บทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง
GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร


จากการ์ตูนยอดนิยมดัดแปลงกลายเป็นภาพยนตร์คนจริง-แสดงจริง ที่ผู้ชมทั้งโลกรอคอยจริง กำลังจะได้ดูกันจริง ๆ แล้ว กันสึ GANTZมังก้าสุดเฉียบ ซึ่งในที่สุดก็มีผู้กล้าตัวจริงสร้างเป็นภาพยนตร์ให้ชาวโลกได้ประจักษ์กันเสียที
บทนำ
หลังจากถูกจับตัวมาโดยวัตถุทรงกลมสีดำสุดลึกลับ เหล่ามนุษย์กลุ่มนี้ที่รู้จักกันในนาม กันสึ GANTZ ถูกบีบบังคับให้เอาชีวิตรอดด้วยการเข้าสังเวียนต่อสู้กับ เซอิจิน (“seijin”) เหล่าเอเลี่ยนส์ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาหลากรูปแบบหลายแนว...จู่ ๆ ทั้งคูโรโน่ (Kurono รับบทโดยคาซูนาริ นิโนมิย่า Kazunari Ninomiya) และคาโต้ (Kato รับบทโดยเคนิชิ มัทซึยาม่า Kenichi Matsuyama) ก็พบว่าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดสุดขีดคลั่ง ที่ไม่อาจจะหนีรอดได้ จนกว่าพวกขาจะกำจัดเหล่าเอเลี่ยนส์ให้สิ้นซาก คูโรโน่เลือกที่จะต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัย ในขณะที่คาโต้กลับปฏิเสธที่จะเข้าสู่สมรภูมิเลือดที่ดึงเขาไปโรมรันพันตูกับโลกที่ควบคุมทุกย่างก้าวด้วยความรุนแรง คูโรโน่กับคาโต้และมนุษย์คนอื่นๆ ที่จำใจต้องร่วมชะตากรรมเดียวกัน และเข้าสู่การทดสอบความอึดจนถึงขีดสุดชนิดสติแตกเอาง่าย ๆ ศึกสมรภูมิแล้วสมรภูมิเล่าที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าเอเลี่ยนส์ ในโลกที่แสบสุดๆเยี่ยงนี้พวกเขาจะตัดสินชะตาชีวิตตัวเองกันอย่างไร
กันสึ GANTZ เป็นผลงานชุดการ์ตูนมังก้าที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านด้วยเรื่องราวหลุดกรอบแนวคิดบ้านๆ เล่าถึง กลุ่มคนที่ได้รับการช่วยชีวิตจากเหตุการณ์เฉียดตายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด แต่กลับถูก กันสึ GANTZ โยนเข้าสมรภูมิห่ำหั่นกับเหล่าเอเลี่ยนส์ การ์ตูนชุดนี้เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกใน Weekly Young Jump หรือ Shueisha ฉบับเดือนกรกฎาคมปี 2000 และกลายเป็นแมงก้าแนวไซไฟที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเมื่อวางแผงฉบับรวมเล่ม (“tankobon”) ทั้ง 29 ตอนก็ขายไปกว่าสิบสามล้านห้าแสนเล่มแล้ว (สถิติถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2010)
การโคจรมาพบกันเป็นครั้งแรกของคาซูนาริ นิโนมิย่า (Kazunari Ninomiya) และเคนิชิ มัทซึยาม่า (Kenichi Matsuyama) ซูเปอร์สตาร์หัวแถวที่ต้องมาฝ่าฝันเอาชีวิตให้รอดในโลกแสบสุดขีดคลั่ง คาซูนาริ นิโนมิย่า (Kazunari Ninomiya) สร้างชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกมาแล้วจาก Letters from Iwo Jima และตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาปฏิเสธงานที่เสนอเข้ามาอย่างท่วมท้นเพียงเพื่อรอโอกาสร่วมแสดงใน GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร เคนิชิ มัทซึยาม่า (Kenichi Matsuyama) เองก็ดังคับโลกจากบทบาทหลากหลายและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ใน DEATH NOTE และ Detroit Metal City รวมทั้ง Norway no Mori หรือ Norwegian Wood ด้วย
นักแสดงหนุ่มแถวหน้าทั้งคู่จะตรึงผู้ชมด้วยรูปลักษณ์และสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง และบทบาทการแสดงที่จะโดนใจสุด ๆ ในผลงานแอ็คชั่นที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน บรรดาแฟนๆของ กันสึ GANTZ ต่างเฝ้ารอวันที่จะได้สัมผัสกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาตั้งแต่การ์ตูนชุดแรกเปิดตัว ตามมาด้วยการ์ตูนทางโทรทัศน์ที่ออกอากาศเมื่อปี 2004 เท่าที่ผ่าน ๆ มาก็มีบริษัทสร้างภาพยนตร์หลายแห่ง รวมทั้งสตูดิโอจากฮอลลีวู้ดพยายามเสนอโครงการสร้างดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แต่ก็ล้วนต้องล่าถอยไปเพราะไม่สามารถถ่ายทอดผลงานการออกแบบที่แหวกสไตล์สุดล้ำ, ฉากแอ็คชั่นสุดโหด, โลกทัศน์ที่นำเสนออย่างมีเอกลักษณ์แปลกแตกต่างไปจากเคยคุ้นอย่างสิ้นเชิง, และเค้าโครงเรื่องที่ใหญ่โตกว้างไกลเสียเหลือเกิน มาบัดนี้ ด้วยนักแสดงระดับแม่เหล็กทั้ง นิโนมิย่า และ มัทซึยาม่า ร่วมด้วยผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีความสามารถเปี่ยมล้นและคณะผู้สร้างแห่ง Nippon Television Network Corp. ที่ได้รับการยกย่องว่าสุดยอดฝีมือล้วน ๆ จากผลงานการดัดแปลงมังก้าเรื่องดังให้กลายเป็นภาพยนตร์คนจริงแสดงกันชนิดสุดอลังการมาแล้วทั้ง DEATH NOTE, 20th Century Boys, และอีกหลายๆเรื่อง ผลงานภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่นี้ถ่ายทำกันยาวนานกว่าหกเดือนและเก็บรายละเอียดเสริมแต่งกว่าจะเสร็จสมบูรณ์อีกเกือบปีเต็ม ๆ เพื่อให้พร้อมออกสู่สายตาแฟน ๆ เป็นสองภาคด้วยกัน สัมผัสกับนิยามใหม่ของ “ชีวิต และ ความตาย” ที่ภาพยนตร์เรื่อง GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร จะถ่ายทอดแนวคิดแหวกกรอบแสบสุด ๆ ไปยังชนรุ่นใหม่ อิ่มเอมไปกับปมดราม่าของมวลมนุษย์ และฉากแอ็คชั่นตื่นตา ที่ภาพยนตร์เรื่อง GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร จะตรึงคุณติดเก้าอี้ ช็อคจนคุณผวา และสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม ภาพยนตร์เรื่อง GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร เปิดกล้องกันก่อน The Lady Shogun and Her Men (ที่ออกฉายเมื่อเดือนตุลาคมปี 2010) ด้วยซ้ำ ภาพยนตร์เรื่อง GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร ภาคแรก (ความยาว 130 นาที) เปิดฉายในญี่ปุ่นวันที่ 29 มกราคม 2011 ส่วน GANTZ Part II ภาคสองจะเปิดฉายในวันที่ 23 เมษายน 2011
ประวัตินักแสดง
คาซูนาริ นิโนมิย่า รับบทเป็น เคอิ คูโรโน่
(KAZUNARI NINOMIYA as KEI KURONO)
นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายแห่งมหาวิทยาลัยเอกชนในโตเกียวกำลังหางานทำหลังจากจบการศึกษาแล้ว เขาไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่เพื่อนร่วมสถาบัน มักทำตัวไม่อยู่ในสายตาของใครต่อใคร แถมยังโดนเพื่อนๆล้อเลียนอยู่บ่อย ๆ จนได้ฉายาว่าเป็น “ตะเกียงที่จุดไฟในยามแสงอาทิตย์จ้า” เขาถูกขบวนรถไฟใต้ดินพุ่งเข้าชนในขณะที่กำลังช่วย คาโต้ เพื่อนวัยเด็กซึ่งพยายามช่วยเหลือคนเมาในสถานีรถไฟ เขาถูกกันสึ GANTZ ดึงตัวมาเข้าร่วมสมรภูมิกำจัดเหล่าเอเลี่ยนส์ เขาปฏิเสธในตอนแรกๆ แต่เมื่อคุ้นกับการห้ำหั่นฆ่าฟันสมรภูมิแล้วสมรภูมิเล่า เขาก็เริ่มแกร่งกล้าปรับตัวเข้ากับสภาวะวิกฤติได้อย่างดี จนค่อย ๆ กลมกลืนเข้ากับโลกของ กันสึ GANTZ ทีละน้อย แต่กระนั้นเขาก็ต้องสูญเสียคาโต้ไปในสมรภูมิหนึ่ง และ...
เคนิชิ มัทซึยาม่า รับบทเป็น มาซารุ คาโต้
(KENICHI MATSUYAMA as MASARU KATO)
ชายหนุ่มวัย 22 ปีที่ไม่ยอมเรียนต่อมัธยมและอุดมศึกษา เพราะจำเป็นต้องหารายได้เลี้ยงปากท้องทั้งตัวเองและน้องชาย แต่เขายังมีคูโรโน่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ชั้นประถมและเป็นบุคคลต้นแบบของเขาในตอนนั้น เขายังยึดมั่นในความยุติธรรมและถึงแม้จะยากจนแต่เขาก็ไม่แล้งน้ำใจที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ยากไร้ยิ่งกว่า เขาถูก กันสึ GANTZ ดึงตัวข้ามมิติมาในขณะที่กำลังจะถูกขบวนรถไฟพุ่งเข้าชนตอนที่เขาลงไปช่วยเหลือคนเมาบนรางรถไฟใต้ดิน เขาปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโลกของ กันสึ GANTZ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงเข้าครอบงำ เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชีวิตรอดโดยไม่ต้องเข่นฆ่าคู่ต่อสู้ และช่วยเพื่อนร่วมชะตากรรมให้รอดจากเงื้อมมือของเหล่าเอเลี่ยนส์ด้วย แต่ ณ สมรภูมิแห่งหนึ่ง เขาเองก็ไม่อาจจะรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดได้...
เบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง GANTZ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ใน ห้องกันสึ (Filming starts—The GANTZ Room)
ภาพยนตร์เรื่อง GANTZ ถูกสร้างโดยแบ่งออกเป็นสองภาค โดยภาคแรกจะนำเสนอโลกทั้งใบของมังก้าให้ผู้ชมได้สัมผัสความสมจริงในแบบภาพยนตร์อย่างเต็มตา ส่วนภาคสองจะเป็นพล็อตเรื่องที่เขียนขึ้นเพื่อภาพยนตร์โดยเฉพาะและอลังการงานสร้างที่ผู้ชมจะตื่นตะลึง นอกจากงานสร้างขนาดมหึมาแล้ว การถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งสองภาคยังถ่ายทำแบบ ต่อเนื่อง จึงใช้เวลายาวนานกว่าหกเดือน ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาการถ่ายทำภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ไม่เคยทำกันมาก่อน
ภาพยนตร์เรื่องเปิดกล้องเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2009 โดยถ่ายฉากห้องกันสึ GANTZ กันที่โรงถ่าย Stage 11 ในสตูดิโอนิคคัทซึ (Nikkatsu Studio) เริ่มจากด้วยฉากที่คูโรโน่กับคาโต้ถูกดึงตัวข้ามมิติมาสู่โลกของ กันสึ GANTZ ห้องซึ่งดูผาดๆก็ไม่ต่างไปจากอพาร์ทเม้นต์ธรรมดาๆ ตรงไหน มองออกไปนอกหน้าต่างของห้องจะเห็นหอโตเกียว (Tokyo Tower) ปะดับไฟระยิบระยับในยามค่ำคืน ส่วนตรงกลางห้องก็มีวัตถุทรงกลมสีดำดูลึกลับตั้งวางอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ กันสึ GANTZ ทรงกลมกันสึ GANTZ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 1.35 เมตร ทำจากวัสดุคล้ายเรซิ่นสังเคราะห์ รูปลักษณ์คล้ายคลึงกับที่แฟนการ์ตูนคลั่งไคล้ไม่ผิดพี้ยน ทรงกลมกันสึมีสองสถานะ คือ กันสึปิด (Closed GANTZ) กับ กันสึเปิด (Open GANTZ – เมื่อทรงกลมเปิดออก และเผยให้เห็นชั้นวางอาวุธ และทามา โอโทโก๊ะ - Tama Otoko - บุรุษลึกลับที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบการให้ความช่วยเหลือเพื่อยังชีพ) ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์
ในฉากนี้คาซูนาริ นิโนมิย่า (Kazunari Ninomiya) ซึ่งรับบทเป็นเคอิ คูโรโน่ (Kei Kurono) และเป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนต้นฉบับด้วยกล่าวว่า “มันเหลือเชื่อมากๆ ราวกับยกสวนสนุกมาไว้ตรงหน้าที่ผมจะก้าวเข้าไปหาความสำราญได้ฟรีๆตลอดเวลา แล้วก็จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ในฐานะแฟนตัวยงผมรู้สึกถูกตามใจจนเหลิง (หัวเราะ) มันน่าตื่นเต้นมากจริงๆที่ได้เห็นแมงก้ากระโดดออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงด้วยตาของผมเอง” ตลอดระยะเวลาที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะมีทั้งนักแสดงและคณะผู้สร้างสนอกสนใจใคร่อยากรู้อยากเห็นและอยากสัมผัสทรงกลมกันสึกันทั้งนั้น จึงต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คอยสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเช็ดถูให้มันดูเป็นเงางามทุกครั้งที่มีการพักกองถ่าย
ถัดมาก็คือนัทซึน่า (Natsuna) ที่รับบทเป็นเคอิ คิชิโมโต้ (Kei Kishimoto) ที่จะแสดงความสามารถเชิงดราม่าสุด ๆ ในฉากนี้ เมื่อเธอต้องถูกส่งตัวข้ามมิติมายังห้องกันสึ GANTZ นี้ด้วยสภาพเปลือยเปล่าเฉกเช่นที่ปรากฎในการ์ตูนต้นฉบับ ถมยังเป็นการถ่ายทำกันตั้งแต่เปิดกองวันแรกเลยด้วย นัทซึน่าเล่าว่า “ฉันประหม่ามาก แต่ก็อยากสวมบทบาทเป็นคิชิโมโต้ให้ได้ใกล้เคียงกับในมังก้าที่สุด นี่ฉันยังไปเสริมกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นสำหรับบทนี้โดยเฉพาะด้วยนะ” เธอไม่ยอมปล่อยให้รายละเอียดแม้เพียงเล็กน้อยเล็ดรอดไปได้เลยตลอดสองวันที่ถ่ายทำฉากเปลือยข้ามมิตินี้ ก่อนการถ่ายทำฉากนี้หลายวันที่เธอไม่ยอมสวมใส่ชุดชั้นใน เพื่อไม่ให้ผิวหนังบนตัวของเธอเป็นริ้วรอยก่อนเข้าฉาก ทั้งนิโนมิย่าและมัทซึยาม่าต่างปลื้มและยกย่องความทุ่มเทของนักแสดงสาวที่มีให้กับการแสดงชนิดใจถึงเป็นอย่างยิ่ง
ตัวละครหลาย ๆ คนที่ถูกดึงตัวข้ามมิติมาทันทีที่พวกเขาน่าจะเสียชีวิต ล้วนตกอยู่ในอาการสับสน แถมยังต้องเข้ามาอยู่รวมกันในสภาพแวดล้อมที่ประหลาดสุดๆ... ในเมื่อฉากนี้เป็นการเปิดตัวเรื่องราว งานถ่ายทำฉากห้องกันสึ GANTZ room จึงพยายามเก็บรายละเอียดของเหล่านักแสดงทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งนั่นยิ่งยกระดับความสมจริงและตอกย้ำความลึกลับให้กับโลกของห้องกันสึ GANTZ room ชนิดที่มีแต่ภาพยนตร์เท่านั้นที่จะทำได้
คอมพิวเตอร์กราฟฟิค ในฉากที่มีเอเลี่ยนส์และการส่งตัวข้ามมิติ (CG—Aliens and Teleportation Scenes)
สิ่งที่ผู้กำกับภาพยนตร์ ชินซึเกะ ซาโต้ (Shinsuke Sato) ปรารถนาจะได้เห็นที่สุดในการดัดแปลงการ์ตูนให้เป็นภาพยนตร์ก็คือโลกทัศน์ที่ “แปลกและลึกลับซับซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า” นั่นเอง “ในมังก้าต้นฉบับนี่ คุณจะไม่มีทางเดาถูกทางเลยว่า มันจะออกมา ขบขันหรือสยดสยอง, เกิดขึ้นจริงหรือเสมือนจริงกันแน่, หรือแม้แต่คุณควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ด้วยซ้ำ คุณจะเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนงานสร้างภาพยนตร์นี่เราก็ไม่ได้หวังพึ่งคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเต็มร้อย แต่พยายามใช้สิ่งของที่สรรค์สร้างกันขึ้นมาจริง ๆ แล้วค่อยจัดแสงเงาเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูสมจริง ซึ่งเราก็อาศัยเทคนิคที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้นำมาใช้กันในงานสร้างภาพยนตร์แล้วด้วยซ้ำ นั่นเป็นวิธีการที่ยิ่งทำให้หนังทั้งเรื่องออกมาแปลกและลึกลับขึ้นอีก” ความไม่ระย่อต่ออุปสรรคของผู้กำกับภาพยนตร์สะท้อนชัดเจนเมื่อต้องมีเหล่าเอเลี่ยนส์เข้าฉากร่วมสมรภูมิเดียวกับผู้คนที่ต้องห้ำหั่นกันเพื่อเอาชีวิตรอด
ไม่ว่าจะเป็นเอเลี่ยนส์พ่อ-ลูกหอมหัวใหญ่ (The father-and-son Onion Aliens), ทานากะเอเลี่ยน (Tanaka Alien), หรือเอเลี่ยนส์งุ่มง่าม (Grumpy Alien) รวมทั้งเอเลี่ยนส์ในคราบพระพุทธรูป (Buddhas) ที่มีทั้งนีโอบุดด้า (Nio Buddha) ขนาดมหึมาและลาร์จบุดด้า (Large Buddha) ก็ไม่ได้อาศัยคอมพิวเตอร์กราฟฟิคล้วน ๆ แต่อย่างใด ในหลายๆฉากที่พวกมันจะต่อกรกับมนุษย์ก็อาศัยคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเข้าช่วยบ้างเพื่อเสริมความยิ่งใหญ่ให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น ในขณะที่เอเลี่ยนส์ตนอื่น ๆ ก็จะเป็นส่วนผสมระกหว่าง เมคอัพสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็ค, หน้ากาก, และคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ซึ่งผลงานที่ออกมาจะดูสมจริงและจับต้องได้ นักแสดงที่สวมบทเป็นเอเลี่ยนส์หอมหัวใหญ่ตัวพ่อนี่ต้องนั่งให้แต่งหน้านานกว่าสามชั่วโมง ซึ่งฟุทเตจจากกองถ่ายจะถูกนำไปเทียบกับตัวละครในฉบับการ์ตูนทุกกระเบียดนิ้ว ในขณะที่นักแสดงที่สวมชุดทานากะเอเลี่ยนก็ต้องผ่านกระบวนการไม่ต่างกัน ก่อนที่ฟุทเตจฉากนั้นจะถูกนำไปปรับแต่งด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิคจนลีลาท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาออกมาในแนวทางซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดสามารถแสดงได้เช่นนั้น ซึ่งการผสมผสานฟุทเตจจากการถ่ายทำจริงๆ เข้ากับการเสริมแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิคจึงยิ่งเสริมความสมจริงให้กับโลกทัศน์ของกันสึมีเอกลักษณ์, สมจริง, และไม่เหมือนโลกใบไหนๆ โดยสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้น คอมพิวเตอร์กราฟฟิคยังเข้ามามีส่วนสำคัญในฉากดึงตัวข้ามมิติ ซึ่งการ์ตูนต้นฉบับวาดไว้เป็นการปรากฎร่างของคนทีละเสี้ยว ซึ่งจะทำให้เห็นอวัยวะภายในได้อย่างชัดเจน ก่อนจะค่อย ๆ เต็มตัวเป็นคนอีกครั้ง ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ใช้วิธีการเดียวกัน โดยส่วนที่ฝานออกเป็นเสี้ยวจะทำขึ้นโดยอาศัยฉากสีฟ้าเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นการใช้สีบ่งบอกคุณลักษณะของมหากาพย์กันสึ และยังช่วยให้งานสร้างฉากส่งร่างข้ามมิติสำเร็จได้ด้วย เฉพาะในผลงานภาคแรกนี้มีการใช้คอมพิวเตอร์พราฟฟิคเข้าช่วยมากกว่า 500 ตอน ซึ่งราว ๆ 40 เปอร์เซ็นต์ของภาพยนตร์ทั้งเรื่อง นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่คลาดสายตาไม่ได้มีอยู่เต็มไปหมด
ฉากแอ็คชั่น (Action Scenes)
ลีลาการต่อสู้และดวลปืนอาจจะดูยากแต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงด้วยชุดกันสึ ยิ่งเป็นสมรภูมิที่ต้องต่อกรกับเหล่าเอเลี่ยนส์ท่ามกลางบ้านเรือนและถนนหนทางถูกระเบิดพินาศ ฉากแอ็คชั่นนี่เป็นไฮไล้ท์ของ GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร
ในการถ่ายทำลีลาท่าทางการต่อสู้ และสมรภูมิอันเป็นเอกลักษณ์ของ
GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร ที่จะต้องแตกต่างไปจากหนังบู๊เรื่องอื่น ๆ จึงทำให้คณะผู้สร้างภาพยนตร์ต้องประชุมเครียดกันครั้งแล้วครั้งเล่า และเตรียมความพร้อมกันอย่างลงลึกรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนนิโนมิย่ากับมัทซึยาม่าก็ต้องเข้าฝึกซ้อมก่อนเปิดกล้องกันเป็นเดือน ความเห็นของนักแสดงก็ถูกนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย ซึ่งการแสดงให้เป็นถึงความรู้สึกเจ็บปวด รวมทั้งความว่องไว และความตื่นตาตื่นใจทุกอย่างจะถูกนำมารวบรวมไว้ทั้งหมด การฝึกซ้อมฝึกฝนยังคงดำเนินไปพร้อม ๆ กับการถ่ายทำ แต่ทุกคนต่างก็ประทับใจกับความสามารถในฉากบู๊และความใจถึงของนิโนมิย่าที่หลาย ๆ ฉากต้องแสดงเองอย่างเต็มที่และไม่ย่อท้อ ในขณะที่มัทซึยาม่าเองที่เคยผ่านหนังบู๊อย่าง Kamui Gaiden มาแล้วก็แสดงใด้สุดยอดไม่แพ้กัน ทั้งคู่ทั้งวิ่ง, กระโดจน, และบาดเจ็บจนน่วม แต่ก็ทุ่มเทให้กับบทบาทที่ได้รับชนิดที่เรียกได้ว่า แทบจะเป็นตัวตนเดียวกันและเคลื่อนไหวเฉกเช่นตัวละครนั้นในฉากแอ็คชั่นสุดระห่ำโดยที่ไม่ต้องอาศัยนักแสดงแทนเลย
สมรภูมิที่ต้องต่อกรกับทานากะเอลี่ยนส์ในลานจอดรถ ซึ่งเป็นฉากไคล้แม็กซ์ของช่วงกลางภาคแรกนี่ถ่ายทำกันในลานเปิดโล่ง ซึ่งเป็นตลาดกลางขายส่งเก่าแก่ของเมืองโกเบ โดยดัดแปลงให้คล้ายกับย่านคุ้นตาในโตเกียวในช่วงต้นปี 2010 นับเป็นเวลาหลายเดือนที่คณะผู้สร้างภาพยนตร์ต้องทำงานกันท่ามกลางสภาพอากาศยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ และนอนหลับพักผ่อนในช่วงกลางวันเพื่อจะเข้าฉากแอ็คชั่นด้วยตัวเอง คาโต้วิ่งไล่ตามทานากะเอเลี่ยน แล้วถลำหล่นลงไปในโพลง ก่อนจะก้าวกระโดดสูงเจ็ดเมตรจากชั้นสองลงไปยังลานจอดรถเบื้องล่าง ลานจอดรถดังกล่าวเป็นลานกว้างที่ทางตลาดเก่าไม่ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งมีการนำรถยนต์เกือบ 40 คันเข้ามาจอดเต็มลานเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ มัทซึยาม่าต้องใส่สลิงเพื่อความปลอดภัยและรักษาสมดุลในระหว่างการถ่ายทำ แต่เขาเป็นคนเดียวที่ยอมกระโดดในฉากนี้ นิโนมิย่าถามว่า “ไม่กลัวเลยเหรอ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ ว่า “กลัวสิ ใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ” มีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาแสดงเพียงครั้งเดียวก็ผ่านฉลุย เขาถึงกับตะโกนก้องด้วยความยินดีว่า “ขอบคุณครับ” พร้อมกับยิ้มกว้าง แม้ฉากนั้นจะปรากฎในภาพยนตร์ไม่ถึง 10 วินาที แต่ด้วยความพยายามและความทุ่มเทของนักแสดงและคณะผู้สร้างภาพยนตร์แล้ว ฟุทเตจนั้นต้องถือว่าสุดยอดมากๆ
ฉากดราม่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกระหว่าง ความเป็น กับ ความตาย ก็ถือเป็นไฮไล้ท์ของภาพยนตร์เรื่อง GANTZ สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร ไม่แพ้ฉากแอ็คชั่นเช่นกัน การแสดงของนิโนมิย่ากับมัทซึยาม่าช่างซาบซึ้งและโดนใจเต็มๆ นักแสดงหนุ่มทั้งสองต่างก็เคารพซึ่งกันและกันและต่างดึงศักยภาพทางการแสดงของกันและกันออกมาสู่จอภาพยนตร์ผ่านตัวละคร คูโรโน่ และ คาโต้ ที่พัฒนาความรู้สึกทั้งเข้าขากันและขัดแย้งกันผ่านสมรภูมิครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างเต็มที่ ผลงานการแสดงทั้งในฉากดราม่าและฉากแอ็คชั่นของทั้งคู่จะตรึงผู้ชมดังมนต์สะกดอย่างแน่นอน