จากใจผู้กำกับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำเสนอในรูปแบบ "ฟุตเตจที่ถูกพบ" จริงๆ ของประสบการณ์เหนือธรรมชาติน่าสะพรึงกลัว ที่ทีมงานถ่ายทำไปพบเจอ ในลักษณะเดียวกับ The Blair Witch Project หรือ Paranormal Activity ทุกอย่างถูกมองจากมุมมองกล้องวิดีโอของสมาชิกทีมงานแต่ละคน ความแตกต่างอย่างเดียวคือเราได้ยกระดับการถ่ายทำและองค์ประกอบในช่วงโพสต์โปรดักชันด้วยการลำดับภาพที่น่าติดตาม เอฟเฟ็กต์และซาวน์
เทคนิคนี้จะช่วยดึงดูดผู้ชมให้มีอารมณ์ร่วมในแบบที่ไม่อาจทำได้ในฟอร์แมตการเล่าเรื่องแบบเดิมๆ และตรึงพวกเขาไว้กับเหตุการณ์ "จริงๆ" ซึ่งเผยออกมาในลักษณะ "เรียลไทม์"
การเน้นย้ำการนำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนี้จำเป็นอย่างยิ่งต่อการสรรค์สร้างภาพยนตร์สยองขวัญที่น่าสะพรึงกลัวและได้ผลอย่างแท้จริง รวมไปถึงการทำให้มันเข้าถึงได้สำหรับผู้ชมยุคโพสต์โมเดิร์นและเชี่ยวชาญด้านมีเดีย
การคัดเลือกนักแสดงและขั้นตอนพรีโปรดักชัน
เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทีมผู้สร้างในการใช้นักแสดงโนเนมในการสร้างองค์ประกอบเรียลลิตี้ให้กับรายการ Grave Encounters แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็อยากจะเลียนแบบหรือแม้แต่ล้อเลียนตัวละครจากรายการตามล่าผีที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์เช่น Ghost Adventures หรือ Ghost Hunters การหานักแสดงนำที่จะมารับบทพิธีกรรายการเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ดังนั้น เมื่อทีมผู้สร้างเห็นเทปที่ฌอน โรเจอร์สันส่งเข้ามา พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาเจอ "แลนซ์ เพรสตัน" พระเอกของเรื่องแล้ว
นักแสดงทุกคนจะต้องแสดงอารมณ์ที่หลากหลาย ขณะที่พล็อตเริ่มตื่นเต้นขึ้นและความสยดสยองเริ่มบังเกิด "แมทท์" ตัวละครตัวหนึ่งที่รับบทโดยฮวน รี้ดดิงเกอร์หายตัวไประหว่างที่รวบรวมอุปกรณ์กล้องของตัวเอง ก่อนจะถูกพบตัวภายหลัง ในชุดคนไข้ และมีอาการเสียสติ
ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำเสนอออกมาเป็นเรียลลิตี้ มันก็เลยเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่นักแสดงจะต้องคงคาแรกเตอร์ของตัวละครเอาไว้และไม่ปล่อยให้ผู้ชมสะดุดกับการแสดงที่ไม่เข้าท่า ทีมผู้สร้างได้หานักแสดงจากการออดิชันและการติดต่อหลายครั้งเพื่อหาทีมงานที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับรายการ Grave Encounters
จากนั้น ทีมผู้สร้างก็ได้เข้าไปที่สถานที่ถ่ายทำก่อนหน้าที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น 3 วัน พวกเขาใช้เวลานี้ในการซักซ้อมภาพยนตร์ทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ในสถานที่ต่างๆ ภายในโรงพยาบาล
การอยู่ในริเวอร์วิวก็เหมือนการมีสตูดิโอภาพยนตร์ส่วนตัวของเราเอง ที่มีฉากพร้อมที่เราสามารถใช้ได้ตามต้องการ
การถ่ายทำ


Grave Encounters ถูกออกแบบในและรอบๆ สถานที่ถ่ายทำจริงในแวนคูเวอร์ บริติช โคลัมเบีย ที่เรียกว่า ริเวอร์วิว ซึ่งเป็นโรงพยาบาลจิตเวชที่ปิดตัวลง และตอนนี้มักถูกใช้ในการถ่ายทำโทรทัศน์และภาพยนตร์ เรื่องราวของผีและวิญญาณถูกเล่าขานโดยทีมงานถ่ายทำมานานหลายปี และสถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้ชื่นชอบเรื่องราวเหนือธรรมชาติ
ทีมผู้สร้างเคยถ่ายทำมิวสิค วิดีโอหลายตัวในสถานที่แห่งนี้และตัดสินใจว่า มันน่าจะเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับภาพยนตร์สยองขวัญ ซึ่งจะเป็นเรื่องแรกในบรรดาหลายๆ เรื่องจากพี่น้องวิเชียส วันหนึ่งระหว่างที่ โคลิน (หนึ่งในพี่น้องวิเชียส) กำลังถ่ายทำมิวสิค วิดีโอที่ริเวอร์วิว สจวร์ต (อีกหนึ่งพี่น้องวิเชียส) ก็ได้ถ่ายภาพทุกตารางนิ้วของสถานที่แห่งนี้ และบทภาพยนตร์ก็ได้ถูกเขียนขึ้นจากภาพถ่ายเหล่านี้นี่เอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำโดยใช้ทุนส่วนตัวและเงินสนับสนุนจากเพื่อนๆ ของครอบครัวและผู้ลงทุนเอกชน ดังนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเขาจะต้องสร้างภาพยนตร์ภายใต้งบที่จำกัด แต่ก็ยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่น่าติดตามได้ นั่นเองเป็นที่มาของวิธีการถ่ายทำแบบ "ฟุตเตจที่ถูกค้นพบ" เพราะทีมผู้สร้างไม่จำเป็นต้องใช้ทีมงานจำนวนมากและแทบไม่ต้องใช้แสงเลย นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นเหมือนสตูดิโอครบวงจร ซึ่งช่วยกระชับตารางการถ่ายทำลงมาได้
ในตอนที่พวกเขาเขียนบทเรื่องนี้ Paranormal Activity เพิ่งเข้าฉาย และความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ทำให้ทีมผู้สร้างเชื่อว่า แนวภาพยนตร์นี้จะอยู่ได้อีกนาน
การถ่ายทำสิบสองวันเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2010 และสิ้นสุดลงในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปี 2010 ทีมผู้สร้างใช้เวลาสามวันเต็มๆ ก่อนหน้านการถ่ายทำเพื่อซ้อมบททั้งหมดภายในสถานที่ถ่ายทำ ขณะที่ฉากต่างๆ ถูกบล็อกออกไป พวกนักแสดงก็ได้สร้างสายสัมพันธ์ที่จำเป็นต่อการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ในการทำงานบนหน้าจอ แม้ว่าไดอะล็อคจะถูกเขียนขึ้นอย่างละเอียดแล้ว นักแสดงก็ได้รับอนุญาตให้สามารถอิมโพรไวส์ได้ในทุกเมื่อที่พวกเขารู้สึกว่าจำเป็น
ขั้นตอนโพสต์โปรดักชันแทบทั้งหมดเสร็จสิ้นลงในห้องนั่งเล่นของพี่น้องวิเชียส ด้วยการเชื่อมคอมพิวเตอร์เข้ากับจอพลาสมา ติดผนัง 50 นิ้ว พี่น้องวิเชียสได้ทำงานลำดับภาพและเอฟเฟ็กต์ทั้งหมดร่วมกัน ภาพที่เห็นบ่อยครั้งคือภาพของโคลินที่จะลำดับภาพฉาก ในขณะที่สจวร์ตก็จะทำช็อตเอฟเฟ็กต์ที่ซับซ้อนในแล็บท็อบใกล้ๆ เขา การออกแบบและการมิกซ์เสียงเป็นการร่วมมือกับวินซ์ เรน็อดในโฮมสตูดิโอของเขา (http://www.imdb.com/name/nm0719253/) และเดอลุกซ์ก็เป็นคนตกแต่งรายละเอียดผลงาน