LASTNIGHT
คืนสุดท้ายขอปันใจให้รักเธอ
15 MARCH 2011
ภาพยนตร์โดย แมสซี ทาด์เยดิน
Last Night คือเรื่องราวอันทรงพลังเกี่ยวกับความเชื่อมั่น, ตัณหา และการหลอกลวง เป็นการนำผู้ชมก้าวเข้าไปยังพื้นที่สีเทาของความซื่อสัตย์ ซึ่งการตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง และจะทำให้เราต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ดั่งตัวอย่างเช่นไมเคิล (แซม เวิร์ทธิงตัน) และโจแอนนา รีด (เคียรา ไนท์ลีย์) คู่สามีภรรยาที่ดูเหมือนมีชีวิตที่เพียบพร้อมลงตัวทุกอย่าง ทั้งยังหนุ่มยังสาว, หน้าตาดีมีเสน่ห์ และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งสองอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ทันสมัยในแมนฮัตตัน แต่แล้วคืนหนึ่งในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บริษัทของไมเคิลจัดขึ้น โจแอนนาสังเกตเห็นความสนิทสนมผิดปกติระหว่างสามีของเธอ และเพื่อนร่วมงานสาวคนใหม่ที่ชื่อลอรา (เอวา เมนเดส) แม้ว่าโจแอนนาเองยังไม่มั่นใจเต็มที่ในสิ่งที่เธอเห็นหรือรู้สึก ทว่าเหตุการณ์นี้ได้สร้างความเคลือบแคลง ซึ่งจะสั่นคลอนความรักและความไว้ใจที่เธอมีต่อไมเคิลอย่างมาก
Last Night คือผลงานกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของผู้กำกับหญิง แมสซี ทาด์เยดิน ซึ่งจะนำผู้ชมไปสำรวจความรู้สึกก้นบึ้งจิตใจของบรรดาตัวละครในเรื่อง รวมถึงเจาะลึกถึงแรงกระตุ้นของแต่ละคน ที่ถูกผลักดันโดยอำนาจของกิเลสตัณหา หรือความรักคงมั่น อันเกิดเป็นคำถามตามมาว่า ความระแวงสงสัยจะเป็นบ่อเกิดของการนอกใจได้หรือไม่
ผู้กำกับ ทาด์เยดินใช้ความสามารถของเธอ ดึงทักษะการแสดงอันสุดยอดของเหล่านักแสดงออกมา โดยเฉพาะตัวเคียรา ไนท์ลีย์ ที่บทบาทในผลงานชิ้นนี้ ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีเยี่ยมที่สุดของเธอ ไนท์ลีย์ทำให้โจแอนนาเป็นหญิงสาวที่ดูแน่วแน่มั่นคง และน่าสงสาร แต่ก็ถูกทำให้ไขว้เขวไปโดยความปรารถนาอันเย้ายวนใจ เมื่อเธอบังเอิญได้พบคนรักเก่า อเล็กซ์ (กิลโลม คาเนท์)
ด้วยแนวคิดที่ยึดเอาความถูกต้องทางศีลธรรมเป็นเกณฑ์ ทาด์เยดินมอบความยุติธรรม และความเห็นอกเห็นใจแก่ตัวละครทุกตัวของเธอ สิ่งนี้ทำให้ Last Night กลายเป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงความรักยุคใหม่ และการแต่งงานได้ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
นักแสดง
เคียรา ไนท์ลีย์ (โจแอนนา)
ด้วยวัยเพียง 23 ปี เคียนา ไนท์ลีย์สามารถดำรงสถานะนักแสดงสาวผู้มีฝีมือโดดเด่น ด้วยการได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำ จากบทเอลิซาเบธ เบ็นเนทท์ ใน Pride & Prejudice (2005) ตามด้วยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และ BAFTA ใน Atonement (2007) ด้วย
ไนท์ลีย์สร้างชื่อขึ้นมาจากการพิชิตรางวัลของชมรมนักวิจารณ์แห่งลอนดอน สาขานักแสดงอังกฤษหน้าใหม่แห่งปี จากภาพยนตร์เรื่อง Bend It Like Beckham (2002) และตอกย้ำชื่อเสียงให้โด่งดังขึ้นอีก ด้วยการประชันบทบาทกับสองนักแสดงชายชื่อดังแห่งยุค จอห์นนี เด็พพ์ และออร์แลนโด บลูม ใน Pirates of the Caribbean ทั้งสามภาค ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเธอ ได้แก่ The Duchess (2008), The Edge of Love (2008), Silk (2007), Domino (2005), The Jacket (2005), King Arthur (2004), Love Actually (2003) และ Pure (2002)
แซม เวิร์ทธิงตัน (ไมเคิล)
นักแสดงหนุ่มชาวออสเตรเลีย ผู้จบการศึกษาจากสถาบันศิลปะการละครแห่งชาติ ในปี 1998 เวิร์ทธิงตันเริ่มอาชีพนักแสดงด้วยบทบาทในละครเวทีเรื่อง Judas Kiss โดยผู้กำกับ นีล อาร์มฟิลด์ จากนั้นจึงก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ Bootmen ที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลของสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย (AFI) ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2000 และได้รับรางวัลนี้ในอีกสี่ปีต่อมา จากภาพยนตร์เรื่อง Somersault (2004)
เวิร์ทธิงตันเริ่มต้นแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูด ด้วยบทสมทบในผลงานเรื่อง Hart’s War (2002) และ The Great Raid (2005) ก่อนที่การแสดงของเขาจะไปเตะตาผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน จนได้รับการเลือกให้ไปรับบทนำใน Avatar ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี 2009 ผลงานเด่นอีกสองเรื่องของเขา ได้แก่ Terminator Salvation (2009) และ Clash of the Titans (2010)
เอวา เมนเดส (ลอรา)
เอวา เมนเดสเริ่มเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้ชมจากบทแฟนสาวของเดนเซล วอชิงตัน ใน Training Day (2001) จากนั้น ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น และฝีมือการแสดงที่พัฒนาขึ้นตามจำนวนผลงาน เธอจึงได้ไปปรากฏโฉมอยู่ในภาพยนตร์ชั้นดีหลายเรื่อง อาทิ 2 Fast 2 Furious (2003), Once Upon a Time in Mexico (2003), Out of Time (2003), Stuck on You (2003), Hitch (2005), Trust the Man (2005), Ghost Rider (2007), We Own the Night (2007), Cleaner (2007), The Women (2008), The Bad Lieutenant: Port of Call - New Orleans (2009) และ The Other Guys (2010)
กิลโลม คาเนท์ (อเล็กซ์)
หนึ่งในนักแสดงชายชาวยุโรปผู้เป็นที่รู้จักกันอย่างดีของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก จากบทบาทในผลงานเรื่อง Joyeux Noel (2005), Narco (2004) และ Love Me If You Dare (2003) นอกจากนี้เขายังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญเรื่อง Tell No One ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลซีซาร์ประจำปี 2006 ถึง 9 สาขา รวมทั้งสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และทำให้เขาคว้ารางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปครองด้วย
คาเนท์ศึกษาวิชาการแสดงที่สถาบัน The Cours Florent ของประเทศฝรั่งเศส แล้วจึงก้าวเข้าสู่การเป็นนักแสดงอาชีพ ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ Barracuda (1997) จากนั้นก็มีผลงานเด่นๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น The Beach (2000), Vidocq (2001), Mon idole (2002), L’enfer (2005), Ensemble c’est tout (2007), Darling (2007), La clef (2007), Les liens du sang (2008) และ Farewell (2009)
กริฟฟิน ดันน์ (ทรูแมน)
นักแสดง, ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับของทุกคน ดันน์เริ่มอาชีพในวงการบันเทิง ด้วยการแสดงละครเวทีทั้งในและนอกบรอดเวย์ ก่อนก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในฐานะนักแสดงและผู้อำนวยการสร้าง ผลงานการแสดงอันโดดเด่นของเขาปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ดังต่อไปนี้ An American Werewolf in London (1981), Johnny Dangerously (1984), Once Around (1991), My Girl (1991), Straight Talk (1992) และ After Hours ผลงานกำกับโดย มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ทำให้ดันน์ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ประเภทเพลงหรือตลก) ประจำปี 1985 นอกจากนี้เขายังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี สาขานักแสดงรับเชิญยอดเยี่ยม จากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Frasier
ในปี 1996 ดันน์กำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Duck of Groove ที่ดีเด่นถึงขั้นได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ขนาดสั้น ในปีต่อมา เขาจึงกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกคือ Addicted to Love ที่นำแสดงโดย เม็ก ไรอัน กับแมทธิว บรอเดอริค และมีผลงานกำกับตามมาอีก 6 เรื่อง ได้แก่ Practical Magic (1998), Famous (2000), Fierce People (2005), Your Product Here (2006), The Accidental Husband (2008) และ Movie 43 (2010)