enjoyjam.net

ภาพยนตร์ => ข่าวภาพยนตร์ => Topic started by: Google on June 29, 2011, 08:16:49 PM

Title: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: Google on June 29, 2011, 08:16:49 PM
“แดน วรเวช” ควงคู่ “ฉัตร ปริยฉัตร” ร่วมเปิดกล้องบวงสรวง “The Melody” โดยมี “โอ๋ จาตุศม” ลูกสาวเสี่ยเจียงเป็นโปรดิวซ์ใหญ่



          ได้ฤกษ์ดีต้อนรับคริสมาสอีฟ ค่ายใบโพธิ์ หรือ บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับ บริษัทยักษ์คู่สตูดิโอจำกัด จัดงานเปิดกล้องบวงสรวงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “The Melody” ที่ได้พระเอกหนุ่มคมเข้ม อย่าง “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ และ “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมหิศร นางเอกสาวสวยขาวหมวย ที่งานนี้ควงคู่กันมาบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์รักโรแมนติก เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ณ.หมู่บ้านกลางเมืองย่าน พระรามเก้า-ลาดพร้าวตั้งแต่เช้าตรู่ พร้อมกับผู้กำกับใหม่แกะกล่องอย่าง “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” โดยมีโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่มาแรงอย่าง โอ๋ หรือ จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ ลูกสาวคนกลางสุดรักสุดหวงของ “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

          และถึงแม้ว่าแดดจะแรงไปหน่อยสำหรับเช้าๆ ในฤดูหนาว แต่น้องฉัตรและนักร้องเจ้าของลักยิ้มสุดเก๋อย่างแดนก็ไม่หวั่น ยืนทำพิธีอย่างตั้งใจสมกับที่ทุ่มเทการแสดงในครั้งนี้อย่างเต็มเปี่ยม เพราะต้องพลิกคาแรกเตอร์จากหนุ่มเจ้าสำราญมารับบทที่นิ่งมาก แต่ที่เห็นยิ้มแก้มไม่หุบเห็นจะเป็นทางด้านผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ที่ร่วมกันปั้นภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ และในที่สุดก็ได้ฤกษ์บวงสรวงหลังจากที่เปิดกล้องเก็บบรรยากาศความสวยงามที่แม่ฮ่องสอนกันมาแล้วนิดหน่อยก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้กำกับได้ให้สัมภาษณ์ว่า

          “จริงๆ เรื่องนี้เรามีถ่ายไปบ้างแล้วในบรรยากาศหน้าหนาว แต่ไม่เยอะมากประมาณแค่ 10 เปอร์เซ็นเอง แต่ที่เรามาจัดงานในวันนี้เพราะได้ฤกษ์งามยามดีเราจึงอยากทำพิธีบวงสรวงอย่างเป็นทางการขึ้น ก่อนที่เราจะเดินหน้าถ่ายทำกันต่อไปอย่างเต็มที่ เพราะด้วยคิวของแดนและคิวของน้องฉัตรเองก็ค่อนข้างแน่น รวมทั้งฤดูกาลหรือบรรยากาศที่เราอยากได้มันค่อนข้างเป็นในช่วงฤดูนี้ เราพิถีพิถันเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้ตามบรรยากาศที่ผมและคุณโอ๋ โปรดิวเซอร์ได้มองเอาไว้ นั่นคือ มีทั้งความโรแมนติก และอบอุ่น รวมทั้งแดนและฉัตรเองทุ่มเทมาก เขามีเวลาหรือว่ามีโอกาสก็จะทำความเข้าใจกับบทตลอด อย่างวันนี้จริงๆ แดน ก็ติดคิวอื่นเหมือนกัน แต่เขาพร้อมเสมอ บอกหนังเราพร้อมบวงสรวงแล้วลุยกันเลย เราก็เลยอืมมม ดีจัง แดนกับฉัตรเค้าเป็นคนที่โอเคมาก พร้อมเสมอวันนี้ผมเลยรู้สึกดีใจมากครับถือว่าวันนี้เป็นการเตรียมพร้อมของทุกคนที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกันอย่างเป็นทางการทุกคนรับรู้ ก็ขอฝากด้วยนะครับ”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง “The Melody”
Post by: FB on October 07, 2011, 01:24:13 PM
Clip เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง THE MELODY

          เพลง The Melody
          ขับร้อง: วรเวช ดานุวงศ์
          คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง: ตรัย ภูมิ รัตน

จริงหรือเปล่า ที่ใครเขาบอก ว่าคนรักกัน ต้องอยู่ด้วยกันเรื่อยไป จริงแค่ไหน ว่าความเหินห่าง จืดจางรักได้ แต่ฉันไม่เชื่ออย่างนั้น

*โอ้ความรักช่างสวยงาม ปล่อยไปตามที่เชื่อใจเผื่อเอาไว้คิดถึง คงซึ้งในความหมายเราจะได้รู้ว่าใจของเรา รักกันมากเท่าไหร่

**เราอาจไม่เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้จูงมือไปกับเธอจนถึงฝันไม่ได้สัมผัส พูดว่ารักกัน แต่รู้ไว้ฉันรักเธอเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ จะเป็นกำลังใจ ต่อให้จากนี้เรานั้นอาจไม่ได้เจออยากให้เธอเชื่อว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้เธอ จะไม่เปลี่ยนไปเลย ฉันรักเธอ มากมายเหลือเกิน สุขใจเหลือเกิน เมื่อเราอยู่ใกล้กันคืนและวัน ความรักที่มี คงไม่ไหวหวั่น คงไม่มีวันเปลี่ยนไป

*โอ้ความรักนั้นสวยงาม ปล่อยไปตามที่เชื่อใจเผื่อเอาไว้คิดถึง คงซึ้งในความหมายเราจะได้รู้ว่าใจของเรา รักกันมากเท่าไหร่

**เราอาจไม่เจอกัน ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้จูงมือไปกับเธอจนถึงฝันไม่ได้สัมผัส พูดว่ารักกัน แต่รู้ไว้ฉันรักเธอเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ จะเป็นกำลังใจ ต่อให้จากนี้เรานั้นอาจไม่ได้เจอไม่ว่านานเท่าไร โปรดจงรู้ไว้เสมอ ใจชั้นเป็นของเธอ ยังรักเธอเสมอ จะไม่เปลี่ยนไปเลย…แม้เราต้องจากกัน

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=e5qTvjdws_Q" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=e5qTvjdws_Q</a>
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 11, 2011, 01:27:56 PM
“แดน” พลิกคาแรกเตอร์ ทั้งวีนสุดขั้ว และหวานสุดโต่ง ในภ. The Melody รักทำนองนี้



          เห็นพระเอกหนุ่มเจ้าของลักยิ้มทรงเสน่ห์เล่นบทคอเมดี้มาหลายเรื่องแล้ว สำหรับ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” มาคราวนี้ได้เวลาเปลี่ยนคาแรกเตอร์มาเป็นหนุ่มนักดนตรีมาดขรึมขี้วีน ที่แสนจะหยิ่งยโสกับบทบาทล่าสุดในภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า เรื่องใหม่ “The Melody รักทำนองนี้” ของค่าย สหมงคลฟิล์มฯ ซึ่งครั้งนี้ได้หนุ่ม “แดน วรเวช ดานุวงศ์” (รับบทเป็นวิน) และนางเอกสาวหน้าใสอย่าง “ฉัตร ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร” (รับบทเป็นหมอก) มาประกบคู่กันครั้งแรกในเรื่องราวความรักของ “วิน-หมอก” 2 นักดนตรีที่มีความสามารถ วินนักร้องและนักแต่งเพลงยอดนิยมผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแบบสุดสุด ความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะยอมรับทำให้วินหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆบนภูเขาสูง ที่ที่ทำให้เขาบังเอิญพบกับ หมอก นักเปียโนฝีมือดี สาวจอมตื๊อที่มักชอบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เกลียดอยู่เสมอ และแล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดและดนตรีทำให้วินได้เรียนรู้ว่า ทำนองเพลงที่บรรเลงได้ไพเราะที่เขาค้นหามาตลอดชั่วชีวิต คือเสียงหัวใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง แต่กว่าวินจะรู้ตัว โชคชะตาก็นำพาอุปสรรคสำคัญเข้ามา สิ่งที่จะทำให้วินและหมอกเรียนรู้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน บททดสอบที่จะทำให้คู่รักทุกคู่รู้จักไขว่คว้าความสุข แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดมิดของความทุกข์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เพลงที่เธอแต่งทำนอง และเขาช่วยแต่งคำร้องที่บริสุทธิ์ที่สุดที่บทเพลงทั้งหมดเคยบรรเลงมา

          ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการแสดงของแดน วรเวช ที่ต้องมารับบทที่เรียกว่าพลิกแบบไม่เหลือคราบเดิมทั้งฉุนเฉียวสุดๆ และหวานแบบสุดๆ ในเรื่องเดียว แตกต่างจากตัวจริงที่เป็นหนุ่มอารมณ์ดี โรแมนติก บทเจ้าอารมณ์ขี้หงุดหงิดก็เลยถือว่าเป็นบทบาทที่ใหม่แหวกแนว แต่นอกจากบทเจ้าอารมณ์ที่ว่าต้องปรับตัวกันใหม่แล้ว บทสวีทหวานก็เป็นอีกแนวนึงที่เรียกเหงื่อจากหนุ่มแดนได้ไม่น้อยเหมือนกัน
         
          “ (แดน วรเวช) เป็นครั้งแรกในเลยครับสำหรับการมาเล่นบทที่ไม่เหมือนตัวเอง มันยากดีครับเพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีน ต้องขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องนี้ผมเล่นเป็นคนที่เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไม่พอใจไปหมด เห็นเด็กก็ไม่ชอบ เห็นนั่นนี่ก็ไม่พอใจ แล้วชีวิตมันจะมีความสุขได้ยังไงครับ แต่แตกต่างจากตัวเราจริงๆ เลย ผมเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่บวก ชอบเล่นกับเด็กตลกดี มาเล่นเรื่องนี้ทุกอย่างแทบจะแตกต่างจากตัวผมโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกๆ ที่เข้าฉากพี่โอ๊คผู้กำกับต้องคอยบอกว่า “เฮ้ยแดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อย” คือบางทีผมก็ตั้งใจมาขรึมนะวันนี้ หน้าผมอาจจะดูตลกไปหน่อย หรือไม่คนก็ยังจำภาพแต่ผมเล่นทะเล้นอยู่ ช่วงแรกก็ทำการบ้านหนักพอสมควรครับ

          หลักๆ เลยคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ครับ ต้องพยายามอย่าอารมณ์ดีมาก ก่อนจะเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า ตัววินเขาไม่ชอบสิ่งนี้นะ เราต้องอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างนี้ ก่อนผู้กำกับจะสั่งแอคชั่นมันต้องคิดให้ได้ก่อน เพราะโดยปรกติเวลาผมไปเล่นละครทีวี ผมก็จะไม่ค่อยได้ตั้งสติเท่าไหร่ จะปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามเรื่องเรื่อยๆ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ในเนื้อเรื่องให้ได้ครับ ส่วนบทที่ต้องเล่นกับนางเอกเข้าฉากที่อยู่กันสองคนแบบมีความสุขก็มีเยอะครับ เรื่องเขินอายไม่ค่อยมีหรอกครับเพราะเราก็ทำไปตามบทบาทการแสดง แต่มีบางทีก็ทำเอาเหงื่อแตกได้เหมือนกัน มันไม่ใช่อะไรหรอกครับคือมันยิ้มกันจนเหงือกแห้ง บางทีก็มีแบบยิ้มไม่ออกแล้วเมื่อยแก้มแล้ว แต่ต้องเกร็งยิ้มไว้จนกว่าผู้กำกับจะสั่งคัทกลัวว่าเดี๋ยวยิ้มมากลักยิ้มจะทำเอาเล่นติดทะเล้นอีก ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันทั้ง 2 แบบเลยครับ”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 18, 2011, 07:15:40 PM
Movie: The Melody – รักทำนองนี้



 
    
          เพลงรักนับล้านที่มีมากมายอยู่บนโลก
          แต่มีแค่เพลงเดียวที่มันเป็นของเราสองคน

          กำหนดฉาย 14 กุมภาพันธ์ 2555
          ประเภท รัก-ชีวิต (Romantic-Drama)
          นำแสดงโดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์, ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร,
          ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ, วาสนา สิทธิเวช
          ดำเนินงานสร้าง บริษัทยักษ์คู่สตูดิโอจำกัด
          บทภาพยนตร์ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์,มนชยา พานิชสาส์น,วรลักษณ์ กล้าสุคนธ์
          เพลงประกอบภาพยนตร์โดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์, บอย-ตรัย ภูมิรัตน
          ดนตรีประกอบ กฤษณะศักดิ์ กันตธรรมวงศ์
          ผู้กำกับภาพยนตร์ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์
          ผู้ควบคุมการผลิต จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ
          ผู้อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
          กำกับศิลป์ อนิรุตร์ จิตร์สมนึก
          กำกับภาพ สิทธิพงษ์ กองทอง
          ลำดับภาพ รัชพันธุ์ พิศุทธิ์สินธพ, ทวีลาภ เอกธรรมกิจ,มานุสส วรสิงห์
          บันทึกเสียง กันตนา
          ฟิล์มแล็ป กันตนา
          ออกแบบเครื่องแต่งกาย กรกนก สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
          แต่งหน้า-ทำผม พัชริกา บัวรุ่ง, ศุภชัย สิงห์น้อย
          บริษัทจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

          เรื่องย่อ

          เมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...
          เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้...
          เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง
 
          เมื่อเส้นทางชีวิตของ วิน (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) นักร้องและนักแต่งเพลงยอดนิยมผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแบบสุดสุด ความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะยอมรับทำให้วินหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆบนภูสูง ที่ที่ทำให้เขาบังเอิญพบกับ หมอก (ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร) นักเปียโนฝีมือดี สาวจอมตื๊อที่มักชอบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เกลียดอยู่เสมอ และแล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดและดนตรีทำให้วินได้เรียนรู้ว่า ทำนองเพลงที่บรรเลงได้ไพเราะที่เขาค้นหามาตลอดชั่วชีวิตคือเสียงหัวใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง แต่กว่าวินจะรู้ตัว โชคชะตาก็นำพาอุปสรรคสำคัญเข้ามา สิ่งที่จะทำให้วินและหมอกเรียนรู้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน บททดสอบที่จะทำให้คู่รักทุกคู่รู้จักไคว่คว้าความสุข แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดมิดของความทุกข์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เพลงที่เธอแต่งทำนองและเขาช่วยแต่งคำร้องที่บริสุทธิ์ที่สุดที่บทเพลงทั้งหมดเคยบรรเลงมา

          ร่วมซึ้งไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกในเมืองแห่งสายหมอก กับบทเพลงอันไพเราะด้วยฝีมือการแต่งเพลงจากนักแสดงนำ แดน วรเวช และนักร้องเสียงอบอุ่นอย่าง บอย ตรัย ที่จะมาเปลี่ยนแปลงฤดูหนาวของใครหลายคน กลายเป็นฤดูที่หัวใจเต้นเป็นทำนองใหม่ที่อบอุ่นที่สุด
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 18, 2011, 07:17:02 PM
ตัวโน๊ตที่เคลื่อนไหวได้จริงบนแผ่นฟิล์ม
 
          จากมุมมองความรักที่ลึกซึ้งของผู้ชายคนนึงที่ชื่อว่า “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” ผู้ซึ่งคลุกคลีอยู่กับวงการโทรทัศน์โดยเน้นความรักของชายและหญิง และทัศนะอันอบอุ่นบวกกับประสบการณ์ความรักที่น่าประทับใจของตนเองและคนรอบข้าง และความสามารถทางการโปรดิวซ์ของ “ จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ” นักทำงานรุ่นใหม่ผู้ปลุกปั้นภาพยนตร์คุณภาพมาโดยตลอด มาเรียงร้อยเป็นบทภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า ที่พูดถึงวัยหนุ่มสาวผู้ซึ่งค้นหาตนเอง ค้นหาเป้าหมายในชีวิตและความรัก ซึ่งเนื้อหาของเรื่องไม่ได้พูดถึงความรักที่ฉาบฉวยหรือความรักตามกระแสวัยรุ่น แต่เป็นความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ เกิดจากการรู้จักที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น ความรักที่อาจจะดำเนินไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งแต่เต็มไปด้วยเป้าหมาย ข้อคิด จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ความรักเกิดการแตกแขนงออกไปหาคนรอบข้างพร้อมที่จะหยิบยื่นให้กับทุกๆ คน และแน่นอนก่อให้เกิดความรักของชายหญิงอันลึกซึ้งขึ้นในใจ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าอะไรก็พรากความรู้สึกนั้นออกไปจากใจของเขาและเธอไม่ได้
          “ (ผู้กำกับ) ผมเอามาจากประสบการณ์ความรักทั้งด้านดีและไม่ดีที่ผมเคยเจอมา และเราก็ย้อนนึกกลับไปว่า คงจะดีถ้ามีความรักสักครั้งที่ทำให้เราคิดถึงมันไว้ได้ตลอดไป เป็นแรงผลักดันในชีวิตที่ทำให้เราสามารถจะลุกขึ้นมาทำอะไรได้อีกมากมาย
          แล้ววันนึงมานั่งฟังเพลงอยากส่งความรักของโต๋ “อยากส่งความรัก ผ่านเพลงนี้ ให้เธอคนที่แสนดีให้รู้ทุกๆ วันที่ฉันมี เป็นได้เพราะเธอ ไม่ใช่เพราะใคร” ท่อนนี้เลย เราฟังท่อนนี้แล้วเออ ถ้าหากมีใครสักคนมาร้องเพลงนี้ให้เราฟังว่าทุกสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จได้ก็เพราะความรักของเราที่มอบให้ มันคงเป็นความรู้สึกที่ดีมาก มันคือเจ๋งมากมันแสดงว่าความรู้สึกของเรามันมีค่ามาก ผมเลยมาคิดกันว่าจะทำยังไงดีที่จะทำให้คนมีความรู้สึกแบบนี้ ก็มานั่งคิดว่าคนส่วนมากเวลาคบกันเป็นแฟนมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดี แต่พอเวลาเลิกกันแบบว่าไม่ไปได้ไหมจะต้องตีโพยตีพายทำร้ายตัวเองด่าโน่นด่านี่แล้วความรักมันก็พังทลายลง ทุกอย่างมันคือแง่ลบไปหมด
          ผมก็มามองว่า เออ...ถ้างั้นก็เอาความรักมาเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตกันดีกว่า เพื่อวันนึงที่เขารู้ขึ้นมาทุกวันนี้ที่เราประสบความสำเร็จได้เพราะความรักที่เขาเคยมีให้เรา เขาจะรู้สึกดีกับเรานั่นคือที่มาของหนัง
          อีกเหตุผลนึงคือตัวผมเองอยากเล่นเปียโน เป็นคนชอบเปียโนมาก อยากเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่มีสตางค์ ชอบบีโธเฟน ชอบโมสาร์ท ชอบฟังแต่ไม่มีปัญญาเล่น เวลาเห็นคนเล่นจะชอบมาก ผู้หญิงในฝันก็ต้องเล่นเปียโนเป็น คือฝันเอาไว้อย่างนี้มาตลอด พอเราคิดแล้วเรารู้สึกว่าเปียโนเป็นดนตรีที่มันมีเสียงเยอะมาก มันถ่ายทอดความรู้สึกได้หลากหลาย เราก็เลยคิดว่าเราจะทำยังไงดี ในเมื่อเราชอบเปียโน เราก็อยากให้ทั้งพระเอกและนางเอกเป็นนักเปียโน มันเป็นแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่จะทำยังไงให้นักเปียโน 2 คนนี้ที่จะมาเล่นเป็นพระนางเนี่ย มีอะไรที่มันแตกต่างกัน”
          และแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์สมบูรณ์แบบคือนักแสดงที่มีความพร้อม สามารถตอบโจทย์ของผู้กำกับได้อย่างแม่นยำ รวมถึงความสามารถที่ตรงใจกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในด้านดนตรีและด้านการแสดงอย่าง แดน วรเวช ดานุวงศ์ และ ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร 2 นักแสงนำวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการมีความรักในรูปแบบทีต้องการความมั่นคงในชีวิตเหมือนอย่างในภาพยนตร์ที่ต้องการนำเสนอ
          “ (แดน วรเวช) เหตุผลหลักๆ ในการเลือกเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าที่มีเรื่องราวความรักดีๆ สอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง ผมเชื่อว่าพอภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายให้คนไทยได้ดู มันน่าจะทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราควรจะมีส่วนได้ช่วยเหลือกัน เผื่อแผ่กัน แบ่งปันความรักให้กันและกัน เพราะเนื้อเรื่องนี้เขาอยากจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาให้คนได้รู้สึกกัน พี่โอ๊คไม่ได้เคยบอกผมว่าทำไมเรื่องนี้ต้องเป็นผมอย่างโจ่งแจ้ง พอผมอ่านบทเสร็จผมก็ตอบตกลง จนมาวันนึงได้นั่งคุยกันระหว่างรอจะถ่ายทำ ผมถามผู้กำกับว่ารู้ไหมทำไมผมถึงมาเล่นหนังเรื่องนี้ พี่โอ๊คเงียบไปและบอกไม่รู้แต่หน้าตาอยากรู้มาก (หัวเราะ) ผมบอกว่า”พี่น่ะเหมือนผม อยากทำอะไรแล้วต้องทำ พี่รู้จักหนังพี่ดีเพราะพี่อยู่กับมันตลอด ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไงแต่ผมจะเล่นเรื่องนี้”
          “ (ปริยฉัตร) ตอนไปแคสติ้งหนังเรื่องนี้ นอกจากบทที่ผู้กำกับจะให้ลองทำดูแล้ว พี่โอ๊คถามก่อนเลยค่ะว่าเล่นเปียโนได้ไหม ฉัตรก็บอกว่าเล่นได้ พี่เขาก็บอกว่าดีเลยเพราะพี่ต้องการให้นางเอกเล่นเปียโนได้จริงๆ ไม่หลอกคนดูทั้งพระเอกและนางเอกที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ต้องมีความสามารถด้านดนตรีจริงๆ อย่างพี่แดนไม่ต้องพูดถึงเขาคือศิลปินจริงอย่างที่ในคาแรกเตอร์เป็น
          อีกอย่างที่ฉัตรได้จากการมาเล่นเรื่องนี้คือ เรื่องความรู้สึกกับคำว่ารักนี่แหละค่ะ คือจากบทแล้วความรักแบบที่วินและหมอกมีให้กัน มันไม่ใช่ความรักแบบรุ่นพี่รักรุ่นน้อง หรือแอบจีบกันในวัยเรียน แต่มันมีความหมายอีกมุมนึงในวัยที่มากกว่านั้น มันเป็นความรักที่รู้จักที่จะแบ่งปัน รู้จักที่ใช้มัน มันเป็นความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของคนนึงให้เข้ากับอีกคนนึงโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่การฝืนทำหรือฝืนความรู้สึกอะไร ทั้งวินและหมอกใช้เวลา ใช้ความรู้สึก บางอย่างที่มันแสดงออกมาไม่ได้แต่มันกลับรู้สึกได้ มันทำให้ฉัตรรู้สึกว่าความรักมันมีอีกรูปแบบนึงที่มันสำคัญมากกว่ารักแรกพบ หรืออะไรที่ฉาบฉวย ฉัตรว่าวัยรุ่น หรือวัยทำงาน หรือคนที่กำลังจะเริ่มต้นมีความรักกับใครสักคน น่าจะได้ข้อคิด หรือการมองความรักในมุมแบบนี้ดูบ้าง จะทำให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความหมายมากขึ้น และมันก็สวยงามดีทีเดียว”

บรรยากาศโรแมนติกที่สุดในสายหมอก
 
          เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาในการเขียนบทอย่างเดียวยาวนานกว่า 2 ปี และหาข้อมูลจากสถานที่ถ่ายทำมากกว่า 1 ปี ผู้กำกับ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ และทีมงานต้องเดินทางไปยังเหนือสุดของไทยเพื่อค้นหาโลเกชั่นที่สวยประทับใจ และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฉากโรแมนติกมากมายที่ปรากฎในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกบัวตอง (ดอยแม่อูคอ), โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง), วัดจองคำอันงดงามที่สร้างมากว่า 200 ปี จ.แม่ฮ่องสอน, อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ ฯลฯ โดยสถานที่ถ่ายทำเหล่านี้มีความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่น่าสัมผัส รวมไปถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่บางครั้งก็เป็นอุปสรรคของการถ่ายทำเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ
          “ (ผู้กำกับ) ผมชอบจังหวัดแม่ฮ่องสอน กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์เราถ่ายทำที่นี่ ฤดูหนาวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมันสวยจริงๆ มันสวยจนหลงไหลมันมีเอกลักษณ์ของมัน ใครอยากแต่งตัวแบบไหนก็ได้ ทำตัวแบบไหนก็ได้ มันไม่เหมือนปายหรือเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนมันค่อนข้างจะมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าๆ ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า ก็เลยเลือกจังหวัดนี้ ผมเดินทางขึ้นไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาทั้งหมด 13 ครั้ง ไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 51 ครั้งสุดท้ายก่อนถ่ายก็คือเดือนตุลาคมปี 53 ประมาณ 2 ปีกว่า
          จริงๆ พล๊อตเรื่องทั้งหมดเสร็จหมดแล้ว แต่ไปเพื่อซึมซับกับบรรยากาศ ในหัวเรามันมีทุกอย่าง เรารู้เรื่องของเราเราเขียนเรื่องไว้หมดแล้ว แต่เราต้องไปหาโพซิชั่นของการที่จะวางเรื่องราว ต้องหาโลเกชั่น ในหัวมีอยู่แล้วว่าเราจะเลือกอะไร เรามีทุ่งบัวตองนะ วัดจองคำ เราเลือกไว้แล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่เรายังไม่รู้ ก็ต้องไปตระเวนเลือกที่ไปเรื่อยมีรุ่นพี่พาไป ก็ไปเจอที่ๆ เราชอบเพิ่มขึ้น ไปทุกครั้งก็จะไปซึมซับ ไปครั้งละ 5-7 วัน ขึ้นรถทัวร์ไปเองเลยประเมินดูว่าถ้าเราพยายามที่จะไปร่วมกับคนอื่นด้วย เดินทางประมาณ 15 ชม. ทรมานเหมือนกันนะ ไปแล้วก็ลองไปนอนที่ต่างๆ ไปลองนอนที่ดอยแม่อูคอ(ทุ่งดอกบัวตอง) ดูสิจะนอนได้ไหม ประทับใจมากเห็นดาวทุกดวงบนท้องฟ้าเราก็แบบต้องที่นี่แหละ เพีงแต่จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เราก็ตะเวนหาไปทุกที่จนได้โลเกชั่นครบ แล้วทิ้งให้ตกผลึกกับเรื่องราวของมัน เรียกว่าเราคัดสรรสุดๆ สำหรับทุกโลเกชั่นไม่ใช่แค่สวยตามสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เราอยากได้ที่ที่โรแมนติกที่สุด ที่ๆ เหมาะกับเนื้อเรื่องของเรา ที่ๆ คนเห็นแล้วต้องเกิดความประทับใจ อยากไป อยากสัมผัส อยากจูงมือใครสักคนไปยังสถานที่แห่งนั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกแม่ฮ่องสอน
          แล้วในแต่ละที่ๆ เราไปไม่ใช่ว่าทุกอย่างราบรื่น มันเมืองหมอก หมอกก็เป็นอุปสรรค ความหนาวเย็นก็เป็นอุปสรรค เราไปในที่ๆ บางครั้งหมอกลงหนามากมองอะไรไม่เห็นเลย เดินทางไปไม่ได้ รถวิ่งไม่ได้ต้องจอดรอจนกว่าพายุหมอกจะหายไป บางแห่งสวยสุดตอนหมอกลงแต่ไปแล้วหมอกกลับไม่มีก็มี บางแห่งฟ้าต้องโปร่งต้องเห็นทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา แต่ไปแล้วเจอทั้งฝนทั้งหมอกก็มี ที่กองถ่ายก็อดทนกันมากต้องรอจังหวะ รอเวลาวันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้มาใหม่ พระเอกนางเอกเราหนาวปากม่วงปากสั่นก็มี แต่ก็สนุกสนานและเพลินไปกับบรรยากาศตลอดการทำงานบนโลเกชั่นเหล่านี้ครับ”
 
          “ (แดน วรเวช) มันมีอยู่วันนึงครับที่เรียกว่าโหดมากสำหรับทีมงานและนักแสดง เป็นวันที่พวกเราต้องไปถ่ายทำกันที่ห้วยน้ำดัง วันนั้นฝนตกตลอดหมอกก็หนาทึบมาก แล้วเป็นฉากที่ตั้งใจถ่ายกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น แต่ 9 โมงกว่าแล้วก็ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงเลย แล้วอากาศแปรปรวนคือมาทั้งหมอกทั้งวินสมชื่อตัวละครเลย จากนั้นเราก็ย้ายกันไปถ่ายทำถนนแถวปายต้องมีริกรถเป็นฉากที่พระเอกกับนางเอกคุยกันขับรถเที่ยวด้วยกัน แต่วันนั้นหมอกลงหนามากระยะการมองเห็น 2 เมตรก็อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตลอดรถมอเตอร์ไซด์ไถลลงเขามั่ง รถตู้เกิดอุบัติเหตุบ้าง พี่โอ๊คก็มองแล้วว่ามันไม่มีความปลอดภัยเลยจำเป็นต้องยุติการถ่ายทำในวันนั้น ทุกคนก็ติดไปไหนไม่ได้ต้องไปอาศัยต้มมาม่ากินกันที่จุดชมวิวปางมะผ้ากันตลอดวันจนมืดทำอะไรไม่ได้ คือมันเป็นพายุหมอกและฝนเลยนะครับแต่มันก็ได้บรรยากาศร่วมกันไปอีกแบบ มันก็สวยงามไปอีกแบบที่นี่เลยมีอะไรที่น่าประทับใจหลายอย่าง”
 
          “ (ฉัตร ปริยฉัตร) ประทับใจสุดก็ที่ทุ่งดอกบัวตองเลยค่ะ สวยมากเหลืองอร่ามไปหมด มันไม่ใช่แค่สวนหรือเป็นไร่ๆ แต่มันคลุมไปทั้งภูเขาเลย บรรยากาศเย็นๆ มองไปได้รอบตัว มันเหมาะมากกับฉากโรแมนติกของคนหนุ่มสาว ไม่ต้องมาถ่ายทำหนังแค่มาเที่ยวกับครอบครัวหรือมาเที่ยวกับคนรักก็ประทับใจแล้วค่ะ แล้วปีๆ นึงจะมีความงามแบบนี้ให้เห็นอยู่ไม่กี่วัน ทางทีมงานก็เป๊ะมากเลือกวันเวลาได้กำลังดีเลย ฉากที่เราถ่ายทำในวันนั้นก็เลยเป็นฉากที่เรียกว่าเป็นภาพจำของพวกเราเลย พอนึกถึงเรื่องนี้ในหัวของฉัตรก็จะมีทุ่งดอกบัวตองลอยมาเลยค่ะ ประทับใจที่นี่มาก”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 18, 2011, 07:17:49 PM
          เดอะเมโลดี้ พยานรักที่แสนไพเราะ
          บทเพลงที่ทรงคุณค่าจะมีความหมายมากขึ้น
          เมื่อได้ยินแล้วทำให้เราคิดถึงใครสักคน
 
          เมื่อความสวยงามของบรรยากาศโรแมนติกสมบูรณ์แล้ว ภาพยนตร์เรื่องเดอะเมโลดี้ยังได้นักร้องนักดนตรีที่มีฝีมือเข้าร่วมแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณบอย ตรัย ภูมิรัตน นักร้องยอดนิยมเสียงชวนฝัน รวมไปถึงพระเอกของเรื่อง แดน วรเวช ที่ปัจจุบันเป็นทั้งโปรดิวเซอร์ด้านดนตรีให้กับวงอื่นๆ และอัลบั้มของตัวเองในครั้งล่าสุด ที่การันตีถึงความหวานได้ดี และด้วยเนื้อหาของเรื่องกล่าวถึงการแต่งเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวละคร ทำให้แดน วรเวช ร่วมลงมือแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ขึ้นมา เพื่อเป็นหลักฐานความในใจของวินและหมอก ซึ่งแดน วรเวชได้บรรจงเต็มเติมภาพยนตร์ด้วยตัวโน๊ตและทำนองที่เขารักที่สุดออกมาเป็นผลงานให้ประทับใจไม่รู้ลืม

          “ (แดน วรเวช) ตอนที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ อ่านบทจบไปแล้วครับ เริ่มถ่ายทำกันไปแล้ว วันนึงพี่โอ๊คบอกว่าอยากให้ผมแต่งเพลงประกอบขึ้นมาเพลงนึงขอเป็นเพลงที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเพลงเลย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผู้ชายคนนึงหลงรักผู้หญิงคนนึงไปแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเขา ซึ่งถามว่ายากไหมก็ค่อนข้างยากครับต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรเขาอยากให้เราซึมซับกับหนังไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เราเล่น ความรู้สึกแต่ละอย่างแต่ละทำนองแต่ละประโยคที่มันออกมาเป็นเพลงมันค่อยๆ ถูกเติมให้เต็มระหว่างเล่นหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ

          “ (ผู้กำกับ) คือด้วยชื่อของภาพยนตร์และเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ มันบอกเลยว่าขาดบทเพลงดีๆ ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเอาเพลงรักอะไรมาประกอบหนังก็ได้ แต่เนื้อหาของเพลงต้องมีที่มาที่ไป มีความหมายตามบทภาพยนตร์ เพราะเส้นเรื่องทั้งหมดมันคือเพื่อเพลงๆ นึงของพระเอกกับนางเอก
          เพลงนั้นจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราเอาความรู้สึกแบบอื่นมาใส่ เพลงๆ นี้ต้องเป็นเพลงที่คนฟังจะต้องรู้ว่านี่คือเพลงของวินและหมอก ผมรู้สึกว่าต้องเป็นแบบนั้น ทางทีมงานก็เคาะกันแล้วว่าต้องเป็นพี่บอยตรัย และอีกเพลงต้องเป็นแดน ทั้งสองคนเป็นคนเพลงที่มีคุณภาพอยู่แล้ว แดนจะต้องลึกซึ้งอยู่แล้วเพราะแดนสวมบทตัวละครตัวนี้อยู่ เขาเข้าใจฟิลลิ่งมันแน่นอน ส่วนพี่บอยเรื่องเพลงรักคงไม่มีอะไรต้องบรรยาย ทุกเพลงที่เขาแต่งออกมามันการันตีความสามารถของเขาอยู่แล้ว
          จริงๆ เรามีเพลงประกอบภาพยนตร์อยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 เพลง เพลงธีมของหนังชื่อเพลง “เดอะเมโลดี้” พี่บอย ตรัยแต่งแล้วแดนร้อง ผมเขียนคอนเซ็ปต์ให้พี่บอยในความหมายมันบอกเรื่องราวของหนังได้ครบ เพลงนี้คือในเรื่องพระเอกเป็นคนแต่งคำร้อง ส่วนทำนองนางเอกเป็นคนแต่ง ฉะนั้นฟิลลิ่งมันจะมีความรู้สึกของคนสองคนอยู่ในเพลงเดียวกัน เพลงมันจะบอกความรู้สึกของพระเอกทั้งหมด ถ้าดูหนังจบแล้วเพลงมันจะยิ่งมีความหมายมากขึ้นไปอีก ท่อนที่นางเอกแต่งเอาไว้ให้ “เราอาจไม่เจอกันไม่ได้คุยกัน” แล้วมันก็ให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งดี

          อีกเพลงนึงชื่อเพลง “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” แดนเป็นคนแต่งและร้องเพลงนี้เองเลยเป็นเพลงที่สะอาดฟังสบาย ก็เล่าความรู้สึกให้แดนฟังในตอนแรก ตัวเรื่องราวนี้พระเอกไม่เคยรักใครมาก่อนอยู่ดีๆ ก็มามีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้ มันก็เลยแต่งออกมาตามความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วเพลงมันก็เพราะมาก อีกเพลงเป็นเพลงคู่ “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” เป็นเพลงที่ร้องคู่กับระหว่างพระเอกกับนางเอก ทั้งหมดเป็นเพลงที่ฟังง่ายสบายๆ มันลึกซึ้งทั้งเนื้อหาและทำนอง เพราะทุกอย่างคือมันทำไปตามเนื้อเรื่องมันเป็นเนื้อเรื่องที่ทุกคนอินกับมัน อย่างเพลงที่พี่บอยตรัยแต่งเป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก ฟังแล้วมันเพราะขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็ภูมิใจมากกับบทเพลงที่จะมาประกอบภาพยนตร์ในเรื่องนี้ครับ”

          “แต่งเพลงมาเป็นร้อยเป็นพันเพลง มีแฟนเพลงนับล้านคน
          แต่มีเพลงเดียวเท่านั้นที่มีความรู้สึกผมอยู่ในนั้น
          และคุณคือคนเดียวที่ผมอยากให้ฟังมากที่สุด”
 

          คนแต่งคำร้อง
          วิน แสดงโดย (แดน) วรเวช ดานุวงศ์ นักแต่งเพลงรุ่นใหม่ไฟแรง มีผลงานเพลงติดอันดับท็อปชาร์ท แม้ผลงานเพลงจะเป็นที่ยอมรับ และลึกซึ้งไม่มีข้อติ แต่นิสัยที่แท้จริงของวินกลับกลายเป็นคนฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์จนเป็นที่เอือมระอาของทีมงานและผู้ใกล้ชิด ความใจร้อนและเอาแต่ใจอย่างถึงที่สุดทำให้เพลงของวินตกอันดับ ตามมาด้วยข่าวซุบซิบถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของเขา วินผู้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หนีจากวงการบันเทิงมุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน แต่การเดินทางในครั้งนี้วินได้ค้นพบกับทำนองที่เขาไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน ทำนองแห่งรักแบบใหม่ที่เขาสัมผัสได้จริงๆ

          “ (แดน วรเวช) เป็นครั้งแรกในเลยครับสำหรับการมาเล่นบทที่ไม่เหมือนตัวเอง มันยากดีครับเพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีน ต้องขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องนี้ผมเล่นเป็นคนที่เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไม่พอใจไปหมด เห็นเด็กก็ไม่ชอบ เห็นนั่นนี่ก็ไม่พอใจ แล้วชีวิตมันจะมีความสุขได้ยังไงครับ แต่แตกต่างจากตัวเราจริงๆ เลย ผมเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่บวก ชอบเล่นกับเด็กตลกดี มาเล่นเรื่องนี้ทุกอย่างแทบจะแตกต่างจากตัวผมโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกๆ ที่เข้าฉากพี่โอ๊คผู้กำกับต้องคอยบอกว่า “เฮ้ย...แดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อย” คือบางทีผมก็ตั้งใจมาขรึมนะวันนี้ หน้าผมอาจจะดูตลกไปหน่อย หรือไม่คนก็ยังจำภาพแต่ผมเล่นทะเล้นๆ อยู่ ช่วงแรกๆ ก็ทำการบ้านหนักพอสมควรครับ

          “หลักๆ เลยคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ครับ ต้องพยายามอย่าอารมณ์ดีมาก ก่อนจะเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า ตัววินเขาไม่ชอบสิ่งนี้นะ เราต้องอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างนี้ ก่อนผู้กำกับจะสั่งแอคชั่นมันต้องคิดให้ได้ก่อน เพราะโดยปรกติเวลาผมไปเล่นละครทีวี ผมก็จะไม่ค่อยได้ตั้งสติเท่าไหร่ จะปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามเรื่องเรื่อยๆ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ในเนื้อเรื่องให้ได้ครับ”

          “อีกเหตุผลนึงคงเป็นเพราะผมอยากจะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในการเล่นภาพยนตร์บ้าง หลังๆ มานี่ผมเล่นแต่บทภาพยนตร์ที่เป็นคอเมดี้หนักๆ มาแล้ว 2 เรื่อง พอมาอ่านบทเรื่องนี้มันได้เล่นอะไรที่เราอยากจะเล่น เป็นนักร้องนักดนตรีนักแต่งเพลงอย่างที่เราอยากจะเป็น ได้เล่นเปียโนอย่างที่เราชื่นชอบ ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งอันนี้ก็มีความชื่นชอบมากอยู่แล้ว แล้วยิ่งพอมาได้เห็นความตั้งใจของพี่โอ๊คผู้กำกับแล้ว ผมยิ่งอยากเล่นเข้าไปอีกเพราะผมชอบคนที่มีความตั้งใจและเอาใจใส่ในชิ้นงานของตัวเอง แล้วพี่โอ๊คมีมุมมองความรักที่หวานมาก มากจนบางทีเราก็นึกไม่ถึงแกเป็นคนมองโลกในแง่ดีกับความรักมาก ไม่ว่าจะดีหรือเลวแกจะมองหาจุดดีของความรักเป็นหลัก แกอินกับบทและรักงานตัวเองอย่างถ่องแท้ พี่โอ๊คสามารถหาคำอธิบายเหตุผลต่างๆ ในเรื่องได้อย่างละเอียดหมดทุกอย่าง”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 18, 2011, 07:20:19 PM
ประวัตินักแสดง

          วรเวช ดานุวงศ์ (แดน)เกิด 16 พฤษภาคม 2527 ศิลปินนักร้องยอดนิยม มีผลงานเพลงหลายอัลบั้ม เจ้าของรางวัลด้านดนตรีตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบัน
          แดนมีความสามารถทางด้านดนตรีมากมายไม่ว่าจะเป็น กีต้าร์ คีย์บอร์ด กลองโฟร์ทอม กลองใหญ่ กลองแทร็ก ขลุ่ย รวมไปถึงการอ่านทำนองเสนาะ (ที่ 3 ของประเทศเมื่อครั้งมีประกวด)
          เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการประกวดร้องเพลงในโครงการ “พานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์” ปี 2543 ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขันระดับประเทศ เข้าเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด “อาร์เอส โปรโมชั่น” ขณะนั้นทางบริษัทได้คัดสรรเด็กหนุ่มเพื่อสร้างวงบอยแบนด์กลุ่มใหม่ขึ้น จนในที่สุดแดนได้มาเป็นส่วนหนึ่งของวง “ดีทูบี” (ปี2544) จนมีผลงานออกมาหลายอัลบั้ม ต่อมาปี 2548 ออกผลงานเพลงในนามนักร้องดูโอ “แดน-บีม” ปัจจุบันแดนย้ายมาเป็นศิลปินในสังกัดค่าย “โซนี่ มิวสิค” และมีอัลบั้มเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรกคือ อัลบั้มบลู (2552)
          ปัจจุบันมีผลงานอัมบั้ม “Solo Motion” (2544) ซึ่งแดนทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ แต่งเพลง และร้องนำ นอกจากนี้แดน วรเวชยังมีความสามารถในการแต่งและร้องเพลงประกอบละคร ภาพยนตร์ อีกมากมายหลายเรื่อง รวมไปถึงเป็นผู้กำกับ ผู้จัดและทำงานเบื้องหลังละครทางโทรทัศน์,ผู้กำกับภาพยนตร์โทรทัศน์, ครีเอทีฟงานคอนเสิร์ต, มิวสิคไดเรคเตอร์ อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์
          - “สังหรณ์” ปี 2546
          - “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” ปี 2549
          - “ห้าแพร่ง” ปี 2552
          - “32 ธันวา” ปี 2552
          - The Melody ปี 2554
          ผลงานด้านละครวัยร้ายเฟรชชี่, คู่กรรม2, พี่น้องสองเลือด, ฮอยอัน ฉันรักเธอ, นายกระจอก, มนต์รักล๊อตเตอรี่, พี่ชาย, ภูติรักนะโม, ปี่แก้วนางหงส์, สายลับเดอะซีรีส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ, กุหลาบซ่อนหนาม, สืบสวนป่วนรัก, ช็อคโกแลต 5 ฤดู, สุดยอด, สืบสวนป่วนกำลัง 3, ช่วยด้วยครับ ผมรักลูกสาวเจ้าพ่อ

          คงจะดีนะถ้าเพลงที่เราแต่งจะอยู่ในใจใครหลายๆ คน

          คนแต่งทำนอง

          หมอก แสดงโดย (ฉัตร) ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร
          หมอก หญิงสาวที่มารักษาตัวอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความสามารถในด้านดนตรี มีพรสวรรค์ ความสุขของเธอคือการแบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เธอสามารถทำได้ให้กับคนรอบข้าง และใช้เสียงเพลงบรรเทาความทุกข์ให้กับคนทุกคน เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีจุดหมายในชีวิต
          หมอกเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่รักและภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งนึงที่หมอกทำได้ดีคือการเล่นดนตรีที่ให้ความสุขกับทุกๆ คน หมอกค้นพบตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการ และวันนึงเสียงดนตรีของเธอก็นำพาใครบางคนเข้ามาในชีวิต เป็นบางคนที่มีค่าพอกับช่วงเวลาที่สำคัญของเธอ

          “(ปริยฉัตร) อ่านบทครั้งแรกก็ชอบเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วฉัตรเป็นคนชอบเล่นเปียโนอยู่แล้ว เคยเรียนเมื่อตอนเด็กๆ แล้วเป็นคนชอบบทแบบนี้มันลึกซึ้งและมีความหมายดีๆ ส่วนเรื่องคาแรกเตอร์ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนอะไรมาก ส่วนใหญ่บทที่ฉัตรเคยได้รับก็ใกล้เดียงกัน แต่นี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของฉัตรเลยค่ะ เรื่องการแสดงยังคงต้องพัฒนาอีกเยอะ เพราะการเล่นภาพยนตร์มันต้องเล่นซ้ำหลายครั้ง เราต้องจำได้ว่าเราเล่นความรู้สึกแบบไหนไปตอนไหน พี่โอ๊คช่วยได้เยอะค่ะ เขาจะคอยอธิบายความรู้สึกของตัวละครอยู่ตลอดเวลา ให้การบ้านกลับไปทำบ้าง

          คาแรกเตอร์ของหมอกดูเผินๆ อาจจะเป็นวัยรุ่นผู้หญิงธรรมดาคนนึง แต่ลึกๆ กว่านั้นเขามีอีกความรู้สึกซ่อนอยู่ เหมือนจะมีความสุขแต่ก็สุขไม่เต็มร้อย ถึงตัวหมอกจะเป็นคนที่สร้างกำลังใจให้คนอื่น แต่ก็เป็นคนที่ต้องการกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน มันเลยค่อนข้างที่จะซับซ้อน พี่โอ๊คก็จะคอยบอกความรู้สึก ณ ตอนนั้นตอนนี้ของหมอกให้เข้าใจ

          ในอีกอย่างที่สำคัญเลยคือ เรื่องนี้ก็จะได้เห็นพี่แดนและฉัตรเล่นเปียโนเองค่ะ พี๋โอ๊คจะให้เราไปฝึกมาก่อนถึงเวลามีอาจารย์มาเทรนให้อีกทีแต่ทุกฉากที่เห็นในเรื่องฉัตรก็จะเล่นเอง มันไม่หลอกไม่เขินดี พี่โอ๊คเป็นคนมีรายละเอียดเยอะมากเขาอยากให้ทุกอย่างออกมาสมจริง บรรยากาศจริง รู้สึกจริง ส่วนพี่แดนก็เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกัน
          พี่แดนเป็นคนมีโลกส่วนตัวตอนแรกก็เกร็งๆ เหมือนกันแต่ตอนหลังเริ่มคุยได้พี่แดนก็จะมีแต่มุกตลก แกล้งทีมงาน ปล่อยมุกตลอดเวลาเลยไม่เครียดกับการทำงานเท่าไหร่ แล้วไปเจอกับบรรยากาศที่แม่ฮ่องสอนก็ดูทุกคนมีความสุขไปกับบรรยากาศนั้น เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกด้วยก็เลยทำงานกันโอเคค่ะ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวพี่โอ๊คเท่านั้นที่มีความโรแมนติก ตัวพี่ผู้ช่วย พี่แดน และทีมงานคนอื่นๆ ก็จะเข้าใจความรักเป็นอย่างดีทุกคนจะอินกับมันมากค่ะ”

          ประวัตินักแสดง
          ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (ฉัตร)เกิด 11 เมษายน 2534
          การศีกษา- มัธยมจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
          - คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
          น้ำหนักส่วนสูงสูง 171
          ผลงานที่ผ่านมา
          - นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “นาทีเดียวในตอนสุดท้าย” ของโจ-ป๊อป
          - นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “ถ้าพรุ่งนี้ ฉันไม่ตื่น” ก้อง กรุณ
          - ละครช่อง 7 เรื่อง ตะวันดั่งภูผา
          - ละครช่อง 7 เรื่อง ลูกผู้ชายไม้ตะพด บริษัท กันตนากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แสดงคู่กับ ศรัณย์ ศิริลักษณ์
          - ละครช่อง 7เรื่อง เสือสั่งฟ้า (ดาริณ) บริษัท กันตนากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แสดงคู่กับ ชนะพล สัตยา
          - ผลงานสร้างชื่อ ละครร่วมทุนสร้างระหว่างไทย-เกาหลี เรื่อง “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” (วินดี้) บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทรนเม้นต์ จำกัด แสดงคู่กับ มาริโอ้ เมาเร่อ ช่อง 9

          ผลงานโฆษณาวัตสัน, M&M, เป็ปซี่, ดีแทค, สแปลช, พรีเซนเตอร์ร้านกูซ เกซ โมบาย, Levi’s ประกบ เซี่ยะถิงฟง ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ สูตร orange peel oil

          นักแสดงร่วม

          ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ (น้องใยไหม)
          รับบทเป็น “น้องพลอย”
          จุดเชื่อมต่อเล็กๆ ที่แสนน่ารักของวินและหมอก ที่ทำให้วินได้เรียนรู้ว่าตัวของเขาสามารถสร้างจุดเปลี่ยนที่ใหญ่หลวงให้กับใครบางคนได้
          ประวัติ เกิด 3 ก.ค 2548
          รางวัล
          1. รองชนะเลิศ ประกวด M&C Baby Contest 2008
          2. รองชนะเลิศ ประกวด หนูน้อย ALACTA 2008
          ผลงาน
          TVC บรีส เอ็กเซล สูตรน้ำชนิดซอง ,TVC เบบี้มายด์ ครีมอาบน้ำ, TVC ซิตี้แบงค์ เรดดี้เครดิต, TVC จอห์นสัน แป้งเย็นเด็ก ( On Air ฟิลิปปินส์),TVC ปูน SCG,รายการ TV อัฒจรรย์มันยกบ้าน ช่อง 9

          วาสนา สิทธิเวช รับบทเป็น “แม่ของหมอก”
          นักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีความสามารถทางด้านการแสดงทั้งทางภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง และละครทีวีมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน
          ประวัติ ภาพยนตร์เรื่องแรก “ครูบ้านนอก” 2521
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 18, 2011, 07:20:59 PM
DIRECTOR NOTE

          ทศพล ศรีสุคนธรัตน์

          ภาพยนตร์เรื่องนี้มันจะเป็นความรู้สึกเหมือนทุกสิ่งในโลกถึงแม้จะสวยงาม แต่มันก็จะแทรกไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไป ทุกความรู้สึกมีมันจะมีความรักแทรกอยู่ด้วยตลอด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมุมให้เราเลือกมองได้อยู่ที่ว่า ณ เวลานั้นคุณมีความรู้สึกอย่างไร
          ประเด็นหนึ่งก็คือ เรื่องของความรักที่แท้จริง หลายคนถามว่า รักที่แท้จริงคืออะไร? จริงๆ แล้วมันจะตอบอย่างไรก็ได้ อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น ผมพยายามตอบคำถามว่าความรักที่แท้จริงนั้นคืออะไร? และมันต้องทำอย่างไร? ในมุมมองของผม ผมมองว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่บางครั้งถ้าเราไม่รู้จักความรักให้ถ่องแท้
          รักแท้ไม่ใช่แค่การครอบครองร่างกาย แต่มันหมายถึงการครอบครองจิตใจ คือถ้าคนเรารักกัน ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ความรักมันก็ยังคงอยู่อย่างเข้าใจ เราเลือกยืนอยู่ได้หลายมุมมองของความรัก ทั้งโกรธ เกลียด หลง ปลื้ม เสน่หา อาลัย คิดถึง ผูกพัน ราคะ หวังดี ความรักทำให้เราเห็นอะไรได้ตั้งหลายมุม แต่มันอยู่ที่เราเลือกว่าจะยืนมองความรักของเราในมุมไหน ผมเชื่อว่ารักที่ดีจะเกิดขึ้นได้นั้นก็อยู่ที่เราเลือกมุมที่เรายืนมองความรักว่ามันเป็นมุมที่ดีจริงหรือไม่ รักไม่มีคำจำกัดความ แต่รักมีการจำกัดมุมได้ เลือกมุมความรักที่ดีได้ ความรักที่ดีก็ย่อมตามมา

          ประวัติผู้กำกับ
          ปัจจุบัน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้

          2007 – ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการบริษัท ยักษ์คู่ สตูดิโอ จำกัด
          ผลิตรายการโทรทัศน์ สารคดี โฆษณา ละคร และภาพยนตร์
          2006 - 2007 บริษัท BEC Tero Entertainment จำกัด (มหาชน)
          Producer รายการ Arsenal Dreams เรียลลิตี้ฟุตบอล
          2005 – 2006 บริษัท แกรมมี่ เทเลวิชั่น จำกัด
          Co-Producer รายการเกมวัดดวง, เกมใกล้ตัว, Open’9
          Producer รายการThe Games กีฬามหาสนุก, รายการ Unseen TV
          ผู้ช่วยผู้กำกับละครเรื่อง พ่อแกกับแม่ฉัน
          2003 – 2004 บริษัท บรอดคาสไทย เทเลวิชั่น จำกัด
          Creative ผู้คิดรายการ Siam Games เกมคนสยาม, รายการเรื่องเด็ดเกร็ดอาชีพ, รายการชิงฝันปั้นดาว
          2000 – 2003 บริษัท ว็อชด๊อก จำกัด
          Creative รายการ ชูรัก ชูรส, รายการดูละครย้อนดูตัว
          Producer รายการสารคดีกว่า 200 สารคดีของบริษัท
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 18, 2011, 07:22:03 PM
MOVIE GUIDE: The Melody รักทำนองนี้ (Official Teaser)

Ts. The Melody รักทำนองนี้ (Official Teaser)
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vgw_bicOEhU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=vgw_bicOEhU</a>
 
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 19, 2011, 07:22:57 PM
MV UPDATE: เพลงประกอบภาพยนตร์ The Melody รักทำนองนี้

          Mv.เพลงภาพยนตร์ The Melody รักทำนองนี้
          เพลงรักที่จะทำให้หนาวนี้ของคุณ อบอุ่นมากยิ่งขึ้น
          17 พ.ย. นี้ในโรงภาพยนตร์

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=m-N-gcCJRMM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=m-N-gcCJRMM</a>
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 19, 2011, 07:25:29 PM


บทสัมภาษณ์ “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ รับบทเป็น “วิน” ในภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้”
  
          วินในเรื่องนี้ เป็นยังไงบ้าง
          คาแรกเตอร์ของ วิน ในเรื่องนี้คือ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกที่สุด ไม่สนใจคนรอบข้าง มันก็เลยทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ กับชีวิตขึ้นในคือการไม่สบความสำเร็จในชิ้นงานของตัวเอง จากการที่เราไม่ฟังคนอื่นไม่ให้เกียรติคนอื่น ซึ่งบทแบบนี้ยากครับ เพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีนอยู่ตลอดเวลา คิ้วมันต้องขมวดมันก็ไม่ได้สร้างให้คิ้วขมวดหรอก แต่ว่าในเรื่องมันมักจะเจออะไรที่ไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา เห็นโน่นก็ไม่พอใจ เห็นนี่ก็ไม่พอใจ เห็นเด็กก็ไม่ชอบเด็ก แล้วชีวิตนี้มันจะมีความสุขได้ยังไงครับ ซึ่งในความเป็นจริงส่วนตัวผมเป็นคนมองโลกแง่บวก คาแรกเตอร์มันจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ก็ต้องมีการปรับจูนคาแรกเตอร์กันพักนึงเหมือนกัน ช่วงแรกๆ ผู้กำกับต้องคอยบอกว่า เฮ้ย...แดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อยตรงนี้แหละครับที่ว่ายากคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ คือต้องอย่าอารมณ์ดีมากเกินไป ตอนเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า วินเขาไม่ชอบสิ่งนี้ เราอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างงี้มันต้องรอ ก่อนแอคชั่นมันต้องมีก่อนนิดนึงได้หยุดคิดจะต้องตั้งสติแปปนึง ปรกติผมก็เล่นละครผมจะไม่ค่อยตั้งสติเท่าไหร่ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นคอเมดี้สบายๆ เลยจะปล่อยไหลไปเรื่อย แต่มีเรื่องนี้ที่ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ให้ได้

          เรื่องราวเป็นยังไง
          เรื่องราวก็จะเกิดจากตัว วินที่เป็นนักดนตรี ที่ประสบความสำเร็จมากในช่วงเวลานึง แต่ด้วยความเอาแต่ใจตัวเองของเขา ความอารมณ์ร้อน ความไม่แคร์คนรอบข้าง ไม่ให้เกียรติใคร เอาตัวเองเป็นที่หลักทำให้อัลบั้มชุดต่อไปของเขาไม่ได้อย่างที่หวัง แล้วก็มีนักร้องคนใหม่ขึ้นมาแทนที่เขา ซึ่งเขารับสภาพแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะเขาคิดว่าไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับเขาได้ ทำให้เขาต้องหนีออกไปอยู่ในโลกที่ไม่ต้องมีใครมาสนใจ เพื่อหนีความอายเพราะรับตัวเองไม่ได้ แต่การหนีไปครั้งนี้ทำให้เขาได้พบกับผู้หญิงคนนึงคือ หมอก(ฉัตร-ปริยฉัตร) หมอกเป็นผู้หญิงที่มองโลกต่างจากวินโดยสิ้นเชิง หมอกก็เลยเหมือนเป็นครูสอนชีวิตให้กับวิน ทำให้วินมองอะไรใหม่ๆทำไมคุณไม่ลองมองชีวิตแบบนี้ดูมั่งล่ะ ทำไมคุณมองโลกด้านเดียวล่ะ กลับกันดูไหมคุณลองมองโลก 2 ด้าน 3 ด้านดูบ้าง ในโลกนี้ไม่ได้มีคนที่คิดแบบคุณอย่างเดียวนะอะไรแบบนี้ วินเขาเริ่มมีมุมมองในความคิดกว้างมากขึ้น มองโลกบวกขึ้น โลกสีดำก็เริ่มเป็นสีเทา สีขาว ผู้หญิงคนหนึ่งมีความรู้สึกอบอุ่นและดีๆ ให้กับเขาที่ทำให้เขารู้สึกว่าเริ่มมีแรงบันดาลใจมาจากเธอ เริ่มทำให้รู้สึกว่าคนมันมีคุณค่ามากกว่านั้นมาทำอะไรดีๆ ให้กันเถอะ ทำให้เขาสามารถกลับมาสู้กับชีวิตของตัวเองและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคนได้

          เป็นมายังไงถึงมาเล่นเรื่องนี้ บทอย่างนี้ได้
          พี่โอ๊ค (ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ ผู้กำกับ) ติดต่อมาก่อน แล้วก็ขอนัดคุยกันสิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคือความตั้งใจของพี่โอ๊คที่ตั้งใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาก แล้วก็ผมชอบคนที่ตั้งใจในชิ้นงานของตัวเอง และรักในชิ้นงานของตัวเอง โดยที่เข้าใจกับงานของตัวเองอย่างถ่องแท้ คือถามตรงไหนมุมไหนสามารถอธิบายได้ ตอบคำถามได้หมดในทุกๆ เรื่อง ผมปิ๊งแววตาพี่โอ๊คฟังอาจจะออกแนวรู้สึกขนลุกนะ (หัวเราะ) แต่เรื่องจริงผมรู้สึกว่าเขามุ่งมันและรักงานนี้ ผมก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยากจะทำให้งานของเขาออกมาดีที่สุด แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นเรื่องของนักแสดงคนอื่น และทีมงานทุกๆ คนแล้วสุดท้ายคือตัวของพี่โอ๊คเอง ส่วนตัวผมก็คือทำหน้าที่ส่วนของผมให้ดีที่สุด และก็หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีคนชอบมันเยอะนะครับ อีกสิ่งนึงก็คือตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ เดอะเมโลดี้ เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าที่มีเรื่องราวดีๆ สอดแทรกอยู่ ผมเชื่อว่าเมื่อเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉาย น่าจะมีส่วนทำให้คนไทยรู้สึกว่า เราควรจะมีส่วนช่วยเหลือกัน เผื่อแผ่กันแบ่งปันความรักให้กันและกัน นี่คืออีกเรื่องที่เรารู้สึกว่าอยากจะถ่ายทอดมาการเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในการเล่นภาพยนตร์ก็เป็นอีกส่วนนึงที่ผมรับเล่นเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่เป็นคอมเมดี้หนักๆ มา 2 เรื่องแล้ว เหนื่อยมากเหมือนกัน มาเล่นเรื่องนี้ก็ดี ได้เล่นเปียโนบ้างได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำบ้าง

          รู้ไหมทำไมผู้กำกับถึงเลือกแดน
          ไม่รู้เลยครับ ว่าทำไมพี่เขาถึงเลือกผม แต่เหมือนเคยได้ยินว่าเพราะครั้งแรกที่คุยกัน เขาบอกว่าผมนี่แหละวินเลย (หัวเราะ) จริงๆ คืออะไรไม่รู้คงต้องลองถามพี่เขาดู
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 19, 2011, 07:27:06 PM
          ร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
          กับภาพยนต์เรื่องแรก ผมเห็นถึงพลังในการทำงาน ความละเอียดอ่อน และละมุนละไมในการคิดงานแต่ละช็อตของเขา ความใส่ใจในทุกรายละเอียดของเขาที่สามารถจำคอนทินิวได้ด้วย เดินมาหน้าเซทบอกนักแสดงได้โดยที่ตัวเองไม่ต้องถือบทอยู่ เพราะบทมันอยู่ในหัวเขาอยู่แล้ว แล้วก็บางทีก็ทุ่มเทลงทุนกลิ้งกลางถนนให้นักแสดงดู ทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้ (หัวเราะ) ผมเป็นคนที่ชอบคนที่ศัทธาในชิ้นงานของตัวเอง ตั้งใจกับงานของตัวเองเพื่อหวังว่าจะทำให้คนอื่นมีความสุขด้วยงานของเขา แล้วผมก็จะชอบมองคนที่เป็นแบบนี้ เรามองแล้วเราก็จะรู้สึกสนุกตามเขา ดูสิว่าจะทำอะไรต่อ ไหวไหม เมื่อไหร่จะหมดแรง พี่โอ๊คพลังเยอะมากขนาดแกตกบันไดขาเดี้ยงแต่ก็สามารถลุกเดินมาบอกนักแสดงเด็กๆ ในฉากนั้นว่าต้องทำอะไรยังไง ขนาดไปใส่เฝือก และมีขาหยั่งกระเพลกๆ พี่เขาก็ไม่หยุดเดินไม่หยุดที่จะทำงาน เต็มที่มากผู้ชายคนนี้นี่แหละครับความตั้งใจที่ผมเห็นในตัวเขา

          การทำงานร่วมกันกับนักแสดงน้องใหม่อย่างฉัตรล่ะเป็นยังไงบ้าง
          น้องฉัตรเป็นเด็กผู้หญิงตัวสูง สูงมาก มีความตั้งใจไม่เห็นและก็ไม่เคยได้ยินน้องบ่นอะไร ขนาดไปในที่หนาวสั่น ฝนตก อากาศไม่เป็นใจเลยบางครั้งก็ยังเฉย อยู่ได้ทุกที่จริงๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังรัก แต่การถ่ายทำในแต่ละทีก็ค่อนข้างจะทรหดมาก มีการทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ไปกลับแม่ฮ่องสอน ปางอุ๋ง ปาย ห้วยน้ำดัง ขึ้นเขาลงห้วย ต่อรถ ต่อเครื่องบิน นั่งรถนาน อากาศหนาวมาก พักผ่อนน้อย หมอกลงจัด ก็ไม่เคยเห็นน้องฉัตรบ่นสักครั้ง ถ่ายดึกแค่ไหน หรือบางทีถึงเช้าก็มีก็ไม่พูดยังมีพลังเหลือเฟือมากๆ นี่แหละครับถือว่าเป็นสปิริตนักแสดงที่ดี
          แล้วตอนที่เล่นเรื่องนี้ด้วยกันใหม่ ๆ ผมยังไม่รู้ว่าน้องเขาเล่นเปียโนได้จริง อย่างเก่งก็น่าจะจับคอร์ดได้ก๊องแก๊งทำแค่พอเหมือนว่าเล่นเป็น ได้...มั้ง ในเรื่องนี้ต้องเล่นเพลงคลาสิคของโชแปงอยู่ฉากนึงไง พอน้องมาก็เล่นเปียโนเลยคล่องแคล่วด้วย ก็ประทับใจ ดีใจเออ..เล่นได้จริงด้วยน้องคนนี้ ผมถือว่านี่มันทำให้หนังมีความน่าเชื่อถือขึ้นมามันมีความจริงเข้ามาว่านางเอกเราเล่นเปียโนได้จริงๆ เพราะฉะนั้นคนที่ดูเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่ รับรองได้เลยว่านักแสดงในเรื่องสามารถเล่นเปียโนได้เองจริงๆ ได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ได้จริง

          มีอะไรที่ต้องปรับหากันบ้างไหมในการแสดงครั้งแรกด้วยกัน
          กับฉัตรเขาค่อนข้างโอเคน้องเขาเป็นคนสบายๆ แล้วช่วงแรกบทของเขายังไม่มีอะไรมากที่ต้องกังวล คงจะปรับที่ตัวผมเองนี่แหละครับ เพราะก็เล่นกันไปหลายเทคเหมือนกันตอนแรกอย่างที่บอกว่ามันยังจับคาแรกเตอร์กันไม่ถูกทั้งที่มีการเวิร์คช๊อปกันก่อนหน้านี้แล้ว พอถึงสถานที่จริงมันต้องเปลี่ยนตัวเองให้นิ่งลงเยอะมากจริงๆ เพราะว่าผู้ชายคนนี้ ตัววินเองเป็นคนมองโลกในด้านลบอย่างสิ้นเชิง อยู่กับตัวเอง ไม่เคยออกมาเจอโลกภายนอก ภาพที่เห็นข้างหน้าเป็นภาพแรกและภาพที่แปลกใหม่สำหรับตัววิน ผมเคยสงสัยในคาแรกเตอร์ของวินว่า มีด้วยเหรอคนที่ไม่เคยมาเดินถนนคนเดิน ไปเคยเดินตลาดนัด ทำไมเขาตกใจกับไอ้สิ่งของที่มันขายอยู่ข้างถนน หรือ ไม่เคยเปิดดูเสิร์ทเนท หรือตามภาพที่ระลึกดูทุ่งดอกบัวตองมั่งเลยหรอ ไม่เคยเห็นหรือว่ามันมีอย่างงี้ด้วยหรอบนโลกใบนี้ ซึ่งอยากจะบอกคนที่ชมภาพยนต์เรื่องนี้ว่า นี่แหละครับคือคาแรกเตอร์ของตัววิน เขาอยู่กับตัวเองจริงๆ ไม่มีความสนใจโลกภายนอก รู้แต่ว่าฉันจะเล่นเปียโน ฉันจะทำเพลง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ชีวิตฉันมีแต่เปียโน หลังจากได้พบกับนางเอกจึงทำให้รู้ว่าโลกมันกว้างกว่าที่คิด และสวยงามกว่าที่คิดไว้มาก มันเลยทำให้การมารับบทในช่วงแรกของผมค่อนข้างติดขัด ปรับอารมณ์ไม่ถูกไม่รู้จะอารมณ์ไหนดี พี่โอ๊คก็ต้องมาอธิบายให้ฟังว่าตอนนี้ต้องเป็นยังไง รู้สึกยังไง

          การทำงานในวันแรกของเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
          วันแรกเราถ่ายทำกันที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในตัวอำเภอไปถ่ายซีนปล่อยกระทงสวรรค์กัน ในเรื่องตัววิน และหมอกไปเที่ยวในเมืองกันเดินเล่นไปตามถนนคนเดินไฟดับเห็นดาว ก็โรแมนติกกันไป พอมาถึงหน้าวัดจองคำก็มีการปล่อยกระทงสวรรค์ตามประเพณีพื้นบ้าน ในฉากจะสวยงามมากมีลูกโป่งติดกระทงลอยขึ้นฟ้ามากมาย หลากหลายสีสัน แต่เบื้องหลังนี่ปล่อยกันไปทั้งคืน ตี 3 ก็ยังปล่อยกันอยู่ ไม่รู้ไปหากระทงจากไหนกันมาเยอะแยะ ทีมอาร์ทก็ช่างขยันเป่าส่งมาเรื่อยๆ เราก็ได้แต่ลุ้นว่าให้ทีมอาร์ทเขากระทงหมดสักทีจะได้เลิกถ่าย แต่ก็ไม่หมดสักที (หัวเราะ) พวกเณรในวัดก็ออกมาช่วยกันสูบลูกโป่งด้วย ตรงนี้ก็ขอขอบพระคุณที่ทำให้งานวันนั้นสนุกดีครับ เป็นภาพที่แปลกดีมีชาวบ้านมีเณรมาช่วยจนวันนั้นเหมือนมีงานปล่อยกระทงสวรรค์จริงๆ ประทับใจมากครับ

          ได้ไปถ่ายทำกันหลายที่มาก แต่ละที่เป็นยังไงบ้าง
          เราไปกันหลายที่ครับมีทุ่งดอกบัวตอง มีห้วยน้ำดัง ปางอุ๋ง ที่ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอเราได้เห็นความอะเมซซิ่งไทยแลนด์ ที่นี่ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับคนที่เคยเห็นแต่ในรูปภาพ หรือมองในรูปถ่ายและได้แต่พูดว่าสวยจัง จะสวยจริงหรือเปล่าต้องมาดูด้วยตาตัวเองครับ ผมการันตีความงามของทุ่งนี้เลย แล้วก็จริงอย่างที่ตัววินในเรื่องได้เห็นครั้งแรกถึงกับร้องออกมา เพราะมันสวยงามมาก ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนมาเที่ยวตลอดทุกช่วงเวลาเลยครับ การถ่ายทำในวันนั้นก็มีอุปสรรคบ้างทั้งคนและอากาศที่เดี๋ยวร่มเดี๋ยวแดด แล้วสีโดยรอบเป็นสีเหลืองแดดมาหรือแดดหุบสีบรรยากาศมันจะเปลี่ยนไป เช้าไปถึงนี่ก็หนาวปากสั่นเหมือนกันครับ พอแดดเริ่มออกก็เริ่มร้อน ปรับอารมณ์ไม่ถูก ก็ใช้เวลาถ่ายทำกับที่นี่ไปพักใหญ่เหมือนกัน
          แล้วก็มีไปถ่ายทำกันในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปถ่ายร้านกาแฟกันเป็นร้าน บีฟอร์ซันเซท บนเนินเขา เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เห็นวิวสวยงามมาก จิบกาแฟกันไปดูพระอาทิตย์ตกดินไป แต่ตอนถ่ายทำนี่สิครับพวกเราก็กลัวว่า ซันมันจะเซทลงเร็วจนถ่ายไม่ทัน (หัวเราะ) ตอนแรกก็นั่งลุ้นกันไปครับว่าเมื่อไหร่ซันมันจะเซทลงสักที แดดมันมาเยอะเกินไปถ่ายไม่ได้ย้อนแสง ผู้กำกับพยายามจะถ่ายทำช่วงเวลาที่พระอาทิตย์มันใกล้ๆจะตก แสงมันจะสวยที่สุด บังเอิญครับลืมนึกไปว่ามันเป็นหน้าหนาว พระอาทิตย์มันจะลงเร็วมาก วูบเดียวเองครับลงหายไปเลย แสงหมดเร็วมาก ตอนนั้นทีมงานและนักแสดงเหมือนทำงานไปเต้นไปกระตือรือร้น วิ่งกันชุลมุนวุ่นวาย วันที่ถ่ายที่นั่นก็เลยจะเกิดอาการมึนงงครับ เอ๊ะ...อะไรผ่านไป เอ๊ะ...เราถ่ายอะไรไป (หัวเราะ) ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นการถ่ายทำหนังโรแมนติกที่สนุกตื่นเต้นระทึกใจ เพื่อที่จะได้ถ่ายทำทันแสงสุดท้ายของวัน แต่คุ้มกับความสนุกในวันนั้นครับเพราะแสงที่ได้มา บรรยากาศที่ได้มาตรงนั้นออกมาสวยมาก ผมว่าฉากของที่นี่น่าจะเป็นบรรยากาศในฝันของใครหลายคนเลยนะครับ
          แล้วก็เดินทางไปถ่ายทำที่ห้วยน้ำดัง ออกจากแม่ฮ่องสอนประมาณตี 3 พวกเรากะว่าจะไปนอนต่อในรถระหว่างทาง แต่เป็นการหลับที่ยากมาก แค่หลับในรถก็ยากอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เราต้องคอยเซทตัวเองกลับขึ้นมานั่งตรงๆ บนเบาะใหม่ตลอด (หัวเราะ) โค้งมันเยอะมาก ซ้ายทีขวาที ไม่รู้ว่าคนขับจะขัดเบาะให้ลื่นทำไม แค่โค้งอย่างเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ปรกติแกไม่ขัดเบาะนะ แต่แกคงเห่อรถใหม่วันนั้นแกขัดเบาะมาพอดี สรุปคือนอนไม่ค่อยจะหลับ มีสัปหงกบ้างตื่นมาอีกทีก็อยู่บนยอดเขาแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลยข้างหน้ามีแต่หมอกและฝน ตกปรอยๆ แล้วก็หนักสลับกันไป จนทีมงานตัดสินใจว่าต้องถ่ายละรอไม่ได้แล้วก็ตากฝนปรอยๆ กันไปเรื่อย
          ฉากนี้เป็นฉากที่วิน และหมอกมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น ลืมตามาต้องเห็นพระอาทิตย์เลย เจ้าหน้าที่ที่ห้วยน้ำดังบอกว่าถ้าวันไหนฝนตกก่อนตอนเช้า ตรงจุดที่เราอยู่จะเป็นจุดที่เห็นหมอกสวยที่สุด พวกเราก็ดีใจกันมาก พี่โอ๊คดีใจมาก พวกเราต้องได้เห็นทะเลหมอกที่สวยที่สุดแน่เลย แต่ฝนไม่ยอมหยุดตก มันตกลงมาเรื่อยๆ 7 โมงก็แล้ว 8 โมงก็แล้ว 9 โมงพระอาทิตย์ก็ยังไม่มา สว่างไปทั่วทุกที่แล้ว สรุปพระอาทิตย์เลยจุดที่มันต้องขึ้นไปแล้ว ไม่เห็นลำแสงลย เจ้าหน้าที่มาบอกว่าวันนี้หมอกลงหนาสุดเป็นประวัติการณ์เลย จนพวกเรายอมถอดใจแล้ว ก็เก็บบรรยากาศหมอกหนาบนห้วยน้ำดังไป ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ แปลกดี
          ฉากต่อไปจากห้วยน้ำดังเราก็ต้องลงมาเพื่อถ่ายฉากขับรถบนถนนสวยๆ มีการติดตั้งอุปกรณ์บนรถแต่เราไม่สามารถถ่ายทำกันได้เพราะหมอกลงหนามากมองไม่เห็นถนน มันไม่ปลอดภัยสำหรับทีมงานและผู้คนที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมา ถนนมันแคบ โค้งเยอะ และระยะการมองเห็นเลวร้ายมาก ประมาณ 5 เมตรนี่ก็มองไม่ค่อยจะเห็นแล้ว มันเสี่ยงเกินไปบริษัทก็ไม่รู้ทำประกันให้ทีมงานหรือเปล่า (หัวเราะ) วันนั้นก็เลยเป็นอันต้องยุติการถ่าย และก็ติดหมอกอยู่บนกิ่วลมจนมืดค่ำ ไม่มีที่หลบฝน หลบลมหนาว มีแต่ร้านกาแฟเล็กๆ สี่เหลี่ยมเราก็ไปยืนออกินมาม่าและกาแฟกันไป
          ในเรื่องนี้เราก็เดินทางไปที่ปางอุ๋งกันด้วย ปางอุ๋งก็เป็นอีกที่หนึ่งที่เดินทางกันจนอยากจะอาเจียนโค้งมาก เพราะโค้งมันเยอะจริงๆ แต่พอไปถึงแล้วมันหายเหนื่อยเราได้เจอกับโลเคชั่นที่มันสวยงามจริงๆ เขาบอกว่าปางอุ๋งเหมือนเมืองในเทพนิยายมีคนเขาเปรียบเทียบเอาไว้อย่างนั้น เพราะมันมีทั้งทะเลสาป ต้นสน ต้นไม้ต่างๆ มีหงส์ลอยคออยู่ ทุกอย่างถูกจัดวางเอาไว้อย่างลงตัว แล้วก็มีหมู่บ้านที่เขายังรักษาขนบธรรมเนียมของพวกเขาเอาไว้ได้อยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบนั้นได้อย่างแท้จริง วันนั้นที่ไปถ่ายทำก็เป็นฉากที่ วินกับหมอกลงไปนั่งเล่นแพในทะเลสาป ดื่มด่ำกับบรรยากาศโรแมนติก ในใจผมก็คิดว่าทริปนี้สบายละ ชิวๆนั่งชมวิวไปง่ายๆ แต่ทีมงานรีบกันใหญ่เพราะต้องการแสงแรกของวัน ตอนเช้ามืดเราถ่ายทำฉากที่นอนอยู่นอกเต้นท์กันสองคนระหว่างนางเอกกับพระเอก แล้วก็ต้องรอว่าเช้ามาไปนั่งแพเล่นต่อ ผมก็ชิวมากและก็นั่งลุ้นว่าทีมงานจะถ่ายทำกันทันแสงเช้าอีกไหม (หัวเราะ) สนุกดีครับ ตอนไปนั่งแพก็อากาศดีมาก อากาเศเย็นสบายบนสายน้ำสวยๆ จนผมไม่อยากขึ้นมาเลย แทบจะเคลิ้มหลับตรงนั้น
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 19, 2011, 07:28:32 PM
          แสดงว่ามีอุปสรรคในการถ่ายทำที่นั่นตลอด?
          ผมคิดว่าทีมงานเตรียมตัวกันมาค่อนข้างดีนะครับ การที่เราจะไปถ่ายทำในสถานที่ที่มันยากลำบาก มันก็ต้องมีการวางแผนมาดีแล้ว เพราะมันมีขึ้นขาลงห้วย ต่อรถต่อเครื่องบิน ผมว่าทุกคนก็ทำให้ทุกฉากที่เราต้องการได้ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี

          เป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้วหรือเปล่า
          จริงๆ ผมเป็นคนชอบท่องเที่ยวครับ ความใผ่ฝันสูงสุดก็คือเมื่อทำงานตรงนี้แล้วก็ดูแลคุณพ่อคุณแม่มีเงินดูแลเขาดูแลครอบครัวได้ แล้วอยากใช้ขีวิตด้วยการเที่ยวรอบโลกเลยครับ ผมว่าการเดินทางมันสร้างประสบการณ์มันทำให้เราได้โลกมันกว้างอย่างที่ตัววินเองได้เห็นแล้วว่า การที่คุณออกมาเดินทางมันสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้ สร้างความหวัง สร้างโลกใหม่ให้กับเราให้มันสวยขึ้นได้ ซึ่งเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมเดินทางมาหลายประเทศแล้ว ผมรู้สึกว่าแต่ละที่มันมีเสน่ห์อะไรบางอย่างทำให้เรากลับมาคิดและสร้างแรงบันดาลใจกับก้าวใหม่ๆ ให้กับชีวิตของเราได้ แต่ก็ขอเลือกประเทศที่โค้งมันน้อยกว่านี้หน่อยนะครับ (หัวเราะ)

          เรื่องนี้ต้องถ่ายทำกับเด็กๆ ด้วยเป็นอย่างไรบ้าง
          ใช่ครับ ผมไม่เคยเล่นละคร หรือภาพยนตร์ที่ต้องเล่นกับเด็กเยอะขนาดนี้ ส่วนตัวแล้วผมโอเคกับเด็กอยู่แล้ว ทีมงานอาจจะเหนื่อยหน่อยที่ต้องดูแลเด็ก คือพอคัททีนึงก็ต้องเอาขนมไปป้อนทีนึง ดูแลเด็กอย่าให้เด็กร้อนอย่าให้เด็กเหนื่อย อย่าให้เด็กหิว อย่าให้อะไรอย่างงี้ ซึ่งน้องๆ ก็เก่งก็น่ารักกัน แต่จังหวะหมดแกหมดจริงๆ คือเด็กเนี่ยเวลาแกหมดอย่าไปจูนแก ปล่อยแกนอน หรือไม่ก็ยกแกออกจากที่ตรงนั้น ไม่งั้นแกจะยืนบิด แล้วแกจะไม่เอาบท จะบิดอะไรอย่างงี้ ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งเหมือนกันที่ผมเองก็มีความสุขในความทุกข์ของทีมงาน ผมก็นั่งดูเด็กด้วยความเพลิดเพลินดูเด็กร้องไห้ แต่ทีมงานนั่งเครียด ผมก็มีความสุข รู้สึกว่ามันส์ดี (หัวเราะ)

          ฉากไหนยากสุดตั้งแต่ที่ถ่ายทำกันมาในเรื่องนี้สำหรับแดน
          อย่างที่บอกไปตอนต้นคือความยากของเรื่องนี้คือมันยากที่คาแรกเตอร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทั้งเรื่องมีมวลของความยากทั้งเรื่องอยู่แล้วทั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคาแรกเตอร์ของตัวพระเอก เรื่องของมุมมองความรัก ที่รักกันแต่ไม่รู้ว่ารัก ใช่ไม่ใช่ รักหรือเปล่า มันเล่นยากครับ มันมีชั้นของความเป็นดราม่าอยู่ที่ทำให้เล่นยาก ต่อไปอุปสรรคของความสามารถในเรื่องเปียโน มีอยู่วันนึงเป็นวันที่ต้องเล่นเปียโน และคุยกับนางเอกไปด้วย คือผมเองไม่เคยเล่นเพลงคลาสิคมาก่อน ต้องมาเล่นเพลงคลาสิคในเรื่องนี้ด้วย ก็มีต้องไปซ้อมกันมาก่อนในช่วงเวลาที่มันบีบรัด แต่ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้ พอถึงเวลาถ่ายทำจริงมันสั่น ไม่ได้สั่นเขินนางเอกเล่นนะ แต่สั่นต่อไปมันโน๊ตอะไรหว่า ผมเคยคุยกับพี่โอ๊คว่าขอเล่นอย่างเดียวไม่พูดบทได้ไหม เล่นก่อนแล้วค่อยมาพูดบทอีกทีนึง พี่โอ๊คก็บอกว่าไม่ได้มันต้องเล่นไปคุยไปมองไปอะไรอย่างงี้ครับ ต้องดูเป็นโปรเฟชชั่นนอล (หัวเราะ) สรุปฉากนั้นก็หลายเทคมากนานมาก จนแบบหลอนไปเลย หลอนกับเพลงๆ นี้ไปเลย แต่มันออกมาได้เราก็ดีใจที่เราทำมันได้สำเร็จอะไรอย่างงี้ครับ
 
          แล้วมีฉากไหนประทับใจเป็นพิเศษบ้างไหม
          ผมว่าแทบจะทุกซีนที่ผมไปถ่ายทำ มันเป็นเรื่องของประทับใจเกี่ยวกับโลเกชั่น โลเกชั่นที่ได้เดินทางมาภาคเหนือ คือผมไปผมแทบไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้เลย ผมจะปล่อยให้หนังเรื่องนี้เป็นการรวมภาพประทับใจของผมเอง ที่ผมไม่ต้องมีรูปภาพ แต่ผมมี DVD บลูเลย์ 3D ทำหรือเปล่า (หัวเราะ) มีทุ่งบัวตองลอยมาที่หน้าเก็บเอาไว้แค่นั้นก็พอนะครับ เพราะแต่ละที่มันโดดเด่นที่ตัวมันเอง และการถ่ายทำส่วนใหญ่ถึงจะมีอุปสรรคแต่ก็เป็นอุปสรรคที่เรียกความประทับใจ รอยยิ้มได้ ทุกคนกังวลแต่ไม่มีใครเครียดกับมันจนเกินเหตุ ติดหมอกติดฝนก็ยังหาอย่างอื่นมาคุยมาทำกันจนมันผ่านทุกอย่างไปด้วยดี

          พอเล่นไปสักพักแล้ว รู้สึกว่าบทแบบนี้เหมาะกับเราไหม
          คงเป็นเรื่องของการตัดสินของผู้ชมครับ แต่โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วครับ
          โรแมนติกหรือคอเมดี้ เพราะว่ามันถ่ายง่าย มันไม่เหนื่อย ไม่หนัก ไม่ร้อนมาก ไม่ต้องขึ้นสลิง ไม่ต้องต่อยตีกับใคร จริงๆ นะ ชอบมาก ติดต่อมารีบรับเลยโรแมนติกคอเมดี้เนี่ย (หัวเราะ)

          แสดงว่าก็ต้องชอบดูภาพยนตร์แนวนี้ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?
          ใช่ครับ จริงๆผมเป็นคนที่ชอบเรื่องราวมุมมองของความรัก แล้วการทำงานหรือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดออกมาจากมุมมองความรัก ผมว่ามันมีค่าเพราะว่าความรักเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่เป็นความรักของเพื่อน พ่อแม่ ครอบครัว หรือหนุ่มสาวก็ตาม ผมจะชอบดูเรื่องราวแบบนี้ ดูแล้วมีความสุขที่ได้เห็นคนมีความรักให้กันและกัน มีเรื่องของคนที่ทะเลาะกันแล้วคืนดีกัน ผมรู้สึกว่าผมชอบดูหนังที่โรแมนติก หรือแบบฟีลกู๊ด เรื่องที่มีความรักดีๆ ประทับใจให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

          มุมมองความรักของแดนเป็นยังไง
          คือถ้าเป็นนิยามของความรัก ผมจะมองว่าความรักมันคือความเข้าใจนะครับ ผมแค่รู้สึกว่าคนเราถ้ารักกันแล้ว เราเข้าใจกันทุกอย่างมันไม่มีปัญหาเลย มันเข้าใจว่าแฟนเราเป็นคนนิสัยยังไง เป็นคนแบบนี้นะ ชอบพูดเสียงดังในเวลาหิว ขี้โวยวาย ขี้งอนนะ พอรู้แบบนี้เราก็จะไม่โกรธกัน ไม่ทะเลาะกัน แฟนเรานอนกรนสำเนียงแปลกๆ เราก็จะเข้าใจว่าเขาเป็นแบบนี้ เราจะไม่รู้สึกหยึย หรือรังเกียจหรือรับไม่ได้ นี่แหละครับผมว่าความรักคือความเข้าใจกัน ถ้าทุกคนเข้าใจกันทุกอย่างมันจะดีเอง
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 19, 2011, 07:29:42 PM
          เชื่อในรักแท้ไหม
          รักแท้มีจริงครับผมว่า แต่อาจจะน้อยลงสมัยนี้ พรหมลิขิตก็คงมีแต่อันนี้ไม่กล้ายืนยันเพราะว่าไม่รู้มันเรียกว่าอะไรกันแน่ ไม่รู้ว่าพรหมลิขิตหรือความบังเอิญ แล้วอีกอย่างที่อยากจะพูดคือวัยรุ่นยุคหลังๆ มองเห็นความรักเป็นเรื่องฉาบฉวยครับ จะพูดคำว่ารักบางทีมันง่ายมาก บางทีไม่มองหน้ากันก็บอกรักกันได้แบบพอรู้จักกันก็ฉันรักคุณแล้ว บีบีหากัน ส่งเมล์เล่นเอ็มต่างๆ นานา รักกันโดยยังไม่เห็นหน้า มันเลยทำให้ทุกอย่างมันดูมีคุณค่าน้อยลงสำหรับเด็กยุคนี้ ซึ่งมันควรจะมีหนังที่เพิ่มมุมมองสร้างคุณค่าของความรักให้เด็กยุคนี้ได้เยอะๆ มันก็คงจะดี เด็กสมัยนี้จับมือกันง่าย ผู้หญิงผู้ชายถูกตัวกันเป็นเรื่องปรกติ ความอยากรู้อยากลองของเด็ก รสนิยมหรือว่าความคิดของเด็กมันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนกว่าจะสัมผัสร่างกายกันได้บางคนอาจต้องแต่งงานกันก่อนด้วยซ้ำ หรือการรักนวลสงวนตัวของคนสมัยก่อนเป็นเรื่องที่ถูกอบรมกันมา มันไม่ต้องเคร่งครัดกันจนเกินไปแบบสมัยก่อนก็ได้ แต่สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนไป ถ้าใครยังรักนวลสงวนตัวอยู่จะรู้สึกว่า อี๋ ซึ่งมันไม่ถูก คิดแบบเก่ากันเหอะ มันทำให้ตัวเองดูมีคุณค่าขึ้นนะ ในมุมมองของผมจากที่เราพูดเรื่องความรักกันมา ก็ไม่ได้ตั้งใจจะโยงเข้าประเด็นของภาพยนต์ แต่นี่คืออีกเหตุผลนึงที่ผมรับเล่นภาพยนต์เรื่องนี้ เพราะว่านี่แหละครับมันเป็นการถ่ายทอดมุมมองความรักที่มันควรจะเป็น ให้กับวัยรุ่นยุคนี้ได้รับรู้กันว่า ความรักมันควรจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ศึกษากัน ทำความเข้าใจ ทำความรู้จักมุมมองต่างๆ ของเขา สิ่งแวดล้อมของเขา ก่อนที่จะตัดสินใจบอกรักเขาไป หรือว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับเขานานๆ แล้วภาพยนต์เรื่องนี้เป็นแบบนั้น เขาใช้เวลาศึกษากันทำความเข้าใจกัน จนเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน วินและหมอกเขาก็ใช้เวลาด้วยกันก่อนที่จะพูดคำว่ารักกันออกมา

          เรื่องเพลงบ้างทำไมถึงหันมาสนใจการแต่งเพลงภาพยนตร์เรื่องนี้?
          ในเรื่องวินต้องเป็นคนเขียนเพลงนี้ขึ้นมา ซึ่งผมอยากให้คนดูได้รับรู้ว่า มันเกิดจากตัวนักแสดงคนนึงที่รู้สึกอย่างนั้นที่ถ่ายทอดออกมาจริงๆ ในเมื่อเปียโนเราก็เล่นกันเอง เพราะฉะนั้นการถ่ายทอดอะไรดีๆ ของเรื่องนี้อย่างเพลงประกอบภาพยนต์มันน่าจะเป็นเรา ซึ่งผมก็ได้โจทย์นี้มานานแล้ว กับเพลงที่ชื่อว่า “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” ได้โจทย์มานานแล้วแต่ไม่แต่งสักที ไม่ใช่ว่าต้องรอฟิลอะไรนะครับแต่ว่ามันอยากจะรอให้ตัวเองได้ซึมซับกับความรู้สึกของภาพยนต์ ของสถานที่ต่างๆ ที่เราได้ไป ให้เรารู้สึกเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้มีคุณค่ากับชีวิตเรา เราเริ่มรู้สีกดีกับเขา เริ่มรู้สึกกับสิ่งต่างๆ ผมถึงเริ่มลงมือเขียน ตอนนั้นก็เริ่มต้นจากการเขียนท่อนฮุคก่อนเพราะแต่งต่อตอนนั้นเลยก็ไม่ได้ คิดไม่ออก ตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะรอให้หนังจบก่อนแล้วจะคิดต่อ แต่เพราะว่าต้องมีฉากคอนเสิร์ตแล้วเราต้องเล่นเพลงนี้จริง แต่จะไม่เขียนเดี๋ยวนั้นที่ได้โจทย์มา ก็ต้องรอให้เรารู้สึกกับสิ่งต่างๆ จริงก่อนอย่างที่บอก มันจะได้ถ่ายทอดมาได้อย่างเข้าใจจริงๆอย่างอินโทรเพลงนี้ผมก็นั่งคิดตอนที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ที่ปายกับฉัตร แล้วอยู่ๆ อินโทรนี้ก็ผ่านเข้ามาในหัว ผมก็เล่นอินโทรขึ้นมาแล้วก็ถามพี่โอ๊คว่าโอเคกับอินโทรอันนี้ไหม ถ้าโอเคผมก็อัดเอาไว้ พี่โอ๊คบอกเอาชอบ

          วางแผนอะไรไว้กับวงการภาพยนต์และวงการเพลงไว้บ้าง...
          คงไม่มีแผนอะไรที่แน่ชัดและตายตัว แต่คงชัดตรงที่ว่าเราทำในสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกดีรู้สึกว่าตัวเองทำแล้วมีความสุขในช่วงเวลานั้น แล้วก็น่าจะสร้างความสุขให้กับคนในช่วงเวลานั้นได้ ผมคงไม่วางว่าปีนึงจะเล่นหนังเรื่องนึงหรือว่าปีละเรื่อง หรือทำเพลงอัลบั้มนึงปีนึงอะไรแบบนี้ คือแค่อยากรู้สึกว่าเจอบทที่มันใช่ อาจจะ 3 ปีแล้วเจอบทๆนึง แต่เรารู้สึกว่ามันมีความสุขแล้วคนน่าจะชอบเราเล่นแบบนี้ผมถึงจะเล่น เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะต้องยอมว่าอาจจะมีกินน้อยหน่อย (หัวเราะ) แต่เราต้องมั่นใจว่าเราจะถ่ายทอดมันออกมาได้ดีกว่า

          ไม่คิดจะเป็นนักแต่งเพลงภาพยนตร์กับเขาบ้างหรอ
          ยังไม่คิดครับ เรายังไม่มีเวลาอยู่กับชิ้นงานใดมากๆ เพราะการแต่งเพลงเพลงนึงมันใช้สมองเยอะ ถ้าจะให้ดีเราต้องเข้าไปซึมซับกับนักแสดงกับตัวบทภาพยนตร์มันถึงจะออกมาภาพชัดที่สุด ซึ่งเราคงไม่มีเวลามากขนาดนั้น ผมขอทำเป็นงานอดิเรกดีกว่า

          อยู่ในวงการมานาน อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรในวงการเราบ้าง
เมื่อหลายปีมาแล้ว หนังไทยสามารถฝ่าวิกฤตมาได้ จนคนไทยเริ่มยอมรับการดูภาพยนตร์ไทยขึ้นมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นเมื่อเราเริ่มสร้างศัทธาให้กับคนไทยได้ อย่าให้คนดูเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย...กลับไปดูหนังฝรั่ง หนังเกาหลีอย่างเดิมดีกว่า เพราะว่าคนไทยเริ่มคิดน้อยลง ไม่ได้พาดพิงถึงใครเลยนะครับ ผมแค่อยากจะบอกผู้กำกับหรือว่าทีมงานหลายๆท่านว่า เมื่อคุณมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์ผลงานเต็มที่กับมันนะ ตั้งใจกับมันละเอียดกับมันเลือกมุมมองที่ดีๆ ที่คิดว่าสร้างสรรค์ให้กับคนดูได้จริงๆ ละเอียดกับมันนิดนึง สร้างศรัทธาให้กับแฟนภาพยนตร์อีกครั้ง แล้ววงการภาพยนตร์ไทยมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่าพยายามปล่อยชิ้นงานที่ทำให้คนดูผิดหวัง ทำมันให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าทำให้เวลาและงบประมาณมันมาบีบคั้นมาก ส่วนมุมมองที่อยากจะบอกคนดู แค่อยากจะบอกให้คนดูเลิกเปรียบเทียบระหว่างภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์ฝรั่ง คืออย่างภาพยนตร์แอ็คชั่นหรืออะไรก็ตาม ที่เขาบอกว่าทำไมทำซีจีได้แค่นี้ ต้องเข้าใจก่อนว่าภาพยนตร์ไทยมันมีงบประมาณมากสุด 100 ล้าน หรือ 50-60 ล้าน สำหรับการทำคอมพิวเตอร์เอฟเฟคต่อเรื่องนึง แต่ต่างประเทศเขามีเป็นพันๆ ล้าน ซึ่งแน่นอนมันไม่มีทางเทียบเท่ากันได้ เราก็ดูที่ความตั้งใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกันดีกว่า เมื่อเราให้กำลังใจกันแล้ว เมื่อวงการเรามันพัฒนาไปมากขึ้นรับรองว่าคุณจะได้ดูหนังที่มันมีโปรดักชั่นเทียบเท่าสักที ก็ฝากเอาไว้ด้วย เป็นกำลังใจให้กับคนทำภาพยนตร์ และดูหนังทุกคน
          ส่วนวงการเพลงเราคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพราะเราก็คงห้ามเรื่อง CD เถื่อนไม่ได้อยู่แล้ว ช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ เราขอคารวะท่าน แต่วันนี้เราสะใจมากที่ CD เถื่อนโดนดาวน์โหลดเข้าไป จ๋อยเลยครับ CD เถื่อนโดนก๊อป CD เพลงออริจินัล โดนซีดีเถื่อนก๊อป บิทเทอเรนก๊อปซีดีเถื่อน ขายกันแบบว่าขาดทุนกันยับ นี่ไงรู้ซะบ้างว่ามันเป็นยังไงก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก มันก็อยู่ที่วิจารณาณของผู้บริโภคงานแหละว่าจะให้ศิลปินอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน

          มีอะไรอยากฝากกับคนดูกับผลงานภาพยนตร์ในครั้งนี้บ้าง
          อยากจะฝากผลงานเรื่องเดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้ไว้ด้วยครับ เหตุผลที่ต้องเข้าไปดูในฐานะนักแสดงคนนึง ในมุมมองของผมอยากจะบอกว่าคุณเข้าไปจะได้รับรู้เรื่องราวดีๆ ได้รับรู้และซึมซับกับความรักที่บริสุทธิ์ทั้งของพระเอกนางเอก และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถ้าใครที่เป็นคนชอบหนังภาพสวย ค่อนข้างมั่นใจว่าคุณจะได้เห็นสิ่งนั้น ไปฟังเพลงกันเพราะๆ กัน นี่เป็นอีกเรื่องนึงที่ภาพยนตร์มีเพลงที่มีความหมายดีๆ ความหมายที่สร้างสรรค์ให้คนหันมารักกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนรักกันมากๆ เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กันต่อๆ ไป ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องเดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้กันทุกๆ คนครับ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 17 พฤศจิกายน
Post by: FB on October 26, 2011, 06:38:52 PM
“แดน”สู้หนาวสวีท “ฉัตร” กลางทุ่งดอกบัวตองสุดโรแมนติก

    
  
           สวีทหวานจ้องตากันหวานฉ่ำเกินหน้าดอกบัวตองที่กำลังบานสะพรั่งเลยทีเดียว สำหรับคู่พระนาง “(แดน) วรเวช ดานุวงศ์ และ (ฉัตร) ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร” จากภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่าเรื่อง “เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้” หนังใหม่แกะกล่องของค่ายหนังยักษ์ สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ภายใต้การโปรดิวซ์อีกครั้งของ “จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ”

          โดยผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรง “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” นำทีมงาน และนักแสดงกว่า 50 ชีวิตไปถ่ายทำกันไกลถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองแห่งสายหมอกและลมหนาวที่มีแต่โลเกชั่นสุดโรแมนติกเต็มไปหมด ช่วยบิ้วอารมณ์ของคู่พระนางในฉากที่ “หมอก” แสดงโดย (ฉัตร) สาวจอมตื้อขี้แกล้งพา “วิน” (แดน วรเวช) มาเที่ยวชมความสวยงามที่ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งวินเป็นนักดนตรีชื่อดังจากเมืองหลวงขี้วี นและเอาแต่ใจ ผู้ไม่เคยได้ท่องเที่ยวเยี่ยมชมธรรมชาติแบบคนธรรมดาเดินดิน พอเห็นบรรยากาศที่สวยงามอยู่ตรงหน้าก็เกิดความประทับใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเที่ยวกันแบบสองต่อสองกับนางเอก

          ซึ่งการถ่ายทำในครั้งนี้อยู่ในช่วงที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เพราะดอกบัวตองจะบานแค่ปีละไม่กี่วันเท่านั้น ทีมงานเลยต้องหลบมุมกล้องกันอย่างพิถีพิถันกว่าจะได้ฉากที่สบายตา ก็เล่นเอาพระอาทิตย์เกือบจะตรงหัว นอกจากนี้อุปสรรคอีกอย่างที่ยากแสนเข็ญ ก็ดูเหมือนจะเป็นฉากที่ต้องจ้องตากันอย่างลึกซึ้ง และความเขินอายของพระเอกนางเอกนะแหละ กว่าจะสื่ออารมณ์ว่ามีความรู้สึกดีๆ ต่อกันก็ทำเอาผู้กำกับลุ้นจนตัวโก่ง เพราะหน้าตาของหนุ่มแดนยิ้ม เห็นลักยิ้มทีไรทำให้นึกถึงความทะเล้น ที่เป็นภาพจำจากหนังเรื่องอื่นๆที่ผ่านมาตลอด จนบางทีน้องฉัตรก็อดขำไม่ได้จนต้องขำหลุดออกมาทุกที ที่ต้องนานก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักหนา แต่พระเอกของเรานี่สิ เรื่องนี้คาแรกเตอร์ไม่ใช่หนุ่มอารมณ์ดีซะแล้ว เวลาจะยิ้มจะทำอะไรต้องคงนิสัยมาดขรึม ไว้ตัว ออกจะหยิ่งๆ บ้างในบางทีนี่แหละ เลยทำให้การยิ้มแบบส่งอารมณ์ซึ้งกลายเป็นเรื่องยากไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ซึ่งแดน วรเวชให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอารมณ์ และการถ่ายทำในฉากนี้ไว้ว่า

          “ฉากนี้เป็นฉากที่หมอกต้องพาวินมาเที่ยวชมความสวยงามของจังหวัดเพราะเราขอร้องให้พามาเที่ยวมารู้จักจังหวัดแม่ฮ่องสอนมากขึ้น แต่ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกอะไรดีๆ กับนางเอกแล้ว แต่พอได้มาเที่ยวด้วยกันบนบรรยากาศสวยงามมากแบบนี้ตัววินและหมอกเองก็เลยมีความสุขมากยิ่งขึ้น

          ในฉากนี้ก็ไม่ถึงกับจ้องตากันจนเยิ้มหรอกครับ ก็มีพูดคุยกันและก็ชมธรรมชาติรอบๆ ตัวซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางช็อตที่ต้องหันมาสบตากันหัวเราะกันอะไรประมาณนี้ พระเอกก็ต้องมีเขินบ้างเล็กน้อยแต่น้องฉัตรนี่สิเหมือนจะขำเกินนางเอกไปนิด (หัวเราะ) ผมก็เลยพลอยหลุดขำกันไปด้วย พี่โอ๊ค(ผู้กำกับ) ก็บอกให้อายเขินกันแบบพอดี แบบมีความสุขอมยิ้มกันเพราะเพิ่งจะเที่ยวกันครั้งแรกไว้ตัวกันหน่อย (หัวเราะ) คือผมไม่เคยเล่นในคาแรกเตอร์ที่ขรึมขนาดนี้ ในเรื่องนี่วินเป็นคนขี้วีนมีมาดออกจะหยิ่งๆ ด้วยซ้ำไป แต่ผมมีลักยิ้มมั้งหรือไม่ก็ติดภาพที่ผมเคยเล่นแต่บททะเล้นๆ มาเวลาผมยิ้มมันก็เลยอาจจะดูเล่นไปนิดนึง ฉากนี้ก็เป็นฉากแรกๆ ด้วยที่ผมได้เข้าฉากกับน้องฉัตร อาจจะยังไม่คุ้นเคยกัน ต้องส่งสายตากันมันก็ต้องมีบ้างที่จะหลุดเป็นธรรมดา ตัวผมเองก็ยังมีบางครั้งต้องนึกก่อนว่าพระเอกมันอารมณ์ไหนเนี่ยตอนนี้เรารู้สึกแบบนี้ถูกไหม ผู้กำกับก็จะคอยบอกคอยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังบ้าง

          แต่ที่แน่ๆ เลยมาถ่ายทำฉากนี้ประทับใจมากเลยครับ จริงๆ ผมเคยมาทุ่งดอกบัวตองมาแล้วครั้งนึง แต่ให้มาอีกกี่ครั้งก็ยังประทับใจครับคือมันมองไปสุดลูกหูลูกตาก็เหลืองสวยไปหมด มีทิวเขาอยู่ห่างๆ เป็นชั้นๆ อากาศหนาวมาก ลมพัดมาทีนี่ต้องออกมาสู้แดดกันเลยครับ เพราะที่เราถ่ายทำอยู่ก็สูงพอสมควร กว่าจะปักหลักถ่ายกันตรงนี้ได้ก็ต้องมีหลบโน้นหลบนี่บ้างเพื่อให้ภาพมันเคลียร์ แต่เข้าใจครับเพราะสถานที่สวยงามขนาดนี้มันทำให้คนมาเที่ยวมีความสุขมาก ทุกคนอยากได้วิวที่ดีที่สุดกลับไปเป็นที่ระลึก เพราะขนาดว่างๆ ผมก็ยังถ่ายรูปเก็บไว้มุมโน้นมุมนี้ตลอดเวลาครับ ใครไม่เคยมาเที่ยวผมว่าสักครั้งนึงในชีวิตควรมาเป็นอย่างยิ่งครับไม่มีผิดหวังแน่นอน”

          พบกับภาพยนตร์โรแมนติก-ดรามา และบรรยากาศชวนหวานอีกมากมายในเรื่องเดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้ ได้ 17 พฤศจิกายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 06, 2011, 11:47:39 AM
หวานทุกสถานีที่เปิด บอย ตรัย แต่ง แดน ร้อง เพลงประกอบหนัง “The melody รักทำนองนี้”



          ได้เสียงตอบรับอย่างดีเปิดฟังกันไปทั่วประเทศจนหวานซึ้งทุกสถานีวิทยุและรายการเพลงแล้ว สำหรับเพลง “เดอะเมโลดี้” เสียงร้องชวนฝันของพระเอกหนุ่ม “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “The melody รักทำนองนี้” แนวโรแมนติก-ดราม่า เรื่องล่าสุดของค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่ได้นางเอกสาวหน้าใสอย่าง “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (รับบทเป็นหมอก) และ “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ (รับบทเป็นวิน) นักร้องนักดนตรีมากฝีมือ มาสวมบทบาทและร่วมร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ในครั้งนี้

          เพราะเรื่องราวความรักของคู่พระนางในเรื่อง ใช้เสียงดนตรีเป็นสื่อกลางความรักความผูกพัน และความรู้สึกผ่านบทเพลงอันไพเราะที่ออกมาจากใจลึกๆ ของทั้งสองฝ่ายได้อย่างเรียกว่า เพลงนั้นคือตัวบทภาพยนตร์เลยทีเดียว ดังนั้นเรื่อง “The melody รักทำนองนี้” จึงต้องมีบทเพลงพิเศษที่ต้องเรียบเรียงใหม่โดยเฉพาะสำหรับบิ้วอารมณ์คนดูให้ซาบซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งนี้ได้นักดนตรีมากฝีมืออย่าง “บอย ตรัย ภูมิรัตน” เป็นผู้แต่งคำร้องและทำนองและได้แดน วรเวช ทำหน้าที่ขับร้อง ในเพลงที่ชื่อว่า “เดอะเมโลดี้” เพลงแรกที่ออกอากาศกันไปแล้วทั้งทางสถานีวิทยุทั่วประเทศ และ MV สวยๆ ทางสื่อต่างๆ ที่ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างมาก

          และอีกบทเพลงนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะพระเอกหนุ่มแสดงฝีไม้ลายมือเอาไว้ได้อย่างลงตัวในบทเพลงที่ชื่อว่า “เพลงรักไม่มีคำว่ารัก” เป็นเพลงที่มีเนื้อหาแสดงถึงความรู้สึกของวินที่มีให้กับหมอก แต่ไม่รู้จะสื่อสารออกมาด้วยวิธีไหนต้องอาศัยฝากความรู้สึกผ่านเสียงเพลงออกไป ซึ่งกว่าจะได้บทเพลงนี้ออกมาตรงกับเนื้อหาของบทภาพยนตร์ นักแสดงต้องอินไปกับบทและใช้เวลากับการถ่ายทำจนรู้สึกถึงความหมายอย่างแท้จริง เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของหนังอย่างสมบูรณ์แบบ

          “(ผู้กำกับ) คือด้วยชื่อของภาพยนตร์และเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ มันบอกเลยว่าขาดบทเพลงดีๆ ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเอาเพลงรักอะไรมาประกอบหนังก็ได้ แต่เนื้อหาของเพลงต้องมีที่มาที่ไป มีความหมายตามบทภาพยนตร์ เพราะเส้นเรื่องทั้งหมดมันคือเพื่อเพลงๆ นึงของพระเอกกับนางเอกเพลงนั้นจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราเอาความรู้สึกแบบอื่นมาใส่ เพลงๆ นี้ต้องเป็นเพลงที่คนฟังจะต้องรู้ว่านี่คือเพลงของวินและหมอก ผมรู้สึกว่าต้องเป็นแบบนั้น ทางทีมงานก็เคาะกันแล้วว่าต้องเป็นพี่บอยตรัย และอีกเพลงต้องเป็นแดน ทั้งสองคนเป็นคนเพลงที่มีคุณภาพ แดนจะต้องลึกซึ้งอยู่แล้วเพราะแดนสวมบทตัวละครตัวนี้อยู่ เขาเข้าใจฟิลลิ่งมันแน่นอน ส่วนพี่บอยเรื่องเพลงรักคงไม่มีอะไรต้องบรรยาย ทุกเพลงที่เขาแต่งออกมามันการันตีความสามารถของเขา”

          “(แดน วรเวช) ตอนที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ อ่านบทจบไปแล้วครับ เริ่มถ่ายทำกันไปแล้ว วันนึงพี่โอ๊คบอกว่าอยากให้ผมแต่งเพลงประกอบขึ้นมาเพลงนึงขอเป็นเพลงที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเพลงเลย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผู้ชายคนนึงหลงรักผู้หญิงคนนึงไปแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเขา ซึ่งถามว่ายากไหมก็ค่อนข้างยากครับต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรเขาอยากให้เราซึมซับกับหนังไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เราเล่น ความรู้สึกแต่ละอย่างแต่ละทำนองแต่ละประโยคที่มันออกมาเป็นเพลงมันค่อยๆ ถูกเติมให้เต็มระหว่างเล่นหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแต่งจริงเพลงนี้แต่งไม่นาน แต่รอทุกอย่างตกตะกอน เราต้องเข้าใจความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ให้อย่างลึกซึ้ง เพราะวินเป็นคนที่ยากต่อการเข้าถึงความรู้สึกจริงๆ ในช่วงแรกของตัวหนัง”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 03:53:45 PM
MOVIE GUIDE: “The Melody รักทำนองนี้”

เมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...
เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้...
เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง

ตัวอย่าง “The Melody รักทำนองนี้”
 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Gq6PydSHYHM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Gq6PydSHYHM</a>
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 03:56:10 PM

   
ผู้กำกับ The Melody อึ้ง “ฉัตร” นางเอกในฝันเซอร์ไพรส์วันคัดตัว เป๊ะทุกอย่างทั้งดราม่าทั้งเปียโน รับบท “หมอก” ประกบคู่ “แดน”
 
         ภาพยนตร์สุดซาบซึ้งส่งท้ายปี พร้อมเข้าฉายวันที่ 8 ธันวาคมนี้ กับภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า เรื่องใหม่ของค่ายสหมงคลฟิล์ม ในชื่อเรื่อง “ The Melody รักทำนองนี้” โดยได้นางเอกสาวหน้าหวานใสอย่าง “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (หมอก) มาเล่นบทสุดดราม่าประกบคู่กับ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” (วิน)

          งานนี้ผู้กำกับ “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” เปิดเผยว่ากว่าจะได้ตัว 2 นักแสดงนำมาเล่นบทนี้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหนโดยเฉพาะกับบทบาทของ “หมอก” สาวนักเปียโนคนเก่งมองโลกในแง่ดี แต่มีความลับในใจ ซึ่งเป็นบทบาทที่ค่อนข้างซับซ้อนในความรู้สึกที่ต้องเก็บเอาไว้แต่แสดงออกอีกอย่างหนึ่ง ต้องเล่นดราม่าถึง บวกกับความสามารถในการเล่นเปียโน และร้องเพลงได้ด้วย แต่เวลาผ่านล่วงเลยมานานจนเกือบจะเปิดกล้องก็แล้ว ยังหาคนมารับบท “หมอก” ให้พระเอกหนุ่ม แดน วรเวช ไม่ได้สักทีจนวันคัดตัวครั้งสุดท้ายอยู่ๆ น้องฉัตรก็โผล่เข้ามาในสตูดิโอ ทำเอาผู้กำกับและทีมงานคัดเลือกถึงกับอึ้งกิมกี่ เพราะเป็นนางเอกในแบบฉบับที่ตัวเองวางเป้าหมายเอาไว้ชัดเจนที่สุด และน้องฉัตรก็ทดลองเล่นบทดราม่าได้ดี ดีดนิ้วปุ๊ปน้ำตามาปั๊ปจนคนที่ร่วมแคสติ้งถึงกับให้คะแนนเต็มร้อย แต่เซอร์ไพร์สกว่านั้นสำหรับผู้กำกับคือ นางเอกคนนี้มีความสามารถในการเล่นเปียโนได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ได้ซักซ้อมหรือเตรียมตัวมาก่อน มารับโจทย์กันวันแคสติ้งเลย แถมเสียงร้องก็จับใจมีความใสบริสุทธิ์ตรงกับคาแรกเตอร์ทุกประการ ทำเอาผู้กำกับฟันธงเลือกฉัตรทันที

          “(ผู้กำกับ) จริงๆ ผมเคยอยากได้น้องเขามารับบทนางเอกเรื่องนี้ วางไว้แล้วว่าจะเอาแบบนี้เลย ผมไปหาโฆษณาชิ้นนึงที่น้องฉัตรเคยเล่นเอาไว้นานแล้ว แล้วเรียกทีมงานมาบอกว่าให้ไปตามหาตัวน้องคนนี้มาแคสดู แต่ทีมงานไม่รู้จะติดต่อจากที่ไหน ตอนนั้นไม่รู้ว่าน้องเขาชื่ออะไร จนกระทั่งวันที่แคสติ้งวันสุดท้าย ตอนนั้นแคสอยู่ประมาณ 3 วัน ผู้ช่วยบอกวันนี้จะมีนางเอกช่อง 7 มาแคสนะ เราก็เอ๊ะ..เล่นละครมาแล้วจะมาเล่นหนังได้หรอ แล้วอยู่ๆ น้องฉัตรก็ก้าวเข้ามาในสตูแคสตัว ผมเงยหน้าไปแล้วอึ้งเลย ใช่เลยน้องคนนี้มาได้ไงเซอร์ไพร์สมาก เพราะผมเกือบจะต้องเลื่อนเปิดกล้องแล้วเพราะหานางเอกไม่ได้ ผมก็เลยให้น้องฉัตรลองเล่นบทดราม่าดู น้องเขาก็เล่นได้นิ่งมากเสียงเครือมาน้ำตามาเป๊ะทุกอย่าง แล้วเขาเป็นคนร้องไห้สวยเศร้าจากข้างใน บทดราม่าผ่านแล้วผมก็ลิงโลดเหลือแต่ความยากเรื่องการเล่นเปียโนกับร้องเพลงเท่านั้นซึ่งก็หินไม่แพ้กัน เพราะผมวางเป้าไว้ว่าอยากให้นักแสดงของเราได้เล่นเองจริงไม่เอาแบบมาวางมือเล่นฉาบฉวยแล้วมันไม่ได้ความรู้สึกอะไร

          แต่เซอร์ไพร์สชั้นที่ 2 คือฉัตรเล่นเปียโนได้ด้วยเพราะน้องเคยเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วซึ่งถ้าได้รื้อฟื้นมากกว่านี้ก็เรียกว่าคล่องเลย มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ไม่คิดว่านางเอกที่เราฝันเอาไว้จะลงล๊อคทุกอย่าง ตอนแรกตั้งความหวังไว้แค่เล่นบทดราม่าได้แต่ไม่ได้คาดหวังเรื่องเปียโน แต่น้องฉัตรเป็นอะไรที่ทำได้หมดทุกอย่างที่บทวางเอาไว้ วันนั้นพอคัดเลือกตัวเสร็จผมบอกทีมงานเลยว่า คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะต้องมาเป็น “หมอก” ให้กับ “วิน” ของเรา แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยขนาดวันเล่นเปียโนกันครั้งแรกร่วมกับกับแดน แดนเขายังอึ้งเลย ไม่คิดว่าน้องฉัตรจะเล่นเปียโนคู่กับเขาได้จริงๆ แถมเพลงที่เล่นเป็นเพลงยากระดับโชแปงเลยทีเดียว”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 03:58:46 PM
เซ็ทอลังทั้งตลาด โชว์ประเพณีเก่ากระทงสวรรค์ “แดน-ฉัตร” อธิฐานขอพรสวีทหน้าวัดจองคำ



          มีโลเคชั่นสวยๆ ให้เห็นกันตลอดทั้งเรื่องแล้วไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกบัวตอง ห้วยน้ำดัง หรือปางอุ๋ง แต่อีกฉากนึงที่เรียกว่าสวยไม่แพ้กันแถมยังเหนื่อยปนประทับใจกันทั้งทีมงาน นักแสดง และชาวบ้านทั้งระแวกแถวนั้นอีกต่างหาก เพราะเป็นฉากอลังการงานสร้างเซ็ทสถานที่กันทั้งตลาดถนนคนเดิน หน้าวัดจองคำ (วัดจองกลาง) ที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อจัดเป็นฉากสวีทยามค่ำคืนให้กับสองพระนาง “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ (รับบทเป็นวิน) และ “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (รับบทเป็นหมอก) ในภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าเรื่องล่าสุด 8 ธันวาคมนี้ ของค่ายสหมงคลฟิล์มในภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้”

          เกาะติดกองถ่ายกันมาตั้งแต่หัวค่ำเพื่อดูทีมงานเซ็ทร้านขายสินค้าพื้นบ้านตลอดทั้งซอยย่านถนนคนเดินหน้าวัดจองคำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จนนักท่องเที่ยวแถวนั้นคิดว่าวันนี้มีตลาดนัดเปิดจริงๆ จนกระทั่งทีมงานและนักแสดงย้ายเข้ามาถ่ายทำ แฟนๆ ที่มารออยู่กรี๊ดกันสนั่นถนนคนเดินเลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์ในฉากนี้เป็นฉากที่ “วินและหมอก” ออกมาเดินเล่นตลาดหน้าวัดจองคำ แล้วเกิดไฟฟ้าดับตลอดทาง หมอกเลยชี้ชวนให้วินแหงนมองดูความสวยงามของดวงดาวบนท้องฟ้าแทน และเป็นโอกาสเหมาะที่เป็นเทศกาลปล่อยกระทงสวรรค์ประเพณีดั้งเดิมของคนที่นั่น หมอกเลยชวนวินไปซื้อกระทงพร้อมอธิฐานขอพรก่อนจะปล่อยกระทงขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสวยงาม เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกของทั้งคู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินควักไขว่ตามท้องถนน
 
          ซึ่งการถ่ายทำในครั้งนี้นอกจากจะมีการเซ็ทซอยทั้งซอยให้กลายเป็นตลาดนัดถนนคนเดินแล้ว ยังต้องมีการนัดคิวกับทีมไฟเพื่อตัดไฟฟ้าทั้งหมดทั่วบริเวณนั้น ในขณะที่วินและหมอกกำลังเพลิดเพลินกับการเดินซื้อของท่ามกลางผู้คนมากมาย เพื่อให้เหมือนสถานการณ์ไฟดับจริงๆ และได้ภาพตลอดแนวถนนเหลือแต่ไฟจากแสงเทียนที่ร้านค้าพากันจุดแทนไฟฟ้าที่ดับ พอถึงคิวดับไฟนักท่องเที่ยวที่หลงเข้ามาเดินอยู่ในฉากถ่ายทำจริงก็แตกตื่นตกใจที่อยู่ๆ ไฟก็ดับกะทันหันทีมงานเลยได้บรรยากาศสมจริง แต่กว่าจะได้ฉากนี้เวลาก็ล่วงเลยไปจนดึกดื่นเพราะตอนที่แดนกับฉัตรลงไปยืนอยู่กลางถนน นักท่องเที่ยวบางคนที่เดินเข้ามาเห็นพระเอกนางเอกของเราถึงกับกรี๊ดลั่นขอลายเซ็นกันยกใหญ่ กว่าจะอธิบายให้เข้าใจว่ากำลังถ่ายทำภาพยนตร์กันอยู่ทีมงานก็วิ่งบอกกันชุลมุนวุ่นวายเลยทีเดียว

          แต่อีกจุดนึงที่มีความน่าสนใจไม่แพ้บรรยากาศตลาดถนนคนเดินก็คือฉากที่วินและหมอกไปปล่อยกระทงสวรรค์ ซึ่งการถ่ายทำในจุดนี้เป็นบริเวณด้านหน้าวัดจองคำและวัดจองกลาง วัดเก่าแก่กว่า 200 ปีศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในแต่ละปีช่วงลอยกระทง ทางจังหวัดจะจัดให้มีพิธีการปล่อยกระทงสวรรค์ ลักษณะเป็นกระทงที่ทำจากกระดาษสีขนาดใหญ่กว่าแก้วน้ำนิดหน่อย มีลูกโป่งสวรรค์ติดอยู่ด้านบนไม่เหมือนกับการปล่อยโคมลอยอย่างจังหวัดอื่นๆ ทางทีมงานได้เตรียมกระทงสวรรค์ไว้นับไม่ถ้วน โดยมีชาวบ้านที่มารอดูการถ่ายทำตั้งแต่หัวค่ำช่วยกันสูบลมลูกโป่งเอาไว้มากมาย เพราะความสวยงามโรแมนติกของฉากนี้นอกจากเนื้อเรื่องที่ทั้งคู่ต่างอธิฐานขอพรสิ่งที่อยู่ในใจร่วมกันแล้ว บรรยากาศการปล่อยกระทงที่จุดเทียนเอาไว้ขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนนับร้อยนับพันดวงพร้อมๆ กันจนท้องฟ้าเต็มไปด้วยลูกโป่งและดวงไฟเล็กๆ เหมือนดวงดาวพร่างพราวจะเป็นภาพที่สวยงามประทับใจทุกคนแน่นอน ขนาดชาวบ้านที่อยู่รอบๆ บริเวณคุ้นเคยกับประเพณีแบบนี้อยู่แล้วยังอดเฮลั่นและสนุกสนานไปกับการปล่อยกระทงสวรรค์ในการถ่ายทำในครั้งนี้ด้วย

          และพอถึงเวลาซักซ้อมก่อนถ่ายจริงวินและหมอกต้องมายืนมองตากันหวานซึ้งก่อนจะหลับมาพริ้มอธิฐานความหวังในใจ แฟนคลับที่อดหลับอดนอนรอดูฉากนี้อยู่รอบๆ ถึงกับร้องฮิ้วแซวจนแดนและฉัตรสมาธิแตกกระเจง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลบความง่วงได้ดีในกลางดึกคืนนั้น และหลังจากที่ถ่ายทำเสร็จพระเอกนางเอกของเรายังติดลมขนาดในฉากถ่ายทำได้ปล่อยกระทงสวรรค์ไปแล้ว แต่ทางทีมงานยังมีกระทงเหลือยังไปจุดเล่นปล่อยไปอีกหลายลูกเลยทีเดียว สร้างบรรยากาศของค่ำคืนนั้นให้โรแมนติกเพิ่มขึ้นไปอีกแม้ว่าจะถ่ายทำล่วงเลยไปมากกว่าตี 2 แล้วก็ตาม

          “(แดน วรเวช) คืนนี้เป็นฉากที่เราต้องถ่ายกัน 2 ฉากใหญ่ๆ ฉากนึงเป็นฉากที่วินและหมอกต้องไปเดินเล่นแล้วเกิดไฟดับจึงชี้ชวนกันดูดาวบนท้องฟ้าแบบอารมณ์ไม่สนใคร จะสวีทกันสองคน (หัวเราะ) ตอนที่ผมมาถึงกองถ่ายก็เห็นน้องฉัตรไปเดินเล่น ผมก็ยังคิดว่านี่คือตลาดจริงๆ เพิ่งมารู้ตอนจะถ่ายนี่แหละครับว่าทางทีมงานเซ็ทสถานที่เอาไว้ยาวตลอดทั้งถนน ทางผู้กำกับก็บอกว่าก็ชาวบ้านที่เขาขายของจริงน่ะแหละ แต่ขอให้เขามาขายวันนี้เพิ่มขึ้นอีกวันด้วยเพราะจริงๆ เขาจะขายกันช่วงปลายอาทิตย์ แต่วันนั้นเราถ่ายทำกันในวันธรรมดาซึ่งความเป็นจริงแล้วจะเงียบเลย ทีนี้ฉากนี้เราก็ต้องมีคิวดับไฟก็นานมากกว่าเราจะคอนโทรลจังหวะดับไฟให้พอดีกับบทพูดกับจุดที่ทำการบล็อกเอาไว้ ทีมงานก็ดับไฟกันไป 2-3 ทีกว่าจะได้ตรงตามกับที่ผู้กำกับอยากได้ แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่านั้นคือบางคนเขาเดินเข้ามาในเซ็ทถ่ายทำจริงๆ แล้วเขาไม่รู้ว่ากำลังถ่ายหนัง พอเขาเห็นผมกับฉัตรก็วิ่งมาขอลายเซ็นกัน ทีมงานที่อยู่ใกล้ๆ จะคอยวิ่งมาบอกว่ากำลังถ่ายทำ ก็สนุกดีครับพอถ่ายเสร็จก็แจกลายเซ็นกันต่อแก้ง่วงครับ ต้องขอขอบคุณแฟนๆ มากที่ไปเจอกันที่นั่นแล้วยังให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”

          “(ฉัตร ปริยฉัตร) อีกฉากนึงคือฉากที่ต้องมีการปล่อยกระทงสวรรค์เป็นอีกฉากที่ฉัตรชอบมากเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าง่วงแล้วเลยเที่ยงคืนแล้วกว่าจะได้ถ่ายฉากนี้ แต่พอเห็นลูกโป่งกับกระทงที่เขาจุดไฟให้ดูแล้วรู้สึกสนุก แล้วเป็นกระทงสวรรค์ที่ชาวบ้านช่วยกันสูบเอาไว้ เราเห็นแบบนี้แล้วจะท้อไม่ได้ พอถึงตอนที่ซ้อมแฟนๆ เขาก็ร้องแซวกันพวกเราก็หัวเราะฉัตรไม่ได้เขินพี่แดนแต่ขำที่ถูกแซว พี่โอ๊คผู้กำกับก็บอกว่าอธิฐานจริงเลยก็ได้นะ ฉัตรแอบเห็นพี่แดนทำปากขยุบขยิบไม่รู้อธิฐานขออะไรไป (หัวเราะ) แล้วพอถ่ายจริงทีมงานและชาวบ้านช่วยกันปล่อยกระทงขึ้นฟ้าพร้อมๆ กัน บนฟ้าก็เต็มไปด้วยลูกโป่งกับแสงเทียนสวยมากค่ะ ถ้าใครได้มีโอกาสไปที่นั่นไปอธิฐานขอพรกันประทับใจความสวยงามของฉากนี้มากเลยค่ะ”

          เตรียมพบกับความประทับใจในความรักของวินและหมอก และภาพ+เพลงที่สวยงามไพเราะเป็นของขวัญในเดือนโรแมนติกที่ใกล้จะมาถึง 8 ธันวาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:01:21 PM
MOVIE: The Melody รักทำนองนี้ เพลงรักนับล้านที่มีมากมายอยู่บนโลก แต่มีแค่เพลงเดียวที่มันเป็นของเราสองคน


 


เพลงรักนับล้านที่มีมากมายอยู่บนโลก แต่มีแค่เพลงเดียวที่มันเป็นของเราสองคน
กำหนดฉาย 14 กุมภาพันธ์ 2555
ประเภท รัก-ชีวิต (Romantic-Drama)
นำแสดงโดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์, ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร,
ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ, วาสนา สิทธิเวช
ดำเนินงานสร้าง บริษัทยักษ์คู่สตูดิโอจำกัด
บทภาพยนตร์ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์,มนชยา พานิชสาส์น,วรลักษณ์ กล้าสุคนธ์
เพลงประกอบภาพยนตร์โดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์, บอย-ตรัย ภูมิรัตน
ดนตรีประกอบ กฤษณะศักดิ์ กันตธรรมวงศ์
ผู้กำกับภาพยนตร์ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์
ผู้ควบคุมการผลิต จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ
ผู้อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
กำกับศิลป์ อนิรุตร์ จิตร์สมนึก
กำกับภาพ สิทธิพงษ์ กองทอง
ลำดับภาพ รัชพันธุ์ พิศุทธิ์สินธพ, ทวีลาภ เอกธรรมกิจ,มานุสส วรสิงห์
บันทึกเสียง กันตนา
ฟิล์มแล็ป กันตนา
ออกแบบเครื่องแต่งกาย กรกนก สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
แต่งหน้า-ทำผม พัชริกา บัวรุ่ง, ศุภชัย สิงห์น้อย
บริษัทจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
เรื่องย่อเมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...
เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้...
เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง

          เมื่อเส้นทางชีวิตของ วิน (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) นักร้องและนักแต่งเพลงยอดนิยมผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแบบสุดสุด ความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะยอมรับทำให้วินหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆบนภูสูง ที่ที่ทำให้เขาบังเอิญพบกับ หมอก (ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร) นักเปียโนฝีมือดี สาวจอมตื๊อที่มักชอบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เกลียดอยู่เสมอ และแล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดและดนตรีทำให้วินได้เรียนรู้ว่า ทำนองเพลงที่บรรเลงได้ไพเราะที่เขาค้นหามาตลอดชั่วชีวิตคือเสียงหัวใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง แต่กว่าวินจะรู้ตัว โชคชะตาก็นำพาอุปสรรคสำคัญเข้ามา สิ่งที่จะทำให้วินและหมอกเรียนรู้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน บททดสอบที่จะทำให้คู่รักทุกคู่รู้จักไคว่คว้าความสุข แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดมิดของความทุกข์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เพลงที่เธอแต่งทำนองและเขาช่วยแต่งคำร้องที่บริสุทธิ์ที่สุดที่บทเพลงทั้งหมดเคยบรรเลงมา

ร่วมซึ้งไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกในเมืองแห่งสายหมอก กับบทเพลงอันไพเราะด้วยฝีมือการแต่งเพลงจากนักแสดงนำ แดน วรเวช และนักร้องเสียงอบอุ่นอย่าง บอย ตรัย ที่จะมาเปลี่ยนแปลงฤดูหนาวของใครหลายคน กลายเป็นฤดูที่หัวใจเต้นเป็นทำนองใหม่ที่อบอุ่นที่สุด
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:02:53 PM
ตัวโน๊ตที่เคลื่อนไหวได้จริงบนแผ่นฟิล์ม

          จากมุมมองความรักที่ลึกซึ้งของผู้ชายคนนึงที่ชื่อว่า “ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” ผู้ซึ่งคลุกคลีอยู่กับวงการโทรทัศน์โดยเน้นความรักของชายและหญิง และทัศนะอันอบอุ่นบวกกับประสบการณ์ความรักที่น่าประทับใจของตนเองและคนรอบข้าง และความสามารถทางการโปรดิวซ์ของ “ จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ” นักทำงานรุ่นใหม่ผู้ปลุกปั้นภาพยนตร์คุณภาพมาโดยตลอด มาเรียงร้อยเป็นบทภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า ที่พูดถึงวัยหนุ่มสาวผู้ซึ่งค้นหาตนเอง ค้นหาเป้าหมายในชีวิตและความรัก ซึ่งเนื้อหาของเรื่องไม่ได้พูดถึงความรักที่ฉาบฉวยหรือความรักตามกระแสวัยรุ่น แต่เป็นความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ เกิดจากการรู้จักที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น ความรักที่อาจจะดำเนินไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งแต่เต็มไปด้วยเป้าหมาย ข้อคิด จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ความรักเกิดการแตกแขนงออกไปหาคนรอบข้างพร้อมที่จะหยิบยื่นให้กับทุกๆ คน และแน่นอนก่อให้เกิดความรักของชายหญิงอันลึกซึ้งขึ้นในใจ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าอะไรก็พรากความรู้สึกนั้นออกไปจากใจของเขาและเธอไม่ได้

          “ (ผู้กำกับ) ผมเอามาจากประสบการณ์ความรักทั้งด้านดีและไม่ดีที่ผมเคยเจอมา และเราก็ย้อนนึกกลับไปว่า คงจะดีถ้ามีความรักสักครั้งที่ทำให้เราคิดถึงมันไว้ได้ตลอดไป เป็นแรงผลักดันในชีวิตที่ทำให้เราสามารถจะลุกขึ้นมาทำอะไรได้อีกมากมาย

          แล้ววันนึงมานั่งฟังเพลงอยากส่งความรักของโต๋ “อยากส่งความรัก ผ่านเพลงนี้ ให้เธอคนที่แสนดีให้รู้ทุกๆ วันที่ฉันมี เป็นได้เพราะเธอ ไม่ใช่เพราะใคร” ท่อนนี้เลย เราฟังท่อนนี้แล้วเออ ถ้าหากมีใครสักคนมาร้องเพลงนี้ให้เราฟังว่าทุกสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จได้ก็เพราะความรักของเราที่มอบให้ มันคงเป็นความรู้สึกที่ดีมาก มันคือเจ๋งมากมันแสดงว่าความรู้สึกของเรามันมีค่ามาก ผมเลยมาคิดกันว่าจะทำยังไงดีที่จะทำให้คนมีความรู้สึกแบบนี้ ก็มานั่งคิดว่าคนส่วนมากเวลาคบกันเป็นแฟนมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดี แต่พอเวลาเลิกกันแบบว่าไม่ไปได้ไหมจะต้องตีโพยตีพายทำร้ายตัวเองด่าโน่นด่านี่แล้วความรักมันก็พังทลายลง ทุกอย่างมันคือแง่ลบไปหมด

          ผมก็มามองว่า เออ...ถ้างั้นก็เอาความรักมาเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตกันดีกว่า เพื่อวันนึงที่เขารู้ขึ้นมาทุกวันนี้ที่เราประสบความสำเร็จได้เพราะความรักที่เขาเคยมีให้เรา เขาจะรู้สึกดีกับเรานั่นคือที่มาของหนัง

          อีกเหตุผลนึงคือตัวผมเองอยากเล่นเปียโน เป็นคนชอบเปียโนมาก อยากเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่มีสตางค์ ชอบบีโธเฟน ชอบโมสาร์ท ชอบฟังแต่ไม่มีปัญญาเล่น เวลาเห็นคนเล่นจะชอบมาก ผู้หญิงในฝันก็ต้องเล่นเปียโนเป็น คือฝันเอาไว้อย่างนี้มาตลอด พอเราคิดแล้วเรารู้สึกว่าเปียโนเป็นดนตรีที่มันมีเสียงเยอะมาก มันถ่ายทอดความรู้สึกได้หลากหลาย เราก็เลยคิดว่าเราจะทำยังไงดี ในเมื่อเราชอบเปียโน เราก็อยากให้ทั้งพระเอกและนางเอกเป็นนักเปียโน มันเป็นแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่จะทำยังไงให้นักเปียโน 2 คนนี้ที่จะมาเล่นเป็นพระนางเนี่ย มีอะไรที่มันแตกต่างกัน”

          และแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์สมบูรณ์แบบคือนักแสดงที่มีความพร้อม สามารถตอบโจทย์ของผู้กำกับได้อย่างแม่นยำ รวมถึงความสามารถที่ตรงใจกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในด้านดนตรีและด้านการแสดงอย่าง แดน วรเวช ดานุวงศ์ และ ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร 2 นักแสงนำวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการมีความรักในรูปแบบทีต้องการความมั่นคงในชีวิตเหมือนอย่างในภาพยนตร์ที่ต้องการนำเสนอ

          “ (แดน วรเวช) เหตุผลหลักๆ ในการเลือกเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าที่มีเรื่องราวความรักดีๆ สอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง ผมเชื่อว่าพอภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายให้คนไทยได้ดู มันน่าจะทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราควรจะมีส่วนได้ช่วยเหลือกัน เผื่อแผ่กัน แบ่งปันความรักให้กันและกัน เพราะเนื้อเรื่องนี้เขาอยากจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาให้คนได้รู้สึกกัน พี่โอ๊คไม่ได้เคยบอกผมว่าทำไมเรื่องนี้ต้องเป็นผมอย่างโจ่งแจ้ง พอผมอ่านบทเสร็จผมก็ตอบตกลง จนมาวันนึงได้นั่งคุยกันระหว่างรอจะถ่ายทำ ผมถามผู้กำกับว่ารู้ไหมทำไมผมถึงมาเล่นหนังเรื่องนี้ พี่โอ๊คเงียบไปและบอกไม่รู้แต่หน้าตาอยากรู้มาก (หัวเราะ) ผมบอกว่า”พี่น่ะเหมือนผม อยากทำอะไรแล้วต้องทำ พี่รู้จักหนังพี่ดีเพราะพี่อยู่กับมันตลอด ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไงแต่ผมจะเล่นเรื่องนี้”

          “ (ปริยฉัตร) ตอนไปแคสติ้งหนังเรื่องนี้ นอกจากบทที่ผู้กำกับจะให้ลองทำดูแล้ว พี่โอ๊คถามก่อนเลยค่ะว่าเล่นเปียโนได้ไหม ฉัตรก็บอกว่าเล่นได้ พี่เขาก็บอกว่าดีเลยเพราะพี่ต้องการให้นางเอกเล่นเปียโนได้จริงๆ ไม่หลอกคนดูทั้งพระเอกและนางเอกที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ต้องมีความสามารถด้านดนตรีจริงๆ อย่างพี่แดนไม่ต้องพูดถึงเขาคือศิลปินจริงอย่างที่ในคาแรกเตอร์เป็น

          อีกอย่างที่ฉัตรได้จากการมาเล่นเรื่องนี้คือ เรื่องความรู้สึกกับคำว่ารักนี่แหละค่ะ คือจากบทแล้วความรักแบบที่วินและหมอกมีให้กัน มันไม่ใช่ความรักแบบรุ่นพี่รักรุ่นน้อง หรือแอบจีบกันในวัยเรียน แต่มันมีความหมายอีกมุมนึงในวัยที่มากกว่านั้น มันเป็นความรักที่รู้จักที่จะแบ่งปัน รู้จักที่ใช้มัน มันเป็นความรักที่เกิดจากการเรียนรู้ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัวของคนนึงให้เข้ากับอีกคนนึงโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่การฝืนทำหรือฝืนความรู้สึกอะไร ทั้งวินและหมอกใช้เวลา ใช้ความรู้สึก บางอย่างที่มันแสดงออกมาไม่ได้แต่มันกลับรู้สึกได้ มันทำให้ฉัตรรู้สึกว่าความรักมันมีอีกรูปแบบนึงที่มันสำคัญมากกว่ารักแรกพบ หรืออะไรที่ฉาบฉวย ฉัตรว่าวัยรุ่น หรือวัยทำงาน หรือคนที่กำลังจะเริ่มต้นมีความรักกับใครสักคน น่าจะได้ข้อคิด หรือการมองความรักในมุมแบบนี้ดูบ้าง จะทำให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความหมายมากขึ้น และมันก็สวยงามดีทีเดียว”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:04:07 PM
บรรยากาศโรแมนติกที่สุดในสายหมอก

          เดอะเมโลดี้เป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาในการเขียนบทอย่างเดียวยาวนานกว่า 2 ปี และหาข้อมูลจากสถานที่ถ่ายทำมากกว่า 1 ปี ผู้กำกับ ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ และทีมงานต้องเดินทางไปยังเหนือสุดของไทยเพื่อค้นหาโลเกชั่นที่สวยประทับใจ และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฉากโรแมนติกมากมายที่ปรากฎในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกบัวตอง (ดอยแม่อูคอ), โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง), วัดจองคำอันงดงามที่สร้างมากว่า 200 ปี จ.แม่ฮ่องสอน, อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ ฯลฯ โดยสถานที่ถ่ายทำเหล่านี้มีความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่น่าสัมผัส รวมไปถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่บางครั้งก็เป็นอุปสรรคของการถ่ายทำเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ

          “ (ผู้กำกับ) ผมชอบจังหวัดแม่ฮ่องสอน กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์เราถ่ายทำที่นี่ ฤดูหนาวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมันสวยจริงๆ มันสวยจนหลงไหลมันมีเอกลักษณ์ของมัน ใครอยากแต่งตัวแบบไหนก็ได้ ทำตัวแบบไหนก็ได้ มันไม่เหมือนปายหรือเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนมันค่อนข้างจะมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าๆ ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า ก็เลยเลือกจังหวัดนี้ ผมเดินทางขึ้นไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาทั้งหมด 13 ครั้ง ไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 51 ครั้งสุดท้ายก่อนถ่ายก็คือเดือนตุลาคมปี 53 ประมาณ 2 ปีกว่า

          จริงๆ พล๊อตเรื่องทั้งหมดเสร็จหมดแล้ว แต่ไปเพื่อซึมซับกับบรรยากาศ ในหัวเรามันมีทุกอย่าง เรารู้เรื่องของเราเราเขียนเรื่องไว้หมดแล้ว แต่เราต้องไปหาโพซิชั่นของการที่จะวางเรื่องราว ต้องหาโลเกชั่น ในหัวมีอยู่แล้วว่าเราจะเลือกอะไร เรามีทุ่งบัวตองนะ วัดจองคำ เราเลือกไว้แล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่เรายังไม่รู้ ก็ต้องไปตระเวนเลือกที่ไปเรื่อยมีรุ่นพี่พาไป ก็ไปเจอที่ๆ เราชอบเพิ่มขึ้น ไปทุกครั้งก็จะไปซึมซับ ไปครั้งละ 5-7 วัน ขึ้นรถทัวร์ไปเองเลยประเมินดูว่าถ้าเราพยายามที่จะไปร่วมกับคนอื่นด้วย เดินทางประมาณ 15 ชม. ทรมานเหมือนกันนะ ไปแล้วก็ลองไปนอนที่ต่างๆ ไปลองนอนที่ดอยแม่อูคอ(ทุ่งดอกบัวตอง) ดูสิจะนอนได้ไหม ประทับใจมากเห็นดาวทุกดวงบนท้องฟ้าเราก็แบบต้องที่นี่แหละ เพีงแต่จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เราก็ตะเวนหาไปทุกที่จนได้โลเกชั่นครบ แล้วทิ้งให้ตกผลึกกับเรื่องราวของมัน เรียกว่าเราคัดสรรสุดๆ สำหรับทุกโลเกชั่นไม่ใช่แค่สวยตามสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เราอยากได้ที่ที่โรแมนติกที่สุด ที่ๆ เหมาะกับเนื้อเรื่องของเรา ที่ๆ คนเห็นแล้วต้องเกิดความประทับใจ อยากไป อยากสัมผัส อยากจูงมือใครสักคนไปยังสถานที่แห่งนั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกแม่ฮ่องสอน

          แล้วในแต่ละที่ๆ เราไปไม่ใช่ว่าทุกอย่างราบรื่น มันเมืองหมอก หมอกก็เป็นอุปสรรค ความหนาวเย็นก็เป็นอุปสรรค เราไปในที่ๆ บางครั้งหมอกลงหนามากมองอะไรไม่เห็นเลย เดินทางไปไม่ได้ รถวิ่งไม่ได้ต้องจอดรอจนกว่าพายุหมอกจะหายไป บางแห่งสวยสุดตอนหมอกลงแต่ไปแล้วหมอกกลับไม่มีก็มี บางแห่งฟ้าต้องโปร่งต้องเห็นทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา แต่ไปแล้วเจอทั้งฝนทั้งหมอกก็มี ที่กองถ่ายก็อดทนกันมากต้องรอจังหวะ รอเวลาวันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้มาใหม่ พระเอกนางเอกเราหนาวปากม่วงปากสั่นก็มี แต่ก็สนุกสนานและเพลินไปกับบรรยากาศตลอดการทำงานบนโลเกชั่นเหล่านี้ครับ”

          “ (แดน วรเวช) มันมีอยู่วันนึงครับที่เรียกว่าโหดมากสำหรับทีมงานและนักแสดง เป็นวันที่พวกเราต้องไปถ่ายทำกันที่ห้วยน้ำดัง วันนั้นฝนตกตลอดหมอกก็หนาทึบมาก แล้วเป็นฉากที่ตั้งใจถ่ายกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น แต่ 9 โมงกว่าแล้วก็ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นดวงเลย แล้วอากาศแปรปรวนคือมาทั้งหมอกทั้งวินสมชื่อตัวละครเลย จากนั้นเราก็ย้ายกันไปถ่ายทำถนนแถวปายต้องมีริกรถเป็นฉากที่พระเอกกับนางเอกคุยกันขับรถเที่ยวด้วยกัน แต่วันนั้นหมอกลงหนามากระยะการมองเห็น 2 เมตรก็อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตลอดรถมอเตอร์ไซด์ไถลลงเขามั่ง รถตู้เกิดอุบัติเหตุบ้าง พี่โอ๊คก็มองแล้วว่ามันไม่มีความปลอดภัยเลยจำเป็นต้องยุติการถ่ายทำในวันนั้น ทุกคนก็ติดไปไหนไม่ได้ต้องไปอาศัยต้มมาม่ากินกันที่จุดชมวิวปางมะผ้ากันตลอดวันจนมืดทำอะไรไม่ได้ คือมันเป็นพายุหมอกและฝนเลยนะครับแต่มันก็ได้บรรยากาศร่วมกันไปอีกแบบ มันก็สวยงามไปอีกแบบที่นี่เลยมีอะไรที่น่าประทับใจหลายอย่าง”

          “ (ฉัตร ปริยฉัตร) ประทับใจสุดก็ที่ทุ่งดอกบัวตองเลยค่ะ สวยมากเหลืองอร่ามไปหมด มันไม่ใช่แค่สวนหรือเป็นไร่ๆ แต่มันคลุมไปทั้งภูเขาเลย บรรยากาศเย็นๆ มองไปได้รอบตัว มันเหมาะมากกับฉากโรแมนติกของคนหนุ่มสาว ไม่ต้องมาถ่ายทำหนังแค่มาเที่ยวกับครอบครัวหรือมาเที่ยวกับคนรักก็ประทับใจแล้วค่ะ แล้วปีๆ นึงจะมีความงามแบบนี้ให้เห็นอยู่ไม่กี่วัน ทางทีมงานก็เป๊ะมากเลือกวันเวลาได้กำลังดีเลย ฉากที่เราถ่ายทำในวันนั้นก็เลยเป็นฉากที่เรียกว่าเป็นภาพจำของพวกเราเลย พอนึกถึงเรื่องนี้ในหัวของฉัตรก็จะมีทุ่งดอกบัวตองลอยมาเลยค่ะ ประทับใจที่นี่มาก”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:05:04 PM
เดอะเมโลดี้ พยานรักที่แสนไพเราะ
บทเพลงที่ทรงคุณค่าจะมีความหมายมากขึ้น
เมื่อได้ยินแล้วทำให้เราคิดถึงใครสักคน

          เมื่อความสวยงามของบรรยากาศโรแมนติกสมบูรณ์แล้ว ภาพยนตร์เรื่องเดอะเมโลดี้ยังได้นักร้องนักดนตรีที่มีฝีมือเข้าร่วมแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณบอย ตรัย ภูมิรัตน นักร้องยอดนิยมเสียงชวนฝัน รวมไปถึงพระเอกของเรื่อง แดน วรเวช ที่ปัจจุบันเป็นทั้งโปรดิวเซอร์ด้านดนตรีให้กับวงอื่นๆ และอัลบั้มของตัวเองในครั้งล่าสุด ที่การันตีถึงความหวานได้ดี และด้วยเนื้อหาของเรื่องกล่าวถึงการแต่งเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวละคร ทำให้แดน วรเวช ร่วมลงมือแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ขึ้นมา เพื่อเป็นหลักฐานความในใจของวินและหมอก ซึ่งแดน วรเวชได้บรรจงเต็มเติมภาพยนตร์ด้วยตัวโน๊ตและทำนองที่เขารักที่สุดออกมาเป็นผลงานให้ประทับใจไม่รู้ลืม

          “ (แดน วรเวช) ตอนที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ อ่านบทจบไปแล้วครับ เริ่มถ่ายทำกันไปแล้ว วันนึงพี่โอ๊คบอกว่าอยากให้ผมแต่งเพลงประกอบขึ้นมาเพลงนึงขอเป็นเพลงที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในเนื้อเพลงเลย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผู้ชายคนนึงหลงรักผู้หญิงคนนึงไปแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเขา ซึ่งถามว่ายากไหมก็ค่อนข้างยากครับต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ทางผู้กำกับก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรเขาอยากให้เราซึมซับกับหนังไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เราเล่น ความรู้สึกแต่ละอย่างแต่ละทำนองแต่ละประโยคที่มันออกมาเป็นเพลงมันค่อยๆ ถูกเติมให้เต็มระหว่างเล่นหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ

          “ (ผู้กำกับ) คือด้วยชื่อของภาพยนตร์และเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ มันบอกเลยว่าขาดบทเพลงดีๆ ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเอาเพลงรักอะไรมาประกอบหนังก็ได้ แต่เนื้อหาของเพลงต้องมีที่มาที่ไป มีความหมายตามบทภาพยนตร์ เพราะเส้นเรื่องทั้งหมดมันคือเพื่อเพลงๆ นึงของพระเอกกับนางเอก

          เพลงนั้นจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราเอาความรู้สึกแบบอื่นมาใส่ เพลงๆ นี้ต้องเป็นเพลงที่คนฟังจะต้องรู้ว่านี่คือเพลงของวินและหมอก ผมรู้สึกว่าต้องเป็นแบบนั้น ทางทีมงานก็เคาะกันแล้วว่าต้องเป็นพี่บอยตรัย และอีกเพลงต้องเป็นแดน ทั้งสองคนเป็นคนเพลงที่มีคุณภาพอยู่แล้ว แดนจะต้องลึกซึ้งอยู่แล้วเพราะแดนสวมบทตัวละครตัวนี้อยู่ เขาเข้าใจฟิลลิ่งมันแน่นอน ส่วนพี่บอยเรื่องเพลงรักคงไม่มีอะไรต้องบรรยาย ทุกเพลงที่เขาแต่งออกมามันการันตีความสามารถของเขาอยู่แล้ว
จริงๆ เรามีเพลงประกอบภาพยนตร์อยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 เพลง เพลงธีมของหนังชื่อเพลง “เดอะเมโลดี้” พี่บอย ตรัยแต่งแล้วแดนร้อง ผมเขียนคอนเซ็ปต์ให้พี่บอยในความหมายมันบอกเรื่องราวของหนังได้ครบ เพลงนี้คือในเรื่องพระเอกเป็นคนแต่งคำร้อง ส่วนทำนองนางเอกเป็นคนแต่ง ฉะนั้นฟิลลิ่งมันจะมีความรู้สึกของคนสองคนอยู่ในเพลงเดียวกัน เพลงมันจะบอกความรู้สึกของพระเอกทั้งหมด ถ้าดูหนังจบแล้วเพลงมันจะยิ่งมีความหมายมากขึ้นไปอีก ท่อนที่นางเอกแต่งเอาไว้ให้ “เราอาจไม่เจอกันไม่ได้คุยกัน” แล้วมันก็ให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งดี

          อีกเพลงนึงชื่อเพลง “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” แดนเป็นคนแต่งและร้องเพลงนี้เองเลยเป็นเพลงที่สะอาดฟังสบาย ก็เล่าความรู้สึกให้แดนฟังในตอนแรก ตัวเรื่องราวนี้พระเอกไม่เคยรักใครมาก่อนอยู่ดีๆ ก็มามีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้ มันก็เลยแต่งออกมาตามความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วเพลงมันก็เพราะมาก อีกเพลงเป็นเพลงคู่ “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” เป็นเพลงที่ร้องคู่กับระหว่างพระเอกกับนางเอก ทั้งหมดเป็นเพลงที่ฟังง่ายสบายๆ มันลึกซึ้งทั้งเนื้อหาและทำนอง เพราะทุกอย่างคือมันทำไปตามเนื้อเรื่องมันเป็นเนื้อเรื่องที่ทุกคนอินกับมัน อย่างเพลงที่พี่บอยตรัยแต่งเป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก ฟังแล้วมันเพราะขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็ภูมิใจมากกับบทเพลงที่จะมาประกอบภาพยนตร์ในเรื่องนี้ครับ”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:05:47 PM
“แต่งเพลงมาเป็นร้อยเป็นพันเพลง มีแฟนเพลงนับล้านคน
แต่มีเพลงเดียวเท่านั้นที่มีความรู้สึกผมอยู่ในนั้น
และคุณคือคนเดียวที่ผมอยากให้ฟังมากที่สุด”

          คนแต่งคำร้องวิน แสดงโดย (แดน) วรเวช ดานุวงศ์ นักแต่งเพลงรุ่นใหม่ไฟแรง มีผลงานเพลงติดอันดับท็อปชาร์ท แม้ผลงานเพลงจะเป็นที่ยอมรับ และลึกซึ้งไม่มีข้อติ แต่นิสัยที่แท้จริงของวินกลับกลายเป็นคนฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์จนเป็นที่เอือมระอาของทีมงานและผู้ใกล้ชิด ความใจร้อนและเอาแต่ใจอย่างถึงที่สุดทำให้เพลงของวินตกอันดับ ตามมาด้วยข่าวซุบซิบถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของเขา วินผู้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หนีจากวงการบันเทิงมุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน แต่การเดินทางในครั้งนี้วินได้ค้นพบกับทำนองที่เขาไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน ทำนองแห่งรักแบบใหม่ที่เขาสัมผัสได้จริงๆ

          “ (แดน วรเวช) เป็นครั้งแรกในเลยครับสำหรับการมาเล่นบทที่ไม่เหมือนตัวเอง มันยากดีครับเพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีน ต้องขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องนี้ผมเล่นเป็นคนที่เห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไม่พอใจไปหมด เห็นเด็กก็ไม่ชอบ เห็นนั่นนี่ก็ไม่พอใจ แล้วชีวิตมันจะมีความสุขได้ยังไงครับ แต่แตกต่างจากตัวเราจริงๆ เลย ผมเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่บวก ชอบเล่นกับเด็กตลกดี มาเล่นเรื่องนี้ทุกอย่างแทบจะแตกต่างจากตัวผมโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกๆ ที่เข้าฉากพี่โอ๊คผู้กำกับต้องคอยบอกว่า “เฮ้ย...แดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อย” คือบางทีผมก็ตั้งใจมาขรึมนะวันนี้ หน้าผมอาจจะดูตลกไปหน่อย หรือไม่คนก็ยังจำภาพแต่ผมเล่นทะเล้นๆ อยู่ ช่วงแรกๆ ก็ทำการบ้านหนักพอสมควรครับ

          “หลักๆ เลยคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ครับ ต้องพยายามอย่าอารมณ์ดีมาก ก่อนจะเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า ตัววินเขาไม่ชอบสิ่งนี้นะ เราต้องอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างนี้ ก่อนผู้กำกับจะสั่งแอคชั่นมันต้องคิดให้ได้ก่อน เพราะโดยปรกติเวลาผมไปเล่นละครทีวี ผมก็จะไม่ค่อยได้ตั้งสติเท่าไหร่ จะปล่อยให้อารมณ์ไหลไปตามเรื่องเรื่อยๆ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ในเนื้อเรื่องให้ได้ครับ”

          “อีกเหตุผลนึงคงเป็นเพราะผมอยากจะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในการเล่นภาพยนตร์บ้าง หลังๆ มานี่ผมเล่นแต่บทภาพยนตร์ที่เป็นคอเมดี้หนักๆ มาแล้ว 2 เรื่อง พอมาอ่านบทเรื่องนี้มันได้เล่นอะไรที่เราอยากจะเล่น เป็นนักร้องนักดนตรีนักแต่งเพลงอย่างที่เราอยากจะเป็น ได้เล่นเปียโนอย่างที่เราชื่นชอบ ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งอันนี้ก็มีความชื่นชอบมากอยู่แล้ว แล้วยิ่งพอมาได้เห็นความตั้งใจของพี่โอ๊คผู้กำกับแล้ว ผมยิ่งอยากเล่นเข้าไปอีกเพราะผมชอบคนที่มีความตั้งใจและเอาใจใส่ในชิ้นงานของตัวเอง แล้วพี่โอ๊คมีมุมมองความรักที่หวานมาก มากจนบางทีเราก็นึกไม่ถึงแกเป็นคนมองโลกในแง่ดีกับความรักมาก ไม่ว่าจะดีหรือเลวแกจะมองหาจุดดีของความรักเป็นหลัก แกอินกับบทและรักงานตัวเองอย่างถ่องแท้ พี่โอ๊คสามารถหาคำอธิบายเหตุผลต่างๆ ในเรื่องได้อย่างละเอียดหมดทุกอย่าง”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:06:52 PM
ประวัตินักแสดง

วรเวช ดานุวงศ์ (แดน)เกิด 16 พฤษภาคม 2527 ศิลปินนักร้องยอดนิยม มีผลงานเพลงหลายอัลบั้ม เจ้าของรางวัลด้านดนตรีตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบัน
แดนมีความสามารถทางด้านดนตรีมากมายไม่ว่าจะเป็น กีต้าร์ คีย์บอร์ด กลองโฟร์ทอม กลองใหญ่ กลองแทร็ก ขลุ่ย รวมไปถึงการอ่านทำนองเสนาะ (ที่ 3 ของประเทศเมื่อครั้งมีประกวด)
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการประกวดร้องเพลงในโครงการ “พานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์” ปี 2543 ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขันระดับประเทศ เข้าเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด “อาร์เอส โปรโมชั่น” ขณะนั้นทางบริษัทได้คัดสรรเด็กหนุ่มเพื่อสร้างวงบอยแบนด์กลุ่มใหม่ขึ้น จนในที่สุดแดนได้มาเป็นส่วนหนึ่งของวง “ดีทูบี” (ปี2544) จนมีผลงานออกมาหลายอัลบั้ม ต่อมาปี 2548 ออกผลงานเพลงในนามนักร้องดูโอ “แดน-บีม” ปัจจุบันแดนย้ายมาเป็นศิลปินในสังกัดค่าย “โซนี่ มิวสิค” และมีอัลบั้มเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรกคือ อัลบั้มบลู (2552)
ปัจจุบันมีผลงานอัมบั้ม “Solo Motion” (2544) ซึ่งแดนทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ แต่งเพลง และร้องนำ นอกจากนี้แดน วรเวชยังมีความสามารถในการแต่งและร้องเพลงประกอบละคร ภาพยนตร์ อีกมากมายหลายเรื่อง รวมไปถึงเป็นผู้กำกับ ผู้จัดและทำงานเบื้องหลังละครทางโทรทัศน์,ผู้กำกับภาพยนตร์โทรทัศน์, ครีเอทีฟงานคอนเสิร์ต, มิวสิคไดเรคเตอร์ อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์
- “สังหรณ์” ปี 2546
- “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” ปี 2549
- “ห้าแพร่ง” ปี 2552
- “32 ธันวา” ปี 2552
- The Melody ปี 2554
ผลงานด้านละครวัยร้ายเฟรชชี่, คู่กรรม2, พี่น้องสองเลือด, ฮอยอัน ฉันรักเธอ, นายกระจอก, มนต์รักล๊อตเตอรี่, พี่ชาย, ภูติรักนะโม, ปี่แก้วนางหงส์, สายลับเดอะซีรีส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ, กุหลาบซ่อนหนาม, สืบสวนป่วนรัก, ช็อคโกแลต 5 ฤดู, สุดยอด, สืบสวนป่วนกำลัง 3, ช่วยด้วยครับ ผมรักลูกสาวเจ้าพ่อ

คงจะดีนะถ้าเพลงที่เราแต่งจะอยู่ในใจใครหลายๆ คน

คนแต่งทำนอง

หมอก แสดงโดย (ฉัตร) ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร
          หมอก หญิงสาวที่มารักษาตัวอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความสามารถในด้านดนตรี มีพรสวรรค์ ความสุขของเธอคือการแบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เธอสามารถทำได้ให้กับคนรอบข้าง และใช้เสียงเพลงบรรเทาความทุกข์ให้กับคนทุกคน เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีจุดหมายในชีวิต
          หมอกเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่รักและภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งนึงที่หมอกทำได้ดีคือการเล่นดนตรีที่ให้ความสุขกับทุกๆ คน หมอกค้นพบตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการ และวันนึงเสียงดนตรีของเธอก็นำพาใครบางคนเข้ามาในชีวิต เป็นบางคนที่มีค่าพอกับช่วงเวลาที่สำคัญของเธอ
          “(ปริยฉัตร) อ่านบทครั้งแรกก็ชอบเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วฉัตรเป็นคนชอบเล่นเปียโนอยู่แล้ว เคยเรียนเมื่อตอนเด็กๆ แล้วเป็นคนชอบบทแบบนี้มันลึกซึ้งและมีความหมายดีๆ ส่วนเรื่องคาแรกเตอร์ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนอะไรมาก ส่วนใหญ่บทที่ฉัตรเคยได้รับก็ใกล้เดียงกัน แต่นี่ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของฉัตรเลยค่ะ เรื่องการแสดงยังคงต้องพัฒนาอีกเยอะ เพราะการเล่นภาพยนตร์มันต้องเล่นซ้ำหลายครั้ง เราต้องจำได้ว่าเราเล่นความรู้สึกแบบไหนไปตอนไหน พี่โอ๊คช่วยได้เยอะค่ะ เขาจะคอยอธิบายความรู้สึกของตัวละครอยู่ตลอดเวลา ให้การบ้านกลับไปทำบ้าง
          คาแรกเตอร์ของหมอกดูเผินๆ อาจจะเป็นวัยรุ่นผู้หญิงธรรมดาคนนึง แต่ลึกๆ กว่านั้นเขามีอีกความรู้สึกซ่อนอยู่ เหมือนจะมีความสุขแต่ก็สุขไม่เต็มร้อย ถึงตัวหมอกจะเป็นคนที่สร้างกำลังใจให้คนอื่น แต่ก็เป็นคนที่ต้องการกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน มันเลยค่อนข้างที่จะซับซ้อน พี่โอ๊คก็จะคอยบอกความรู้สึก ณ ตอนนั้นตอนนี้ของหมอกให้เข้าใจ
          ในอีกอย่างที่สำคัญเลยคือ เรื่องนี้ก็จะได้เห็นพี่แดนและฉัตรเล่นเปียโนเองค่ะ พี๋โอ๊คจะให้เราไปฝึกมาก่อนถึงเวลามีอาจารย์มาเทรนให้อีกทีแต่ทุกฉากที่เห็นในเรื่องฉัตรก็จะเล่นเอง มันไม่หลอกไม่เขินดี พี่โอ๊คเป็นคนมีรายละเอียดเยอะมากเขาอยากให้ทุกอย่างออกมาสมจริง บรรยากาศจริง รู้สึกจริง ส่วนพี่แดนก็เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกัน
          พี่แดนเป็นคนมีโลกส่วนตัวตอนแรกก็เกร็งๆ เหมือนกันแต่ตอนหลังเริ่มคุยได้พี่แดนก็จะมีแต่มุกตลก แกล้งทีมงาน ปล่อยมุกตลอดเวลาเลยไม่เครียดกับการทำงานเท่าไหร่ แล้วไปเจอกับบรรยากาศที่แม่ฮ่องสอนก็ดูทุกคนมีความสุขไปกับบรรยากาศนั้น เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกด้วยก็เลยทำงานกันโอเคค่ะ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวพี่โอ๊คเท่านั้นที่มีความโรแมนติก ตัวพี่ผู้ช่วย พี่แดน และทีมงานคนอื่นๆ ก็จะเข้าใจความรักเป็นอย่างดีทุกคนจะอินกับมันมากค่ะ”

ประวัตินักแสดง ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (ฉัตร)เกิด 11 เมษายน 2534
การศีกษา- มัธยมจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
- คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
น้ำหนักส่วนสูงสูง 171
ผลงานที่ผ่านมา
- นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “นาทีเดียวในตอนสุดท้าย” ของโจ-ป๊อป
- นางเอกมิวสิควิดีโอ เพลง “ถ้าพรุ่งนี้ ฉันไม่ตื่น” ก้อง กรุณ
- ละครช่อง 7 เรื่อง ตะวันดั่งภูผา
- ละครช่อง 7 เรื่อง ลูกผู้ชายไม้ตะพด บริษัท กันตนากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แสดงคู่กับ ศรัณย์ ศิริลักษณ์
- ละครช่อง 7เรื่อง เสือสั่งฟ้า (ดาริณ) บริษัท กันตนากรุ๊ปจำกัด (มหาชน) แสดงคู่กับ ชนะพล สัตยา
- ผลงานสร้างชื่อ ละครร่วมทุนสร้างระหว่างไทย-เกาหลี เรื่อง “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” (วินดี้) บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทรนเม้นต์ จำกัด แสดงคู่กับ มาริโอ้ เมาเร่อ ช่อง 9

ผลงานโฆษณาวัตสัน, M&M, เป็ปซี่, ดีแทค, สแปลช, พรีเซนเตอร์ร้านกูซ เกซ โมบาย, Levi’s ประกบ เซี่ยะถิงฟง
ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ สูตร orange peel oil
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 09, 2011, 04:07:33 PM
นักแสดงร่วม

ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ (น้องใยไหม)
รับบทเป็น “น้องพลอย”
จุดเชื่อมต่อเล็กๆ ที่แสนน่ารักของวินและหมอก ที่ทำให้วินได้เรียนรู้ว่าตัวของเขาสามารถสร้างจุดเปลี่ยนที่ใหญ่หลวงให้กับใครบางคนได้
ประวัติ เกิด 3 ก.ค 2548
รางวัล
1. รองชนะเลิศ ประกวด M&C Baby Contest 2008
2. รองชนะเลิศ ประกวด หนูน้อย ALACTA 2008
ผลงาน
TVC บรีส เอ็กเซล สูตรน้ำชนิดซอง ,TVC เบบี้มายด์ ครีมอาบน้ำ, TVC ซิตี้แบงค์ เรดดี้เครดิต, TVC จอห์นสัน แป้งเย็นเด็ก ( On Air ฟิลิปปินส์),TVC ปูน SCG,รายการ TV อัฒจรรย์มันยกบ้าน ช่อง 9

วาสนา สิทธิเวช รับบทเป็น “แม่ของหมอก”
นักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีความสามารถทางด้านการแสดงทั้งทางภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง และละครทีวีมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ประวัติ ภาพยนตร์เรื่องแรก “ครูบ้านนอก” 2521

DIRECTOR NOTE
ทศพล ศรีสุคนธรัตน์
          ภาพยนตร์เรื่องนี้มันจะเป็นความรู้สึกเหมือนทุกสิ่งในโลกถึงแม้จะสวยงาม แต่มันก็จะแทรกไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไป ทุกความรู้สึกมีมันจะมีความรักแทรกอยู่ด้วยตลอด ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมุมให้เราเลือกมองได้อยู่ที่ว่า ณ เวลานั้นคุณมีความรู้สึกอย่างไร
ประเด็นหนึ่งก็คือ เรื่องของความรักที่แท้จริง หลายคนถามว่า รักที่แท้จริงคืออะไร? จริงๆ แล้วมันจะตอบอย่างไรก็ได้ อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น ผมพยายามตอบคำถามว่าความรักที่แท้จริงนั้นคืออะไร? และมันต้องทำอย่างไร? ในมุมมองของผม ผมมองว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่บางครั้งถ้าเราไม่รู้จักความรักให้ถ่องแท้
          รักแท้ไม่ใช่แค่การครอบครองร่างกาย แต่มันหมายถึงการครอบครองจิตใจ คือถ้าคนเรารักกัน ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ความรักมันก็ยังคงอยู่อย่างเข้าใจ เราเลือกยืนอยู่ได้หลายมุมมองของความรัก ทั้งโกรธ เกลียด หลง ปลื้ม เสน่หา อาลัย คิดถึง ผูกพัน ราคะ หวังดี ความรักทำให้เราเห็นอะไรได้ตั้งหลายมุม แต่มันอยู่ที่เราเลือกว่าจะยืนมองความรักของเราในมุมไหน ผมเชื่อว่ารักที่ดีจะเกิดขึ้นได้นั้นก็อยู่ที่เราเลือกมุมที่เรายืนมองความรักว่ามันเป็นมุมที่ดีจริงหรือไม่ รักไม่มีคำจำกัดความ แต่รักมีการจำกัดมุมได้ เลือกมุมความรักที่ดีได้ ความรักที่ดีก็ย่อมตามมา

ประวัติผู้กำกับ
ปัจจุบัน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้

2007 – ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการบริษัท ยักษ์คู่ สตูดิโอ จำกัด
ผลิตรายการโทรทัศน์ สารคดี โฆษณา ละคร และภาพยนตร์
2006 - 2007 บริษัท BEC Tero Entertainment จำกัด (มหาชน)
Producer รายการ Arsenal Dreams เรียลลิตี้ฟุตบอล
2005 – 2006 บริษัท แกรมมี่ เทเลวิชั่น จำกัด
Co-Producer รายการเกมวัดดวง, เกมใกล้ตัว, Open’9
Producer รายการThe Games กีฬามหาสนุก, รายการ Unseen TV
ผู้ช่วยผู้กำกับละครเรื่อง พ่อแกกับแม่ฉัน
2003 – 2004 บริษัท บรอดคาสไทย เทเลวิชั่น จำกัด
Creative ผู้คิดรายการ Siam Games เกมคนสยาม, รายการเรื่องเด็ดเกร็ดอาชีพ, รายการชิงฝันปั้นดาว
2000 – 2003 บริษัท ว็อชด๊อก จำกัด
Creative รายการ ชูรัก ชูรส, รายการดูละครย้อนดูตัว
Producer รายการสารคดีกว่า 200 สารคดีของบริษัท
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 12, 2011, 12:35:28 PM
แดนประทับใจฉัตรนางเอกสุดอึด ร่วมซีนหวานใน “The Melodyรักทำนองนี้”
   
 
         
          เป็นการจับคู่กันขึ้นจอใหญ่ครั้งแรกของสองพระ-นาง ใน The Melody รักทำนองนี้ ภาพยนตร์ โรแมนติก-ดราม่า ของค่าย สหมงคลฟิล์มฯ ที่ได้หนุ่ม แดน วรเวช ดานุวงศ์ (วิน) พลิกคาแรคเตอร์มารับบทนักดนตรี ขี้วีน หยิ่งยโส และสาวสวยหน้าใส ฉัตร ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร (หมอก) หญิงสาวนักเปียโน ที่ภายนอกดูบอบบาง แต่จิตใจนั้นเข้มแข็ง เป็นผู้ที่มาทำให้ชีวิตของวินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยมีท่วงทำนองแห่งบทเพลงเป็นสื่อกลาง และเรียนรู้ที่จะสร้างกำลังใจแก่กันและกัน
         
           นอกจากเรื่องคาแรคเตอร์ที่ถือว่าเปลี่ยนจากเดิมโดยสิ้นเชิง เรื่องของความโรแมนติก สวีทหวานของคู่พระ-นางก็ถือว่ายากทีเดียว เพราะเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้งคู่ ซึ่งแดนได้กล่าวถึงการร่วมงานกันในครั้งนี้ว่า

          “น้องฉัตรเป็นเด็กผู้หญิงตัวสูง สูงมาก มีความตั้งใจไม่เห็นและก็ไม่เคยได้ยินน้องบ่นอะไร ขนาดไปในที่หนาวสั่น ฝนตก อากาศไม่เป็นใจเลยบางครั้งก็ยังเฉย อยู่ได้ทุกที่จริงๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังรัก แต่การถ่ายทำในแต่ละทีก็ค่อนข้างจะทรหดมาก มีการทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ไปกลับแม่ฮ่องสอน ปางอุ๋ง ปาย ห้วยน้ำดัง ขึ้นเขาลงห้วย ต่อรถ ต่อเครื่องบิน นั่งรถนาน อากาศหนาวมาก พักผ่อนน้อย หมอกลงจัด ก็ไม่เคยเห็นน้องฉัตรบ่นสักครั้ง ถ่ายดึกแค่ไหน หรือบางทีถึงเช้าก็มีก็ไม่พูดยังมีพลังเหลือเฟือมากๆ นี่แหละครับถือว่าเป็นสปิริตนักแสดงที่ดี

          แล้วตอนที่เล่นเรื่องนี้ด้วยกันใหม่ๆ ผมยังไม่รู้ว่าน้องเขาเล่นเปียโนได้จริง อย่างเก่งก็น่าจะจับคอร์ดได้ก๊องแก๊งทำแค่พอเหมือนว่าเล่นเป็นได้...มั้ง ในเรื่องนี้ต้องเล่นเพลงคลาสิคของโชแปงอยู่ฉากนึงไง พอน้องมาก็เล่นเปียโนเลยคล่องแคล่วด้วย ก็ประทับใจ ดีใจเออ..เล่นได้จริงด้วยน้องคนนี้ ผมถือว่านี่มันทำให้หนังมีความน่าเชื่อถือขึ้นมามันมีความจริงเข้ามาว่านางเอกเราเล่นเปียโนได้จริงๆ เพราะฉะนั้นคนที่ดูเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่ รับรองได้เลยว่านักแสดงในเรื่องสามารถเล่นเปียโนได้เองจริงๆ ได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ได้จริงครับ”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 16, 2011, 01:22:31 PM
เติมเต็มเพลงรักของคุณให้จบท่อนกับ“The Melody รักทำนองนี้” ชิง iPad 2 พร้อม The Melody Case และของที่ระลึกมากมาย



          บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” ขอเชิญชวนผู้ที่มีใจรักในเสียงเพลงทุกท่าน ร่วมเติมเต็มเพลงรักให้จบท่อนกับ “The Melody รักทำนองนี้” ในสไตล์ของคุณเอง เพื่อลุ้นรับ iPad 2 16GB พร้อม The Melody Case และ เสื้อยืด The Melody รักทำนองนี้ จำนวนจำกัด

          กติกาง่ายๆ เพียงแค่เติมแต่งเนื้อเพลงในแบบของคุณ โดยเติมจากท่อนเพลงที่ขาดหายไปของเพลง The Melody ซึ่งเป็นเพลงประกอบ

          ภาพยนตร์ของเรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” ในท่อนที่ว่า
 
          “ไม่ว่าเมื่อไหร่ จะเป็นกำลังใจ ต่อให้จากนี้เรานั้นอาจไม่ได้เจอ
          .........................................................................”
 
           แล้วส่งเนื้อร้อง พร้อมชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ มาที่ movieactivity@sahamongkolfilm.com หรือ เขียนลงหลังโปสการ์ด The Melody รักทำนองนี้ แล้วส่งกลับมาที่ บ. สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จก. เลขที่ 388 อาคารเอส.พี สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 วันนี้ – 11 ธ.ค. นี้ ประกาศผล 19 ธ.ค. 54 ทางโทรศัพท์ พร้อมติดตามอัพเดทเนื้อเพลงที่ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ทาง www.facebook.com/sahamongkolfilmint และฟังเพลงฉบับเต็มได้ที่ www.youtube.com/sahamongkolfilmint เมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน ...เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก...ที่มีอยู่จริง 8 ธันวาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

หมายเหตุ
          - เนื้อร้องท่อนที่เติมเข้ามาจะต้องไม่ซ้ำกับเนื้อเพลงเดิม คำที่ใช้ต้องมีความหมายและถูกต้อง และมีความหมายตามบทเพลง
          - การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นสิทธิ์ขาดฯ และเนื้อเพลงที่แต่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ และรางวัลที่มีมูลค่าเกิน 1,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5 เปอร์เซนต์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 20, 2011, 03:52:23 PM
เมื่อความรักที่ไม่จำเป็นต้องมีถ้อยคำ แต่สื่อสารได้ด้วย “The Melody” คำการันตีจาก ผกก. มากฝีมือ โอ๊ค-ทศพล
   

   
           The Melody รักทำนองนี้ ภาพยนตร์เคล้าไออุ่นของความรัก ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่างแดน – วรเวช ดานุวงศ์ และฉัตร – ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทเพลง ซึ่งงานนี้ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง โอ๊ค - ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ จากคนทำงานเบื้องหลังที่สั่งสมประสบการณ์มากมายจนตกผลึกไอเดียที่อยากจะส่งความรักออกไปโดยไม่ต้องสื่อสารเป็นคำพูด ได้พูดถึงผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาว่า

          “ผมอยากทำหนังรักที่ตอบโจทย์ความรู้สึกของความรักในแบบที่ผมคิด เวลาคนเรารักกันมักจะไม่มีเหตุผลว่าทำไมเรารักกัน แต่จะมีเหตุผลเสมอเวลาที่เราเลิกกัน บางคนอาจเป็นหนักร้องไห้หรืออาจถึงขั้นทำร้ายตัวเอง คิดสั้น ผมรู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เราก็เลยอยากทำหนังรักที่อยากให้คนดูรู้สึกถึงวันที่คนเรามีความรักดีๆให้แก่กัน เปลี่ยนจากเสียใจ เกลียดขี้หน้ากัน กลายมาเป็นแรงผลักดันให้เราทำอะไรให้ประสบความสำเร็จดีกว่า ความรู้สึกเหล่านี้เอามาบวกกับความชอบของตัวเราเอง ผมเป็นคนชอบดนตรี รักเปียโนชอบมาตั้งแต่เด็ก ชอบแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองที่เงียบสงบและเข้าถึงจิตวิญญาณของคนได้ง่าย ผมก็คิดว่าอยากจะทำหนังโรแมนติกที่บอกความรู้สึกให้คนดูรู้โดยที่จะไม่มีคำว่ารักเลย คนดูต้องรู้สึกว่าความรักไม่จำเป็นต้องพูดแต่มันบอกได้ด้วยอย่างอื่น บางคนพูดคำว่ารักจนมันกลายเป็นคำที่เฝือทั้งที่บางครั้งเราพูดจริงตลอด แต่บางคนที่ไม่พูดคำว่ารักเลยนานๆ พูดทีบางทีกลายเป็นว่ามีค่ากว่า ทั้งที่ไม่รู้คำนั้นพูดจริงหรือเปล่า เราเลยอยากลองนำเสนอด้วยวิธีอื่น”

          “เรื่องนี้มีเพลงประกอบภาพยนตร์ เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่องของหนังเลยก็ว่าได้ มีเพลงหนึ่งซึ่งเป็นเพลงธีม มันสำคัญมากต้องสื่อความรู้สึกของคนสองคนได้ทุกอย่างได้ภายในเพลงนั้น ผมก็โทรหาพี่บอย ตรัยเลย ก็บอกกับพี่บอยว่าผมอยากให้พี่มาแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ให้หน่อย ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่บอยฟัง พอฟังจบปุ๊ปประโยคแรกที่พูดคือ “เราอยากแต่งเพลงนี้ให้นาย เราชอบ เราเข้าใจความรู้สึกนี้เลย” พี่บอยก็แต่งเลยเพลงนึงชื่อเพลงว่า “เดอะเมโลดี้” ฟังแล้วน้ำตาแทบร่วง รู้สึกว่านี่แหละใช่เลยเพลงที่เราอยากได้ มันเป็นความรู้สึกของพระเอกและนางเอกที่ผ่านเสียงดนตรีเหล่านี้ออกมา มันเป็นเพลงของเขาสองคนจริงๆ ทุกคนก็จะอินกับเพลงนี้มาก

          ส่วนเพลงที่ 2 เป็นเพลงที่เราอยากให้แดนแต่งตั้งชื่อไว้ตั้งแต่แรกที่เขียนไว้เลยว่าจะให้เพลงนี้ชื่อว่า “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” คอนเซปต์คือพระเอกไม่เคยบอกรักใครแล้วก็ไม่รู้ใจตัวเองว่าแบบนี้คือรักหรือเปล่า แต่ความรู้สึกที่ถ่ายทอดในบทเพลง ผู้หญิงฟังก็จะรู้ว่ารักนี่แหละเขากำลังบอกรักเรา แดนเขาก็แต่งออกมาจากความรู้สึกที่มีกับตัวละครตลอดการทำงานที่เขาจับความรู้สึกตัวละครได้ ถ้าได้ฟังแล้วก็จะรู้เลยว่านี่แหละใช่ ส่วนอีกเพลงนึงก็เป็นเพลงคู่ที่พี่บอยแต่งให้พระเอกกับนางเอกในเรื่องได้ร้องไว้ ชื่อเพลง “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” ทำนองจะเป็นมิดเดิลหน่อย แล้วก็ได้น้องฉัตรกับแดนร้องคู่กับจริงๆ มันฟังแล้วน่ารักลงตัวมาก ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบเพลงประมาณนี้ รวมแล้วก็มีทั้งหมด 3 เพลงหลักๆ แล้วก็มีเพลงประกอบอื่นอีก ก็จะมีของพี่บอย โกสิยพงษ์ ยังไม่รวมกับเพลงคลาสิคอีก 2 เพลงที่พระเอกเล่นกับนางเอกในเรื่องด้วย ซึ่ง 2 คนนี้เล่นเองเลย”

          เตรียมพบกับเรื่องราวความรักของคน 2 คน ที่บางครั้งไม่ต้องมีคำพูดว่ารัก แต่สามารถสื่อสารและส่งถึงกันได้อย่างง่ายดายใน “THE MELODY รักทำนองนี้” 8 ธันวาคม นี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 23, 2011, 02:44:11 PM
ผกก. “THE MELODY รักทำนองนี้” ลงตัวเลือกแม่ฮ่องสอน พร้อมส่งแดน-ฉัตรถ่ายทอดอารมณ์รักโรแมนติครับหน้าหนาว


 
          เป็นความตั้งใจของ “โอ๊ค-ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” ผู้กำกับ “THE MELODY รักทำนองนี้” ภาพยนตร์รักโรแมนติคภาพสวยเพลงเพราะที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูเกิดความสุขผ่านเคมีทางการแสดงที่ลงตัวที่สุดของคู่พระ-นาง แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และฉัตร- ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ซึ่งผู้กำกับเลือดใหม่ก็ยืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ได้ถ่ายทำที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเก็บภาพความงามของทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองที่บานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขาของดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวมซึ่งเบ่งบานเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้นในช่วงเดือน พ.ย. ในฉากเล่นเปียโนดอกไม้ท่ามกลางอากาศหนาว หรือในฉากพระนางจิบกาแฟหอมกรุ่นท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทิวเขาบนยอดดอยกองมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังไม่รวมกับการปิดถนนคนเดินหน้าวัดจองคำและวัดจองกลาง ในฉากที่พระเอกนางเอกลอยกระทงสวรรค์พร้อมอธิษฐานคำรักท่ามกลางหมู่ดาวทั่วท้องฟ้า และที่จะพลาดไปไม่ได้เลยคือ ภาพบรรยากาศของทะเลหมอกขาวริมทะเลสาปปางอุ๋งที่ปกคลุมผืนน้ำซึ่งล้อมรอบด้วยทิวเขาและป่าสนที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่เดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน

          “เป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่แรกแล้วว่า หนังเรื่องนี้จะต้องใช้โลเกชั่นที่แม่ฮ่องสอน จำได้ว่าขึ้นลงกรุงเทพ-แม่ฮ่องสอนทุกๆ 2 เดือนตลอด 2 ปี ลุยดูโลเกชั่นทุกที่ตั้งแต่ยังไม่มีบท ซึมซับทุกอย่างไว้ในหัวและถ่ายทอดให้กับคนเขียนบทจนในที่สุดก็ได้บอลรูม มือเขียนบทสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก และบี เพื่อนตั้งแต่มัธยม ที่ผ่านงานเขียนมามากมาย มาช่วยเขียนบทอีกแรง ทำไมต้องแม่ฮ่องสอน มันเป็นความประทับใจและเป็นความฝันเลยว่าอยากถ่ายเรื่องนี้ที่แม่ฮ่องสอนผมไปๆ มาๆ กว่า 13 ครั้ง ได้เจอผู้คนได้เจอบรรยากาศแล้วมันทำให้เรารู้สึกสงบ คนมีน้ำใจ แม้แต่คนที่ย้ายไปอยู่ที่นั่นยังบอกเลยว่าเวลาที่นั่นเหมือนโลกเดินช้าลง 1 วินาทีมีค่าเท่ากับ 1 นาที ทุกอย่างมันค่อยๆ ดำเนินไป ผมไปอยู่นั่นก็อยู่ร้านกาแฟ เดินทางไปภูเขา ไปทุ่งดอกไม้ ไปในที่ๆ เขาว่าสวย หนังเรื่อง THE MELODY ใช้โลเกชั่นที่สวยที่สุดของแม่ฮ่องสอนหลายๆที่ในการถ่ายทำ เพราะเรื่องทุกอย่าง ความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกเกิดขึ้นที่นี่ ค่อยๆ เรียนรู้ ผูกผัน จนรักกัน ธรรมดาๆ ใครที่อยู่คนเดียวในช่วงหน้าหนาวว่าเหงาแล้ว ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเหงามากขึ้นไปอีก ผมเชื่อว่าคนไม่มีคู่มาดูหนังเรื่องนี้ จะรู้สึกอบอุ่น จะรู้สึกมีความสุข ด้วยบรรยากาศของตัวละคร เรื่องราว และเมืองแม่ฮ่องสอนที่มีเสน่ห์มากๆ แล้วแดนกับฉัตรเองก็เป็นนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์โรแมนติคของคน 2 คนที่รักกันและต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันด้วยความรักได้อย่างพิเศษสุดจริงๆ”

นอกจากจะสมใจผู้กำกับแล้ว งานนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งของขวัญพิเศษสำหรับพี่น้องชาวไทยที่ทางสหมงคลฟิล์มฯ ตั้งใจมอบให้ในช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ กับภาพยนตร์รักโรแมนติค “THE MELODY รักทำนองนี้”และขอให้ปีหน้าฟ้าใหม่คนไทยจะได้พบกับสิ่งดีๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะโดยเร็ว
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 26, 2011, 06:33:14 PM
บทสัมภาษณ์ “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร รับบทเป็น “หมอก” ในภาพยนตร์เรื่อง “The melody รักทำนองนี้”



          คาแรกเตอร์ที่ได้รับในเรื่องนี้เป็นอย่างไร
          ในเรื่องนี้ฉัตรมารับบทเป็น “หมอก” ค่ะ หมอกจะเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดี อ่อนโยน เข้าใจและแคร์ความรู้สึกของคนอื่น เป็นคนที่มีความสุขเมื่อเห็นคนรอบข้างมีความสุข หมอกเป็นหญิงสาวที่มารักษาตัวอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความสามารถในด้านดนตรี มีพรสวรรค์ ความสุขของเธอคือการแบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เธอสามารถทำได้ให้กับคนรอบข้าง และใช้เสียงเพลงบรรเทาความทุกข์ให้กับคนทุกคน เป็นคนใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่มีจุดหมายในชีวิต หมอกเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่รักและภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งนึงที่หมอกทำได้ดีคือการเล่นดนตรีที่ให้ความสุขกับทุกๆ คน หมอกค้นพบตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการ และวันนึงเสียงดนตรีของหมอกก็ทำให้หมอกได้เจอกับใครดีๆ สักคนนั่นก็คือ “วิน”

          ก่อนหน้านี้เคยเล่นแต่ละครและโฆษณาทางทีวีมา พอมาเล่นภาพยนตร์เป็นยังไงบ้าง
          จากที่ฉัตรเคยเล่นละครและโฆษณามา พอมาเล่นหนังฉัตรถึงได้รู้ว่ามันยากกว่าสิ่งที่ฉัตรเคยทำมา เพราะอย่างการถ่ายทำละครก็ต้องใช้กล้อง 3 ตัว เล่นแค่เพียงครั้งหรือสองครั้งก็ผ่านแล้ว แต่ภาพยนตร์คล้ายกับการถ่ายโฆษณาเพียงแต่โฆษณามันเหมือนซีนสั้นๆ ซีนเดียวแล้วจบ แต่ภาพยนตร์มันมีฉากต่อเนื่อง มีการใช้กล้องแค่เพียงตัวเดียว เราต้องเล่นหลายรอบมาก แล้วเราต้องจำอารมณ์ที่เราเล่นไปให้ได้ ถ้าเล่นไม่เหมือนกันก็ต้องย้อนเทปกลับไปดู แล้วพอเล่นซีนนี้เสร็จก็ต้องจำให้ได้อีกว่าต่อไปจากฉากนี้เป็นฉากอะไรรู้สึกยังไงต่ออีก ขั้นตอนมันซับซ้อนมากความละเอียดที่ต้องแสดงออกทางอารมณ์มันมากกว่า

          แตกต่างกันในเรื่องของคาแรกเตอร์ด้วย อย่างตัวละครที่ชื่อว่า “วินดี้” ในเรื่องใต้ฟ้าตะวันเดียวผลงานที่ผ่านมาของฉัตร กับตัวบทของหมอกในเรื่องนี้มีความต่างกันเยอะมาก วินดี้จะมีลักษณะใกล้เคียงกับฉัตรมากกว่าเพราะจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเหมือนชีวิตของวัยรุ่นทั่วไปมากกว่า แต่คาแรกเตอร์ของหมอกจะเป็นผู้หญิงที่มีความคิดโตเกินกว่าตัว เป็นคนเข้าใจโลกที่ออกจะเป็นแนวปลงชีวิตด้วยซ้ำ เหมือนว่าหมอกถึงจุดอิ่มตัวของเขาแล้วในเรื่องของความคิดอะไรหลายๆ อย่าง ก็เลยรู้สึกว่าบทของหมอกเป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากกว่าและโตกว่าฉัตรเยอะ เขาจะคิดอะไรซับซ้อนหลายชั้นเอาไว้แต่ไม่แสดงออกมาให้คนอื่นเห็น มันมีมิติมีอีกคนนึงอยู่ในตัวเขามันเลยยากมากสำหรับฉัตรค่ะ

          มีอุปสรรคหนักใจในการรับบทนี้บ้างไหม
          ปัญหาที่ติดบ่อยๆ เลยคือเรื่องของความลึกในอารมณ์ของตัวหมอก อย่างฉัตรเวลาวิเคราะห์ตัวละครอาจจะคิดได้ตื้นเกินไป มันมีหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวหมอกเขา แต่เราคิดไม่ถึง เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้บางอย่างมันจินตนาการไปไม่ถูก แรกๆ ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี พี่โอ๊คผู้กำกับ (ทศพล ศรีสุคนธรัตน์) จะต้องคอยบอกคอยเตือนอยู่เสมอค่ะ อย่างเวลาเล่นพี่โอ๊คจะแนะนำหลายอย่างมาก จริงๆ เขาจะปล่อยให้เราเล่นไปตามความเข้าใจของเราก่อน แล้วถ้ามันไม่ใช่ตรงไหนเขาก็จะพยายามอธิบายอย่างง่ายให้มันชัดเจนขึ้น ให้ฉัตรเข้าใจได้มากที่สุด

ดราม่าหนักมากไหนเรื่องนี้สำหรับฉัตร จริงๆ เรื่องนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นบทที่หนักทางดราม่ามากเกินไป มีบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าหนัก เพราะส่วนใหญ่เนื้อเรื่องจะเน้นความผูกพันของพระเอกนางเอกมากกว่า ความเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความรักที่ทำให้ใครสักคนเปลี่ยนมุมมองใหม่ได้ อารมณ์หนักๆ น่าจะเป็นของพี่แดนมากกว่า

          บุคลิกของฉัตรออกจะขี้เล่นบ้างมากกว่าโรแมนติกหรือเปล่า
          ใช่ค่ะจริงๆ ฉัตรเป็นคนไม่ค่อยโรแมนติกเลย ออกจะขี้เล่นและมีมุมที่ห้าวๆ โก๊ะๆ ด้วยซ้ำ มุมโรแมนติกหรือหวานๆ เท่าที่จำได้แทบไม่มีเลย (หัวเราะ) พอมาเล่นบทแบบนี้ก็จะรู้สึกว่าขัดกับบุคลิกของตัวเอง แต่ก็ตั้งใจที่จะเล่นบทแบบนี้มาก

          แล้วก่อนถ่ายมีการไปเวริกช็อปล่วงหน้าบ้างไหม
          ก่อนที่จะมีการถ่ายทำก็จะมีการเวิรกช็อปกันก่อน มาทวนบทด้วยกันกับพี่แดน พี่โอ๊คจะบอกความรู้สึกของแต่ละฉาก และก็คุยในเรื่องของคาแรกเตอร์ และคุยเรื่องราวของบททั้งหมด แต่ละซีนแต่ละอารมณ์แตกต่างกันยังไงบ้าง แต่เข้าฉากจริงไม่มีแอคติ้งโค้ช ก็ต้องทวนเรื่องราวเอาเอง พี่โอ๊คกับพี่แดนก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้เยอะค่ะ

          มารับบทเรื่องนี้ได้ยังไง
          ตอนนั้นมีคนบอกให้มาลองแคสเรื่องนี้ดู ตั้งแต่ปี 52 ฉัตรเพิ่งจะอายุ 17 เอง เรื่องนี้ผ่านมานานมากใช้เวลากว่า 2 ปีกว่าจะได้ถ่ายทำจริงจัง ตอนมาแคสติ้งฉัตรยังไม่รู้เลยค่ะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร บทเป็นยังไง ก็ได้มาอ่านบทวันแคสติ้งนิดหน่อย ตอนนั้นพี่โอ๊คให้โจทย์มาว่าฉัตรสนิทกับน้องอายุเกือบ 10 ขวบคนนึงชื่อว่าน้องพลอย เป็นคนที่สนิทกันมากแล้วน้องก็ป่วยต้องเข้ารับการรักษา เราซึ่งสนิทกับน้องพลอยมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องพลอยมารู้ทีหลังน้องพลอยก็อาการหนักมากแล้ว ต้องแสดงอารมณ์ดราม่าร้องไห้อะไรแบบนี้ค่ะ แล้วพี่โอ๊คก็มีให้ร้องเพลง อยู่ๆ ก็บอกให้ร้องเพลงขึ้นมา 1 เพลง ฉัตรก็คิดอยู่ตั้งนานว่าจะร้องเพลงอะไรดี ซึ่งจริงๆ ฉัตรร้องเพลงไม่เก่งเลย การร้องเพลงเป็นเรื่องที่ยากมาก ตอนนั้นร้องเพลง “กว่าจะรักกัน” เพราะช่วงนั้นเพิ่งจบม.6 มาใหม่ๆ กำลังอินกับเพลงนี้เลย พี่โอ๊คยังแซวว่าเลือกร้องเพลงได้เก่ามาก (หัวเราะ) เลือกเพลงเก่าประมาณรุ่นพี่โอ๊คเลยนะ

          ตอนนั้นรู้เหตุผลไหมว่าทำไมพี่โอ๊คถึงเลือกฉัตรมาเป็นนางเอกเรื่องนี้
          ตอนนั้นไม่รู้ค่ะ มารู้ทีหลังพี่โอ๊คเล่าให้ฟังว่าเคยเห็นฉัตรในโฆษณาตัวนึงทางโรงภาพยนตร์แล้วชอบมากอยากได้มาแคสบทนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาฉัตรจากไหน ติดต่อยังไงก็ไม่มีใครรู้ แล้ววันนึงฉัตรก็มาแคสติ้งพี่โอ๊คก็ดีใจมาก ถามฉัตรว่ามาได้ไง (หัวเราะ) แต่ที่ฉัตรอึ้งไปกว่านั้นคือ พี่โอ๊คบอกว่าที่เลือกฉัตรเพราะฉัตรหน้าป่วย ตอนแรกที่ได้ยินตกใจมากทำไมต้องหน้าป่วย หน้าเราไม่ดีหรือว่ามันยังไงหรอ แต่พี่โอ๊คอธิบายว่าหน้าป่วยของเขาไม่ได้หมายถึงคนป่วย แต่หมายถึงดูแล้วเชื่อว่ามีความน่าสงสาร เห็นแล้วเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วปรกติฉัตรเป็นคนหน้าซีดอยู่แล้วด้วย แต่งหน้าให้ป่วยง่ายดี (หัวเราะ) อันนี้เป็นเหตุผลหลักที่เลือกฉัตรหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 26, 2011, 06:34:35 PM
          หลังจากที่ได้เลือกเล่นแล้ว ได้อ่านบททั้งหมดแล้วมีความรู้สึกยังไงกับเรื่องราวนี้
          ตอนนั้นรู้เลยว่าต้องทำการบ้านหนักแน่ๆ เพราะเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับฉัตร คาแรกเตอร์แบบนี้ฉัตรไม่เคยเล่นมาก่อนแล้วฉัตรเองก็ยังใหม่มากสำหรับการเล่นภาพยนตร์ แล้วเล่นครั้งแรกเจอกับบทที่มีความคิดซับซ้อน มันท้าทายมากกังวลอยู่เหมือนกัน ตื่นเต้นมากยิ่งใกล้ถึงวันจะเปิดกล้องยิ่งตื่นเต้น จริงๆ โดยส่วนตัวแล้วฉัตรไม่ค่อยชอบดูหนังที่เป็นแนวโรแมนติกดราม่า ฉัตรจะชอบดูหนังที่เป็นแนวบู๊ล้างผลาญ สยองขวัญอะไรแบบนั้น แต่ฉัตรก็อยากจะเล่นให้ได้ทุกบทบาท อย่างเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่อินกับบทเท่าไหร่ จนกระทั่งมาทวนบทกับพี่โอ๊ค ได้รู้เรื่องราวที่มันลึกกว่าตัวหนังสือในบทจากความรู้สึกของพี่โอ๊ค เลยทำให้บทมันมีมิติมากขึ้น เข้าใจกับเนื้อเรื่องมากขึ้นก็เริ่มอินกับบทมากขึ้นค่ะ

          ตอนนั้นรู้หรือยังว่ารับบทคู่กับพี่แดน (แดน วรเวช ดานุวงศ์)
          ทราบแล้วค่ะ ตอนนั้นได้รู้ว่าเล่นคู่กับพี่แดนก็ตื่นเต้นหนักเข้าไปใหญ่ เพราะรู้มาว่าพี่แดนเป็นนักแสดงมีประสบการณ์การทำงานมาเยอะมาก เก่งหลายด้าน ฉัตรเกร็งมากเลยค่ะเพราะฉัตรเป็นนักแสดงใหม่กลัวว่าตัวเองจะทำอะไรช้าแล้วจะทำให้พี่เขาหงุดหงิดไหม กองถ่ายหงุดหงิดไหม พี่แดนจะยอมรับในการแสดงของเราไหม การบ้านและความกังวลเต็มหัวไปหมดเลยค่ะ และพอมาเจอกันจริงๆ ในคิวแรกพี่แดนก็นิ่งมาก เงียบไม่ค่อยคุยกับใคร ฉัตรนี่ซีดเลยไอ้ที่กลัวมาทั้งหมดกลัวหนักเข้าไปอีก (หัวเราะ) แต่พอได้เข้าฉากกันถึงได้รู้ว่าจริงๆ พี่แดนเองก็เกร็งเหมือนกัน พี่แดนก็ช่วยสอนหลายอย่างในเรื่องของการแสดง ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นเคยบ้าง พี่แดนก็มียิงมุข เริ่มมีเรื่องขำๆ มาปล่อยในกองถ่ายอะไรแบบนี้ บรรยากาศก็เลยสบายมากขึ้น

          ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าตอนแรกเลยเคยเห็นแต่พี่แดนเล่นหนังแนวตลกใช่ไหมคะ เราก็คาดหวังว่าจะได้เจอพี่แดนในลุคนั้นก่อนไง แต่พอวันมาเจอจริงๆ มันไม่ใช่พี่แดนเงียบมากและก็มีมุมส่วนตัวของเขา แต่ทุกอย่างก็ปรับเข้าหากันได้เร็วมาก เหมือนกับว่าพี่แดนเขาอยู่ตรงไหนก็ได้ไม่ซีเรียสแรกๆ เขาก็มีมุขกับเพื่อนของเขาที่ไปด้วย หลังๆ มามุขก็เริ่มกระจายไปทั่วกอง ทำให้สนิทกันง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ

          ประทับใจอะไรในตัวพี่แดนมั่งหลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันแล้ว
          เยอะค่ะ แต่รวมๆ แล้วน่าจะเป็นเรื่องของการทำงานมากกว่า เพราะพี่แดนเป็นคนทำงานเก่งสั่งปุ๊ปได้ปั๊ป แล้วเขาก็เป็นคนมีความสามารถหลายอย่าง เรื่องการแสดง เรื่องร้องเพลง แล้วก็มาเป็นผู้กำกับ มาเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย แล้วเขาก็เป็นพี่ที่ดีคนนึงเวลาที่เรางงกับการแสดงพี่เขาก็จะคอยแนะคอยสอนว่าตรงนี้ควรจะเล่นอารมณ์ประมาณไหน แล้วก็ไม่ทำให้เขารู้สึกหนักใจอะไร ความเป็นกันเองของพี่เขาด้วยซ้ำที่ทำให้เรามีความเกรงใจ มีความเชื่อมั่นในความคิดของเขา

          แล้วได้ทำงานร่วมกับพี่โอ๊ค (ผู้กำกับ) เป็นยังไงบ้าง
          ตอนแรกเลยไม่รู้จักพี่โอ๊คมาก่อน แต่พี่โอ๊คเป็นคนที่เจอกันครั้งแรกก็สามารถคุยกันได้น้ำไหลไฟดับ เป็นคนที่เปิดเผย ยิ้มตลอดเวลา เลยทำให้คุยกันง่ายขึ้น เข้าใจในการทำงานและตัวเขามากขึ้น มารู้ทีหลังว่านี่ก็เป็นเรื่องแรกของพี่โอ๊คเหมือนกันและเขาก็ใช้เวลากับผลงานชิ้นนี้มานานมาก ทุ่มเทกับมันมาก เขาเตรียมตัวมากว่า 2 ปี ทั้งเขียนบทเอง ทั้งเดินทางไปแม่ฮ่องสอนเองดูโลเกชั่นเองหมดทุกอย่าง เป็นผู้กำกับที่ละเอียดมาก นิดนึงก็ไม่ได้ ยิ่งเรื่องการแสดงแล้วเนี่ยยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยกว่าฉัตรจะผ่านแต่ละเทคพี่โอ๊คต้องติวหลายรอบมาก ทุกฉากพี่โอ๊คจะละเอียดหมด ทำให้ฉัตรรู้สึกว่าซีนนึงของหนังเรื่องนี้มันใช้เวลาและความประณีตมาก มันต้องเล่นให้ถึงกับตัวละครนั้นจริงๆ ถึงจะผ่านในแต่ละฉาก

          ในเวลาทำงานพี่โอ๊คจะเป็นคนพูดเสียงดังนิดหน่อยอาจจะดูเหมือนว่าดุ เวลาทำงานก็จะซีเรียสนิดนึงแต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะรู้ว่าเรื่องนี้เขาตั้งใจทำมากๆ บางคนอาจจะเห็นแค่มุมทำงานของพี่โอ๊ค แต่ตัวจริงนอกเวลาที่ทำงานแล้ว เขาเป็นคนใจดี สนุกสนาน ขำ เฮฮาเหมือนกับคนอื่นๆ เขา

          หลังจากที่ได้อ่านบทแล้ว รู้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องไปแต่ละที่ไกลมาก หนทางคดเคี้ยวมากตอนนั้นรู้สึกยังไงมั่ง
          หลังจากที่ฉัตรได้อ่านบทเรื่องนี้แล้วก็ได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมร่างกายเดินทางไปถ่ายทำกันที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องตะลุยไปกันหลายที่มากทั้งปางอุ๋ง ดอยแม่อูคอ ห้วยน้ำดัง และอีกหลายๆ ที่ก็ตื่นเต้นดีค่ะ จริงๆ ฉัตรเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้วและยิ่งที่บ้านนี่ก็เป็นคนภาคเหนือ คุณแม่เป็นคนเชียงรายแล้วฉัตรก็ชอบที่เที่ยวที่หนาวๆ อากาศดีๆ อยู่แล้ว แต่ปรกติไม่ค่อยจะได้มีเวลาไปเที่ยวและก็ยังไปเที่ยวไม่ครบทุกที่ ได้มาถ่ายทำเรื่องนี้เรียกว่าคุ้มค่ามาก ได้ไปในที่แปลกใหม่ที่เราไม่เคยได้ไปหลายที่มาก

          ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเที่ยวอีกแต่คราวนี้ขอไปเที่ยวจริงๆ นะ ไม่เอาแบบไปทำงานเพราะมันไม่ได้เที่ยวอย่างเต็มอิ่ม แต่ต้องขอเช็คสภาพอากาศด้วยว่ามันจะไม่เป็นแบบที่เจอมาระหว่างถ่ายทำ เพราะเจอทั้งพายุหมอก พายุฝนกระหน่ำกันจนถ่ายหนังไม่ได้ จะได้เที่ยวได้อย่างสบายใจเพราะแม่ฮ่องสอนก็ขึ้นชื่อเรื่องอากาศดีอยู่แล้ว

          ได้ไปถ่ายทำที่ไหนมาบ้างของแม่ฮ่องสอน
          คิวแรกของการถ่ายทำก็ไปที่ดอยแม่อูคอค่ะ ที่นั่นจะเป็นทุ่งดอกบัวตองจริงๆ ไม่น่าจะเรียกว่าทุ่งนะคะเพราะทั้งภูเขาเป็นดอกบัวตอบเหลืองเต็มทั้งเขาเลยพอไปแล้วได้เห็นกับตามันประทับใจมาก ตื่นออกมาจากรถตู้แล้วตะลึงเลย แต่คิวนั้นมีอุปสรรคเรื่องการถ่ายทำตลอด เพราะว่าด้วยความใหม่ของฉัตร อย่างที่บอกฉัตรยังไม่เคยถ่ายหนัง ทุกอย่างใหม่หมดสำหรับฉัตรเลยทำให้คิวแรกถ่ายทำกันได้ช้ามาก เพราะยังปรับตัวไม่ได้ วันนั้นหลายเทคมาก วันนั้นรู้ซึ้งเลยว่าถ่ายหนังมันยากตรงไหน

          อีกเรื่องก็จะเป็นเรื่องของสถานที่เพราะที่ทุ่งดอกบัวตองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคนจะเยอะมาก กว่าจะหลบคนได้ แล้ววันนั้นมีกองถ่ายอื่นมาถ่ายวันเดียวกับพวกเราด้วยต้องหลบมุมกล้องกันวุ่นวาย บวกกับนักท่องเที่ยวที่มาชมก็มาดูกันเยอะมากบางทีฉัตรก็หลุดจากสมาธิของหนังมาก ทั้งที่วันนั้นฉัตรกับพี่แดนก็ถ่ายฉากง่ายๆ ไม่มีบทพูดอะไรมากแค่ตะโกนดังๆ จ้องตากันนิดหน่อยแค่นี้แหละค่ะ กว่าจะได้ภาพประทับใจของฉากนี้มาก็ใช้เวลากันทั้งวันเลย

          แล้วก็มีฉากที่เราต้องไปถ่ายทำที่ห้วยน้ำดัง รู้สึกว่าจะเป็นคิวที่สอง ตอนนั้นฉัตรต้องไปอยู่แม่ฮ่องสอนประมาณอาทิตย์กว่าๆ ที่แม่ฮ่องสอนนี่ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องของการเดินทางไปที่ยากลำบาก เราจะต้องเจอกับโค้งเยอะมาก แต่ว่าฉัตรไม่หวั่นเพราะฉัตรหลับตลอดทาง (หัวเราะ) เลยไม่ค่อยจะรู้สึกว่า โค้งเยอะขนาดไหน คนเมารถอาการเขาเป็นยังไง แล้วเป็นการถ่ายทำที่หนักหนาสาหัสอย่างไม่รู้ลืมเลย เพราะว่าคิวนั้นเราต้องออกเดินทางจากที่พักในตัวเมืองไปห้วยน้ำดังกันตั้งแต่ตี 2 เพื่อจะต้องถ่ายฉากที่วินกับหมอกนั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ ทีมงานทุกคนง่วงนอนมาก พอเราไปก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ฝนตกมาเรื่อยๆ หมอกก็ตกหนักมากจนมองอะไรไม่เห็น แล้วห้วยน้ำดังอากาศมันหนาวอยู่แล้วพอมาเจอกับฝนยิ่งหนาวทรมานมากขึ้นไปอีก เวลาพูดปากสั่นแหง๊กๆ ทีมงานก็รอกันว่าเมื่อไหร่ฝนจะหยุดหรือหมอกจะจาง แต่ไม่มีวี่แววเลย พี่โอ๊คตัดสินใจตั้งกองถ่ายเลยถ่ายมันท่ามกลางฝนและหมอกนี่แหละ

          แล้วอย่างที่บอกฉากนี้เป็นฉากที่จะต้องเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและวิวทะเลหมอกอย่างสวยงาม ต้องห่มผ้าผืนเดียวกัน ทั้งที่ความเป็นจริงแทบจะแย่งผ้าห่มกันอยู่แล้ว ก็ต้องพยายามดื่มน้ำอุ่นตลอดเวลา และก็มีถุงน้ำร้อนมาให้ใช้ ทีมงานก็นั่งรอเวลาฟ้าสางแต่พอทุกอย่างสว่างจ้าหมดแล้ว พระอาทิตย์ก็ยังไม่เห็นเป็นดวงสักที เราก็เลยต้องจินตนาการเอาเองว่าภาพข้างหน้าเป็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นอย่างสวยงาม ทั้งที่ความเป็นจริงมีหมอกหนาทึบมาก ไม่จางลงเลยแม้กระทั่งตอนเราขนของกลับกันลำบากและทรมานกันมากค่ะวันนั้น

          เสร็จแล้วเราก็ต้องมีฉากที่ไปถ่ายตามท้องถนนอีกมีอุปกรณ์การริกรถเยอะแยะ แต่สภาพอากาศวันนั้นไม่เป็นใจเลย ระหว่างที่เราเตรียมจะขึ้นรถกันก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย เพราะระยะการมองเห็นมันน้อยมาก มันเต็มไปด้วยหมอกหมดมองไม่เห็นทางเลย อันตรายมากเพราะทางมันเป็นเขาชันคดเคี้ยวไปมา ถนนก็เล็ก ทีมงานก็ขึ้นไปติดฝนและหมอกกันหมดอยู่ที่ดอยกิ่วลมไปไหนไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องเดินทางไปถ่ายกันต่อที่ปางอุ๋ง ปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น พี่โอ๊คเลยตัดสินใจกลับไปนอนที่เมืองก่อนแปปนึงเพื่อกลางดึกคืนนี้เมื่ออากาศดีขึ้นก็จะออกเดินทางไปถ่ายที่ปางอุ๋งกันต่อ

          วันนั้นได้นอนแปปเดียวจริงๆ แล้วก็ไปปางอุ๋งกันต่อไปถึงก็ไปถ่ายฉากที่วินกับหมอกพากันไปกางเต้นท์ที่ปางอุ๋งแต่ดันกางเต้นท์ไม่สำเร็จเลยต้องเอาถุงนอนออกมานอนกางดูดาวกันนอกเต้นท์ แล้วความจริงคือมันหนาวมาก พื้นก็เย็นมากยิ่งใกล้เช้ายิ่งหนาวสุดๆ วันนั้นนอนตากน้ำค้างถ่ายฉากนี้ไปจนแทบจะหลับจริงๆ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ไปลงแพไม้ไผ่ของชาวบ้านที่ทะเลสาบในปางอุ๋งต่อ เสียดายที่วันนั้นไม่มีหมอกเลี่ยน้ำอย่างที่พี่โอ๊คจินตนาการเอาไว้ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะเป็นพายุหมอกอยู่แล้ว

          บรรยากาศที่ปางอุ๋งดีมากค่ะ วันนั้นไปถ่ายฉากล่องแพกันสองคน แล้ววินก็ยุให้หมอกร้องเพลงให้ฟัง หมอกก็ต้องร้องออกมาแบบเพี้ยนๆ คือวันนั้นทุกอย่างโอเคหมดแล้ว อากาศดีมาก มีหงส์มาเล่นน้ำ มีลมพัดเอื่อยๆ แต่ถูกกลบบรรยากาศหมดด้วยเสียงเพี้ยนๆ ของฉัตร ก็สงสารนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยววันนั้นมาก ที่ต้องมาทนฟังเสียงฉัตรร้องกลางทะเลสาบ (หัวเราะ)
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 8 ธันวาคม
Post by: FB on November 26, 2011, 06:36:00 PM
          มีคิวไหนที่ฉัตรรู้สึกว่าตั้งแต่ถ่ายทำมายากที่สุด หรือประทับใจที่สุดบ้างไหม
          ฉัตรว่าตั้งแต่ที่เราถ่ายทำกันมามันยากทั้งหมดเลย ยากทุกคิว แต่ที่หนักใจที่สุดคงจะเป็นคิวแรกเลย อย่างที่บอกฉัตรยังใหม่ ตอนนั้นเหมือนคนทำอะไรไม่เป็น ตื่นเต้นด้วย ไม่รู้มุมกล้องด้วยว่าเราจะต้องเล่นยังไง แอคติ้งประมาณไหน ต้องปรับตัวเยอะมากในคิวแรก

ส่วนเรื่องประทับใจก็ประทับใจแทบจะทุกฉากเลย พิเศษหน่อยก็จะเป็นฉากที่วินกับหมอกไปลอยกระทงสวรรค์กันที่ถนนคนเดินหน้าวัดจองคำที่แม่ฮ่องสอนค่ะ คือวันนั้นเป็นฉากที่หมอกพาวินไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน แล้วมีงานลอยกระทงสวรรค์ก็เลยชวนวินไปปล่อยกระทงกันซึ่งเป็นประเพณีจำเพาะของคนไทยใหญ่ที่อยู่ที่นั่น จะไม่เหมือนกับการปล่อยโคมลอยใหญ่ๆ ขึ้นฟ้า อันนี้จะเป็นกระทงเล็กๆ และมีลูกโป่งสวรรค์ผูกติดข้างบนเท่านั้น แล้ววันนั้นที่เราถ่ายทำกันมีชาวบ้าน พระเณรมาช่วยเราปล่อยกระทงสวรรค์กันเยอะมาก มีกระทงสวรรค์ลอยเต็มท้องฟ้าสวยงามมาก ทุกๆ คนร่วมแรงร่วมใจอยากให้ฉากนี้ออกมาสวยที่สุด แล้วเราก็ปล่อยกันหลายรอบมาก แต่ละรอบก็เยอะมากมันก็เลยประทับใจกับฉากนี้เป็นพิเศษ

          ฉากที่ประทับใจก็มีอีกฉากคือฉากที่ฉัตรต้องเต้นเป็นตุ๊กตา คือฉัตรไม่เคยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมาก่อน เป็นฉากที่พี่แดนกำลังเล่นเปียโนอยู่ แล้วฉัตรก็มาเต้นอยู่ข้างๆ เต้นเหมือนหุ่นเชิด คือปรกติเต้นเล่นๆ ที่บ้านหรือกับเพื่อนบางคนก็อาจจะเคยเห็นแล้ว แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเยอะๆ บางทีก็มีเขินเหมือนกัน วันนั้นพี่ที่กองถ่ายก็ช่วยบอกว่าควรจะเต้นยังไงให้ประหลาด เต้นยังไงให้ดูแปลกไม่ติดขัด เลยชอบฉากนี้เพราะตลกดีค่ะ ในเรื่องมีฉากนึงที่เรียกว่าหินสำหรับฉัตรเหมือนกัน เพราะฉัตรต้องเล่นเปียโนเอง เป็นฉากแรกที่วินกับหมอกมาเจอกัน วินเดินมาตอนที่หมอกกำลังเล่นเปียโนอยู่ แล้วจู่ๆ วินก็ลงมานั่งเล่นอยู่ข้างๆ เป็นการเล่นเปียโนพร้อมกันสองคน แล้วก็พี่โอ๊คให้โจทย์มาว่าต้องเล่นเพลงคลาสสิคของโชแปง ซึ่งเพลงคลาสสิคนี่อยากจะบอกว่าเพลงไหนมันก็ยากค่ะคือฉัตรเคยเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กแล้วห่างหายจากการแตะเล่นเปียโนมาประมาณเกือบ 10 ปีได้ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก ทำให้ฉัตรต้องไปรื้อฟื้นเล่นเปียโนใหม่ ต้องให้อาจารย์สอน ระหว่างการถ่ายทำพอจะถ่ายจริงก็เกร็งมาก จริงๆ ตั้งแต่เช้ามาถึงกองถ่ายนี่ก็ซ้อมเพลงนี้แต่เช้าแล้ว ซ้อมไม่หยุดเลย แต่พอถ่ายจริงมันยังเกร็งไม่หายด้วยความที่กลัวจะเล่นผิดแล้วห่างหายจากการเล่นเปียโนมานานก็จะพะวงว่าเราจะเล่นถูกไหม รอบแรกๆ อาจจะยังไม่อินไปกับเพลง แล้วด้วยความที่ฉัตรลืมโน้ตไว้ที่กรุงเทพด้วย นั่นแหละอันนี้คือปัญหา เล่นแล้วกังวลว่าเราจะเล่นถูกไหม มีลืมโน้ตจำโน้ตไม่ได้ก็มี แล้วมันไม่ใช่แค่นั้นการเล่นเปียโนมันไม่ใช่ว่าจะแค่เล่นให้ถูกโน้ตเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องสื่อความหมายสื่ออารมณ์ของเพลงนั้นออกมาให้ได้ด้วยว่าเพลงนั้นมีอารมณ์ความรู้สึกยังไง ซึ่งมันยากมากต้องแบ่งสมาธิหลายส่วนมากค่ะ วันนั้นเล่นบ่อยจนเพลงนี้หลอนติดหูเลย ฉัตรกับพี่แดนแบบว่าจำเพลงนี้ไปอีกนานเลย

          อยากให้ทุกคนได้ดูฉากนี้เพราะเป็นฉากที่พี่แดนกับฉัตรเล่นเปียโนกันเองจริงๆ ไม่มีสแตนอินไม่มีอะไรทั้งนั้น อยากฝากเอาไว้เป็นของขวัญให้กับแฟนหนังทุกคนเพราะเราตั้งใจซ้อมกันมาเพื่อเล่นฉากนี้ค่ะ

          เรื่องนี้มีต้องเข้าฉากกับเด็กเยอะมาก เป็นยังไงบ้าง ถ่ายทำกับเด็กๆ ก็สนุกดีค่ะ มันก็มีปัญหาบ้างแหละแต่เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเด็กๆ มารวมตัวกันเขาก็ต้องมีซุกซน มีวิ่งเล่น มีพัก มีเวลากินขนมกันบ้าง พอเรารู้ปัญหาเราก็จะไม่คิดอะไร เพราะเด็กๆ ที่มาเข้าฉากว่าง่ายมาก ผู้กำกับให้ทำอะไรก็ทำตามได้หมด

          ฉัตรมองความรักของวินและหมอกในเรื่องนี้ยังไงบ้าง หลังจากที่ได้เล่นเรื่องนี้จนจบแล้ว
          อย่างแรกเลยที่ความรักของเขาสองคนดูมีคุณค่า เพราะเขามีสิ่งๆ เดียวกันที่พวกเขารักนั่นก็คือเสียงดนตรี มันเป็นจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อให้วินและหมอกได้มาเจอกัน ถ้าเราได้เจอกับใครสักคนและมีความชอบเหมือนกันไม่ต้องทุกอย่างก็ได้ มันก็ทำให้เป็นจุดๆ นึงที่ทำให้เราผูกพันกันได้ จากนั้นก็ค่อยๆ อยู่ด้วยกัน ซึมซับผูกพันกันไปเรื่อยๆ เนื่องจากเขาจะมีช่วงนึงที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ ฉัตรถือว่าเป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นการให้โดยอยากเห็นเขามีความสุขไม่ต้องการสิ่งตอบแทนจริงๆ ซึ่งเป็นความรักที่จะได้เห็นจากวินและหมอกมอบให้แก่กัน และมีคุณค่าพอที่จะเป็นตัวอย่างความรักให้กับใครหลายๆ คน

          แล้วมุมมองความรักของฉัตรเป็นยังไง
          ฉัตรว่ามุมมองความรักของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว อย่างความหมายของความรักของแต่ละคนถ้าให้บอกก็คงจะมีความหมายไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ฉัตรว่าความรักนี่ไม่จำเป็นต้องรักเฉพาะคนหนุ่มสาว รักครอบครัว รักเพื่อน ความรักมันอยู่รอบตัวเรา ความรักของฉัตรก็มีทั้งรักครอบครัวรักเพื่อน หรืออย่างความรักของคนหนุ่มสาว ฉัตรว่าฉัตรยังอยู่ในช่วงของวัยรุ่นก็อาจจะมีที่ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ ต้องเข้าใจอะไรอีกเยอะ ชีวิตฉัตรเพิ่งผ่านอะไรมาได้แค่นี้ ยังต้องใช้เวลาเรียนรู้เรื่องพวกนี้อีกมากมาย

          มีอะไรอยากบอกกับผู้ชมในฐานะวัยรุ่นคนนึง
          ก็สำหรับฉัตรที่อยากจะฝากเอาไว้ในเรื่องมุมมองของความรักฉัตรว่าความรักมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ฉัตรว่าถ้าอยากที่จะรักกันไปนานๆ ไม่ใช่เฉพาะหนุ่มสาวนะคะอาจจะเพื่อนหรือครอบครัว ฉัตรว่าเราควรจะค่อยๆ เรียนรู้กันไปดีกว่า ฉัตรว่าความรักสมัยนี้มันค่อนข้างฉาบฉวย บางคนอาจจะแบบแค่เห็นก็ปิ้งกัน มันอาจจะมีรักแรกพบฉัตรไม่เถียง ตรงนั้นเนี่ยถ้าอยู่ด้วยกันไปนานๆมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ฉัตรว่าค่อยๆ เรียนรู้กันไปค่อยปรับตัวเข้าหากันจนมาอยู่ตรงกลาง จะทำให้ความรักอยู่ยืนยาวมากกว่า

          ฝากผลงานภาพยนตร์ส่งท้ายปีชิ้นนี้กับผู้ชม
          อย่างแรกเลยที่อยากให้เข้าไปชมก็คือเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ เราไปกันหลายที่มากแล้วบรรยากาศสวยมาก โรแมนติก อยากให้ไปชมกันมากๆ ฉัตรกับพี่แดนและทีมงานทุกๆ คนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเผื่อจะอยากเที่ยวตามที่แม่ฮ่องสอน

          และที่สำคัญเลยคือเรื่องของความรักทุกๆ คนอาจจะดูหนังรักในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็อาจจะมีหลายแง่มุม หลายข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์แนวรักมา อาจจะมีทั้งในแง่ที่ดีหรือไม่ดี ฉัตรว่าในหนังรักเรื่องนี้เป็นอีกทางเลือกนึงที่เราดูแล้วจะได้ความรักในแง่มุมใหม่กลับไปคิด อาจได้อะไรใหม่ๆ อย่างที่เราลืมมันไป หรืออาจจะกำลังค้นหามัน

          นอกจากนี้ยังมีเพลงเพราะๆ อีกเยอะแยะที่จะทำให้ผู้ชมอินกับตัวหนังมากยิ่งขึ้น เป็นเพลงที่แต่งมาจากความรู้สึกของพี่แดนที่มีต่อตัวละคร ต่อเรื่องราวในเรื่อง The melody รักทำนองนี้ ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งมาใหม่สำหรับหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ฝากผลงานเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุดเพื่อหวังจะให้เป็นของขวัญดีๆ ส่งท้ายปีนี้กันค่ะ
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on January 13, 2012, 03:07:56 PM
แดนเก๊กหน้าดุเป็นซุป’ตาร์วีนแตก โมโหเจอแฟนคลับเด็กอ๊วกใส่




 
          เกิดเหตุที่โรงพยาบาลที่รับการบำบัดรักษาเด็กๆ ที่เป็นโรคลูคีเมียเมื่อไม่นานมานี้ ในฉากหนึ่งของภาพยนตร์โรแมนติกต้อนรับวาเลนไทน์ปี 55 “The melody รักทำนองนี้” เรื่องล่าสุดของ ค่ายสหมงคลฟิล์มฯ ซึ่งเป็นเรื่องราวของซุปเปอร์สตาร์อย่าง “วิน” (รับบทโดย แดน วรเวช ดานุวงศ์) นักร้องนักดนตรีที่โด่งดังระดับประเทศที่มีเพลงขึ้นชาร์ทท๊อปฮิตติดอันดับ แต่ด้วยความเย่อหยิ่งเอาแต่ใจเลยทำให้ผลงานเพลงหล่นแป๊กตกอันดับอย่างรับไม่ได้ ต้องหนีหน้าผู้คนมาไกลถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน และได้พบกับนางเอก “หมอก” (รับบทโดย ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร) นักเปียโนจิตอาสาที่เข้ามารับหน้าที่ดูแลเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมียในสถานรักษาบำบัดแห่งหนึ่ง ซึ่งในฉากนี้น้องพลอย (รับบทโดย น้องใยไหม ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาต) ที่กำลังป่วยอยู่เป็นแฟนคลับตัวจริงเสียงจริงของนักร้องหนุ่มอย่างวิน หมอกจึงได้โอกาสพาวินมาเซอร์ไพร์สหวังจะให้น้องพลอยมีกำลังใจที่ดีขึ้น แต่ในขณะที่การพูดคุยกำลังสนุกสนานเพลิดเพลินน้องพลอยเกิดอาการอ๊วกใส่ซุปตาร์อย่างยั้งไม่อยู่ ทำให้วินโมโหฉุนเฉียวต่อหน้าต่อตาน้องพลอยเลยทีเดียว

          ซึ่งการถ่ายทำในวันนี้สร้างความสุขให้กับผู้กำกับ (ทศพล ศรีสุคนธรัตน์) ผู้เป็นแฟนคลับตัวจริงของน้องใยไหมเป็นอย่างมาก รวมไปถึง แดน วรเวช ที่เป็นคนรักเด็กชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้ว พอน้องใยไหมมาเข้าฉากนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ ผลัดกันชักรูปคู่กับน้องใยไหมไปคนละใบสองใบกว่าจะได้เข้าฉากจริง เรียกได้ว่าซุปตาร์ตัวจริงยังต้องยอมให้น้องเลยวันนั้น พอถึงเวลาซักซ้อมน้องใยไหมต้องทำท่าอ๊วกใส่เสื้อของแดน แต่กลับอมยิ้มและแลบลิ้นออกมาดูหน้าทะเล้น เรียกเสียงหัวเราะให้กับนักแสดงและทีมงาน จนแดนทำหน้าโกรธไม่ออกต้องฝืนเก๊กหน้าเข้ม เข้ากับบทบาทอย่างเกร็งสุดชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งแดน วรเวชยอมรับว่าไม่คิดว่าบทแบบนี้จะยากได้ แพ้อารมณ์ตัวเองเพราะความน่ารักใสซื่อของเด็กเขาจริงๆ

          “(แดน) น้องใยไหมน่ารักมากครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน น้องตาหวานจิ้มลิ้มน่าหยิกเล่นมาก ทุกคนต่างก็อยากถ่ายรูปและคุยกับน้องใยไหมโดยเฉพาะพี่โอ๊คผู้กำกับ แกจงใจเลยว่าบทนี้ต้องให้น้องใยไหมมาเล่นให้ได้ คนอื่นมาแคสเยอะแยะแกก็ไม่เอา แกชอบน้องใยไหมมากจนบ่นว่าอยากได้ลูกแบบนี้บ่อยครั้งเลย แล้วในฉากนี้ผมจะต้องโดนน้องใยไหมแหวะใส่เสื้อแบบไม่ตั้งใจ แต่ด้วยความที่บทของวินเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดขี้วีน ต้องแสดงอาการเลยว่าฉันไม่ชอบเด็ก ฉันเกลียดเด็ก และเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ไม่เคยต้องมาเจออะไรแบบนี้ก็รับไม่ได้ แสดงอาการฉุนเฉียวใส่เด็กทันที แต่ด้วยความน่ารักของน้องใยไหมตอนน้องเขาซ้อมเขาทำท่าตลกจะแหวะก็ไม่แหวะอย่างเดียวนะมีแลบลิ้นนิดๆ อีก มันดูน่ารักน่าเอ็นดูและตลกดี จะทำเอาผมเผลอยิ้มมากกว่า ต้องท่องไว้ในใจสะกดตัวเองตลอดว่าต้องโกธร ต้องเหวี่ยงใส่นะ กว่าจะผ่านเทคนี้ไปได้ก็นานเหมือนกันครับ เพราะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่จะเผลอยิ้ม หันไปเจอพี่โอ๊คแกกำลังยิ้มเคลิ้มปลื้มน้องพลอยอยู่หน้าจอมอนิเตอร์เหมือนกันครับ วันนั้นทีมงานก็ป่วนกันไปหมดยิ่งกว่ามีสาวๆ มาเข้าฉากซะอีก ก็จะได้เห็นแดนในอีกคาแรกเตอร์นึงครับที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ถ้าในความเป็นจริงผมโดนเด็กแบบน้องใยไหมแหวะใส่ ผมเชื่อว่าไม่มีใครจะโกธรลงหรอกครับ เพราะน้องน่ารักมากเลยครับ”

          ติดตามความน่ารักของทั้งคู่ได้ใน ภ. The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555 ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on January 21, 2012, 02:48:04 PM
MOVIE GUIDE: The Melody รักทำนองนี้

          วาเลนไทน์ จะมีความหมายอะไร ถ้าไม่ได้ อยู่ใกล้ๆ คนที่เรารัก
          14 กุมภาพันธ์
          The Melody รักทำนองนี้
          ทุกโรงภาพยนตร์
          คลิกชมตัวอย่างที่

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=SuTLnLFGtzg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=SuTLnLFGtzg</a>
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on January 21, 2012, 02:48:57 PM
สหมงคลฟิล์มฯเปิดไฟเขียว “แดน-วรเวช” ปล่อยของ “ร้อง-เล่น THE MELODY รักทำนองนี้” เน้นดราม่าโรแมนติค แถมแต่งเพลงรักสุดจี๊ด



          เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ทั้งท้าทายและพิสูจน์ความสามารถทั้งในฐานะนักแสดง และศิลปินเลยทีเดียวสำหรับ บท“วิน” นักร้องหนุ่มที่ชีวิต และหน้าที่การงานกำลังตกอยู่ใน “ขาลง” เมื่อซิงเกิ้ลเพลงล่าสุดนอกจากจะตกชาร์ทแล้ว ชีวิตที่รักแต่ตัวเองและไม่สนใจใคร เพราะคิดและเข้าใจตลอดเวลาว่าตัวเองคือนักร้องยอดนิยมที่ประสบความสำเร็จ จะเปลี่ยนชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง คือบทบาทดราม่า-โรแมนติคที่แฟนๆ ของ แดน-วรเวช ดานุวงศ์จะได้สัมผัสใน “THE MELODY รักทำนองนี้” ภาพยนตร์รักโรแมนติคภาพสวยเพลงเพราะ ที่คงไม่ผิดความจริงนัก ถ้าจะบอกว่าบทนี้ถูกเขียนขึ้นมาให้หนุ่มแดนโดยเฉพาะ แถมงานนี้นอกจากจะทั้งแสดง และร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ถึง 3 เพลงด้วยกัน ซึ่งแต่ละเพลงจะมีเสน่ห์และความพิเศษที่ได้รับการถ่ายทอดลงในภาพยนตร์ด้วยอารมณ์ ที่แตกต่างกันไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งประกอบไปด้วย

          เพลง “THE MELODY รักทำนองนี้” ได้นักร้องเพลงรักอย่างบอย ตรัย ภูมิรัตนมาแต่งเนื้อร้อง , เพลง “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” เป็นเพลงคู่ที่หนุ่มแดนร้องกับน้องฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร นางเอกของเรื่อง และ “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” ซึ่งเป็นเพลงสำคัญที่หนุ่มแดนโชว์ความสามารถในการแต่งเพลงนี้ด้วยตัวเอง ประมาณว่าพอมีโอกาสได้ร่วมงานกันอย่างเต็มตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรก สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ก็เปิดไฟเขียวให้หนุ่มแดนได้ถ่ายทอดความสามารถที่อัดแน่นอยู่ในตัวลงในภาพยนตร์อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

          “สำหรับ 3 เพลงในเรื่องTHE MELODY นะครับ เป็นเพลงที่ถูกนำเสนอและถ่ายทอดลงในภาพยนตร์ออกมาในเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลานะครับ โดยผมมองว่าทั้ง3เพลงก็จะทำหน้าที่และมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ถึงจะเป็นเพลงรักทั้ง3เพลง แต่พูดได้ว่าทุกๆ เพลงก็จะมีอารมณ์ที่แตกต่างกันเช่น THE MELODY รักทำนองนี้ จะเป็นเพลงที่อยู่ในช่วงเวลาที่ตัวเรารู้สึกว่า ทั้งตัวเราและตัวเขาต่างฝ่ายต่างได้เข้ามาเติมเต็มแต่ละคน มาร่วมสร้างความหวังซึ่งกันและกัน ส่วนเพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก เป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าเรามีความรักมากที่สุด เป็นช่วงพีคที่สุดของความรัก ที่เรารู้สึกว่าเราต้องการเขาจริงๆ อยากจะบอกรักเขา แต่บอกไม่ได้ ไม่รู้ว่าเราควรจะพูดตอนนี้ดีมั้ย หรือเราควรจะพูดมันทุกๆ วันเลย มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนสำหรับอีกเพลงหนึ่ง “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” ก็ เป็นเพลงที่เป็นการบอกเล่าว่าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายได้ยังไง ก็อยากฝากเพลงรักทั้ง 3 เพลงนี้ให้กับทุกคนด้วยละกันนะครับ ยังไงก็ลองฟังดูแล้วแต่ว่าใครจะโดนใจในช่วงเวลาไหนครับ”
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on January 28, 2012, 02:28:14 PM
จาก “เดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก” ถึง “เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้” สหมงคลฟิล์มฯ มั่นใจ ฉายรับวาเลนไทน์ ถูกใจคอหนังรักซึ้งปาดน้ำตา




 
          มั่นใจว่า “เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้” มีทุกองค์ประกอบที่บ่งบอกถึงความเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติคซาบซึ้งใจที่ทุกคู่รักไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านภาพที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงาม ซึ่งสามารถหยิบทุกมุมของ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นโลเกชั่นหลักของภาพยนตร์ออกมาถ่ายทอด ได้ราวกับภาพถ่าย หรือการเลือกเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีท่วงทำนองไพเราะและมีเนื้อหากินใจสอดคล้องไปกับเรื่องราวของภาพยนตร์จากฝีมือการแต่งของทั้งบอย ตรัย ภูมิรัตน และแดน วรเวช ดานุวงศ์ ซึ่งหนุ่มแดนทำหน้าที่ถ่ายทอดผ่านเสียงร้องของตัวเองทั้ง 3 เพลง รวมไปถึงการแสดงที่ลงตัวเข้าคู่กับนางเอกภาพยนตร์คนใหม่ ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ชนิดที่ว่าทำให้ เอ๋-อวิกา เตชะรัตนประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์นั่นแนล ตัดสินใจเลือกให้หนังรักที่แสนอบอุ่นเรื่องนี้ลงโรงฉายอังคารที่ 14 ก.พ. รับเทศกาลแห่งความรักเลยทีเดียว

          “ที่บริษัทเลือกฉายในวันที่ 14 ก.พ. น่าจะเป็นโปรแกรมฉายที่ลงตัวที่สุด ยิ่งพอเราได้ดูหนังที่ผ่านการตัดต่อทั้งหมดแล้ว คงไม่มีโปรแกรมฉายไหนที่จะเหมาะกับวันวาเลนไทน์เท่ากับหนังรักอย่าง “เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้” อีกแล้ว และคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกใจที่สุดของคอหนังรัก เพราะเดอะเมโลดี้ เป็นหนังรักที่มีครบทุกความรู้สึก คนที่ดูจะได้ทั้งอารมณ์ยิ้ม, ซึ้ง, ร้องไห้, ประทับใจ แล้วเพลงก็เพราะมาก เรามีการทำรอบทดลอง (screening test) ทุกคนที่ได้ดูหนังแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดูหนังจบแล้วทำให้ฟังเพลงยิ่งเพรา ะและซึ้งขึ้น เพลงประกอบถือเป็นอีกตัวละครหลักของเรื่องเลยทีเดียว อย่างที่ผ่านมา ต้องบอกว่าในรอบ 10 ปี มีหนังรักซึ้งไม่กี่เรื่องที่สามารถเน้นอารมณ์ความรัก ความผูกผันของตัวละคร จนคนดูอิน และปาดน้ำตาไปด้วยความประทับใจ นับเรื่องได้เลย ที่ผ่านมาบริษัทมีโอกาสได้ทำหนังรักซึ้งๆ จากผกก.เก่งๆ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก, รักแห่งสยาม, สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก ฯลฯ ซึ่งเราก็ถือว่า เป็นหนึ่งในแนวหนังที่บริษัทถนัด และไม่เคยทำให้คนรักหนังซึ้งผิดหวัง และสำหรับปีนี้มั่นใจว่าความรู้สึกแบบนั้นจะกลับมาอีกครั้งกับ เดอะ เมโลดี้ ในวันแห่งความรักที่จะถึงนี้ ด้วยฝีมือของคุณโอ๊ค ทศพล ผกก. และการแสดงของแดนเองในบทนี้ที่แฟนๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมถึงน้องฉัตร-ปริยฉัตร ที่เราเชื่อว่าคนดูจะติดใจในฝีมือการแสดง และความน่ารักของเธอ ท้ายสุดก็ขอฝากหนังรักดีดีเรื่องนี้ด้วยนะคะ รับรองว่า คู่รัก หรือคนโสดที่กำลังตามหารักอยู่ ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้ จะได้แง่คิดดีดีเกี่ยวกับความรักและแรงบันดาลใจไม่แพ้ เดอะ เล็ตเตอร์ จดหมายรักอย่างแน่นอนค่ะ”

          เตรียมพบกับ “เดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้”ภาพยนตร์โรแมนติคเรื่องเดียวประจำวาเลนไทน์นี้ที่อยากให้ทุกคู่สัมผัสพร้อมกันในอ้อมกอดแห่งรัก 14 ก.พ.55 นี้ทุกโรงภาพยนตร์
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on February 05, 2012, 04:53:32 PM
“แดน-ฉัตร” ชวนร่วมเติมเต็มค่ำคืนแห่งความรัก กับคอนเสิร์ต “THE MELODY DATE NIGHT CONCERT” รายได้ทั้งหมดมอบให้มูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต



          วาแลนไทน์นี้ บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด / ยักษ์คู่ สตูดิโอ / โรงเรียนดนตรีสยามกลกาล สถาบันดนตรียามาฮ่า / TV Direct และ โซนี่ มิวสิค และภาพยนตร์เรื่อง THE MELODY รักทำนองนี้ ขอชวนคุณร่วมเติมเต็มค่ำคืนแห่งความรัก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเงินเพื่อช่วยเหลือน้องๆ ในมูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต (The Gift of Life Foundation) กับ “THE MELODY DATE NIGHT CONCERT” งานที่จะให้คุณจูงมือคนที่คุณรักร่วมฟังบทเพลงรักจาก “แดน วรเวช ดานุวงศ์” แบบใกล้ชิด พร้อมชมภาพยนตร์รักสุดโรแมนติก The Melody รักทำนองนี้ ผลงานแสดงโดย แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และ ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร รอบพิเศษ ในวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 18.30 น. ณ ชั้น 8 Centrepoint Playhouse ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บัตรราคา 500 บาท 500 ที่นั่งเท่านั้น

          ***สนใจซื้อบัตรได้ที่ THAI Ticket Major ทุกสาขา รายได้ทั้งหมด (ไม่หักค่าใช้จ่ายใดใด) มอบให้ มูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต (The Gift of Life Foundation) เพิ่มเติมโทร 02-273-0930-9 ต่อ 143 หรือ www.facebook.com/sahamongkolfilmint
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on February 13, 2012, 02:19:56 PM
“The Melody รักทำนองนี้”เปิดรอบปฐมทัศน์ สุดประทับใจ แดน – ฉัตร หวานซึ้งโชว์เพลงรักแสนอบอุ่นกล่อมแฟนๆ


 
          “The Melody รักทำนองนี้” ภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่าเรื่องล่าสุดของ ค่ายสหมงคลฟิล์ม เปิดรอบปฐมทัศน์กันไปแล้วด้วยบรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักแสนหวาน เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ลานอินฟินิซิตี้ ชั้น 5 โรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็กซ์ โดยเหล่าบรรดาสื่อมวลชน และเหล่าแฟนคลับต่างให้ความสนใจร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

          เริ่มเข้างานก็อุ่นเครื่องกันด้วยตัวอย่างภาพยนตร์เพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติค ก่อนจะเข้าถึงช่วงเวลาสุดพิเศษเมื่อ “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ ขึ้นเวทีโชว์เพลงประกอบภาพยนตร์ “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” ที่เขาแต่งคำร้อง-ทำนองด้วยตัวเอง ประกอบเปียโนจาก น้อง วรรณิดา เกิดเกียรติขจร ผู้ผ่านการคัดเลือกการประกวดเปียโนในบทเพลงรักไม่มีคำว่ารัก โปรเจ็คท์ดีๆ ที่สถาบันดนตรียามาฮ่า ได้จัดขึ้นร่วมกับภาพยนตร์ The Melody รักทำนองนี้ ซึ่งแดนร้องได้ไพเราะจับใจเรียกเสียงปรบมือชื่นชมจากแฟนๆ ที่มาเชียร์ได้อย่างดังสนั่น อีกทั้งยังร้องเพลงตามกันได้ไม่มีเพี้ยน และยังไม่หมดแค่นั้นสาว “ฉัตร” ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ก็ขึ้นร่วมร้องเพลงคู่กับแดนเป็นครั้งแรกในเพลง “ความรักไม่มีวันสุดท้าย” เพลงรักแสนซึ้งที่แต่งโดย บอย ตรัย ภูมิรัตน์ สร้างบรรยากาศความหวานไปทั่วบริเวณงาน เติมอารมณ์รักให้กับทุกคนได้ยิ้มแก้มปริ

          จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงพูดคุยถึงเบื้องหลังงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมี ดีเจ กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ พิธีกรคนเก่งเชิญผู้กำกับ “โอ๊ค” ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ ขึ้นมาร่วมแชร์ประสบการณ์กับนักแสดงนำ เล่าถึงงานสร้างภาพยนตร์กันอย่างสนุกสนาน โดยมีเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์จากเหล่าบรรดาแฟนคลับไม่ขาด

          ปิดท้ายงานด้วยการถ่ายภาพร่วมกัน โดยได้รับเกียรติจาก คุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการ บ.สหมงคลฟิล์ม, ดร.สุวรรณา วังโสภณ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สถาบันดนตรียามาฮ่า คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ” โปรดิวเซอร์คนเก่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ในครั้งนี้ รวมถึงผู้สนับสนุนและผู้เกี่ยวข้องภาพยนตร์ ร่วมด้วยนักแสดงรับเชิญอย่าง น้องใยไหม ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ ขึ้นถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เมื่อหลังการฉายรอบปฐมทัศน์ The Melody รักทำนองนี้ ก็ได้เสียงตอบรับดีมากๆ คนดูน้ำตาคลอกันออกมาด้วยความสุขซาบซึ้งใจ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ต่างอินไปกับตัวหนัง

          และหากใครที่อยากสัมผัสความประทับใจแบบนี้ พิเศษสุดๆ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ต้อนรับเทศกาลความรัก นอกจากจะเป็นการเข้าฉายวันแรกในโรงภาพยนตร์แล้ว The Melody รักทำนองนี้ยังจะมีมินิคอนเสิร์ตการกุศล “THE MELODY DATE NIGHT CONCERT” โดยที่แดน วรเวช จะขนเพลงรักทั้งในภาพยนตร์ และเพลงรักที่ทุกคนประทับใจมาโชว์กันแบบเต็มอิ่มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พร้อมชมภาพยนตร์ The Melody รักทำนองนี้ไปด้วยกัน บัตรจำหน่ายในราคา 500 บาททุกที่นั่ง สนใจซื้อบัตรได้ที่ THAI Ticket Major ทุกสาขา รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้กับมูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต (The Gift of Life Foundation)
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on February 23, 2012, 04:31:46 PM
อินเทรนด์สุดๆ “THE MELODY รักทำนองนี้” ส่ง “แดน-ฉัตร” ถ่ายทอดอารมณ์รักโรแมนติค ผ่านมุมที่สวยที่สุดของ“แม่ฮ่องสอน


   
  เป็นความตั้งใจของ “โอ๊ค-ทศพล ศรีสุคนธรัตน์” ผู้กำกับ “THE MELODY รักทำนองนี้” ภาพยนตร์รักโรแมนติคภาพสวยเพลงเพราะที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูเกิดความสุขผ่านเคมีทางการแสดงที่ลงตัวที่สุดของคู่พระ-นาง แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และฉัตร- ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ซึ่งผู้กำกับเลือดใหม่ก็ยืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ได้ถ่ายทำที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเก็บภาพความงามของทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองที่บานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขาของดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวมซึ่งเบ่งบานเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้นในช่วงเดือน พ.ย. ในฉากเล่นเปียโนดอกไม้ท่ามกลางอากาศหนาว หรือในฉากพระนางจิบกาแฟหอมกรุ่นท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยทิวเขาบนยอดดอยกองมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยังไม่รวมกับการปิดถนนคนเดินหน้าวัดจองคำและวัดจองกลาง ในฉากที่พระเอกนางเอกลอยกระทงสวรรค์พร้อมอธิษฐานคำรักท่ามกลางหมู่ดาวทั่วท้องฟ้า และที่จะพลาดไปไม่ได้เลยคือ ภาพบรรยากาศของทะเลหมอกขาวริมทะเลสาปปางอุ๋งที่ปกคลุมผืนน้ำซึ่งล้อมรอบด้วยทิวเขาและป่าสนที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่เดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน

          “เป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่แรกแล้วว่า หนังเรื่องนี้จะต้องใช้โลเกชั่นที่แม่ฮ่องสอน จำได้ว่าขึ้นลงกรุงเทพ-แม่ฮ่องสอนทุกๆ 2 เดือนตลอด 2 ปี ลุยดูโลเกชั่นทุกที่ตั้งแต่ยังไม่มีบท ซึมซับทุกอย่างไว้ในหัวและถ่ายทอดให้กับคนเขียนบทจนในที่สุดก็ได้บอลรูม มือเขียนบทสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก และบี เพื่อนตั้งแต่มัธยม ที่ผ่านงานเขียนมามากมาย มาช่วยเขียนบทอีกแรง ทำไมต้องแม่ฮ่องสอน มันเป็นความประทับใจและเป็นความฝันเลยว่าอยากถ่ายเรื่องนี้ที่แม่ฮ่องสอนผมไปๆ มาๆ กว่า 13 ครั้ง ได้เจอผู้คนได้เจอบรรยากาศแล้วมันทำให้เรารู้สึกสงบ คนมีน้ำใจ แม้แต่คนที่ย้ายไปอยู่ที่นั่นยังบอกเลยว่าเวลาที่

          นั่นเหมือนโลกเดินช้าลง 1 วินาทีมีค่าเท่ากับ 1 นาที ทุกอย่างมันค่อยๆ ดำเนินไป ผมไปอยู่นั่นก็อยู่ร้านกาแฟ เดินทางไปภูเขา ไปทุ่งดอกไม้ ไปในที่ๆ เขาว่าสวย หนังเรื่อง THE MELODY ใช้โลเกชั่นที่สวยที่สุดของแม่ฮ่องสอนหลายๆที่ในการถ่ายทำ เพราะเรื่องทุกอย่าง ความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกเกิดขึ้นที่นี่ ค่อยๆ เรียนรู้ ผูกผัน จนรักกัน ธรรมดาๆ ใครที่อยู่คนเดียวในช่วงหน้าหนาวว่าเหงาแล้ว ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเหงามากขึ้นไปอีก ผมเชื่อว่าคนไม่มีคู่มาดูหนังเรื่องนี้ จะรู้สึกอบอุ่น จะรู้สึกมีความสุข ด้วยบรรยากาศของตัวละคร เรื่องราว และเมืองแม่ฮ่องสอนที่มีเสน่ห์มากๆ แล้วแดนกับฉัตรเองก็เป็นนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์โรแมนติคของคน 2 คนที่รักกันและต่างเป็นแรงบันดาลใให้แก่กันด้วยความรักได้อย่างพิเศษสุดจริงๆ”

          นอกจากจะสมใจผู้กำกับแล้ว งานนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งของขวัญพิเศษสำหรับพี่น้องชาวไทยที่ทางสหมงคลฟิล์มฯ ตั้งใจมอบให้ในช่วงวาเลนไทน์นี้ กับภาพยนตร์รักโรแมนติค “THE MELODY รักทำนองนี้” และขอให้เป็นปีที่คนไทยจะได้พบกับสิ่งดีๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะโดยเร็ว
Title: Re: ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2555
Post by: FB on February 23, 2012, 04:34:04 PM
CLIP: ดูแล้วบอกต่อ The Melody : รักทำนองนี้
ดูแล้วบอกต่อ The Melody : รักทำนองนี้
อินตาม ร้องไห้ตาม ยิ้มตาม
หนังที่หลายๆ คน เทใจให้

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=7_4bgkAbKck" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=7_4bgkAbKck</a>

The Melody รักทำนองนี้
วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์