กลุ่มตัวละครสารพัดสัตว์:
ทีมนักพากย์เปิดใจเรื่องตัวละคร



สำหรับกอร์ เวอร์บินสกี้ แรงโก้ กิ้งก่าตัวน้อยที่ผันตัวเองจากสัตว์เลี้ยงไปเป็นสัตว์ตื่นกลัว ผู้ปกป้องและวีรบุรุษในที่สุด คือจอห์นนี่ เด็ปป์มาโดยตลอด แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ เด็ปป์เคยร่วมงานกับเวอร์บินสกี้มาแล้วในบทกัปตันมาดเซอร์ แจ็ค สแปร์โรว์ในแฟรนไชส์ Pirates of the Caribbean และการแสดงที่ทะลึ่งตึงตัน น่าขบขันของเขาในบทโจรสลัดหัวขบถคนนี้ก็ก่อให้เกิดตัวละครที่น่าจดจำ แปลกใหม่และสร้างแรงบันดาลใจมากที่สุดตัวหนึ่งในยุคของเรา (และทำให้เด็ปป์ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ด้วย)
ตัวแรงโก้เองก็รักอิสระเสรี เขาเป็นนักแสดงที่ชื่นชอบการเสแสร้งและการสวมบทบาทสมมติ ผู้ที่ยังไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไหร่ว่าตัวเขาเองจริงๆ แล้วเป็นใคร และนั่นก็คือจุดสำคัญในการพากย์บทนี้ เด็ปป์จะต้องถ่ายทอดความโอ้อวด ไม่กลัวเกรง ที่ฟังดูแล้วน่าขบขันแต่ก็คู่ควรกับการเป็นตำนาน
“ผมรู้ว่าจอห์นนี่จะเหมาะกับบทแรงโก้ ไม่เพียงแต่เพราะเขามีคุณสมบัติบางอย่างที่เหมือนกิ้งก่านะครับ แต่เป็นเพราะเขามีส่วนผสมของความพิสดาร ความอบอุ่น ความเห็นอกเห็นใจ และความขบขันในแบบที่จะเกิดช่วงเวลาที่น่าอึดอัดเท่านั้นด้วย” ผู้กำกับกล่าว “แล้วเราทั้งคู่ต่างก็วิ่งหนีขนบดั้งเดิมทุกครั้งที่มีโอกาสครับ”
มือเขียนบทจอห์น โลแกนกล่าวว่า “เมื่อได้จอห์นนี่มาพากย์เสียงแรงโก้ มันก็เป็นการท้าทายพวกเราให้เขียนตัวละครของเขาให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ตัวละครตัวนี้มีความคิดอ่านที่ลึกซึ้ง และมีอารมณ์ขันแบบแปลกแหวกแนวที่มีแต่จอห์นนี่เท่านั้นที่จะใส่ลงไปได้”
โอกาสของการได้สวมผิวหนังที่เปลี่ยนสีได้ของกิ้งก่าขี้อวดตัวนี้แตกต่างจากประสบการณ์อื่นๆ ที่เด็ปป์เคยผ่านมา และนั่นก็คือสิ่งที่เขาชื่นชอบ
“ผมชื่นชอบและหลงใหลสัตว์เลื้อยคลานมาโดยตลอดครับ” เด็ปป์สารภาพ “แต่ผมคิดว่าแรงโก้ก็เหมือนพวกเราทุกคน เขาเป็นคนที่พยายามจะหาคำตอบว่าตัวเขาเองจะเป็นใคร ในฐานะกิ้งก่าแล้ว เขาสามารถเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากถั่วน้อยและชาวนครดินคือการยอมรับตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ครับ”
แรงโก้มีโอกาสครั้งแรกที่จะได้สำรวจศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ในตอนที่เขาคลานเข้าไปในนครดิน ซึ่งเด็ปป์บอกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขาติดใจตั้งแต่นาทีแรกที่ได้เห็น “แบบดีไซน์ของตัวละครและเมืองแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนว่ามันจะอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน” เขาอธิบาย “มันเป็นโลกในแบบที่ผมคิดว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็อยากจะเข้าไปเยือนซ้ำแล้วซ้ำอีกน่ะครับ”
เขากล่าวต่อไปอีกว่า “นครดินเป็นเมืองตะวันตกเต็มรูปแบบที่แทบจะเป็นเมืองเพ้อฝันอยู่แล้ว มันเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ของกอร์ และสำหรับแรงโก้ มันเป็นที่ที่ในที่สุดแล้ว เขาก็ได้พบกับผู้ชมของเขาและได้รับบทเป็นวีรบุรุษเสียที”
ความจริงของ Rango:
ไอแอลเอ็มเนรมิตชีวิตให้โลกที่เหมือนจริงของเหล่าตัวละครที่เหลือเชื่อ



เมื่อถึงเวลาของการเลือกสตูดิโอแอนนิเมชั่นที่จะเปลี่ยนภาพอาร์ตเวิร์คของทีมงานและการแสดงของนักพากย์ให้กลายเป็นภาพที่จะทำให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับความจริงที่น่าอัศจรรย์ใจของ Rango...กอร์ เวอร์บินสกี้ก็หันไปหาสตูดิโอที่ไม่มีใครคาดถึงอีกเช่นเคย
เขาอยากให้ผู้ชมของเขาเข้าถึงการเดินทางของแรงโก้ได้ด้วยภาพ ที่จะรู้สึกถึงเข็มทุกอันบนต้นตะบองเพชร ทุกคลื่นลมร้อนในตรอกซอยซอย ทุกขอบมุมของทุกตึก และที่สำคัญที่สุด ทุกเสียงหัวใจเต้นภายในตัวละครที่ไม่เหมือนใครตัวนี้ ดังนั้น แทนที่จะเลือกตัวเลือกที่ชัดเจนอยู่แล้ว เวอร์บินสกี้กลับเดินเข้าหาสตูดิโอที่เชี่ยวชาญด้านดิจิตอลที่สุดที่เขารู้จัก นั่นก็คืออินดัสเทรียล ไลท์ แอนด์ เมจิค
แน่นอนว่า ไอแอลเอ็มคุ้นเคยกับการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลของพวกเขาอยู่แล้ว ไอแอลเอ็ม ที่ก่อตั้งโดยจอร์จ ลูคัส เพื่อสร้างสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ให้กับแฟรนไชส์ Star Wars ที่น่าทึ่งของเขา ไอแอลเอ็มก็ได้สร้างภาพที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่คอหนังเคยเห็นมาในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Terminator, Jurassic Park, The Mask, Iron Man, Transformers และ Avatar ตัวเวอร์บินสกี้เองก็เคยร่วมงานกับไอแอลเอ็มอย่างใกล้ชิดเพื่อเนรมิตชีวิตให้กับบรรดาตัวละคร CG ของ Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest และ At World’s End มาแล้ว
แต่ไอแอลเอ็มก็ไม่เคยทำงานกับภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเต็มรูปแบบมาก่อนเลย ซึ่งเวอร์บินสกี้ก็คิดว่าเป็นข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด "ด้วยความที่ผมไม่เคยสร้างหนังแอนนิเมชั่นมาก่อนและไอแอลเอ็มก็ไม่เคยสร้างหนังแอนนิเมชั่นมาก่อน เราก็เลยรู้ว่าอย่างน้อยที่สุด มันก็จะแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ" เวอร์บินสกี้บอก "ผมไม่อยากให้ แรงโก้ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเสียงที่ไม่สมบูรณ์ของจอห์นนี่ เด็ปป์ แต่ผมอยากให้มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าแรงโก้เป็นจอห์นนี่ เด็ปป์และไอแอลเอ็มก็สามารถสร้างความสมจริงแบบนั้นออกมาได้ครับ"
ที่ไอแอลเอ็ม ก่อนอื่น พวกเขาจะต้องสลัดความตกใจจากข้อเสนอที่ได้รับมาให้ได้เสียก่อน "ผมเป็นแฟนหนังแอนนิเมชั่นครับ แต่ผมก็ยอมรับว่าเราก็หวาดระแวงนิดๆ" จอห์น นอลล์ ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ ผู้เคยร่วมงานกับเวอร์บินสกี้ใน Pirates กล่าว "แล้วพอเราได้เห็นแบบดีไซน์ของตัวละครที่น่าทึ่งและสิ่งแวดล้อมพวกนั้น...จบเลยครับ เรามองเห็นศักยภาพของมันว่าน่าจะเป็นเรื่องราวที่พิเศษสุดจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากจะทำครับ"
โปรเจ็กต์นี้กลายเป็นสิ่งที่นอลล์พูดถึงว่าเป็น "ตัวทำลายกระบวนทัศน์" สำหรับไอแอลเอ็ม ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการและตารางการทำงานของบริษัท พร้อมๆ กับการผลักดันนักวาดภาพของพวกเขาให้ทดลองทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้ลองมาก่อน "เราชื่นชอบโปรเจ็กต์ที่บีบให้เราคิดวิธีใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ ครับ" นอลล์อธิบาย "ระดับของปฏิสัมพันธ์และเอฟเฟ็กต์ที่จำเป็นต่อการสร้างงานดีไซน์ของ Rango เป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งคำถามว่า เราจะคิดต่างยังไงเพื่อทำงานนี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุดและสร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ"
ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ ทิม อเล็กซานเดอร์ ผู้ควบคุมดิจิตอลเฟรมทั้งหมดของเรื่อง กล่าวเสริมว่า "เราสามารถใช้ความชำนาญของเราในด้านวิชวล เอฟเฟ็กต์กับแอนนิเมชั่นได้โดยตรง กอร์อยากจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ที่ผู้ชมจะสามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุ ได้ลิ้มรสของฝุ่นทราย รู้สึกถึงความแห้งแล้งกันดารของโลกใบนี้ และทำให้ดูเหมือนกับว่าเราได้ไปอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ในทะเลทรายเพื่อถ่ายทำหนังเรื่องนี้จริงๆ สเกลของหนังเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าหนังทุกเรื่องที่เราเคยทำกันมา ดังนั้นมันก็หมายถึงว่าเราต้องพิจารณาลำดับการทำงานของเราอย่างจริงๆ จังๆ และหาวิธีใหม่ๆ ที่จะดำเนินขั้นตอนตามปกติของเราน่ะครับ"
ความเชื่อใจว่าไอแอลเอ็มจะสามารถทำในสิ่งที่ท้าทายนี้ได้มีอยู่ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว มือเขียนบทจอห์น โลแกนกล่าวว่า "ทางเดียวที่เราสามารถสร้างตัวละครที่ซับซ้อนขนาดนี้ขึ้นมาได้เพราะเราชื่อว่าไอแอลเอ็มจะสามารถสร้างภาพแอนนิเมชั่นตัวละครพวกนี้ได้ เราคุยกันถึงจิตวิญญาณของตัวละคร และที่ไอแอลเอ็ม พวกเขาก็เข้าใจเรื่องนั้นดี ขั้นแรก นักพากย์จะต้องสร้างสิ่งที่ซื่อตรงและสมจริงขึ้นมา ก่อนที่อนิเมเตอร์จะต้องสร้างสิ่งที่ซื่อตรงและสมจริงพอๆ กันออกมา ซึ่งใช้มากกว่าเทคโนโลยีครับ"
กระบวนการของไอแอลเอ็มเริ่มต้นขึ้นด้วยอาร์ตเวิร์คของนักออกแบบวิชวล "แครช" แม็คครีรี่ ผู้วาดงานอาร์ตเวิร์คด้วยความรู้สึก "สมจริงแบบภาพถ่าย" ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของไอแอลเอ็ม "กอร์อยากจะเข้าหาทุกอย่างจากมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งก็คือมุมมองที่ผมคุ้นเคยดีคัรบ" แม็คครีรี่เล่า "พอกอร์พูดเรื่องเวสเทิร์นให้ผมฟัง ผมก็นึกถึงเซอร์จิโอ ลีโอนและความรู้สึกดิบเถื่อนแบบนั้น ซึ่งคุณไม่ค่อยจะได้เห็นในแอนนิเมชั่นซักเท่าไหร่ แต่เราทั้งคู่ชื่นชอบมันมากครับ"
เมื่อถึงเวลาของตัวละครเอกของเรื่อง ที่ปรากฏอยู่ในดิจิตอลช็อตกว่า 1,000 ช็อต แม็คครีรี่ก็ใช้แหล่งข้อมูลทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อขัดเกลาลุคของกิ้งก่าตัวนี้ "เราดูทุกอย่างตั้งแต่เท็กซ์เจอร์หลากหลายชนิด กิ้งก่าสายพันธุ์ต่างๆ ไปจนถึงดอน น็อทส์ครับ" แม็คครีรี่อธิบาย "เราอยากให้แรงโก้ดูน่าสนใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นผืนผ้าใบว่างเปล่าสำหรับการถ่ายทอดอารมณ์ของจอห์นนี่ด้วยครับ"
วิสัยทัศน์ที่แม็คครีรี่มีต่อนครดินช่วยสร้างมุมมองใหม่สำหรับเมืองเวสเทิร์นที่เสื่อมโทรมและถูกสร้างขึ้นโดยนักบุกเบิกด้วยวัสดุอุปกรณ์ทุกชนิดที่พวกเขาจะหาได้ "เมื่อมองจากระยะไกลๆ นครดินก็ดูเหมือนเมืองในดินแดนตะวันตกที่มีอยู่ดาษดื่น แต่พอคุณเข้าไปใกล้ขึ้น คุณก็จะได้เห็นว่ามันสร้างขึ้นจากไม้อมยิ้ม กระป๋องน้ำมัน ยางเก่าๆ ทำนองนั้น และเมืองนี้ก็กลายเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งในหนังเรื่องนี้ครับ" เขากล่าว
พอไอแอลเอ็มเริ่มต้นทำงานด้านศิลป์ หนึ่งในความท้าทายชิ้นใหญ่ที่สุดก็คือจำนวนของตัวละครแอนนิเมชั่นในเรื่อง "ปกติแล้ว หนังแอนนิเมชั่นจะมีตัวละครหลักไม่กี่ตัว แต่ในเรื่องนี้ เรามีตัวละครที่ซับซ้อนมากๆ อย่างน้อย 60 ตัวที่เราจะได้เห็นภาพโคลสอัพ" ทิม อเล็กซานเดอร์ตั้งข้อสังเกต "โชคดีที่อนิเมเตอร์ของเราตกหลุมรักพวกเขาทุกตัวเพราะพวกเขาต่างก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูงครับ"
ฮัล ฮิคเคล ผู้เริ่มทำงานในภาพยนตร์พิกซาร์เรื่อง Toy Story ก่อนที่จะได้ทำงานกับไอแอลเอ็มเพื่อทำตามความฝันที่จะได้สร้างสิ่งมีชีวิตสไตล์เรย์ แฮร์รีเฮาเซน รับหน้าที่ผู้กำกับแอนนิเมชั่น "ผมตื่นเต้นมากครับ" เขาบอก "มันมีหนังเวสเทิร์นแอนนิเมชั่นมาแล้วหลายเรื่อง แต่กับ Rango มันมีความแปลกประหลาดในแบบที่ให้ความรู้สึกใหม่เอี่ยมอ่อง แต่ถึงแม้ว่าตัวละครพวกนี้จะพิลึกแค่ไหน ไอเดียของพวกเขาคือการสร้างพวกเขาให้สมจริงที่สุดเพื่อที่คุณจะสามารถจินตนาการได้ว่า จะเป็นยังไงหากคุณสัมผัสตัวพวกเขา หรือแม้กระทั่งรู้สึกได้ว่า ลมหายใจของพวกเขาจะมีกลิ่นยังไงถ้าพวกเขานั่งอยู่ตรงหน้าคุณน่ะครับ!”
ฮิคเคลและทีมอนิเมเตอร์ที่ท้ายที่สุดแล้วก็มีจำนวนเกือบ 55 ชีวิตได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณและอากัปกิริยาที่พวกเขาได้เห็นในฟุตเตจ HD ของบรรดานักพากย์ ในการสะท้อนการแสดงเหล่านั้น พวกเขาพุ่งเป้าไปที่เฉดที่ไม่ค่อยจะพบเห็นในแอนนิเมชั่น ซึ่งก็คือความเบาบางที่น่าขำขัน "การแสดงของพวกนักพากย์ไม่ได้ออกมาการ์ตูนหรือกว้างๆ แต่มันเป็นอารมณ์ขันมีสไตล์เกี่ยวกับช่วงเวลาที่น่าอึดอัดครับ" ฮิคเคลให้ความเห็น "ตัวละครพวกนี้มีความนิ่งอยู่เยอะ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับอนิเมเตอร์เพราะตามคำนิยามแล้ว เราต้องทำให้พวกเขาขยับ! แต่เราก็เรียนรู้ว่าการทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายและพื้นฐานที่สุดจะทำให้ช่วงเวลาตลกขบขันเงียบๆ นั้นออกมาเองครับ"
เวอร์บินสกี้มักจะผลักดันให้อนิเมเตอร์เพิ่มสีสันให้กับตัวละครมากยิ่งขึ้นอยู่เสมอ "กอร์มีคำที่เขาชอบใช้บ่อยๆ คำว่าซ่าส์น่ะครับ" ฮิคเคลตั้งข้อส้งเกต "เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาอยากให้สิ่งต่างๆ สนุกขึ้นหรือแปลกขึ้น เขาก็จะบอกว่า 'ขอความซ่าส์เพิ่มขึ้นอีกซัก 10% นะ' อารมณ์แบบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเขาครับ"
สำหรับฮิคเคล ความรู้สึกที่น่าตื่นตาตื่นใจแต่ก็อบอุ่นหัวใจคือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ มากกว่าจะเป็นเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี "ความแปลกใหม่ในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์มากกว่าเรื่องทางเทคโนโลยีครับ" เขากล่าวสรุป "มันเป็นเรื่องของการนำเสนอโปรเจ็กต์นี้ในรูปแบบที่แตกต่างจากที่อนิเมเตอร์คนอื่นๆ จะทำ เราใช้เวลาคุยกันเรื่องเทคนิคน้อยกว่าที่เราคุยกันเรื่องที่ว่าอะไรจะทำให้ซีนนั้นๆ ตลกขึ้นหรือน่าประทับใจยิ่งขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดครับ"
เวอร์บินสกี้ไม่เพียงแต่ต้องการให้ตัวละครมีภาพที่บ่งบอกถึงเท็กซ์เจอร์ของพวกเขาและมีอารมณ์ความนึกคิดแบบมนุษย์เท่านั้น แต่เขายังต้องการจะถ่ายทำ Rango ราวกับว่าเขาให้ช่างภาพไปถ่ายทำกลางแจ้งจริงๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเรื่องไปตามการใช้แสงและเลนส์
ขณะที่อนิเมเตอร์ทดลองกับลุคสมจริงแบบภาพถ่ายที่แปลกใหม่ สไตล์นั้นก็งอกเงยเติบโตด้วยตัวของมันเอง ทิม อเล็กซานเดอร์อธิบายว่า "เราใช้ความจริงเป็นฐานของทุกอย่างที่เราทำคัรบ เราถึงขั้นที่ออกเดินทางไปทะเลทรายเพื่อดูว่าเราจะใช้งานแสงหรือรูรับแสงแบบไหนได้ถ้าเราถ่ายทำที่นั่นกันจริงๆ งานกล้องทุกชนิดถูกมองเป็นเหมือนการใช้งานในหนังไลฟ์แอ็กชัน ยกตัวอย่างเช่น ในร้านเหล้า ทุกรายละเอียดจะถูกพิจารณาในเรื่องของมิติ และแต่ละช็อตก็จะมีการให้เสียงและถ่ายภาพออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ ผลที่ได้ก็คือสิ่งแวดล้อมง่อนแง่นที่น่าขบขัน ซึ่งเหมือนกับหลุดออกมาจาก Once Upon a Time in The West น่ะครับ"
โรเจอร์ ดีคินส์ ผู้กำกับภาพ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 9 ครั้ง และโด่งดังจากความสามารถในการใช้แสง เข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้ในฐานะที่ปรึกษาด้านกำกับภาพ ด้วยการนำเสนอไอเดียด้านวิชวลที่แปลกใหม่ให้กับทีมงานไอแอลเอ็ม "เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่โรเจอร์มีคิวว่างให้เรา" อเล็กซานเดอร์บอก "พอเราโชว์ซีนหนึ่งให้เขาดู เขาก็จะบอกว่า 'ผมจะถ่ายทำแบบนี้นะถ้ามันเป็นไลฟ์แอ็กชัน' แล้วมันก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อเรา เขามีข้อเสนอแนะดีๆ หลายอย่างและทำให้เราได้เห็นหนังเรื่องนี้ผ่านสายตาของเขาครับ"
สิ่งที่น่าขันก็คือการให้ความสำคัญกับองค์ประกอบความจริงของเวอร์บินสกี้และไอแอลเอ็มช่วยสร้างโลกที่เป็นเหมือนความฝัน ที่ซึ่งเป็นฉากให้กับการผจญภัยค้นหาตัวเองของแรงโก้ อเล็กซานเดอร์กล่าวสรุปว่า "ความหวังของเราก็คือการสร้างประสบการณ์ที่กระตุ้นเร้าสัมผัสต่างๆ ที่คุณจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสผิวหนังของตัวละครพวกนี้ ที่คุณจะรู้สึกถึงลมที่พัดมาปะทะหน้าคุณในทะเลทราย และที่คุณจะรู้สึกได้ถึงความรักที่เป็นส่วนประกอบในการเดินทางของแรงโก้ครับ"