Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
LINE STICKERS เสิร์ฟฟีเจอร์ใหม่แกะกล่อง ‘คอมบิเนชัน สติกเกอร์’
ส่งสติกเกอร์หลายตัว ได้ในคราวเดียว เพิ่มความสนุกทวีคูณให้การแชท


            LINE STICKERS สร้างความสนุกในการส่งสติกเกอร์ให้มากกว่าเคย กับประสบการณ์ใหม่ในการแชท ด้วย “คอมบิเนชัน สติกเกอร์” ให้ผู้ใช้งานสามารถส่งสติกเกอร์ได้สูงสุด 6 ตัวในการส่งหนึ่งครั้ง ทั้งจากเซ็ตเดียวกันหรือต่างเซ็ต พร้อมสามารถจัดวาง หมุน เปลี่ยนขนาดได้ตามชอบ ช่วยสร้างเสน่ห์และความสนุกให้กับทุกการสนทนาบน LINE โดยเริ่มเปิดเวอร์ชันทดลองใช้งานพร้อมกันทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา

            LINE STICKERS จัดเป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด็ดมัดใจผู้ใช้งานแชท ด้วยการสร้างสีสันให้บทสนทนามากกว่าการส่งข้อความตัวหนังสือ และยังช่วยสื่ออารมณ์หรือความรู้สึกในขณะนั้นให้ชัดเจนหลากมิติมากขึ้น จึงทำให้มีการใช้สติกเกอร์ในการสนทนากันอย่างแพร่หลาย และสนุกกับการเลือกซื้อสติกเกอร์แบบใหม่ๆ มาเติมเต็มและตอบสนองความต้องการในการสื่อสารของทุกการแชทในรูปแบบต่างๆ จนวันนี้มีสติกเกอร์อยู่ในระบบเพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้เลือกใช้กว่า 20 ล้านชุด (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2566)

            ล่าสุดฟีเจอร์ คอมบิเนชันสติกเกอร์ (Combination Sticker / Sticker Arranging*) จึงได้ถูกเปิดตัวขึ้น เพื่อตอบโจทย์ใหม่ๆ ของผู้ใช้งานให้ทุกการแชท สนุก มีสีสัน และสื่อสารได้มากขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกผสมผสานสติกเกอร์ประเภทต่างๆได้สูงสุด 6 ตัวต่อการส่งหนึ่งครั้ง ทั้งจากเซ็ตเดียวกันหรือต่างเซ็ต พร้อมเลือกจัดวาง หมุน หรือปรับขนาดได้ตามใจ โดยฟีเจอร์นี้จะทะยอยครอบคลุมสติกเกอร์ที่ใช้งานได้ โดยเริ่มจากสติกเกอร์ทางการ (Official Stickers) และขยายสู่สติกเกอร์ครีเอเตอร์** (Creators’ Stickers) ในการใช้งานเวอร์ชันเต็มรูปแบบในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นี้ (*ชื่อฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน LINE ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ **เงื่อนไขเป็นไปตามที่ครีเอเตอร์กำหนด)

            3 รูปแบบการใช้งานง่ายๆ เพื่อเพิ่มความสนุกของฟีเจอร์ คอมบิเนชัน สติกเกอร์ นี้ ได้แก่

1)      ตะโกนบอกอารมณ์ให้ดังๆ ด้วยการ “ขยาย” สติกเกอร์ให้ใหญ่มากขึ้นกว่าปกติ

2)      ขยี้ความรู้สึกแบบย้ำๆ ด้วยการ “เพิ่มจำนวน” สติกเกอร์ในรูปเดียวแบบซ้ำๆ ได้ตามใจ

3)      ครีเอทอารมณ์ใหม่ด้วยการ “รวม” สติกเกอร์หลายตัวเข้าด้วยกัน



            วิธีการใช้งานแบบง่ายๆ เริ่มต้นด้วยการกดค้างตัวสติกเกอร์ที่อยากนำมาทำคอมบิเนชันสติกเกอร์ จากนั้นจะมีแถบพื้นที่สีขาวใหญ่ปรากฎขึ้น ให้ลากสติกเกอร์ที่ต้องการเข้ามาวางในแถบขาวนั้น โดยสามารถหมุน เพิ่มขนาด และเพิ่มจำนวน ได้อย่างอิสระ และเมื่อได้คอมบิเนชันสติกเกอร์ที่ต้องการ ผู้ใช้งานก็สามารถกดส่งสติกเกอร์ที่ครีเอทใหม่นั้นได้เลยทันที และเพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้นในครั้งต่อไป LINE ยังช่วยเก็บคอมบิเนชันสติกเกอร์ ที่ผู้ใช้งานสร้างและเคยใช้แล้วไว้ใน History Tab

            คอมบิเนชันสติกเกอร์ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของ LINE STICKERS ที่จะปฏิวัติวงการสติกเกอร์ให้เร้าใจขึ้นไปอีกขั้น โดยผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นี้ และบนแอปพลิเคชัน LINE เวอร์ชัน 14.6.0 ขึ้นไป

###

เกี่ยวกับ LINE STICKERS

LINE STICKERS เป็นหนึ่งในบริการที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน LINE ภายใต้กลุ่มธุรกิจ LINE Consumer Business ที่ให้บริการชุดภาพสติกเกอร์ที่ผู้ใช้งาน LINE สามารถดาวน์โหลดและส่งในห้องแชท เพื่อสื่อสารแสดงออกถึงความรู้สึก ความเป็นตัวตน และช่วยเติมความสนุกให้กับทุกการแชท นอกเหนือจากการส่งข้อความตัวอักษร โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีครีเอเตอร์ไทยผู้สร้างสรรค์สติกเกอร์ร่วมงานกับ LINE (LINE Creators) แล้วกว่า 1.32 ล้านราย และสติกเกอร์วางจำหน่ายในตลาดของประเทศไทยกว่า 7 ล้านชุด
2
AURORA รับรางวัล Global Brand Awards ตอกย้ำความสำเร็จระดับโลก


             ออโรร่า (AURORA) คว้ารางวัลระดับโลกแบบดับเบิ้ล ตอกย้ำคุณภาพและบริการมาตรฐานระดับสากล ได้แก่ รางวัล Brand Of The Year จากสถาบัน World Branding Award และรางวัล Global Brand Award จาก Global Brand Magazine สาขาสุดยอดแบรนด์เครื่องประดับ อัญมณี ที่ครองใจผู้บริโภคแห่งปี 2023 (Most Admired Jewellery Brand 2023) จากหมวดไลฟ์สไตล์ สะท้อนถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของออโรร่า ในด้านความเป็นผู้นำตลาดร้านค้าปลีกทองไทย ในเวทีระดับโลก

             นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณเครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) กล่าวว่า “ออโรร่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้รับรางวัลระดับโลกนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจในฐานะแบรนด์ไทยที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตลอดระยะเวลา 52 ปี ของการดำเนินธุรกิจ ออโรร่ามุ่งมั่นในการพัฒนา สินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัล Brand Of The Year ถึง 7 ปีซ้อน รวมถึงรางวัล Global Brand Award สุดยอดแบรนด์เครื่องประดับ อัญมณี ที่ครองใจผู้บริโภคแห่งปี 2023 นี้ แสดงถึงบทพิสูจน์ความสำเร็จของออโรร่าในฐานะผู้นำร้านค้าขายปลีกทองของประเทศไทยที่ลูกค้าไว้วางใจ และเชื่อมั่นในบริการของเรา อีกทั้งยังตอกย้ำความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นยกระดับร้านทองให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

             การได้รับรางวัลในระดับสากลอย่างต่อเนื่องนี้ ถือเป็นความสำเร็จของ “ออโรร่า” ภายหลังการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของผู้บริโภค เราพัฒนาสินค้าและบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรังสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด พร้อมส่งมอบ “ของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า” ให้แก่ลูกค้า ทั้งชาวไทยและต่างชาติ “ออโรร่า” มุ่งมั่น ทุ่มเท พัฒนาศักยภาพเพื่อรักษามาตรฐาน สร้างแนวทางการดำเนินธุรกิจให้เป็นแบบอย่างให้กับวงการค้าปลีกทองคำของประเทศไทย

             “ออโรร่า ยังคงรักษาแนวคิด “ของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า” โดยมีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ทั้งการขายแบบออฟไลฟ์และออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้าในปัจจุบัน เรายังคงใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบสินค้า ในมาตรฐานราคาที่คุ้มค่า ด้วยการศึกษาทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าและตลาดอย่างต่อเนื่อง สร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านสินค้าและบริการ พร้อมเดินหน้ายกระดับแบรนด์สู่การเป็นผู้นำในตลาด โดยมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ออโรร่าเป็นจุดหมายในธุรกิจค้าปลีกทองคำของประเทศไทยที่ก้าวทันเทรนด์ ทำให้แบรนด์มีความโดดเด่น แตกต่าง ใส่ใจ เข้าใจ รวมถึงการดูแลด้วยหัวใจ เพื่อให้แบรนด์ออโรร่าสามารถก้าวเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างมั่นคงและยาวนาน” คุณอนิพัทย์ กล่าวปิดท้าย

             ผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อ ออโรร่า - ของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า ได้แล้ววันนี้ ที่ห้างเพชรทองออโรร่า ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://www.aurora.co.th/ นอกจากนี้ทุกการซื้อสามารถสะสมแต้ม เพื่อแลกพร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมายผ่าน Aurora Gift Application อีกด้วย
3
แฟน “บัวขาว” ต้องดู “ทองดี ฟันขาว” บู๊แอคชั่นจัดเต็มที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


              วันอาทิตนี้ ห้ามพลาดความสนุกกับผลงานด้านการแสดงของ “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยไทยชั้นแนวหน้าของประเทศไทย กับบทนำใน “ทองดี ฟันขาว” ภาพยนตร์แอ็คชั่นพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่เจ้าตัวทุ่มแสดงแบบเต็มที่จนได้รับรางวัลนักแสดงนำดีเด่น จากเวที "กินรีทอง มหาชน ครั้งที่ 6 ประจำปี 2563 ไปครองได้สำเร็จ






              โดยหนัง “ทองดี ฟันขาว” บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ จ้อย หรือ ทองดี (บัวขาว บัญชาเมฆ) นักสู้ผู้มีหัวใจแกร่งดั่งเพชรที่มีความสามารถด้านมวยและเชิงดาบ ถึงแม้ว่าจะต้องระหกระเหินจากครอบครัว ต้องออกเดินทางหาเลี้ยงตัวเองจากการต่อยมวยไปวันๆ จนกระทั่งได้พบกับความพ่ายแพ้ที่ยากจะรับไหว เขาจึงออกตามหาครูมวยมาขัดเกลาฝีมือให้คมขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็ได้พบกับมิตรแท้ และคนรักอย่าง รำยง (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) จนโชคชะตานำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช เรื่องราวจะสนุกสุดมันส์อย่างไร ติดตามชมต่อได้ในภาพยนตร์ “ทองดี ฟันขาว” วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.40 น. ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live
4
DITP จับมือ 2 ยักษ์ใหญ่ภาคเอกชน เตรียมจัด “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024”
เปิดเวทีเจรจาธุรกิจด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งเป้ามูลค่าสั่งซื้อทะลุแสนล้าน


กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี ประกาศจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024” ในวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด Beyond Food Experience ที่เป็นมากกว่างานแสดงสินค้าอาหาร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ซูเปอร์สโตร์ ร้านอาหาร และผู้ที่กำลังมองหาไอเดียในการทำธุรกิจ ได้มาค้นหาคู่ค้า และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมอัปเดตเทรนด์สินค้า และแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค เพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น เปิดเจรจาธุรกิจทั้ง 5 วัน และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้าได้ในวันสุดท้ายของการจัดงาน

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกของไทย โดยในปี 2566 การส่งออกสินค้าอาหาร ขยายตัว 2.7% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 39,892.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท สำหรับปี 2567 คาดว่าการส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,690.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ที่ฟื้นตัวตามภาคบริการและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนที่เป็นผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง จึงทำให้ความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มมากขึ้น


“THAIFEX – ANUGA ASIA จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพราะเป็นเวทีการค้าระดับโลกที่จะสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ งานนี้นอกจากจะเน้นย้ำให้ทั่วโลกเห็นศักยภาพของไทยในฐานะผู้นำในการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ตามนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของกระทรวงพาณิชย์ แล้วยังรวบรวมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารจากทั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจตามหลักสากล มุ่งเน้นความยั่งยืน ตลอดจนปฏิบัติตามหลักมาตรฐานแรงงาน มาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงานกว่า 3 ทศวรรษ งานนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงการอาหารและเครื่องดื่มของโลก จนกล่าวได้ว่าเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคเอเชีย” นายภูสิต กล่าว

สำหรับ THAIFEX – ANUGA ASIA ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวมกว่า 3,000 บริษัท มากกว่า 6,000 คูหา จาก 50 ประเทศ และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอดทั้ง 5 วัน เป็นจำนวน 80,000 ราย จากทั่วโลก ประมาณการมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าจากงานปีนี้รวมกว่า 100,000 ล้านบาท


ภายในงานจะรวบรวมสินค้ามาจัดแสดงอย่างครบครัน แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ ชาและกาแฟ, เครื่องดื่ม, อาหารสำเร็จรูป, บริการด้านอาหาร,เทคโนโลยี, อาหารแช่แข็ง, ผักและผลไม้, เนื้อ, ข้าว, อาหารทะเล, ขนมและของขบเคี้ยว

นอกจากนี้ ยังเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ร่วมงาน ด้วยพื้นที่แสดงสินค้าพิเศษ 6 โซน ได้แก่ THAIFEX – ANUGA Future Food Market, THAIFEX – ANUGA Halal Market, THAIFEX – ANUGA Organic Market, THAIFEX – ANUGA Startup, THAIFEX – ANUGA tasteInnovation Show และ THAIFEX – ANUGA Trend Zone และยังมีนิทรรศการ อาทิ Thai SELECT Pavilion รวมทั้งการเสวนาให้ความรู้ และกิจกรรมเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ เป็นต้น


“กิจกรรมที่จัดขึ้นจะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ อาทิ เทรนด์อาหารในปัจจุบัน ความต้องการของผู้บริโภค และความเคลื่อนไหวของตลาด เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในอนาคต” นายภูสิต กล่าว


ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปี 2566 ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 12 ของโลก ปรับตัวจากอันดับที่ 15 ในปี 2565 ซึ่งงาน THAIFEX – ANUGA ASIA นับเป็นแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จ และมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทย ทั้งที่เป็นรายใหญ่ เอสเอ็มอี สตาร์ตอัป ที่จะมีโอกาสได้นำสินค้าเข้าสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ งานนี้ยังติดอันดับงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมอาหารอันดับที่ 4 ของโลกอีกด้วย “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 มีไฮไลต์ที่น่าสนใจกว่าทุกปี โดยเฉพาะนวัตกรรมอาหารที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแส แต่จะเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ทุกคนเริ่มหันมาใช้อย่างจริงจัง” ดร.กฤษณะ กล่าว

ตัวอย่างไฮไลต์ที่จะนำมาจัดแสดงในปีนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่ช่วยลดคาร์บอน เช่น ชีสที่ทำจากถั่วเหลืองออร์แกนิกที่ลดการปล่อย CO2 ถึง 80%, นมโอ๊ตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก และถุงมือ food grade จากธรรมชาติที่มีการจัดการอย่างรับผิดชอบ ถูกต้องตามหลักการ เป็นที่ยอมรับในสากล และยังมีผลิตภัณฑ์ที่ลดการเกิดขยะจากอาหาร เช่น ขนมที่ทำจากเศษกล้วยจากกระบวนการผลิตกล้วยทอด, รองเท้าบูธที่รีไซเคิลจากฟิล์มถนอมอาหารที่เกิดจากการคัดแยกพลาสติกเหลือทิ้ง, ปุ๋ยอินทรีย์ที่ที่ผลิตจากเปลือกทุเรียนเหลือทิ้ง, นมจากผงและเมล็ดที่แตกของมะม่วงหิมพานต์ และผลิตภัณฑ์จากเมล็ดมะขามที่เป็นวัสดุเหลือทิ้ง ที่สามารถนำไปประกอบในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เจลลี และแยม


นอกจากนี้ ยังมีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนของโลก เช่น บรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์ด้วยหมึกถั่วเหลืองที่ย่อยสลายได้ 100% และปลอดภัยต่อสุขภาพ, ถุงชีวภาพจากแป้งข้าวโพดและแป้งมันสำปะหลังที่ย่อยสลายได้ 100% และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ภายใน 2 ปี เป็นต้น

ด้าน นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โคโลญเมสเซ่ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ส่งผลต่อการเลือกซื้อสินค้าที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เช่น อาหารจากพืช เนื้อสัตว์ทางเลือก ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกนำมาเสนอในงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2024 เช่น แกงกะหรี่ปูที่ทำจากขนุน เจลลี่เพื่อสุขภาพดวงตา เบอร์เกอร์เนื้อพืช และทูน่าจากพืช เป็นต้น

“งาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 นับว่ามีบทบาทในการปฏิรูปวงการอาหารและเครื่องดื่มของภูมิภาคเอเชีย หัวใจสำคัญของงานนี้ คือ การนำเสนออาหารเลื่องชื่อจากทั่วโลก ส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางการค้าที่มีคุณค่า มอบโอกาสที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าอย่างมาก และยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของผู้เข้าร่วมงานในสายตาเวทีโลก” นายแมธเธียส กล่าว

นายแมธเธียส กล่าวเพิ่มเติมว่า THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 จะมีบูธแสดงสินค้าจากต่างประเทศกว่า 2,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12%  โดยมีประเทศใหม่ที่มาร่วมออกบูธ ได้แก่ แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก อียิปต์ โมนาโก มาซิโดเนียเหนือ โรมาเนีย เยเมน รวมทั้งมาเก๊า ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกบนเวทีระดับโลกของมาเก๊า การมีส่วนร่วมของประเทศเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้งานมีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติมากขึ้น

ในปีนี้ โคโลญเมสเซ่ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ เช่น Future Food Experience+ โดยจะมีการอภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน เทรนด์ นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ ยังมี Alternative Protein Flavour and Taste Contest ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเสนอนวัตกรรมเนื้อสัตว์ทางเลือก และการแข่งขัน Thailand Ultimate Chef Challenge ที่จะมีเชฟกว่า 700 คนจากทั่วโลกมาแข่งขันทำอาหาร เพื่อชิงชัยความเป็นสุดยอดเชฟแห่งประเทศไทย

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2024 ได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โทร.1169 ดูรายละเอียดและลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ www.thaifex-anuga.com เจรจาธุรกิจวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-18.00 น. จำหน่ายปลีกวันที่ 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 5-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
5
สวพส. ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567
เป็นเครื่องหมายรับรอง การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไม่เผา และไม่บุกรุกป่า สู่การพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน


            การทำเกษตรอินทรีย์เป็นเรื่องท้าทายความรู้ของพี่น้องชาวเกษตร ในการที่จะต้องบริหารจัดการความรู้และทรัพยากรที่มีเนื่องด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ไม่สามารถใช้สารเคมีเกษตรหรือสารสังเคราะห์ใด ๆ ได้ ล่าสุด สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง หรือ สวพส. ยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567 เป็นเครื่องหมายรับรอง การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เผา และไม่บุกรุกป่า สู่การพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน


            สวพส. ได้ดำเนินงานวิจัยและส่งเสริมการพัฒนาอาชีพบนพื้นที่สูง โดยการปรับระบบเกษตรจากการเพาะปลูกแบบดั้งเดิมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการเพาะปลูกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินตามหลักวิชาการ การเลือกพืชทางเลือกที่สร้างมูลค่าได้มากกว่าพืชเดิม ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ กาแฟ พืชไร่ เป็นต้น ตลอดจนการเข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย (GAP และเกษตรอินทรีย์) เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขัน


            รวมทั้ง การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วย ECO BRAND เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงสินค้าที่มีกระบวนการปลูกที่ไม่เผาเศษวัสดุเกษตร ไม่บุกรุกป่า รวมทั้งมีมาตรฐานรองรับ และยังสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นสินค้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


            ECO BRAND ยังใช้เป็นกลยุทธ์ในการสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรในการเข้าร่วมโครงการ ด้วยเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มจากวิธีการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกป่า รวมถึงการนำไปสู่การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility; CSR) เพื่อให้เกษตรกรดูแลรักษาป่าไปพร้อมๆ กัน


            สำหรับทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567 ที่ยื่นจดมี จำนวน 4 รายการ ได้แก่

1. ลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรมคู่มือการปลูกผักอินทรีย์ Organic Vegetable Cultivation คำขอเลขที่ 0473817 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ISBN : 978-616-608-018-6
 
2. ลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูลองค์ความรู้จากงานวิจัยบนพื้นที่สูง คำขอเลขที่ 0475451 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระบบการจัดการฐานข้อมูลงานวิจัยผ่านเว็บไซต์
https://rsdb.hrdi.or.th ประกอบด้วย รายงานผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (e – Research Report) ในรูปแบบ File PDF ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จำนวน 532 โครงการ มีการรวบรวมองค์ความรู้จากงานวิจัยให้อยู่ในรูปแบบและภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้


3. เครื่องหมายรับรอง THAI HIGHLAND ECO FRIENDLY CERTIFIED คำขอเลขที่ 240200640 ลงวันที่ 8 มกราคม 2567

4. อนุสิทธิบัตร “แป้งข้าวกล้องดอยสำเร็จรูปปราศจากกลูเตน” เพื่อสุขภาพ (Functional Food) คำขอเลขที่ 2403000864 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2567 ต่อยอดจากพันธุ์ข้าวท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีศักยภาพในการผลิตบนพื้นที่สูง เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการแป้งสำเร็จรูปที่ปราศจากกลูเตน (gluten free) เมื่อนำมาประกอบอาหารหรือทำขนมมีกลิ่นหอม สีและคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสามารถนำไปทำเบเกอรี่สำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนหรือใช้เป็นส่วนผสมแทนแป้งสาลีได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วย แป้งข้าวกล้องพันธุ์ก่ำวังไผ่ แป้งข้าวกล้องพันธุ์บือโป๊ะโล๊ะ และแป้งข้าวกล้องพันธุ์บือเนอมู
6
ชาวศรีราชามีเฮ! พลาดไม่ได้กับบุฟเฟ่ต์ โปรเด็ดสุดคุ้ม “มา 4 จ่าย 3!”
จาก 2 โรงแรมหรูในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์

              1 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2567 ห้องอาหาร ดิ ออร์ชาร์ด และ ห้องอาหารเลอ มาแรงน์ จาก 2 โรงแรมหรูในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ในเมืองศรีราชา จัดโปรโมชั่นเอาใจคนรักบุฟเฟ่ต์ พลาดไม่ได้กับโปรเด็ด “มา 4 จ่าย 3” ชวนเพื่อนมาอร่อยแบบจัดเต็ม ยิ่งเยอะยิ่งคุ้ม!




              ห้องอาหาร ดิ ออร์ชาร์ด โรงแรมแคนทารี เบย์ ศรีราชา ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18.00 – 22.00 น. อิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำ ที่ยกขบวนเมนูความอร่อย ทั้งอาหาร เอเชีย ยุโรป พร้อมมุมสลัดบาร์ มุมพาสต้าปรุงสดใหม่ทุกจาน มุมซูชิ ที่คัดสรรวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม พร้อมเพลิดเพลินกับคาราวานขนมหวานและเค้กนานาชนิด ราคาเพียง 650++บาท ต่อท่าน (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา)

              สำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ห้องอาหาร ดิ ออร์ชาร์ด โรงแรมแคนทารี เบย์ ศรีราชา โทร. 038-771-365 หรือ www.kantarybay-sriracha.com




              ห้องอาหารเลอ มาแรงน์ โรงแรมเคปราชา ศรีราชา ทุกวันศุกร์ เวลา 18.00 – 22.00 น.ขอเชิญชวนทุกท่านเพลิดเพลินกับบุฟเฟ่ต์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน อิ่มอร่อยกับอาหารทะเลสดใหม่ พร้อมมุมสลัดบาร์ ผลไม้ และของหวานนานาชนิด รังสรรค์ความอร่อยจากเชฟมืออาชีพระดับโรงแรมชั้นนำ ในราคาเพียง 600++บาท ต่อท่าน (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา)

              สำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ห้องอาหารเลอ มาแรงน์ โรงแรมเคปราชา ศรีราชา โทร. 038-314-288 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์: www.caperacha.com

###

* โรงแรมในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไข
โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ


###

* กลุ่มโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ สนับสนุนการป้องกันการทารุณสัตว์
ซึ่งโรงแรมฯ มีนโยบายชัดเจนในการห้ามไม่ให้มีการขาย หูฉลาม รังนก และตับห่าน ในทุกห้องอาหารของโรงแรม
7
ยัวซ่าแบตเตอรี่ ร่วมยินดี “บี-ควิก” Grand Opening สาขาสุวินทวงศ์


              มร. สึเนะโนริ โยชิมูระ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการ (รักษาการ) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคุณพัณณ์ชิตา ชีวีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร (กลุ่มงานขาย) บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ - รถจักรยานยนต์คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมแสดงความยินดีกับ บี-ควิก ศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำของไทย ในโอกาศฉลองเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ Grand Opening สาขาที่ 243 สุวินทวงศ์ ทำให้ บี-ควิก เป็นศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานครบวงจรที่มีเครือข่ายมากที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีคุณบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วย มร. ยาซูมาสะ โฮโซเอะ Executive Vice President บริษัท บี-ควิก จำกัด ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
8
ชวนดูแอคชั่นทรงพลัง “ไชยา” ผลงาน “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


              ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ภูมิใจเสนอภาพยนตร์ “ไชยา” หนังแอคชั่นมวยคาดเชือกโคตรเดือด ผสมดราม่าเข้มข้น ผ่านการแสดงของ แสงทอง เกตุอู่ทอง อัครา อมาตยกุล  ธวัชชัย เพ็ญพักดี สนธยา ชิตมณี และ สามารถ พยัคฆ์อรุณ อีกหนึ่งผลงานคุณภาพของผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่ท็อปฟอร์มไม่แพ้ ขุนพันธ์ เฉือน ลองของ อันธพาล พร้อมไปสัมผัสมุมกล้องสวยจาก “สยมภู มุกดีพร้อม” ผู้กำกับภาพดีกรีรางวัลออสการ์ที่มาร่วมถ่ายทอดอรรถรสและความบันเทิงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้








              โดยหนังจะเล่าถึงเรื่องราวความฝันของ เปี๊ยก (อัครา อมาตยกุล) สะหม้อ (สนธยา ชิตมณี) และเผ่า (ธวัชชัย เพ็ญภักดี) เด็กชาวใต้สามคนที่เข้าสู่วงการมวยในกรุงเทพฯ ด้วยหวังตามรอยแกร่งศึก พี่ชายของเผ่าที่เป็นยอดมวยดังประจำเวทีลุมพินีที่ จนมาพบข่าวน่าเศร้าว่าแกร่งศึกยิงตัวตาย เพราะถูกใส่ร้ายว่าล้มมวย ยิ่งสืบก็ยิ่งได้เห็นความฟอนเฟะเบื้องหลังของวงการมวย สุดท้ายพวกเขาต้องเลือกว่าจะอยู่ในโลกเถื่อนเพื่อเงินทอง หรือยืนหยัดอยู่บนเวทีเพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีแห่งมวยไชยา ห้ามพลาดชมฉากบู๊สุดมันส์สะใจในภาพยนตร์ “ไชยา” วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.40 น. ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live
9
คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท
สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ)


               คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง

               สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้  – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th ,หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/
10
สจล. เผย คนรุ่นใหม่สนใจเพิ่มเติมทักษะด้านไอที


สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ( สจล. ) จัดกิจกรรม KMITL Open House 2024 ภายใต้แนวคิด Digital Life & Smart Campus ยกทัพอาจารย์ รุ่นพี่ไปเปิดรายละเอียดทุกหลักสูตรจากคณะ/ วิทยาลัย/ วิทยาเขต และหน่วยงานด้านการศึกษา ในงาน Dek-D’s TCAS Fair 27 - 28 เมษายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยมีนักเรียนระดับมัธยมปลาย ผู้ปกครอง และผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภายในงาน สจล. ได้สำรวจความคิดเห็นจากนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมพบว่านักเรียนส่วนใหญ่มีความสนใจที่จะเพิ่มทักษะให้ตัวเองในด้านไอทีคิดเป็น 27.8 %


รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า การจัดงานเปิดบ้าน KMITL Open House 2024 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย มีนักเรียนระดับมัธยมปลาย ผู้ปกครอง และผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งบูธกิจกรรมของ สจล. ภายในงานได้มีการแนะนำหลักสูตรจาก 12  คณะ/ 5 วิทยาลัย/  1 วิทยาเขต และหน่วยงานด้านการศึกษา เช่น  42 Bangkok, CMKLและกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมมอบครอสเรียนฟรี จาก KMITL Master Class 5 วิชา กิจกรรมมอบ e-certificate ออนไลน์ ให้ทุกคนไปใส่ Portfolio สำหรับยื่นสมัครเข้าเรียน




นอกจากนี้ สจล. ยังได้สำรวจความคิดเห็นจากนักเรียนกว่า 3,500 ตัวอย่าง เกี่ยวกับทักษะที่น้อง ๆ มีความสนใจที่จะเพิ่มให้กับตัวเอง โดยพบว่าทักษะที่มีความสนใจเป็นกลุ่มทางด้านไอที การเขียนโค้ด โปรแกรมเมอร์ ด้านดิจิทัล AI และเกมส์ ด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมเป็น 27.8% รองลงมาคือด้านภาวะความเป็นผู้นำ Coaching 8.6% ด้านการคิดวิเคราะห์ และประมวลผล 8.4% ตามลำดับ






รองศาสตราจารย์ ดร. คมสัน มาลีสี กล่าวด้วยว่า จากผลการสำรวจทำให้เห็นได้ว่านักเรียน นักศึกษาในปัจจุบันได้มีการปรับตัว พร้อมพัฒนา และเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นให้กับตัวเองให้พร้อมเข้าสู่การเป็นพลเมืองโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้ ในฐานะที่ สจล. เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้เล็งเห็น และมีแนวคิดที่สอดคล้องกับผลสำรวจ จึงได้มีการปรับปรุงหลักสูตรอยู่ตลอดเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ซึ่ง สจล. เข้าสู่การเป็น Digital University เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการเรียนการสอน โดยมีสำนักบริหารข้อมูลดิจิทัล เป็นศูนย์ข้อมูลกลาง จะทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปวิเคราะห์และสร้างโมเดล AI ที่จำเป็น และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน ในการลงทะเบียน ตรวจสอบตารางเรียน การเรียนออนไลน์ การวิเคราะห์ทักษะให้กับนักศึกษา Skills Mapping, Skills Transcript เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีพร้อมทำงานได้จริง นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรที่บุคคลทั่วไปในทุกช่วงวัยสามารถเข้ามาเรียนหลักสูตรระยะสั้นได้ที่สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL Lifelong Learning Center) และ KMITL Master Class อีกด้วย






ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่ https://curriculum.kmitl.ac.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000
Pages: [1] 2 3 ... 10