Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - sianbun

Pages: 1 [2] 3 4 ... 230
16
ไอบีเอ็มเผยบทบาทของซีเอฟโอเปลี่ยนไปและมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรมากกว่าการดูแลด้านการเงินเพียงอย่างเดียว
ผลสำรวจจากความคิดเห็นของซีเอฟโอ ทั้งจากระดับโลกรวมทั้งภูมิภาคอาเซียน แสดงให้เห็นว่าซีเอฟโอ
ให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้วิเคราะห์เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงธุรกิจขององค์กร



กรุงเทพฯ – 17 มิถุนายน 2553: บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยผลสำรวจ ‘IBM Global CFO Study 2010” ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงด้านการเงิน (Chief Financial Officer - CFO) ครั้งใหญ่ที่สุดที่ไอบีเอ็มเคยทำมา โดยการสัมภาษณ์ซีเอฟโอในองค์กรชั้นนำทั่วโลกกว่า 1,900 คน ใน 81 ประเทศ จาก 35 ประเภทธุรกิจ รวมทั้ง 47 คนจากภูมิภาคอาเซียนซึ่งรวมถึงประเทศไทย ถึงบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของซีเอฟโอตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งแนวคิด ปัญหา ความท้าทายต่าง ๆ รวมทั้งมุมมองในการบริหารจัดการ โดยจากผลสำรวจพบว่าซีเอฟโอกว่า 60 เปอร์เซ็นต์มีการวางแผนเพื่อรับมือกับผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

จากผลสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา และจัดทำขึ้นในช่วงกลางปี 2552 หลังจากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่มีผลกระทบไปทั่วโลก ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นมุมมองและทัศนคติของซีเอฟโอในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนต่อองค์กรใน 3 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่ ความจำเป็นในการลดค่าใช้จ่ายขององค์กร การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งการทำให้ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกจำเป็นต้องมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ผลสำรวจยังพบว่าซีเอฟโอในภูมิภาคอาเซียนยังให้ความสำคัญกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องทำได้อย่างรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด เมื่อเทียบกับผลสำรวจโดยรวมของซีเอฟโอในภูมิภาคอื่น ๆ ที่ให้ความสำคัญต่อประเด็นเรื่องการลดค่าใช้จ่ายมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่จะถึงนี้

สำหรับคำถามที่ว่าอะไรคือปัจจัยที่จะส่งผลกระทบให้องค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นที่น่าสนใจว่าผู้บริหารระดับสูงด้านการเงินส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อประเด็นเรื่อง “การจัดหาและนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงกลยุทธ์ขององค์กร” เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด โดยประเด็นดังกล่าวสำคัญยิ่งไปกว่าเรื่องการลดค่าใช้จ่ายเสียอีก   นอกจากนั้น จากผลสำรวจยังพบว่ามีซีเอฟโอเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่คิดว่าองค์กรของตนมีการทำงานภายในที่มีประสิทธิภาพและมีความสามารถที่จะนำข้อมูลเชิงธุรกิจที่มีนัยสำคัญมาใช้เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงธุรกิจขององค์กร นอกจากนั้น จากผลสำรวจยังพบว่า มีซีเอฟโอน้อยกว่าครึ่งในภูมิภาคอาเซียนที่คิดว่าองค์กรของตนมีระบบที่มีประสิทธิภาพดีพอที่เอื้อต่อการนำวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในต่อธุรกิจ

นอกจากนั้น จากผลสำรวจโดยรวม พบว่าซีเอฟโอในภูมิภาคอาเซียนส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกับซีเอฟโอในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของซีเอฟโอต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งรวมถึงบทบาทในการทำหน้าที่เชิงแนะนำ หรือตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ มากกว่าการช่วยองค์กรนำเสนอข้อมูลเพื่อการตัดสินใจเหมือนเช่นในอดีต ตัวอย่างของการแนะนำหรือช่วยตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ของซีเอฟโอ ได้แก่ การช่วยหารูปแบบวิธีการทำธุรกิจใหม่ ๆ หรือการนำนวัตกรรมมาพิจารณาปรับใช้ในเพื่อธุรกิจขององค์กร เป็นต้น

นางเมเรอร์ดิต อังวิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย ไอบีเอ็ม โกลบอล บิสิเนส เซอร์วิสเซส กล่าวว่า “จากผลสำรวจที่ได้ ทำให้เราเห็นบทบาทที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนของซีเอฟโอทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ซีเอฟโอมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และความสำเร็จขององค์กร นอกจากนั้นแล้ว จากผลสำรวจที่ได้ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ซีเอฟโอในองค์กรชั้นนำให้ความสำคัญต่อการนำข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ขององค์กรอีกด้วย”

ในเรื่องการบริหารจัดการข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก จากผลการสำรวจพบว่า ซีเอฟโอในภูมิภาคอาเซียนยังค่อนข้างล้าหลังกว่าซีเอฟโอในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก เนื่องจากในองค์กรหลายแห่งยังใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจแบบเดิม ๆ เช่น การใช้ซอฟต์แวร์สเปรดชีตมาวิเคราะห์หรือประมวลผลข้อมูล เมื่อเทียบกับซีเอฟโอในภูมิภาคอื่นหลายแห่งที่เริ่มมีการนำเครื่องมืออันทันสมัยหรือเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้เพื่อการประมวลผลข้อมูลธุรกิจเชิงลึก และนำผลลัพธ์ที่ได้มาใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจ

นอกจากนั้น ในประเด็นเรื่องการบริหารและพัฒนาบุคลากร จากผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า ซีเอฟโอในภูมิภาคอาเซียนให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเป็นอันดับต้น ๆ และมองว่าองค์กรของตนยังมีข้อบกพร่องที่จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงในเรื่องดังกล่าวให้ดีกว่าเดิม เมื่อเทียบกับซีเอฟโอในภูมิภาคอื่นของโลก ซึ่งประเด็นเรื่องดังกล่าวนี้เอง เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ซีเอฟโอส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นเรื่องความสามารถขององค์กรในการคาดการณ์สภาวะที่มีผลกระทบจากปัจจัยภายนอก การวางแผนการบริหารและปฏิบัติงานภายในองค์กร หรือแม้กระทั่งความสามารถในการนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจในอนาคต เป็นต้น

จากการทำการสำรวจความคิดเห็นของซีเอฟโอโดยไอบีเอ็ม ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา พบว่าซีเอฟโอต่างเห็นความสำคัญของการนำข้อมูลในองค์กรมาวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารและขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กรในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจครั้งล่าสุด พบว่ามีซีเอฟโอไม่มากนักที่สามารถทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามในการนำข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กรมาเชื่อมโยงหรือควบรวมเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ในเชิงธุรกิจ

นอกเหนือไปจากการทำสำรวจความคิดเห็นของซีเอฟโอดังกล่าวแล้ว ไอบีเอ็มยังได้หาวิธีจัดกลุ่มของซีเอฟโอออกเป็นประเภทต่าง ๆ โดยการใช้คุณลักษณะ 2 ประการเพื่อการแบ่งกลุ่มและประเภทของซีเอฟโอ ได้แก่
•   ความสามารถในการบริหารจัดการทางด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพ (Finance Efficiency) ซึ่งประกอบไปด้วยความสามารถในการบริหารจัดการขั้นตอนการทำงานที่เชื่อมโยงกันในแต่ละแผนกและการสร้างมาตรฐานด้านการบริหารจัดการข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร
•   การใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อประโยชน์เชิงธุรกิจ (Business Insight) ด้วยการผสมผสานความสามารถในหลาย ๆ ด้าน เช่น ความเชี่ยวชาญในการบริหารการเงิน ความสามารถในการดึงประโยชน์จากการนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้เพื่อวางแผน ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน รวมทั้งขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กร

จากการใช้คุณลักษณะ 2 ประการในการแบ่งประเภทของซีเอฟโอนี้เอง ทำให้ไอบีเอ็มค้นพบซีเอฟโอกลุ่มหนึ่งที่มีคุณลักษณะโดดเด่นเหนือกว่าซีเอฟโอกลุ่มอื่น ๆ โดยไอบีเอ็มเรียกซีเอฟโอกลุ่มนี้ว่า “แวลลู อินทีเกรเตอร์ (Value Integrator)” ซึ่งเป็นซีเอฟโอที่มีคุณลักษณะอันโดดเด่นครบถ้วนทั้งสองประการ โดยซีเอฟโอกลุ่มดังกล่าวนี้ นอกจากจะมีศักยภาพและขีดความสามารถที่สามารถช่วยองค์กรฝ่าปัญหาและเอาชนะวิกฤติต่าง ๆ และมีบทบาทอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขององค์กรแล้ว ซีเอฟโอกลุ่มนี้ยังมีความสามารถอันโดดเด่นในด้านอื่น ๆ อีก เช่น ความสามารถในการช่วยองค์กรกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์โดยพิจารณาแนวโน้มและทิศทางของธุรกิจโดยรวม  ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Invested Capital – ROIC) การขยายการเติบโตในด้านรายได้ (Revenue Growth) และการบริหารกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (Earnings before Interest, Taxes, Depreciation and Amortization) นอกจากนั้น ‘แวลลู อีทีเกรเตอร์’ ยังมีความสามารถในการมองธุรกิจแบบรอบด้านอย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถช่วยองค์กรหาโอกาสทางธุรกิจและวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ โดยเบื้องหลังของความสามารถเหล่านี้เอง ประกอบไปด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการทำให้ขั้นตอนภายในองค์กร หรือการกำหนดมาตรฐานในด้านต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงการจัดการและวางมาตรฐานการบริหารข้อมูลภายใน ความเข้าใจการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อประโยชน์ในการสนับสนุนการตัดสินใจ การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต หรือขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญทางธุรกิจขององค์กร เป็นต้น

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงด้านการเงินของไอบีเอ็ม (IBM Global CFO Study 2010) สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/cfostudy

17
KTAMขายบอนด์กิมจิ15เดือนชูผลตอบแทน2.30%ต่อปี 

          นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ   บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนพันธบัตรภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ  ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย เอฟไอเอฟ 11  ( KTFF11 )   ตั้งแต่วันที่  9-15   มิถุนายน  2553  อายุ 1 ปี  3 เดือน  มูลค่าโครงการ   700  ล้านบาท   มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน    โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก   และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง     ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก   ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก   ทั้งนี้  กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 100%   เครดิตเรตติ้งที่ AA  โดยฟิทซ์   และเป็นกองทุนที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก3 เดือน  ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.30 % ต่อปี   และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

             นอกจากนี้  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3  ( KTFIX6M3 )  ถึงวันที่ 11  มิถุนายน  2553  อายุโครงการ 6 เดือน  เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ   99 %และ ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคาร  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 0.90%ต่อปี  โดยทั้ง 2 กองทุนไม่หักภาษี  ณ ที่จ่าย   มูลค่าขั้นต่ำในการลงทุน 10,000 บาท

                  นายสมชัย   กล่าวต่อไปว่า    อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ยังมีความผันผวน  โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของอเมริกาที่ประกาศออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้    อย่างไรก็ตาม  อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรเกาหลีใต้ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง   เนื่องจากความเปราะบางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรป ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรและสภาพคล่องของค่าเงินดอลลาร์   โดยในขณะนี้หลายๆฝ่ายได้ให้ความสนใจไปที่ประเทศฮังการี และความเสี่ยงที่อาจจะมีการลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอื่นๆในยุโรปเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้   โดยในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเกาหลีใต้จะยังคงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% เช่นเดิม 

18
GBX มองปัญหาหนี้ยุโรปลาม อานิสงส์ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 
 
โกลเบล็ก มองราคาทองคำสัปดาห์นี้ยังไปได้สวย ผลจากแรงรีบาวน์ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป เชื่อหากราคาทองคำส่งสัญญาณบวกยืนเหนือ 1,220 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ได้ มีลุ้นปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ  1,240-1,250 สหรัฐต่อออนซ์ได้ไม่ยาก   
 
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ  บริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ ซึ่งเป็นผลจากรีบาวน์ ขึ้นจากในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อน โดยได้แรงหนุนจากความกังวลในวิกฤติหนี้สินของยุโรป หลังปัญหาส่อแววว่าจะลุกลามไปยังฮังการี ถึงแม้ว่าธนาคารกลางฮังการีจะออกมาให้ความเห็นในเชิงบวกในภายหลังว่า สถานะด้านการคลังของฮังการียังดีกว่าหลายประเทศในสหภาพยุโรป (ฮังการีมียอดหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 78.3% และ 4.0% ของ GDP)   แต่นักลงทุนก็ยังวิตกว่า หากสถานการณ์ในฝั่งยุโรปยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้ อาจทำให้ปัญหาลุกลามไปยังประเทศอื่นๆอย่างจริงจัง
 
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลภาคแรงงานของสหรัฐฯที่ออกมาไม่สดใส (ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรอยู่ที่ 431,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าคาดการณ์ของโพลล์ส่วนใหญ่ ที่มองว่ายอดการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 500,000 ตำแหน่ง)ซึ่งยิ่งซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุนโดยรวมให้ดูแย่ลงไป เพราะตอนนี้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมองว่า  การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจล่าช้าไม่ต่างอะไรกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป กระแสเงินจึงเลือกที่จะไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆแล้วกลับเข้าหา Safe Haven อย่างพันธบัตรสหรัฐฯและทองคำแทน
 
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปรากฏการณ์เช่นนี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและเงินสกุลยูโรอย่างเป็นรูปธรรม และถ้าหากพิจารณาผลการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำและ Dollar Index (ติดตามได้จากบทวิเคราะห์รายวันที่ www.globlexholding.co.th) เพื่อดูว่า ถ้ากระแสเงินยังไหลเข้าหา Safe Haven อยู่ สินทรัพย์ชนิดไหนจะน่าสนใจมากกว่ากัน พบว่า ราคาทองคำยังปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับ Dollar Index จึงเป็นไปได้ที่ทองคำจะได้รับความน่าสนใจมากกว่าพันธบัตรสหรัฐฯในช่วงสั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากราคาทองคำสามารถทะยานขึ้นไปยืนเหนือ 1,220 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ได้ จะทำให้ Upside การปรับขึ้นเปิดกว้างไปหาบริเวณ  1,240-1,250 สหรัฐต่อออนซ์  ทั้งนี้จากการคาดการณ์กรอบระดับสัปดาห์ที่1,200-1,240 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 18,500-19,150 บาท/บาททอง

19
เนสวีต้า รุกตลาดคนรักสุขภาพต่อเนื่อง ครั้งแรกกับการแท็กทีมใยอาหารยอดฮิตจาก พรุน ทับทิม บีทรูท
 


นางสาวนงนุช เทพประเสริฐวังศา ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้ใหญ่ บริษัท บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด แนะนำเนสวีต้า เครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูป สูตรใหม่ ครั้งแรกกับการแท็กทีมใยอาหารยอดฮิตจากพรุน ทับทิม บีทรูท เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพรอบด้าน โดยเน้นย้ำถึงการสร้างความสมดุลของร่างกาย ที่ไม่เพียงแค่การบำรุงด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน แต่ต้องใส่ใจในการกำจัดของเสียหรือระบบขับถ่ายควบคู่กันไป รับมือกระแสการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีแนวโน้มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ10 ในทุกๆ ปี

20
“เฮียฮ้อ” มั่นใจสนามศุภฯ รองรับคอบอลได้นับแสน คอบอลชาวไทยเชียร์บอลโลกลั่นสนั่นกรุงฯ

บอลโลก 2010 กำลังจะระเบิดศึกความมั่นอีกในไม่กี่วัน รับประกันว่าในช่วงค่ำคืนจะต้องมีแต่เสียงเฮ เชียร์บอลกันสนั่นลั่นประเทศอย่างแน่นอน งานนี้หัวหอกใหญ่แค่ค่ายอาร์เอส เฮียฮ้อ – สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้ถือลิขสิทธิ์ฟีฟ่าเวิล์ดคัฟ 2010 เลยพร้อมระเบิดความมันส์ จัดกิจกรรมสุดอลังการ เกาะติดแมทซ์หยุดโลกในบรรยากาศจริงยิงสดๆ จากขอบสนามประเทศแอฟริกาใต้ ที่รับประกันว่างานนี้คอบอลชาวไทยกว่านับแสนจะสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่ ณ สนามกีฬาศุภชลาศัย อย่างแน่นอน

เฮียฮ้อ – สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เผยถึงความยิ่งใหญ่ในกิจกรรมครั้งนี้ว่า “ศึกบอลโลกใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วครับ ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ฟีฟ่าเวิล์ดคัฟ 2010 แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรมพิเศษสุดอลังการ เพื่อรวมเสียงเชียร์คอบอลทั่วกรุงฯ ให้มาเชียร์บอลร่วมกัน โดยในกิจกรรม “FIFA World Cup On Ground 2010” เกาะติดแมทซ์หยุดโลก ทั้ง 64 แมทซ์ ที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้ จัดขึ้นที่ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยที่จัดการแข่งขันกีฬาครั้งใหญ่ๆ ของประเทศมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้ง เอเชียเกมส์ ครั้งที่ 5, 6 และ 8 การแข่งขันกีฬาฟุตบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ไมเคิล แจ็คสัน แดนเจอรัส เวิลด์ ทัวร์ เมื่อปี 2536 ซึ่งสนามศุภชลาศัยแห่งนี้จะสามารถรองรับคอบอลได้มากกว่า 100,000 คน

โดยภายในงานจะเป็นกิจกรรมการถ่ายทอดสดการแข่งขันทั้ง 64 แมทซ์หยุดโลก ตรงมาจากขอบสนามประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมกิจกรรมความสนุกเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน RS การแสดงตื่นตาตื่นใจ เกมส์ และกิจกรรมความสนุกบนเวที พร้อมรับของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกมากมาย รวมถึงโซน กิน- ดื่ม ที่จะเพิ่มความมันส์พร้อมๆ ไปกับการเชียร์ทีมโปรดของคุณ โดยนัดระเบิดความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย – 11 ก.ค 53 ตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นเป็นต้นไป แบบชมฟรีตลอดงาน”

งานนี้บอกได้คำเดียวว่าคนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอล เตรียมตัวเตรียมใจ ฟิตร่างกายให้พร้อม แล้วไปร่วมระเบิดความมันส์กับ 2010 ฟีฟ่า เวิล์ดคัพ เซาธ์ แอฟริกา ได้ที่ สนามศุภชลาศัย กันให้เสียงเฮดังลั่นสนามกันไปเลย

21
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาปลื้มนักลงทุนตอบรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิท่วมท้น เผยผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและการดำเนินงานของธนาคาร ตลอดจนเศรษฐกิจที่มั่นคงของไทย

กรุงเทพฯ – 9 มิถุนายน 2553: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ปลื้มนักลงทุนตอบรับหุ้นด้อยสิทธิของธนาคารอย่างท่วมท้น ทำให้ยอดที่ธนาคารนำเสนอจำนวน 12,000 ล้านบาท หมดลงอย่างรวดเร็ว ธนาคารจึงนำหุ้นกู้สำรองที่เตรียมไว้อีกจำนวน 8,000 ล้านบาท มารองรับความต้องการของนักลงทุน เผยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในความมั่นคงและผลการดำเนินงานของธนาคาร ตลอดจนบ่งบอกถึงเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ

 

นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด  (มหาชน)  เปิดเผยว่า  จากที่ธนาคารได้เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1/2553 แก่นักลงทุนสถาบัน และ       นักลงทุนทั่วไป จำนวน 12,000  ล้านบาท โดยจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 - 22 มิถุนายน 2553 นั้น ปรากฏว่านับตั้งแต่เริ่มจำหน่าย มีนักลงทุนให้ความสนใจหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทำให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 12,000 ล้านบาท     ที่ธนาคารนำเสนอหมดลงภายใน 2 วันแรก ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ให้ความสนใจหุ้นกู้ด้อยสิทธิครั้งนี้ของธนาคาร ธนาคารจึงนำหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่สำรองไว้จำนวน 8,000  ล้านบาท มาเสนอขายแก่นักลงทุนที่ต้องการ 

“ธนาคารมีความยินดีที่นักลงทุนทั้งสถาบันและบุคคลทั่วไปให้การตอบรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้จำนวนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ตั้งไว้ในครั้งแรกจำนวน 12,000 ล้านบาทจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มี   ต่อธนาคารและเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายมาร์ค อาร์โนลด์กล่าว

การเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1/2553 นี้เป็นการจัดหาเงินทุนระยะยาวเพื่อรองรับการขยายความเติบโตด้านธุรกิจการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าสินเชื่อขนาดใหญ่ ลูกค้าสินเชื่อ SME และลูกค้าสินเชื่อบุคคล และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร

สำหรับอัตราผลตอบแทนของหุ้นด้อยสิทธิดังกล่าวมีดังนี้ ปีที่ 1-3 เท่ากับ 4.35% และปีที่ 4-6 เท่ากับ 4.75% และปีที่เหลือเท่ากับ 5.50% ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 50,000 บาท และทวีคูณของ 50,000 บาท ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ดังกล่าวที่ระดับ A+

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 ตามงบการเงินรวม ธนาคารมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 14.5% โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ระดับ 2.75%

ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 821,632 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 580 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร  เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร  www.krungsri.com

22
¬HTC Desire แอนดรอยด์โฟนล่าสุดที่มากับประสบการณ์ฉลาดล้ำที่เหนือกว่า
HTC Desire สวยสะดุดตาด้วยหน้าจอแสดงผลสว่างคมชัด ขนาด 3.7 นิ้ว ด้วยระบบสัมผัส   



กรุงเทพฯ – 9 มิถุนายน 2553 – เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบสมาร์ทโฟน ประกาศเปิดตัว HTC Desire ในประเทศไทย HTC Desire สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับการยกระดับประสบการณ์ในการใช้งานด้วยอินเทอร์เฟซ HTC Sense 

แจ็ค ถง รองประธาน เอชทีซี เอเชีย กล่าวว่า “HTC Sense ที่มาพร้อมกับ HTC Desire รุ่นใหม่ ไม่เพียงแต่นำเสนอประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ได้อย่างไม่หยุดนิ่งและตรงตามความชอบส่วนบุคคล แต่ยังมอบประสบการณ์ในการใช้งานภาพเสียงสีเสียง ได้มากเท่าที่จะเป็นไปได้” พร้อมเสริมว่า “HTC Desire นับเป็นเครื่องมือที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ”

HTC Desire มาพร้อมกับหน้าจอที่สว่างสดใส คมชัดสมจริง และให้สีเหมือนจริงบนหน้าจอระบบสัมผัสด้วยปลายนิ้ว
ขนาดา 3.7 นิ้ว  ด้วยโพรเซสเซอร์สแนปดรากอน 1 กิกะเฮิรตซ์ จากควอคอมม์ ทำให้ HTC Desire ตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ใช้ระบบสัมผัสแบบเป็นธรรมชาติของ HTC Sense ช่วยเพิ่มประสบการณ์ ในการใช้งาน HTC Desire ได้อย่างน่าทึ่งที่สุด 

HTC SENSE
HTC Sense  เป็นอินเทอร์เฟซใหม่ที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ของผู้ใช้ ที่มุ่งเน้นในการให้คนเป็นศูนย์กลาง ด้วยการทำให้มือถือใช้งานง่ายขึ้นและทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยประสบการณ์ผู้ใช้นี้พัฒนามาจากการสังเกตการณ์ และการรับฟังว่า ผู้คนใช้ชีวิตและติดต่อสื่อสารกันอย่างไร

ประสบการณ์ในการใช้ HTC Sense รุ่นใหม่นี้ ยังคงมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการโต้ตอบสื่อสารระหว่างคุณและคนสำคัญของคุณ นับตั้งแต่แอพพลิเคชันใหม่ของเอชทีซี และวิดเจ็ต Friend Stream ซึ่งเชื่อมประสานเครือข่ายสังคมออนไลน์ทั้งหมดของคุณไว้ในหนึ่งเดียว ประกอบด้วย เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และฟลิคร์ มารวมการอัพเดตทั้งหมดไว้ในหน้าเดียว การรวมหน้าจอการอัพเดตทั้งหมดไว้ทำให้ การติดตามว่าเพื่อนๆ ของเรากำลังทำอะไรกันอยู่ รวมถึงดูรูปและลิงก์ต่างๆ ที่เพื่อนๆ ได้ร่วมแบ่งปัน ทำได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้แล้ว โปรแกรม Friend Stream ยังช่วยให้เราสามารถจัดการกับผู้คนที่เราติดต่อไว้ตามกลุ่มสังคมต่างๆ เช่น กลุ่มเพื่อน กลุ่มเพื่อนร่วมงาน หรือกลุ่มอื่นๆ ตามสภาพแวดล้อม

ประสบการณ์ในการใช้ HTC Sense รุ่นใหม่นี้ ได้ยกระดับการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น บราวเซอร์ เครื่องลูกข่ายอีเมล์ และฟังก์ชั่นใช้งานอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว HTC Sense รุ่นใหม่นี้ ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ มาให้ด้วย เช่น แอพพลิเคชันในการอ่านข่าว และวิดเจ็ต รวมถึง รูปย่อแสดงหน้าโฮมสกรีนทั้ง 7 หน้าเพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงหน้าโฮมสกรีนต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว 

ราคาและกำหนดการวางตลาด
HTC Desire รุ่นใหม่วางจำหน่ายแล้วในร้านตัวแทนจำหน่ายด้วยสนนราคา 21,900 บาท ในกล่องมาพร้อมกับหน่วยความจำไมโครเอสดีการ์ด 16 กิกะไบต์
*ราคาจำหน่ายขึ้นกับนโยบายของโอเปอเรเตอร์แต่ละราย

เกี่ยวกับ เอชทีซี
เอชทีซี คอร์ปอเรชัน หรือ เอชทีซี หนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ  โดยมุ่งเน้นให้คนเป็นศูนย์กลางในการใช้งาน เอชทีซีสร้างสรรนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตและความต้องการส่วนบุคคลให้ดีขึ้น บริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวันภายใต้หมายเลข 2498 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเรียกดูได้จาก www.htc.com/th 

23
ตำรวจจับโรงงานละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ตรวจพบซอฟต์แวร์เถื่อนบนเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 365 เครื่อง

กรุงเทพฯ  วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553 – ตำรวจไทยเข้าตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์   ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน และพบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 365 เครื่องของโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยา มูลค่าซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ถูกละเมิดเกือบ 10 ล้านบาท บริษัทแห่งนี้มีทุนจดทะเบียนเกือบ 4 พันล้านบาท

            แม้จะยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่เคยมีการตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่เช่นนี้ในประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ. 2545 โดยพบซอฟต์แวร์เถื่อนบนคอมพิวเตอร์จำนวน 300 เครื่อง

            จากรายงานของตำรวจ จุดเริ่มต้นของการเข้าตรวจค้นจับกุมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเหมือนครั้งอื่นๆ โดยตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสผ่านทางสายด่วนต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานก่อนเข้าตรวจค้นจับกุม

            การเข้าตรวจค้นโดยไม่ให้รู้ตัวครั้งนี้ ใช้เวลากว่าหกชั่วโมงครึ่งในการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัท เจ้าหน้าที่พบซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งผลิตโดยบริษัทอโดบี ออโต้เดสค์ ไมโครซอฟท์ โซลิดเวิร์ค และไทยซอฟท์แวร์เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในกรุงเทพฯ

            “ครั้งนี้นับเป็นการตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยทำมา” พันตำรวจเอก ชัยณรงค์  เจริญไชยเนาว์ โฆษกของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) กล่าว “แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าอยู่ดีๆ เราหันมามุ่งจับบริษัทขนาดใหญ่ เราสืบสวนบริษัททุกขนาดทุกประเภท สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเราได้รับเบาะแสหรือการร้องเรียนตามกฏหมายว่าบริษัทเหล่านี้ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฏหมายไทย อีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเราพบหลักฐานว่าบริษัทเหล่านี้มีการละเมิดกฏหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาจริง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือบริษัทใดก็ตามหากใช้ซอฟต์แวร์ที่ปราศจากลิขสิทธิ์หรือมีลิขสิทธิ์ไม่ครบถ้วน อาจถูกเข้าตรวจค้นจับกุมได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่หรือดำเนินธุรกิจประเภทใดก็ตาม”

            นอกจากการตรวจค้นจับกุมครั้งใหญ่ที่อยุธยาแล้ว ตำรวจยังเดินหน้าบังคับใช้กฏหมายเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องทั้วประเทศ ทั้งนี้เพื่อลดอัตราละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของไทยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 75 

            เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินงานคืบหน้าไปมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และกล่าวว่าการตรวจค้นจับกุมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอคือกลยุทธ์สำคัญที่สุด ในการลดอัตราการละมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของไทย

            “ไม่ใช่ว่าเราประสบความสำเร็จในการเข้าตรวจค้นจับกุมบริษัทแห่งหนึ่งแล้วจะนั่งอยู่เฉยๆ” พันตำรวจเอกชัยณรงค์กล่าว “เราลงมือจัดการกับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทุกสัปดาห์ และบางครั้งก็ทุกวันด้วยซ้ำ ตัวเลขและสถิติต่างๆ จะแสดงให้เห็นเองว่าความพยายามในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาด้านซอฟต์แวร์ของเรานั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงประสบความสำเร็จในการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของไทยในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในประเทศที่ลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ลงได้มากสุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย”

            บริษัทอื่นๆ ที่ถูกตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุมการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เมื่อเร็วๆ นี้ประกอบด้วยโรงงานขนาดใหญ่เจ็ดแห่ง ซึ่งล้วนมีสินทรัพย์จดทะเบียนในหลักหลายร้อยล้านหรือพันล้านทั้งสิ้น ประกอบด้วยโรงงานสแตนเลส สตีล โรงงานผลิตอุปกรณ์การแพทย์ โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และโรงงานผลิตสินค้าจากยางพารา

            กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทที่ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

            ผู้ที่รายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ผ่านทางสายด่วนโทร. 02-714-1010 หรือทางเว็บไซต์ มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 250,000 บาท ข้อมูลของผู้รายงานจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.stop.in.th

24
“พราว เอ็กซ์ ทู” ลุยกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง จัดแกรนด์โอเพนนิ่ง 12-13 มิ.ย. นี้ โปรโมชั่นพิเศษรวมกว่า 300,000 บาท



ทายาทวันชัยก่อสร้างอดีตยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้างเมืองไทย อดิศร วิเวกานนท์ ผู้บริหารหนุ่ม ที่ก้าวออกมาสานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเอง ในนามบริษัท ไตร พร็อพเพอตี้ เป็นปลื้มสุดๆ หลังโครงการ “พราว เอ็กซ์ ทู” คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดในสไตล์โมเดิร์นมินิมอลลิส ยอดขายฉลุยกว่า 70 % แล้ว ล่าสุดลุยกระตุ้นยอดขายต่อเนื่องจัดงาน แกรนด์โอเพนนิ่ง “Xclusive Living In X2 Gen สะท้อนการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่” มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าภายใต้แคมเปญ ร่วมลุ้นรับทองคำรวม 15 บาท และรับโปรโมชั่นพิเศษ Bose SoundDock + iPod Nano 8 GB หรือ Blackberry Bold 9700 ภายในงานวันที่ 12 – 13 มิ.ย. นี้ พร้อม พบกิจกรรมพิเศษมากมายกับดารารับเชิญ  อาทิ กระทบไหล่หนุ่มหล่อมาดเข้ม (สมาร์ท) กฤษฎา พรเวโรจน์ หรือคุณเชฟ จากละครหวานใจนายจอมหยิ่ง และน้องจอย สุนันท์ษา จิรมณีกุล และร่วมดูดวงกับนักโหราศาสตร์ชื่อดัง อ.คฑา ชินบัญชร และหมอดูไพ่ยิบซี ที่จะมาร่วมสร้างสีสันในงานนี้ ณ สำนักงานขายโครงการพราว เอ็กซ์ทู ซ.แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด 19 สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-583-2626   

25
ข่าว  GOSSIP ของโกลเบล็ก กรุ๊ป

Gossip News

…ขยันแจกจริงๆสำหรับโกลเบล็ก กรุ๊ป ที่แม้ว่าจะจบงาน Money Expo 2010 ไปแล้ว แต่โปรโมชั่น TFEX ที่มาจากงานดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อเนื่องยาวไปถึงเดือนกรกฎาคม โดยลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชีอนุพันธ์ในงาน Money Expoที่มียอดค่าคอมมิสชั่นทุก 5,000 บาท รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 500 บาท ซึ่งจะมีการตัดยอดทุกสิ้นเดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2553 และรับรางวัลพร้อมกันในเดือนสิงหาคม ซึ่งทางโกลเบล็กฝากบอกมาว่า การคิดคะแนนสะสม จะอ้างอิงจากค่าคอมมิสชั่นตามที่บริษัทฯ ได้รับเท่านั้นนะจ๊ะ…ทราบแล้วเปลี่ยน…


26
 “ปูนอินทรี” เปิดตัว Green Heart...โลกน่าอยู่ คู่หัวใจสีเขียว พร้อมภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่

 

คุณจันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหารลูกค้าสัมพันธ์ บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง หรือ “ปูนอินทรี” เปิดตัว Green Heart...โลกน่าอยู่ คู่หัวใจสีเขียว พร้อมภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ เพื่อสร้างจิตสำนึก และกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมทั้งให้คนไทยตื่นตัวมากขึ้น โดยใช้แนวคิดหลักว่า เรารักโลก โลกรักเรา ในภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ยังเพิ่มความสดชื่นและน่าติดตามด้วยบทเพลงไพเราะ ที่แต่งและร้องโดย ว่าน AF2  ณ สำนักงานใหญ่  อาคารคอลัมน์ทาวเวอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

 


27
KTAMเปิดซื้อขายกองทุนTCIF เริ่ม16มิ.ย.ผ่านตลาดหลักทรัพย์

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียล อินเวสเม้นต์ หรือ TCIF เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เคาะซื้อขายวันแรก 16 มิ.ย.นี้ เชื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมท่ามกลางความผันผวน มีนโยบายจ่ายปันผล พร้อมชูจุดเด่นด้านลงทุนในรูปแบบ freehold

                นายสมชัย บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ในวันที่ 16 มิถุนายน 2553 หน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก โดยจะอยู่ในหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และจะใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “TCIF” หลังจากกองทุนได้เปิดเสนอขายครั้งแรก เมื่อวันที่   15-23 มีนาคม 2553 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1,960 ล้านบาท 

             สำหรับกองทุนดังกล่าว ได้ลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารในโครงการเนชั่นทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 9 ไร่ 26 ตารางวา บนถนนบางนา-ตราด ขาเข้า ช่วงกม. 4 ประกอบด้วยกลุ่มอาคารสำนักงาน 3 อาคาร และอาคารจอดรถ 1 อาคาร มีพื้นที่ใช้สอยรวม 110,518 ตารางเมตร  และพื้นที่ให้เช่ารวมสุทธิ 54,750ตารางเมตร   ถือเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตในเขตพื้นที่รอบนอก  อันเนื่องมาจากทำเลที่ตั้งใกล้สนามบินสุวรรณภูมิและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆในเขตภาคตะวันออก ที่สามารถเข้าสู่ใจกลางธุรกิจการค้าของกรุงเทพมหานคร (CBD) ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จุดเด่นของกองนี้ นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ในอนาคต จากการเพิ่มของทั้งอัตราการเช่าและอัตราค่าเช่า ที่ยังถือว่าต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดและศักยภาพของโครงการ หรือมูลค่าของทรัพย์สินที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจากการลงทุนในรูปแบบของ Freehold

              “ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นและทิศทางการลงทุนทั่วโลกมีความผันผวนเช่นนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าที่มีการทำสัญญา 1 – 3 ปี กับผู้เช่า นับเป็นทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจ เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์   ซึ่งเป็นทางเลือกให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้”นายสมชัยกล่าว

          ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ ถือเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองแรกภายใต้การบริหารจัดการ ของ บลจ.กรุงไทย และตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในทุกไตรมาส เริ่มจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในเดือนกันยายนนี้ โดยบลจ.กรุงไทย มีนโยบายที่จะทำให้ กองทุน TCIF เติบโตด้วยการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกันในอนาคต และ มีความคาดหวังว่า กองทุน TCIF จะกระตุ้นนักลงทุนให้สนใจการลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนระยะยาว

28
นึกถึงยาง 0%  นึกถึง...ค็อกพิทและออโต้บอย



สำหรับเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาในช่วงปัจจุบันนี้  การใช้จ่ายที่ไม่คล่องตัวเป็นปัญหาอย่างมากกับผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยกับของที่จำเป็นเท่านั้น  แต่ตอนนี้บริดจสโตนมีทางเลือกให้กับผู้บริโภคอีกทางที่ไม่ต้องการจับจ่ายด้วยเงินสดสำหรับซื้อยางรถที่ต้องการ กับแคมเปญเมื่อซื้อยางเฉพาะรุ่น  TURANZA GR90, TURANZA AR10, POTENZA RE001, POTENZA RE050 , MY01, , DUELER 684, 684II, 689, 840, 683, 694, 470, 687, 680, DHPS และ FIREHAWK WIDE OVAL , FIREHAWK TZ100   ครบ 4 เส้น (รายการเดียว)  สามารถผ่อนชำระ   0%  นานถึง 10 เดือน โดยผ่านบัตรที่ร่วมรายการเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ ค็อกพิท และ ออโต้บอย ทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่วันนี้ -  30  มิถุนายน  2553 นี้

“ค็อกพิท และ ออโต้บอย” เป็นศูนย์บริการยางคุณภาพมาตรฐานของบริดจสโตน  เป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลด้านยางรถยนต์และล้อแม็กทุกประเภท นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์บริการเพื่อขานรับความต้องการของผู้บริโภค และสนองตอบรสนิยมของผู้บริโภคให้ผู้บริโภคได้รับความพึงพอใจในหลายๆ ด้าน โดยนำเสนอสินค้าที่คู่ควรกับรถยนต์และเหมาะสมกับรสนิยมของผู้บริโภค  รวมถึงบริการที่มีมาตรฐานและราคายุติธรรม เพื่อให้ผู้บริโภคทุกท่านพอใจในสินค้าและบริการที่ได้รับจากพนักงานและช่างผู้ชำนาญของค็อกพิท ปัจจุบันมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนองความต้องการให้ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง 
   
สนใจสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์     โทรศัพท์ 0-2636-1555 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) หรือ 1-800-295-537 (ต่างจังหวัดโทรฟรี) หรือ www.cockpit.co.th

29
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รุกตลาดสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ออกแคมเปญ “ย้ายเลย...คุ้มกว่าจริง ประหยัดจริง กับสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์

ดอกเบี้ย 0% นานติดต่อกัน 6 เดือน”



กรุงเทพฯ 14 มิถุนายน 2553 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้ารุกตลาดสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านออกแคมเปญ “ย้ายเลย...คุ้มกว่าจริง ประหยัดจริง กับสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์” อัตราดอกเบี้ย 0% นานติดต่อกัน 6 เดือนแรก    พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมสินเชื่อ  ซึ่งคาดว่าจะมียอดเบิกรับเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท  ภายในเดือนกรกฎาคม ศกนี้

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกแคมเปญ สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์  ซึ่งคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำพิเศษ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ต้องการลดภาระค่าผ่อนในแต่ละเดือน โดยในเดือนที่ 1-6 คิดดอกเบี้ย 0%  เดือนที่ 7-12  คิดดอกเบี้ย MLR – 3.65%  หลังจากนั้นยังคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ MLR -1.00 % ตลอดอายุสัญญา นอกจากนี้ ธนาคารยังมอบสิทธิพิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมสินเชื่อ  ได้แก่  ค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน และค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรมสัญญาและหรือจดทะเบียนสิทธิหลักประกัน 

ผู้สนใจแคมเปญดังกล่าวของ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ “สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ KRUNGSRI Call Center 1572 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.krungsri.com

ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 821,632 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 580 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร  เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร  www.krungsri.com

30
ราคาทองคำยังมีลุ้นไปต่อ GBXแนะเก็งกำไรระยะสั้น

โกลเบล็ก เชื่อบรรยากาศการลงทุนทองคำภายในสัปดาห์นี้ยังไปได้สวย แนะนำ “เก็งกำไรทองคำระยะสั้น” ให้กรอบ18,500 – 19,350 บาทต่อบาททอง   

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ  บริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนทองคำภายในสัปดาห์นี้ว่า   ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยแนะนำ “ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น” คาดกรอบ  1,205-1,260 เหรียญต่อออนซ์ หรือประมาณ 18,500 -19,350 บาท/บาททอง

ทั้งนี้ราคาทองคำได้แรงหนุนจากความกังวลในปัญหาหนี้สินของยุโรปที่ยังไม่จางหายไป และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์ที่ออกมาไม่ดี ประกอบกับการฟื้นตัวของเงินสกุล ยูโรที่เกิดขึ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นเพียงปรากฏการณ์สั้นๆจากการเปิดประมูลพันธบัตรจำนวนมากเท่านั้น

ในขณะเดียวกันภาพทางเทคนิคที่ดูดีขึ้น หลังราคาสามารถยืนเหนือจุดเปลี่ยนแนวโน้มที่ 1,210 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ และดัชนีบ่งชี้ระยะสั้น (Stochastic Oscillators) ของกราฟระดับสัปดาห์ที่กลับมายืนเหนือ Signal Line ตัวเอง พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าสัปดาห์ก่อน

นอกจากนี้ กองทุนทองคำ SPDR Gold Trust ยังเพิ่มสถานะถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาซื้อเพิ่มอีก 19.78 ตัน มาอยู่ที่ 1,306.14 ตัน ซึ่งหากเทียบสถานะถือครองทองคำที่ระดับดังกล่าวด้วยการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ (Correlation Analysis) พบว่า ราคาทองคำควรขึ้นไปซื้อขายในช่วงราคา 1,240-1,270 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จึงจะถือว่าเหมาะสม 

 อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทางสถิติบ่งชี้ว่า ราคาทองคำยังปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน มิ.ย.(สัปดาห์นี้)โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยรอบ 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.27% WoW ด้วยความน่าจะเป็นราว 70%  และ Upside การปรับขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ (ตัวแทนของสินทรัพย์เสี่ยง) เริ่มถูกจำกัด จนกว่าจะปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 10,250 จุด ได้อย่างมั่นคง

Pages: 1 [2] 3 4 ... 230