนก็ตั้งใจกับงานชิ้นนี้มากค่ะ เราก็พยายามทำเต็มที่ ก็หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะออกมาจากโรงค่ะ
Q: เสน่ห์ของคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ แตกต่างจากหนังรักเรื่องอื่นๆ อย่างไร
ถ้าพูดถึงเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้นะค่ะ ในส่วนที่เป็นเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ก็รับรองว่าต้องมีเสียงหัวเราะแน่นอน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็จะมีหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน เช่น มีทั้งตลก ดราม่า และก็มีบู๊ ค่อนข้างที่จะรวมทุกอย่างครบรสอยู่ในเรื่องเดียวกัน เป็นเสน่ห์ของมันค่ะ หากชมเรื่องนี้ก็น่าจะสะกิดให้คิดได้ค่ะว่าเราอยากได้ความรักแบบไหน ความรักที่มั่นคงหรือความรักที่มีแต่เสียงหัวเราะ หรือความรักแบบไหนที่จะพาเราไปต่อไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ ก็อาจจะฝากเป็นคำถามได้
Q: ถ้าได้ยินคำว่าคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ จะนึกถึงอะไร
อันดับแรกก็อาจจะนึกถึงช่วงเวลาการไปเที่ยว อาจจะไปเที่ยวกับแบบครอบครัวหรือใครก็ตามก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นช่วงเวลาแห่งการเปิดโลกใหม่ๆ ไปเที่ยวที่ไหนใหม่ๆ หรือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่เรากับคนที่เราไปด้วย ค่ะ
Q: คิดว่าในช่วงเวลา 3 วัน 2 คืนคนเราสามารถรักกันได้ไหม
ช่วงเวลาสามวันสองคืนจริงๆ อาจจะไม่ถึงขึ้นขนาดรักกันนะ ถ้าขนาดถึงขั้นรักกันเลยอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นหรือเปล่า แต่ถ้าอาจรู้สึกดีด้วยหน่อยหรือแบบรู้สึกดีต่อกันก็น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าถ้าเกิดช่วงเวลาสามวันสองคืนที่อยู่ด้วยกันเรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตกับเขาก็น่าจะรู้จักตัวตนของแต่ละคนมากขึ้น น่าจะทำให้รู้สึกดีกับใครสักคนหนึ่งได้ค่ะ
-
“แดน วรเวช” ดึง “Slot Machine” ร่วมแจม “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” พร้อมส่ง “พอ” เพลงจี้ดโดนใจประกอบภาพยนตร์

Mv.พอ (Official Ost.คืนวันเสาร์ฯ)
Slot Machine - พอ [Official Audio]
“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์รั่วกันมันส์รักกันมาก แนว HAPPY COMEDY ROMANTIC จากค่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัวครั้งแรกของ แดน วรเวช ดานุวงศ์ นำแสดงโดย บีม กวี ตันจรารักษ์ ,นุช นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์ และ แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ทีมนักแสดงรู้ใจและคุ้นหน้ากันอย่างดี ที่พร้อมจะมอบเสียงฮาปนรอยยิ้มให้กับผู้ชม ล่าสุดปล่อยเพลง “พอ” จากวง Slot Machine ที่แต่งขึ้นมาเพื่อเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์โดยเฉพาะ แถมพวกเขายังได้ร่วมแจมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยผู้กำกับ แดน ได้เล่าถึงการร่วมงานในครั้งนี้ว่า “สำหรับเพลง พอ นี้นะครับเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ จากวง Slot Machine เพลงเร็วสนุกๆ ที่แต่งขึ้นเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพลงพูดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่เราชอบไม่ว่าจะสั้นจะนาน ทุกนาทีมันจะมีค่ามีความสุขแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมติดต่อขอให้เขาแต่งเพลงให้ก็เพราะผมชอบสไตล์ดนตรีของเขาเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ชอบวิธีการคิดไลน์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา และคิดว่าถ้าพวกเขาเข้ามาอยู่ในหนังด้วยก็น่าจะดีนะ ช่วยเติมเต็มความสนุกสนาน และอารมณ์รักให้กับหนังได้ จึงชวนมาร่วมแจมฉากหนึ่งในหนังซึ่งเป็นฉากงานเลี้ยง แล้วพวกเขาก็มาเล่นคอนเสิร์ตกันสดๆ เลย เรียกว่างานนี้คุ้มครับ มาดูหนังผมแต่ได้ดูคอนเสิร์ต Slot Machine ไปด้วย (หัวเราะ) ตอนถ่ายบรรยากาศสนุกสนานมากครับทั้งทีมงานนักแสดง และนักแสดงสมทบที่มาเข้าฉากร่วมร้อยคน แดนซ์กันกระจาย เต้นกันจริงจังแบบไม่ต้องมีบิวท์อารมณ์กันเลย”
ทางด้าน หนุ่มๆ วง Slot Machine ก็ขอเล่าถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับแดน เพื่อนซี้ร่วมค่ายว่า “ก่อนอื่นก็ขอยินดีกับแดนด้วยนะครับที่ได้ทำหนังเรื่องนี้ ได้เป็นผู้กำกับ ส่วนงานนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ครับ ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะว่าปกติพวกเราจะทำงานที่เป็นของตัวเราเอง แต่ว่างานนี้ถือว่าเป็นงานแรกที่ มีธีม มีโจทย์ ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่พวกเรามีโอกาสได้ลองทำ พอเพลงเสร็จออกมาแล้วเจ้าของหนังเขาชอบ เราก็ดีใจครับ พวกเราก็ไม่ได้ติสท์ จนทำงานให้คนอื่นไม่ได้ (หัวเราะ) และพิสูจน์ว่า เราไม่ได้ทำเองชอบเอง มีคนชอบเหมือนกันนะครับ ส่วนเหตุผลที่แดนเลือกพวกเรา เพราะแดนบอกว่าพวกเราเท่ (หัวเราะ) เราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ก็เต็มที่อยู่แล้วครับ แดนบอกตั้งแต่เริ่มทำงานคือ ให้พวกเรา
เป็นตัวของตัวเองเลย ตามสบาย แต่ขอให้มีพื้นฐานแห่งความรัก ซึ่งเสน่ห์ของเพลงนี้อยู่ตรงที่เรานำวิธีการผิวปากมาใช้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้ลองทำ และยังมีเรื่องทำนองที่มีความเป็นไทยอยู่บนดนตรีสากล ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เรายืนพื้นทำกันมาตลอดครับ จากที่เราดูธีมหนังก็รู้สึกถึงกลิ่นอายความรัก เมื่อเรามีสิ่งที่ดี สิ่งมีค่าอยู่กับตัวอยู่แล้วก็ขอให้เรารู้สึกพึงพอใจ ถ้าเราพอใจมันก็จะมีความสุข ณ ปัจจุบัน ทุกขณะ เวลาครับ”
เตรียมตัวอุ่นเครื่องก่อนหนังจะเข้าฉายจริง คลิกชมมิวสิควิดีโอเพลง “พอ” จากวง Slot Machine เพลงประกอบภาพยนตร์เพราะๆได้ที่http://www.youtube.com/watch?v=oQQOsikt0bs หรือ www.facebook.com/sahamongkolfilmint หรือ www.youtube.com/sahamongkolfilmint และติดตามความเคลื่อนไหวของภาพยนตร์ได้ที่ www.sahamongkolfilm.com
9 สิงหาคมนี้เตรียมตัวต้องมนต์เสน่ห์ของ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ได้ทุกโรงภาพยนตร์
-
บทสัมภาษณ์ “นุช นีรนาท จาก คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”

อีกหนึ่งสเต็ปของการแสดงในบทพิธีกรสาวเซ็กซี่ เฟรนด์ลี่ อารมณ์ดีของ “นุช-นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์” ซูเปอร์โมเดลสาวฮอต ขวัญใจหนุ่มๆ ทั้งประเทศ กับ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์HAPPY COMEDY ROMANTIC
Q. ทราบมาว่ากำลังจะมีงานภาพยนตร์เรื่องใหม่เข้าฉายเป็นแนวโรแมนติคคอมมิดี้ที่ตัวเองชอบด้วย
N. ค่ะ ภาพยนตร์เรื่อง คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ต้องบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วนุชเองก็ชื่นชอบหนังในแนว “รอมคอม” อยู่แล้ว พูดได้ว่าชอบหนังโรแมนติค คอมมิดี้มากๆ อย่างหนังโรแมนติคคิดว่าผู้หญิงน้อยคนที่จะไม่ชอบ นะ แต่ถ้าคอมมิดี้จะยากนิดนึง เพราะว่าชอบดูแต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเล่นคอมมิดี้ได้ ถึงแม้ว่าบทที่นุชได้รับในหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นตัวที่เล่นในส่วนของคอมมิดี้เท่าพี่แดนหรือแพทตี้ แต่ก็ดีใจมากที่ได้มาอยู่ในหนังที่เขาเน้นคอเมดี้นะค่ะ เพราะส่วนมากที่เล่นมาก็จะเป็นดราม่าไปเลย อย่างดราม่า หนังไม่ก็หนังผีอะไรอย่างนี้ นุชว่าจริงๆ ก็ไม่ได้ใกล้กับตัวนุชมาก เพราะตัวนุชจริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบอะไรแบบชิลๆทำงานแบบเฮฮากับทุกคน สนุกสนาน หัวเราะ ร่าเริงอะไรอย่างนี้มากกว่า แล้วยิ่งภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์เรื่องนี้นะค่ะมีทั้งคอเมดี้ มีโรแมนติก และเนื้อเรื่องที่ดีด้วยค่ะ เป็นหนังที่ดูแล้วจะรู้สึกอยากติดตามเรื่องราวกับคาแรคเตอร์ของตัวละครทั้ง4คนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป เชื่อว่าถ้านุชเป็นคนดูก็คงสนุกค่ะ เพราะมันมีทุกอย่างที่นุชชอบ นุชชอบหนังดูโรแมนติกอยู่แล้ว และก็อยากหัวเราะไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ทุกคนจะเข้าถึงง่าย เพราะว่าคาแร็คเตอร์พวกนี้ก็ไม่ใช่คาแร็คเตอร์แบบเว่อร์ๆ แต่เป็นคนธรรมดา เป็นคนทำงาน เป็นผู้หญิงทำงาน ผู้ชายทำงาน นุชว่าคนที่เข้าไปดูก็จะเจอชีวิตของตัวเองอยู่ในจอที่เราดูอยู่ค่ะ
Q.งั้นคงต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าคาแรคเตอร์ของนุชในภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ เป็นอย่างไรบ้าง รับบทเป็นใคร
N. นุชรับบทเป็น ต้นหลิว ค่ะ จะเป็นสาวสวยที่มีความมั่นอกมั่นใจ ที่หนุ่มๆชื่นชอบ และอยากมาอยู่ใกล้ๆ จะเป็นคนที่ชอบแต่งตัว ชอบแฟชั่นแบรนด์เนม เป็นสาวเมืองที่ แฮปปี้กับทุกคน ไม่ค่อยคิดมาก เฟรนด์ลี่ เจอใครก็เฟรนด์ลี่หมดเลย เป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพิธีกรรายการที่ชื่อว่า “ที่ซ่อนผี” ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้เกี่ยวกับผีที่ฮอตที่สุดในขณะนี้ค่ะ
Q.เสน่ห์ความน่าสนใจของตัวละครตัวนี้
N. ผู้หญิงคนนี้ทุกคนจะบอกว่า เขามีเสน่ห์ แต่เป็นเสน่ห์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติที่เขาไม่ต้องพยายามเลย เป็นเสน่ห์ที่เกิดออกมาจากข้างใน ด้วยความที่เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ คือรู้ว่าตัวเองทำงานเก่ง เป็นมิตรกับทุกคน เป็นคาแร็คเตอร์ที่ไม่มีปัญหากับใครเลย มีเพื่อนเยอะ คุยง่าย เฟรนด์ลี่ คนส่วนใหญ่ก็จะชอบ อยากเป็นเพื่อนด้วย สำหรับนุชเองนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องสวมบทเป็นพิธีกร และได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ค่ะ คือก่อนหน้านี้นุชเองก็ไม่เคยขึ้นเวทีเป็นพิธีกร หรืออะไรเลย ไม่เคยออกรายการ อันนี้ก็คือครั้งแรก จริงๆ เลยค่ะ มันก็เหมือนกดดันนิดนึงเพราะว่า ต้องทำให้เหมือนว่าต้นหลิวเนี่ยะเขาเป็นมืออาชีพแล้ว ทั้งประเทศรักเขามาก แล้วตอนถ่ายทำทีมงานเขาก็จัดเซ็ตฉากไว้เหมือนกับเป็นการถ่ายรายการจริงๆ เลยค่ะ เขาจะมีคิวการ์ด เป็นบอร์ดที่เขียนคำให้พิธีกรพูดตัวใหญ่มาก เขียนเป็นไดอะล็อคทั้งหมดเลย ให้เราอ่านเหมือนกับพิธีกรตามรายการจริงๆเลยค่ะ ก็ชอบนะคะ สนุกดี คือนุชชอบเพราะ รู้ว่ามันไม่จริง มันเป็นการถ่ายทำสำหรับหนังน่ะค่ะ ก็สบายใจขึ้น แต่ถ้าถามว่าจะลองเป็นพิธีกรจริงๆ ไหมก็ต้องคิดก่อนนุชว่าแค่นี้โอเคแล้ว (หัวเราะ)
นอกจากนี้ต้นหลิวก็จะมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ชื่อ เพ็ญ นะคะ ซึ่งรับบทโดยแพทตี้ (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) ทั้งคู่จะชอบอะไรที่อินเทรนด์ทันสมัย ชอบแฟชั่นแบรนด์เนมเหมือนกัน เพ็ญเขาจะรอเซลล์ก่อนแล้วจะซื้อ แต่ต้นหลิวต้องซื้อตอนราคาเต็มๆ เลย ทั้งสองคนนี้จะเหมือนกันตรงที่ว่าเป็น ผู้หญิงเก่งผู้หญิงทันสมัย ทำงานเก่ง ที่ไม่เหมือนคือต้นหลิวไม่มีแฟน แต่เพ็ญมีแฟนแล้วค่ะ มีแฟนชื่อ ปกป้อง ( รับบทโดย บีม กวี ตันจรารักษ์) ซึ่งชื่อเหมาะสมกับนิสัยมาก ส่วน ชวด (รับบทโดย แดน วรเวช ดานุวงศ์) เป็นตัวละครที่แสดงโดยพี่แดน ซึ่งในเรื่องชวดหรือพี่แดนเขาได้เห็นต้นหลิวจากในทีวีในรายการ “ที่ซ่อนผี” รายการผีที่ฮอตฮิตที่สุดที่ต้นหลิวเป็นพิธีกรอยู่ แล้วชวดเขาชอบผู้หญิงคนนี้มาก ติดตามดูทุกตอนจนเป็นแฟนพันธุ์แท้รายการ และก็อยากเจออยากคุยก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ พูดแล้วก็เหมือนชมตัวเองนะคะ (หัวเราะ) แต่ชวดนะไม่กล้าจีบต้นหลิว เพราะเห็นว่าต้นหลิวอยู่ในวงการนี้อาจจะหยิ่งๆ อาจจะไม่สนใจผู้ชายแบบเค้า ชวดเค้าก็ขอให้เพ็ญมาแนะนำให้รู้จักเพราะรู้ว่าเพ็ญเป็นเพื่อนสนิทกับต้นหลิว ซึ่งตอนแรกต้นหลิวก็สงสัยว่าเฮ้ยทำไมเพื่อนถึงแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ แต่ต้นหลิวเขาเป็นคนที่เฟรนด์ลี่เขาก็เปิดแบบให้รู้จักค่ะ แล้วพอมารู้จักกับชวดนะค่ะก็เห็นว่าเขาเป็นคนดีแล้วเป็นคนที่มุมมองแปลกๆ แต่เป็นเพื่อนที่ดีมาก แล้วก็ยอมมาเป็นแขกรับเชิญออกรายการของต้นหลิวด้วย เขาก็เลยสนิทกันค่ะ
Q.สำหรับบทนี้ยากมั้ยเมื่อเทียบกับงานถ่ายแบบเดินแบบ
N. หลายคนอาจจะรู้จักนุชจากวงการนางแบบมากกว่า คือจริงๆในใจก็ชอบการแสดงมาก และก็ช่วงที่บทเข้ามา แล้วนุชได้อ่านครั้งแรก ตอนนั้นนุชกำลังคิดเลยว่าแบบอยากแสดงหนัง อะไรที่ออกแนวคอมมิดี้หรืออะไรที่มันไม่ได้ดราม่าหนักมาก พอได้เห็นบทต้นหลิวก็โอเคเลย พอมีบทอันนี้เข้ามาก็ดีใจมาก อ่านเสร็จก็บอกคุณแม่ โทรบอกคุณแม่ว่านุชทำแน่นอนเพราะว่าบทมันดูน่าเล่น น่าสนุกดีค่ะ ถามว่ายากไหมนุชว่ามันใกล้ตัวกับนุชนะคะ คือไม่ใช่ตรงที่มีเสน่ห์นะ แต่ใกล้ตรงที่เป็นสาวมั่นใจ ซึ่งตัวนุชก็ทำงานตรงนี้มาตั้งแต่ อายุ 12 แล้ว เข้าวงการเป็นนางแบบ ก็มั่นใจนิดนึงค่ะ (หัวเราะ) ยิ่งเรื่องเสื้อผ้า ที่ใส่ของตัวละครในเรื่องใกล้นุชมาก นุชชอบเสื้อผ้าของกองถ่ายนี้มาก
Q.ไม่เคยร่วมงานกับแดน มาก่อนแล้วพอได้มาร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าหนังเรื่องนี้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยแดน วรเวช
N. กับพี่แดน วรเวชนะคะ คือก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอกันค่ะ ไม่เคยพบเลย มาพบครั้งแรก เพราะว่าหนังเรื่องนี้ ตอนเข้าไปเวิร์คช็อป แล้วก็อ่านบท ถึงได้รู้ว่าพี่แดนเขาเขียนบทด้วย เก่งมากค่ะ นุชแค่แอ็คติ้ง นุชว่ายากแล้วอ่ะ แอ็คติ้งเหนื่อยแล้ว แต่ถ้ากำกับแล้วต้องดูบทด้วย เล่นเองด้วย นุชว่าต้องสุดๆ ไปเลย แล้วเขายังดูไม่เหนื่อยด้วยนะ ยังดูว่าเรื่อยๆ ได้อยู่ เยี่ยมค่ะ
แล้วยิ่งตอนแรกที่ได้ยินว่าผู้กำกับเป็นพี่แดนก็ตกใจเหมือนกัน เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่เขาทำหนังแล้วเป็นนักแสดงด้วยเป็นผู้กำกับด้วย นุชก็ว่าน่าสนใจตรงนี้ล่ะค่ะเลยอยากร่วมงานด้วย เพราะว่าอยากเห็นว่า เอ๊ะ มันจะเวิร์คยังไง ผู้กำกับเขาจะเล่นได้ไหม เพราะว่าเขามีงานจะยุ่งมาก แต่พี่แดนเขาก็ทำงานตั้งใจมากๆ เลยค่ะ เป็นผู้กำกับที่ละเอียด คือไม่ใช่ถ่ายหลายเทคนะคะ แต่ถ้าเห็นอะไรนิดนึงผิดๆ เขารู้เลย อาจจะเป็นเพราะอยู่ในซีนด้วยค่ะ จะเห็นว่ากล้องมันผิดไปนิดนึง เขาก็คัทเริ่มใหม่เลย นุชชอบผู้กำกับที่ให้อิสระกับนักแสดงด้วยค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเป็นนักแสดงอยู่แล้วด้วย ก็คงเข้าใจว่าเราก็คงไม่ชอบผู้กำกับมายุ่งๆตลอดเวลา เขาเข้าใจนักแสดงมาก แล้ววิธีการทำงานในเรื่องนี้ของพี่แดนในฐานะผู้กำกับเขาก็ไม่ได้กำหนดอะไรมากค่ะ เขาปล่อยให้แสดงแบบเป็นตัวของตัวเองดีกว่า โดยเขาจะเลือกคนมาให้เหมาะกับบทนี้ที่สุด ที่เลือกนุชมาเล่นก็ขอบคุณมากเลยค่ะ นุชก็สบายใจมากขึ้นที่เขาเป็นผู้กำกับที่ให้อิสระทางการแสดงกับเราค่ะ
Q.แล้วการแสดงของแดนเป็นอย่างไรบ้าง
N. พี่แดนเล่นตลกมาก นุชไม่เคยเล่นเรื่องอะไรที่เป็นคอมมิดี้มาก่อน ก็เลยต้องพยายามอย่าขำๆ ต้องเป็นคาร์แร็คเตอร์นะ ต้องทำหน้ายิ้มๆ ทำหน้าเครียดๆ คนนี้ยุ่ง ทำอะไรอยู่ นิ่งๆ แบบเท่ๆ แต่ก็ขำมากหลายเทคเลยค่ะ (หัวเราะ)
Q.นอกจากจะประกบบทบาทกับแดนแล้วในเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ต้นหลิวจะมีเพื่อนที่สนิทมากคือเพ็ญ ซึ่งแสดงโดยแพทตี้ อังศุมาลิน ซึ่งเราต้องเล่นเป็นเพื่อนซี้กัน ร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง
N. ครั้งแรกที่เจอแพทตี้ ก็เจอกันตอนเวิร์คช้อปค่ะ ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยเจอเลย คือพูดได้ว่านักแสดงนำทั้ง 3คนที่เราต้องแสดงด้วยในเรื่องนี้ นุชไม่เคยร่วมงานกับใครเลยค่ะ ทั้งพี่แดน พี่บีม แพทตี้ แพทตี้วันแรกที่เจอเขาก็เป็นคนน่ารักมาก และแพทตี้เองเป็นคนที่เข้ากับนุชได้ง่ายค่ะ ไม่รู้ทำไม ได้มาถ่ายไม่กี่วันก็เป็นเพื่อนกันแล้ว และนุชก็ประทับใจความสามารถของแพทตี้เหมือนกันค่ะ อย่างเช่น ตอนเข้าฉากกันซีนแรก ประทับใจมาก เป็นซีนที่อยู่ในผับแล้วก็ต้นหลิว เพ็ญ กำลังเมาสนุกกับชวดอยู่ แต่แล้วก็มีปกป้องมาตามให้กลับบ้าน แพทตี้ก็ต้องแสดงออกให้เห็นว่าต้องฝืนใจ ทำใจกลับบ้านไป นุชก็เห็นเลยว่าแพทตี้เขาแสดงไปถึงสีหน้าและแววตา เขาแอ็คติ้งดีมากค่ะ แค่วันแรกก็ชอบเลย
Q.บรรยากาศการทำงานในกองถ่ายคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์เป็นอย่างไรบ้าง
N.นุชชอบนะคะ อยู่กองถ่ายนี้สนุกทุกวันเลยค่ะ ทุกคนใจดี ทุกคนน่ารัก ช่วยนุชกับเรื่องบทด้วยเพราะว่า เป็นคนที่ภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรง (หัวเราะ) แต่ทุกคนก็ช่วยๆ กันดู มีเอาน้ำมาให้ หิวน้ำไหม หิวข้าวไหม เที่ยงเป๊ะ หิวไหม อะไรแบบนี้ ชอบค่ะ
Q. เป็นหนังในแนวHAPPY COMEDY ROMANTIC ช่วยยกตัวอย่างของฉากสนุกๆ ของต้นหลิวที่ชอบในหนังเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย
N. นุชชอบฉากชวดจีบต้นหลิวค่ะ คือชวดเขาเห็นต้นหลิวเป็นไอดอล แล้วพยายามจะเข้ามาใกล้ชิด แต่ดันพูดอะไรแปลกๆ ตอนที่พี่แดนเขาก็เอาบทมาให้ดู นุชก็อ่านแล้วแบบ เฮ้ย ทำไม ผู้ชายเจอผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก ก็ทัก ว่าคุณเป็นคนที่ขนจมูกเคลียร์มาก! (หัวเราะ) คือมันแปลกน่ะค่ะ นุชก็ถามว่าขนจมูกเคลียร์มาก แปลว่าอะไร แปลว่ามีขนรึเปล่าหรือว่าไม่มีขน พี่แดน ก็บอกว่า อ๋อๆ แปลว่า ไม่มีขน แปลว่าสวย ทำให้นุชมั่นใจขึ้น ตอนแรกก็คิดว่าฉันต้องมีขน มาไว้ในจมูกรึเปล่า กังวลมากแต่ฉากนั้นก็ขำดีค่ะ ก็หวังว่าคนได้ดูตรงนี้แล้วจะขำกันทั้งโรง
Q.เคยคิดมาก่อนไหมว่า แดนซึ่งเป็นผู้กำกับด้วยเขาจะเป็นคนเขียนบทแบบนี้ขึ้นมาได้
N. ไม่เคยคิดเลยค่ะ ไม่เคยคิดว่าเรื่องขนจมูกมันจะมาเป็นมุกได้ ไม่คิดว่ามันจะตลกได้ ส่วนมากอะไรที่เป็นขนจมูก คนจะไม่ค่อยพูดถึงใช่ไหมค่ะ ซึ่งแปลกมากที่ผู้ชายมาทัก คือถ้าผู้ชายมาทักกันแบบนี้จริงๆ นุชคงหนีคะ (หัวเราะ) คือคงไม่อยากเจอเลย แต่อันนี้มันทำให้น่ารักได้ ทำให้เข้ากับเรื่อง เพราะพระเอกคนนี้ เขาไม่ใช่คนแปลก เขาแค่ชอบผู้หญิงคนนี้มาก เวลาเราชอบใครสักขนาดนั้นเราก็จะเพี้ยนๆ หน่อย
Q.ชีวิตจริงเคยมีหนุ่มๆ มาจีบแบบแปลกๆ บ้างไหม
N. ไม่มีนะ อาจจะมีที่เป็นผู้ชายที่เข้ามา แล้วไม่ค่อยคุย เลยยังไม่รู้ว่าเขาแปลกรึเปล่า (หัวเราะ)
Q.อย่างนี้ต้องถามแล้วละว่าหนุ่มในเสปคของนุชเป็นอย่างไร
N. ส่วนตัวจะชอบหนุ่มแบบไหน คิดไม่ออกนะ คือคนที่จะเข้ามาจีบ ส่วนมากจะเป็นคนที่รู้จักแล้ว อาจจะไม่ได้เป็นเพื่อน ไม่ได้สนิทแต่ก็คือรู้จักแล้วค่ะ ไม่ได้แปลกไม่ใช่คนแปลก บางทีก็มีแปลกๆ เข้ามานะ แต่ไม่ได้เยอะมากไม่เหมือนในหนัง ชีวิตจริงก็ไม่เคยเจอที่มาทักเรื่องขนจมูกหรืออะไรอย่างนี้ไม่เคยเจอ ส่วนมากแค่ชมว่าแบบสวยอะไรอย่างนี้
Q.คิดว่าเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
N. คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ เรื่องนี้มีทั้งคอมมิดี้ มีโรแมนติก และเนื้อเรื่องที่ดีด้วยค่ะ เป็นหนังที่ดูแล้วจะรู้สึกอยากจะติดตามกับตัวละคร อยากติดตามว่าทั้งสี่คนเนี้ยะ อะไรมันจะเกิดขึ้นต่อ ถ้านุชเป็นคนดูก็คงสนุกค่ะ เพราะว่ามีทุกอย่างที่นุชชอบ นุชชอบหนังดูโรแมนติกอยู่แล้ว และก็อยากหัวเราะไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ทุกคนจะเข้าถึงง่าย เพราะว่าคาแร็คเตอร์พวกนี้ก็ไม่ใช่คาแร็คเตอร์แบบเว่อร์ๆ เป็นคนธรรมดา เป็นคนทำงาน ผู้หญิงทำงานผู้ชายทำงานนุชว่าคนที่เข้าไปดูก็จะเจอชีวิตของตัวเองอยู่ในจอที่เราดูอยู่ค่ะ
ก็ขอฝากเรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”ด้วยนะคะ เป็นงานที่นุชที่ชอบมาก และดีใจมากที่ได้เล่น ก็อยากให้ทุกคนติดตามกัน ไม่ว่าจะเป็นแฟนใคร ชอบนุช หรือชอบพี่แดน แพทตี้ หรือพี่บีม ใครก็ได้ ต้องชอบเรื่องนี้แน่เลยค่ะ มีทั้งตลก มีดราม่า มีโรแมนติค และมีอีกหลายๆ สิ่งที่วัยรุ่นกำลังชอบอยู่ค่ะ
Q.อัพเดทชีวิตและผลงานของตัวเองหน่อย
N. ก็เริ่มต้นทำงานนางแบบตั้งแต่อายุ12 ทำงานในวงการมาแล้ว 7 ปี ถึงตอนนี้นุชอายุยังน้อยอยู่ก็แค่19เอง แต่เหมือนรู้สึกได้ทำงานในวงการมาเยอะแล้ว ได้ร้องเพลง เล่นหนัง เล่นโฆษณา เล่น MV เป็นนางแบบ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่ได้ขาดชีวิตช่วงเด็กนะ ชอบอยู่ในวงการนี้มาก อยากจะอยู่อีกนาน ก็ขอให้ได้อยู่อีกนานนะค่ะ (หัวเราะ) แต่ที่จะเน้นต่อไปก็คือการแสดงก็ชอบมาก เพราะเป็นนางแบบตั้งแต่เด็กแล้ว แต่การเป็นนางแบบในเมืองไทยมันก็เป็นนางแบบอย่างเดียวไม่ได้แล้วค่ะ ต้องออกไปทำอย่างอื่นบ้างค่ะ สเต็ปต่อไปของนุชก็คือการแสดงค่ะ นุชจะขอโฟกัสตรงนี้ให้เยอะที่สุด ปีนี้นุชก็จะไปเรียนการแสดงที่เมืองนอกสักพัก (ช่วงมิ.ย.-ส.ค.) แล้วจะกลับมา ซึ่งอาจจะทำให้เราเล่นหนังดีขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกันต้องรอให้ไปเรียนก่อน แต่อยากจะโฟกัสเรื่องการแสดงนี้ให้มากที่สุดค่ะ
-
การกลับมาร่วมงานครั้งพิเศษของ แดน- บีม “บีม กวี ตันจรารักษ์” กับบทบาทสำคัญชายผู้เป็นตัวแปรของความรัก ใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”ภาพยนตร์อารมณ์ดี HAPPY COMEDY ROMANTIC



[Official Audio] เรื่องจริง - Sin (singular)
Q: การร่วมงานกับแดนครั้งนี้ถือว่าเป็นงานที่พิเศษมาก เพราะแดนทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เองครั้งแรก ต้องขอเล่าให้ฟังหน่อยแล้วล่ะว่า มามีส่วนร่วมในงานนี้ได้อย่างไร
สำหรับการร่วมงานครั้งนี้นะครับ เรียกว่าเป็นแบบพิเศษก็ว่าได้ เพราะแดนเขาเป็นผู้กำกับครั้งแรก จริงๆ เรื่องที่เขาคิดว่าอยากมาเป็นผู้กำกับ แดนเขาก็เคยพูดอยู่นิดๆ ครับ ตั้งแต่ตอนทำงานด้วยกันตอนร้องเพลงด้วยกัน ผมก็ยังบอกว่าเขาก็น่าจะเป็นผู้กำกับนะ เป็นอีกงานหนึ่งที่เขาอยากจะทดลอง และก็อาจจะเป็นงานที่เขาชอบก็ได้หลังจากทดลองไปแล้ว ส่วนมาเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไรก็ต้องขอเท้าความก่อนเลยครับว่าก่อนที่จะมารับเล่นในคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ตอนแรกก็มีพี่เอโกะ (สุภาพร เลิศฐิติวีรกานต์ -ไลน์โปรดิวเซอร์) ผมรู้จักกับพี่เขามาตั้งแต่ทำงานอยู่ที่อาร์เอสล่ะ เขาก็โทรมาชวนว่ามีหนังอยากให้พี่บีมเล่น พี่แดนเค้ากลัวพี่บีมจะไม่ยอมเล่น
ต้องบอกว่าแดนเป็นคนที่ปากหนักมาก เป็นคนที่แบบไม่กล้าพูด (หัวเราะ) อาจจะกลัวเป็นเหมือนคนขี้เกรงใจ เขาก็ไม่พูดนะครับว่าอยากให้พี่เล่น เขาก็ให้พี่เอโกะเข้ามาชวนก่อน ผมก็บอกพี่เอโกะว่า ได้สิ พี่ยินดีอยู่แล้วหนังน้องเป็นผู้กำกับครั้งแรกผมก็อยากจะร่วมงานอยู่แล้วครับ ก็คุยกันจนเสร็จแล้วแดนเพิ่งจะโทรมาครับ (หัวเราะ) มาเล่าเรื่องบทที่ผมรู้อยู่แล้วจากพี่เอโกะอีกที แดนเขาอาจจะกลัวผมตอบปฏิเสธ จริงๆ แล้วเราก็อยากร่วมงานกับน้องอยู่แล้วล่ะ แล้วก็ดีใจถือว่าได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่งครับ สุดท้ายก็ได้มาเป็นหนึ่งในนักแสดงของเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์
Q: นอกจากแดนจะเป็นผู้กำกับแล้วยังเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เองด้วย ครั้งแรกที่ได้อ่านบทรู้สึกอย่างไรบ้าง
หลังจากตกลงเล่นแล้วก็นัดคุยกับน้องแดนครับ โอ้โห ! วันแรกที่ไปเจอบทหนามากครับ หนามากไม่เหมือนเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียว เยอะจนผมถามแดนเลยว่า เนี่ยจะแบ่งเป็นสองเรื่องใช่ไหม (หัวเราะ) บทละเอียดมากครับ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในสองวัน แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็จะมีการปูที่มามาก่อนที่จะถึงเรื่องราวสามวันสองคืนจุดสำคัญของเรื่อง เรื่องนี้ก็เป็นโรแมนติคคอมิดี้ครับ แต่ว่า แปลกกว่าหนังเรื่องอื่นนะ ในทุกซีนจะมีอารมณ์ขำ แต่ไม่ใช่ตลกคาเฟ่ เป็นความขำแบบคนทั่วไป เป็นเรื่องราวที่เจอได้ในชีวิตจริงเช่น เรามีเพื่อนแล้วเราเฮฮาอยู่กับกลุ่มเพื่อน เพื่อนเราก็จะมีคาแร็คเตอร์แบบนี้ ไอ้คนนี้พูดเยอะ เพี้ยนๆ หน่อย ชอบพูดอะไรแปลกๆ คนนี้มีความเชื่อมันว่าจะทำอะไรสำเร็จแต่ ก็ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวนะครับ เรื่องของความรักก็เป็นเรื่องที่เข้าถึงทุกคนได้อยู่แล้ว ผมว่าแดนเขาดีตรงที่เลือกเอาความรักมาเป็นตัวปูบท แล้วก็เสนอมุมมองของเขาออกมาสู่สายตาคนอื่นครับ
Q: ถ้าแดนตั้งใจชวนมาเล่นขนาดนี้ต้องขอให้เล่าให้ฟังแล้วล่ะว่าบทบาทที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง
ในภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ รับบทเป็น ปกป้อง ครับ สำหรับตัวบทของปกป้องเนี่ย เป็นคนสำคัญของเรื่อง เป็นแกนหลักของเรื่อง เป็นคนที่ทำให้นางเอกรู้สึกว่า ความรู้สึกของฉันจริงๆ แล้วมันเป็นยังไงความหมายของความรักมันเป็นยังไงกันแน่
บุคลิกของปกป้อง เขาเป็นผู้ชายที่มีระเบียบ มีแบบแผน มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ชอบบังคับคนอื่น จริงๆ เขาเป็นห่วงเป็นใยแทนคนอื่น โดยเอาตัวเองเข้าไปใส่เอาตัวเองเข้าไปครอบเค้า เนื่องจากตัวเองเป็น หมอผิวหนัง เป็นอาชีพภูมิฐาน เป็นคนที่คอยสั่งคอยสอนคนอื่น เป็นคนบอกให้เขาเชื่อ เป็นคนที่ค่อนข้างเนี้ยบ เพราะฉะนั้นเขาก็จะใส่ใจเรื่องการแต่งตัวด้วย เรื่องของผิวหน้า การบำรุงผิว การรักษาดูแลตัวเอง การกินอยู่ เป็นคนดูแลใส่ใจ และคอยปกป้องคนอื่นตามชื่อ “ปกป้อง” เลยครับ ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก เขาเป็นคนที่ทุ่มเท เรื่องความรักมาก รักใครรักจริง ไม่คิดจะมีคนอื่นนะ ทุกอย่างทำเพื่อคนรัก และก็เตรียมพร้อมไว้หมด เขาคิดไว้แล้วว่าต้องเตรียมอะไรให้ครอบครัว ของเราบ้าง เขาจะเป็นคนเตรียมพร้อมมากเรียกได้ว่าเขาพร้อมที่จะแต่งงานแล้วล่ะ
ส่วนเรื่องแฟนของเขาที่ต้องเป็นคนที่โดนดูแลมากที่สุดเขา เทคแคร์ทุกเรื่องไปจนถึง เรื่องของกริยามารยาท บางทีก็เป็นเรื่องของการหัวเราะ เช่น เฮ้ย หัวเราะแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่ามันทำให้ หนึ่ง เสียมารยาท และ สองทำให้หน้าคุณเหี่ยวนะ คือเขาจะเป็นคนห่วงเรื่องนี้มาก จนบางทีมันมากเกินไปรึเปล่า บางทีเขาแยกไม่ออกว่าเขาเป็นแฟน เป็นพ่อแม่ หรือเขาเป็นพี่ คือเขาเป็นทุกอย่างกับแฟนคนนี้ อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าแล้วคอยสั่งการ ก็เลยทำความอึดอัดให้กับตัวแฟนของเขา ก็คือ เพ็ญ (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) น่ะครับ
Q: ถูกแดนวางตัวให้มารับบทปกป้องแบบนี้ แสดงว่าต้องเห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา คิดว่าตัวตนจริงๆของเรามีความคล้ายหรือแตกต่างจากตัวละครนี้อย่างไรบ้าง
ถ้าถามว่าตัวตนของผมเป็นอย่างไร ผมเป็นคนที่หลายคนบอกว่าผมเป็นคนหยิ่ง บางทีก็บอกว่าไม่ค่อยให้ความสนใจคนอื่น แต่จริงคือผมเป็นคนขี้อายหนึ่งล่ะครับ (หัวเราะ) เป็นคนไม่ค่อยกล้าที่จะสนิทสนมกับใครเพราะว่าเราคิดว่าเดี๋ยวเค้าจะรู้สึกยังไงกับเรา เป็นคนขี้กลัวแต่คือจริงๆแล้วผมเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลยครับ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ด้วย แล้วก็เป็นคนที่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ผมว่าผมเป็นคนที่สนุกสนานกับการทำงานนะถ้าทำแล้วงานออกมาดีผมทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้
ส่วนผมกับปกป้องเหมือนกันไหม ผมว่าก็เหมือนกันนะ เพราะผมเป็นคนที่ห่วงความรู้สึกคนอื่น แต่อาจจะไม่แสดงออก เหมือนปกป้องหรอก คิดในใจมากกว่า (หัวเราะ) ปกป้องเขาจะเป็นคนที่แสดงออกมากๆ น่ะ ว่า เฮ้ยห่วงนะก็พูดออกมาเลยว่าห่วง ผมห่วงคุณนะ ผมรักคุณนะ พูดแบบชัดเจนน่ะ ไม่ต้องเดาความรู้สึกเลย อย่างเวลาก่อนเขาจะวางโทรศัพท์เขาจะพูดว่า รักหนูนะ มันเป็นความรู้สึกแบบผู้ชายหลายคนเป็น โดยเฉพาะผู้กำกับอาจจะเป็นก็ได้ เพราะเขาเขียนบทให้ผมมาพูด (หัวเราะ) เขาอาจจะพูดแบบนั้นกับแฟนเขาบ่อยๆ เขาก็อาจจะรู้สึกว่าตัวปกป้องอาจจะต้องพูดนะ คือผมเองอาจจะไม่ได้พูดขนาดนั้น เรียกว่ามีความเหมือนที่แตกต่าง
Q: คิดว่าเสน่ห์ความน่าสนใจของตัวละครนี้อยู่ตรงไหน
ความน่าสนใจของบทนี้มันอยู่ที่ ปกป้อง เป็นผู้ชายที่เข้มแข็งแต่โคตรน่าสงสารเลยครับ ผู้กำกับเขาบอกผมแบบนี้เลย โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่อง อารมณ์จะบีบขึ้นเรื่อยๆ คือตัวปกป้องเป็นผู้ชายที่ เขาคิดว่าความรักต้องเป็นแบบนี้ แล้วเขาทำทุกอย่างเพื่อความรัก เขาไม่ได้ทรยศความรัก เขาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาทำดีที่สุด แต่ว่าบางทีมันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นผมว่า ในชีวิตประจำวันของเรามันก็ต้องมีคนที่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อคนรักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่ว่าพอมันออกมามันอาจจะไม่ใช่ ก็ต้องไปดูว่าเขาผิดพลาดตรงไหนครับ
นอกจากนี้ที่เด่นเลยต้องบอกว่าตัวปกป้องเนี่ยเขาเป็นหมอหน้านะครับ ซึ่งตรงนี้ตอนแรกผมหนักใจมากเพราะไม่เคยให้บริการคนอื่นมาก่อน เคยแต่ไปรับบริการ (หัวเราะ) ก็เรียกว่าต้องไปหัดดูว่า เขายังไง เขายิงเลเซอร์กันยังไง
Q: การรับบทหมอรักษาผิวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีการเตรียมอย่างไรบ้าง และตอนที่ถ่ายทำจริงในฉาก เป็นอย่างไรบ้าง
การเป็นหมอผิวหนังเนี่ยนะครับ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดผมมีเคยมีความคิดที่ผมจะเป็นหมอนะ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหมอรักษาหน้าได้ ตอนที่รู้ว่าจะรับบท ก็ไปที่ไปร้านหมอสิวเลยครับ ก็จะดูว่าหมอสิวพูดกับคนไข้ยังไง พูดกับลูกค้ายังไง คือเราจะดูว่า เขามีขั้นตอนในการอธิบายการรักษาอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่าหยิบเครื่องมือมา ผมจะยิงเลเซอร์ แล้วก็ยิงๆ แล้วก็ไม่พูดอะไร แต่หมอที่ดี จะต้องอธิบายให้คนไข้ฟังครับว่าการรักษานั้นมันจะทำให้หน้าคุณเป็นยังไง ซึ่งเราก็จำมาครับเอามาปรับเป็นคาร์แร็คเตอร์ของเรา
และตอนที่เข้าฉากก็มียิงเลเซอร์จริงๆเลยนะครับ ผมก็บอกกับพนักงานร้านว่า พี่ครับเอาแบบต่ำสุดเลยนะ ให้ยิงได้หลายทีและคนที่โดนยิงเขาไม่เจ็บ ซึ่งก็ออกมาดีครับ ก็เป็นซีนที่สนุกและตลกเหมือนกัน ซีนนั้น (หัวเราะ) ก่อนถ่ายผมก็มีการเรียนรู้ขั้นตอนวิธีการทำหน้ากันก่อน จากที่เราเคยนอนอย่างเดียวแล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆมาแปะ เราก็ได้รู้ว่าไอ้ที่เย็นๆ คือครีม ขาวๆ ใสๆ เอามาแปะให้หน้าเราเย็นนะ แล้วก็จะมีพื้นที่รับแสงได้ดีขึ้น จะสะท้อนได้ดีขึ้นเขาก็อธิบายให้เราฟัง แล้วระหว่างถ่าย ตอนเราเล่นเป็นเราเป็นหมอเราก็ต้องอธิบาย ตอนนี้นะครับ ทาครีม คูลเจลให้คุณแล้วนะครับ แล้วก็ยิงเลเซอร์ เลเซอร์ตัวนี้จะมีผลทำให้หน้าของคุณ ใสขึ้นนะครับแต่ว่า สองสามวันสัมผัสดูอาจจะเป็นขุยนิดหน่อย ก็ไม่เป็นไรนะครับ หลังจากนั้นหน้าคุณจะดีขึ้น รูขุมขนจะกระชับขึ้น คือมันเป็นสิ่งที่เราต้องคอยพูดคอยบอกกับคนไข้เราน่ะครับ
และในซีนนี้ก็จะเป็นซีนที่เป็นการเล่าการบอกถึงคาแร็คเตอร์ของปกป้อง เพราะเป็นซีนแรกที่เห็นว่าปกป้องมีอาชีพเป็นหมอหน้านะ ทำไมเค้าถึงมีนิสัยอย่างนี้ ในฉากนี้จะมีชวดที่รับบทโดยแดนนะครับ แล้วก็มีเพ็ญรับบทโดยน้องแพทตี้ อยู่ในซีนนี้ด้วย เพราะเขากำลังจะมาขออนุญาตไปต่างจังหวัดกันในช่วงคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ซีนนี้จะบอกให้รู้ว่าเวลาที่ปกป้องเค้าเป็นห่วงแฟนเค้าแสดงออกยังไง แล้วเค้าเป็นจริงจังกับการประกอบอาชีพเค้าแค่ไหน ตอนถ่ายในฉากขณะที่ทุกคนหวาดเสียวกับการยิงเลเซอร์ทุกคนกำลังสนุกสนาน หัวเราะ ขำน้องนักแสดงสมทบคนที่โดนเลเซอร์ยิง ส่วนผมเป็นปกป้องต้องเป็นคนที่ซีเรียสอยู่คนเดียว ต้องทำท่าจริงจังในการรักษา และจริงจังกับสิ่งที่แฟนเค้าพูดมาแล้วก็คอยสังเกตคนที่มากับแฟนเค้าด้วย คือเป็นตัวปกป้องอ่ะครับ กำลังปกป้องแฟนอยู่อะไรอย่างนี้ครับผม
Q: เรื่องราวความสัมพันธ์ในเรื่องนี้ดูเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนไม่ใช่เล่น ที่มาที่ไปของเรื่องราวในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องราวของคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์นะครับ เริ่มขึ้นจากสาวคนหนึ่งชื่อ เพ็ญ (แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) เขามีแฟนแล้วชื่อปกป้อง รักกันและเป็นแฟนกันมานาน อยู่มาวันหนึ่งเพ็ญก็ไปเจอผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเข้ามาทำความรู้จักกับเพ็ญก็คือ ชวด (แดน วรเวช ดานุวงศ์) ชวดเข้ามาหาเพ็ญเพราะว่าอยากจะเข้ามาจีบเพื่อนเพ็ญคือ ต้นหลิว (นุช-นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์) ชวดอยากจีบต้นหลิวแต่ว่าใช้เพ็ญเป็นสะพาน แต่ระหว่างที่ชวดใช้เพ็ญเป็นสะพาน ชวดที่ไม่รู้ใจตัวเอง ก็แอบปิ๊งเพ็ญไปแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน ซึ่งเรื่องราวใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ก็คือเป็นช่วงเวลาของชวดที่ได้อยู่กับเพ็ญ ถามว่าใช้เวลายังไง ก็เขามีเหตุการณ์ที่ต้องไปในสถานที่หนึ่งด้วยกันสองคน ก็เลยเกิดเป็นความรู้สึกพิเศษขึ้นมา แล้วพอทั้งคู่กลับมาความรู้สึกหลายๆ อย่างมันก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว สำหรับผมนะครับ ผมเชื่อว่าความรักที่อยู่มานานมันจะแปรความรักเป็นความผูกพัน แต่ว่าความรักที่เพิ่งรู้จักมันเป็นความรักที่เป็นความแปลกใหม่ด้วย แล้วอันไหนมันถึงจะเป็นอันที่ใช่ล่ะ ซึ่งความรักมันเป็นเรื่องของระยะเวลาหรือเปล่า หรือความรักกับความผูกพันอันไหนมันมีน้ำหนักกว่ากัน ก็ต้องหาคำตอบของความรักของคู่สองคนนี้ด้วย ก็เลยกลายเป็นเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ครับ
-
Q: ช่วยนิยามความความรักของตัวละครในเรื่องนี้แต่ละคนสักหน่อย และคิดว่าคนทั่วไปจะเข้าถึงความรักในเรื่องนี้ได้ไหม
ผมว่าความรักของคนในเรื่องนี้นะครับเป็นความรักที่มาจากพื้นฐานของความสับสน ไม่มั่นใจ
ตัวปกป้องจะนิยามความรักได้ว่าเป็นรักแบบ รักไม่เข้าใจ แต่รักมาก ไม่เข้าใจว่าความรักที่แฟนเราต้องการเป็นอย่างไหน ซึ่งจริงๆ ในชีวิตคนหลายๆ คนก็อาจจะเป็นแบบว่า เฮ้ย เรามีแฟนแต่เราไม่รู้ว่าควรที่จะทำตัวกับแฟนยังไง
รักของเพ็ญอาจจะเป็นรักแบบสับสน ผมว่าหลายๆ คนก็คงเป็นนะครับ จนมีกิ๊กอะไรอย่างนี้( หัวเราะ) ผมว่า แต่พอมาเป็นมุมผู้หญิงที่เป็นก็อาจจะดูพิเศษนะ เพราะว่าความรู้สึกแบบบางทีเราอยู่กับคนๆ หนึ่งมานาน จนความรู้สึกมันเป็นเหมือนพี่เหมือนเพื่อน แล้วก็เขาก็ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย เขาคือแฟนเราอ่ะ บางทีเราก็มีบ้างที่จะเผลอใจมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขึ้นอยู่กับว่าเราควบคุมมันได้ดีแค่ไหน
ตัวของชวด ชวดอาจจะเป็นคนที่แบบ รักแบบไม่รู้ ไม่รู้ว่าตัวเองรัก มีเยอะนะครับ แบบว่าคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองรักคนเนี้ย แต่พอแบบว่าห่างๆ กันไปแล้วอ้าว ตกลงรักคนนี้ ไอ้ความรู้สึก คือเราคิดว่าเรารักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ดูแบบว่าเพอร์เฟ็กต์ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเรารู้สึกดีๆ กับคนข้างๆ เรามาโดยตลอดอะไรอย่างนี้ไอ้ความรู้สึกแบบเนี้ยผมว่าผู้ชายเป็นกันเยอะครับ
ก็เป็นความรักสามแบบนะที่ผมว่าอยู่ในชีวิตจริงๆ ของใครหลายคน แล้วพอเอามารวมกัน มันก็จะมีทั้งความเศร้า มีทั้งความซึ้ง มีทั้งความรู้สึกดีๆ ผมว่าคนที่เข้ามาดูหลายๆ คนที่เคย ตกอยู่ในสภาพความรักทั้งสามแบบที่ผมพูดเมื่อกี้ก็คงจะรู้สึกอินกับหนังได้ง่ายมาก และผมก็คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่คุณกำลังมองหาแน่ๆ ก็ต้องไปดูครับว่าความรู้สึกของคุณเป็นแบบไหนครับ แต่ผมว่าทุกคนก็เคยเป็นครับ
Q: ในฐานะที่ต้องมารับบทเป็นคู่รักน้องแพทตี้ อังศุมาลิน ที่ต้องมีการรับส่งกันหลายแบบทั้งตลก ทั้งดราม่า คิดว่าความสามารถของสาวน้อยคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับน้องแพทตี้นะครับก็ถือว่าเป็นการร่วมงานกันเต็มๆ เป็นครั้งแรก ผมเคยอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันแต่ไม่เคยเจอหน้ากันเลย เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องแรกที่ได้มาใกล้ชิดกัน น้องเค้าเป็นคนที่สนุกสนานในการทำงาน แต่เวลาทำงานจริงเค้าจะซีเรียสนะ (หัวเราะ) เขาค่อนข้างซีเรียสแบบบางทีซีนหัวเราะอยู่อย่างเนี้ย ก่อนเข้ายังนั่งดีไซน์การหัวเราะโดยมีผู้กำกับคอยคุมอยู่เลย น้องเค้าก็เป็นจริงจังในการทำงาน และก็การที่ต้องมารับบทเป็นแฟนเค้านะครับ ด้วยตัวบทวางไว้ว่าผมเป็นพี่ซึ่งค่อนข้างห่างอยู่แล้ว และก็ตามชีวิตจริงก็เป็นอย่างนั้น มันก็เลยเหมือนประมาณพี่ชายหวงน้องสาวด้วย เพราะบางทีจะเรียกว่าแฟนก็เรียกไม่ถูก เพราะว่าด้วยความที่ปกป้องเป็นคนที่ดูแลคนอื่น ดังนั้นเวลาที่คนอื่นมองถ้าเค้าเดินมาด้วยกันบางทีมันอาจจะไม่เหมือนแฟน อาจจะเป็นพี่เดินกับน้องอะไรอย่างนี้ จะเป็นกันก็แค่นิดเดียวตอนที่เค้าแสดงออก บางทีน้องเค้าแสดงออกว่ามากอดแขนเรา ถึงดูเป็นแฟน แต่ตัวเราก็แสดงว่าไม่ได้จับมือแบบแนบแน่นเพราะว่าปกป้องเป็นคนหัวเก่านิดหน่อยก็ตามเรื่องนะครับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องรับบทได้ง่ายครับ ไม่ยากเลยเวลาเข้าฉากกับแพทตี้
สำหรับเรื่องความสามารถนะครับผมว่าบทเรื่องนี้น่าจะเขียนมาเพื่อปั้นผู้หญิงคนนี้เลยล่ะ เพราะว่าในเรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ถึงเรื่องจะเป็นโรแมนติคคอมิดี้ แต่ก็มีจะซีนดราม่าแข็งแรงนะครับ ในเรื่องของการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ และก็น้องแพทตี้ก็แสดงออกมาได้ดีมากนะครับ เรียกได้ว่า เจ๋งครับ สำหรับตัวบทนางเอก บางทีเค้ามีความเป็นเด็ก แต่ก็เหมือนจะพยายามเป็นผู้ใหญ่เพื่อเข้ากับแฟนเค้าให้ได้น่ะครับ แต่ว่าเค้าจะโดนแฟนเค้ากดอยู่ตลอดเวลาว่าเค้าเป็นเด็กอยู่ เหมือนกับต้องเล่นเป็นคนที่แบบกดดันแต่ก็มีความสุขในการที่ได้อยู่ใกล้กันนะ มันเป็นบทที่น่าสนใจเหมือนกัน มันจะเรียกว่าท้าทายก็ได้ มันยากนะครับ
Q: แล้วการทำงานกับแดน จากปกติเคยทำงานด้วยกันในฐานะเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้แดนมาในมาดใหม่ การทำงานร่วมกับแดนในฐานะผู้กำกับคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับการร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้ก็สนุกดีนะครับด้วยความที่เราสนิทกันอยู่แล้วนะครับ เราล้อเล่นกันไปชิลๆไม่เครียด แต่ก็มีนะบางทีเขาจะอธิบายบทด้วยท่าทางที่คนอื่นไม่น่าจะเข้าใจเช่น พี่บีมเล่นแบบนี้นะ แดนก็กางมือสองข้าง ผมเห็นแล้วยังงง อะไรอ่ะ มันคืออะไร ไอ้อย่างนี้มันคืออะไร จะพยายามหาคำพูดอะไร (หัวเราะ) แต่ผมก็โอเคเดี๋ยวเล่นให้นะ เราเหมือนจะเข้าใจได้กันนะครับ แต่แดนเขาก็จะมีวิธีการกำกับแบบแปลกๆ เรียกว่า แบบ“หกสเต็ป” (หัวเราะ) เขาจะบอกผมว่า ผมอยากได้อย่างนี้นะพี่ คืออย่างนี้ครับผู้กำกับขีดให้หกระดับการแสดงให้ผม ว่าอย่างแรกคือมีความสุขนะพี่บีม สองคือเริ่มกังวล สามคือเริ่มสงสัย สี่ก็คือคิดได้ ห้าก็คือเริ่มแบบปลง รู้สึกว่าแบบอะไรจะเป็นก็เป็น เรารักแฟนเรา เราเห็นแฟนมีความสุขแค่นี้เราก็พอใจ หกคืออะไรก็ไม่รู้ร้องไห้ เศร้ามาก ต้องลองไปดูครับว่าจะออกมาเป็นยังไง ส่วนเรื่องอื่น แดนเขาเป็นคนใจเย็น ผมว่าการเป็นผู้กำกับก็ต้องใจเย็นนะครับ และก็ต้องรู้แหละว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป เป็นคนที่ใส่ความตั้งใจลงไปในงานน่ะครับ ดีครับ ตั้งแต่ร่วมงานกันนะครับจนปิดกล้องนะครับก็ถือว่าสนุกดีครับ เป็นการทำงานกับคนที่เราสนิทด้วยแหละ สองเราพอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาอยากจะได้อะไรและก็เราทำงานด้วยกันมานานก็สนิทกันมาก
งานนี้ก็ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมมือกันถึงผมอาจจะช่วยนิดหน่อยก็ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของงานของน้อง ผมถือว่าอาจจะเป็นงานมาสเตอร์พีซของเขาก็ได้ เพราะว่าเขาทั้งกำกับด้วยและก็เล่นด้วย ในอนาคตอาจจะไม่ได้ขนาดนี้ ก็ต้องดูว่าต่อไปจะเป็นยังไง ก็เยี่ยมครับผมหวังว่าทุกคนจะได้รับความอินกับภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์นะครับ เข้าถึงตัวตนความเป็นแดนเลยทีเดียว
Q: เรื่องราวของเรื่องนี้ดูแล้วมีอารมณ์ที่หลากหลาย ขอให้ช่วยยกตัวอย่างฉากสนุกๆ ที่ชื่นชอบในเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย
ผมขอยกตัวอย่างฉากที่เรียกว่า ฉากหัวเราะโหด เลยครับ ซีนนี้ผมแอบถ่ายคลิปตอนแดนที่เขาบรีฟน้องแพทตี้ไว้ด้วยนะครับ (หัวเราะ) เพราะก่อนจะเข้าซีนเค้าทำหน้าเครียดมาก เพราะว่าแดนมาพูดว่า เฮ้ย แพทตี้พี่อยากได้อย่างนี้ เขาก็หัวเราะแบบแดน หัวเราะแบบปล่อยสุดๆ เป็นหัวเราะแบบไม่มีอั้นเลยอ่ะ เป็นผู้ชายที่ไม่มีอั้นเลย ซึ่งผมดูคาแร็คเตอร์ของน้องแพทตี้ดูเป็นคนที่ไม่น่าเป็นคนที่หัวเราะแบบนี้อยู่แล้วในชีวิตประจำวันนะ แล้วซีนนี้น้องแพทตี้เค้าต้องหัวเราะเยอะมาก แล้วก็ดูเหนื่อย การหัวเราะมันเป็นการใช้พลังงานสูงมากเหมือนกันนะครับ ก็หลายเทคอยู่นะ ซีนนี้ก็ประมาณสี่ห้าเทคได้กว่าจะถูกใจผู้กำกับ เราก็คอยแบบน้องดื่มน้ำเยอะๆ เพราะหัวเราะแล้วคอมันแห้งไง เป็นห่วง ผู้กำกับไม่เคยเป็นห่วงนางเอกเลยอ่ะ ผมเนี้ยครับคอยดูแล (หัวเราะ) แล้วซีนนี้นะครับนอกจากจะเห็นน้องแพทตี้หัวเราะเยอะๆ ก็จะเห็นบทของผมนะครับคอยทำหน้าเอือมๆ คอยห้ามไม่ให้หัวเราะ เป็นอีกซีนหนึ่งที่บอกเป็นว่าปกป้องคนที่คอยควบคุมแม้แต่การหัวเราะของแฟนนะครับ นิสัยเสียมาก
-
Q: นอกจากฉากที่สนุกๆแล้วยังได้ข่าวมาว่ามีฉากดราม่าเข้มข้นอีกด้วย ลองแง้มๆให้ฟังหน่อยได้ไหม
ฉากที่ผมว่าเครียดที่สุดมันเป็นฉากที่เราต้องถ่ายกลางคืนกว่าจะเริ่มก็เที่ยงคืนครับ ผู้กำกับเขาตั้งใจปั้นมาก เขาจะวิ่งมาดูตลอดครับทั้งมอนิเตอร์ หน้าเซ็ท มอนิเตอร์ หน้าเซ็ท สลับไปมาตลอด ก็ถือว่าเป็นซีนยากซีนหนึ่ง มันเป็นมันเป็นลองเทคครับ ผมจะต้องขับรถเข้ามาถ้าผิดอะไรนิดเดียวปุ๊บเริ่มใหม่หมดเลย เป็นซีนเน้นความรู้สึกที่แบบตัวผมรู้แล้วแหละว่าตัวเพ็ญแบบเปลี่ยนไป เพ็ญรู้สึกกับเราไม่เหมือนเดิม จนทะเลาะกันแบบระเบิดอารมณ์มันเป็นจุดหักเหของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้ครับ
ทางด้านน้องแพทตี้เค้าก็เครียดครับด้วยความที่เป็นซีนดราม่า เขาต้องร้องไห้ครับ คือน้องเค้าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้วครับ ซีนแรกเค้าก็ร้อง คืออยากให้เค้าร้องเค้าก็ร้อง แดนเค้าอยากให้ร้องแบบฟูมฟายมากกว่านั้น ผู้กำกับเลยต้องบรีฟกันเยอะ แถมไดอะล็อคของน้องแพทตี้ ก็ยาวมากเรียกว่าน่าจะยาวที่สุดของเค้าแล้วมั้ง ยากครับ คือน้องเค้าเครียด พอผ่านไปสักเจ็ดเทคแปดเทคน้องเค้าเริ่มเครียดละ ตอนนั้นก็ตีสองกว่าแล้ว จนเครียดมากก็เลยต้องพักกองกันสักหน่อย และกลับมาถ่ายใหม่ก็ผ่านเลยครับ ส่วนตัวผมนะ ผู้กำกับไม่ค่อยบรีฟผมเลยนะภาพยนตร์เรื่องนี้ แค่มาบอกว่าพี่ผมอยากให้เล่นอย่างนี้ แล้วพอเล่นๆไปโอเคแล้วพี่โอเคๆ เหมือนกับว่าเอ๊ะเค้าเห็นว่าเล่นดีแล้วหรือว่ามันไม่ใส่ใจก็ไม่รู้ประมาณนั้น (หัวเราะ)
แต่ไม่หมดแค่นั้นนะครับ พอซีนนี้เสร็จตีสาม แดนมาบอกว่ายังเหลืออีกสี่ซีนอ่ะพี่ แถมหลังจากนั้นเป็นซีนตลกครับ ! คือทำไมไม่เอาตลกขึ้นมาก่อนล่ะครับผู้กำกับ (หัวเราะ) เค้าก็บอกว่า อ่อมันเป็นซีนยากเค้าอยากจะทำให้มันเสร็จก่อนไง ก็ต้องไปดูครับว่าซีนนี้มันเป็นยังไง ว่าจะออกมาตามที่ผู้กำกับเค้าดีไซน์ไว้ไหมน่ะครับ
Q: ถ้ามีโอกาส ใช้เวลาคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ จะทำยังไงให้กับคนพิเศษ
ถ้าตกอยู่ใน คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ นะฮะ ก็คงทำให้เห็นว่า เขาจะโชคดีแค่ไหนที่ได้อยู่กับเรา คือเวลามันมีน้อย เราก็ต้องใช้เวลาอย่างประหยัด (หัวเราะ) ก็คงจะแบบทำให้เขารู้ว่าเขาเป็นผู้หญิงที่โชคดีนะ ก็คงใส่ความเป็นตัวตนของเราลงไปในด้านดีเพราะว่าเวลามีน้อย ต้องตัดอะไรยิบย่อยทิ้งไปก่อน (หัวเราะ)หลังจากนั้นค่อยมาดูกัน ครับ จริงๆ แล้วชีวิตคู่มันไม่อาจรู้จักกันได้ได้ใน สามวันสองคืน แต่ว่าความรู้สึกดีๆ มันเกิดขึ้นได้ในระหว่างนั้น
Q: คิดว่าในช่วงเวลาสามวันสองคืนจะรักกันได้ไหม
ผมว่าก็ต้องมีปูพื้นกันมาก่อนนะ ก่อนจะมาเข้มข้นกันช่วงสองวัน แต่ถ้าเราไปเจอสถานการณ์แบบนี้ผมเชื่อ ถึงอาจจะไม่ใช่ตัวผมนะ แต่ผมเชื่อว่าการที่หนุ่มสาวหลายคนก็อาจจะตกหลุมรักกัน ภายในช่วงเวลา 2 วันสามคืน ก็เป็นไปได้ครับ
Q: นิยามคำว่าคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์
ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นคืนวันเสาร์ถึงเช้าอีกวัน เพราะว่าถ่ายแบบนี้ตลอด (หัวเราะ) ล้อเล่นนะครับ คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์นะครับ ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญของความรัก เป็นเรื่องราวความรักอ่ะครับ ที่ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์เจอและเกิดขึ้นได้ จริงๆจุดจบความรักก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคาดไว้อย่างไร ความรักของผู้ชายกับผู้หญิงที่เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาแค่วันสองวัน กับความรักของผู้ชายกับผู้หญิงที่เกิดขึ้นในเวลาหลายปีครับ อันไหนมันน้ำหนักกว่ากันอะไรอย่างนี้ บางทีความรักก็ไม่สามารถเอาเวลามาวัดได้ว่าอะไรน้ำหนักกว่า ต้องไปดูครับในภาพยนตร์เรื่องนี้
Q: ช่วงนี้ดูเหมือนว่าบีมจะกลับมารับงานมากขึ้นแล้ว ช่วยอัพเดทกับแฟนๆ หน่อยว่าที่ผ่านมาหลายไปไหน
เรียกว่าตั้งแต่ต้นปีมานะครับ จริงๆ ผมก็รับงานต่อเนื่องยาวมาก มีทั้งละคร ซีรีส์ และภาพยนตร์ ปีนี้รับงานค่อนข้างเยอะนะครับ กลับมารับมารับงานเต็มตัวแล้วนะ ส่วนงานเพลงที่ผมได้ทำนั้น เป็นเพลงประกอบละคร ร้องเพื่อความสนุกสนาน ร้องเพื่อการแสดงด้วยนะครับ ทางผู้ใหญ่เห็นว่าเราเป็นคนเล่นเองก็น่าจะเป็นคนถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้ครับ ก็ได้มีโอกาสร้องเพลงอีกสามเพลง และเร็วๆ นี้อาจจะมีซิงเกิ้ลออกมาด้วย รับรองครับปีนี้งานจัดหนักครับ มีบริษัทท่องเที่ยวด้วย ทริปบัสเตอร์ ก็ยังทำอยู่ครับ ตอนนี้ก็กำลังเข้าที่เข้าทาง เราก็เดินหน้าต่อไป ทำงานมาสองปีแล้วก็มีฐานลูกค้าที่มั่นคง มีคอนเน็คชั่นเพิ่มเติมเยอะมาก ตอนนี้บริษัทเดินหน้าต่อไปแฮปปี้ครับแล้วก็มีภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ครับ
Q: รู้สึกอย่างไรกับชีวิตในเส้นทางบันเทิงที่ผ่านมา และมีงานในอนาคตอะไรที่อยากฝากถึงแฟนๆ บ้างไหม
ตอนนี้ก็กำลังมีละครที่กำลังถ่ายอยู่อีกสองเรื่องนะครับผม แล้วก็แต่อาจจะมีหนังที่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดแต่ก็มีติดต่อเข้ามาครับผม ถ้าทำงานแล้วมันแฮปปี้ผมก็ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว ผมว่างานในวงการมันก็เป็นอะไรที่มันไม่ซ้ำมีเปลี่ยนทุกวัน อย่างวันนี้อยู่กรุงเทพฯ วันรุ่งขึ้น ไปอยู่ปราณ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ไปอยู่เขาใหญ่อีกอะไรแบบนี้ มันจะเป็นอะไรที่สนุกดีนะ แล้วก็บทบาทด้วยที่เราได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วยนะครับ เรียกว่าติดใจมั้ง
งานตรงนี้ได้ลองอะไรหลายๆ อย่างเลยนะครับตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยนะครับ ได้โอกาสทำงานกับคนหลายๆ คน หลายๆแขนง ได้เปิดโอกาสมีคอนเน็คชั่นในการทำธุรกิจของตัวเอง ทำให้เราเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ทำให้เราเป็นที่รักแล้วเราก็ได้ความรักจากเค้า แล้วเราก็ได้ให้ความรักให้แก่เค้าด้วย ก็มีทั้งรับและให้ครับ ด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเป็นฝ่ายรับผมเองก็จะคิดอยู่ตลอดว่าจะคืนอะไรกลับไปให้มั่ง การคืนสำหรับผมอาจจะเป็นสิ่งอะไรที่เล็กน้อยแต่อาจจะเป็นการให้กำลังใจที่ดีให้กับคนที่อาจจะมาชอบเรา การที่เค้าจะมาชอบเราการเป็นไกด์ที่ดี เป็นผู้นำแนวทางที่ดี แนะนำน้องๆ หรือเป็นตัวอย่างที่ อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องการเรียน เรื่องการใช้ชีวิตก็พยายามจะแบบพยายามทำแบบนั้น คือเราทำเต็มที่แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะได้ดีหรือปล่า นั้นเป็นสิ่งที่เราตั้งใจให้กลับไปน่ะครับ
-
ตัวอย่าง คืนวันเสาร์ ฯ
ใช่-ใกล้จะเลือกใครดี (คืนวันเสาร์ฯ)
“ซิน Singular” ถูกใจบท “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” แต่งเพลง “เรื่องจริง” เพลงช้าหวานซึ้ง ประกอบหนังให้แดน วรเวช

ใช่ว่าจะมีแต่ความสนุกสนานรั่วกันมันส์รักกันมาก แต่อย่างเดียว “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัวครั้งแรกของ แดน วรเวช ดานุวงศ์ ยังเต็มไปด้วยความพิเศษอีกมากมาย ล่าสุดยังมีอีกหนึ่งศิลปินที่ประทับใจไปกับเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้จนได้มาร่วมงานกับแดน นั่นก็คือ“ซิน-ทศพร อาชวานันทกุล” จากวง Singular ที่ขอส่งเพลง “เรื่องจริง” เพลงช้าแสนหวานมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งงานนี้เป็นโปรเจ็คพิเศษที่ซินได้ทำผลงานคนเดียวครั้งแรก และยังมาร่วมแสดงมิวสิควีดีโอ
เพลงนี้ด้วยตนเองอีกด้วย โดยผู้กำกับ แดน ได้เล่าถึงการร่วมงานในครั้งนี้ว่า
“ผมลองติดต่อน้องซินมาร่วมงานครั้งนี้ก็เพราะ ได้เห็นจากผลงานที่เขาแต่งเพลงมาทั้งหมด เขามีมุมมองที่ละเอียดอ่อน มีการใช้ภาษาบอกเล่าเรื่องได้ดีมากครับ ก็เลยพูดคุยกับเขาดู ซึ่งซินเขาก็เป็นคนที่ทำงานตั้งใจมากครับ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เพลงของเขาเขียนออกไปแล้วมันไม่ใช่ ซินเขาทำการบ้านเยอะมากครับ เอาบทไปอ่านเป็นตั้ง มีการพูดคุยกันเยอะ เขาถามผมซ้ำๆ จนเข้าใจถึงเรื่องราว ซึ่งพอเขาเข้าใจแล้วทุกอย่างมันก็ราบลื่นหมดครับ
เพลงๆ นี้ก็จะพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในช่วงเวลาที่เหงา ช่วงเวลาที่เศร้า หรือช่วงเวลาที่มีความสุข ซึ่งผมอยากให้ทุกคนฟัง อยากแนะนำจริงๆ ผมฟังครั้งแรกแล้วก็รู้สึกว่า โห้ สุดยอด! (หัวเราะ) ชอบเลย ก็รู้สึกว่าตรงกับในหนังเรื่องนี้มาก ทั้งเรื่องของความรู้สึก เรื่องของสิ่งที่ตัวละครทุกตัว อยากจะพูดออกไป ก็ต้องขอบคุณซินด้วยเหมือนกัน ผมไม่มีการปรับแก้เพลงแต่อย่างใดเพราะซินเขาเข้าใจมุมมองเกี่ยวกับความรักในเรื่องนี้ดีมากเยี่ยมมากครับ นอกจากนี้ พี่โซ่ วง ECT (แมนลักษณ์ ทุมกานนท์) ก็มาร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเพลงนี้ด้วยพี่โซ่ ก็เป็นคนที่ทำงานละเอียดเหมือนกัน ทำให้การทำงานครั้งนี้ราบรื่นแฮปปี้มากครับ ยังไงก็ฝากเพลงและ มิวสิควีดีโอเพลงนี้ด้วยนะครับ ผมก็หวังว่าทุกคนจะชอบ และทำให้ทุกคนมีความสุข หรืออาจทำให้ทุกคนลองมองย้อนกลับไป นึกถึงความทรงจำดีๆ ในวันที่ผ่านมา และก็มีแรงก้าวเดินต่อไปในชีวิตนะครับ ฝากด้วยนะครับ”
ทางด้านซิน ก็เผยถึงความรู้สึกที่ได้ลองทำงานเพลงแบบพิเศษครั้งแรกว่า
“เพลงนี้ก็เป็นโปรเจ็คพิเศษที่พี่แดนติดต่อมา เราก็ยินดีมากครับ เป็นครั้งแรกของซินด้วยครับที่ได้มาร้องเพลง-แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ก็ต้องขอบคุณพี่แดนด้วยนะครับ และอีกอย่างหนึ่งก็เป็นครั้งแรก ที่ได้ลองมาลุยเดี่ยวซึ่งก็เป็นงานที่มีมุมมองที่อยากจะเล่านอกเหนือจาก ความเป็น Singular บ้าง ตอนแต่งเพลงก็เริ่มจากการเอาบทมาอ่านครับ และก็ได้มีการคุยกับพี่แดนว่าอยากได้ให้เพลงนี้ประกอบไปกับภาพยังไง ตอนแต่งก็เลยค่อนข้างลื่นไหลมาก ก็อยากให้ไปลองฟังกัน ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี่แดน กำกับและเขียนบทเองด้วย ซินก็ได้อ่านบทเรียบร้อยแล้วประทับใจก็ตั้งตารอวันที่หนังจะเข้าโรงอยากไปดูมากครับ”
ส่วนด้านการทำงานถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลง “เรื่องจริง” ทีมงานก็ได้เซ็ตฉากขึ้นมาในห้องสีขาวเรียบหรูเรียบง่ายสบายตาชวนให้รู้สึกถึงความทรงจำที่ดีอบอวลอยู่ในห้อง ซึ่งซินได้มาแสดงนำ-ร้องเพลงประกอบ ในท่วงท่าเหงาๆ แต่แฝงไว้ด้วยความสุข และมีการโชว์เดี่ยวแกรนด์เปียโนสีขาวตัวใหญ่ประกอบเพลงซึ้งๆ ปิดท้าย ซึ่งการทำงานครั้งนี้ก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วราบรื่นด้วยฝีมือการกำกับของแดนที่เข้าคู่กับซินอย่างดี
ติดตามชมมิวสิควิดีโอเพลง “เรื่องจริง” ได้ที่ www.facebook.com/sahamongkolfilmint หรือ www.youtube.com/sahamongkolfilmint และติดตามความเคลื่อนไหวของภาพยนตร์ได้ที่ www.sahamongkolfilm.com
-
เพลงประกอบภาพยนตร์ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”
เพลง “เรื่องจริง”
จาก Sin Singular
http://youtu.be/qnGTC8EUUes
ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่...
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ
ใช่พอไหม กับ ใกล้พอเหมาะ
เธอจะเลือกใครใน 3 วัน 2 คืน
ภาพยนตร์รั่วกันมันส์ รักกันมาก
ที่จะทำให้ "คนที่ใช่" กับ "คนที่ใกล้" ชัดเจนขึ้นในใจคุณ
ภาพยนตร์รั่วกันมันส์ รักกันมาก โดย แดน-วรเวช
คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ 9 สิงหาคมในโรงภาพยนตร์
-
“บีม” แฉ “แดน” ซาดิสม์ จัดหนัก สั่งเข้มฉากฮา “แพทตี้” หัวเราะร่าน้ำตาซึม ใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”

แพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา ได้โชว์ความสามารถเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกใน คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์รั่วกันมันส์รักกันมาก แนว HAPPY COMEDY ROMANTIC จากค่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ของ แดน วรเวช ดานุวงศ์ แต่ต้องขอบอกว่าแม้จะเป็นการทำงานกับหวานใจคนใกล้ตัวแต่หนุ่มแดนก็ไม่มีปล่อยผ่านไปง่ายๆ จัดเต็มฉาก โหด มัน ฮาให้แพทตี้แสดงหลายต่อหลายแบบ ซึ่งสาวสวยคนเก่งก็สามารถผ่านไปได้แบบสบายๆ แต่ฉากที่ดูเหมือนง่ายที่สุดแต่กลับกลายเป็นฉากยากที่สุดฉากหนึ่งก็คือฉากหัวเราะ!
งานนี้พี่ชายสุดซี้ บีม กวี ตันจรารักษ์ ขอเมาท์ถึงการทำงานสุดเนี้ยบของแดน ที่ลงมากำกับแม้กระทั่งเสียงหัวเราะของแพทตี้ ให้หัวเราะซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่หยุดจนกว่าจะได้เสียงหัวเราะ และท่าทางที่ฮาที่สุด “ผมขอเรียกฉากนี้ว่า ‘ฉากหัวเราะโหด’ เลยครับ ซีนนี้ผมแอบถ่ายคลิปตอนแดนที่เขาบรีฟน้องแพทตี้ไว้ด้วยนะครับ (หัวเราะ) ฉากนี้จะเป็นฉากที่ปกป้องและเพ็ญ ซึ่งก็คือผมและน้องแพทตี้เนี่ยมาดูหนังด้วยกัน แต่ปกป้องเป็นคนซีเรียสคอยควบคุมทุกอย่างแม้แต่การหัวเราะของแฟนน่ะครับ เขาจะห้ามแฟนไม่ให้หัวเราะ แต่คนที่เครียดกว่าผมคือแดนครับ (หัวเราะ) ตอนก่อนก่อนจะเข้าซีนเค้าทำหน้าเครียดมาก แดนมาพูดว่า เฮ้ย แพทตี้พี่อยากได้เสียงหัวเราะอย่างนี้ เขาก็หัวเราะแบบเขาให้ดู หัวเราะแบบปล่อยสุดๆ เป็นหัวเราะแบบไม่มีอั้นเลยอ่ะ เป็นผู้ชายที่ไม่มีอั้นเลย ซึ่งผมดูคาแร็คเตอร์ของน้องแพทตี้ดูเป็นคนที่ไม่น่าเป็นคนที่หัวเราะแบบนี้อยู่แล้วในชีวิตประจำวันนะ แล้วซีนนี้น้องแพทตี้เขาต้องหัวเราะเยอะมากหัวเราะต่อเนื่องไม่หยุดเลยนะ หัวเราะจนหน้าแดง น้ำตาซึม ขนาดเราแค่ดูยังเหนื่อยแทนเลย การหัวเราะมันเป็นการใช้พลังงานสูงมากเหมือนกันนะครับ ก็หลายเทคอยู่นะ ซีนนี้ก็ประมาณสี่ห้าเทคได้กว่าจะถูกใจผู้กำกับ จากน้องเขาขำๆ จนเริ่มขำไม่ออกกันเลยทีเดียว เราก็คอยแบบน้องดื่มน้ำเยอะๆ เพราะหัวเราะแล้วคอมันแห้งไง เป็นห่วง ผู้กำกับไม่เคยเป็นห่วงนางเอกเลย ผมเนี่ยแหละครับคอยดูแล(หัวเราะ) ผมสงสารแพทตี้ มากเลย ต้องมารองรับอารมณ์ผู้กำกับ ผมว่าแดนเนี่ยบางทีนี่แรงกว่าผู้กำกับคุณอาพิศาลอีกนะฮะ เป็นคนซาดิสม์มากครับ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับเราทำงานอยู่ด้วยกันมาตั้งนานเพิ่งมาเห็นธาตุแท้ ตอนมาเป็นผู้กำกับเนี่ยเองครับ (หัวเราะ) ยังไงติดตามความสนุกได้นะครับในภาพยนตร์เรื่องคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ฮาแน่นอน”
เตรียมปล่อยตัว ปล่อยใจ ปล่อยเสียงฮา ไปกับ 3 วัน 2 คืนสุดพิเศษ ใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” 9 สิงหาคม ทุกโรงภาพยนตร์
-
เข้าฉาก “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” แดน วรเวชเปิดซิงซูเปอร์โมเดลสาว “นุช นีรนาท” สวมบทพิธีกรสาวฮอตสุดเซ็กซี่ครั้งแรกทำเรียลลิตี้ตะลุยบ้านผีเรทติ้งกระฉูด


เริ่มต้นเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ12 ในฐานะนางแบบสาว จนอายุ19 ตลอด 7 ปีในวงการนางแบบพูดได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้จักซูเปอร์โมเดลสาวหุ่นดีสุดเซ็กซี่ขวัญใจหนุ่มๆ ทั้งประเทศอย่าง สาวนุช นีรนาท วิคทอเรีย โคทส์ ที่ล่าสุดกำลังจะมี “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ผลงานการแสดงภาพยนตร์ในแนว HAPPY COMEDY ROMANTIC ของค่ายสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ที่ได้ศิลปินหนุ่มอย่าง แดน วรเวช ดานุวงศ์ รับหน้าที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัวเป็นครั้งแรก แถมงานนี้สาวนุชออกตัวว่า ตอนนี้กำลังหลงรักงานแสดงมากขึ้นทุกที ล่าสุดลงทุนบินไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมถึงอเมริกา
“จริงๆ หลงรักไหม อยากจะบอกว่าหนูเริ่มหลงรักการแสดงมานานแล้วนะ ตั้งแต่อายุ 15 และก็อยากเรียนเพิ่ม อยากเล่นอีก ส่วนมากคนจะเห็นนุชหน้าบึ้งๆ หยิ่งๆ เป็นนางแบบ จริงๆ อันนั้นก็ไม่ใช่ตัวนุช อยากเห็นนุชจริงๆ ก็ต้องดูในหนัง เป็นแอ็คติ้ง เป็นการแสดงก็จริง แต่พูดได้ว่าบทนี้มันใกล้กับตัวหนูที่สุดแล้วน่ะค่ะในภาพยนตร์รับบทเป็นต้นหลิวเป็นผู้หญิงที่ทุกคนจะบอกว่า เขามีเสน่ห์ แต่เป็นเสน่ห์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติที่เขาไม่ต้องพยายามเลย เป็นเสน่ห์ที่เกิดออกมาจากข้างใน ด้วยความที่เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ คือรู้ว่าตัวเองทำงานเก่ง เป็นมิตรกับทุกคน เป็นคาแร็คเตอร์ที่เฟรนด์ลี่มาก มีเพื่อนเยอะ คุยง่าย ที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาคุยอยากเป็นเพื่อนด้วย”
เพราะที่ผ่านมาจะเห็นแต่บทบาทของสาวนุชในงานดราม่าหนักๆ หรือไม่ก็หนังผี แต่สำหรับคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์เจ้าตัวอบอกว่าชอบบทหนังเรื่องนี้มากๆ นอกจากจะเป็นหนังในแนวรอมคอม (โรแมนติคคอมมิดี้) ที่ตัวเองอยากเล่นมากๆ แล้ว ตัวบท ต้นหลิว สาวเซ็กซี่ สุดมั่น อารมณ์ดี ผู้กุมหัวใจชวดพระเอกที่รับบทโดยแดน วรเวช เป็นบทที่ใกล้ตัวมากๆ ยกเว้นจะมีสิ่งเดียวที่สาวนุชยอมรับว่าใหม่และเกิดมายังไม่เคยสัมผัสมาก่อนนั่นคือการทำหน้าที่ พิธีกร เพราะในภาพยนตร์เธอคือพิธีกรสาวฮอตประจำ “ที่ซ่อนผี”รายการเรียลลิตี้ตะลุยบ้านผีที่เรทติ้งกระฉูดที่สุด และนี่เป็นการเข้าฉากและการรับหน้าที่พิธีกรครั้งแรกในชีวิตของเธอ
“สำหรับนุชเองนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องสวมบทเป็นพิธีกร และได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ค่ะ คือก่อนหน้านี้นุชเองก็ไม่เคยขึ้นเวทีเป็นพิธีกร หรืออะไรเลย ไม่เคยออกรายการ อันนี้ก็คือครั้งแรก จริงๆ เลยค่ะ มันก็เหมือนกดดันนิดนึงเพราะว่า ต้องทำให้คนดูรู้สึกว่าต้นหลิวเขาเป็นมืออาชีพแล้ว ทั้งประเทศรักเขามาก แล้วตอนถ่ายทำทีมงานเขาก็จัดเซ็ตฉากไว้เหมือนกับเป็นการถ่ายรายการจริงๆ เลยค่ะ เขาจะมีคิวการ์ด เป็นบอร์ดที่เขียนคำให้พิธีกรพูดตัวใหญ่มาก เขียนเป็นไดอะล็อคของพิธีกรทั้งหมดเลย ให้เราอ่านเหมือนกับพิธีกรตามรายการจริงๆ เลยค่ะ ก็ชอบนะคะ สนุกดี แต่ถ้าถามว่าจะลองเป็นพิธีกรจริงๆ ไหมก็ต้องคิดก่อนนุชว่าแค่นี้โอเคแล้ว (หัวเราะ)”
เตรียมพบกับลีลาการเป็นพิธีกรของสาวนุช นีรนาทที่ว่ากันว่าเซ็กซี่มากๆ แค่ขยับตัวสาวนุชก็แทบจะทำให้พี่ๆ ทีมงานหัวใจแทบละลายกันทั้งกองเลยทีเดียว งานนี้ต้องบอกว่าผกก.ตาถึงจริงๆ แคสมาได้ถูกคนจริงๆ เลยใช่มั้ยพ่อแดน วรเวช ใน คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ 9 ส.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
-
การันตี แฟนๆ ไม่เคยเห็น “แพทตี้ทั้งสวยทั้งฮา เมารั่วหัวคะมำ แถมขี่หลังแดน” ฉากโดนๆ ใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”


ตอกย้ำความความฮากุ๊กกิ๊กชวนให้ลักยิ้มบุ๋มทั้งสองแก้มจากการแสดงที่แบบ เออ เข้าแข้งเข้าขากันทีเดียวเชียวระหว่าง แดน วรเวช ดานุวงศ์ และแพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธาแถมงานนี้ได้ว่าที่ นางเอกรอมคอม (โรแมนติคคอมิดี้แฮปปี้ฮากุ๊กกิ๊ก) คนใหม่ที่ต้องจับตามอง เพราะตัวละคร เพ็ญ มาร์เกตติ้งพีอาร์สาวสวยระดับมือโปรเฟสชั่นแนลในโลกของธุรกิจออนไลน์มือฉมัง หัวสมัยใหม่ ฉลาดคล่อง นิยมสินค้าแบรนด์เนม แต่ขอโทษเฉพาะตอนเซลล์เท่านั้น เป็นการถอดแบบคาแรคเตอร์สาวยุคนี้ตัวละครนางเอกจาก“คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์แฮปปี้คอมมิดี้โรแมนติคที่หนุ่มแดน วรเวช เปิดซิงทั้งเขียนบท และกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัวเป็นครั้งแรก โดยงานนี้ได้นางเอกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มขวัญใจหนุ่มๆ ทั้งประเทศอย่างสาวแพทตี้ มาบริหารเสน่ห์โชว์ฝีไม้ลายมืออันหลากหลายทางการแสดงตั้งแต่คอมมิดี้,โรแมนติคไปจนถึงดราม่าชวนซึ้งได้อย่างกระจุยกระจาย แต่สำหรับฉากเมาไม่ขับแต่ขอหลับระหว่างทาง หลังจากปล่อยอารมณ์สนุกไปแบบสุดเหวี่ยงในงานปาร์ตี้จนทำให้พระเอกหนุ่มของเราต้องแปลงร่างกลายเป็นสารถีให้สาวแพทตี้ขี่หลังซะดีๆ เป็นฉากที่เราจะได้เห็นลีลารั่วมั่วฮาได้อย่างน่ารักน่าหยิกของสาวแพ็ทชนิดที่ว่า จัดเต็มโดยไม่ห่วงเจ็บห่วงสวยเลยทีเดียว แถมยังต้องเมาถึงขั้นหัวคะมำให้หน้าสวยๆ จิ้มลงไปบนพื้นหญ้าพื้นดินจริงๆ ยังยังไม่พอ เพราะผกก.อยากให้นางเอกของเราต้องกลิ้งไปมาอีกต่างหากจนมอมไปทั้งตัว งานนี้น้องแพทเลยได้ประเดิมแผลกลับบ้านเป็นของที่ระลึกจากการเข้าฉากวันแรกๆ ในการยกกองมาถ่ายทำถึงเกาะกูดเลยทีเดียว
“แดน : สำหรับในฉากนี้นะครับก็อยากให้ทุกคนได้จับตาดู เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ชวดกับเพ็ญคู่ซี้ได้มีโอกาสไปปาร์ตี้ด้วยกัน แล้วทั้งคู่ก็ผ่านปาร์ตี้มากันอย่างเต็มที่สุดเหวี่ยง ซึ่งเราจะได้เห็นกันว่าหลังจากปาร์ตี้แล้วเนี่ยะเกิดอะไรขึ้น เพราะคนเรามักจะมีเหตุการณ์หรือพฤติกรรมแปลกๆ ประหลาดๆ เกิดขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่คนละครับว่าใครโดนแอลกอฮอลล์เข้าไปนิสัยจะเป็นอย่างไร ซึ่งนางเอกของเราก็จะรับไปเต็มๆ นิสัยที่แท้จริงก็เลยหลุดออกมา ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีใครได้เคยเห็นแบบนี้มาก่อน เป็นหนังรักทุรนทุรายครับ ผมว่าคนนี้ทุลักทุเลดีครับ นางเอกคนนี้เราเลือกถูกคนมากเลยครับ เพราะเรามั่นใจว่าข้างหลังเขาคงจะมีถ่านหลายๆ ก้อนให้เขาเปลี่ยน
แพทตี้ : สนุกดีค่ะ ทุลักทุเลดี ก็ดีค่ะได้มีโอกาสเล่นอะไรแบบนี้ คันยิบๆๆๆๆ เลย (หัวเราะ) สำหรับวันนี้เราก็จะมีคลุกคลีกับพื้นหญ้าซะบ่อย เราก็จะมีทั้งดินทั้งแมลง ก็เพิ่งเห็นว่ามีมีโดนแมลงกัดบ้าง แต่ก็เรียบร้อยทานยาแก้แพ้ ไปก็น่าจะโอเคค่ะ แล้วก็อาจจะแพ้หญ้านิดๆ ค่ะ นี่ตกลงเป็นหนังรักหรือหนังบู๊กันเนี่ยะก็จริงๆ แล้ววันนี้ตื่นมาตั้งแต่ตี 5 แต่งหน้าทำผม แล้วก็ยาวจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆแล้วค่ะ ทั้งวันเต็มเอี๊ยดแล้วเดี๋ยวต้องถ่ายฉากเมาจนต้องขี่หลังพระเอกอีก ก็อยากให้ทุกคนมาดูว่า พวกเราทุ่มเทแล้วทุลักทุเลกันขนาดไหนนะคะ ก็มาดู กันตลกๆ ฮาๆ นะคะ
แหมเห็นนางเอกสาวหน้าหวานตัวเล็กๆ อย่างน้องแพทอ้อนขนาดนี้จะพลาดได้ยังไงละจ๊ะ ที่สำคัญนางเอกอึดและให้ใจขนาดนี้แล้วจะไม่ได้ใจผู้กำกับแดนไปเต็มๆ ได้อย่างไร แถมทีมงานยังกระซิบบอกว่าอึดตั้งแต่เปิดกล้องถ่ายหนังวันแรกจนวันปิดกล้องโน่นเลย เชื่อแล้วจ้าว่าทุ่มสุดตัว ยังไงก็ไปเป็นกำลังใจกันนะจ๊ะ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” 9 ส.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
“ออย ธนา” ควงคู่ “ค่อม ชวนชื่น” เป็น “คู่ฟัดหวัดแดก” บู๊สนั่น มันส์กระจายใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์”

ไม่หมดทีเด็ดซะที สำหรับความพิเศษที่หนุ่ม “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ จัดเต็มมาในหนัง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ผลงานการกำกับ-เขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตเรื่องนี้ เพราะนอกจากเรื่องราวหลักที่เป็นเรื่องของความรักแล้วเขายังใส่ความฮา และลูกบ้าบู๊ระห่ำ สร้างสีสันให้เรื่องราวมีครบทุกรสชาติอีกด้วย โดยล่าสุดได้มีการเปิดเผยถึงสองนักแสดงที่จะมาร่วมรับเชิญสร้างความสนุกสนานให้กับเรื่อง ได้แก่ ออย ธนา สุทธิกมล และน้าค่อม ชวนชื่น ที่จะมาจับมือกันเป็นคู่หูคู่ฮา ใน “คู่ฟัดหวัดแดก” หนังเรื่องพิเศษที่เราจะได้ดูกันในเรื่องไปพร้อมๆ กับ ตัวละครในเรื่องซึ่งแดนได้เผยที่มาของเรื่องราวสุดพิเศษนี้ว่า
“เรื่อง “คู่ฟัดหวัดแดก” เป็นหนังพิเศษที่ผมแอบคิดไว้เหมือนกันว่าอยากให้มันพัฒนาเป็นหนังยาวได้ในอนาคต เพราะเห็นเคมีของพี่ออยกับน่าค่อมแล้ว เข้าขากันสุดๆ เล่นสนุกมากครับ เราจะได้ดูหนังเรื่องนี้กันในฉากที่เหล่าตัวละครหลักเขาเข้าไปในโรงหนังแล้วได้ดูกัน ผมวางพล็อตไว้ให้มันเป็นหนังที่ฮิตมากๆ ครับ มีสร้างภาคต่อออกมาแล้วหลายภาค (หัวเราะ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คู่หูเพี้ยนๆ ที่หนีเข้ามาพักอยู่ในห้องๆหนึ่งที่ข้างนอกเต็มไปด้วยศัตรูมากมาย แล้วเกิดการดวลปืนกัน มีระเบิดตูมตาม ยิงกันกระจาย แต่แฝงด้วยเรื่องราวฮาๆ ที่ต้องไปติดตามกันครับว่าจะเป็นอะไร ผมโชคดีมากครับที่พี่ออยกับน้าค่อมตกลงมาร่วมแสดงให้ก็ต้องขอบคุณมากๆ เลยครับ”
ทางด้านออย ธนาและ น้าค่อม สองนักแสดงเพื่อนซี้ของแดนที่ยินดีตกปากรับคำมาร่วมสร้างความฮาให้กับหนัง ก็ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้ทำงานกับแดนในมาผู้กำกับว่า
(ออย ธนา) : “สำหรับผมคืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ แค่ชื่อเรื่องมันก็น่าสนใจแล้วครับ ตีความอะไรไปได้หลายอย่าง อาจจะเป็นเรื่องใต้ผ้าห่ม (หัวเราะ) ตีความไปได้หลากหลายความคิด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความคิดของแดนเขาเหมือนกันว่า อยากให้มาลองดูครับว่าแดนเขาจะเล่าอะไรเรื่องนี้มีทุกแบบครับขนาดเป็นหนังรักพวกผมยังโดนยิงกันจนพรุนสนุกแน่นอนครับ”
(ค่อม ชวนชื่น) : “ผมคิดว่าแดนเขาอยู่ในวงการมา 12 ปีเขาน่าจะรู้อะไรหลายๆ อย่าง และอีกอย่างเขาเป็นเด็กที่ดีด้วย ถ้าเด็กไม่ดีคู่นี้ก็คงไม่มาเล่นกันหรอกครับ (หัวเราะ) เขาไม่ต้องมีมาทาบทามอะไรเลยนะ แค่เขาบอกว่าจะมาทำหนังเราก็มาเล่นให้เลย ชื่อเรื่องของหนังเรามันแปลกมากครับ ชื่อมันน่าดูมาก คู่ฟัดหวัดแดก ตอนกำกับแดนเขาก็ปล่อยให้เราเล่นกัน ตามฟรีสไตล์เลย ลุยกันได้เต็มที่ ใส่มุกอะไรได้เลย อะไรที่เละๆ เดี๋ยวเขาไปตัดเอง (หัวเราะ) อยากจะฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยครับ แดนเขาตั้งใจทำ และก็แปลกด้วยไม่เหมือนใครน่าดูมาก”
อยากรู้ว่า คู่ฟัดคู่นี้จะบู๊กันมันส์เละขนาดไหน
ติดตามได้ ใน “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” วันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
-
แดน วรเวช พาสาวเดทแบบแหวกแนว ปล่อย แพทตี้ ตะลุยเล่นตู้เกมจนหมดร้าน ดุเด็กจนร้องไห้จ้า กลางห้างดัง

ตามปกติแล้ววันว่างของ หนุ่มๆ สาวๆ เมืองกรุง ก็คงหนีไม่พ้นการเดินห้างดูหนัง กินข้าวฟังเพลง แต่หากเป็นสไตล์ของหนุ่ม แดน เวรเวช ดานุวงศ์ รับรองว่าต้องไม่ธรรมดาต้องมีเรื่องซ่าๆ มันส์ๆ ให้เดทนั้นมีความแปลกใหม่และได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองไม่มียั้ง โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ควงสาวสวยใสน่ารัก แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา แล้วล่ะก็เดทครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดา โดยแดนเลือกที่จะพาแพทตี้ไปร้านเกมปล่อยให้เล่นเกมตู้สุดมันส์ โชว์ลีลาหลุดโลก วาดลวดลายเซียนเกมแบบไม่มีเม้ม เล่นได้ทุกตู้ทุกเกมจนแทบจะหมดร้าน แหมอยากเห็นกันแล้วล่ะสิ ถ้าใครอยากเห็นภาพการเดท ครั้งนี้ล่ะก็ไม่ต้องแอบตามไปซุ่มดูอยู่ที่ไหน เข้ามาชมกันได้ในเรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ภาพยนตร์แนว HAPPY COMEDY ROMANTIC ที่เป็นการ “กำกับ”และ “เขียนบท” ครั้งแรกของแดน วรเวช แถมยังแสดงนำเองอีกด้วย โดยแดนหวังว่าจะมาสร้างความสุขและรอยยิ้มบนใบหน้าผู้ชมด้วยความฮา+ซึ้งของหนังเรื่องนี้
และฉากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งฉากน่ารักๆ ของเพ็ญ (แพทตี้) และ ชวด (แดน) ที่จับพลัดจับผลูมาเที่ยวห้างด้วยกันจนกลายเป็นเดทไปโดยไม่รู้ตัว ด้านเพ็ญที่เก็บกดจากการมีแฟนสุดเฮี้ยบอย่าง ปกป้อง (บีม กวี ตันจรารักษ์) ไม่ยอมให้เล่นตู้เกมมานานก็ได้ทีเมื่อชวดให้ไฟเขียวปล่อยให้เธอได้ทำตามใจก็ขอโชว์ลีลาเล่นเกมแบบไม่แคร์สื่อ ไม่ห่วงสวย แต่เอาฮาเล่นได้หมดทุกตู้ทุกแนว ลองมาฟังที่มาที่ไปของฉากสนุกๆ นี้จากผู้กำกับกัน
“ตอนนี้เราก็มาอยู่ในโซนเล่นเกม ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีตู้เกมเยอะแยะมากมายหลากแนวเต็มไปหมดเลยครับซึ่งฉากนี้น้องแพทตี้ ก็ได้แสดงบุคลิกตัวตนอีกด้านออกมา (หัวเราะ) นางเอก เขาจะมีความเก็บกดนิดนึง คนเราก็ทำงานมาเหนื่อยๆ ก็อยากผ่อนคลายบ้างการเล่นเกมก็เป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายสมองนะครับ ทำให้เรามีแรงในการทำงานต่อไป ทีนี้อาจจะโดนเกมเข้าครอบงำไปนิดนึง จนอาจจะดูเพี้ยนๆ ไปหน่อย (หัวเราะ)”
ทางด้านสาวแพทตี้ที่ได้โชว์ลีลาการเล่นเกมแบบพิลึกพิลั่นไม่มีใครเหมือนก็เผยว่า ท่าทางประหลาดๆ เหล่านี้เป็นการสั่งของผู้กำกับแดนทั้งนั้น สั่งให้ตะลุยเล่นให้เหมือนมือโปรทั้งที่ตัวจริงไม่เคยเล่นเลย
“ฉากนี้ก็สนุกดีนะคะ เหมือนได้ กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งนึงค่ะ แต่สภาพร่างกายอ่อนล้ามาก ต้องใช้แรงขาไปกระโดดๆ เต้นๆ หลายตู้ แถมหลายเกมก็ไม่เคยเล่นเลย ปกติก็เล่นบ้างค่ะแต่ไม่จริงจังขนาดนี้ ก็เล่นแบบง่ายๆมากกว่า ผู้กำกับเขาให้เราแสดงลีลาการเล่นเกมที่เมามัน แบบว่ากึ่งๆ โรคจิตได้นิดๆ เหมือนโดนเกม เข้าสิง (หัวเราะ)”
แต่ยังไม่หมดเท่านั้นเมื่อเพ็ญเล่นเกมด้วยความเมามันติดลมบน จนหวงตู้ เมื่อมีเด็กตัวน้อยเข้ามาขอเล่นบ้างเพ็ญก็หันไปดุเด็กอย่างโหด จนเด็กร้องไห้โฮ ชวดต้องรีบมาปลอบและอุ้มเด็กออกไป ส่วนเพ็ญก็หันไปเล่นเกมต่อย่างสนุกสนาน ซึ่งตอนถ่ายทำนั้นสาวแพทตี้เล่นได้อินกับบทบาทสุดๆ ดุน้องนักแสดงที่มาเข้าฉากจนร้องไห้ไม่หยุด เจ้าตัวต้องรีบเข้าไป ปลอบแต่ก็ยังไม่หาย ต้องให้แดน มาปลอบแทนถึงจะหยุดร้องได้
“ดุจริงครับ น้องร้องจริงๆ แพทเค้าดุจริงน่ะครับ หน้าโหดมาก ในบทต้องตะคอกใส่เด็ก เด็กเลยร้องไห้ อย่างที่เห็น แต่น้องเล่นเก่งมากเลยครับ ”
โดนกล่าวหาว่าเป็นสาวดุแบบนี้แพทตี้เลยต้องแก้ข่าวว่า “เพราะในเรื่องเราต้องเป็นคนเก็บกดมากกก ค่ะ (ลากเสียงยาว) อยากเล่นมานานแล้ว พอมีโอกาสปุ๊บเราก็เต็มที่ แล้วก็ต้องมีดุเด็กด้วย แต่น้องเขาเซ้นส์ซิทีฟ พูดนิดหน่อย เขาก็ร้องแล้ว ก็เลยต้องรีบขอโทษน้องค่ะ ยังไงก็อยากฝากซีนนี้ด้วยละกันนะคะ ยังไงก็ไปติดตามดูว่า ซีนที่เราเล่นเกมกันเนี่ยมันจะเมามันขนาดไหน กับท่าทาง ของตัวเพ็ญ แล้วก็ของชวด มีปฏิกิริยายังไง ก็ติดตามกันดูได้ค่ะ”
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งฉากความสนุก เท่านั้นติดตามของบรรยากาศความรักในเวลาต้องมนต์ จาก “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ได้ วันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
-
“แดน” ปลื้ม คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ กระแสดี คอหนังเชียร์ “ฮาเกินคาด ซึ้งบาดใจ ไม่อยากให้พลาด !”

เรียกว่าสอบผ่านสบายๆ สำหรับ "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์" ผลงานการกำกับ-เขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิต ของ แดน วรเวช ดานุวงศ์ เพราะกระแสตอบรับจากผู้ชมออกมาดีเยี่ยม ส่วนใหญ่แล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องมาลองชม เพราะเรื่องราวมีครบทุกรสชาติ ทั้ง ตลก ซ่า ฮา ซึ้ง ตรงกับความตั้งใจของผู้กำกับที่อยากจะทำหนังที่สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับผู้ชม แต่ที่นอกเหนือกว่านั้นยังได้รับคำชมในเรื่องความแปลกของเรื่องที่ไม่ซ้ำกับหนังรักทั่วไปมีแฝงแนวคิดดีๆ เป็นของฝากให้คนดูกลับไปอีกด้วย
เมื่อรู้ถึงเสียงตอบรับที่ดีขนาดนี้ หนุ่มแดน ถึงกับยิ้มแก้มปริขอฝากคำขอบคุณมาถึงผู้ชมว่า "ขอขอบคุณทุกคนมากครับ ที่เชื่อใจไว้ใจเข้ามาลองดูหนังที่ผมกำกับเป็นเรื่องแรก และขอบคุณทุกเสียงตอบรับทั้งคำชมดีๆ ในเรื่องความสนุกความฮา ที่ได้จากหนังของผม ผมดีใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้ชมครับ แต่ที่ผมเกินคาดเลยก็คือ มีหลายคนบอกว่าเรื่องราวที่ผมนำเสนอนั้นทำให้นึกถึงเรื่องราวความรักที่หลายคนเคยมีประสบการณ์แบบนี้มา บางคนบอกว่าดูแล้วซึ้งถึงกับน้ำตาไหลเลยก็มีซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ร้องไห้นะครับ (หัวเราะ) ก็รู้สึกดีครับที่หนังของผมเข้าถึงผู้ชมได้ และหลายคนยังบอกว่าได้เห็นมุมมองเกี่ยวกับความรักที่สามารถเอาข้อคิดไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ ผมดีใจมากที่หนังของผมอย่างน้อยก็ได้ฝากอะไรบางอย่างให้คนดูกลับไปบ้างไม่ใช่ดูแล้วผ่านเลยไป และก็ต้องขอขอบคุณทุกคนจริงๆ ครับ ที่คอยให้กำลังใจ และติดตามงานของผมเสมอมา จนผมทำหนังได้สำเร็จ ขอบคุณคำวิจารณ์ต่างๆ ที่มีให้กับหนังเรื่องนี้ด้วยครับ เพราะเป็นอีกเสียงที่ทำให้ผมรู้ว่าควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรและผมจะเก็บไว้ใช้ในการทำงานของผมให้ดีขึ้นกว่าเดิมครับ"
อยากรู้ว่า ว่า "คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์" สนุกขนาดไหน พิสูจน์กันได้ ทุกโรงภาพยนตร์นะจ้ะ