"ดิฉันได้เห็นความงดงามของประเพณีอันเก่าแก่ และมีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นกำเนิดของประเพณีไหลเรือไฟของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ด้วยความเชื่อว่า เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมถึงการบูชาพญานาค การสำนึกในพระคุณของพระแม่คงคา และการขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อความสงบร่มเย็นและความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและประชาชนริมโขงทั้งฝั่งจังหวัดนครพนมและฝั่งแขวงคำม่วนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงขอชื่นชมการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟโบราณ ภายได้โครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลกจังหวัดนครพนมในวันนี้ เพราะประเพณีไหลเรือไฟโบราณจังหวัดนครพนม ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สำคัญและสืบทอดกันมายายาวนานของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม และสาธารณรัฐประชาธิบไตยประชาชนลาว ซึ่งวันนี้มีพิธีปล่อยไข่พญานาค ลอยกะโป๊ว (กระพงสาย) และเรือไฟโฟโบราณเชื่อมสัมธ์สองฝั่งโซงไทย -ลาว จำนวน ๑๒ ลำ ๑๒ นักษัตร เป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือ และสายใยทางวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ" รมว.วธ. กล่าว


อย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรมจะเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งใช้ "ทุนทางวัฒนธรรม" และ "ความคิดสร้างสรรค์" มาต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญผลักดันกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ของพื้นที่ เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ การแสดงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ให้เป็นจุดขายในการท่องเที่ยว และจะส่งเสริมและต่อยอดสู่การยกระดับจากเรือไฟไทยสู่เรือโฟโลก ให้เป็นที่รู้จักตลอดจนเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการผลักดันพระธาตุพนมสู่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อยกระดับจังหวัดนครพนมให้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป