enjoyjam.net
ภาพยนตร์ => ข่าวภาพยนตร์ => Topic started by: FB on January 13, 2012, 02:55:57 PM
-
“ไอซ์ อามีนา กูล” มิสมอเตอร์โชว์ นางเอก “รักสุดทีน” ตัวเลือกเดียวที่ผู้ชายทุกคนต้องหันขวับ ที่สำคัญต้องนุ่งยีนส์สวย

มีพระเอกที่หล่อขั้นเทพระดับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” แถมในบทจะต้องเป็น ผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้หนุ่มโอ้ที่ทั้งชีวิต จริงใจเป็นรายวันกับหญิงสาวทุกคนที่ผ่านเข้ามา จะต้องตะลึงและหันขวับ และหยุดความเจ้าชู้ ขี้หลี กะล่อน เพียงแค่ได้สบตา ที่สำคัญถ้าได้พระเอกหล่อกระชากใจสาวขนาดนี้ บท “มินท์ หรือมินตรา” นางเอกสาวที่เป็นนางฟ้าหรือเนื้อคู่ที่สวรรค์ส่งมา ยิ่งต้องสวยสะกดตายิ่งๆกว่าหญิงสาวทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ “มาริโอ้” อย่างแน่นอน ถึงขนาดที่ว่ากว่า โต๊ะ-ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ หัวหน้าทีมพากย์ ผู้อยู่เบื้องหลังสารพัดความฮา หลายมุกของหนังทุกเรื่องที่ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร ซึ่งโดดมาเขียนบท กำกับและบรรเลงไอเดียความสนุกสนานเกิดเป็น “รักสุดทีน” หนังรักปนฮาเรื่องใหม่ล่าสุดในสไตล์พันธมิตรให้กับค่ายสหมงคลฟิล์มนธมิตร จะได้ตัว น้องไอซ์ อามีนา กูล สาวสวยหน้าคม ที่มีดีกรีเป็นถึงมิสมอเตอร์โชว์ 2010 มารับบทนางเอกเลือดตาแทบกระเด็น โดยเฉพาะโจทย์ง่ายๆ ที่ดูเหมือนไม่ยากจากตัวผกก.ที่เจ้าตัวระบุอย่างชัดเจนว่า “นางเอกของมาริโอ้เรื่องนี้ต้องใหม่สด ที่สำคัญต้องสวยชนิดที่ว่าทำให้ผู้ชายทุกคนต้องหันขวับ รวมทั้งต้องดูดีอย่างยิ่งเวลานุ่งกางเกงยีนส์”
“มันต้องหน้าใหม่ๆ จริงๆ ตั้งใจว่าต้องหน้าสดๆ เลย แล้วบอกโปรดิวเซอร์ ทีมงานทุกคนว่าต้องเป็นคนที่เห็นแล้วต้องหันขวับเลยนะ ถ้าไม่ขวับไม่ใช่นะ คือตอนแคสท์ติ้งเราดูกันไปหลายคนมาก หลายคนไม่ขวับ แต่พอไอซ์มาแคสท์วันแรกผมอยู่ในห้องพากย์ น้องทีมงานบอก พี่คนนี้มานี่หันขวับเลย แล้วผมเน้นเลยว่าหนังผมขอให้นุ่งกางเกงยีนส์แล้วสวย ผู้หญิงนุ่งยีนส์ต้องสวย เพราะพระเอกอยู่กับยีนส์มาค่อนชีวิต เพราะมาริโอ้เป็น CEO เจ้าของร้านขายยีนส์ ถ้านุ่งยีนส์ไม่สวยไม่เอา พระเอกอยู่กับยีนส์ รักยีนส์ บ้ายีนส์ เพราะฉะนั้นผมเลยขอให้ทุกคนที่มา นุ่งยีนส์มาให้ดู แล้วพอไอซ์มาวันแรก โอ้โหหันขวับเลย เห็นตัวเขาวันแรก นุ่งยีนส์เข้ารูปดูดีมาก แล้วเป็นผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ แล้วยิ่งพอได้คุย ได้สัมผัสแล้วรู้สึกว่า เออเขาก็มีความคิดอะไรดีๆ อยู่ในตัว ไม่ใช่ผู้หญิงวัยรุ่นกุ๊กกิ๊กตามผับทั่วไป มีความคิดความอ่าน ดูนิ่งได้ แล้วในเรื่องมีซึ้ง ผมก็ให้เขาแสดงฉากซึ้งก่อนเลย ขอดูฉากซึ้งฉากร้องไห้ก่อน ดูจังหวะมือไม้ กิริยาร่างกายเขา ภาษากายเขา ก็รู้ว่าเขาใหม่ แต่ผมคิดอย่างนี้นะ ว่าถ้าหน้าตาได้ บุคลิกได้แล้ว มีความตั้งใจจริง บางสิ่งบางอย่างเราเติมให้เขาได้ อย่างเล่นวันแรก พอจัดแสง เข้ากล้อง โอ้โห โอ้พร้อมที่จะทำอะไรให้กับผู้หญิงคนนี้ในสิ่งที่โอ้ไม่เคยทำ สิ่งที่โอ้ไม่เคยเป็น พร้อมที่จะเป็นให้กับผู้หญิงคนนี้ได้เลย แล้วพอมาดูเต็มเรื่อง น้องเขามีเสน่ห์จริงๆ ยิ่งนุ่งยีนส์นะ ดูดีมาก แล้วบทนี้คือจุดศูนย์กลางของหนังเลย พระเอกหล่อขนาดนี้ แล้วถ้านางเอกไม่สวยขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ คนขนาดนี้ผ่านผู้หญิงมาทุกวัน เจอทุกเกรด เจอทุกดีกรีมาหมด แล้วมาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้คนเดียว เพราะฉะนั้นตัวคาแรคเตอร์นี้จะต้องเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลเลย ทำให้คนๆ หนึ่งซึ่งหล่อขั้นเทพ มีอะไรต่ออะไรมากมายในชีวิต จะเอาอะไรก็ได้ มาหยุดที่เธอคนๆ นี้คนเดียว ต้องไม่ธรรมดา”
แหมฟังมุมมองของ “พี่โต๊ะพันธมิตร” แล้วยิ่งอยากเห็นภาพเคลื่อนไหวของน้องไอซ์นางเอกใหม่มาริโอ้บนจอเร็วๆ ซะแล้ว อดใจรออีกนิดกับ “รักสุดทีน” หนังรัก สนุกสนานเบิกบานฮาในสไตล์พันธมิตร 1 มี.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
สกู๊ป: พันธมิตรจัดเต็ม “รักสุดทีน” จับตา “โอ้ซิงฉือ” เข้าผับแดนซ์กระจายทะเล้นฮา “อวดสาว” น่ารัก…อ๊ะ



เป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่รับประกันว่า นี่คือการเปิดซิงทางด้านการแสดงของ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ในแบบที่รับรองว่าไม่เคยปรากฎในหนังเรื่องไหนมาก่อน งานนี้เหมือนโดนแจ็คพ็อท2เด้งแถมเฮงสุดขีดยิ่งกว่ารายการฝันที่เป็นจริง ทันทีที่โดดมาเขียนบท-กำกับหนังเรื่องแรกตามคำชวนของเสี่ยเจียง ณ สหมงคลฟิล์มฯ โต๊ะปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ผู้อยู่เบื้องหลังไอเดียและเป็นเจ้าของสโลแกน “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” วาดฝันว่าอยากทำหนังไทยสนุกสนานเน้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคลุกเคล้าด้วยเรื่องราวความรักซึ้งๆ ในแบบฉบับพันธมิตร ถึงขนาดลงทุนเขียนบทให้ “หนุ่มหล่อมาริโอ้” ซุป’ตาร์สุดฮอตแถวหน้าฝ่ายชายพลิกบทบาทเป็นหนุ่มหล่อขั้นเทพ สุดทะเล้น แถมจีบหญิงเป็นว่าเล่น เจ้าของฉายา “ถึงใจ” มาพร้อมสโลแกนที่ว่า “หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น” คือหล่อขั้นเทพ สามารถทนได้ทุกสภาวะ ไม่ว่าจะมีหญิงเข้ามากี่คนในชีวิตล้วนรับได้หมด เพียงแต่ว่ารักใครไม่เป็น ไม่เคยรักใคร ไม่รู้ว่ารักคืออะไร แต่พร้อมจริงใจกับสาวทุกคน
จับตาดูให้ดีเพราะนี่คือฉากไฮไลท์สำคัญที่บ่งบอกสรรพคุณคาแรคเตอร์ในความเป็น “ถึงใจ” ของหนุ่มโอ้ โดยในฉากเขาพร้อมสมาชิกเพื่อนเลิฟในแก๊งรักสุดทีนซึ่งประกอบไปด้วย จัดให้ (รับบทโดยจั๊ดธีมะ กาญจนไพริน) และ เต็มสูบ(รับบทโดยพล่ากุ้งมาเจนต้า (วรชาติ ธรรมวิจินต์) ออกตะลุยผับเพื่อจีบหญิง ใครจะไปคิดว่า สุดหล่ออย่างมาริโอ้จะโชว์ศักยภาพการแสดงด้วยการออกท่าทางวาดลีลาแด๊นซ์กระจายได้อย่างถึงใจขนาดนี้ มาชนิดที่ว่าจัดหนัก จัดเต็ม แถมเกทับ2ดีเจมืออาชีพอย่างดีเจจั๊ดและพล่ากุ้งมาเจนต้าศิลปินนักร้องสุดแนวชิดซ้ายชิดขวาตกขอบในฉากนี้ไปเลย เมื่อเจอกับ “ท่วงท่ามาริโอ้แดนซ์” จนผู้กำกับโต๊ะพันธมิตร ถึงกับถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ จนแทบตั้งตัวไม่ติด ไม่คิดว่าจะได้เห็นสปิริทการแสดงจากหนุ่มโอ้แบบเกินร้อยขนาดนี้ ทำให้การถ่ายฉากในผับตลอด 12 ชม.ตั้งแต่ 6-7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น เหล่าบรรดานักแสดงสมทบวัยรุ่นนับร้อยชีวิต ต่างพลอยสนุกสนานและปล่อยลีลากันอย่างสุดชีวิตไปกับพระเอกหนุ่มด้วยเลย
“ก็รับประกันว่าภาพที่คุณได้เห็นมาริโอ้แดนซ์กระจายในผับเนี่ยะ ในหนังเรื่องไหนไม่มีแน่ คิดดูละกันว่าพล่าเอยและจั๊ดเนี่ยะดีเจนะเปิดเพลงมาตลอด หงอยเลยๆ มาเจอโอ้แดนซ์กระจายในท่าเต้นที่ออกมา ทั้งสองคนบอกเลยว่าเฮ้ยโอ้ทำได้ยังไง ทุกคนงงกันทั้งกอง ยอมรับตอนแรกผมไม่ได้มองฉากนี้เลยนะ กะว่าถ่ายซีนนี้เสร็จก็จะเตรียมงานถ่ายทำในซีนต่อไป ทีนี้พอผู้ช่วยเปิดเพลงแล้วก็ให้นักแสดงแดนซ์กระจายไป ผมก็มายืนๆ ดู ผู้กำกับภาพเขาก็กวาดกล้องไปทั่วทั้งผับเลยนะ ผมรีบบอกเลยว่าให้จับไปที่โอ้อย่างเดียวเลยกับจั๊ดและพล่ากุ้ง ชี้ไปเลย ไม่ต้องแพนไปที่อื่นแล้ว เอาตรงนั้นอย่างเดียว เห็นแล้วน่ารักมาก สนุกมาก ให้ดีเจเปิดเพลงเหมือนในผับเลย เปลี่ยนจังหวะไปเรื่อย แล้วให้มาริโอ้เขาเต้นยาวไปเลย เต้นยาวมาก ทะเล้น ทะลึ่ง มีท่ามีทาง เหมือนกับ ถ้าคุณเคยเห็นโจวซิงฉือรุ่นแรกๆ ทะเล้นๆ ผมอยากให้โอ้ออกมาประมาณนั้น เอากลิ่นๆ ของโจวซิงฉือมานิดนึง ซึ่งโอ้ก็ทำได้ แล้วโอ้แดนซ์กระจาย น่ารักมาก ทีแรกยังสงสัยเลยว่าเฮ้ยมาริโอ้เต้นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ว่าลึกๆ เขาเป็นคนที่สนุกมาก พอเข้าผับก็เหมือนกับเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไปคนหนึ่งซึ่งมีท่าของเขาเอง เป็นท่าร่วมสมัยมาก เป็นท่าที่เด็กวัยรุ่นเขาเต้นกันในยุคนี้ ยังถามโอ้เลยว่าโอ้ไปเที่ยวผับบ่อยเปล่าเนี่ยะ โอ้ตอบไม่ได้เที่ยวเลยพี่ไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนเลยทำงาน 7 วัน แต่อันนี้เขาคิดของเขาออกมาเอง พอเพลงมาเขาก็แดนซ์กระจาย เราก็เลยให้กล้องจับยาวเลย คือฉากนี้ถ้าเป็นหนังผมเองที่ผมดูคนเดียวผมจะใช้หมดเลยครึ่งชั่วโมงในฉากนี้ เพราะโอ้เต้นน่ารัก ก็พูดได้เต็มปากว่าโอ้ให้ใจในหนังเรื่องนี้และมีอีกหลายเซอร์ไพรส์ที่เขาไม่เคยทำในหนังเรื่องไหน แต่ก็ได้เห็นในหนังเรื่องนี้แน่นอน”
แค่เห็นลีลาก็สัมผัสได้ถึงความทะเล้นในแบบที่เชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากเห็นมาริโอ้ซิงฉืออย่างแน่นอน อดใจรออีกนิดกับความสนุกสนานของ “รักสุดทีน”ในสไตล์พันธมิตร 1 มี.ค.นี้ทุโรงภาพยนตร์
-
เสี่ยเจียงไฟเขียว “โต๊ะพันธมิตร” ทำ “รักสุดทีน” แบบจัดเต็ม ระดมสารพัดมุกแก๊ก ตอกย้ำลายเซ็นต์ “หนังรักปนฮาสไตล์พันธมิตร”

คร่ำหวอดอยู่ในวงการพากย์หนังมาหลายสิบปี โดยเฉพาะเป็นเจ้าของประโยคยอดฮิต “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” ที่คอหนังคุ้นเคยเป็นอย่างดี เคยได้ไฟเขียวจาก “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” หัวเรือใหญ่ค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จนทำให้ “โต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์” กลายเป็นผู้ผูกขาดเสียงพระเอกหล่อๆ ระดับแถวหน้าของเอเชียไม่ว่าจะเป็น โจวซิงฉือ, เฉินหลง, เจ็ท ลี, หลิวเต๋อหัว แม้แต่หนังฝรั่งโดยเฉพาะบทเอ็ดเวิร์ด แวมไพร์เทพบุตรทไวไลท์สุดหล่อ และกลายเป็นกำลังสำคัญให้ “ทีมพากย์พันธมิตร” เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวัน และล่าสุดกำลังจะมี “รักสุดทีน” ภาพยนตร์ตลก-โรแมนติค จากผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตที่มาพร้อมสารพัดไอเดียมุกแก๊ก โดยเฉพาะอารมณ์สนุกสนานที่เป็นลายเซ็นต์เฉพาะในแบบฉบับพันธมิตรที่แฟนๆ คุ้นเคยเป็นอย่างดี งานนี้ยังขอสอดแทรกอารมณ์ซึ้งๆ เน้นความประทับใจลงไปด้วย นอกเหนือจากสารพัดมุกฮาที่พร้อมระดมมาแบบจัดเต็ม แถมงานนี้ได้หล่อขั้นเทพอย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” มาพลิกบทบาททะเล้น กะล่อนฮา ในบทชายหนุ่มที่กล้าขอเบอร์และพร้อมจริงใจกับสาวทุกคนเป็นครั้งแรกพร้อมแท็คทีม กับ “พล่ากุ้งมาเจนต้า” ศิลปินพิธีกรหัวฟู ที่พร้อมขนลูกบ้ามาเบ่งดีกรีความซ่าส์เทียบเคียงความหล่อกับ “มาริโอ้” และยิ่ง ได้ “ดีเจจั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน” ที่เคยขโมยซีนและทำเอาคนดูหัวร่อจนตกเก้าอี้มาแล้วใน หลุด 4 หลุดตอนฮูอากง มาร่วมก๊วนแก๊งค์บิ๊กไบค์มอ’ไซด์2ล้อไว้ห้อจีบสาวด้วยแล้ว งานนี้ “รักสุดทีน” ถือได้ว่าเป็นหนังรักปนฮาที่ตอกย้ำลายเซ็นต์เฉพาะตัวสไตล์พันธมิตรที่ห้ามพลาด เลยทีเดียว
“คำว่าแรงบันดาลใจ มันมีส่วนมาจากว่า เราทำงานพากย์หนังมาหลายปี มันมีความสนุก พอมีการเอ่ยชื่อทีมพันธมิตรเข้าไป มันจะต้องมีความขำ มีความสนุก เพราะฉะนั้นพอเราจะมาทำหนังสักเรื่อง ให้เราหาแรงบันดาลใจจากหนังซีเรียส จากหนังเครียดๆ หรือหนังฆ่ากันเราก็คงไม่มีแรงบันดาลใจ เพราะเอ่ยชื่อเราก็ต้องเน้นที่ความสนุกสนาน ทีนี้พอจะทำหนังเรื่องแรกเราจะทำอย่างไร มองหาสิ่งที่จะกระทุ้งกระตุ้นเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาทำ เราก็มองเรื่องความรัก ความรักซึ่งต้องมีความสนุกควบคู่เข้าไปด้วย อย่างเราเป็นคนดูหนัง แล้วหนังที่เราชอบคือเดอะคลาสสิค หนังซึ้งๆ ดนตรีเพราะๆ ขำบ้างนิดหน่อย เพราะฉะนั้นเราก็เลยได้แรงบันดาลใจจากหนังเกาหลี หนังจีนฮ่องกงนี่เยอะมาก เพราะฉะนั้นหนังรักสุดทีนที่เราอยากทำ เลือกทำ เกิดจากความสนุก ความซึ้งๆ ที่เราได้เคยเจอมา ถ้ามีโอกาสทำหนังต้องทำให้คนดูรู้สึกอิ่ม และมีความสุขแต่ถ้าไปอิ่มแล้วสุขอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรา มันต้องมีตลกมีฮามีกะล่อน มีบ้าบอคอแตก ซึ่งหนังเรื่องนี้คิดว่าเหมือนผมชงกาแฟ เอาไอ้โน่นไอ้นี่มาผสมกัน คุณจะฮาจะสนุกในครึ่งค่อนแรก แล้วจะมีอารมณ์ซึ้งๆ ในครึ่งหลัง ก็อยากให้ทุกคนได้ลองดูกัน”
1 มี.ค. 2555 มาร่วมพิสูจน์ความฮาของ “รักสุดทีน” พร้อมกันนะจ๊ะ ทุกโรงภาพยนตร์
-
จับตา “ไอซ์-อามีนา” สวยสะพรั่งทั้งกองหยุดลมหายใจ ตะลึงฉากเปิดตัวหญิงสาวผู้กุมหัวใจมาริโอ้หนุ่มกะล่อนที่ไม่เคยรักใคร

ถึงบางอ้อกันทั้งนักแสดง และทีมงานนับร้อยชีวิตของกองถ่ายทำ “รักสุดทีน” ว่าทำไมผกก.โต๊ะพันธมิตร ถึงซีเรียสและจริงจังมากๆ แถมพิถีพิถัน และให้ความสำคัญสุดๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า ทรงผม เมคอัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าแววตาและแอ็คติ้งที่จะปรากฎขึ้นบนจอภาพยนตร์ของน้องไอซ์-อามีนา กูลสาว 18 มิสมอเตอร์โชว์ประจำปี 2010 ที่ผกก. คัดเลือกเองกับมือจากสาวๆ ร่วมร้อย ถึงขนาดว่านำฉากๆ นี้ไปทดสอบและเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจคัดเลือกนักแสดงที่จะมาคว้าบท “มินตรา” นางเอกสาวที่พร้อมทำให้ชายหนุ่มทุกคนต้องตกตะลึงราวกับต้องมนต์สะกด และต้องหันขวับทันทีเมื่อเธอย่างกรายผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนุ่มหล่อสุดฮอตที่ไม่เคยมอบหัวใจรับรักสาวคนไหนมาก่อนอย่าง “ถึงใจ” ซึ่งรับบทโดยหล่อขั้นเทพ อย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” เพราะนี่คือฉากหัวใจที่เป็นไฮไลท์ของภาพยนตร์ที่ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของนางเอกและความรู้สึกรักแรกพบ love at first sight ซึ่งเกิดขึ้นกับพระเอก
“กับฉากไฮไลท์สำคัญที่เป็นฉากเปิดตัวนางเอกผู้กุมหัวใจมาริโอ้ นั่นคือฉากที่ผมบอกกับทีมงานทุกคนตั้งแต่วันคัดตัวค้นหานางเอกที่เราจะเลือกมาเล่น นั่นคือเห็นแล้วต้องหันขวับ เห็นแล้วต้องตะลึง ฉะนั้นฉากแรกที่นางเอกปรากฎตัวแล้วพระเอกเห็นจะต้องยิ่งกว่าตะลึง ชุดที่ใส่ต้องสวยที่สุด ชุดต้องเซ็กซี่ด้วย แล้วปล่อยลมมา ลมจะต้องพัด ตอนแรกทีมงานไปทำผมนิ่งแข็งมาเลย ผมบอกไม่ได้ผมต้องสยายเลย ลงมาต้องสยายเลย ต้องดูดีเลย วินาทีที่นางเอกเดินเข้ามา ต้องทำให้ผู้ชายทุกคนต้องรู้สึกสะดุดกับผู้หญิงคนนี้ แล้วเป็นฉากเดียวที่เหมือนว่าหลุดมาจากสวรรค์ หลุดมาจากฟ้าเลย สวยมากผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเป็นฉากที่เราตั้งใจเลย ต้องทำให้คนดูเชื่อให้ได้ว่านางเอกสวยจริงๆ เพราะเราดูตรงนี้เราไม่เชื่อ คนดูก็ไม่เชื่อ แล้วถ้าคนดูยังไม่เชื่อแล้ว หายนะทั้งเรื่องเลย ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่สวยไม่โดน แล้วพระเอกที่เป็นผู้ชายระดับหล่อขั้นเทพ มีผู้หญิงสาวๆเยอะ จะไปชอบได้ไง เพราะฉะนั้นไอซ์ต้องดูดีที่สุด แล้วต้องสวยที่สุด แล้วสิ่งที่ท้าทายมากๆ ก็คือฉากนี้ไม่มีไดอาล็อคคำพูดแม้แต่คำเดียว แอ็คติ้งล้วนๆ แค่เปิดออกมาให้เห็น แล้วให้พระเอกสะดุ้งสุดๆ เลย มันต้องบริหารเสน่ห์ตัวเอง คือสวยแค่ไหนก็ต้องออกมาให้หมด แล้วด้วยความที่ไอซ์เป็นมิสมอเตอร์โชว์ ทำให้เขาสามารถขับเน้นเสน่ห์ของเขาออกมา ชนิดที่ว่าทั้งกองหยุดหายใจทั้งกอง หยุดโลกเลย เราไม่ได้พูดเว่อร์นะ พอน้องใส่ชุดนี้มันหยุดเลย สามารถหยุดทั้งผับให้เงียบหมด แล้วต้องมองเขาคนเดียวได้เลย ซึ่งไอซ์ทำได้ แล้วเขาบริหารเสน่ห์ตัวเองออกมาได้หมดเลย ทั้งรอยยิ้ม ทั้งมุมที่เขาหัน ทั้งผมเขาสยาย แล้วเขาหันมามองนิดนึง แบบทิ้งตาแล้วก็เดินออกไปแล้วเขาก็สามารถทำได้ ฉากนี้เราถ่ายกันแค่2ทีเองนะ แต่เราก็เลือกใช้ทีแรก
โดยในฉากนี้ผกก.โต๊ะพันธมิตรเปิดโอกาสให้น้องไอซ์ได้โชว์ศักยภาพทางด้านการแสดงอย่างเต็มที่ ตัวเองแค่แอบกระซิบกับน้องไอซ์ก่อนที่จะถ่ายทำในฉากนี้ว่า “ไอซ์ต้องทำให้คนเชื่อให้ได้ พระเอกซึ่งหล่ออย่างเนี่ยะ เห็นหน้ามาริโอ้ใช่ม๊ะ แต่เขามารักคุณคนเดียว มาชอบคุณมาสะดุดที่คุณ แค่สายตาแรกที่เห็นคุณ คุณทำยังไง คุณยิ้มแค่ไหน คุณเยอะน้อยแค่ไหน คุณจัดมาซิ”
แล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็ไม่เป็นที่น่าผิดหวัง แถมสมใจทั้งตัวนักแสดงและผกกเลยทีเดียว เตรียมจับตาดูน้องไอซ์ในชุดเดรสแดงได้ใน รักสุดทีน 1 มี.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
“โต๊ะ ปริภัณฑ์” การันตี “รักสุดทีน” ย้ำลายเซ็นต์ “พันธมิตร” ได้ “มาริโอ้-พล่ากุ้ง-ดีเจจั๊ด” ยิงประโยคเด็ดๆ มุกโดนๆ แอ็คติ้งกวนฮา ใส่เต็มฮา 100%

เอ่ยชื่อ “ทีมพันธมิตร” คอหนังหลายคนอาจนึกถึงหนังจีน เกาหลี ฝรั่ง พากย์ไทยที่สอดแทรกและอัดแน่นไปด้วยประโยคเด็ดมุกโดนๆ แก๊กฮาๆ ที่การันตีถึงความสนุกสนานจนเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคอหนังเทศพากย์ไทยมานับหลายสิบปีว่าต้องพันธมิตรเท่านั้น แล้วถ้าจู่ๆ หัวหน้าทีมพากย์พันธมิตรเจ้าของประโยคคุ้นหู “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” อย่างโต๊ะ-ปริภัณฑ์ ขอลุกขึ้นมาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ไทยที่มีชื่อว่า “รักสุดทีน” แบบเต็มๆ ตัวเป็นครั้งแรกทั้งที ลองคิดดูละกันว่าถ้าประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาทั้งชีวิตจากการดูหนังคิดค้นสร้างสรรค์ไอเดียมุกฮาจากการพากย์หนังมากว่าพันหมื่นเรื่องในสไตล์พันธมิตร ถูกถ่ายทอดผ่านแอ็คติ้งลีลาการแสดงพร้อมปล่อยมุกฮากะล่อนจีบหญิงแบบไม่มียั้งจาก “มาริโอ้ เมาเร่อ” ซุป’ตาร์หล่อขั้นเทพระดับแถวหน้าของเมืองไทย พร้อมแท็คทีม 2 ดีเจ พิธีกรตัวจี๊ดอย่าง พล่ากุ้ง และดีเจจั๊ด มาร่วมจีบสาวแถมพกด้วยประโยคเด็ดวาทะโดนๆ ที่บ่งบอกถึงลายเซ็นต์ฮาขำก๊ากในแบบฉบับของพันธมิตรด้วยแล้ว อยากรู้ใช่มั้ยว่า งานนี้จะสุดทีนขนาดไหน
“ครับยังไงก็ต้องมีอย่างแน่นอน พอถ้าบอกว่าเราทีมพากย์พันธมิตรไปทำหนัง ถ้าไม่มีความสนุก ไม่มีอารมณ์ตลก ไม่มีลีลากวนๆ เนี่ยะ ผมคงต้องโดนแน่ๆ คือตัวเราเองก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆ เราตั้งใจจะใส่เข้าไป เพราะเราเป็นคนชอบดูหนังสนุก เราชอบดูหนังตลกอยู่แล้ว หรือแม้แต่หนังซึ้งๆ ทุกอย่างให้มันครบรส โรแมนติคคอมิดี้ ฉะนั้นพอเรามีโอกาสได้ทำ พูดได้เลยว่าในแง่ความสนุกผมใส่ไม่ยั้งนะ ใส่กันชนิดสุดทีนแน่นอน ซึ่งงานนี้ผมได้มาริโอ้,พล่ากุ้งและดีเจจั๊ดมาร่วมทีมกัน มาเป็นตัวละครที่จะยิงประโยคเด็ดๆ มุกฮาๆ ภายใต้เรื่องราวสนุกๆ โดนๆ ซึ่งแต่ละคนต่างมีบทบาทและแคแรคเตอร์แตกต่างกันเลย แต่ชอบอะไรเหมือนกันๆ ขี่มอเตอร์ไซด์ ร่วมหุ้นเปิดร้านขายยีนส์ และที่สำคัญชอบตะลุยผับจีบหญิงด้วยกัน โดยมาริโอ้มีฉายาว่า ถึงใจ สโลแกนคือ หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น คือหล่อขั้นเทพเสน่ห์แรงสาวๆ ติดใจ ส่วนพล่ากุ้ง ฉายาคือ “เต็มสูบ” หล่อล้างโลก โชกเลือด เชือดใจสาวคือหน้าตาไม่ได้แต่คารมเป็นเลิศ และสุดท้ายดีเจจั๊ด ต่างจากเพื่อนๆ ตรงที่ว่าแอ๊บแมน ฉายาคือ “จัดให้” หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ้ะ แล้วนึกภาพเวลาที่ตัวละครทั้ง 3 มาเจอกันทั้งบุคลิกทั้งการแสดง คือจูนกันได้ ต่อกันติดเลย แล้วมุกของแต่ละคนต่างระดมมาชนิดที่ว่าไม่ยอมกัน แล้วทุกครั้งก่อนถ่ายทั้ง3คนจะมา ขายมุก จะมีอะไรมาเติม อย่างโอ้เห็นหน้าหล่อๆ ที่ผ่านมาบทจะหล่อนิ่งสุภาพ ไอ้เราตอนแรกก็ไม่นึกว่าเขาจะกล้าเล่น แต่พอวันแรกถ่ายไป เขามีคิดมุกเติมมุกเติมอะไรเข้ามา ถามตลอดพี่โต๊ะเอาแบบนี้ อีกหน่อยมั้ยพี่ แล้วเป็นอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่ถ่ายทำจนปิดกล้องเลย”
เตรียมพบกับ รักสุดทีน กับหนังตลกโรแมนติคอารมณ์สนุกๆ กวนๆ พร้อมประโยคเด็ดๆ กับลีลาฮาๆ จากปากและท่าทางของ มาริโอ้,พล่ากุ้งและดีเจจั๊ดในแบบฉบับโต๊ะพันธมิตร 1มี.ค.นี้แน่นอนทุกโรงภาพยนตร์
-
“มาริโอ้” ควง “ไอซ์” สวมชุดเจ้าสาว วาดลีลาบิดบิ๊กไบก์ พร้อมเพื่อนซี้ ดีเจจั๊ด-พล่ากุ้ง ร่วมขายยีนส์กลางสตู ถ่ายโปสเตอร์ “รักสุดทีน”

โดดมาเขียนบท-กำกับหนังเรื่องแรกในชีวิตพร้อมยืนยันเจตนารมณ์ “รักสุดทีน” ที่ “โต๊ะ-ปริภัณฑ์”หัวหน้าทีมพากย์เจ้าของวลีเด็ด “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” จะต้องเน้นความสนุกสนานมันส์ฮาแถมสอดแทรกอารมณ์โรแมนติคซึ้งๆ ชวนอมยิ้มตอกย้ำลายเซ็นต์ในความเป็น“หนังรักปนฮาสนุกสนานสไตล์พันธมิตร”อย่างถึงที่สุด ทำให้พลังไอเดียสุดแสนบรรเจิดของครีเอทีฟซึ่งทำหน้าที่ออกแบบโปสเตอร์หนัง “รักสุดทีน” เนรมิตรร้านยีนส์ที่เป็นหัวใจสำคัญของหนังกลางสตูดิโอพร้อมจัดเต็มด้วยการระดมมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบก์ซูเปอร์โฟร์ 4 สูบคันโต 3 แบบ 3 สไตล์คู่กายของ 3หนุ่มแก๊ง “รักสุดทีน” ซึ่งประกอบไปด้วย “ถึงใจ” เจ้าของฉายาหล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น คาแรคเตอร์ประจำตัวของ มาริโอ้ เมาเร่อ ตัวรถก็เลยออกมาในโทนเท่ห์ขรึม ในขณะที่ไอ้หนุ่มหัว AFRO พล่ากุ้งมาเจนต้า ผู้มีฉายา “เต็มสูบ” หล่อล้างโลก โชกเลือด เชือดใจสาว ตบแต่งมอเตอร์ไซด์พร้อมลวดลายแบบสุดกวน ส่วนดีเจจั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน งานนี้รับบทเป็นหนุ่มหน้าสาว ที่หลงมาเข้าก๊วนในบท “จัดหนัก” ฉายา จัดให้ หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ พาหนะไม่ซ้ำใครตบแต่งด้วยขนเฟอร์สีชมพูแป๊ด มาให้บรรดาหนุ่มๆ วาดลีลาแอ็คท่าโลดโผนโจนทะยานฮากันแบบไม่มียั้งให้เข้าคอนเซ็ปท์รักแบบสุดทีนสุดทีนจริงๆ งานนี้เราเลยได้เห็นการโพสต์ท่าแบบเน้นปล่อยของกันสุดฤทธิ์ สไตล์รั่วมั่วมันส์ชนิดที่ว่าไม่มีการอ่อนข้อ แต่พร้อมขโมยซีนและเกทับกันสุดๆ ทั้ง “ดีเจจั๊ดและพล่ากุ้ง” จนพระเอกหนุ่มมาริโอ้เองเห็นแล้วยังอดใจไม่ไหวเมื่ออะดรีนาลีนแห่งความคึกคักในร่างกาย พุ่งสูงปรี๊ดอยากจะรั่วฮากับเขาบ้าง แต่งานนี้โดนสั่งเบรกให้คงความหล่อเท่ห์ไว้นิดส์นึง ส่วนแฟนๆ ที่อยากเห็นหนุ่มโอ้พลิกบทบาทมาเจ้าชู้กะล่อนแถมมีวิธีการจีบสาวหลีหญิงแบบออดอ้อน คงต้องอดใจรอไว้ชมในโรงภาพยนตร์แทน
แต่ถึงกระนั้นพระเอกของเราก็ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวังเมื่อต้องโพสต์ท่าร่วมกับแก๊งในช็อตฮาๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อตโรแมนติคหวานกุ๊กกิ๊กออดอ้อนกับ น้องไอซ์ อามีนา กูล สาวน้อยหน้าคมมิสมอเตอร์โชว์ปี 2010 ที่จะมาทำให้หนุ่มมาริโอ้ต้องหันขวับและหยุดความเจ้าชู้ ซึ่งงานนี้ทีมงานพร้อมแปลงโฉมนางเอกสาวหน้าใสวัย18 ของเราให้ออกมาสวยสะพรั่งตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในชุดเจ้าสาวทั้งในเวอร์ชั่นแบบหวานเจี๊ยบๆ และเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด จนพูดได้ว่าเป็นการถ่ายโปสเตอร์ที่ทั้งสนุกสนานมันส์ฮาตามสไตล์หนังพันธมิตรและอลังการแบบสุดๆ จริงๆ เพราะงานนี้ครีเอทีฟกระฉูดไอเดียออกมาแบบล้นทะลักหลายเซ็ทหลากรูปแบบจริงๆ โดยใช้เวลาถ่ายทำมาราธอนนานเกือบ 6 ชม. เลยทีเดียว
มาริโอ - โอ้ว่าถ่ายหนังก็แปลกมากอยู่แล้วครับ ถ่ายกับทีมพันธมิตร คือทั้งเสียงทั้งซีนทุกอย่าง คือแปลกไปหมดครับ แต่วันนี้มาถ่ายโปสเตอร์ก็แปลกไปอีกแบบครับ สร้างทุกอย่างเหมือนในหนังเลยเพราะในหนังเรา 3 คนเปิดร้านขายยีนส์อยู่ใต้สะพานพุทธ พี่ๆ ทีมงานเค้าเลยจำลองมา ที่สำคัญที่ห้ามพลาดจริงๆ เลยคือลีลาการถ่ายโปสเตอร์แบบจัดเต็มของพี่พล่ากุ้งกับพี่จั๊ดโอ้ยอมซูฮกเลยครับ แต่ละท่าแต่ละทางนี่ไม่รู้คิดได้ยังไง นึกไม่ออกเลยว่าเวลาไปขับบนถนนนี่จะเป็นยังไง ฮาจริงๆ
เห็นหล่อๆ เท่ห์ๆ ไม่ต้องโลดโผนเหมือน 2 หนุ่มมีสาวๆ โอบเอวซ้อนมอเตอร์ไซด์ก็ใช่ว่างานนี้พระเอกของเราจะสบายเพราะหนุ่มมาริโอ้ต้องแบกน้ำหนักตัวน้องไอซ์ถ่ายโปสเตอร์จนเหน็บตะคริวถามหาเลยทีเดียวเพราะต้องคุกเข่าให้นางเอกสาวนั่งตัก
มาริโอ้ - ก็ปวดเข่านิดหน่อยครับ เพราะต้องรับน้ำหนักตัวน้องไอซ์ เห็นผอมเพรียวแบบนี้ สูงขนาดนั้น ใช่ว่าจะเบานะครับ (หัวเราะ) นี่ขนากแค่บรรยากาศการถ่ายโปสเตอร์เรายังสนุกสนานกันขนาดนี้ คิดดูแล้วกันว่าในหนังทั้งเรื่องของเราจะมันส์ขนาดไหน ยังไงก็ดูหนังของพวกเราด้วยนะครับ ในหนังนอกจากพวกเราแล้วยังมีแขกรับเชิญอีกเยอะแยะครับ เห็นโอ้ฝากผลงานและตัดบทเร็วขนาดนี้ด้านสาวไอซ์ของเราก็ไม่รอช้า ขอแจมอย่างรวดเร็ว
ไอซ์ - “สวัสดีค่ะ ไอซ์อามีนา กูลค่ะ ก็ภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนก็เป็นเรื่องของหนุ่ม 3 คนที่ร่วมกันเปิดร้านขายยีนส์อยู่ที่สะพานพุทธชอบขี่มอเตอร์ไซด์และจีบสาว โดยเฉพาะตัวพี่โอ้นอกจากจะเป็นหนุ่มหล่อแล้ว ยังเจ้าชู้ จีบสาวไปเรื่อยๆ ที่สำคัญเกิดมาไม่เคยรักและมอบหัวใจให้ใครจริงๆ จนะกระทั่งมาเจอกับนางเอกที่ทำให้เลิกเจ้าชู้และเปลี่ยนตัวเองเพื่อผู้หญิงคนนี้ ส่วนร่วมงานกับพี่ๆ ทุกคนสนุกมากค่ะ แต่ละคนก็จะไม่เหมือนกันเลย อย่างพี่พล่าเขาจะออกแนวแบบขนมุกใหม่ๆ มาตลอดเวลาแบบว่าคิดได้ยังไงค่ะ ส่วนพี่จั๊ดเองเรื่องนี้เขาก็จะออกแนวอะไรแอ๊บแมน ยังไงละตัวเอง (หัวเราะ) ส่วนพี่โอ้เขาก็พลิกบทบาทไปเลยจากใสๆ มาเป็นเจ้าชู้กรุ่มกริ่มแพรวพราว ทะเล้นๆ หน่อยๆ ยังไงอย่าลืมติดตามชม 1 มีนาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์นะคะ”
-
MOVIE GUIDE: รักสุดทีน
ครั้งแรกและครั้งเดียวของหล่อขั้นเทพ “มาริโอ้ เมาเร่อ” กับบท เจ้าชู้ตัวพ่อ ขอกะล่อนแบบสุดทีน แถมงานนี้ยอมดิ้นกระจาย แท็คทีมแก๊งสุดติ่ง “พล่ากุ้งมาเจนต้า+ จั๊ดจัด” ตะลุยจีบหญิงไม่เลือกหน้า จนมาเจ๊อะ “สาวไอซ์-อามีนา กูล”ดีกรีมิสมอเตอร์โชว์ปี2010 ถึงเวลาที่สุดหล่อจะหยุดกะล่อนพร้อมทุ่มหัวใจบิดบิ๊กไบค์2ล้อ ขอรักสุดทีน
พร้อมซุป’ตาร์รุ่นจิ๋ว น้องลิซซี่ (หมูฉึกฉึก) และ น้องภีมม์(ตี๋บ๊วย) ถึงแม้จะไม่ได้มาให้เสียงภาษาไทยแต่งานนี้ “โต๊ะพันธมิตร”ขอบรรเจิดไอเดียหนุกหนาน กำกับความฮาให้มันส์กระจายในสไตล์ “พันธมิตร”
1 มี.ค.นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
-
หนังรักเรื่องแรกของ “โต๊ะ พันธมิตร” ซ่าสุดขั้ว รั่วสุดขีด ทีมนักแสดงจัดเต็มความฮาเปิดตัว “รักสุดทีน”


สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ สอยฝันฟันฟิล์ม จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์รักแนวใหม่ใส่ใจความฮาเรื่อง “รักสุดทีน” กันไปอย่างสนุกสนานเมาท์กันมันส์ขำกระจายในบรรยากาศเป็นกันเอง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ลาน TV 9 จอ ชั้น 7 SF Cinema City, MBK Center
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มมาทุกองค์ประกอบ เริ่มตั้งแต่ผู้กำกับ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ หรือ “โต๊ะ พันธมิตร” หัวหน้าทีมพากย์เสียงซุปเปอร์สตาร์ที่แฟนหนังชาวไทยรู้จักกันดีกับลีลาการพากย์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ครั้งนี้เขาขอพักการให้ความบันเทิงหลังไมค์ตัดสินใจมาอยู่หลังกล้องขึ้นแท่นผู้กำกับเป็นครั้งแรก
แถมสามารถดึงตัวพระเอกสุดฮอตหล่อขั้นเทพอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ มาประกบกับนางเอกสาวหน้าใหม่สวยระดับนางฟ้า ไอซ์ อามีนา กูล สาวน้อยหน้าหวานเจ้าของตำแหน่งมิสมอร์เตอร์โชว์ ปี 2010 ในหนังเรื่องนี้ได้
แค่เพียงเริ่มงานก็เปิดตัวได้อย่างฮาล้ำหน้าไปแล้ว เมื่อสองหนุ่มสุดทะเล้น จั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน และ พล่ากุ้ง วรชาติ ธรรมวิจินต์ ซึ่งเป็นนักแสดงในเรื่องนี้ด้วยมารับหน้าที่ควบเป็นพิธีกรในงานนี้ โชว์ VTR ว่าเมื่อโต๊ะพันธมิตรคิดนั่งแท่นผกก.จะเป็นอย่างไร วีดีโอนี้จัดทำมาแบบพิเศษโดยได้รับความร่วมมือจากทีมพากย์พันธมิตรเล่นเอาฮากันลั่นสนั่นงาน ช่วงต่อมาพิธีกรเชิญผู้กำกับและพระ-นางสุดหล่อแสนสวย ขึ้นมาเล่าประสบการณ์การทำงานแสนประทับใจ โดยผู้กำกับโต๊ะเผยถึงความรู้สึกการทำหนังเรื่องแรกว่า “มันเหมือนว่าจากที่เราเคยเลี้ยงลูกคนอื่น วันหนึ่งเราได้มีลูกเป็นของตัวเองได้ดูแลทุกขึ้นตอน มันเหนื่อยแต่คุ้มครับ”
โดยเรื่องราวความสนุกสนานของเรื่องนี้นั้นเกี่ยวกับเพลย์บอยเพื่อนรัก 3 คน 3 สไตล์ ที่ทำร้านขายกางเกงยีนส์อยู่สะพานพุทธ ควงสาวไปวันๆ ไม่เคยรักใครจริง แต่แล้ววันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มเกิดรักสาวเข้าเต็มเปา แต่เธอคนนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ดังนั้นภารกิจพิชิตใจครั้งนี้ก็ต้องทุ่มกันสุดทีน แล้วเรื่องราวของความรักฮาๆ มันส์ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะความสนิทสนมของทีมนักแสดงและผู้กำกับ ต่างคนต่างเผาถึงวีกรรม และฉากเด็ดๆ ในเรื่องของแต่ละคนอย่างถึงกึ๋นมีทั้ง สุดเสียว สุดรั่ว สุดพลิ้ว สุดตัวสุดเตียง และ สุดแซ่บ แถมยังปล่อยมุกกันตลอดงาน ก่อนที่ทุกคนจะฝากผลงานหนังรักแนวใหม่ไม่ซ้ำใครด้วยเสน่ห์ของพันธมิตรที่รับรองว่าไม่เคยเห็นที่ไหนแน่นอน
ปิดท้ายด้วยการเชิญผู้บริหารแห่งค่ายสหมงคลฟิล์มฯ คุณอวิกา เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด, คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, คุณอรนุช ลาดพันนา ผู้ดำเนินงานสร้าง ร่วมด้วย คุณสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บ.เอสเอฟซินีม่า ซิตี้ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับทีมนักแสดง และผู้กำกับ เป็นที่ระลึกในงานเปิดตัวภาพยนตร์ครั้งนี้
ขอเชิญพิสูจน์ความฮา ซ่า แสบ ซึ้ง ในหนังรักสไตล์พันธมิตร “รักสุดทีน”
ได้ทุกโรงภาพยนตร์ 1 มีนาคม นี้
-
บทสัมภาษณ์ “มาริโอ้ จาก รักสุดทีน” (เข้าฉาย 1 มีนาคม 2555)


“ถึงใจ--หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น”
คุยไปยิ้มไป ในสไตล์“พันธมิตร”กับ “มาริโอ้ซิงฉือ”
วาดลีลาวาทะจีบหญิง ทะเล้นฮาแบบสุดทีน
กับการพลิกบทบาทชนิดสาวๆ ต้องอ้าปากค้างและหลงรักโดยไม่รู้ตัว
Q. ทราบมาว่ากำลังจะมีหนังเรื่องใหม่ ที่แฟนๆ จะไม่เคยเห็นมาริโอ้ เมาเร่อในบทแบบนี้มาก่อน “หนุ่มหล่อสุดเจ้าชู้ แถมจีบสาวไปทั่ว”
O. (หัวเราะ) ครับ ผม มาริโอ้ เมาเร่อ นะครับ ก็ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของโอ้นะครับ “รักสุดทีน” ผมรับบทเป็น เอกชัยครับ ฉายา “ถึงใจ” ก็จะมีสโลแกนประจำตัวด้วยครับคือ “หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น” เป็นคาแรคเตอร์ที่โอ้เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกครับ สำหรับคาแรคเตอร์ของถึงใจก็จะเป็นคนน่าตาดีค่อนข้างไปทางรูปหล่อ อาชีพหลักของเขาคือเป็นคนขายกางเกงยีนส์อยู่ที่ใต้สะพานพุทธครับ แล้วก็เป็นคนที่เรียกว่าได้ว่าจีบผู้หญิงไปทั่ว ประมาณว่าจริงใจกับผู้หญิงทุกคนเลย ไม่ว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาเยอะแค่ไหน ถึงใจก็จะจริงใจกับเขาหมด แต่ไม่เคยมอบหัวใจให้ใครเลย เป็นคนที่ไม่รู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไรหรือพูดง่ายๆ ว่ารักใครไม่เป็น
Q. เห็นบทครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง
O. ก็ตอนที่ได้บทของถึงใจมาครั้งแรกโอ้ก็รู้สึกว่ามันเป็นบทที่พิสดารนะ (หัวเราะ) แล้วก็ไม่คิดว่าเราจะได้บทแบบนี้ รู้สึกว่ามันเป็นบทที่น่าสนใจมากๆ เพราะว่าตัวคาแรคเตอร์ของถึงใจมีอะไรให้เล่นเยอะครับ แต่โอ้คิดว่ามันยากตรงที่เราจะเล่นออกมาเป็นธรรมชาติรึเปล่าต่างหาก หรือเราจะเล่นออกมาแล้วดูเหมือนว่าเราตั้งใจให้มันเป็นตัวนี้เกินไปมั้ย ก็เลยพยายามที่จะหาคาแรคเตอร์คือจินตนาการแรกตอนที่อ่านบทถึงใจเสร็จแล้ว รู้สึกเลยว่า เขาต้องเป็นคนที่กวนตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อยู่กับเพื่อนสองคน ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนเองก็ดูท่าทางไม่ปกติธรรมดาอยู่แล้ว คนหนึ่งเป็นตุ๊ด แต่ต้องแอ๊บแมน (รับบทโดยดีเจจั๊ด) อีกคนหนึ่งก็เป็นคนขายยีนส์ผมเพ้าฟูเป็น AFRO เลย แล้วก็ยังต้องใส่แว่นตลอดเวลาอีก เวลาไปไหนมาไหน แม้แต่ตอนกลางคืนก็ยังใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาอีก เออไอ้นี้ไม่ธรรมดา (รับบทโดยพล่ากุ้งมาเจนต้า) ยิ่งคาแรคเตอร์ของถึงใจเป็นคนเจ้าชู้ด้วย ผมก็เลยจินตนาการว่าตัวนี้ต้องเป็นคนพูดเก่ง เวลาเจอผู้หญิงหรือเจออะไรก็ต้องแซวตลอด คือต้องเป็นคนไม่เงียบแน่นอน อยู่ด้วยแล้วต้องมีความสุข หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วต้องสนุกไปด้วย และที่สำคัญคือต้องมีเสน่ห์คารมดี เหมือนว่าเวลาเราเห็นผู้ชายที่จีบผู้หญิงเก่งๆ จะเป็นพวกคารมดีใช่มั้ยครับ แล้วผมว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เองน่าจะชอบคนที่ตลก เพราะฉะนั้นภาพถึงใจเข้ามาในหัวตั้งแต่ตอนที่อ่านบทแล้วว่า ตัวละครนี้ต้องเป็นคนตลกด้วย
Q. คนดูจะได้เห็นถึงความแตกต่างอะไรในบทบาท“ถึงใจ” จากการแสดงของ “มาริโอ้” บ้าง
O. ผมว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นแน่นอนครับ เพราะว่าอย่างสาระแนที่เคยรับมานี่ก็คนละขั้วอยู่แล้ว อย่างนั้นก็จะเป็นตุ้งติ้งหน่อย (สาระแนสิบล้อ) และก็มีแมนๆ (สาระแนเห็นผี) แต่อันนี้รักสุดทีนเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุก และก็เป็นคนทะเล้นๆ ตลอด ก็จะมีอย่างช็อตเต้นๆ ด้วยครับ เพราะถึงใจเขาจะเป็นคนที่ไปเที่ยวกลางคืนบ่อย ก็ไปหาผู้หญิงอะไรอย่างนี้ ก็จะมีแบบไปเข้าผับไปเต้นไปโยก ก็จะมีท่าที่ค่อนข้างแว๊นซ์ๆ หน่อย เพราะในเรื่องก็ต้องขี่มอเตอร์ไซด์อยู่แล้วแถมอยู่กับเพื่อนแต่ละคนก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ (หัวเราะ) ด้วยความเป็นหนุ่มเจ้าชู้ก็จะทำให้ตัวถึงใจแตกต่างจากบทเรื่องอื่นๆ ที่เคยแสดงมาโดยเฉพาะเรื่องจีบสาวครับ เพราะว่าเรื่องนี้ต้องจีบสาวเยอะมากๆ ใครเดินผ่านนี้ไม่ได้เลยเป็นอันต้องแซว ใครจะมาซื้อกางเกงยีนส์ก็พ่วงถลาไปถึงตัวของน้องเขาตลอด แล้วก็เป็นคนที่กล้าพูด คือแซวหมดใครเดินผ่านหน้าร้านเป็นอันต้องแซว คือใครอย่าได้หน้าตาดีหน่อยเลย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเป็นกระเทยหรือเป็นอะไรก็แซวด้วย นอกจากนี้สิ่งที่ผมคิดว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ก็คือนอกจากความสนุกสนานของตัวคาแรคเตอร์นี้แล้ว ก็ยังมีอารมณ์แบบซึ้งๆ ด้วย เพราะปกติบางเรื่องเราก็เล่นซึ้งไปเลย แต่เรื่องนี้มันจะมีทั้งในเรื่องของความทะเล้นแล้วก็มีในส่วนของความซึ้งกับตัวนางเอกด้วย รวมไปถึงการเล่นกับอารมณ์สีหน้าแววตาต่างในเรื่องด้วย
Q. เสน่ห์ความน่าสนใจของคาแรคเตอร์ “ถึงใจ” ในมุมมองของ “มาริโอ้”
O. เป็นประเด็นที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ที่โอ้อ่านบทแล้วรู้สึกชอบตรงนี้เลยคือในบท แม้ว่าถึงใจจะเป็นหนุ่มเจ้าชู้จีบสาวไม่เลือกก็คือชอบผู้หญิงคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย คุยไปหมด แต่พอมาเจอกับนางเอก เจอผู้หญิงคนนี้แล้วเกิดความคิดที่ว่า เอ๊ะสวรรค์ส่งลงมา หรือเป็นพรหมลิขิตอะไรรึเปล่า คือภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงเจอผู้หญิงคนเดียวกันถึง 3 ครั้ง เจอครั้งแรกก็ยังไม่พอ เจอครั้งที่ 2 อีก ครั้งที่ 2 ไม่พอเจออีกเป็นครั้งที่ 3 ที่ร้านขายกางเกงยีนส์ของเขาเอง ลองคิดดูว่าผู้ชายอย่างถึงใจที่เจอผู้หญิงมาเยอะมาก แต่มาสะดุดกับผู้หญิงคนนี้ก็เลยตกหลุมรัก แสดงว่าต้องสวยมากๆ เห็นแล้วตกหลุมรักจริงๆ เลย คืออยากมอบหัวใจของถึงใจให้เขา และพร้อมที่จะทำทุกอย่างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อยากทำทุกอย่างให้กับผู้หญิงคนนี้
Q. ภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
O. ภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งชื่อถึงใจ เป็นคนขายกางเกงยีนส์ มีเพื่อนซี้สองคนคือเต็มสูบ กับ จัดให้ครับ จัดให้เป็นตุ๊ด เต็มสูบเป็นคนแปลกๆ สามคนนี้ขายกางเกงยีนส์อยู่ใต้สะพานพุทธ ส่วนตัวของถึงใจกับเต็มสูบเป็นคนที่ขี้หลี เจอผู้หญิงที่ไหนก็จะทักจะแซวตลอด แล้วก็เป็นคนที่รักใครไม่เป็น แต่ว่าจีบไปหมดคุยไปหมด แล้วก็เป็นคนเจ้าชู้ จนกระทั่งวันหนึ่งถึงใจได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า มินท์ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ถึงใจ ถึงกับต้องหันขวับ เดินผ่านนิดเดียวก็หันขวับแล้ว แต่นี่เจอผู้หญิงคนเดียวถึง 3 ครั้งในเวลาแค่ 48 ชั่วโมง ทำให้ถึงใจเกิดความรู้สึกว่าเอ๊ะผู้หญิงคนนี้ฟ้าหรือสวรรค์ส่งลงมารึเปล่าคือเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และการเจอกันครั้งนี้นำไปสู่จุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของถึงใจจากก่อนหน้านี้ไม่เคยรักใครเลย เจอใครก็จีบไปหมด แต่กับผู้หญิงคนนี้ทำให้ถึงใจถึงกลับยอมเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นคนเจ้าชู้ เป็นพวกขี้หลี กลายเป็นคนที่อยากจะทำตัวดี กลับไปเรียนหนังสือ เป็นคนดี ยอมและอยากทำอะไรทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนี้
Q. เสน่ห์หรือจุดเด่นของหนังเรื่อง “รักสุดทีน” ในความคิดของมาริโอ้
O. สิ่งที่เป็นเสน่ห์หลักเลยที่ตัวผมเองชอบมาก และผมว่าคนดูต้องชอบมากๆ คือเรื่องของผู้กำกับเลยครับ รวมถึงสไตล์การกำกับ มุกแก๊กต่างๆ ในสไตล์หนังที่เราเคยชอบมาของพันธมิตรนะครับ พูดได้ว่าในหนังเรื่องนี้จะมีเสน่ห์ของพันธมิตรแทรกซึมอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก่อนเราเคยเห็นแต่ทีมผู้กำกับพากย์หนังมาตลอด แต่ว่าเรื่องนี้พี่โต๊ะจะมากำกับหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แล้วจับตาดูให้ดีจะมีพี่นักพากย์ที่เราเคยได้ยินแต่เสียงไม่เคยเจอตัวจริงของเขา แต่สำหรับเรื่องนี้เขาจะมาเล่นให้ดูด้วย ผมว่าสิ่งที่พี่โต๊ะใส่เข้าไปก็คือเรื่องของความเป็นธรรมชาติ อย่างในหนังจะมีฉากที่ตัวโอ้แบบตกใจ หรือเรากลัวอะไร เป็นของจริงทั้งนั้นครับ (หัวเราะ) ก็คือเราไม่ได้ตั้งใจให้ตกใจหรืออะไรอย่างนั้น มันเป็นสิ่งที่โอ้ตกใจจริงๆ ครับ โดยเฉพาะฉากที่เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียว ก็คือผมค่อนข้างกลัวน่ะครับ (หัวเราะ) และที่สำคัญเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือตัวนักแสดงหลักๆ ที่มาร่วมสร้างสีสัน โดยเฉพาะที่ขาดไม่ได้เลยคือ พี่จั๊ดแล้วก็พี่พล่ากุ้งด้วย สองคนนี้ฮามาก ตลกมาก แล้วใครเป็นแฟนคลับของน้องตี๋บ๊วยหรือน้องหมูฉึกฉึก เรื่องนี้เขามีอยู่ ต้องไปดูสองคนนี้ฮามากๆ ผมว่าหนังเรื่องนี้ทั้งตลกทั้งฮา แล้วก็มีเรื่องของมุม จุดเปลี่ยนของคนที่หลายใจ เจ้าชู้ ต้องมาดูเรื่องนี้ฮะ ยังครับยังไม่หมด (หัวเราะ) ในเรื่องนี้นอกจากพันธมิตรที่รับประกันในเรื่องของความฮาความสนุกแล้ว ก็มีกลิ่นของความซึ้งๆ ด้วย มีเรื่องของอารมณ์ด้วย อย่างในเรื่องจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่โอ้ชอบมากเลยก็คือฉากที่ถึงใจต้องไปสารภาพรักที่ห้องเรียนครับ ท่ามกลางคนเป็นร้อยเลย
-
Q. พูดถึงผู้กำกับ “พี่โต๊ะพันธมิตร” เจ้าของประโยค “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร”
O. สำหรับโอ้นะครับ โอ้ว่าคนไทยที่เป็นแฟนพันธมิตรเนี่ยะมีเยอะมากครับ แล้วก็สืบหาว่าใครนะที่เป็นคนพูดว่า “พากย์เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” เพราะโอ้เองก็เคยอยากรู้อยากเห็นว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร และไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาทำงานกับพี่เขาน่ะครับ โอ้จำได้ว่า โอ้เคยเจอพี่โต๊ะแบบแว๊บนึงตอนเด็กๆ คือเขาไปออกรายการรู้สึกว่าจะเป็นชิงร้อยชิงล้านพี่โต๊ะมาพากย์เสียง แล้วผมรู้สึกว่า เออเขาสุดยอดเพราะทุกเรื่องที่เขาพากย์ไม่ว่าจะเป็นโจวซิงฉือ,เฉินหลง,หลิวเต๋อหัวเพิ่งมารู้ว่าจริงๆ แล้วพี่โต๊ะพากย์เป็นหลายตัวมาก แล้วทีมพันธมิตรก็ไม่ได้มีกันน้อยๆ มีกันเยอะมากแล้วก็มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย มีพี่ๆ หลายคน พอเราฟังแล้วเราคิดถึงตัวละครที่อยู่ในหนังที่เราเคยดูน่ะครับ มันก็เลยทำให้ผมตื่นเต้นที่จะได้เจอกับพี่ๆ เขา ยิ่งเจอพี่โต๊ะยิ่งเหมือนได้เจอโจวซิงฉือ โดยเฉพาะตอนถ่ายหนังมันจะตลกมาก มันจะรู้สึกเออ โจวซิงฉือเขามารึเปล่า (หัวเราะ) อะไรแบบเนี่ยะฮะ แบบว่าบรีฟด้วย แบบ (ทำเสียงหล่อ) “เอ่อ โอ้ เดี๋ยว พอดีพี่ว่าแบบนี้ดีกว่านะ เดี่ยวโอ้ขับรถเข้ามานะ อ่า เอ่อ เบรคตรงนี้นะ แล้วเดี๋ยวลงมาคุยกับน้องเขา” อะไรแบบเนี้ยะ ครับ (หัวเราะ) มันก็โอ้โห้ นี่มัน โจวซิงฉือนี่ ชอบ ฮะ แล้วก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ ที่ได้ทำงานกับพี่ๆ เขา แล้วยิ่งได้มาทำงานกับพี่เขาแล้วรู้สึกว่าพี่เขาไม่ได้ตลกแค่ในจอในเสียงพากย์ของเขา ตัวจริงนี่พี่เขาก็ฮาแล้วก็ตลกตลอด แล้วก็เป็นผู้กำกับที่น่ารักมากๆ ดีใจมากที่ได้ทำงานกับพี่โต๊ะแล้วก็พี่ทีมงานทุกคนครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของพี่โต๊ะ แต่พี่เขาก็ยังพิถีพิถันในทุกๆ รายละเอียดของเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุก ของจังหวะในการพูดจาของตัวละครด้วยครับ เพราะว่าเรื่องการพูดเนี่ยะพี่โต๊ะเขาจะมีจังหวะเว้นวรรคของเขาที่เป็นเสน่ห์ของพี่โต๊ะอยู่แล้ว พี่โต๊ะเขาก็เอามาใส่ในตัวของถึงใจด้วยครับ พี่โต๊ะเขาจะบอกเวลาโอ้อ่านบทมา โอ้ตีความมาว่าเป็นแบบนี้ พี่โต๊ะเขาก็จะบอกว่าเออพี่ว่าแบบนี้ดีกว่า อันนี้น่าจะฮากว่า พี่โต๊ะก็จะช่วยในเรื่องของมุกในเรื่องของอะไรหลายๆ อย่างด้วยครับรวมถึงแอ็คติ้งด้วยครับ ถึงเขาจะพากย์หนังมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเรื่อง แต่นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่พี่โต๊ะได้ทำ แต่รู้สึกว่าพี่โต๊ะเขาจะดูละเอียดมาก ละเอียดไม่ใช่แค่ตัวถึงใจ คือทุกตัวเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น เต็มสูบ, จัดให้ ด้วยฮะ
Q. จากที่เคยเป็นนักแสดงหน้าใหม่ใน “รักแห่งสยาม” 5 ปีผ่านไปตอนนี้กลายมาเป็นนักแสดงรุ่นพี่แล้ว และในเรื่องนี้ได้ร่วมงานกับนางเอกน้องใหม่อย่าง “น้องไอซ์ อามีนา กูล” ด้วย
O. นางเอกใหม่ก็คือน้องไอซ์ อามีนา กูลรับบทเป็น มินท์ ครับ คือไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วว่าน้องไอซ์ต้องสวยสะดุดตาแน่นอน คือในเรื่องถือว่าเป็นโจทย์ตั้งแต่ตอนพี่โต๊ะแคสท์ติ้งตัวละครตัวนี้เลยว่าต้องเป็นตัวละครที่ทำให้ถึงใจที่เคยจีบสาวมานักต่อนักเห็นมินท์แล้วต้องหันขวับตั้งแต่แรกเห็นเลย แล้วตัวน้องเขาเองเป็นถึงมิสมอเตอร์โชว์มาก่อน เห็นน้องแล้วก็ทำให้โอ้คิดถึงตอนเล่นหนังเรื่องแรกเหมือนกัน คือเราเล่นหนังเรื่องแรกเราก็จะแบบยังใหม่ อาจจะยังไม่รู้มุมกล้อง ไม่รู้เรื่องของแอ็คติ้งอะไรซึ่งมันก็ต้องใช้ประสบการณ์ โอ้ก็พยายามช่วยน้องเขา แบบบางทีกล้องไม่ได้รับหน้าเรา แต่โอ้รู้ว่าถ้าน้องเขาเข้าฉากมองแค่มือของผู้ช่วย หรือแค่ให้เล่นกับกล้องหรือมองผ่านกล้อง หรือแม้แต่ให้มองต้นไม้ ฯลฯ น้องเขาก็จะค่อนข้างจินตนาการยาก โอ้ก็จะพยายามช่วยน้องเขา นั่นคือสิ่งที่เราช่วยได้อาจจะไปช่วยต่อบทในคัทที่ไม่มีเรา แต่ต้องยอมรับว่าตัวน้องเขาเองก็มีความตั้งใจ และเราเองเห็นถึงความพยายามของน้องเขา แล้วพูดได้เลยว่าถึงเป็นเรื่องแรกของน้องเขา แต่บทมินท์ก็ถือว่าเป็นบทที่หินเหมือนกัน เพราะว่ามันต้องสื่อสารแสดงออกทางความรู้สึกผ่านทั้งสีหน้าแววตา และแสดงออกทางอารมณ์ซึ่งต้องแสดงออกมาค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน บางทีก็ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านทางคำพูด เรียกว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้ถึงใจเปลี่ยนตัวเองเลยครับ เพราะปกติแล้วเขาก็เป็นเหมือนเพลย์บอย คุยกับผู้หญิงคนนั้นที คนนี้ที คุยวันละแปดเก้าคน แต่พอเจอมินท์แล้วรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนน่ะครับ แล้วก็เลิกนิสัยเดิม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับน้องไอซ์ที่ต้องแสดงออกมาให้ได้ ซึ่งผมว่าน้องเขาทำได้ดีมากครับ ผมว่าบทเนี่ยะโหดแล้วก็หินสำหรับน้องไอซ์มากๆ แล้วที่สำคัญน้องเขาก็ต้องมาเสี่ยงชีวิตกับโอ้ (หัวเราะ) ในฉากที่ต้องขี่มอเตอร์ไซด์ด้วย เพราะว่าโอ้ต้องขี่มอเตอร์ไซด์พาน้องเขาซ้อนทั่วประเทศไทยเลยฮะ (หัวเราะ) ก็จะมีหลายที่เลยทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
Q. แท็คทีมกับ ดีเจจั๊ดและ พล่ากุ้งมาเจนต้า เป็นประสบการณ์การทำงานที่สุดทีนมากๆ ได้ข่าวว่ารั่วกันสุดๆ
O. รั่วกันมากครับเวลาสามคนมารวมกัน โดยเฉพาะเวลาร่วมงานกับพี่พล่ากุ้ง และก็พี่จั๊ด คือแบบจัดเต็มตลอดฮะ อย่างพี่จั๊ดเนี่ยะตอนเช้าเขาก็มานิ่งๆ เงียบๆ ก่อน แต่พอเข้าฉากเมื่อไหร่ โอ้โห! ตกใจเลยครับ เขาเล่นแบบสุดยอดเลยครับ แล้วก็พี่กุ้งนี่ เรียกเขาพี่กุ้งไม่ได้นะ ต้องเรียกพล่ากุ้ง พี่พล่ากุ้งจะคอยแบบส่งใส่มุกตลอดเวลา แล้วก็เวลาเล่นคือตัวคาแรกเตอร์ของพล่ากุ้งเนี่ยะ ไม่ถอดแว่นเลยนะ สร้างความลำบากให้ทีมงานมากๆ ครับ เพราะว่าทีมงานต้องเอารีเฟล็คซ์หลบแว่นเขา หลบไม่ได้ยังไงก็เห็น (หัวเราะ) แต่ก็สนุกครับ ดีใจมากๆ ที่ได้ทำงานกับพี่ๆ ทั้งสองคน ต้องบอกเลยว่าเราจะขาดสองคนนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาดเพราะว่าเขาจะทำให้หนังเรื่องนี้มีสีสันให้สนุกขึ้นเยอะมากครับ ทั้งพี่จั๊ดแล้วก็พี่พล่ากุ้งเนี่ยะ เหมือนเขาจะคิดมุกมาจากบ้าน คิดมาให้พี่โต๊ะผู้กำกับแล้วก็มาเสนอ แบบพี่ครับแบบนี้ๆ วันนี้จะเป็นมุกแบบนี้ อะไรอย่างนี้น่ะครับ คือโดยธรรมชาติที่พี่ๆ เขาทั้งสองคนเป็นคนตลกอยู่แล้วด้วย พอมาอยู่ในเรื่องนี้มารวมกันสองคนกับถึงใจไปด้วยเป็นสามคนนี่ไปกันใหญ่เลยครับ โอ้โห คือแซวทุกคนจริงๆน่ะครับ คือเข้าไปในผับ คุยกับผู้หญิง เขาคุยดีๆ ด้วยก็แซวเขา เขายังไม่ทันทำอะไรก็แซวเขาตลอด ซึ่งก็สนุกมากๆเลยครับ ในเรื่องสมาชิกแก๊งสุดทีนของ “ถึงใจ” ที่สำคัญฉายาของถึงใจ ก็ได้มาจากเพื่อนสองคนนี้ คือ เต็มสูบ (พล่ากุ้ง) กับ จัดให้ (ดีเจจั๊ด) ก็คือ สามคนนี้ต้องมาด้วยกัน ขายกางเกงยีนส์อยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ไปไหนก็จะขี่มอเตอร์ไซด์ไปด้วยกันตลอด ไปเที่ยวผับกลางคืน ไปขายยีนส์ แล้วมอเตอร์ไซด์แต่ละคันก็จะสื่อให้เห็นคาแรคเตอร์ของแต่ละคนด้วยครับ อย่างถึงใจก็เป็นแบบเข้มๆ หน่อยกวนๆ นิ่งๆ แต่ถ้าเป็นของเต็มสูบก็จะเป็นแบบ รั่วๆ หน่อย แล้วก็จะเป็นคนที่ไม่ค่อยปกติหน่อย แต่ถ้าเป็นของจัดให้ก็จะเป็นแบบสาวๆ หวานๆ ขี่มอเตอร์ไซด์นะครับ แต่ว่ามีขนมิงค์ติดอยู่ สีชมพูอะไรอย่างนี้ ก็สนุกเฮฮาดีครับ
Q. อย่างนี้ก็เข้าล็อคถูกใจมาริโอ้เลยซิ เห็นว่าไลฟ์สไตล์ส่วนตัวก็ชื่นชอบมอเตอร์ไซด์อยู่แล้ว
O. คือโดยส่วนตัวแล้วโอ้เป็นคนชอบเกี่ยวกับรถยนต์มากกว่า ก็จะชอบพวกรถโบราณอะไรอย่างนี้ แต่มอเตอร์ไซด์ก็เป็นความสนใจอย่างหนึ่งที่ชอบรองลงมาจากรถนะครับ ผู้ชายก็มีแค่นี้ละครับ รถหรือมอเตอร์ไซด์ หรือไม่ก็พระเครื่อง (หัวเราะ) แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละครโอ้ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซด์เยอะๆ เลยครับ เท่าที่เคยขี่มาก็เป็นเรื่องสาระแนเห็นผีครับซึ่งไม่เยอะ และก็เป็นคันจิ๋วมาก แต่ว่าเรื่องนี้ต้องขี่บิ๊กไบค์ตลอด ก็คือซูปเปอร์โฟร์เป็นรถฮอนด้าคันค่อนข้างใหญ่มาก ก็ยากเหมือนกัน เพราะในเรื่องเราต้องขี่จริง แล้วมันเป็นมอเตอร์ไซด์ที่มีคลัทช์แล้วก็มีเกียร์ด้วย ซึ่งมันก็ไม่ใช่ว่าง่ายเพราะเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา บางทีเราก็ต้องออกถนนใหญ่ด้วย ที่ยากเวลาขี่มอเตอร์ไซด์ในหนังเนี่ยะ เขาก็ต้องตั้งกล้องไว้ในรถอีกคัน รถก็ต้องขับ ตามถ่าย แล้วเราก็ต้องดูไลน์ ดูทางกล้องให้ดีครับ แล้วก็ต้องคอยดูรถบนถนน ต้องดูสัญญาณมือให้ดีด้วยน่ะครับ ไม่งั้นก็อาจจะชนได้ อย่างตอนถ่ายเรื่องรักสุดทีนก็มีเกือบไปเหมือนกันครับ เกือบเจ็บหนักไปเหมือนกัน ก็มีฉากหนึ่งในเรื่องที่โอ้อ่านบทมาแล้วจินตนาการว่าตัวคาแรคเตอร์ต้องขึ้นมอเตอร์ไซด์คู่ใจแล้วก็บิดออกไปเลยอย่างรวดเร็ว ที่นี้พอถึงเวลาถ่ายโอ้ก็บิดออกไปอย่างเร็ว แล้วลืมคิดไปว่ามอเตอร์ไซด์มันก็อันตราย มันรถสองล้อน่ะครับ พอไปถึงก็เจอเหล็กที่กั้นของยามครับ แล้วโอ้ก็เบรกหน้าเอาไว้ เกือบชนครับ เบรกเอี๊ยดดด ทีมงานทุกคนก็แบบ เฮ้ออออ... แล้วผมก็บอก พี่ผมอ่านมาแล้วว่ามันน่าจะเร็ว ผมเพิ่งมารู้ทีหลังจากพี่ผู้กำกับภาพว่าโอ้จริงๆ โอ้ขับแค่ 30 ก็พอ เดี๋ยวพี่ทำให้เร็วได้ ไม่ต้องทำขับเร็วขนาดนั้นมันอันตราย มันก็มีเทคนิค มีอะไรที่ทำได้ แต่ว่าผมยังไม่รู้ฮะ เกือบไปเหมือนกัน แล้วเรื่องนี้อย่างที่บอกคือขี่ทั้งเรื่องเลยครับ ฝนตกก็ขี่ผู้หญิงซ้อนก็ขี่อะไรแบบนี้ครับมีทุกอย่างแล้วก็ไม่ใช่เป็นริก (Rig) ลากด้วยส่วนใหญ่จะเป็นขี่จริงแต่ริกลากก็มีบ้างครับ เพราะเป็นเรื่องของภาพ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะขี่จริงๆ ครับ แต่ถ้าพูดถึงส่วนตัวโอ้เองก็มีเก็บมอเตอร์ไซด์ไว้บ้าง อย่างตัวที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เลยก็เป็นตัว สกู๊ปปี้ออกแบบเองเลย ก็เก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็มีตัวเก่าๆ ที่ได้มา มีรุ่นพี่ให้มา และก็ทุกวันนี้ยังสตาร์ตไม่ติด จอดน้ำมันแห้งใยแมงมุมขึ้น (หัวเราะ)
Q. เรื่องนี้ต้องเล่นเองไม่มีสแตนอิน
O. ใช่ครับเพราะอย่างปรกติบางเรื่องเขาอาจจะใช้สแตนอินในเรื่องของความปลอดภัยครับ แต่ว่าในเรื่องของรักสุดทีน นี่เราไม่มีสแตนอินครับ เราจัดเต็มครับนักแสดงเราต้องขับจริงครับ ทุกที่เลยไม่ว่าจะเป็น นครปฐมหรือว่าเป็นที่แถวสุวรรณภูมิหรือว่าอีกหลายๆ ที่ครับเลียบทางด่วนรามอินทรา เราก็ขับจริงกันหมดเลย แม้แต่ริมชายหาดพัทยาโอ้ก็ต้องขับซ้อนน้องไอซ์ครับ ลมนี้โกรก มาแทบจะล้มเลยครับ ก็สนุกดีครับ
-
Q. เห็นว่าเรื่องนี้มี 2 ซุปตาร์ที่โอ้ต้องเข้าฉากร่วมด้วย
O. ครับ (หัวเราะ) ก็ฮอตจริงๆ ครับ และผมรับประกันเลยครับว่าสองคนนี้นะครับไม่ธรรมดา ทั้งน้องภีมม์ หรือน้องตี๋บ๊วยนะฮะ และก็น้องลิซซี่หรือน้องหมูฉึกฉึกครับ สองคนนี้เรียกว่าเป็นน้องที่ไม่คาดคิด ไม่คาดฝัน ตลอดเวลา ทำงานกับน้องคือแบบมีมุกอะไรที่ผู้กำกับไม่ได้ใส่แต่เขาก็ใส่มาเอง แล้วก็เป็นเด็กก็รู้อยู่แล้วว่ามีความเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็ไร้เดียงสา ก็น่ารักตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าน้องลิซซี่อยู่ในกองก็คือแบบจะฮามาก แล้วก็เขาจะเขินมากๆ เป็นอะไรไม่รู้ จะไปจับตัวเขาไม่ได้เลยนะ เขาจะแบบ เอร้ย (ทำท่าเขิน) เขินตลอด เขินพี่โอ้ตลอด
Q. มีฉากไหนที่ประทับใจบ้าง
O. จริงๆ มีหลายฉากครับ ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของหนังจะออกมาเป็นหนังตลกสนุกสนาน แต่ก็มีฉากโรแมนติคซึ้งๆ อยู่หลายฉาก อย่างมีอยู่ฉากหนึ่งที่โอ้ชอบมาก เป็นฉากที่ไดอะล็อคยาวมากแล้วมีการถ่ายทำเป็นแบบ ลองเทค (Long take) ซึ่งนักแสดงทุกคนต้องเล่นยาวโดยที่ห้ามเทค คือถ้าเทคทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด ซึ่งการถ่ายทำจะเริ่มตั้งแต่โอ้ต้องขี่มอเตอร์ไซด์มาหน้าโบสถ์ที่จัดงานแต่งงาน แล้วต้องลงจากมอเตอร์ไซด์เปิดประตูเข้าไปในระหว่างที่ทุกคนกำลังทำพิธีกัน คนก็จะนั่งกันเต็มโบสถ์ แล้วเป็นฉากที่ต้องเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ทั้งพระเอกนางเอก และทุกตัวละครที่เกี่ยวข้องกัน โดยที่ผู้กำกับภาพต้องแบกกล้องแฮนด์เฮลล์เดินตามโอ้มาตั้งแต่มอเตอร์ไซด์เลย ตัวผกก.ภาพเองก็ตามคอยกำกับและจับภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไปพร้อมกับโคลสอัพไปที่ตัวละครทุกตัว เพื่อรับสีหน้า แววตาคำพูดของตัวโอ้ที่บุกเข้ามากลางงานแต่งงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องรับภาพของตัวละครที่คุยกับโอ้ รับสีหน้า แววตา แม้กระทั่งน้ำตาของนางเอก ยากครับ ทุกคนต้องรู้จังหวะและต้องสัมพันธ์กัน แล้วต้องเล่นกับอารมณ์ด้วย อย่างน้องไอซ์เข้าอยู่ในฉากแล้ว โอ้ก็ต้องเดินเข้าไปพูดด้วย กล้องก็ต้องตาม ผมก็คิดว่ามันยากมากๆ ครับ ตอนทำออกมาเราก็ไม่คิดว่าเราจะทำได้ ตอนนั้นผมแค่คิดเชื่อมั่นอย่างเดียวเลยว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นนะ และต้องมีสมาธิว่าตัวละครตัวนั้นกำลังเจออะไรอยู่ พอเข้าไปก็ยาวเลย ก็ดีใจกับตัวเองครับว่าเราไม่ได้ไปกังวลกับมันมากจนเกินไป แล้วก็ทำมันออกมาได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจของตัวเราเองครับ ก็ชอบครับ แต่ตอนถ่ายก็มีอุปสรรคที่ทำให้ต้องถ่ายใหม่ ตอนเล่นบังเอิญก็มีนักแสดงสมทบ (เอ็กซ์ตร้า) ในฉากเขาลืมปิดมือถือ เสียงโทรศัพท์ก็เลยดังขึ้นมาแต่โอ้มองว่าเขาคงไม่ได้คิดนะครับว่าจะมีคนโทรเข้ามาตอนนั้น แล้วก็แบบเป็นช็อตที่ยาวมากก็เลยต้องถ่ายใหม่ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ซีนนี้เป็นอะไรที่ยาก ละเอียดอ่อนและเป็นไฮไลท์ของเรื่องด้วยนะครับ
Q. ถ้าให้นิยามคำว่า “รักสุดทีน”
O. ถ้าให้โอ้บอกนิยามของหนังเรื่องรักสุดทีนนะครับ คำว่ารักสุดทีนเนี่ยะ ผมว่าเป็นอะไรที่วัยรุ่นที่สุดครับ แล้วก็แบบเสียใจที่สุด ดีใจที่สุด เซอร์ไพรส์ที่สุดด้วยฮะ คือที่สุดของทุกอย่างน่ะครับ ก็เลยกลายเป็นรักสุดทีนครับ
Q. ในชีวิตที่ผ่านมาเคยทำอะไรที่มันสุดทีนไหม โดยเฉพาะเรื่องของความรัก
O. สำหรับโอ้เองเคยครับ ทำอะไรเกี่ยวกับความรักในแบบสุดทีน ก็เป็นเหตุการณ์ตอนวันเกิดคนที่เรารัก เราก็ทำให้แบบสุดทีนไปเลยทุกอย่างแบบจัดเต็มครับเ หมือนเราก็คิดมาก่อนไม่ใช่ว่าเรามาคิดอะไรใกล้ๆ วันเกิดเขา คิดมาก่อนว่าเราจะทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้เขามีความสุขที่สุด เพราะว่าเรารักใคร เราก็อยากให้เห็นเขามีความสุขใช่ไหมครับ ตัวโอ้เองก็เลยอยากลองทำดูว่าเออเห็นเขามีความสุขที่สุดจะเป็นยังไง อยากให้เขาเซอร์ไพรส์ที่สุดแฮปปี้ที่สุดน่ะครับ โอ้ก็ไปคิดมาก่อนว่าเขาชอบกินอาหารประเภทไหนก็เลยไปหาร้านอาหารที่เขาชอบแล้วก็ไปแอบสั่งเค้กไว้ สั่งเค้กไว้เสร็จ ผมรู้เลยว่าผู้หญิงเขาที่สุดอยู่แล้วเรื่องการเซอร์ไพรส์ ผู้หญิงชอบการเซอร์ไพรส์ เราก็เลยเซอร์ไพรส์ทุกที่เลย พอขึ้นรถเราก็มีลูกโป่งมาให้ เราก็จะซื้อของขวัญให้อะไรอย่างงี้ด้วย แล้วเราก็ไม่บอกเขา เราก็ต้องเซอร์ไพรส์อีกชั้นหนึ่ง เราก็ต้องไม่บอกเขาว่าเราพาไปไหน เราก็บอกแค่ว่าอ๋อเดี๋ยวเราพาไปหาเพื่อน อะไรแบบนี้ฮะ แต่พอไปก็เป็นร้านอาหารที่แบบที่เขาอยากกิน มีเค้กมาให้แล้วก็มีของขวัญอีก มีลูกโป่งเต็มรถ ดีมันไม่ระเบิด (หัวเราะ) ถามว่าแล้วคนที่ได้รับหลังจากที่โอ้ทำไปแล้วเขารู้สึกอย่างไรก็แฮปปี้ดีครับ ชอบครับ แฮะๆ (เขิน)
Q. มาจนถึงวันนี้แล้วจากหนังเรื่องแรกในชีวิต “รักแห่งสยาม” “หนัง” เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของมาริโอ้ เมาเร่อแค่ไหนอย่างไร
O. ครับจาก 5 ปี จากรักแห่งสยามนะครับ หนัง สำหรับโอ้แล้วพูดได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของชีวิตโอ้เลยครับเพราะว่าแทบจะทุกวันที่โอ้ได้ออกกองได้ไปทำงานมันทั้งสนุกแล้วก็ได้ประสบการณ์ที่เราไม่มีทางได้จากห้องเรียน ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เราได้โตขึ้นด้วย ได้โตไปกับพี่ๆ ทีมงาน ที่ทำให้เราได้เล่นหนังดีๆ คือนอกจากได้เล่นหนังดีๆ มันยังได้เรื่องของบทสอนข้อคิดดีๆ ถ่ายทอดไปให้กับวัยรุ่นด้วย ผมว่ามันได้หลายต่อ แล้วตัวโอ้เองโอ้ว่ามันได้เยอะมากได้ฝึกความเป็นผู้ใหญ่ด้วย แล้วตอนเล่นหนังทุกเรื่องเราได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ มันตื่นเต้นทุกวัน อย่างบางทีบางเดือนเล่นสามเรื่อง ตอนเช้ามีบางวันเป็นสองคาแรคเตอร์ ตอนเช้าเป็นคนกวนๆ ตอนเย็นเป็นคนตุ้งติ้งอะไรแบบเนี้ยะครับ ซึ่งเราก็ต้องแบ่งพาร์ทของตัวเราเองให้ดี ผมว่าเป็นประสบการณ์ที่ซื้อไม่ได้ แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่จะจดจำในหัวสมองผมอีกต่อไปตลอดชีวิตเลยครับ ก็ดีใจครับที่ได้เล่นหนังหลายๆ เรื่องแล้วก็ได้เล่นหนังดีๆ แบบนี้
Q. หลายคนอยากรู้แล้วตัวโอ้เองมีหลักเกณฑ์ในการเลือกเล่นหนังอย่างไรบ้าง
O. สำหรับโอ้เอง โอ้ก็จะเลือกจากบทที่โอ้เชื่อน่ะครับ โอ้ว่าสิ่งแรกที่นักแสดงอ่านบทแล้วเชื่อในตัวบทก็จะถ่ายทอดออกมาได้นะครับ ก็คือถ้าเราอ่านบทแล้วเราไม่เชื่อหรือว่าเราคิดว่าเราถ่ายทอดออกไปไม่ได้เนี่ยะ ผมว่ามันก็ไม่ดี เพราะว่าสิ่งแรกผมว่าน่าจะอยู่ที่ตัวเราเอง มุมมองของตัวเราเองมากกว่า
Q. จากบทเด็กมัธยมใสๆ ที่มีแง่มุมดราม่าใน “รักแห่งสยาม” จนมาถึง บทหนุ่มเจ้าชู้จีบสาวไปเรื่อยรักใครไม่เป็นอย่างใน “รักสุดทีน” แฟนๆ จะมีโอกาสได้เห็นบทบาททางการแสดงที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ของมาริโอ้อีกไหม
O. จากนี้ไปก็จะมีครับ คืออย่างก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็จะมีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ได้ทดลองกับผู้กำกับหลายๆ คน ได้ลองคาแรคเตอร์หลายๆแบบ จากนี้ไปผมก็จะได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ไปเรื่อยๆ อย่างเรื่องนี้จะกวน กวนถึงขีดสุดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเหมืนกัน เจ้าชู้ จีบหญิง ซึ่งก็จะเป็นครั้งแรกเหมือนกัน หรืออย่างที่ผ่านมาก็ได้เล่นอุโมงค์ผาเมือง ก็จะได้เป็นพระในยุคเมือ 500 ปีที่แล้ว ก็คือได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ไปแบบฉีกตลอดเลยฮะ ต่อไปก็จะมีเรื่องสิ่งเล็กๆ 2 มีหนังต่างประเทศเป็นหนังจีนซึ่งไปถ่ายทำที่เมืองจีนแล้วโอ้ก็ต้องพูดภาษาจีนด้วย ก็คงจะได้เห็นผลงานที่แตกต่างและบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปครับ แล้วก็มีหนังอีกเรื่องหนึ่งนะครับที่ท้าทายที่สุดสำหรับตัวโอ้เอง เป็นหนังของหม่อมน้อยนะครับ แต่ว่าต้องขออุบไว้ก่อนนะครับ (ยิ้ม)
Q. อัพเดทชีวิตช่วงนี้กันหน่อย
O. อัพเดทชีวิตโอ้กันนะครับ 7 วันช่วงนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากถ่ายละครแล้วก็มีเดินสายโปรโมหนังเรื่องนี้ครับ “รักสุดทีน” แล้วก็มีเตรียมตัว เวิร์คช็อปหนังใหม่ของหม่อมน้อยด้วยครับ ตอนนี้มีเวลาว่างก็จะอ่านบท มีเรื่องของซ้อมเต้น ซ้อมร้อง เพลงเรื่องของคอนเสิร์ตสี่บวกหนึ่ง ครับ แล้วก็จะมีละครเรื่องใหม่ของโอ้ด้วยครับ เรื่องรักเกิดในตลาดสดครับ
Q. ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับแฟนๆ ของเรา
O. สิ่งที่โอ้อยากพูดกับแฟนๆ ที่ติดตามผลงานโอ้อยากบอกว่าขอบคุณมากๆ นะครับที่ติดตามผลงานโอ้มาโดยตลอดคืออยากจะบอกกับพวกคุณว่าพวกคุณเป็นกำลังใจให้โอ้มากๆ แล้วทำให้โอ้ได้มีกำลัง แล้วก็มีพลังที่จะไปทำหนังใหม่ ไปเล่นละคร หรือ เปลี่ยนคาแรคเตอร์ แฟนคลับทุกคนเป็นกำลังใจ ให้โอ้มากๆ ครับ ถ้าไม่มีแฟนคลับทุกคนก็คงไม่มีโอ้วันนี้ครับ ยังไงก็ฝากให้แฟนๆ นะครับอย่าลืมปีห้าห้านี้โอ้มีหนังสนุกๆ อย่าง รักสุดทีน ครับ อย่าลืมมาดูนะครับ ก็เป็นอีกคาแรคเตอร์หนึ่งของโอ้ซึ่งฉีกออกไป แล้วก็ใครที่เป็นแฟนของพันธมิตรก็อย่าลืมดูหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะว่าเราอาจจะเคยฟังแต่เขาพากย์แต่ไม่เคยดูเขากำกับหนังก็อยากให้มาดูกันครับ 1 มี.ค. นี้ ขอบคุณครับ
-
“ดีเจจั๊ด” พร้อมขโมยซีนมาริโอ้ ใน “รักสุดทีน” ด้วยบทบาทสุดฮา “หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ”

นอกจากจะมีพระเอกหล่อขั้นเทพอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ มีนางเอกสาวระดับมิสมอเตอร์โชว์ปี 2010 อย่าง น้องไอซ์ อามีนา กูล มาเรียกแขกแล้ว ผู้กำกับ โต๊ะ-ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ เจ้าของประโยคเด็ด “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” หัวหน้าทีมพากย์ขวัญใจคนไทย ซึ่งโดดมาเขียนบทกำกับหนังเรื่องแรก
“รักสุดทีน” หนังรักอารมณ์ดี ก็ยังไม่หมดมุกแค่นั้น ยังจัดเต็มด้วยการสร้างบทบาทเสริมสีสันให้กับเรื่องด้วยแก๊งเพื่อนพระเอกที่ได้ ดีเจพล่ากุ้ง (วรชาติ ธรรมวิจินต์) และ ดีเจจั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน มาเสริมทัพ โดยเฉพาะดีเจจั๊ด ที่มารับบท “จัดหนัก ฉายา “จัดให้หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ”
ผู้กำกับโต๊ะฟันธงเลยว่าต้องเป็น “คนนี้คนเดียวเท่านั้น” แถมยังชมเปาะว่าเป็นคนที่เล่นมุกได้ลื่นไหลเข้ากับตัวละครเพื่อนๆ ได้อย่างกับรู้จักกันมานาน สามารถพูดบทยาวๆ ได้โดยไม่ผิดสักคำเดียว เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ภูมิใจนำเสนอในเรื่องนี้
โดยหนุ่ม จั๊ด ธีมะ นักแสดงมากความสามารถคนนี้ก็ได้เผยถึงบทบาทใหม่แสนท้าทายว่า
“ตอนที่ได้รับบทมานะครับ เขาเขียนว่าหล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ ไอ้ตรงเป็นตุ๊ดนะจ๊ะนี่ไม่หนักใจ แต่หล่อเกินมนุษย์นี่หนักใจนะ เพราะว่าการที่คนเราจะหล่อเกินมนุษย์ได้หน้าต้องเป๊ะมาก ไม่ว่าจะเป็นมาริโอ้เอง หรือแบบโดม ปกรณ์ ลัม คนพวกนี้คือหล่อเกินมนุษย์ แต่สำหรับเราก็พยายามทำตัวให้หล่อเกินมนุษย์ที่สุดแม้ว่ามันจะไม่ได้ แต่ว่าไอ้ตรงเป็นตุ๊ดนะยะ เราโอเค เราเล่นได้อยู่แล้วนะครับ ก็จะเป็นคาแรคเตอร์ที่สนุกๆ ในเรื่องคือเวลาไปดีลผู้หญิงให้เพื่อน ผู้หญิงก็จะมีมาแอบชอบเราด้วย คือแต่ในใจของเรา เราเป็นตุ๊ดนะยะ เราแค่ทำภารกิจของเราให้สำเร็จคือ “ภารกิจที่ว่ารักเพื่อน” เอาผู้หญิงไปใส่พานไปมอบให้เพื่อน แต่ว่าในระหว่างที่ใส่พานไปมอบให้เพื่อน ถ้ามันมีจำนวนหลายคนมันอาจจะเหลือมาถึงเราบ้าง ซึ่งไอ้การเหลือมาถึงเราบ้าง เป็นอะไรที่ชอกช้ำสำหรับเรา ทำไมล่ะเราเป็นตุ๊ดนะยะ แต่ทำไมต้องเหลือมาถึงเรา”
โดยตัวละครนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการสร้างสีสันในเรื่องให้ครบรสความฮา แต่ความยากอยู่ต้องเปิดปิดสวิตช์แก๊กแมน-แต๊บหลุดได้ทันที
“สีสันของคาแรคเตอร์นี้ เป็นอะไรที่สนุกมากครับ มันจะต้องมีการเล่นแบบเปลี่ยนอารมณ์ สลับอารมณ์กันไปในซีนเดียวเยอะมาก มีซีนหนึ่งยกตัวอย่างให้ฟัง ซีนนี้เป็นซีนที่เราไปเที่ยวกันสามคน ไปเที่ยวในผับ พอไปเที่ยวในผับ เรานั่งกันอยู่โต๊ะหนึ่ง ไอ้โต๊ะข้างๆ ที่อยู่ข้างหลังเราเป็นผู้หญิง แล้วไอ้เพื่อนเราสองคนมันเล็งไว้แหละ เวลาเราอยู่กับเพื่อนเราก็เป็นตุ๊ดนะยะของเราตามนิสัยปกติ แต่พอเราหันไปจะดีลให้เพื่อน เราจะต้องเปลี่ยนทุกอย่าง เปลี่ยนทั้งเสียง เปลี่ยนทั้งบุคลิกภาพ จากเสียงที่แบบสูงๆ ก็ต้องมาเป็นแบบต่ำๆ ในการติดต่อผู้หญิง นี้คือสีสัน แล้วมันก็จะมีหลายตอนมากที่เราจะต้องแอ๊บไว้ บางทีก็ระเบิดออกมา บางทีก็เป็นแมน บางทีก็เป็นตุ๊ด คือความยากมันอยู่ตรงที่จะต้องสลับกันในซีนเดียวคือตรงนี้มันต้องเป็นผู้ชายมากๆ เลย แล้วพอหันกลับมาปุ๊บเราต้องเป็นตุ๊ดให้มากๆ เลยเหมือนกัน มันคือ 2 คาแรคเตอร์ที่สุดโต่งน่ะครับ”
ใครที่อยากเห็นลีลาแอ๊บแมนแสนสะดิ้งสุดพริ้วของ ดีเจจั๊ด เตรียมตัวดูกันแบบจัดเต็มกันได้ 1 มี.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
ปิดสุวรรณภูมิเปิดตัว “รักสุดทีน” ส่ง “โอ้-พล่ากุ้ง-จั๊ด” ขึ้นบิ๊กไบค์ 2 ล้อ พร้อมใจบิดสุดชีวิต หนังเรื่องแรกในชีวิต โต๊ะ พันธมิตรขอฝันแบบไม่กั๊กใส่เต็มแม็ค

หลังจากเพาะประสบการณ์ในฐานะหัวหน้าทีมพันธมิตร เพื่อสร้างสีสันความสนุกสนาน และเสียงหัวเราะให้บังเกิดกับผู้ชมในหนังต่างประเทศพากย์ไทยนับพันนับหมื่นเรื่องมาทั้งชีวิต พอมาถึงไฮไลท์สำคัญฉากเปิดตัว“มาริโอ้-พล่ากุ้ง-ดีเจจั๊ด” กลุ่มเพื่อนซี้ที่มีอุดมการณ์ร่วมกันว่าจีบหญิงเป็นเรื่องใหญ่พอๆ กับความหลงใหลในการบิดมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์ 2 ล้อ ทำให้ทีมงานนับร้อยชีวิตตลอดจนนักแสดงและผู้กำกับต้องยกกองถ่ายทำไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้ 3 หนุ่ม รักสุดทีน บิดมอเตอร์ไซด์แบบสุดชีวิตด้วยความเร็วสุดทีนเกิดไปบนถนนเส้นยาวที่ทอดตัวออกไปเป็นกิโลๆ เพื่อไปรับกับภาพของเครื่องบินที่พร้อมทะยานออกจากพื้นรันเวย์ตีคู่ไป พร้อมกันกับการขึ้นชื่อหนังบนจอตามความตั้งใจของตัวผู้กำกับโต๊ะพันธมิตร ฟังดูเหมือนง่ายแต่กว่าจะได้ภาพออกมาสมใจผู้กำกับ งานนี้ทีมงานนักแสดงทั้งหมดต้องยกกองไปถ่ายทำถึงโลเกชั่นบนถนน ในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิถึง 2 ครั้ง 2 ครา หลังจากที่ครั้งแรกต้องยกเลิกการถ่ายทำกลางคัน เนื่องจากการถ่ายทำต้องเผชิญกับพายุนกเต็นเข้ามาในช่วงเวลานั้นพอดี จนไม่สามารถถ่ายทำได้และเพื่อความปลอดภัยของนักแสดงทั้ง 3 คนที่ต้องขับมอเตอร์ไซด์วิ่งไปบนถนนด้วยความเร็ว โดยไม่ใช้ตัวแสดงแทนซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้
ซึ่งพี่โต๊ะ ผกก.เล่าว่า “อย่างฉากเปิดเรื่องที่ผมฝันแต่แรกก็คืออยากได้ถนนกว้างๆ สวยๆ ผมอยากให้ทั้ง 3 คน มาริโอ้, พล่ากุ้ง, จั๊ดขี่มอ’ไซด์ แล้วมีเครื่องบินๆ คู่กัน คือมอ’ไซด์ต้องไปด้วยความเร็วเพื่อที่จะได้ตามเครื่องบินทัน เราใช้วิธีปิดถนนในสุวรรณภูมิ วันแรกไปปิดได้แค่ฉากไฟแดง ฝนตกกระหน่ำ โอ้โหฉากเปิดเรื่องยังไม่ได้เลย ไปทั้งวัน ได้มาแค่ฉากไฟแดงนิดหน่อย ถนนก็เปียกแฉะ ทั้ง 3 คนเขาก็ขี่จริงนะ สปิริทเขาขี่ ไอ้เราก็ห่วงมาก ผู้ช่วยก็บอกว่าถ้าล้มมาเนี่ยะเป็นเรื่องเลยนะ พระเอกไม่ได้เลยนะ แล้วตัวประกอบทุกคน เราก็บอก ไม่เข้าใจทำไมล้มไม่ได้ ถ้าล้มก็เป็นเรื่องเลยซิพี่ เพราะคิวหนังคิวละครคิวงานต่างๆ ของโอ้ ก็จะทำอะไรไม่ได้เลยนะ ฉากหัวใจคือฉากชื่อเรื่องที่ผมอยากได้ก็ถ่ายไม่ได้ พอถ่ายหมดจากฉากตรงไฟแดง พล่ากุ้งก็จะบอกบิดสุดทีน ไปเลยแล้วต้องไปแล้ว พอบรื้อต้องเร็วมาก โอ้ พล่า จั๊ด ทุกคนต้องขี่มอเตอร์ไซด์อย่างเร็ว แล้วถ่ายจากข้างๆ ไป เครื่องบินต้องขึ้นจากสุวรรณภูมิตีขึ้นคู่ไปกับมอเตอร์ไซด์อย่างนี้เลย แล้วชื่อเรื่องก็ไปขึ้นที่เครื่องบิน คือตอนแรกเราฝันว่าจะเป็นพระเอกขี่ตรงที่มีรถไฟหัวจรวดวิ่งคู่ด้วยซ้ำ แต่พอมานั่งคิดเครื่องบินสวยกว่า หัวจรวดเราอุตส่าห์ทิ้งละ ถ้าเครื่องบินยังไม่ได้อีก ไม่ได้เลยก็เลยต้องยกทีมงานทั้งกองกลับไปเซ็ทคิวถ่ายอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ได้สมใจปรารถนา สวย ออกมาดูดีมากๆ เลยละ เราจะได้เห็นความแรงของการที่พระเอกขี่มอเตอร์ไซด์ซิ่งๆ แบบไม่กลัวอะไรเลยกับก๊วน แล้วก็พุ่งไปกับเครื่องบิน มีชื่อเรื่องขึ้นมานั่นคือสิ่งที่เราอยากเห็นมากภาพอย่างนั้น อยากเห็น”
แน่นอนว่าเหล่าแฟนๆ เองก็อยากเห็นหนุ่มมาริโอ้หล่อเท่ห์ขรึมเช่นกัน เพราะได้ข่าวว่าที่เหลือเราจะได้เห็นหนุ่มหล่อขั้นเทพมาริโอ้ที่จะพลิกลีลากรุ่มกริ่มออดอ้อนจีบสาวเจ้าชู้แถมกวนและฮาสุดๆ อย่างแน่นอน 1 มี.ค. “รักสุดทีน”
-
ไอซ์-นางเอกมาริโอ้” ร้องจ๊าก กลางถนนข้าวสาร “ฟิซสปาเป็นเหตุ” จั๊กกะจี้สุดๆ รุมตอดนับร้อยๆ ตัว

“ข้าวสารฟอร์เอฟเวอร์” ที่เที่ยวสุดฮิพและฮิทตลอดกาลของคนไทยและชาวต่างชาติตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงนักท่องเที่ยวและคนทำงาน เป็นที่ที่พระเอกหนุ่มสุดฮอตอย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “ไอซ์ อามีนา กูล” นางเอกสาวหน้าคมวัย 18 มิสมอเตอร์โชว์ปี 2010 จะออกเดทคู่กันในฉากสวีทหวานของทั้งคู่จากภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดทีน” ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ในสไตล์สนุกสนานแบบจัดเต็มเป็นครั้งแรกของ “โต๊ะ ปริภัณฑ์” หัวหน้าทีมพากย์เจ้าของประโยดเด็ด “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” โดยมีไฮไลท์คือส่งคู่พระเอกนางเอกตะลุยเดินเที่ยวดูโน่นดูนี่ไปบนถนนข้าวสาร ลิ้มรสผัดไท เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ กุ๊กกิ๊กร่วมกันในสไตล์หนุ่มสาวที่เพิ่งออกเดทคู่กัน ก่อนที่จะจับทั้งคู่ไปนั่งหย่อนขาให้ปลานับร้อยๆ ตัวรุมตอดในรูปแบบ “ฟิชสปาหรือสปาปลา” ให้จั๊กกะจี้หัวใจเล่นซะเลย ซึ่งงานนี้ทำเอาน้องไอซ์นางเอกสาวของเราที่เกิดมายังไม่เคยสัมผัสกับประสบการณ์ฟิชสปามาก่อนในชีวิตถึงกับกลั้นลมหายใจและข่มใจไม่ให้เกิดอาการกรี๊ดแตกสุดฤทธิ์แถมยังนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว
“ (ไอซ์) ต้องยอมรับเลยค่ะว่า แรกๆ ยังไม่เท่าไหร่ค่ะ เดินซื้อผัดไท กินผัดไทกับพี่โอ้ ยังสบายๆ ค่ะ แต่อาจมีอุปสรรคตรงที่ข้าวสารคนเยอะมาก ก็เลยทำให้ถ่ายหนังยาก พี่ๆ ทีมงานก็จะวิ่งกันวุ่นพอสมควร ที่สำคัญแฟนๆของพี่โอ้เยอะมาก ทั้งคนไทย คนฟิลลิปปินส์มารุมถ่ายรูปขอลายเซ็นต์ แต่พอต้องไปถ่ายที่ร้านสปาปลานี่แหละค่ะ ด้วยความที่ไอซ์เป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่มันจั๊กกะจี้มากๆ แล้วตัวเองก็ไม่กล้า ไม่เคยทำมาก่อนเลยฟิชสปา แต่ในบทเราต้องเป็นคนที่ชอบ เคยทำมาแล้ว แต่นี่เป็นการพาพี่โอ้มาลองทำเป็นครั้งแรก พอตอนถ่ายแค่ไอซ์เอาเท้าจุ่มลงไปปุ๊บ มันจั๊กกะจี้มาก รู้สึกว่าอยากเอาขาขึ้นมาทันทีเลย (หัวเราะ) แล้วรู้สึกว่าขาเราสั่นมากๆ ค่ะ ไม่อยากถ่ายต่อเลย คือหนูกลัวมาก (หัวราะ) แต่ก็ต้องควบคุมสีหน้าแววตา ท่าทางต่างๆ แต่พอพี่เขาสั่งคัทเท่านั้นแหละไอซ์รีบเอาเท้าออกมาเลย (หัวเราะ)”
“(มาริโอ้) ผมก็เรียกว่าจั๊กกะจี้มากครับ ปกติเวลาไปที่อื่นปลาไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น แต่ไม่รู่ว่าที่นี่ทำไมปลาเขาเยอะจริงๆ ครับ ตอดชนิดเรียกได้ว่าสุดยอดเลยครับ ขาแทบจะชาไปเลยครับ นี่ก็โดนๆไปเต็มๆเลยครับ ซึ่งในเรื่องไอซ์จะต้องเป็นคนที่มาบ่อยแต่ตัวจริงเพิ่งเป็นครั้งแรกแต่กลับกลัว ส่วนตัวโอ้เองในเรื่องไม่เคยมา เรื่องจริงโอ้ก็ไม่เคยมาแต่ก็ไม่กลัว แต่ยอมรับว่าจั๊กกะจี้มากๆ ส่วนเรื่องมาที่ข้าวสารนี่นับครั้งได้เหมือนกันเลย ประมาณว่าถ้าเพื่อนมาก็ขอติดมาด้วยครับ อย่างจริงๆ แล้วแถวข้าวสารถือว่าของกินอร่อยๆเยอะครับ เสียดายครับอดกิน(หัวเราะ)เพราะต้องถ่ายหนังยังไงโอ้ต้องหาเวลามากินให้ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กบางลำพู,ก๊วยเตี๋ยวต้มยำ ฯลฯ พูดแล้วน้ำลายสอครับ 55”
ก็เป็นอีกหนึ่งฉากไฮไลท์ของภาพยนตร์ แฟนๆ ของหนุ่มโอ้สาวไอซ์ก็อย่าลืมไปให้กำลังใจทั้งคู่ได้ใน “รักสุดทีน” ภาพยนตร์สนุกสนานในสไตล์ยิ้มๆ ฮาๆ ตามแบบฉบับพันธมิตร 1 มี.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
จับตาดู “ไอซ์- อามีนา กูล” สาวสวยวัยใส ที่ทำให้ “มาริโอ้” ต้องหันขวับและหยุดความเจ้าชู้ ตัวเลือกเดียวของ “โต๊ะ ปริภัณฑ์” นางเอก “รักสุดทีน”ที่นุ่งยีนส์สวยที่สุด

Q : ก่อนอื่นให้ “ไอซ์” แนะนำตัว ทักทายกันก่อนเลยดีกว่า
I : สวัสดีคะอามีนา กูลค่ะ ชื่อเล่นไอซ์ค่ะ หนูเกิดที่เมืองไทย เป็นลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน คุณแม่เป็นคนไทย และคุณพ่อเป็นคนปากีสถาน หนูเกิดได้ 2 เดือนก็บินไปปากีสถานไปบ้านเกิดคุนพ่อค่ะหนูเติบโตและเรียนอยู่ที่นั้นจนถึงเกรด 2 ก็ไปอยู่กับคุณยายที่ฮอลแลนด์ คุนแม่ชอบเมืองไทยค่ะเราเลยกลับมาอยู่กันที่เมืองไทยหนูเริ่มมาเรียนที่นี่ตอน 8 ขวบ ตอนนั้นก็พอพูดไทยได้บ้าง เพราะคุณแม่จะสอนบ้างเป็นบางคำ ค่อยๆ ให้เราได้หลายๆ ภาษาจนถึงปัจจุบันหนูอยู่เมืองไทยมาสิบปีล่ะค่ะแล้วก็ชอบมากๆ เพราะรู้สึกว่าเมืองไทยเป็นประเทศที่มีน้ำใจทุกคนใจดีและชอบยิ้มให้กัน ตอนนี้ก็อายุ 18 ปีค่ะกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเสสะเวทวิทยาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็ปีนี้ก็ต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ที่ผ่านมาก็จะมีถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา งานต่างๆ บ้าง ล่าสุดก็กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อ “รักสุดทีน” เล่นกับพี่มาริโอ้ เมาเร่อ คะ
Q : เริ่มรู้สึกว่าตนเองสนใจในเรื่องการแสดงตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
I : ตั้งแต่เด็กเป็นคนขี้อาย แต่พอเริ่มอยู่ประถมเห็นเพื่อนเต้นงานโรงเรียน แล้วก็จำได้เลยว่าเพลงแรกที่ไม่ได้เต้นแล้วร้องไห้คือเพลง “โอเคนะคะ” ของแคทลียา อิงลิช เห็นท่าเต้นน่ารักดี เพื่อนที่มาเต้นก็ได้ดอกไม้ด้วย ตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมายังไงเราก็ต้องแสดงงานโรงเรียน เราก็ชอบมาโดยตลอด ชอบต่างหน้า ชอบแต่งตัวสวยๆ ชอบเต้น ชอบรำ แล้วครูก็ส่งประกวดนางนพมาศ แล้วก้ได้รางวัลมา ตั้งแต่นั้นก็มีประกวดบ้าง ถ่ายหนังสือบ้าง มีถ่ายงานอะไรต่างๆ บ้าง เริ่มทำงานในวงการตั้งแต่ 15 คะ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดที่จะทำจริงจัง แต่ว่าตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมพอดี ปี 2009 ไปประกวดมิสทีนไทยแลนด์ก็คิดว่าจะหาประสบการณ์ แล้วก็ไม่อยากใช้ชีวิตช่วงเวลาปิดเทอมอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่า ก็เลยไปประกวด แล้วเราก็ดันโชคดีได้เข้ารอบ (หัวเราะ) เข้ารอบเสร็จแล้วก็ไปเก็บตัว ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดตัวเองไม่เคยไปภาคใต้เลย ก็ได้ไปเก็บตัวที่ภูเก็ต ได้มีเพื่อนหลายๆ รร. ได้มีเพื่อนคนนี้คนนั้น ตั้งแต่นั้นก็รู้สึกว่าการทำงานตรงนี้สอนให้เรามีความรับผิดชอบ ได้เข้าสังคมรู้จักคน มีประสบการณ์ในเรื่องการแสดง การพูดคุยกับคนรอบข้าง ตอนที่ประกวดไอซ์ก็ได้ตำแหน่งมิสโคคาไอดอลมานะคะ ตอนนั้นไอซ์ยังผมสั้นเอยู่เลยเพื่อนๆ ชอบเรียกเด็กปักษ์ใต้ เพราะตอนนั้นผอมมาก ตัวเล็กมาก พราะเพิ่งเรียนจบม.ต้นมา พอมาอายุ16ก็ประกวดมิสมอเตอร์โชว์ปี 2010 ได้ที่ 1 มาปีนั้น ก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ค่อนข้างภูมิใจคะ หลังจากมีมิสทีนไทยแลนด์ ที่ถือว่าประสบความสำเร็จขั้นแรก แล้วหลังจากที่ได้มิสมอเตอร์โชว์ก็จะมีงานถ่ายโฆษณาเป็นผลิตภัณฑ์บ้าง เป็นแอดโฆษณา ถ่ายหนังสือ แล้วตอนปี 2010 ก็ได้รับรางวัลโล่ห์พระราชทานในฐานะลูกตัญญูแห่งชาติค่ะ
Q : เมื่อพูดถึงความฝันของตัวเอง?
I : ความฝันของไอซ์ตั้งแต่เด็กก็คือ อยากเดินแบบ ก็เหมือนเด็กทั่วไป อยากเป็นดารา เห็นเขาแต่งตัวสวยๆ ใส่ชุดสวยๆ มีคนขอถ่ายรูป ก็ชอบแต่ไม่คิดว่าจะได้มาทำแบบนี้จริงๆ ช่วงนั้นเราก็คิดว่าตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งเราอยากเป็นแอร์ฯ คิดว่าอยากจะไปเรียนด้านแอร์ฯ แล้วพอมาทำงานตรงนี้ ก็รักที่จะทำงานตรงนี้
Q : แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาแสดงภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีน แถมเป็นนางเอกของพระเอกสุดฮอตอย่างมาริโอ้ เมาเร่อด้วย?
I : ก็มีพี่ๆ ทีมงานติดต่อไปว่ามีหนังเรื่องหนึ่งจะเปิดแคสท์ติ้ง แล้วเขาก็บอกไกด์มานิดหนึ่งว่าเรื่องนี้เขาต้องการผู้หญิงที่ใส่กางเกงยีนส์แล้วสวย ไปวันแรกเราก็ใส่กางเกงยีนส์ไปเลยคะ แล้วก็เดินตรงเข้าไปเลย เข้าไปหาพี่โต๊ะ (ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ หัวหน้าทีมพากย์พันธมิตร ผกก. รักสุดทีน) พี่โต๊ะก็ชี้บอกใช่เลย เราก็งง แล้วพอเขาให้บทเรามาอ่าน แล้วก็มีพี่ต้นเขาเป็นแอคติ้งโค้ช เขาก็คอยติวให้ พอหลังจากแคสท์เสร็จ 2-3 วัน พี่เขาก็โทรมาบอกว่าเราได้นะ ตอนแรกไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้เล่นด้วยความที่เราไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน แอ็คติ้งก็ไม่เคยเรียน เราผ่านแต่งานถ่ายแบบมา พอผกก. เขาเลือกเรามา ทำให้เรายิ่งมีความตื่นเต้น ว่าเราจะทำได้หรือเปล่า กดดันยิ่งเล่นกับพี่มาริโอ้ ด้วยความที่พี่เขาเป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่แล้ว เราเองใหม่จริงๆ ฝีมือการแสดงเราไม่มีอะไรเลยแล้วเขาเป็นคนที่แบบเป็นพระเอกสุดฮอตที่ใครๆ ก็อยากเล่นกับเขา เขาเป็นคนที่เก่ง เราก็จะรู้สึกเกร็งๆ จะทำให้คนอื่นเขาเสียเวลากับเราหรือเปล่า ด้วยความที่เรายังใหม่ และก็เป็นเรื่องแรกด้วย ก็รู้สึกภูมิใจมากคะ
Q : ทราบมาว่าไม่ใช่แค่ต้องใส่ยีนส์สวยเท่านั้น วันแรกที่แคสท์ติ้งก็เจอโจทย์ยากเลย?
I : ค่ะ นอกจากเขาต้องการนางเอกที่ใส่กางเกงยีนส์สวยแล้ว คือพี่โต๊ะก็จะให้เราลองแสดงให้ดู โดยเอาฉากที่สำคัญและก็ยากที่สุดของตัวละครตัวนี้มาให้เราลองเล่น เป็นฉากที่นางเอกจะต้องร้องไห้อยู่ริมสระ แล้วไอซ์เองไม่เคยแสดงมาก่อนเขาก็ให้บทนี้มาเล่น เราก็โอเคๆ ต้องพูดไปร้องไห้ไปด้วยอยู่ริมสระ เป็นฉากที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง พี่โต๊ะบอกว่าคนที่จะได้มาเล่นเรื่องนี้ถ้าเกิดทุกฉากเล่นได้แต่เล่นฉากนี้ไม่ได้มันก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะว่าฉากนี้พี่โต๊ะเขามองภาพไว้ในสมองอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ๆ
Q : เล่าให้ฟังหน่อยว่าคาแรคเตอร์ที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง?
I : คาแรคเตอร์ของ มินท์ หรือมินตราจะเป็นผู้หญิงที่นิ่งๆ เงียบ แล้วก็มีอะไรน่าค้นหา เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ขนาดผู้ชายที่หล่อกระชากใจสาวทุกคนที่ถือว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่ออย่าง เอกชัย (รับบทโดยมาริโอ้) ก็มาหลงรักมินท์ แล้วก็มองการณ์ไกลว่ามินท์จะต้องเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้าส่งมาให้เขา อย่างตัวละครมินท์นะคะก็สร้างความประหลาดใจให้กับนายถึงใจ ด้วยการที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาเจอ 3 ครั้งภายในเวลา 48 ชม. แล้วมินตรานี่แหละเป็นผู้หญิงที่สามารถทำให้นายถึงใจเปลี่ยนตัวเองจากที่เป็นเพลย์บอย ไม่สนใจเรื่องเรียน กลับกลายเป็นคนที่กลับไปหาครอบครัว สนใจเรื่องเรียน พยายามจะทำตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อผู้หญิงคนเดียวคะ
Q : คิดว่าเสน่ห์ความน่าสนใจของตัวละครตัวนี้อยู่ที่ตรงไหน อย่างไร?
I : สำหรับไอซ์แล้วคิดว่าเสน่ห์ของมินตราอยู่ตรงที่ตัวมินตราเป็นคนที่จิตใจดี เป็นคนที่ดูน่าค้นหา ลึกลับ สามารถทำให้คนๆ หนึ่งที่แบบว่าจากที่ไม่สนใจเรื่องเรียน สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนๆ หนึ่งได้ คือกลับมาเรียนหนังสือ กลับมาเป็นคนดี นายถึงใจเลยหลงรักผู้หญิงคนนี้ และอยากจะได้ผู้หญิงคนนี้มาใช้ชีวิตคู่ต่อไป แล้วก็เป็นผู้หญิงที่ใครอยู่ใกล้แล้วมีความสุข แล้วตัวละครตังนี้ก็มีความซับซ้อนมีหลากหลายอารมณ์ในแต่ละฉาก อย่างฉากหนึ่งหัวเราะ อีกฉากก็เศร้า เป็นบทที่ท้าทายความสามารถมากคะ จะมีทั้งซึ้ง เศร้า เหงา สนุก มีหลากหลายคาแรคเตอร์ในตัวเดียวกันคะ ผกก.ยังแซวไอซ์เลยว่าไอซ์ต้องไปมีความรักแล้วแหละถึงจะรู้ว่ามีความรักแล้วเป็นยังไง แล้วยิ่งนี่เป็นหนังเรื่องแรกของไอซ์ด้วย ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก
Q : “รักสุดทีน” เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?
I : เป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นเพลย์บอย วันๆ เอาแต่จีบสาวไปทั่ว รักใครไม่เป็น ไม่เคยคิดที่จะหยุดตัวเองหรือมอบหัวใจให้กับผู้หญิงคนไหน จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้มาเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่กลายเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทั้งเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต แล้วก็อะไรอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งเขาเองคิดว่าผู้หญิงคนนี้แหละคือคนที่ใช่สำหรับเขา และเขาเองก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อคนที่เขารัก เพื่อผู้หญิงที่เขารักคะ
Q : เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดทีน”อยู่ที่ตรงไหนอย่างไร ?
I : เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้นะคะ ไอซ์คิดว่ามันอยู่ตรงที่มันมีหลายรสชาติมากเลยนะคะ ทั้งเรื่องความสนุก ความเศร้า อารมณ์ของแง่คิด หรือว่าแบบความรัก แล้วก็เหมือนว่าให้คนดูสามารถดูได้ว่าความรักเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็ทำให้อะไรที่มันไม่ดีสามารถกลับเป็นเรื่องดีได้
-
Q : นิยามคำว่ารักสุดทีน?
I : นิยามของไอซ์นะคะ คำว่า “รักสุดทีน” น่าจะเป็นอะไรที่สามารถทำให้คนๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง เป็นแรงบันดาลใจและก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นเพื่อคนๆ หนึ่งได้ เหมือนเป็นกำลังใจ เป็นอะไรที่สามารถทำให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเต็มที่ให้กับคนๆ หนึ่งคะและไอซ์ก็คิดว่าความรักเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคน 2 คนได้
Q : เคยคิดเคยฝันมาก่อนไหมว่าวันหนึ่งจะได้มาเล่นหนังและมีพระเอกเป็นมาริโอ้?
I : โดยส่วนตัวไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มาเล่นกับซุปเปอร์สตาร์ที่มีทั้งชื่อเสียงและฝีมือในตัว โดยเฉพาะพี่โอ้ ความรู้สึกก่อนมาเล่นกับพี่โอ้ เราก็มองว่าเขาเป็นคนที่หล่อ ปลื้มเขาเหมือนคนทั่วๆ ไปที่ปลื้มเขาในฐานะซุปเปอร์สตาร์ ตอนแรกก็รู้สึกเกร็ง รู้สึกกดดันมากคะ พอหลังจากที่ได้มาเล่นก็รู้สึกว่าพี่เขาน่ารักเนอะ มีน้ำใจในการสอนว่าเราต้องแอคติ้งยังไง เหมือนเขามีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าเรา หรือบางฉากที่ถ่ายกล้องอาจไม่ได้ถ่ายรับหน้าพี่โอ้แต่พี่โอ้ก็มาช่วยต่อบทให้ ส่งอารมณ์ให้ในหลายๆ ฉากเลย โดยเฉพาะฉากอารมณ์ซึ่งจะค่อนข้างยากมากๆ แล้วต้องมีฉากที่เราต้องร้องไห้ ซึ่งเป็นฉากที่ไอซ์ชอบมากๆ เป็นช็อตใน แต่ที่นี้ไอซ์ใช้ความรู้สึกตรงนี้ร้องไห้ไปแล้วในฉากริมสระน้ำ พอมาถึงในโบสถ์ไอซ์ก็ใช้เรื่องเดิมเพื่อร้องไห้ แต่กลายเป็นว่าเป็นเหมือนเรื่องซ้ำๆ เรื่องเดียวกันแล้วทำให้ไอซ์ร้องไห้ไม่ได้ แล้วกล้องถ่ายเฉพาะหน้าไอซ์ พี่โอ้คงรู้ เขาก็เลยมายืนข้างๆ กล้องเล่นส่งอารมณ์ให้ไอซ์ แล้วพี่โอ้ก็ส่งอารมณ์ให้ไอซ์เต็มที่มาก ไอซ์ยังอึ้งว่าเขามีพลังในการทำงานสูงมาก ทั้งๆ ที่กล้องไม่ได้ถ่ายเห็นหน้าเขาแต่เห็นหน้าไอซ์ แต่เขาก็พยายามส่งอารมณ์ให้ไอซ์เต็มที่ ไอซ์ก็รู้สึกประทับใจฉากนี้มาก แม้กระทั่งที่ไม่มีฉากของเขาก็มายืนต่อบท มาส่งอารมณ์ให้ บางครั้งไม่เห็นหน้าเขาก็พยายามส่งเสียง เพื่อให้เรามีรีแอ็คชั่นเล่นต่อกลับไปอย่างเต็มที่
Q : “มาริโอ้” ถือว่าเป็นหนุ่มฮอตมากๆ เจอมาแล้วคิดว่าตัวจริงโอ้ฮอตจริงหรือเปล่า?
I : แต่พอได้มาทำงานร่วมงานกับพี่โอ้เราก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างฮอตมากเลยนะคะ ไม่ได้ฮอตแค่ในกลุ่มวัยรุ่น หรือว่าคนไทย แต่ว่ามีทั้งชาวต่างชาติ แฟนเขามีหลายประเทศมากที่มากรี๊ด มาขอถ่ายรูปตลอดการทำงานกับพี่โอ้เลยนะคะไม่ว่าจะไปที่ไหน กรุงเทพ พัทยา นครปฐม อย่างซีนที่เราไปถ่ายกันที่พัทยาก็จะมีแฟนชาวไต้หวัน เกาหลีตามไปขอถ่ายรูป กรี๊ดๆๆๆ อะไรอย่างนี้คะ ที่สำคัญไอซ์ว่าพี่โอ้ไม่ได้ฮอตแค่เรื่องหน้าตา เขาเป็นคนที่นิสัยในการทำงานโอเคมากคะ
Q : อย่างมาริโอ้ถือว่าเป็นสเป็คไหม แล้วสเป็คหนุ่มๆของไอซ์เป็นอย่างไร?
I : พูดได้เลยว่าก่อนมาร่วมงานไอซ์ก็คงเหมือนเพื่อนๆ หลายคนที่ปลื้มพี่โอ้ ด้วยความที่เขาเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบ พี่โอ้ก็น่าจะเป็นสเป็คของคนทั่วๆ ไปหลายๆ คน เราก็ปลื้มเขานะ แต่หลังจากที่ได้ร่วมงานกับเขาเราก็มองเห็นถึงเสน่ห์ของพี่โอ้และเชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้รู้จักและทำงานกับพี่โอ้จะไม่ได้ปลื้มพี่โอ้แค่รูปร่างหน้าตาเขานะ แต่ปลื้มเขาตรงที่นิสัย ด้วยความที่เขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ เป็นคนมีสัมมาคารวะ แล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักแสดงใหม่ๆ หลายๆ คน เป็นที่น่าชื่นชมของผู้ใหญ่หลายๆ คนเรื่องการตรงเวลา เรื่องสัมมาคาราวะ ไอซ์คิดว่าเขาเป็นคนที่น่ารักมากคะ ถามว่าส่วนตัวไอซ์มีสเป็คมั้ย ไอซ์ไม่มีสเป็คนะ ไอซ์ชอบคนที่นิสัยมากกว่า อย่างพี่โอ้ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของคนที่ทั้งหล่อและมีนิสัยที่เวิร์คมากๆ คะ
Q : ในภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนเราจะได้เห็นลีลาทะเล้นและการพลิกบทบาททางการแสดงของมาริโอ้ชนิดที่ว่าไม่เคยปรากฎในหนังเรื่องไหนมาก่อนเลย?
I : ไอซ์การันตีเลยนะคะเรื่องนี้รับรองว่าไม่มีใครคนไหนได้เคยเห็นลุคนี้ของพี่โอ้มาก่อนอย่างแน่นอนคะ ทั้งทะลึ่ง กวนๆ เจ้าชู้ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนมารวมกัน รวมไปถึงลีลาจีบสาว จะมีทั้งมุกออกแนวเลี่ยนๆ (หัวเราะ) ทั้งแบบออดอ้อน ทั้งส่งสายตา ทั้งคำพูดคำจา ทั้งทะเล้นทะลึ่ง หลายๆอย่างที่คนไม่เคยเห็นอย่างแน่นอนคะ เราเองก็ขำๆ ถามว่ามีเขินไหม มันก็ต้องมีเขินกันบ้างนิดหน่อย แต่ก็ขำดีคะ ยิ่งได้รวมกลุ่มกับแก๊งของเขาอย่างพี่พล่ากุ้งกับพี่จั๊ด ก็จะเป็นอะไรที่ตลกและฮามากคะ
Q : แล้วเขินไหมที่ต้องเล่นเป็นคู่รักกัน แถมต้องซ้อนท้ายโอบเอวมาริโอ้ขี่มอเตอร์ไซด์ทั้งเรื่องด้วย?
I : (หัวเราะ) เขินคะ ไปไม่ถูกเลยคะว่าเราจะต้องส่งสายตายังไง เขาส่งอารมณ์กันยังไง ไม่เคยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาก่อน ตอนแรกก็รู้สึกตื่นเต้นนะคะที่ต้องซ้อนมอไซค์ไปที่ถนนต่างๆ ทั้งพัทยาเราก็ลุยมาแล้ว ทั้งนครปฐมเราก็ลุยมาแล้ว ผ่านทั้งวัด ริมทะเล รู้สึกตื่นเต้นมากคะ พี่โอ้เขาก็บอกว่าไม่ต้องห่วงนะ ไม่ตกหรอก (หัวเราะ) กลัวแค่ตอนขึ้นแต่ว่าพอขึ้นนั่งไปซักพักแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวที่ต้องนั่งมอไซค์แล้ว แต่มากังวลกับการถ่ายทำที่ต้องแข่งกับเวลามากกว่า อย่างตอนถ่ายก็ต้องผ่านทั้งแสงแดด ลม เพื่อที่จะให้ภาพออกมาสวย…และที่สำคัญต้องถ่ายทอดให้คนดูรู้ว่าเราทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันนะ เพราะถ่ายหนังต้องอาศัยแสงช่วยเลยทีเดียว แล้วทำให้ทุกคนก็ต้องทำงานแข่งกับเวลาไม่ว่าจะเป็นแสงเช้า หรือแสงเย็น เพราะเราถ่ายฉากมอเตอร์ไซด์กันทั้งวัน ยิ่งพอเริ่มเย็นถ้าแสงหมดมันก็จะเป็นอะไรที่เสียดายมาก อารมณ์เรายังไม่ได้แต่ แสงใกล้จะหมดแล้ว ไหนจะต้องดูเรื่องรถบนถนนที่เขาขับไปมาตามปกติด้วย เพราะทีมถ่ายทำเวลาถ่ายหนังก็จะมีรถติดกล้องติดเครนตามถ่าย นักแสดงที่ต้องขี่มอเตอร์ไซด์ แล้วไหนจะต้องมีรถทีมงาน มีรถตำรวจ
Q : ทราบมาว่ามีประสบการณ์ที่แสนประทับใจชนิดที่ว่าลืมไม่ลงด้วยสำหรับหนังเรื่องแรกที่ต้องกระโดดจากตึกสูง50กว่าชั้นถึง3รอบ?
I : (หัวเราะ) มันจะมีฉากที่ทั้งคู่ไปออกเดทด้วยกันแล้วต้องเล่นเครื่องเล่น ซึ่งเราไปถ่ายทำกันที่พัทยาปาร์ค การถ่ายทำวันนั้นก็มีอุปสรรคหลายอย่างมากค่ะ ทั้งนักท่องเที่ยวเองก็เยอะมากๆ ทั้งเรื่องแสงแดดที่ร้อนมากๆ วันเราถ่ายกันตอนเที่ยงตอนบ่ายต้นๆ กันพอดี แต่ทุกคนก็ต้องใจทำงานกันอย่างเต็มที่ แล้วไอซ์กับพี่โอ้ต้องขึ้นไปถึงชั้น 50 กว่าๆ กล้องก็จะต้องตามไปถ่ายกันตั้งแต่บนดาดฟ้าที่จะโดดให้เห็นว่าไอซ์กำลังจะโดดและก็ต้องลงมาตั้งกล้องที่ชั้นล่างเพื่อรับหน้าไอซ์ตอนโดดลงมา เพื่อที่จะได้ภาพและบรรยากาศสวยๆ ของการโดดที่ค่อยๆ ลงมาจนถึงพื้น ถามว่าไอซ์กลัวความสูงไหม ก็ไม่ได้กลัวความสูง แต่กลายเป็นว่าวันนั้นไอซ์ต้องวิ่งขึ้นลงเพื่อเล่นซ้ำกันถึง3รอบ ถึงจะได้ภาพออกมาสมใจพี่โต๊ะผกก. จำได้เลยว่ามันเป็นความรู้สึกแบบใจจะค่อยๆ วูบลงมา แล้วแดดก็ร้อนมาก ก็ทำให้แบบ (หัวเราะ) น้ำตาคลอ อีกแล้วหรอซ้ำอีกแล้วหรอ แต่เราก็โอเคเต็มที่คะ ครั้งแรกกลัว คิดอย่างเดียวเมื่อไรจะถึงพื้น แล้วพี่เจ้าหน้าก็บอกว่าไอซ์เป็นคนที่โชคดีมากนะ เพราะไม่มีใครที่ใน 1 วันเล่น 3 รอบมีแค่ไอซ์คนเดียว ไอซ์ก็คิดในใจว่า เออ...เราควรภูมิใจที่ได้เล่น3รอบมั้ยเนี่ยะ (หัวเราะ) เพราะด้วยความที่หนึ่งจับภาพไม่ทัน เราลงไม่ถูกที่ แล้วก็แสงไม่ได้ จังหวะไม่ได้ ทำให้เราเป็นคนที่โชคดีที่สุดในวันนั้นเพราะได้เล่น3รอบในวันเดียวคะ
Q : หนังเรื่องแรกของแต่ละคนก็มักจะเหตุการณ์เรื่องราวที่ไม่คาดคิดแตกต่างกัน แล้วสำหรับรักสุดทีนมีอะไรเซอร์ไพรส์สำหรับสาว18อย่างเราบ้าง
I : ก็ได้ใส่ชุดเจ้าสาวค่ะ (หัวเราะ) ตอนแรกก็รู้สึกเกร็งๆ กลัวๆ เคยได้ยินมาว่าถ้าเกิดว่าคนเราใส่ชุดเจ้าสาวก่อนแต่งงานจะไม่ได้แต่งงาน เราก็แบบนะไม่เคยใส่ชุดแต่งงานมาก่อนจากที่ใส่ชุดนักเรียนต้องมาใส่ชุดแต่งงาน (หัวเราะ) รู้สึกแปลกคะ (หัวเราะ) รู้สึกแตกต่างจากการใส่ชุดนักเรียนมากๆ คะ (หัวเราะ) ก็รู้สึกตื่นเต้นดี แต่ชุดแต่งงานก็สวยนะ หนูว่ามันก็สวยดี แต่ต้องบอกว่าเบื้องหลังการใส่ชุดแต่งงานก็ไม่ง่ายเลยค่ะกว่าจะสวยออกมาอย่างที่ทุกคนเห็น เพราะต้องมีซุ้มกระโปรง ทุกอย่างคือมันต้องแบบเป๊ะ และเบื้องหลังการแต่งหน้าทำผม ต้องใช้เวลาการแต่งหน้าทำผมหลายชั่วโมงเลยเห็นเขาบอกว่าเจ้าสาวจริงๆ ควรจะให้เวลาแต่งหน้าทำผมอย่างน้อย 4 ชม. พี่ๆ เมคอัพหน้าผมก็จะพิถีพิถันในการแต่งหน้าแล้วก็ทำผมนานมากคะ วันนั้นไอซ์ก็เลยถ่ายรูปไว้เยอะมากๆ คะ (หัวเราะ) เพราะว่าไอซ์เป็นคนบ้ากล้องอยู่แล้ว ถ่ายแล้วก็เอาไปให้คนที่ไม่เคยเห็นเราในลุคนี้ดู “เขาก็บอกว่าใช่ไอซ์หรอ” ก็จะดูแปลกๆ ตาไป อย่างคุณแม่เห็นคคุณแม่ก็บอกว่า ดูโตมากลูก (หัวเราะ)
Q : พูดถึงการทำงานร่วมกับ ผกก.รักสุดทีน “พี่โต๊ะ พันธมิตร-ปริภัณฑ์ วัชรานนท์” ?
I : พี่โต๊ะเป็นคนที่น่ารักมากคะ ถึงแม้ว่าพี่โต๊ะเพิ่งทำหนังเรื่องแรก แต่ว่าพี่โต๊ะเขาเป็นคนที่มีความตั้งใจมาก แล้วก็ใส่ใจในเรื่องรายละเอียดทุกอย่างเลยทีเดียว ยิ่งโดยเฉพาะเรื่องเสียง และไอซ์ก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนที่พากย์เสียงมาก่อนใช่ไหมคะ และด้วยความที่ไอซ์มีปัญหาเรื่องเสียง ตรงนี้ต้องค่อยนะ ตรงนี้ต้องดัง น้ำหนักเสียงต้องเป็นแบบนี้ อารมณ์เสียงไม่ได้ เขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจในทุกรายละเอียดเลย และพี่โต๊ะก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเสียงอย่างเดียวนะคะ เขายังใส่ใจในเรื่องสีหน้าท่าทาง การเดิน การพูด อารมณ์ไม่ว่าจะข้างหน้า ข้างหลัง แม้กระทั่งเส้นผมเส้นเดียวเขาก็ยังให้ความใส่ใจ เรียกว่าพิถีพิถันมาก หรือแม้กระทั่งชุดแต่ละชุดที่เข้าฉากก็จะต้องมีการเอาไปให้พี่โต๊ะดูก่อน “พี่โต๊ะชุดนี้ดีไหม” “ชุดนี้ได้ไหม” เขาใส่ใจถึงขนาดเสื้อ กางเกงต้องอย่างนี้ๆ นะ เหมือนกับว่าเขาได้สเก็ตภาพในสมองไว้แล้วว่า นางเอกต้องเป็นแบบนี้ พระเอกต้องเป็นแบบนี้ จะต้องมีท่าแบบนี้ๆ คะ หรือฉากนี้ต้องตลกสนุกแบบนี้นะ ส่วนฉากนี้ไม่ได้นะต้องซึ้ง ต้องจุกอก ต้องนิ่ง
Q : คนดูจะได้สัมผัสกับความสนุกสนานของหนังรักปนฮาในสไตล์พันธมิตร?
I : อย่างที่ผ่านมาเราอาจจะเคยดูหนังตลกโจวซิงฉือ, เฉินหลง, เจ็ทลี, หลิวเต๋อหัว พวกหนังจีนสนุกๆ หรือหนังเกาหลีต่างๆ ที่ชอบมีมุกพากย์ขำๆ กันมานะค่ะ ต้องบอกว่าลีลามุกไดอาล็อคฮาๆ นั่นแหละค่ะคือฝีมือของพี่โต๊ะและทีมพันธมิตร ซึ่งพี่โต๊ะเคยเล่าให้ฟังว่าการทำงานตอนพากย์หนังจะไม่ได้แค่ต่างคนมาพากย์ๆๆ แล้วก็จบกัน แต่พี่โต๊ะจะคอยจดมุก อะไรที่วัยรุ่นสนใจเพลงอะไรที่ฮิตโฆษณาในแต่ละยุคอะไรโดดเด่น แล้วก็จะคิดเป็นมุกสอดแทรกเข้าไปในหนัง แล้วเสียงพระเอกฮ่องกงเท่ห์ๆ ขำๆ รวมถึงประโยคที่ว่า “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” นั่นแหละค่ะคือพี่โต๊ะค่ะ แล้วพอพี่โต๊ะมาทำหนังรักสุดทีนก็พยายามคงลายเซ็นต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพันธมิตรที่เป็นความสนุกสนาน อย่างเรื่องนี้นะคะ ถึงจะเป็นหนังเรื่องแรกของพี่โต๊ะ พี่โต๊ะก็จะตั้งใจทำโดยสอดแทรกเรื่องราวความรัก ที่มีทั้งตลก ยิ้มๆ ซึ้งๆ โดยที่ตั้งใจทำออกมาในเป็นหนังไทยสนุกสนานรักปนฮาในสไตล์พันธมิตรคะ
Q : ท้ายนี้ฝากผลงานกับแฟนๆ?
I : ฝากหนังเรื่อง “รักสุดทีน” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องแรกของไอซ์ที่ทำด้วยความตั้งใจแล้วก็เต็มที่มากคะ มีทั้งแง่คิด ข้อคิด แล้วก็อะไรหลายๆ อย่างที่แฝงอยู่ในเรื่องเดียว มันเป็นความรักหลายๆ รูปแบบที่อยู่ในเรื่องเดียวกัน แล้วก็เป็นไทยเรื่องแรกของพี่โต๊ะพันธมิตรเขียนบทและกำกับ ก็เป็นหนังไทยสนุกสนานในสไตล์พันธมิตรนะคะ ที่สำคัญจะได้เห็นพี่โอ้ในแบบที่ไม่เคยเห็น เห็นความสนุกสนานของพี่พล่ากุ้งพี่จั๊ดรวมทั้งที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาดคือน้องหมูฉึกๆ กับน้องตี๋บ๊วยก็น่ารักมาก เพราะว่าไอซ์ได้บอกเพื่อนไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะได้มาร่วมงานกับน้องหมูนะ แล้วก็น้องตี๋บ๊วย อยากให้จับตาดูทุกฉากที่น้อง2คนนี้ออกมาทุกคนต้องอมยิ้มอย่างแน่นอน ทั้งคู่เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ คะ โดยเฉพาะน้องหมูฉึกๆ จะเป็นเด็กที่แบบว่า ฉันต้องสวยนะ ทุกอย่างต้องเป๊ะนะ เครื่องสำอางค์ การแต่งตัวน่ารักมากคะ ส่วนน้องตี๋บ๊วย ก็จะแบบกวนๆ ยิ่งเวลาที่เขาเข้าฉากด้วยกันนะค่ะ รับรองว่าทุกคนจะต้องอมยิ้มกันอย่างแน่นอนคะและก็ยังมีพี่ๆ นักแสดงอีกหลายคนเลยทีเดียวค่ะ ก็อยากให้ทุกๆ คนไปชมกันเยอะๆ คะ เรื่องรักสุดทีน เข้าวันที่ 1 มีนาคมคะ
-
บทสัมภาษณ์ โต๊ะ พันธมิตร-ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ผู้กำกับ “รักสุดทีน”

Q. ย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นคนขายเสียง-นักพากย์สมัยที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในนามของโต๊ะหัวหน้าทีมพากย์พันธมิตร
T. สวัสดีครับ ผม ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ครับ หรือว่าโต๊ะเป็นหัวหน้าทีมพากย์พันธมิตร เจ้าของเสียงที่บอกว่า “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” ถ้าพูดถึงเส้นทางชีวิตกว่าที่จะมาเป็นคนพากย์เสียง ตอนนั้นอายุประมาณสัก 15-16 อยู่ที่หาดใหญ่ ตอนอายุ 13-14 ปีก็ เริ่มบ้านักพากย์แล้ว คือหนังจะดูแต่ว่านักพากย์ใครพากย์ ผมอยากเป็นนักพากย์อย่างเดียว ไม่เคยมีอาชีพอื่นแว่บเข้ามาในสมองเลย พอมีคนข้างบ้านรู้ว่าเราอยากเป็นนักพากย์เขาจะเป็นคนที่ซื้อฟิล์มที่ฉายหนังผ่านโรงใหญ่มาแล้ว แล้วก็จะเดินสายเร่ไปยังโรงเล็กๆ น้อยๆ ที่เล็กลงไปจากหาดใหญ่จากจังหวัดใหญ่ๆ อีกที ก็ชวนไปพากย์หนัง
โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการพากย์หนังคืออะไร ไม่เคยมีใครสอนประมาณปี 2518 ที่ได้พากย์หนังครั้งแรกอายุ น้ผมไม่รู้เรื่องเลย มีบท หนังอินเดียมีความยาวประมาณ 8 รีลเกือบ 3 ชม. จะพากย์ยังไง ทำยังไง เพราะหนังก็ไม่เคยเห็นไม่มีการฉายให้ดูก่อน ผมพากย์ได้แค่ม้วน 4 บทพากย์ผมก็หมดแล้ว แต่หนังเหลืออีก 2 ม้วน ทั้งโรงคือโห่มาตั้งแต่ต้น เราก็ไม่มีอะไรจะพากย์แล้ว ก็ถอยบทกลับมาแล้วพากย์ หนังเลิกในโรงเหลือไม่เกิน2คน แต่ด้วยความที่เราอยากเป็น ก็เลยพัฒนามาเรื่อยๆ จนเราแข็งแกร่งขึ้นมา จนอายุ 25 ก็เข้ากรุงเทพเลย เริ่มมีหนังเสียงไทยในฟิล์มลงไปแล้ว ก็เลยมาเสี่ยงดวงที่แรกด้วยการพากย์โรงหนังชานเมืองก่อน ฉาย 2 วัน 3 วันก็พากย์ไปฝึกวิชาไป แล้วก็มาอยู่โรงหลักคือฮาวายวงเวียนใหญ่ นิวยอร์คสะพานควาย ลอนดอนพระโขนง ช่อง3เขาขาดคน ก็ดึงเราเข้ามา มีพี่ชูชาติอินทร อินทรีย์ มีพี่แมว คือหนังช่อง3ต้องมีพระเอก 3-4 ตัวเพราะเป็นหนังซีรี่ส์ทีวีบี เขาก็มาดึงเราเข้าไปอยู่ได้ครึ่งปี เราก็ถูกดันให้เป็นพระเอกเต็มตัวของช่อง 3 พอประมาณปี 35-36 ก็เริ่มมีงานหนังไทยสายเข้ามาก็เริ่มมีงานพวกหนังไทย หนังสายของคุณพันนา ฤทธิไกร ขายสายต่างจังหวัดอย่างเดียว เขาก็โอเคกับความสนุกตรงนั้น เป็นการพากย์ลงฟิล์มรุ่นแรกๆเลย ก็เริ่มทำทีมขึ้นมาพากย์หนังพวกนี้ ถ้าเป็นงานพากย์เราเอาหมด เพราะเรามีประสบการณ์จากการเจอกับคนดูตามโรงหนังในต่างจังหวัด เราสามารถจะรู้ได้เลยว่ามุกนี้แป๊ก มุกนี้โดน เพราะเราเจอกับคนดูหมด จนมาปี 37-38 ทางสหมงคลฟิล์มพี่เตือน (คุณเตือนใจ รองประธานกรรมการ บ.สหมงคลฟิล์มฯ) ก็เป็นคนติดต่อมาให้ทำทีมพากย์ มาพากย์เรื่องแรกคือสายไม่ลับคังคังโป้ย ครั้งแรกกดดันมากเพราะว่าทีมเก่าเขาทำไว้ดี เขามีชื่อตั้งแต่โน่น เสียงเอก แล้วมาอินทรีย์ อยู่ๆ พี่เตือนกับเสี่ย (เสี่ยเจียง ประธาน บ.สหมงคลฟิล์มฯ) ให้โอกาสเรา แล้วเราต้องมานั่งทำในสิ่งที่เขาทำดีเหลือเกินแล้ว อยู่ในใจคน อยู่ในใจสาย แล้วเรามาจากไหน พอเราไปติดต่อนักพากย์แรกๆ ไม่มีใครกล้ามากับเรา ต้องเอานักพากย์ที่ไม่ใช่ตรงนี้เลยประมาณ 5-6 คนมานั่งคิดมุกเค้นมุกกันตั้งแต่ 10 โมงจนถึงตี 3 หนังเรื่องเดียว คังคังโป้ยผมยังจำได้ เครียด เหนื่อย แต่โอกาสมาถึงเราแล้วเราบี้เต็มที่มีสมองเท่าไหร่สาดเข้าไปเต็มที่นั่นคือจุดแรกที่ได้ แล้วพอได้ทำก็ทำกับมงคลฟิล์มมาโดยตลอด ได้หนังดีๆ มาช่วยตลอด ได้หนังเฉินหลงเข้ามา เราจะมีใครให้โอกาสเราแบบนี้รึเปล่า นี่คือสิ่งซึ่งเราก็ทุ่มให้เต็มที่ เพราะโอกาสแบบนี้ไม่มีอีกแล้วในชีวิตหนึ่ง
Q. เป็นที่มาของจุดเริ่มต้นการตั้งทีมพากย์ในนามพันธมิตร ตั้งแต่บัดนั้นเป็นมา
T. ใช่เลย แล้วเราก็มาคิดหาชื่อทีมกัน ชั่วโมงนั้นจะไปฟิกซ์ตายตัวไม่ได้ เราไม่รู้ว่าใครจะคีย์เสียงแบบไหน ก็เลยตั้งชื่อที่คิดว่าเราไม่มีศัตรูดีกว่า เราสามารถจะดูว่าหนังเรื่องนี้เหมาะกับคนนั้น เราก็โทรไปหาเลย บางคนอยู่ช่อง 3 บางคนอยู่ช่อง 7 เสียงคุณเหมาะกับเรานะ เหมาะกับหนังเรื่องนี้มาก มาทำกันหน่อยซิ เลยตั้งชื่อทีมว่าพันธมิตร นั่นคือไม่มีศัตรู เพราะฉะนั้นพร้อมจะโทรไปขอ ไปง้อ คนที่ไม่เคยมากับผม 2-3 เดือนพองานเริ่มอยู่ตัวก็มา พอผ่าน3เดือนผ่านเส้นตายไปแล้ว ทุกคนจะรู้และมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะเขากล้ามาทำงานให้เรา เราก็ได้มือดีๆ มา พอช่วงหลังไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่เห็นหนังก็รู้แล้วว่าต้องเป็นเสียงใครเสียงใคร ก็เริ่มจับตัววางตายได้ละ มันจะเริ่มสบายขึ้นเยอะ แรกๆ เหนื่อย แต่พอเริ่มอยู่ตัวแล้วก็ทำงานง่าย
Q. หลายคนอยากรู้ถึงหลักปรัชญา รูปแบบวิธีคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในแบบพันธมิตร
T. แรกๆ คือตอนยังไม่มีทีมพันธมิตร ผมจะโดนคนนี้เจาะไปพากย์หนังเอเพ็กซ์บ้าง แล้วเราก็นั่งพากย์กับเขาไป แต่เราก็มานั่งคิดว่าน่าจะใส่ได้นิดนึงนะ มันน่าจะเทคซะหน่อย แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราถูกเขาเรียกไปทำพอเรามาทำทีม เราก็จะคุยกับทุกคน แรกๆ จะคุยว่าเสียเวลานิดนึงนะ เราตะกุยตะกายเพื่อให้จบอย่างเดียว เราไม่รอดแน่ หนังชั่วโมงครึ่งแล้วแล้วเราพากย์ไป 4-5 ชั่วโมง เรายอมเทคหน่อย คิดมุกได้ถอยมาเติม ยอมเสียเวลากับมัน แล้วผลงานมันจะอยู่ไปอีกนาน เชื่อมั้ยว่าช่วงที่ผมทำ วิดีโอเริ่มจะหมดละ มันจะเริ่มเป็นวีซีดี เริ่มมีดีวีดีเข้ามาซึ่งผมเอาตรงนี้ไปบอกทุกคนว่า คุณจำไว้เลยนะวีซีดีอยู่ได้กี่ปีไม่รู้ แต่ดีวีดี 100 ปี มันอยู่นานแน่ ถ้าคุณทำวันนี้ให้มันดี อีก 5 ปี 10 ปี เราเลิกอาชีพนี้ไป คุณก็สามารถเอาหนังดีวีดีนี้ไปฉายให้ลูกมาเปิดดูโดยไม่ต้องไปมาอายมันก็เทคซะวันนี่นิดเดียว เสียเวลาเพิ่มแต่มันอยู่ไปอีก 100 ปี ฉะนั้นผมก็เลยบอกกับทุกคนว่า มันมี 2 จุด จุดหนึ่งคืองาน ถ้าคุณทำให้ดี มันก็จะส่งเสริมคุณไปตลอดในแผ่นดีวีดี เราไม่รู้ว่าอนาคตมันจะมีแผ่นบลูเรย์ที่ทนกว่า เราไม่รู้ แล้วระบบเสียงที่เราทำมันมี 5.1 ซึ่งชัดเจนแจ่มแจ๋ว ถ้าคุณทำไม่ดี มันจะประจานคุณชั่วชีวิตจนคุณตาย ส่วนอีกจุดหนึ่งคือถ้าทำดี มันคือหม้อข้าวของเรานะ เรากินได้นาน แต่ถ้าคุณทำไม่ดี เดี๋ยวหม้อข้าวก็แตก ไม่มีใครมาจ้างเรา เดี๋ยวเดียวก็จบ นี่คือ 2 จุดที่นั่งคุยกับเพื่อนนักพากย์ แรกๆ มาทำหนังโจวซิงฉือทุกเรื่องวันหนึ่งเต็มๆ หมดเลย 10 โมงเช้าออกมาหน้ามืดเที่ยงคืนตี 1 หมดเลย เครื่องฉายมาเป็นจอเล็กๆ รูปเล็กๆ พากย์เสร็จเอามาฉายดู ถ้าเราไม่ขำแล้วคนดูจะขำได้ไง ก็ต้องนั่งคิดหาคำตบ หาคำอะไรให้มันขำให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เราพยายามและตั้งใจทำ แต่ต้องบอกว่าหนังเขาขำอยู่แล้ว ไม่ใช่หนังเขาไม่ขำ แต่ขำในแบบแนวฮ่องกง มีคำพูดมีมุกของบ้านเขา แต่ว่าบ้านเรามีอะไร
Q. โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นต์ของหนังพากย์ไทย โดยพันธมิตรที่รับประกันได้ในเรื่องมุกฮาที่มักจะโดน
T. ช่วงนั้นที่เราทำทีมใหม่ๆ หนังตลกมีมาเยอะ เฉินหลงก็ตลก โจวซิงฉือก็ตลก แม้แต่หลิวก็ยังตลกเลยบางที ผมใช้วิธีมีกระดาษชิ้นหนึ่ง สังเกตว่าเด็กเขาคุยอะไรกัน ทีวีมีโฆษณาอะไรจด เพลงดังอะไรจด ทำหัวข้อไว้เลยสัก 8 มุก 10 มุก แล้วหาทางสลายย่อยเพื่อให้เข้าในหนังให้ได้ สิ่งที่กำลังฮิตในชั่วโมงนั้น บางทีพอเรามานั่งดูเดี๋ยวนี้หลายเรื่อง เราจะรู้เลยว่าตอนนั้นเพลงนั้นมันดังนี่นา เฮ้ยชั่วโมงนั้นเมืองไทยมีคำนั้นนี่นา ฉะนั้นก็เลยใช้วิธีหามุกแบบนี้ แล้วเวลาทำงานทุกคนที่นั่งพากย์หนังใหญ่จะต้องนั่งดูหนึ่งรอบ แล้วก็พากย์ เราก็ให้ทุกคนสาดมุกเข้ามาเลย จะขอทุกคนอย่างเนี่ยะ ถ้าขอปั๊บฮา แต่ไม่มีคนตบ เราจะหาจังหวะตบให้ พากย์หนังไม่ใช่สิ่งที่เป็นธรรมชาติ คุณต้องเอาที่เน้นๆ บนจอที่มันฮา ที่มันสนุกแน่ให้คนดูฟังชัดๆ มันคือสิ่งที่ขับเน้นให้คนดูได้ขำ เอาที่มันเน้นๆเลย ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณขำ ผมสามารถหลบหน้าใหญ่ๆให้คุณได้ แรกๆที่ทำ มันไม่มีสูตรตายตัว คิดๆ ไประหว่างม้วน ตรงนั้นแล้วใส่กันเลย แล้วผมโชคดีอย่างที่ผมได้เพื่อนร่วมงานที่ดี ทุกคนจะเข้าใจหมดว่าผมเบรกทำไม แรกๆ ทุกคนจะหยุดคิดนิดนึง แต่พอทุกคนอยู่ๆ ไป 3 ปี 5 ปี 7 ปี จะรู้เลยว่าที่ผมเบรกทุกคน เทคทุกคนเพื่อให้ใส่มุก ผมคิดผมก็ไม่เสียดาย เอาไปเลย ปากคุณเล่นขำ ผมเล่นไม่ขำ มันคือพากย์ทั้งทีมรวมกัน นี่คือสิ่งที่กว่าจะหลอมรวมมาได้เป็นปี อย่างที่บอกคือนักพากย์ทุกคนเก่ง มีฝีมือ ได้เพื่อนนักพากย์หลายๆ คนที่เข้าใจเรา ก็เลยทำให้มีวันนี้
-
Q. จนมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ผูกขาดต้นเสียงพากย์ไทยของพระเอกระดับแถวหน้าของเอเชีย
T. คือไอ้การที่เราได้ไปพากย์ตัวละครที่มันอยู่แถวหน้าของวงการทั้งพระเอกหนังฮ่องกง เกาหลี มันมีผลมาจากเจ้าของหนังที่ซื้อหนังมาให้เราด้วย อาจจะเป็นความบังเอิญที่เสียงเราไปเข้ากับหน้าหนังเอเชียก็ได้ แต่เราไม่รู้ว่าเสียงของเราจะไปเข้าใคร เหมือนอย่างที่บอกว่าเสี่ยให้พากย์ แรกๆ คือพากย์โจวซิงฉือ เขาก็มีคนพากย์มาก่อน ฉินหลงพี่รองก็ผูกขาดมาเลย เราก็ไม่รู้ว่าเราจะเข้าไม่เข้า เราก็พากย์ตามภาษาเรา เฮ้ยหน้าอย่างนี้โจวซิงฉือ เราก็พากย์จื๊ดจื๊ดจื๊ดดดด เฉินหลงเราก็หนักๆ หน่อย ต่ำๆ หน่อย แต่คงเป็นเพราะว่าเราได้พากย์บ่อยรึเปล่าจนเป็นความเคยชินรึเปล่า ทำให้คนรู้สึกคุ้นเคยเหมือนอย่างเรามาพูดกับน้องๆ ในกลุ่ม ทุกคนโตมาอายุ 20 กว่าๆ โตมาก็ได้ยินตรงนี้แล้ว กลายเป็นว่าพอค่ายหนังไหนก็แล้วแต่ซื้อหนังในแนวนี้เข้ามาก็จะเอามาให้เราทำ ก็เหมือนกับว่าเสียงเราเข้าไปทุกตัว รู้แต่ว่าหน้าอย่างนี้มา ก็ต้องให้เสียงแบบนี้ แต่ถ้าหน้าแบบนี้มาก็ต้องให้เสียงอีกแบบหนึ่ง คงเริ่มมาจากที่ต้องขอบคุณคนซื้อหนังเข้ามา ขอบคุณที่สุดก็คือเสี่ยเจียงนายเรานี่แหละ คนแรกที่ให้โอกาส เรามีหน้าที่ทำอย่างเดียว เราทำไปบังเอิญมันเข้าจังหวะ มันเข้าล็อค ช่วงจังหวะที่หนังจีนถูกคัดเฉพาะหนังดีๆ มาฉายโรง ทุกอย่างมันก็พัฒนาขึ้นมาหมด ตลาดหนังเริ่มมีโรงหนังเมเจอร์ อีจีวี เริ่มมีหนังที่ต้อง คัดมาฉายโรง นักศึกษาก็เริ่มมาดูหนังในโรง ฉะนั้นถ้าไม่เอาที่มันดีจริงๆ ไม่เอาหนังที่ร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ มาเข้าโรงผลเสียหายมันก็จะอยู่ที่บริษัท ก็เป็นผลกับพวกเราที่เป็นนักพากย์ ช่วงที่ผมพากย์มา 10-15 ปีแรกไม่มีหนังไม่ดีเข้าโรงเลย มาช่วงหลังมีหนังเกาหลีมาบูม หนังเกาหลีดีหมดทุกเรื่อง หาหนังไม่ดีไม่เจอ พอยิ่งหนังเขาทำมาดีแล้ว เราแค่พากย์ให้ตรงปาก อารมณ์ให้ได้ตามหนัง คิดมุกใส่เข้าไปอีกหน่อยมันก็เกินร้อย
Q. ที่ผ่านมามีพากย์เสียงนักแสดงใครบ้าง
T. เยอะมาก เฉินหลง, โจวซิงฉือ, หลิวเต๋อหัว, เจ็ทลี, ทาเคชิ, เจย์โชว์, โจวเหวินฟะ หนังจีนพากย์หมด หนังฝรั่งก็มีแวมไพร์ทไวไลท์ ก็พากย์ เอ็ดเวิร์ด, พากย์สตอลโลน, วิน ดีเซลก็พากย์ เยอะมากๆ เลย ประมาณนี้
Q. แต่จากที่ฟัง ดูเหมือนว่าไม่ได้แค่การพากย์แล้วที่ผ่านมาทั้งในส่วนของการคิดมุก ไอเดีย ไปจนถึงเลือกคนที่จะมาพากย์มาถ่ายทอดอารมณ์ของตัวแสดงบนจอ นี่พูดได้ว่าเกือบจะเป็นการทำหนังเรื่องหนึ่งด้วยซ้ำ แล้วไม่คิดที่จะลงมือกำกับหนังของตัวเองสักเรื่อง
T. เรามาทำงานพากย์ก็เพราะเราชอบหนัง แต่การทำหนังมันไกลเหลือเกินกับเรา มันก็เคยมีแว่บๆเข้ามานะ ถ้าเราได้ทำเราจะใส่มันเข้าไปอีกหน่อยนะ ก็เคยคิด เพราะเฉพาะงานพากย์มันก็ไม่มีเวลาพักแล้ว จนพอได้มาทำหนังไทยจริงๆแล้ว รู้เลยว่ามันต้องทุ่มเทเยอะมาก ผมสามารถพากย์หนังวันหนึ่งจบ3เรื่อง แต่หนังเรื่องเดียวเอาเวลาชีวิตผมไป8เดือน แต่ผมก็เต็มใจให้มันนะ ก็ได้เริ่มมาคุยกับเสี่ยเมื่อปีที่แล้ว ก็คุยกันก่อนว่าอยากทำนะ อันดับแรก เสี่ยเป็นคนพูดเอง เฮ้ยโต๊ะทำหนังได้นะ เสี่ยคิดว่าเราทำได้ ก็ลองให้ไปคิดเรื่องมา เสี่ยจุดคำนี้ขึ้นมามันก็มาตรงกับที่เราฝันไว้ เราก็เริ่มไปถามว่าเขาเขียนบทกันอย่างไร พอทีมงานมาประชุม เขาจะมาถามเราว่าพี่ว่าฉากนี้มีอะไร พี่ต้องตอบเขาให้ได้หมด เราก็เริ่มจำ และก็เริ่มเขียนของเราไป เขียนตามภาษาเรานี่แหละ เราก็ได้ประสบการณ์จากหนังที่เราดู และหนังที่เราพากย์มาตลอดเวลา แต่ที่มาเป็นหนังเรื่องนี้รักสุดทีน มันเป็นเรื่องที่ตรงกับตัวเรามากที่สุด เพราะตอนหนุ่มๆ เราก็เคยจีบผู้หญิงอย่างนี้นะ เราเคยทำสิ่งที่มันแบบโอ้โหโคตรน้ำเน่า แว่บเรกก็คือนึกถึงมาริโอ้เลยว่าคนหล่อๆ อย่างนี้ แต่มาทำกะล่อนบ้าบอคอแตก ผมเลือกทำหนังเรื่องนี้โดยยึดเอากางเกงยีนส์มาเป็นหัวใจของหนังคือพระเอกขายกางเกงยีนส์ ในความรู้สึกคือผมเชื่อว่าผู้ชายทุกคนมีกางเกงยีนส์หมด แต่ต้องมีสักตัวที่คุณชอบที่สุด เหมือนกับพระเอกเจอมาทุกอย่าง แต่มีสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่มันใช่จริงๆ ซึ่งสามารถทำให้เขาลุกขึ้นมาทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เพื่อผู้ญิงคนนี้ ผลตอบรับเป็นอย่างไรไม่รู้ ซึ่งเราให้มาริโอ้ทำ ทำแทนในสิ่งที่เราอยากเห็น และบางสิ่งบางอย่างในหนังที่เราเคยพากย์มาแล้วรู้สึกว่ามันขาดอะไรไป เราก็ให้หนังที่เราทำเองมันต่ออารมณ์ที่เราอยากเห็นอยากดู เข้าไปซะ จนทำให้เกิดหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
Q. นอกจากแรงบันดาลใจบางส่วนจากเรื่องราวของตัวเองแล้ว ประสบการณ์ในความเป็นพันธมิตรมีส่วนมากน้อยแค่ไหนอย่างไรในหนังเรื่องแรก
T. มันมีส่วนมาจากว่าเราทำงานพากย์หนังมาหลายปี มันมีความสนุก มันจะต้องมีความขำ มีความสนุก เพราะฉะนั้นพอเราจะมาทำหนังสักเรื่อง เราก็มองแต่ความรัก ความรักซึ่งต้องมีความสนุกเข้าไปด้วย เราเป็นคนที่ดูหนังเราก็ยังชอบหนังอย่างเดอะคลาสสิค หนังซึ้งๆ ดนตรีเพราะๆ ขำบ้างนิดหน่อย เรายังชอบแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยได้แรงบันดาลใจจากหนังเกาหลี หนังจีนฮ่องกงนี่เยอะมาก ความสนุก ความซึ้งๆ ที่เราได้เคยเจอมา แล้วเราได้เห็นที่เขาทำเฮ้ยมันซึ้งนะ มันน่ารักมากเลย อย่างหนังจีนมีอยู่เรื่องหนึ่งนะที่เห็นแล้วอย่างทำให้ได้อย่างนี้เลย ชื่อขอเพียง5วันให้ฉันรู้หัวใจเธอ (Fly Me To Polaris) แล้วตอนที่พระเอกมันเป่าแซ็คโซโฟน โอ้โห มันกดมันบีบคั้นอารมณ์ ถ้ามีโอกาสทำหนังต้องทำให้คนดูรู้สึกอิ่ม และมีความสุขกับแบบอย่างนี้ แต่ที่นี้ มันต้องมีตลกมีฮามีกะล่อน มีบ้าบอคอแตก ซึ่งหนังเรื่องนี้ คุณจะฮาจะสนุกในครึ่งค่อนแรก แล้วจะมีซึ้งมีอารมณ์อย่างที่เราอยากได้จากหนังซึ้งๆ สักเรื่องหนึ่งมารวมกันได้ในหนังเรื่องนี้แหละ
Q. ที่พูดถึงมาริโอ้เป็นความตั้งใจแต่แรกเริ่มเลยรึเปล่าที่ว่าพระเอกหนังเรื่องแรกของเราต้องเป็นมาริโอ้เท่านั้น
T. แว่บแรกที่นึกถึงคือมาริโอ้ ก็คิดเหมือนกันว่า เขาจะเล่นเหรอ วันแรกที่เสี่ยบอกเดี๋ยวเอาบทไปให้หม่อมน้อย ให้มาริโอ้ดู ยังนึกเลยว่าเขาจะเล่นเหรอ อย่างที่บอกที่เรากลัวว่าเขาจะไม่เล่นก็คืออย่างที่ผ่านมา อย่างสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักก็หล่อ เดินเท่ห์ มาอุโมงค์ผาเมืองก็เป็นพระนิ่งไปหมดเลย เขาเล่นแบบ ทุกเรื่องคือหล่อไม่หลุดจากความหล่อเลย ดูดีไปหมด อย่างรักแห่งสยามก็ยังดูใสๆ แล้วเราก็ตามงานเขามาตลอด แต่ว่าเฮ้ยให้เขามาทำอะไรบ้าๆบอๆอย่างนี้เขาจะทำรึเปล่า เขาจะมาเล่นรึเปล่า นี่คือสิ่งแรกที่เรากลัว เขาจะกล้ามาทำอย่างนี้มั้ย แต่ในใจรู้สึกว่าถ้าเป็นมาริโอ้คนนี้ มันจะได้ในสิ่งที่ว่าเฮ้ยคนหล่อๆ ก็มาทำอะไรที่มันบ้าๆ บอๆ ก็เป็นนะ คือเขาสามารถที่จะเลือกผู้หญิงคนไหนก็ได้ เขาสามารถที่จะเข้าไปในผับ สะกิดได้เลย มีสิทธิ์แน่ๆ แต่อยู่ๆมาทำอะไรที่ไม่เคยทำให้กับผู้หญิงคนหนึ่งมันคงน่าจะทำให้หนังเราดีขึ้นเยอะเลย ยอมรับเลยว่าดีใจได้เขามาเล่น แล้วเขามาเล่นให้เราเกินร้อย เขาสามารถที่จะตีบทแตก เขาสามารถที่จะนำเสนอได้เลยว่า พี่อย่างนี้นะ พี่อย่างนั้นนะ ซึ่งบางทีไม่พอ เฮ้ยโอ้ขออีก เขาให้เลย กะล่อนไม่พอ เอาอีก เพิ่มอีก คือให้เขาบริหารเสน่ห์เต็มที่เลย หล่อเต็มที่ ทำทุกอย่างเต็มที่ แล้วพอคนเรามันหล่อนะ คุณจะทำบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่น่าเกลียด มันดูดีหมดเลย
แล้วมีอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกได้ คือเขารักกับโปรเจ็คต์ของเราด้วย เพราะเขาทำการบ้านตลอด มาถึงไม่ต้องอะไรมาก แค่ถามนิดเดียว ประมาณอย่างนี้ใช่มั้ยพี่ เขาไปได้เลย ไม่ต้องไปหนักใจอะไรกับเขาเลยได้เขามาเราก็ดีใจ มุกตลกจะอยู่ที่พล่ากุ้งกับจั๊ดสองคนคอยรับคอยส่งกันเลย อย่างโอ้นี่บางฉากนี่แทบไม่ต้องพูดอะไรเลย ไม่รู้ว่าเขาจะเล่นรึเปล่า เราก็เกรงใจเขานะ แต่พอในวันแรกที่เราเปิดกล้องถ่าย ถ่ายวันแรกเนี่ยะ โอ้โหเขาไม่มีคำพูด แต่เขาบริหารเสน่ห์ ทำท่าทำทาง เติมมุก คิดคำแทนเรา แล้วก็กล้าเล่นเลย ผมกลับไปคืนนั้น กลับไปนั่งเขียนเติมเลย ผมเติมทุกอย่างให้โอ้เล่นได้ ต่อมุกได้ พูดจากวนโอ้ยได้ทุกอย่าง ฉากแรกเรามาถ่ายวันหลังจากเดิมไม่มีคำพูดโอ้เลย พล่ากุ้งโดนนักเลงแซวกลางไฟแดง คือโอ้เขากล้าเล่น เราก็กล้ายัดคำพูดให้เขาเล่น พอเรารู้ว่าเขาสนุกกับเราแล้ว เขามีความสุขกับเราแล้ว ทีนี้คำพูดก็ยัดเข้าเต็มที่เลย เติมมากลางกองเลย เติมมาจากที่บ้านให้โอ้เต็มที่เลย พอเลยไปวันแรกแล้ว เราอุ่นใจเลยว่าเขาเล่นในแบบที่ว่าเราไม่เคยเห็นเขาเล่นแบบนี้ เขาทำหล่อ ทำท่าทำทาง เป็นสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งเคยหล่อแล้วเล่นในจอหนังคือดูดี แต่นี่กะล่อนแต่ดูดี ทะลึ่งแต่ดูน่ารัก ไม่มีอีกแล้วที่จะได้เห็น ซึ่งผมได้เห็นแล้วมีความสุขที่ได้เห็นเขาในแบบนี้
Q. คนดูจะได้เห็น มาริโอ้ เมาเร่อ แตกต่างจากหนังเรื่องก่อนหน้านี้ที่เคยผ่านตาอย่างไรบ้าง
T. ถึงใจ ก็คือผู้ชายทุกทีก็จะจีบผู้หญิงในผับ มีความสุขกับการได้เที่ยวไปวันๆกับกลุ่มของเพื่อน เจอใครก็จริงใจไปเป็นรายวัน ไม่เคยสนใจอะไรทั้งสิ้นเลย แต่ไม่ใช่คนที่ไม่มีแก่นสาร เขาก็ไปลงทุนกับเพื่อนเปิดร้านขายยีนส์ใต้สะพานพุทธ เพียงแต่ว่าเรื่องของความรัก เขายังค้นหาตัวเองไม่เจอ รู้แต่ว่าเจอใครก็คือจริงใจไปหมด คบกันเป็นรายวันสนุกกันไปถี่ๆ ส่วนชื่อจริงของเขาตามที่บ้านพ่อตั้งไว้คือเอกชัย แต่เพื่อนๆ จะเรียกว่าไอ้ถึงใจ เพราะผู้หญิงจะรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ถึงใจมาก ไปกับผู้หญิง 2-3 คนในคืนเดียวก็ไปได้หมดทำได้หมดให้ถึงใจ คือรับได้หมดในสิ่งที่เข้ามาในชีวิต ถ้าเป็นผู้หญิง เขาก็จะมีสโลแกนของเขาเลยว่า เอกชัย ฉายา ถึงใจ หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น คือสามารถทนได้ทุกสภาวะ ผู้หญิงจะเข้ามากี่คนก็รับได้หมด แต่ฉันรักใครไม่เป็น ไม่เคยรักใคร ไม่มีหัวใจ คือไม่รู้ว่ารักคืออะไร รู้แต่ว่าจริงใจ วันนี้ฉันจริงใจกับเธอ ทักได้หมด คุยได้หมดมีทุกอย่างเหมือนกับเป็นผู้ชายยุคนี้เข้าผับ กินเหล้า หลีสาว ก็สนุกกันชั่วข้ามคืนกันไป นั่นก็คือบุคลิกของเขา
Q. แต่สีสันความสนุกสนานของ “รักสุดทีน” ก็ไม่ได้มีแค่มาริโอ้คนเดียว
T. นอกจากตัว “ถึงใจ” ที่เล่นโดยมาริโอ้แล้วยังมี “พล่ากุ้ง” กับ “จั๊ด (ธีมะ)” ในเรื่องทั้งคู่เขาก็จะเป็นหุ้นส่วนในการเปิดร้านขายกางเกงยีนส์ด้วยกัน แล้วก็เป็นก๊วนเที่ยวที่จีบหญิงกันด้วย อย่างตัวละครพล่ากุ้งที่เขียนไว้คือต้องขี้เหร่ ต้องดูไม่ดี ต้องกวนๆ หญิงไม่ค่อยสน ก็เลยต้องให้จั๊ดหรือโอ้คอยหาหญิงมาป้อน เขาจะเป็นคนที่คอยดูแลเพื่อนฝูงได้ แต่หาหญิงเองไม่ได้ เขาชื่อ “เต็มใจ” ฉายาคือ “เต็มสูบ หล่อล้างโลก โชกเลือด เชือดใจสาว” การได้พล่ากุ้งมาได้ขำ มุกเขาเยอะมากเลย เขาเล่นตอบรับกับตัวจั๊ด ดีเจจั๊ดได้เข้าขากันดีมากเลย สนุก เราเห็นเลยว่า พล่าเป็นคนที่ใส่ใจกับมุก คิดมุกให้เราทุกเม็ดเลย เติมให้ตลอด เขาจะมาขายมุกก่อนถ่ายตลอดเลย เราจะรู้ว่าจังหวะการทิ้งคำของมุก เราเข้าใจ แต่พอเขาเล่นสดๆ เขาจะฟังเรา พอมีดีไซน์มา เฮ้ยคำนี้ถ้ามีอะไรต่ออีกนิด พล่าเติมอะไรอีกนิดจะฮา ซึ่งได้ดั่งใจเรา สิ่งที่เราได้จากเขามาผมว่าเกินร้อย ส่วนตัวจั๊ด คือตลอดเวลาทั้งที่ไปจีบหญิง แม้กระทั่งไปอยู่ในร้านขายยีนส์ เขาจะคอยเป็นคนต้อนผู้หญิงมาให้เพื่อน แต่เขาไม่เอานะ เขาเป็นตุ๊ดแอ๊บแมน คือสามารถหาผู้หญิงมาป้อนเพื่อนได้ เขาเป็นคนพูดเรียบร้อย พูดกับผู้หญิงจะเพราะ ผู้หญิงจะหลง แต่สุดท้ายคือพอป้อนมาได้ก็จะต้องมาลงที่เขาซะเกือบทุกครั้ง เพราะเพื่อนจะทิ้งไปบ้างอะไรบ้าง แล้วต้องมารับเละสมาคมตุ๊ดจะไล่เขาออกจากสมาคมแล้วนะ พอพระเอกไปมีแฟนแล้วไปมีรักจริงแล้วก็ทิ้งๆ ทิ้งผู้หญิงให้เขาตลอด แล้วจั๊ดเขาเป็นคนที่เล่นมุกได้ แหกบทได้ สบายมาก เขาสามารถพูดบทครึ่งหน้ากระดาษได้เลยโดยไม่ผิดสักคำเดียว คือตัวจั๊ดที่ได้มานี่ เริ่มมาจากผมได้ดูเขาเล่นในหลุด4หลุดตอนฮูอาร์กง แล้วชอบ นั่นคือมาร์คในใจไว้เลยว่าต้องคนนี้คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าเขาชื่อจั๊ด มาตั้งว่าจัดให้ ก็ดีก็กลายเป็นชื่อเขาไปเลย ก็ดีเจจั๊ด แล้วในหนังก็คือจัดให้ ก็ลงตัว แล้วเขาเล่นกับทีมในกลุ่ม 3 คนได้ดีมาก ลื่นไหลดี มุกออกมาเป็นตัวตนของเขาเลย หวานๆแหววๆแต่แอ๊บ แมน มีนิยามคือ หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ เปิดฉากมาให้คนดูรู้เลยว่าเป็นตุ๊ดแน่ๆ
-
Q. แต่สีสันความสนุกสนานของ “รักสุดทีน” ก็ไม่ได้มีแค่มาริโอ้คนเดียว
T. นอกจากตัว “ถึงใจ” ที่เล่นโดยมาริโอ้แล้วยังมี “พล่ากุ้ง” กับ “จั๊ด (ธีมะ)” ในเรื่องทั้งคู่เขาก็จะเป็นหุ้นส่วนในการเปิดร้านขายกางเกงยีนส์ด้วยกัน แล้วก็เป็นก๊วนเที่ยวที่จีบหญิงกันด้วย อย่างตัวละครพล่ากุ้งที่เขียนไว้คือต้องขี้เหร่ ต้องดูไม่ดี ต้องกวนๆ หญิงไม่ค่อยสน ก็เลยต้องให้จั๊ดหรือโอ้คอยหาหญิงมาป้อน เขาจะเป็นคนที่คอยดูแลเพื่อนฝูงได้ แต่หาหญิงเองไม่ได้ เขาชื่อ “เต็มใจ” ฉายาคือ “เต็มสูบ หล่อล้างโลก โชกเลือด เชือดใจสาว” การได้พล่ากุ้งมาได้ขำ มุกเขาเยอะมากเลย เขาเล่นตอบรับกับตัวจั๊ด ดีเจจั๊ดได้เข้าขากันดีมากเลย สนุก เราเห็นเลยว่า พล่าเป็นคนที่ใส่ใจกับมุก คิดมุกให้เราทุกเม็ดเลย เติมให้ตลอด เขาจะมาขายมุกก่อนถ่ายตลอดเลย เราจะรู้ว่าจังหวะการทิ้งคำของมุก เราเข้าใจ แต่พอเขาเล่นสดๆ เขาจะฟังเรา พอมีดีไซน์มา เฮ้ยคำนี้ถ้ามีอะไรต่ออีกนิด พล่าเติมอะไรอีกนิดจะฮา ซึ่งได้ดั่งใจเรา สิ่งที่เราได้จากเขามาผมว่าเกินร้อย ส่วนตัวจั๊ด คือตลอดเวลาทั้งที่ไปจีบหญิง แม้กระทั่งไปอยู่ในร้านขายยีนส์ เขาจะคอยเป็นคนต้อนผู้หญิงมาให้เพื่อน แต่เขาไม่เอานะ เขาเป็นตุ๊ดแอ๊บแมน คือสามารถหาผู้หญิงมาป้อนเพื่อนได้ เขาเป็นคนพูดเรียบร้อย พูดกับผู้หญิงจะเพราะ ผู้หญิงจะหลง แต่สุดท้ายคือพอป้อนมาได้ก็จะต้องมาลงที่เขาซะเกือบทุกครั้ง เพราะเพื่อนจะทิ้งไปบ้างอะไรบ้าง แล้วต้องมารับเละสมาคมตุ๊ดจะไล่เขาออกจากสมาคมแล้วนะ พอพระเอกไปมีแฟนแล้วไปมีรักจริงแล้วก็ทิ้งๆ ทิ้งผู้หญิงให้เขาตลอด แล้วจั๊ดเขาเป็นคนที่เล่นมุกได้ แหกบทได้ สบายมาก เขาสามารถพูดบทครึ่งหน้ากระดาษได้เลยโดยไม่ผิดสักคำเดียว คือตัวจั๊ดที่ได้มานี่ เริ่มมาจากผมได้ดูเขาเล่นในหลุด4หลุดตอนฮูอาร์กง แล้วชอบ นั่นคือมาร์คในใจไว้เลยว่าต้องคนนี้คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าเขาชื่อจั๊ด มาตั้งว่าจัดให้ ก็ดีก็กลายเป็นชื่อเขาไปเลย ก็ดีเจจั๊ด แล้วในหนังก็คือจัดให้ ก็ลงตัว แล้วเขาเล่นกับทีมในกลุ่ม 3 คนได้ดีมาก ลื่นไหลดี มุกออกมาเป็นตัวตนของเขาเลย หวานๆแหววๆแต่แอ๊บ แมน มีนิยามคือ หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ เปิดฉากมาให้คนดูรู้เลยว่าเป็นตุ๊ดแน่ๆ
Q.มาถึงตัวละครสำคัญที่พูดได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวนั่นคือบทนางเอก
T. ตอนแรกที่นั่งเขียนบทก็พยายามนึกถึงดารานางเอกดังๆ หลายคนนะ แต่พอนั่งนึกไปถ้าเป็นคนที่คนดูเคยเห็น หรือคุ้นหน้าบ้างแล้ว ก็คิดว่ามันไม่ใช่นะ มันต้องหน้าใหม่ๆ แล้วบอกทีมงานทุกคน บอกโปรดิวเซอร์ไปว่า ต้องเป็นคนที่เห็นแล้วต้องหันขวับเลยนะ คือวันแรกที่เขามาแคสท์ และเราก็ดูกันไปหลายคน แต่พอไอซ์มาแคสท์ผมอยู่ในห้องพากย์ น้องทีมงานก็บอก พี่คนนี้มานี่หันขวับเลย แล้วผมเน้นเลยว่านางเอกหนังผมขอให้นุ่งกางเกงยีนส์แล้วสวย เพราะพระเอกอยู่กับยีนส์มาค่อนชีวิต เพราะมันขายยีนส์ตลอด ถ้านุ่งยีนส์ไม่สวยมันไม่เอา เพราะฉะนั้นผมเลยขอให้ทุกคนที่มานุ่งยีนส์ แล้วพอไอซ์มาวันแรกโอ้โหหันขวับเลย นุ่งยีนส์เข้ารูปดูดีมาก เป็นผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ แล้วหน้าตาก็ได้ ไม่ใช่ผู้หญิงวัยรุ่นกุ๊กกิ๊กตามผับทั่วไปที่พระเอกเจอ หน้าตาไม่ใช่อย่างนั้นเลย มีความคิดความอ่าน แต่นี่คือมันนิ่งได้ แล้วในเรื่องมันมีซึ้งได้ ผมก็ให้เขาแสดงฉากซึ้งก่อนเลย ขอดูฉากซึ้งฉากร้องไห้ก่อนดูจังหวะมือ กิริยาร่างกายเขา ภาษากายเขา ก็รู้ว่าเขาใหม่ แต่ผมคิดอย่างนี้นะว่าถ้าหน้าตาได้บุคลิกได้แล้ว มีความตั้งใจจริง บางสิ่งบางอย่างมันเติมให้เขาได้ เอาบทไปนั่งอ่าน ไปฝึกแอ็คติ้งการแสดง เพิ่มเติมมา แล้วพอเขามาทำให้เราดูในเวลาถ่ายทำจริง แน่นอนว่าฉากธรรมดาฉากหวานฉากสวยนี่ผ่านอยู่แล้ว แต่ฉากซึ้งก็ให้เวลาเขาหน่อย ให้เขาบิ้วอารมณ์นิดนึง แล้วเขาก็ทำได้ออกมาอย่างที่เราต้องการ บทนี่ค่อนข้างท้าทายจริงๆ เพราะว่ามันคือจุดศูนย์กลางของหนังเลย พระเอกหล่อขนาดนี้ แล้วถ้านางเอกไม่สวยขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ แล้วมาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้คนเดียว ผมคิดว่าพอเขาได้บทตรงนี้ไปแล้ว เขาสามารถขยี้มันได้ หรือเล่นไปได้อย่างที่เขาต้องการ ทำให้คนดูเชื่อได้ว่าเขาคือศูนย์กลางของหนังจริงๆ ตอนแรกยังพะวงนะ เพราะเราไม่รู้ว่าพอถ้าเข้าไปในกล้องแล้วจะเป็นอย่างไร จะทำให้คนเชื่อได้รึเปล่าว่าสามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งที่หล่อขนาดนี้มาหลงรักตัวไอซ์ได้ ก่อนจะมาถ่าย มาเล่นให้ดูนะ แล้วเราก็ไม่เคยดูผ่านกล้อง พอวันแรกในฉากร้านอาหารแล้วไฟผ่านกล้องลงมาที่หน้า สีน้ำตาลๆ โอ้โหหน้าน้องเขาขึ้นกล้องจริงๆ แล้วพระเอกก็หล่อจริงๆ แล้วทั้งคู่มองหน้ากันสายตาแต่ละคนได้อย่างใจที่เราต้องการเลย ทำให้เราเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ถ้าเข้ามาในชีวิตเรา เราก็สามารถทำดีให้กับผู้หญิงคนนี้ได้นะ
Q. ถึงแม้ว่าลุคส์ของหนังจะออกมาดูเป็นวัยรุ่นมากๆ แต่ความสนุกของตัวหนังตามความตั้งใจของผกก.ก็ยังมุ่งเน้นถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ความผูกผัน ผ่านความน่ารักที่ทั้งแสบ และกวนของตัวละครอื่นๆที่เป็นสมาชิกในครอบครัวของตัวพระเอกด้วย
T. ก็ถือว่าเป็นความตั้งใจเลยละ (หัวเราะ) อย่างผมมีคนข้างบ้านที่พ่อแม่ตี๋ๆตาตี่ๆ แต่ลูกก็ออกมาหล่อได้ ก็คิดว่าคงไม่ขัดกับความรู้สึกของหนังหรอก เราก็ตั้งใจไว้แล้วพ่อต้องเป็นคุณอรุณ (ว.จิราวัฒน์, หลุด 4 หลุดตอนฮูอาร์กง) มาเล่นเป็นพ่อของมาริโอ้ พ่อต้องกวนอย่างนี้ ลูกถึงจะออกมาได้กวนอย่างนี้ ถ้าพ่อไม่กวน ไม่งั้นลูกมันจะออกมากวนไม่ได้ คือพ่อจะกวนมาก แม่ก็จะเรียบร้อย (รับบทโดยสุพร สังฆะภิบาล) แต่ทั้งสองคนนี่ก็คือพ่อก็ตาตี่ แม่ก็ตาไม่มีเหลาเต้ง แต่ลูกออกมาหล่อขั้นเทพ คือลูกจะมาไถตังค์ตลอด คือไถเพื่อไปลงทุนร้านยีนส์ พ่อก็จะนั่งด่ากระแหนกระแหน ในครอบครัวนี้ก็จะมีลูกสาวอีกคนหนึ่งก็คือ น้องหมูฉึกฉึก (น้องลิซซี่ - ด.ญ.เฟลิเซีย ณัฐษณา บุทเชอร์) พ่อแม่หน้าตาอย่างนี้แต่ลูกออกมาขั้นเทพหมดเลย ลูกสาวก็น่ารัก ลูกชายก็หล่อ นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจเลยว่าให้มันขัด ผมพยายามบอกทุกคนว่าเล่นตามความรู้สึก บางทีพ่อก็มาขายมุก ว่าเออเติมได้มั้ย เติมไปเลยคุณรู้สึกอย่างไรกับบทเติมไปเลย คุณรู้สึกอย่างไรกับบทกับตัวละครตัวนี้ ฉะนั้นทุกคนที่เล่นหนังเรื่องนี้จะเอาความเป็นคนจริงๆ เข้าไปเล่นหมด ให้เล่น อะไรได้ผมซื้อ ไม่ไปใส่กรอบโป๊ะว่าต้องแค่นี้นะ เหมือนเวลาผมพากย์หนังนะ คุณสาดเข้ามาเลย คุณสาดเข้ามาเลย โอเคผมซื้อ หรือดาราอยากเล่น เล่นข้ามาเลย ผมฟัง โอเคผมซื้อ
Q. ก็เลยเป็นที่มาของความตั้งใจเลยว่าบทๆนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อนักแสดงที่เราเล็งไว้เลยว่าอยากให้มาเล่น
T. อย่างพี่อรุณรู้จักมาเป็น 10 ปีแล้ว มาแท็คทีมกับนักแสดงที่เล่นเป็นแม่รับรองคนดูขำกลิ้งแน่ๆ โดยส่วนตัวอย่างคุณอรุณที่ตั้งใจให้มาเล่นรู้จักกันตั้งแต่หาดใหญ่เลย เป็นคนใต้เหมือนกัน บุคลิกเขาเองก็เป็นคนกวนๆ อย่างนี้ ก็ไม่นึกว่าเขาเล่นได้ขนาดนั้น บทพ่อก็หมือนกับจั๊ด เขียนบททีแรกต้องอรุณคนเดียวเลย ไม่มีคนอื่นเลย กวนซะขนาดนี้ ลูกชายก็กวนโอ้ย กวนกับกวนมาเจอกันยังไม่พอ ยังมีเพื่อนลูกอีก อย่างพล่ากุ้ง พอทั้งคู่มาเจอกันปล่อยให้ต่างคนต่างขยี้กันเลย บทมีไว้แค่เนี้ยะ 8 บรรทัด เขาจะไปเป็น10บรรทัดเลย ไล่กันไปเลย โต้ตอบกันแต่ละคนจะไม่ยอมกันเลย ซึ่งสนุกมาก
ต้องบอกอย่างนี้ครับคือหนัง รักสุดทีน นอกจากความรักของพระเอกนางเอก,แก๊งค์เพื่อนความรักของพ่อลูกแล้ว ก็จะมีความรักของรุ่นเด็กก็คือน้องสาวของพระเอกกับน้องชายของเด็กผู้หญิงข้างบ้านเอาสองคนรุ่นจิ๋วก่อน ก็ได้น้อง ลิซซี่ และ น้องตี๋บ๊วย ที่โฆษณา 6 เม็กๆ (น้องภีมม์ ด.ช. กษิดิศ กฤตพิทยาเวช) 2 คนนี้ก็เป็นรุ่นเด็ก เป็นรุ่นเด็กที่จะเป็นความรักแบบใสๆ ไม่ใช่ความรักของรุ่นใหญ่ ก็จะกุ๊กกิ๊กๆกันไปตามประสาเด็กบ้านใกล้กันก็จะออกมานั่งเล่นบีบีกดหากัน ซึ่งน้องลิซซี่และน้องตี๋บ๊วยเล่นได้น่ารักมาก ไม่ต้องห่วงเลย2คนนี้ออกมาคนดูต้องอมยิ้ม น้องเขาพูดแบบไร้เดียงสาภาษาเด็ก ฟังดูแล้วมันน่ารัก บางทีทำให้เราได้คิดเหมือนกันนะว่าเฮ้ยบางทีความรักมันก็ทำให้เรา มีพลังให้เราทำบางสิ่งบางอย่างได้ บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใหญ่ทำไม่สำเร็จ มีพลังเพื่อที่จะฟันฝ่าไปถึงจุดหมายได้ ทุกอย่างพอเราใส่คำพูดให้เด็กไปแล้ว ผู้ใหญ่ฟังก็จะคิดตาม มันใช่เว้ย เด็กก็คิดเป็น เพราะเด็กยุคใหม่มีบัตรประชาชนแล้ว (หัวเราะ) แล้วตอนถ่ายน้อง2คนทั้งกองมีความสุข คือทั้งโอ้ ทั้งใครต่อใครที่เข้าฉากกับเขา ก็จะรู้ว่า อืม น้องเขาจำบทเก่งด้วยนะ ยิ่งฉากไฮไลท์ที่น้องหมูฉึกฉึก น้องลิซซี่ไปพูดกับพระเอกในฉากที่พระเอกกำลังผิดหวัง มีความไม่สบายใจ สายตาเขาจะแสดงออกถึงความเป็นห่วงพี่ชายเขา พูดแต่ละคำเราไม่นึกเลยว่าเด็กตัวเล็กๆแค่นี้ ซึ่งเราจะรู้เลยว่าน้องคนนี้เข้าใจในคำพูดที่เราป้อนใส่ปากเขา เล่นหนังเก่ง ทุกคนจะรู้เลยว่าจับตาดูน้องสองคนนี้จะทำให้หนังมีความอบอุ่นมีความรัก กับเด็กที่ไร้เดียงสา มาเล่นฉากนี้ได้ ผมว่าเขาเกิน10 นอกจากนี้ก็จะมีน้อง เจแอน ซึ่งรับบทเป็นน้องครีม เป็นน้องข้างบ้านที่มาแอบชอบพระเอกเป็นพี่สาวของตี๋บ๊วย พี่ชายคนนี้มาเมื่อไหร่ น้องครีมข้างบ้านเขาก็จะคอยซื้อขนมมาให้ แอบปิ๊งตลอด พ่อก็จะมาคอยเตือน ระวังนะ อย่าไปทำอะไรไม่งั้นต้องย้ายบ้านหนีไปทั้งบ้านเลยนะ ก็เป็นตัวละครที่น่ารักอีกตัวหนึ่ง
-
Q. คงต้องให้เล่าแล้วละว่า “รักสุดทีน” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
T. รักสุดทีนนี้ก็ประมาณว่าทำอะไรก็ต้องสุดๆ ไปเลยทุกอย่าง เรื่องนี้คุณจะได้เห็นมาริโอ้สุดทีนสุดโต่งในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน หล่อก็หล่อแบบสุดทีน จีบหญิงก็สุดทีน แล้วจริงใจก็สุดทีน คือคนไหนเข้ามาก็จริงใจหมด มีการลงทุนเปิดร้านขายยีนส์ใต้สะพานพุทธกับเพื่อน มีเงินพ่อมาลงทุน เอาเงินมาแล้วก็ไปคืนพ่อ ยกเว้นเรื่องความรัก เขาไม่รู้ว่าความรักคืออะไร โดยมีเพื่อนสองคนคือ พี่พล่ากับพี่จั๊ด 2คนนี้คือแผนกเสิร์ฟลูกให้เพื่อน เพื่อนหน้าหล่ออยู่แล้วเดี๋ยวหาหญิงมาก็ต้องมีเผื่อตกถึงท้องเพื่อนบ้างเหมือนกัน ก็ไปกันทั้งแก๊งค์สามคน คือไม่มีความรู้สึกเลยว่าฉันต้องรักใครึเปล่า ผู้หญิงเข้ามาก็คืออาหารว่างของฉันแค่นั้นเอง แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งเกิดมีผู้หญิงคนหนึ่งหลุดเข้ามาในสายตาของเขา หลุดเข้ามาแล้วหลุดเข้ามาอีก แค่ 48 ชม. ผู้หญิงคนนี้ผ่านสายตาเข้ามาแล้วถึง 3 ครั้ง เฮ้ยมันไม่ธรรมดาแล้ว แล้วครั้งแรกที่เห็นในผับ ในผับผู้หญิงเยอะมากแล้วทุกอย่าง แต่มันโดดเด้ง โดดเด่นออกมาแบบไม่เหมือนใครเลย แต่เขาก็หายไป รุ่งเช้าอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ตัวเองกำลังจีบหญิง หลีหญิงอยู่ ผู้หญิงคนนี้ก็ผ่านเข้ามาในสายตาอีก แล้วพอกลางคืนตัวเองไปเปิดร้าน เจอผู้หญิงคนนี้ถึง3ครั้ง พล่ากุ้งบอกเจอ3ครั้ง48ชม.ตามเคล็ดต้องเสร็จเรา เขามีเคล็ดของเขาอยู่ ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้พระเจ้าส่งมารึไงฟ้าส่งมาให้เขารึเปล่า จนเขาอยากจะเจอซ้ำซากเจออีกเรื่อยๆ เขาอยากจะทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำให้กับใครมาก่อน ซึ่งไม่เคยคิดด้วยว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ คือทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ยินเสียงของ พูดอะไรก็ได้เรื่องงี่เง่า อยากบอกทุกอย่าง ทั้งๆที่บางสิ่งบางอย่างไม่เคยพูดจริงกับ ซึ่งบางทีบางสิ่งบางอย่าง เราไม่รู้ว่าคำตอบว่าจริงๆแล้วคือฟ้าส่งมาจริงหรือไม่ ต้องให้เขาเป็นคนดีจริงรึเปล่า มันมีสิ่งอะไรซ่อนเร้นอยู่รึเปล่า หนังเรื่องนี้จะให้คำตอบ คุณไปดูรักสุดทีนแล้วคุณจะรู้ว่าโอ้เปลี่ยนไป โอ้รักใครรักจริง รักวายป่วงเลย แต่สุดท้ายโอ้ต้องถามตัวเองว่ามันใช่รึเปล่า
Q. คิดว่าเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหน อย่างไร
T. เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่ามันมีหลายจุดนะ อย่างครึ่งแรกของหนังคุณจะได้รับความสนุก ได้ฮาแน่ ได้ตลกในแนวทางของพันธมิตร ได้สนุกในการที่ตัวละคร3-4ตัวเข้าผับจีบหญิงมีคำพูดคำจาคารมกวนๆ ตามสไตล์ที่เราเคยดูเคยฟังหนังพากย์มา ซึ่งแทนที่เราจะใช้เสียงพูดในหนังจีนหนังฝรั่ง เกาหลี เราก็เอาคำพูดเหล่านี้มาใส่ปากดาราซะ ให้เขาเล่นแทนความรู้สึกของเราแบบนี้ ซึ่งถ้าฉากแบบนี้ เราไม่เคยใช้คำพูดแบบนี้ในหนังต่างประเทศนะ แล้วเราให้เขาพูดในหนังไทยเลย อืม กวนผู้หญิง จีบผู้หญิง ต่อว่ากัน กัดกัน กวนกัน ซึ่งผมคิดว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์แรก คุณได้อารมณ์ตรงนี้แน่ๆ คุณจะได้ขำ ได้ฮา และหลายๆ ฉากคุณได้สนุกแน่ๆ ในอารมณ์กวนๆ ของหนัง แล้วพอไปถึงช่วงที่เขารักกัน เขามีความสุขกัน คุณจะได้อารมณ์ซึ้งๆ ในมู้ด ของพระเอกก็หล่อ นางเอกก็สวย แล้วทุกอย่างมันออกมาดูแล้วโลกสวยงามไปหมด ได้ทั้งตลก สนุก ซึ้ง ตอนจบก็จะมีหักอารมณ์นิดหนึ่ง ไปดูแล้วจะรู้ว่ามันคืออะไร เป็นสิ่งที่บางทีเราก็เคยเห็นในหนังซึ้งๆ ของหนังต่างประเทศมาหลายเรื่อง เราก็อยากให้มีอย่างนั้นในหนังของเราบ้าง เราก็หักอารมณ์คนดูนิดหนึ่งในส่วนที่เกิดขึ้นกับตัวละคร
Q. ยืนยันว่าเป็นหนังไทยที่ตอกย้ำลายเซ็นต์ในความเป็นพันธมิตรมาทำหนัง เป็นหนังรักสนุกสนานในแบบพันธมิตร
T. ต้องมี คือพอบอกว่าเราทำหนัง ทีมพากย์หนังพันธมิตรไปทำหนัง ถ้าไม่มีตรงนี้ ไม่มีสนุก ไม่มีตลก ไม่มีกวนเนี่ยะ เราโดนแน่ๆ คือเราเองก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆ เราตั้งใจใส่เข้าไป เพราะเราเป็นคนชอบดูหนังสนุก เราชอบดูหนังตลกอยู่แล้ว ชอบดูหนังซึ้งๆ ตลก ทุกอย่างให้มันครบรส โรแมนติค คอมมิดี้ ฉะนั้นพอเรามีโอกาสได้ทำแล้ว ครึ่งเรื่องแรกผมว่าผมใส่ไม่ยั้งนะ สุดทีนเลย แต่ก็ไม่ให้เลอะเทอะเกินไป ให้อยู่ในแกนของเรื่อง คือทุกคนที่ไปทำ ไปกวน ไปพูด ในเส้นเรื่องต้องไปอย่างนั้น แต่ไม่เติมมุกแบบเลอะเทอะเข้าไปเพื่อให้มาขำโดยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่อง ไม่ใช่ ให้มันเดินไปตามแกนของเรื่องไป
Q. มาถึงตรงนี้ติดใจกับงานกำกับภาพยนตร์แล้วรึยัง
T. อืม เหนื่อยมากๆ เลย อย่างที่บอกคือเราพากย์หนังกี่ปีมันก็คือเหมือนกับเราเลี้ยงลูกชาวบ้าน ทำหนังก็เหมือนกับลูกเรา เราทำขึ้นมาเอง ป้อนน้ำป้อนนมขึ้นมาเอง โตขึ้นมันจะเป็นเด็กดีเด็กเลวไม่รู้ แต่เราก็เลี้ยงมันมา เหนื่อยมากเลยระยะที่เรากว่ามันจะเกิดมา กว่ามันจะโตขึ้นมาเนี่ยะ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าความภูมิใจถ้ามันได้ฉายขึ้นสู่จอ แต่ถ้าผลลัพธ์จากคนดูจะออกมาเป็นอย่างไร ผมไม่รู้นะ ผลลัพธ์รายได้ ผมไม่ห่วงเลยนะ ผมไม่สนใจเลย ผมรู้แต่ว่าถ้าได้ขึ้นจอเมื่อไหร่ลูกเราได้เปิดเผยโฉมหน้าแก่คน คนได้เห็นหน้าลูกเราแล้วละว่าลูกเราจะน่ารักหรือขี้เหร่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดีแล้วละ ฉะนั้นเหนื่อย แต่ก็คิดว่าถ้ามีลูกคนที่สองได้ ก็อยากจะมีเหมือนกันแหละ แต่มันเป็นเรื่องของโอกาสหน้า
Q. อยากฝากอะไรกับคนดูและแฟนๆพันธมิตร
T. คุณได้ความสนุกแน่ๆ ผมดูผมก็สนุก เหมือนกับว่าเราเองก็ผ่านอะไรมาเยอะในจุดที่ว่าจุดที่มันมีสนุก จุดที่มันมีความสุขกายสบายใจ แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ผมเคยเห็นวัยรุ่นรุ่นผมรุ่นอะไรเขาทำกันมา แล้วยังไม่เคยเห็นบนจอหนัง เราก็มาทำให้คนดูได้เห็นว่า เฮ้ยบางสิ่งบางอย่างให้คนหน้าหล่อๆมาทำอะไรบ้าๆ บอๆ อย่างงี้ได้ด้วยเหรอ ทำแล้วน่ารักนะ ทำให้คนที่แบบ เฮ้ยคนที่หน้าหล่อๆอย่างนี้ ยังถูกหักหลังได้อีก บางสิ่งบางอย่างที่เราอยากเห็น เราอยากเห็นว่าคนหล่อมันก็เศร้าเป็นเหรอ มันก็ซึ้งเป็นเหรอ เราอยากเห็นอะไรเราก็ใส่ไปอย่างนั้น สิ่งที่เราอยากดูแต่ไม่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่น เราก็ทำให้เราได้ดูซะ แค่นั้นเอง อยากเห็นอะไรเราก็ทำใส่เข้าไป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น และผมคิดว่าคนดูคงน่าจะชอบ ต้องบอกว่าหนังผมไม่ทะเยอทะยานไม่ยิ่งใหญ่หรอก รู้แต่ว่าคุณดูออกมาคุณได้หัวเราะ ได้ยิ้ม ได้ซึ้ง และคุณต้องได้ความสุขจากหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน รักสุดทีน 1 มี.ค. นี้ครับ
-
เปิดใจ น้องภีมม์-น้องลิซซี่ 2 ซุป’ตาร์ รุ่นจิ๋วกับอารมณ์เปื้อนยิ้ม ของคู่พระ-นางตัวน้อยๆ ที่พลาดไม่ได้ของ “รักสุดทีน”

สัมภาษณ์น้องหมู - ลิซซี่-ด.ญ.เฟลิเซีย ณัฐษณา บุทเชอร์
Q. แนะนำตัวเองหน่อย
R. สวัสดีค่ะชื่อเล่นหนูชื่อเด็กหญิงลิซซี่ ชื่อจริงหนูชื่อด.ญ.เฟลิเซีย ณัฐษณา บุทเชอร์ค่ะ
Q. ในหนังเรื่องรักสุดทีนลิซซี่เล่นเป็นใคร
R. หนูเล่นเป็นน้องสาวของพี่มาริโอ้ค่ะ ชื่อน้องหมู
Q. น้องหมูคาแรคเตอร์เป็นอย่างไร
R. น้องหมูจะเป็นเด็กที่เรียนเก่ง สอบได้ที่หนึ่งตลอด แถมขี้หึงมีแฟนแล้วชื่อน้องตี๋ หนูกับตี๋ชอบแชทบีบีกัน
Q. ส่วนใหญ่ชอบคุยอะไรกัน
R. แต่ตอนนี้น้องหมูจะงอนและไม่พอใจตี๋ส่วนใหญ่ก็เลยจะคุยกันเรื่องที่ว่า อย่าฝันนะว่าฉันจะให้อภัยเธอ ตี๋ เพราะว่าเธอแอบไปกินขนมกับยายเจนนี่หน้าปากซอยค่ะ เขากินขนมกันทั้งสองคน เขากินที่ยายเจนนี่เอามาให้ อย่างงั้นถือว่า นอกใจค่ะ
Q. ถ้างั้นมาคุยเรื่องพี่ชายอย่างพี่มาริโอ้บ้างดีกว่า
R.หนูเป็นน้องสาวของพี่มาริโอ้ พี่มาริโอ้หน้าตาดี พี่มาริโอ้หล่อ พี่มาริโอ้ชอบขี่มอเตอร์ไซด์ สาวๆ ชอบพี่มาริโอ้ แต่พี่มาริโอ้มีเพื่อนหัวฟู หน้าเกลียด (พล่ากุ้ง) ชอบขี่มอเตอร์ไซด์มาแล้วชอบแซวหนูน้องหมู และก็ชอบมาแซวแฟนของหนูตี๋บ๊วยด้วยค่ะ พี่มาริโอ้จะชอบดุหนูที่หนูเล่นบีบี พี่มาริโอ้ดุว่า ชอบจริงๆ เลยนะเล่นบีบีเนี่ยะ เล่นทั้งวัน รู้ไหมข้อสอบบีบีมันไม่มีนะ 5555
Q. เป็นไงบ้างเล่นหนังสนุกมั้ย
R. สนุกค่ะ
Q. โอเคถ้างั้นฝากผลงานหน่อย
R. โอเคค่ะ พี่ๆ อย่าลืมดูหนังภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนนะค่ะ
สัมภาษณ์น้องตี๋—ภีมม์ กษิดิศ กฤตพิทยาเวช
Q. ไหนลองทักทายกันก่อนดีกว่า
T. สวัสดีครับ ผมชื่อภีมม์ กษิดิศ กฤตพิทยาเวชครับ
Q. เอ๊ะแต่หลายคนรู้จักไม่ใช่ชื่อน้องภีมม์นี่นา
T. แต่คนทั่วไปจะรู้จักผม ในฐานะของตี๋บ๊วยครับจากโฆษณาทรีบรอดแบรนด์ครับเพราะว่ามันดังครับ 5 เม็กครับ
Q. ตอนนี้น้องภีมม์อายุเท่าไหร่และเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว
T. อายุ 6 ขวบแล้วครับ เรียนอยู่โรงเรียนป.1 ห้อง 5 ครับ
Q. ถามจริงๆ ว่ามีแฟนรึยัง
T. มีแล้วครับ
Q. สเปคของน้องภีมม์เป็นอย่างไรบ้าง
T. ชอบผู้หญิงที่สวยๆ ครับ
Q. กำลังจะมีผลงานใหม่ล่าสุดเป็นหนังรักด้วยชื่อว่า “รักสุดทีน” แต่ก่อนหน้านี้น้องภีมม์มีผลงานเยอะเลยทีเดียวใช่มั้ย
T. ครับผม แล้วผมก็มีหนังหลายเรื่องนะครับ เรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว 555 มันมีหลายเรื่องมาก (หัวเราะ) แต่โฆษณาก็จะเยอะมากนะ แต่ละครไม่เยอะเท่าไหร่ครับมี2อันเอง เพราะว่ามันยาก ส่วนตอนนี้ก็มีหนังเรื่อง รักสุดทีน ครับ
Q. ได้ข่าวว่าหนังเรื่องนี้มีพระเอกสุดหล่อด้วยใช่มั้ย
T. ใช่ครับพระเอกเป็นพี่มาริโอ้ครับ
Q. ถ่ายหนังสนุกไหมแล้วน้องภีมม์เล่นเป็นใครเอ่ย
T. สนุกครับ เล่นเป็นตี๋ครับ ตัวละครก็จะเป็นนึกไม่ออก (หัวเราะ) ตี๋ก็จะเป็นเด็กหน้าตาเจ้าเล่ห์ อุ๊ยไม่ใช่ หน้าตาดีครับ (หัวเราะ) แล้วก็....มีแฟนครับ ชื่อน้องหมูครับ เป็นแฟนกับน้องหมูครับ
Q. แล้วน้องหมูฉึกฉึกเป็นใคร
T. น้องหมูฉึกฉึกก็เป็น พี่อุ๊ย ไม่ใช่ (หัวเราะ) เป็นน้องสาวของพี่มาริโอ้
Q. ไหนลองเล่าให้ฟังอีกทีว่าในภาพยนตร์เรื่อง รักสุดทีนน้องภีมม์รับบทเป็นใคร อย่างไร
T. ผมเล่นเป็นตี๋ครับ คาแรคเตอร์ก็หน้าตาดีครับ ตี๋ๆ มีตาขีดเดียวครับ เวลาโกรธ เวลาเศร้า เวลาซึ้งครับก็จะมีตาโตตลอดเวลาเลยครับหล่อแบบตี๋ๆ ครับ ผมเล่นเป็นเด็กข้างบ้านของพี่มาริโอ้ แต่ว่ามีแฟนแล้วชื่อน้องหมูครับ น้องหมูฉึกฉึกสไตล์แบบสวยๆ แล้วน้องหมูก็เป็นน้องสาวของพี่มาริโอ้อีกทีครับ แต่ตัวผมมีพี่สาวคนหนึ่งครับ สวยมากและน่ารักมากครับชื่อพี่ครีมครับ และเขาแอบไปกิ๊กกับพี่มาริโอ้ครับเหมือนที่ตี๋ชอบน้องหมูครับ พี่ครีมเขาจะชอบซื้อขนมครีมมาฝากพี่มาริโอ้บ่อยๆ ครับ
Q. แล้วเป็นไงเราถึงไปเกี่ยวข้องกับน้องหมูฉึกๆ ได้เราไปชอบน้องเขาเหรอ
T. ไม่ใช่ครับ แค่แชทบีบีกัน มันก็จะเริ่มเป็นแฟนกันแล้ว
Q. แต่จริงๆ เรารักเขาใช่มั้ย
T. ใช่ครับ ที่จริงแล้วตี๋บ๊วยก็ชอบน้องหมูครับ
Q. แต่ที่เห็นเข้าฉากด้วยกันน้องหมูฉึกฉึกเขางอนตี๋ด้วยนี่นา ทำไมน้องหมูฉึกๆ ถึงงอนตี๋ยละ
T. อืม เพราะน้องภีมม์ (ตี๋) ไปกิ๊กกับแฟนคนอื่นครับ
Q. ไหนลองเราให้ฟังซิว่าทำไมน้องภีมม์ไปกิ๊กกับแฟนคนอื่นได้ยังไง
T. กิ๊กกับพี่ครีมครับ
Q. ไม่ใช่นี่นากิ๊กกับเจนนี่ไม่ใช่เหรอ พี่ครีมในเรื่องเขาเป็นพี่สาวเราไม่ใช่เหรอ
T. ไม่ใช่ครับในเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ (รู้สึกว่าน้องตี๋ของเราจะสับสนเอาเรื่องจริงมาตอบซะแล้ว เพราะสืบรู้มาจากพี่ๆ ทีมงานว่าจริงๆ แล้วน้องครีมคือพี่สาวของตี๋ในเรื่องซึ่งแสดงโดยน้องเจแอน ส่วนเจนนี่คือเด็กสาวที่ตี๋ไปกิ๊กด้วย เลยทำให้น้องหมูหึงหวงและงอน แต่เบื้องหลัง พอถ่ายจบน้องตี๋ของเราปลื้มพี่เจแอนมากประมาณว่าถึงกับขอคุณแม่ว่าอยากได้บีบีสักเครื่องเพื่อจะได้ขอพินแชทกับพี่เจแอน และถึงกับมีการแอบขอเบอร์และโทรไปจีบพี่เจแอนด้วย ก็คิดดูละกันคร้าบท่านผู้ชมธรรมดาที่ไหนกันละน้องตี๋ของเรา)
Q. เอาใหม่เอาใหม่ ไหนเล่าให้ฟังซิในหนังเรื่องรักสุดทีน เป็นแฟนกับน้องหมู แต่ทำไมน้องหมูถึงมีมางอนตี๋ด้วย เพราะอะไรเอ่ย
T. งอนเพราะว่าน้องภีมม์ไปกินขนมกับสาวอื่น 5555 ไปกินกับน้องเจนนี่ครับ เขาหาว่าตี๋ไปกิ๊กกับเจนนี่
Q. แล้วจริงๆ ไปกิ๊กจริงหรือเปล่า
T. ไม่ได้ไปกิ๊กแต่แค่ไปกินครับ ไปกินอะไรก็ไม่รู้ครับ ไปกินพวกขนมมั้งครับ555
Q. สรุปความรักมีปัญหา
T. ความรักมีปัญหาครับ เพราะว่าน้องหมูเข้าใจผิดว่าน้องภีมม์ไปกิ๊กกับยัยเจนนี่ ที่จริงน้องภีมม์รักน้องหมูแต่น้องหมูเข้าใจผิดว่าตี๋ไปกิ๊กกับยัยเจนนี่ ที่จริงมันไม่ใช่ ไปกินหนม ที่จริงครับตี๋ก็ง้อด้วยนะครับ แต่ไม่รู้ว่าง้ออะไร ช่วยเอาใจช่วยด้วยนะครับว่าตี๋กำลังง้อหมูอยู่นะครับ ไม่รู้ว่าจะดีด้วยรึเปล่า 55555 ติดตามชมด้วยนะครับ
Q. ถ้างั้นสารภาพซะดีๆ ว่าน้องตี๋ชอบน้องหมูตรงไหน
T. ก็ชอบทุกตรงเลย เพราะว่าเขาสวย แต่งตัวเก่งแล้วก็ยิ้มหวานไปถึงหัวใจเลยครับ ที่สำคัญน้องหมูฟันหลอ
Q. ทำงานกับน้องลิซซี่ตัวจริงเป็นไงบ้างครับ
T. (กระซิบ) ตอนนี้น้องเขากำลังร้องไห้อยู่ เขากำลังนอนอยู่ ก็สนุกมากเลยครับ น้องพูดเก่งมากครับ ดื้อด้วย (กระซิบ) น้องชอบใส่ชุดสีชมพู ใส่แว่นด้วย
Q. ไหนลองเล่าให้ฟังซิว่าถ่ายอะไรไปบ้าง
T. ก็มีถ่ายฉากเราแอบไปกิ๊กกันแล้วพี่โอ้กับพี่พล่ากุ้งก็มา ขี่มอเตอร์ไซด์มา2คัน นอกจากนั้นก็มีฉากเศร้าๆ ด้วยครับ ปลอบพี่สาวแล้วภีมม์ก็ตบบ่าครับ ปลอบเขาว่า ของๆ ของเราก็เป็นของๆ เรา ของๆ เขาก็เป็นของๆ เขา ปลอบแบบนี้ครับ
Q. ต้องถ่ายหนังกลางแดดเป็นอย่างไรบ้าง
T. ก็แดดร้อนนะครับ แต่พอตอนแดดร้อนก็เย็นมากครับ (เอ๊ะยังไง) เพราะว่าฝนมันตกครับ (อ๋อ) แต่น้องภีมม์ก็จำบทได้นิดนึงนะครับ อ๋อจำบทได้โดยที่ไม่ต้องให้พี่เขาคอยบอกแล้วครับ555
Q. นอกจากน้องลิซซี่แล้ว ยังได้เล่นหนังกับพี่มาริโอ้ด้วย รู้จักพี่มาริโอ้รึเปล่า
T. รู้จักครับ เพราะว่าน้องภีมม์ดูทีวีเยอะ
Q. แล้วมาเจอตัวจริงพี่โอ้เป็นไงบ้าง
T. หล่อครับ เคยเห็นพี่โอ้อยู่ในทีวีแล้วมาเจอตัวจริงหล่อมากเลยครับ
Q. โตขึ้นอยากหล่อเหมือนพี่โอ้มั้ย
T. อยากครับ อยากหล่อเหมือนพี่โอ้ครับ
Q. ฝากผลงานหน่อย
T. ติดตามชมด้วยนะครับ รักสุดทีน หนังเรื่องแรกของน้องภีมม์ครับ สนุกตลกมากเลยครับ พี่พล่ากุ้งหัวฟูเขาตลกกว่านี้เลยครับ สวัสดีครับ ขอบคุณครับ
Q. แล้วตั้งใจเล่นรึเปล่า
T. ตั้งใจเล่นครับ ขนาดเท่าฟ้าเลยครับ ขอบคุณครับ
-
ดีเจจั๊ด ธีมะ เผยประสบการณ์เสียว เจอ โต๊ะ-พันธมิตรจัดหนัก ตั้งแต่แรกถ่าย “รักสุดทีน”

แม้ว่าจะผ่านงานบันเทิงมาแล้วมากมายแต่ ดีเจจั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน ประกาศลั่นเลยว่าไม่มีวันลืมประสบการณ์ที่ได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดทีน” แน่นอน เพราะได้เจอเรื่องทั้งเสียว ทั้งฮาที่คงหาไม่ได้จากที่อื่น ซึ่งเกิดได้เพราะ ผู้กำกับ โต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ หัวหน้าทีมพากย์พันธมิตร ผู้ผันตัวเองมากำกับและ เขียนบทครั้งแรก ได้วางบทบาทแสนฮา “จัดหนัก ฉายา จัดให้ หล่อเกินมนุษย์ แต่เป็นตุ๊ดนะจ๊ะ” ให้กับดีเจจั๊ด ซึ่งบทนี้เรียกว่าท้าทายความสามารถสุดๆ เพราะต้องเก๊กหล่อขั้นเทพแต่สามารถปิด-เปิดสวิตช์แต๋วได้อย่างทันควัน คอยเป็นนางนกต่อล่อสาวๆมา “จัดให้” เพื่อนๆ อีกสองคน คือ ถึงใจ (มาริโอ้ เมาเร่อ) และเต็มสูบ (ดีเจพล่ากุ้ง วรชาติ ธรรมวิจินต์) เป็นอีกบทบาทที่สร้างสีสันให้กับเรื่อง
ในฉากเด็ดนี้เป็นฉากที่แก๊งเพื่อนซี้ทั้งสามไปเที่ยวผับแบบสนุกสุดเหวี่ยง แต่ละคนก็มีสาวๆมาติดพัน แต่เรื่องที่มันชักจะป่วนขึ้นมาก็เพราะตัว จัดหนัก บทของดีเจจั๊ดนั้นเป็นชายไทยหัวใจเก้งกวางแต่ดันมีสาวมาติดกับเขาด้วยแม้จะหนีแค่ไหนก็หนีไม่พ้นและก็เลยตามเลยจนก่อเหตุการณ์ “เสียตุ๊ด” ขึ้นมาซึ่งจะเป็นอย่างไรลองมาฟังประสบการณ์กัน
“ผมประทับใจฉากหนึ่งมาก คือฉากนั้นเป็นการถ่ายวันแรกของผมด้วย เป็นฉากจัดหนัก จัดให้ต้องมี SOMETHING WRONG กับผู้หญิงคนหนึ่ง (หัวเราะ) ซึ่งต้องขอบอกว่ามันเป็นอะไรที่แบบ พี่โต๊ะวันแรกเอาอย่างนี้เลยหรอครับพี่ คือสำหรับผมคิดว่าไอ้ฉากแบบนี้เหมือนกับว่าต้องถ่ายหลังๆ หน่อย วันแรกของการถ่ายทำมันน่าจะเป็นฉากที่ผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นฉากที่เราต้องอาศัยการเตรียมตัวหรือต้องรู้ใจกันก่อน หรือว่าให้เราซึมซับคาแรคเตอร์นี้เข้าไปก่อน แต่ว่ากลายเป็นฉากนี้เป็นฉากแรก จำได้ว่าวันนั้นไปถึงกองถ่าย เข้าไปในห้องแต่งหน้าไปเจอหน้าน้องเขาแป็บเดียว 5 นาทีจากนั้นก็แยกกันไป กลายเป็นว่าน้องผู้หญิงเพิ่งเจอไม่กี่นาทีที่แล้วมาปล้ำเราซะแล้ว (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่โหดนะครับ แล้วที่สำคัญคือมันเราก็ไม่อยากให้ต้องเล่นซ้ำๆกันไปเยอะเพราะว่ามันเป็นฉากที่เข้าถึงเนื้อถึงตัว แล้วเราก็จะเกร็งน้องเขาก็จะเกร็ง และที่สำคัญคือต้องบอกคุณผู้ชมเลยนะครับว่า ฉากบนเตียงยากมากนะครับ ด้วยความที่กล้องหนังมันตัวเดียว พอเก็บหลายมุม ก็ต้องเล่นซ้ำๆ ไปๆ มาๆ กันตรงนั้น (หัวเราะ) เดี๋ยวเก็บข้างบน เดี๋ยวเก็บข้างๆ แล้วไอ้ตัวผ้าห่มอีกยากไปหมด เพราะฉะนั้นผ้าห่มก็จะมีทีมงานมาช่วยกันจับ ให้เฟรมภาพมันได้ จุดที่ยากของฉากๆ นี้คือนอกเหนือจากจะโดนผู้หญิงปล้ำแล้ว ยังเป็นการถ่ายทำวันแรกที่โหดและหินมากครับ”
ใครที่อยากดูฉากเด็ดสุดเสียวแสนสยิวของดีเจจั๊ดฉากนี้แบบเต็มๆ เตรียมตัวดูกันได้กับ “รักสุดทีน” หนังรักสุดๆ สนุกจัดเต็มสไตล์พันธมิตร พบใด้ 1 มี.ค. นี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
บทสัมภาษณ์ “พล่ากุ้ง จาก รักสุดทีน”

“เต็มใจ” ฉายา “เต็มสูบ” หนุ่มหัว AFRO เจ้าของสโลแกน
“หล่อล้างโลกโชกเลือดเชือดใจสาว” พร้อมแล้วกับการแสดงแบบสุดทีนจัดเต็ม
ของ “พล่ากุ้ง มาเจนต้า” วรชาติ ธรรมวิจินต์ ใน “รักสุดทีน”
Q: เป็นมนุษย์งานที่มากความสามารถมากๆ ทำอะไรเยอะแยะไปหมด ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าพล่ากุ้งมีงานอะไรบ้าง
P: สวัสดีครับ ผมพล่ากุ้ง MAGENTA ครับ อย่างตอนนี้ชีวิตก็ทำหลายอย่าง เป็นมนุษย์พันอย่างก็ทำไปเรื่อยเปื่อย พิธีกรรายการต่างๆ เป็นบก.หนังสือฮิกาซีน ก็ออกเป็นรายสองเดือนนะครับ ถ้าใครเคยอ่านก็น่าจะรู้ว่าบ้าๆ บอๆ เขียนไปเรื่อยเปื่อย ขายดีเป็นบางร้าน เป็นคอลัมนิสต์ประจำในนิตยสารแนวเซ็กซี่รายสัปดาห์ ZOO แล้วก็เป็นนักร้องวง MAGENTA ค่ายโซนี่มิวสิค แต่ว่าล่าสุดลองมาชิมลางเล่นภาพยนตร์เรื่องแรกเต็มๆ กับรักสุดทีนนะครับ ก็ฝากไว้ด้วยนะครับ ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่โต๊ะ (ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ หัวหน้าทีมพันธมิตร), มาริโอ้ เมาเร่อ, พี่จั๊ด (ดีเจจั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน) ถือว่าเป็นคนที่ผมอยากร่วมงานด้วย โดยเฉพาะพี่โต๊ะ ครั้งแรก เรื่องแรกของเขา แล้วก็เรื่องแรกที่เราเจอกัน ประทับใจนะครับ ตอนนี้ผมชอบอะไร ล่าสุดก็เป็นหนังแหละครับ ลองดูนะครับถ้าประสบความสำเร็จก็อาจจะเล่นเรื่องต่อไปก็ได้ถ้าเขาติดต่อมา 555
Q : กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์แบบเต็มๆ เนื้อเต็มๆ ตัวให้แฟนๆ ได้ติดตามกันเรื่อง รักสุดทีน
P: ในหนังเรื่อง “รักสุดทีน” ครับ ผมรับบทเป็นเต็มใจ ฉายาเต็มสูบ (หัวเราะ) มาพร้อมกับสโลแกนของผมครับ “หล่อล้างโลก โชกเลือด เชือดใจสาว” เต็มสูบ เป็นหนุ่มที่เรียกได้ว่าเต็มที่กับชีวิตครับ ชื่อก็บอกแล้วว่าหล่อล้างโลก (หัวเราะ) หล่อมาก โชกเลือดคือไปเที่ยวที่ไหนก็ตามกับเพื่อนถ้าไม่มีเรื่อง ไม่โดนตีนไม่กลับบ้าน แล้วนอนไม่หลับ เชือดใจสาวอันนี้เป็นคอนเซ็ปท์ที่คิดขึ้นเอง สาวเต็มใจไม่เต็มใจผมเชือดไว้ก่อน เอาเหล้าย้อมใจแล้วเชือดเลย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคนเต็มสูบกับชีวิต ช่วยเพื่อนทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องหญิงปกติจะไม่ช่วยเรื่องผู้หญิงกัน แต่เรื่องนี้ผมช่วยเต็มที่เพื่อนอยากได้ผมจัดให้เต็มสูบเลยทีเดียว
Q : รู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่ได้อ่านบทครั้งแรก?
P: อ่านบทครั้งแรกรู้สึกว่าพี่โต๊ะพันธมิตรคนเขียนบท เขาเอากล้องมาติดที่ห้องเราหรือเปล่า เพราะว่ามันคล้ายกับตัวจริงผมเหลือเกิน ผมก็เลยยกหูไปคุยกับแก คำแรกที่แกบอกมานะครับ พล่ากุ้งเล่นเป็นตัวเองไปเลยไอ้น้อง นี่พี่เขียนมาให้เราเลยนะ โอโห้! พี่โต๊ะนี่ไม่ธรรมดานะครับศึกษาประวัติชีวิตผมก่อนที่จะมาเขียนหนังเรื่องนี้ สุดยอดมากครับพี่ผู้กำกับในดวงใจ
Q : แล้วต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรเป็นพิเศษไหมสำหรับบท “เต็มสูบ”
P: สำหรับการเตรียมตัว เรื่องนี้ค่อนข้างหนัก ต้องกลับไปขี่มอเตอร์ไซค์ซึ่งผมตอนเรียนเคยขี่เวสป้า ไม่เคยขี่บิ้กไบค์ 4 สูบแรงๆ แบบนี้ ต้องไปหัดขี่ใหม่เลย ต้องใช้สมองในการคิดมุกตลอด เพราะหนังเรื่องนี้มุกกระจาย แล้วพี่โต๊ะเป็นผกก.ที่ในหัวเขาคิดมุกได้ตลอด เป็นคนที่มุกไหลลื่นมาก เป็นคนที่เป๊ะมาก คือถ้ามุกนี้คำนี้ไม่ได้แกก็จะไม่เอา ผมไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคผมถือว่าเป็นวิชา ขอบคุณครับ แต่พอดูรวมๆแล้ว สุดยอดๆ ต้องคิดบทตลอด ผมก็ต้องคิดมุกไปขายแก ไม่มีสดนะครับ ดังนั้นต้องเตรียมตัวตลอด ต้องตื่นเช้ามาขี่มอเตอร์ไซค์ มาท่องบท ฝนตก สู้ครับ ถ่ายดึกๆ ดื่นๆ สะพานพุทธคนเยอะๆ ก็ต้องลุย
Q: ได้ข่าวมาว่าเล่นหนังเรื่องนี้ตัวพล่ากุ้งจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษประมาณว่าอยากมาถ่ายหนังตลอดเวลา
P: โอ้โห! ขอกราบขอบพระคุณผู้อยู่เบื้องหลังหนังเรื่องนี้นะครับ ที่เขียนบทให้ผมได้มาเจอสาวๆ มากมาย แล้วน่ารักทั้งนั้น เรื่องนี้อยากให้เข้าไปชม เรื่องนี้คือหญิงไม่ได้น่ารักธรรมดาสวยเอ็กซ์ เซ็กซี่ มีหมดทุกรสนะครับ แต่เสียดายอย่างเดียวมันเป็นหนัง (หัวเราะ) ส่วนลีลาจีบหญิงของผมอย่างที่บอกไป หล่อล้างโลก โชกเลือด เฉือดใจสาว วันๆขายกางเกง ขี่มอไซค์ เมาเหล้าแล้วก็รอจับหญิง วิธีจับหญิงของผมก็มีต่างๆ นาๆ มากมายให้ไปดูเอาเอง ไม่ธรรมดา ก็มีแอบซึ้งบ้างเล็กน้อย ต้องไปดูว่าซึ้งยังไง แต่ว่าหญิงเรื่องนี้ต้องบอกว่าแหล่มจริงๆ
Q : ในหนังไม่ได้บินเดี่ยว ตัวคนเดียว แต่มีเป็นแก๊งด้วย เป็นอย่างไรบ้างกับแก๊งรักสุดทีน
P: ต้องบอกว่าสามคนนี้เคยเจอกันผ่านๆนะครับ คือมาริโอ้เคยร่วมงานเล็กๆ น้อยๆ ไปร่วมงานโชว์ตัว ส่วนดีเจจั๊ดเคยเห็นผลงานเขามาบ้าง แต่ว่ายังไม่เคยเจอกันจริงๆ แต่ว่าพอสามคนมารวมกัน โอ้โห!ผมว่าพี่โต๊ะเขามองอะไรค่อนข้างจะขาดนะพอมารวมกันเหมือนรู้จักกันมาเป็นปี อย่างพี่จั๊ดชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าจั๊ดจัดหนักปากนี่เรียกได้ว่าสุดทีนเลยก็ว่าได้ อย่างโอ้เห็นนิ่งๆ หล่อ แต่เจอโอ้สวนกลับมาแต่ละมุกเล่นซะผมอึ้งเลย หล่อแล้วยังตลกอีกไม่ต้องมาเล่นแล้ว ผมก็แย่ซิ 3 คนนี้พอมารวมอยู่ด้วยกันขี่มอไซค์ขายกางเกงยีนส์สุดยอดมาก คือพูดได้ว่าค่อนข้างเอื้ออำนวยกันเลยทีเดียว ถึงใจ (มาริโอ้) จัดให้ (ดีเจจั๊ด) และ เต็มสูบ (พล่ากุ้ง) ถึงใจก็โอ้ หล่อถึงใจ หล่อจริงอันนี้ยอมรับ จัดให้ จัดหนักพี่จั๊ด คือเหมือนเป็นผู้ชายแต่แอ๊บแมน ตุ๊ดครับ แต่ต้องยอมรับว่าคนนี้เขาเล่น 2 หน้าจริงๆ เขาเล่นเป็นแมนก็แมนชิบเป๋ง เล่นเป็นกระเทยก็เล่นเนียนเหมือนจนคิดว่าเป็นเรื่องจริง อีกคนจัดหญิงให้ อีกคนจัดให้เพื่อน อีกคนก็รับไป วนๆ ไป ผมคิดว่าถ้าสามคนนี้อยู่ด้วยกันในชีวิตจริงผมว่าแฮปปี้นะมันไม่แย่ง มันไม่ได้ทะเลาะกันนะมันรักกันจริง อยากได้แบบนี้บ้าง
Q : รักสุดทีนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
P: รักสุดทีนเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความรัก เป็นความรักในมุมมองของทั้งวัยรุ่น หญิงรักชาย ชายรักชายก็มี เพื่อนรักเพื่อนก็มี คนข้างบ้านแอบรักคนข้างบ้านก็มี ครอบครัวรักกันก็มี มันค่อนข้างจะลึกซึ้ง มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนสามคนที่หุ้นกันเปิดร้านขายกางเกงยีนส์ที่ตัวเองรักที่สะพานพุทธ ชีวิตของเราทั้งสามคนก็ดำเนินสลับไปมา มีหักมุม ผมก็มีหญิงของผม โอ้ก็มีหญิงของโอ้ พี่จั๊ดก็มีผู้ชายของเขา แต่สุดท้ายมาบรรจบที่เป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ของเพื่อน โอ้มีครอบครัวผมก็ไปยุ่งกับครอบครัวโอ้ๆ ก็มายุ่งกับผม มันมีแง่มุมของความรักที่สุดทีนอยากรู้ต้องไปดูเอาเอง แต่รับประกันว่าสุดยอดแน่นอน
Q : ความรักแบบสุดทีนไม่ได้มีแค่ความสัมพันธ์หรือเรื่องกวนๆ มันส์ๆ ของเพื่อนวัยรุ่นหรือจีบหญิงอย่างเดียว ความสัมพันธ์ฮาๆ ในครอบครัวก็มีเหมือนกัน
P: หน้าหนังเรื่องนี้คล้ายกับว่าเป็นความรักวัยรุ่น แต่ว่าพอมีช็อตครอบครัวของโอ้เข้ามา อยากจะบอกว่าไม่ควรพลาดเหมือนกันนะครับ เป็นปะทะคารมระหว่างพ่อเพื่อน แม่เพื่อนกับเพื่อนของเพื่อน ซึ่งไปบ้านเพื่อนแล้วพ่อเพื่อน แม่เพื่อนได้ปะทะคารมกัน เรียกว่าชิงไหวชิงพริบกันตลอด ไม่ธรรมดา
Q : เป็นความสนุกสนานที่คงไว้ซึ่งสารพัดมุกแก๊ก และลายเซ็นต์ในความเป็นหนังพันธมิตร
P: สำหรับคำว่าพันธมิตรนะครับ “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” ใช้คำว่าคลาสสิก ถ้าพูดถึงคำว่าภาพยนตร์คำว่าพันธมิตรก็คู่กับภาพยนตร์มานาน ใช่คำว่าคลาสสิกเลย คนที่ดูหนังแล้วชอบพันธมิตรไม่น้อย เยอะมากๆ ดูหนังเรื่องนี้ถ้าดูจบปุ๊บ สไตล์ของพันธมิตรจะออกมาตลอด โดยเฉพาะเสียงพากย์ที่เป็นลายเซ็นต์ของเค้า และแน่นอนว่าถ้าใครชอบดูหนังที่พันธมิตรพากย์ จะต้องจำสไตล์ของพันธมิตรได้ คือสไตล์การพากย์ที่เหมือนเบาๆ ก้องๆ คือพี่โต๊ะก็จับมาให้นักแสดงพูดเลย ให้ผมกับพี่จั๊ดพูด สมมุติโอ้เจอกับไอซ์กล้องโคสโอ้กับไอซ์ ผมที่อยู่ไกลกับพี่จั๊ดก็พูด คือแทนที่จะเป็นคนพากย์กลับเป็นเราพูดจริงๆ แล้วมันคือไดอะล็อกที่พี่โต๊ะคิดให้ ผมดูตอนที่ถ่ายเสร็จ เออนี้พันธมิตรเลย คือถ้าเสียงคนพันธมิตรมาพากย์คือหนังพันธมิตรจริงๆ เลย แล้วมันสนุก ถ้าคนชอบหนังพันธมิตรไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ สุดยอด!
Q : พูดถึงพี่โต๊ะปริภัณฑ์ หัวหน้าทีมพากย์พันธมิตรซึ่งเป็นทั้งคนเขียนบทคิดมุกต่างๆ และที่สำคัญคือเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีนนี้ด้วย
P: พี่โต๊ะ ต้องบอกว่าผกก.คนนี้ผมไม่รู้จักตอนแรก เพราะพี่เพิ่งกำกับเรื่องแรก ผมจะรู้จักพี่ได้ยังไง (หัวเราะ) ตอนนี้พี่มาเป็นผู้กำกับในดวงใจผมแล้ว ผมชอบการทำงานแบบพี่โต๊ะครับคือเป็นการทำงานแบบมีจุดมุ่งหมาย รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร รู้ว่าจะต้องจบตรงไหน รู้ว่าต้องเริ่มตรงไหน ซึ่งตรงนี้ถ้ามีชัดเจนนักแสดงจะอุ่นใจคือต่อให้เส้นทางยากลำบากแค่ไหนแต่มันมีจุดจบแล้วมันต้องทำงานได้แน่นอน แล้วพี่โต๊ะมีตรงนี้ เป็นคนที่ไอเดียพลุ่งพล่านตลอด คือคิดๆๆ แล้วก็ใส่ๆๆ ใส่แล้วก็ไม่ยอมแพ้หมายถึงว่าบางทีผมคิดว่าได้แล้ว พี่โต๊ะบอกยังขออีกได้ไหมซึ่งเป็นการทำงานที่เนี๊ยบ เป็นการทำงานที่เสียเวลาก็จริงแต่ว่ามันได้ของดีกว่าผมยอม แล้วผมก็รู้สึกว่าผมภูมิใจที่ได้มาเจอผู้กำกับคนนี้ แล้วก็แฮปปี้มาก แล้วพี่ก็ทำงานได้สุดยอดอย่างที่ผมหวังไว้ พี่เป็นไอดอลผมคนหนึ่งเลย พี่โต๊ะพันธมิตรครับ
-
Q: ลองยกตัวอย่างฉากที่เป็นเหมือนลายเซ็นต์ของพันธมิตรที่จะได้ดูกันในหนังเรื่องรักสุดทีน
P : ในช็อตนั้นเป็นช็อตที่เรา 2 คนนั่งดูหนังเหมือนประมาณว่าเจอโจทย์เก่า คือโอ้กับผมเราก็เพื่อนกัน เวลาเจอคู่ต่อสู้เราก็ต้องช่วยกัน โอ้จะใส่ ผมก็เติม สรุปมีฉากบู๊กันในนั้น จะได้เห็นผมลอย 360 องศา เข่าใส่คู่ต่อสู้ แบบจาพนม เท่มาก โดยซีนนี้รู้สึกจะเป็นซีนในโรงหนัง ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้กำกับโดยพี่โต๊ะ เป็นนักพากย์ของพันธมิตร 20 กว่าปีที่โลดแล่นอยู่บนวงการหนังมานาน ฉะนั้นสไตล์หนังต้องมีทั้งความฮา ความสนุก แอ็คชั่นแบบเฉินหลง จาพนม ในฉากนี้ประทับใจมาก มีทั้งเฉินหลงมา ผมเห็นหน้าแล้วแบบเฉินหลงมากๆ แล้วก็มีฉากที่ผม ต้องเป็นจาพนมเองด้วย ถ้าใครได้ดูฉากนี้จะรู้ว่าผมเล่นเอง เล่นจริงเจ็บจริง เข่าลงพื้นจริงๆ ร้องไห้จริงๆ เทคเดียวไม่ผ่านให้หลายเทค เข่าบวมเลยฉากนี้ในโรงหนัง
Q : ในฐานะที่ตัวจริงเป็นกูรูเรื่องจีบหญิง อยากให้คอนเฟิร์มหรือการันตีเสน่ห์ความสวยของน้องนางเอกสาวอย่างน้องไอซ์-อามีนาที่มีดีกรีเป็นถึงมิสมอเตอร์โชว์และน้องเจแอนสาวน้อยเสียงใสที่เป็นน้องสาวข้างบ้านที่มาแอบหลงรักมาริโอ้หน่อย
P: สำหรับนางเอกของเรื่องนี้นะครับ “น้องไอซ์” ผมไม่รู้จักมาก่อน แต่พอมาเจอน้องเขาครั้งแรก ต้องบอกเลยว่า เฮ้ยสวยว่ะ สูงด้วย ขาว น่ารักครับน้องน่ารักมาก ตัวจริงยังเด็กอยู่เลยนะครับ แต่ว่าถ้าใครไม่รู้นึกว่าอยู่มหา’ลัยแล้วนะครับธรรมชาติมาก เป็นเรื่องแรกของน้องเขาด้วย เห็นบอกว่านุ่งยีนส์สวยต้องยอมครับอันนี้ถือว่าพี่โต๊ะมองขาดจริงๆ แต่ผมว่าไม่นุ่งจะสวยกว่า (หัวเราะ) อีกคนคือ “น้องเจแอน” คนนี้ก็ไม่ธรรมดา ถ้าแต่งขึ้นมาสวยคมแบบสวยเปอโตริโก้ แหล่ม ร้องเพลงก็เพราะ อนาคตไกลสองคนนี้นะครับ ถ้าไม่รู้จะไปไหนมาหาพี่เดี๋ยวพี่จะหาทางไปให้ (ยิ้ม)
Q : เรื่องนี้ทางผกก.เปิดโอกาสได้แสดงความสามารถเฉพาะตัวที่ยากในการเลียนแบบของพล่ากุ้งในหนังด้วยนั่นคือฉากเข้าผับจีบหญิง
P: (หัวเราะ) อครับ อีกป็นหนึ่งฉากที่ประทับใจ คือฉากที่เข้าผับ ต้องบอกเลยว่าตรงนี้สามารถเค้นเอาคาแรคเตอร์ลึกๆ ของนักแสดงแต่ละคน อย่างโอ้ ตัวจริงของเขาเป็นผู้ชายหน้าตาลูกครึ่งนิ่งๆ ตลกบ้างนิดหน่อย แต่พอมาอยู่ในฉากผับคือ ผมก็จะปูให้โอ้จีบหญิงให้ โอ้ก็ต้องใช้หน้าตาล่อหญิงเข้ามาที่โต๊ะของเรา ซึ่งจะเห็นโอ้ทำหน้าล่อลวง แบบเฮ้ยโอ้ทำหน้าแบบนี้ได้ด้วยหรอ พอทำแล้วแบบเสน่ห์แรงโอ้เจ๋งมากฉากนี้ พี่จั๊ดก็คือตัวล่อเหมือนกัน ไม่ล่อผู้หญิงจะล่อผู้ชายเป็นอีกทางหนึ่ง ผมก็เมาเหล้าไปสนุกสนานเฮฮา จัดหญิงมาเพื่อนสนใจไหม อันนี้ไม่สนใจผมเก็บเอง โอบหญิง กอดหญิง ชนแก้ว แซวหญิงไปเรื่อยเปื่อย ที่สำคัญคือได้ใกล้ชิดกับหญิงทั้งเรื่องนะครับ ฉากนี้เต้นสะบัด จะเห็นท่าเต้นที่แบบไม่เคยเห็นมาริโอ้เต้นท่าทุเรศอะไรขนาดนี้มาก่อน มาริโอ้ก็ทำได้ ไม่ธรรมดาครับ ถึงว่าดังได้ยังไง มันมีของอย่างนี้นี่เอง
Q : แต่ที่สุดทีนจริงๆ ก็คงต้องยกนิ้วให้กับ3หนุ่มที่ต้องทั้งบิดทั้งร่อนมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์4สูบกันจริงๆด้วย
P : สำหรับการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นกลุ่ม ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมก็ไม่เคยถ่ายทำแบบนี้ เพิ่งเคยทำครั้งแรกคือการถ่ายทำขี่มอเตอร์ไซค์เป็นกลุ่มกลางฝน เราต้องไปถ่ายที่สุวรรณภูมิถึง 2 ครั้งด้วยกัน เพราะว่า ต้องเข้าใจว่าคิวนักแสดงแต่ละคนก็ยากกว่าจะรวมตัวกันได้ คิวกล้อง ใช้เงินต่างๆ นาๆ ครั้งแรกมันไม่ไหวจริงๆ เพราะฝนมันตกหนักจริงๆ ผมไม่รู้ว่าความคิดพี่โต๊ะเขาอยากจะได้ยังไง แต่ผมมองในจอปุ๊บนี่มันหนังฮ่องกงแบบเท่ๆ แบบพระเอกขี่มอไซค์มีแก๊งแมนๆ จีบหญิง อย่างนี้ใช่เลยสไตล์พันธมิตร ไม่รู้นะผมรู้สึกแบบนี้ มาริโอ้มอเตอร์ไซค์โคตรเท่เลยแบบทันสมัย 4 สูบรุ่นใหม่ พี่จั๊ดก็แบบมอไซค์ปัญญาอ่อน มอเตอร์ไซค์ผมก็ไม่แตกต่างจากมอเตอร์ไซค์พี่จั๊ดแต่ว่าก็ไม่หนักเท่าคันนั้น ต้องไปดูว่ามอไซค์เขาหนักขนาดไหน
Q : นอกจากนี้ยังมีเซอร์ไพรส์สุดๆ ที่นอกจากซุป’ตาร์วัยทีนอย่างมาริโอ้แล้วยังได้ประกบบทบาทกับซุป’ตาร์วัยพรีทีนรุ่นจิ๋วถึง2คนด้วย
P: “น้องภีมม์” ตี๋เล็ก ตี๋บ๋วย 9 เม๊ก (ด.ช. กษิดิศ กฤตพิทยาเวช) กับ “น้องลิซซี่” หมูฉึกฉึก (ด.ญ เฟลิเซีย ณัฐษณา บุทเชอร์) ก็ต้องบอกว่า 2 เด็กนี้อนาคตไม่ธรรมดา เล่นเอาซะกองหนังเราปั่นป่วน แต่น้องภีมม์เห็นหน้าบื้อๆ แบบนี้จำบทแม่นนะครับ จำบทเก่งกว่าผมอีก ส่วนน้องลิซซี่เป็นโรคห่วงกระเป๋าเครื่องสำอางเหลือเกิน ใครเอาไปแอบหรือเอาไปซ่อนไม่ได้นะครับ แกจะไม่เล่นหนังจนกว่าจะเจอกระเป๋าเครื่องสำอาง แต่ว่าสีสันมากครับน้องสองคนนี้ คือแค่ผมเห็นกล้องเคลื่อนไปปะทะหน้าเขา เด็ก 2 คนนี้ขึ้นกล้องมาก น่ารักมาก แล้วก็เล่นเป็นธรรมชาติมากจนเทคไม่รู้กี่เทค น้องลิซซี่แกไม่จำบทเลย (หัวเราะ) แต่พอตัดมาโอเค ให้จับตาดูซีนที่สองคนนี้ออกมารับประกันว่าต้องมีรอยยิ้มบนหน้าคุณผู้ชมแน่นอน
Q : ถ้าให้คำจำกัดความนิยาม “รักสุดทีน” แล้วชีวิตที่ผ่านมาเราเคยทำอะไรแบบสุดทีนบ้างไหม
P: ถ้าถามผมว่าเคยทำอะไรแบบรักสุดทีนบ้างไหม อย่างไร ผมก็จะบอกว่าไม่มีอะไรมากครับ ผมก็แค่คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนหนึ่งน้องเขาอยู่ม.2 สุดทีนไหมครับ (หัวเราะ) ก็คุยไม่นานตั้งแต่ 2 ทุ่ม – 6 โมงเช้า
รุ่งขึ้นก็ไม่มีอะไรมาก แม่เขาก็มาหาผม (หัวเราะ) ก็มาด่าจำได้ดีถึงวันนี้ครับ จบด้วยคำว่าไอ้ควายแล้วเขาก็กลับไป ดีนะครับที่เขาไม่แจ้งความ ขอบคุณครับผม สุดทีนนน
Q : เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องรักสุดทีน
P: เสน่ห์ของรักสุดทีนครับ ต้องบอกก่อนเลยว่าชื่อหนังก็เป็นเสน่ห์แล้ว เพราะว่ากว่าจะได้ชื่อหนังเรื่องนี้ออกมาเป็นแบบนี้ ผู้ใหญ่เถียงกันไป 80 กว่ารอบนะครับ (หัวเราะ) รักสุดทีนมันสุดทีนยังไงต้องไปดูเอง มันถึงจะรู้ว่ารักขนาดไหนถึงเรียกว่ารักสุดทีนหรือรักสุดตีน มันจะขนาดไหนถึงออกมาเป็นคำนี้ได้ แล้วมันไม่ได้เป็นความรักระหว่างหญิงสาวอย่างเดียว มันเป็นความรักระหว่างเพื่อนด้วยมันมีความรักระหว่างครอบครัว มันมี 3 สิ่งนี้ที่มันอยู่ในหนังเรื่องนี้ อยากให้ไปดูครับ คือเรื่องนี้ความสนุกนานเต็มร้อยอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าอีกหนึ่งสิ่งที่แฝงเข้ามา คนที่เขาเห็นความรักเป็นของเล่น เราอาจตั้งคำถามหรือมีความคิดว่า แล้วเขาเคยมีรักแท้หรือเปล่า เขาเคยมีความรักจริงๆ หรือเปล่า หนังเรื่องนี้จะบอกคุณว่า ถ้าคุณเจอคำว่ารักแท้ เจอของจริงในชีวิตของคุณ คนที่เคยมองความรักเป็นของเล่น ถ้าคุณเจอของจริง เจอความรักจริงๆ คุณจะกลับมามีความรักจริงๆ ได้ สุดยอดครับต้องไปดู
Q : ท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ไหม
P: ฝากด้วยนะครับภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดทีน” 1.มี.ค ครับ เข้าทุกโรงภาพยนตร์ พล่ากุ้งเล่นเป็นเรื่องแรกแบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่บทรับเชิญ ก็ตั้งใจเล่นมากๆ ครับ เรื่องนี้ถ้า มาริโอ้เล่นผมยังเฉยๆ พล่ากุ้งมาเรื่องแรกๆ ผมก็เฉยๆ พี่จั๊ดเล่นก็ธรรมดา แต่โต๊ะพันธมิตรกำกับเองเรื่องแรก เขียนบทเองเรื่องแรก พากย์หนังมายาวนาน ต้องดูครับ ไม่มีคำไหนที่ต้องพูดแล้ว ต้องดู! สุดยอด รักสุดทีน
-
“มาริโอ้-ไอซ์” มีสิทธิ์หนาว โต๊ะพันธมิตร ส่ง “ตี๋บ๊วยกับน้องหมูฉึกฉึก” 2 ซุป’ตาร์ คู่รักรุ่นจิ๋วขโมยซีนเรียกรอยยิ้ม ทุ่มคะแนนให้แบบสุดทีน

ถึงจะเป็นหนังเรื่องแรก แต่รับประกันว่า “รักสุดทีน” ผลงานการเขียนบทและกำกับโดย “โต๊ะปริภัณฑ์” ขอจัดเต็มแบบสุดทีน เพราะนอกจากได้ซุปตาร์ระดับแถวหน้าอย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” มาโชว์ลีลาจีบสาว “ไอซ์ อามีนา กูล” ดีกรีมิสมอเตอร์โชว์ แบบกุ๊กกิ๊กเลิฟให้แฟนๆ ได้สนุกสนานกับความรัก แบบฉ่ำปอดแล้ว งานนี้ยังได้ 2 นักแสดงระดับซุป’ตาร์ที่ทั้งฮอต และอินเทรนด์สุดๆ ในวงการโฆษณา ยอมมาประกบบทบาทเป็นคู่รักบนจอภาพยนตร์คู่กันเป็นครั้งแรก โดยงานนี้ว่ากันว่าทุกครั้งที่เข้าฉากร่วมกันทำเอารัศมีความเป็นซุปตาร์หล่อขั้นเทพของมาริโอ้มีสิทธิ์หมองทันที ที่ต้องเข้าฉากประกบกับคลื่นลูกใหม่ไฟแรงคู่นี้ แถมยังมีสิทธิ์ทำเอาสมาธิของหนุ่มมาริโอ้กับสาวไอซ์ จะเสียฟอร์มหลุดยิ้มและหัวเราะไปกับลีลาแอ็คติ้งของ 2 ซุป’ตาร์รุ่นจิ๋วคู่นี้เลยทีเดียว ยังรวมไปถึงผกก. ภาพยนตร์โต๊ะพันธมิตร และบรรดาทีมงานทั้งหมดของภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นผกก.ภาพ, โปรดิวเซอร์ ก็อดอึ่งทึ่งฮาไปกับความน่ารักน่าหยิกหน่าหอมน่าฟัดของทั้งคู่ไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นน้องลิซซี่ ด.ญ.เฟลิเซีย ณัฐษณา บุทเชอร์หรือที่ทุกคนรู้จักในนามของ “น้องหมูฉึกฉึก” และด.ช. กษิดิศ กฤตพิทยาเวช หรือ “น้องตี๋บ๊วย”นั่นเอง
“ต้องบอกอย่างนี้ครับคือหนังรักสุดทีน นอกจากความรักของพระเอกนางเอก,แก๊งค์เพื่อนสุดกวนและความรักของพ่อแม่ลูกแล้ว ก็จะมีความรักของรุ่นเด็ก ก็คือน้องสาวของพระเอก กับน้องชายของเด็กผู้หญิงข้างบ้าน ซึ่งคู่จิ๋วนี้เราก็ได้น้องลิซซี่น้องหมูฉึกๆ ในโฆษณา และ น้องตี๋บ๊วย 2 คนนี้ก็เป็นรุ่นเด็กที่จะถ่ายทอดความรักแบบใสๆ ซึ่งก็จะกุ๊กกิ๊กๆ กันตามประสาบ้านติดกัน ซึ่งน้องลิซซี่และน้องตี๋บ๊วยเล่นได้น่ารักมาก ไม่ต้องห่วงเลย 2 คนนี้ออกมารับรองคนดูต้องอมยิ้มแน่ๆ อารมณ์ประมาณพ่อแง่แม่งอนงอนแบบกดบีบีต่อว่ากัน แล้วบทที่เขียนให้น้องเขาพอมาใส่ปากของน้องลิซซี่แล้ว น้องเขาพูดแบบไร้เดียงสา ภาษาเด็ก ฟังดูแล้วมันน่ารัก ผู้ใหญ่ฟังก็จะคิดตาม มันใช่เว้ย เด็กก็คิดเป็น (หัวเราะ) แล้วตอนถ่ายน้อง2คน ทั้งกองมีความสุข เพราะน้อง2คนเขาเล่นกันได้น่ารักมากเลย คือทั้งโอ้ ทั้งใครต่อใครที่เข้าฉากกับเขา ก็จะรู้ว่า อืม น้องเขาจำบทเก่งด้วยนะ ทุกคนจะรู้เลยว่าให้จับตาดูน้องสองคนนี้ให้ดี เพราะจะทำให้หนังเรื่องรักสุดทีนมีความอบอุ่นมีความละมุนละไมขึ้นอีกเยอะเลย ซึ่งผมว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่เล่นเก่งแล้ว จะให้คะแนนเท่าไหร่ มันก็ 8 เต็ม10 แต่กับเด็กที่ไร้เดียงสา มาเล่นฉากนี้ได้ มันเกินจะให้คะแนน 5 เต็ม 10 7 เต็ม 10 มันไม่ใช่ละ ผมว่าเขาเกิน 10”
แหมเทคะแนนให้ซะขนาดนี้ต้องประจักษ์กันด้วยสายตาซะแล้ว เตรียมพบกับความน่ารักใสๆ เรียกรอยยิ้มแบบสุดฮากับ 2 ซุป’ตาร์รุ่นจิ๋วตี๋บ๊วยกับหมูฉึกฉึกได้ในรักสุดทีน วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
“มาริโอ้” ควง “น้องไอซ์” โชว์สวีทร่วมกับนักแสดง “รักสุดทีน” พร้อมเปิดตัวคู่รักใหม่ “น้องลิซซี่-น้องภีมม์” ฮาจัดเต็มในรอบปฐมทัศน์

สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง รักสุดทีน จัดรอบปฐมทัศน์ เรียกเสียงฮาชวนอารมณ์ดีก่อนเข้าฉายจริง 1 มีนาคมนี้ นำเสียงหัวเราะโดยผู้กำกับ พี่โต๊ะ-ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ เจ้าพ่อเสียงซุปตาร์จากทีมพากย์พันธมิตร และ 3 หนุ่มคาสโนว่าสุดฮ๊อต มาริโอ้ เมาเร่อ, พล่ากุ้ง มาเจนต้า และจั๊ด ธีมะ พร้อมด้วยนางเอกสาวสวยสุดเซ็กซี่ น้องไอซ์-อามีนา กูล เติมความน่ารักสดใสด้วยคู่รักรุ่นเด็กสุดทีน น้องลิซซี่-เฟลิเซีย กับ น้องภีมม์ กษิดิศ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ SF Cinema ชั้น6 เซ็นทรัลลาดพร้าว
นอกจากจะมีทีมนักแสดงไทยร่วมงานรอบปฐมทัศน์ในครั้งนี้แล้ว ยังมีนักแสดงระดับซุปตาร์ต่างประเทศบินตรง เพื่อมาให้กำลังใจ และร่วมงานในครั้งนี้ อย่าง โจวซิงฉือ, เฉินหลง, เอ็ดเวิร์ด และเจคอป จากภาพยนตร์ทไวไลท์ ก็ยังมาด้วยเช่นกัน…แต่อย่าเพิ่งตกใจไป นักแสดงที่ว่ามาทั้งหมดเขามาจากน้ำเสียงเจ้าพ่อนักพากย์เสียงซุปตาร์ พี่โต๊ะ ปริภัณฑ์ เจ้าของทีมนักพากย์พันธมิตร เป็นการเรียกน้ำย่อยเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มงานบนเวทีด้วยการเชิญ 3 หนุ่ม 3 สไตล์ แต่ระดับความคาสโนว่าไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งทั้ง “มาริโอ้-พล่ากุ้ง และ ดีเจจั๊ด” วาดลีลานายแบบ on Catwalk อย่างหล่อ เท่ห์ จนต้องกรี๊ดแตกทั้งสาวแท้ สาวเทียม ตามติดด้วยนางเอกสาวสุดเซ็กซี่ “น้องไอซ์ อามีนา” สาวที่ขย้ำหัวใจหนุ่มมาริโอ้อย่างสุดทีน พร้อมด้วยผู้กำกับขึ้นพูดถึงการทำงานร่วมกันในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสนุกสนาน ก่อนปิดท้ายด้วยความน่ารักของคู่รักใหม่แห่งวงการ “น้องลิซซี่ และน้องภีมม์” ที่มารับบทเป็นคู่แฟนสุดทีน จากนั้นน้องภีมม์เซอร์ไพรส์น้องลิซซี่ด้วย “โชว์เต้นโรบอท” บอกเลิฟ ก่อนเตรียมตัวชมภาพยนตร์ในครั้งนี้
พร้อมยังได้รับเกียรติจาก คุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธาน บ. สหมงคลฟิล์ม, คุณสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโรงภาพยนตร์ SF และทีมสร้างภาพยนตร์ กับนักแสดงสมทบ สุพร สังฆะภิบาล, น้องเจแอน พรสุดา, แทน ลิปตา, พี่โต๊ะผู้กำกับ และบรรดานักแสดงจากรักสุดทีน ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกก่อนชมภาพยนตร์ในครั้งนี้
ภาพยนตร์รักสุดโต่งที่จะทำให้คุณหลงรักพวกเขาทั้งหมดแบบหมดใจ กับ ภาพยนตร์เรื่อง “รักสุดทีน” 1 มีนาคม ฮาสุดทีนแน่นอนทุกโรงภาพยนตร์
-

“มาริโอ้” ยิ่งโต ยิ่งเด็ด สวมบทเพลย์บอยหนุ่มเจ้าชู้ลื่นไหลไม่มีสะดุด
รับบทเป็น “ถึงใจ” ที่มาพร้อมกับฉายา “หล่อเหลือล้น ทนยิ่งนัก รักใครไม่เป็น” คือคำจำกัดความที่บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ล่าสุดของพระเอกสุดฮอต มาริโอ้ เมาเร่อ เพลย์บอยหนุ่มจอมเจ้าชู้จีบสาวไปหมด ซึ่งเป็นบทที่โต๊ะ-ปริภัณฑ์วัชรานนท์ เจ้าของประโยคเด็ด “ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร” ตั้งใจเขียนขึ้นมาให้กับหนุ่มโอ้ ใน “รักสุดทีน” ภาพยนตร์ตลก-โรแมนติค จากผลงานการกำกับเต็มๆ ตัวในสไตล์พันธมิตรเป็นครั้งแรกโดยเฉพาะ โดยงานนี้แฟนๆ จะได้สัมผัสฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดงแบบจัดเต็มของพระเอกหนุ่มที่มาพร้อมลีลาจีบสาวที่เต็มไปด้วยกลเม็ดเซอร์ไพรส์สุดๆ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน งานนี้แท้เจริงเป็นอย่างไรต้องให้เจ้าตัวมายืนยันด้วยตัวเองเสียเลย
“ก็ตอนที่ได้บทของถึงใจมา ก็รู้สึกว่ามันเป็นบทที่พิสดาร แล้วเราก็ไม่คิดว่าจะได้บทแบบนี้ รู้สึกว่ามันเป็นบทที่น่าสนใจมาก เพราะว่าตัวคาแรคเตอร์ของถึงใจมีอะไรให้เล่นเยอะครับ แต่ว่าโอ้คิดว่ามันยากตรงที่เราจะเล่นออกมาเป็นธรรมชาติรึเปล่า หรือว่าเราจะเล่นออกมาแล้วดูเหมือนว่าเราตั้งใจให้มันเป็นตัวนี้ (เกินไป) ผมก็เลยพยายามที่จะหาคาแรคเตอร์ คือตอนอ่านบทครั้งแรกจินตนาการว่าถึงใจต้องเป็นคนพูดเก่ง เจอผู้หญิงหรือเจออะไรก็แซวตลอด คือต้องเป็นคนที่ไม่เงียบแน่นอน อยู่ด้วยแล้วต้องมีความสุข หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วต้องสนุกไปด้วยครับ ที่สำคัญคือต้องมีเสน่ห์ด้วย ก็คือเป็นคนที่คารมดี เหมือนว่าเวลาเราเห็นผู้ชายที่จะจีบผู้หญิงเยอะๆ มักจะเป็นคนที่มีคารมดีนะครับ แล้วผมว่าผู้หญิงเองก็จะชอบคนที่ตลก มันก็เลยเข้ามาในหัวตั้งแต่ตอนที่อ่านบทแล้วว่า ตัวละครนี้ต้องเป็นคนตลก แล้วก็จะต้องเป็นคนที่กวนๆ แล้วก็กวนตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่กับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งทั้งสองคนก็ดูไม่ปกติอยู่แล้วคนหนึ่งเป็นตุ๊ดแอ๊บแมน (รับบทโดยดีเจจั๊ด) อีกคนหนึ่งก็เป็นคนขายยีนส์ผมเพ้าฟูเป็น AFRO (รับบทโดยพล่ากุ้ง) แล้วก็ใส่แว่นตลอดเวลา จะไปที่ไหนตอนกลางคืนก็ใส่แว่นกันแดดตลอดเวลา เออไอ้นี้ก็ไม่ธรรมดา ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่สนุกสนานอยากให้ดูกันครับ”
เตรียมพบกับ มาริโอ้ในบทเจ้าชู้ จีบหญิงที่รับประกันว่าสาวคนไหนก็อดเทใจให้กับหนุ่มโอ้ไม่ได้ “รักสุดทีน” วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
-
คลิปเบื้องหลังหลุดๆ จาก รักสุดทีน คลิป ลิฟท์จังหวะนรก
คลิปเบื้องหลังหลุดๆ จาก รักสุดทีน คลิป “รู้จักมาริโอ้ป่ะ”