Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - pooklook

Pages: [1] 2 3 ... 71
1
ตอนวางแผนว่าจะไปเที่ยวราชบุรีกัน นุ้ยและเพื่อนๆ ก็คิดว่าอยากจะไปแบบชิลๆ นั่งรถไฟไปเรื่อยๆ แต่พอวางแผนแล้วก็คิดว่าไปเที่ยวได้ไม่ครบตามที่ตั้งใจแน่ๆ กว่าจะไปแต่ละที่คงหารถสาธารณะลำบาก สุดท้ายก็ต้องขับรถยนต์กันไป ถ้าการเดินทางด้วยรถสาธารณะบ้านเราสะดวกและรวดเร็วก็คงจะดีกว่านี้นะคะ

นุ้ยเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าของวันอาทิตย์ ใช้บริการ Google map นำทางไป จุดหมายแรก คือ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน เสียดายที่ไม่ได้ไปชมการแสดงหนังใหญ่ด้วยซึ่งจะมีทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. สำหรับพิพิธภัณฑ์ จะเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-17.30 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม (แต่จะมีตู้บริจาคสำหรับผู้ที่อยากจะช่วยสนันสนุนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้คงอยู่ต่อไปนะคะ) เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะเจอโรงมหรสพหนังใหญ่อยู่ทางซ้ายมือค่ะ



สร้างเมื่อปี 2461 ใกล้จะครบร้อยปีแล้วนะคะ



พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารเรือนไทยที่ร่มรื่นมากค่ะ









 

2
นุ้ยไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 นะคะ ผีเสื้อเยอะมาก





จุดดูผีเสื้อจะเริ่มตั้งแต่บ้านกร่างแคมป์เป็นต้นไปนะคะ เราจะผ่าน 3 ลำธาร ผีเสื้อเยอะทั้ง 3 ลำธารเลย

และจะพบเห็นผีเสื้อบินตลอดทางด้วย







ผีเสื้อที่นี่ค่อนข้างเชื่องนะคะ เลยทำให้โดนรถเหยียบตายซะเยอะเชียว








3
ทริปนี้เริ่มมาจากโฆษณาตัวนี้เลยค่ะ ดูแล้วก็อยากเห็นด้วยตาตัวเอง ป่าสีทอง ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง

#Invalid YouTube Link#

กว่าเราจะได้เข้าไปที่ทุ่งโปรงทองก็เกือบๆ จะแปดโมงแล้วค่ะ แดดเริ่มมาแล้ว อากาศร้อนจริงจังมาก ใครจะมาเที่ยวพกหมวก ร่ม ครีมกันแดดมาด้วยเลยนะคะ  ทุ่งโปรงทองสามารถเข้าได้ 2 ทาง คือ ทางอนุสรณ์เรือหลวงประแส กับทางวัดตะเคียนงาม ถ้าอยากจะเที่ยวแค่ทุ่งโปรงทองแนะนำเข้าทางวัดตะเคียนงามค่ะ จะเดินใกล้ ถ้าเข้าทางเรือรบเดินเป็นกิโลค่ะ นุ้ยก็เข้าทางวัดตะเคียนงาม



ทางเดินมีชำรุดหลายจุดนะคะ ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เดินนิดเดียวก็ถึงทุ่งโปรงทองแล้วค่ะ



จุดนี้จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเยอะที่สุดค่ะ



เดินต่อค่ะ




4
ลุงสุชาติ ทรัพย์สิน เป็นศิลปินหนังตะลุงและช่างทำรูป หนังตะลุงฝีมือดีเยี่ยมของเมืองนครศรีธรรมราช ที่ริเริ่มและสืบทอดวัฒนธรรมการ ทำตัว หนังตะลุง รวมไปถึงการเชิดหนังตะลุงจนที่เป็น ที่ยอมรับในระดับชาติ และนานาชาติ ทั้งยังทำนุบำรุงความเป็น ไทยคงใช้เครื่องดนตรีไทยที่เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติไทย โดยได้รับคัดเลือกให้เป็นศิลปินท้องถิ่นผู้ซึ่งได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (ไทยแลนด์ทัวริสซึ่มอวอร์ด) ประจำปี 2539 รางวัลดีเด่นประเภท วัฒนธรรมและโบราณสถาน บ้านหนังตะลุงสุชาติเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายตัวหนังตะลุงและหนังใหญ่ อีกทั้งยัง มีการแสดงในลักษณะสาธิตในบริเวณบ้านหนังตะลุง นอกจากนี้ยังได้แบ่งพื้นที่เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงนานาชาติ...ข้อมูลจาก http://www.paiduaykan.com/76_province/south/nakhonsithammarat/nangtalung.html

บ้านคุณลุงสุชาติอยู่บริเวณตัวเมืองนะคะ ไม่ไกลจากวัดพระมหาธาตุเท่าไหร่ ภายในค่อนข้างร่มรื่นนะคะ มีต้นไม้เยอะเชียว




 

อาคารหลังแรกจะเป็นที่ขายของที่ระลึกและสาธิตการทำหนังตะลุงค่ะ

 

 สินค้าราคาไม่แพงค่ะ นุ้ยยังซื้อมาฝากเพื่อนๆ หลายชิ้นเลย





สาธิตการทำหุ่นหนังตะลุง จะมากี่คน พี่เค้าก็ยินดีจะอธิบายและสาธิตให้ชมนะคะ ตอนนุ้ยเข้ามามากันแค่  2 คน ทั้งพี่สาว ซึ่งเป็นลูกของคุณลุงสุชาติและคุณแม่ซึ่งเป็นภรรยาก็เข้ามาอธิบายและตอบคำถามต่างๆ ให้กับพวกเราสองคนฟัง



พี่เค้าบอกว่าคุณพ่อตั้งใจอยู่แล้วว่าจะให้ที่นี่เป็นแหล่งการเรียนรู้เรื่องหนังตะลุง จึงยินดีที่จะให้ความรู้กับทุกคนเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านนี้ไว้ เพราะคุณพ่อได้เข้าเฝ้าในหลวง ท่านบอกให้รักษาและส่งต่อความรู้คุณพ่อจึงทำตามตามพระราชดำรัสเรื่อยมา จนมาถึงรุ่นลูกของคุณลุง



หนังที่ใช้ทำหุ่นหนังตะลุง ทำมาจากหนังวัวค่ะ เมื่อแห้งแล้วจะได้ออกมาเป็นแผ่นแข็งๆ แบบนี้



เครื่องมือที่ใช้ในการฉลุลาย





ลงสีด้วยก้านหวายและสีผสมอาหาร



เมื่อเดินออกมาจากอาคารแรก จะเจออาคารเล็กๆ หลังนี้ค่ะ คุณลุงสุชาติเสียชีวิตไปได้ปีกว่าๆ แล้ว แต่ลูกหลานก็พร้อมที่จะสืนสานศิลปะการทำหนังตะลุงนี้ต่อไป



ถัดมาเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ก็จะมีการจัดแสดงของโบราณต่างๆ และหุ่นหนังตะลุงค่ะ









อีกด้านนึงของอาคารนี้จะเป็นที่สาธิตการแสดงหนังตะลุงให้กับนักเที่ยวที่มาชมเป็นหมู่คณะค่ะ





ใครมาเที่ยวนครศรีธรรมราชอย่าพลาดมาชมที่นี่นะคะ ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม ถ้าอยากสนับสนุนก็บริจาคลงกล่องและช่วยกันอุดหนุนสินค้าที่ระลึกนะคะ....ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านเรานับวันยิ่งที่สูญหายไปเรื่อยๆ น่าชื่นชม ที่ลูกๆ ของคุณลุงยินดีและตั้งใจที่จะสืบสานงานต่อให้หนังตะลุงคงอยู่คู่ภาคใต้ต่อไป

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมค่ะ ชมเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ http://pooklookontour.blogspot.com/

5
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ นุ้ยไปร่วมกิจกรรมส่งมอบหลังคาอาคารเรียนกับพี่ๆ กลุ่มทหารเรืออาสา ต้้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 58 - 2 ม.ค. 59 จริงๆ แล้ว โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนลูกของโรงเรียนวังผาวิทยา เรียกว่าห้องเรียนสาขาอะยิโก๊ะ แต่เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณในการพัฒนาโรงเรียนเรียน พี่ๆ กลุ่มทหารเรืออาสาจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน กิจกรรมนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 3- 4 ปีแล้วค่ะ เรียกได้ว่าสมกับชื่อกลุ่ม "ทหารเรืออาสา ประชาชนร่วมใจ" เพราะมาจากเงินทุนและแรงงานจากพี่ๆ ทหารเรือ ประชาชนทั่วไป คุณครูและนักเรียน ที่มาช่วยกัน นุ้ยเองก็เพิ่งมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมกับพี่ๆ ในปีนี้เป็นปีแรก 

พวกเราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เวลาเที่ยงของวันที่ 29 ธันวาคม กว่าจะถึงเชียงรายก็ประมาณตี 2 ค่ะ พักในเมืองกัน 1 คืน แล้วจึงเดินทางขึ้นดอยในเวลาเช้า ไปถึงโรงเรียนก็ใกล้ๆ เที่ยงแล้ว อาคารหลังนี้ คือ อาคารที่เพิ่งเปลี่ยนหลังคาใหม่ แล้วจะทำพิธีส่งมอบกันในวันที่ 1 มกราคมค่ะ



ทางเข้าโรงเรียน



พวกนุ้ยเดินทางขึ้นมาเป็นคันแรกค่ะ เดี๋ยวก็จะทะยอยตามกันมาเรื่อยๆ ไปถึงนักเรียนก็ช่วยกันจัดที่พักให้



น้องอนุบาลก็ช่วยด้วย เราให้ห้องเรียนเป็นห้องพักเกือบทุกห้องเลยค่ะ



อีกมุมคุณครูใหญ่และเด็กๆ ก็กำลังเตรียมสถานที่กัน



เที่ยงก็ไปแอบดูเด็กๆ กินข้าวกัน





ขอสำรวจห้องเรียนหน่อยนะคะ





สีสันสวยงามเหล่านี้มีผู้บริจาคสีมาให้แล้วคุณครูที่โรงเรียนเป็นผู้สร้างสรรค์ต่อค่ะ



ท่าทางคงต้องเปลี่ยนแปรงได้แล้วนะคะ รอบนี้นุ้ยนำมาแต่ยาสีฟัน รอบหน้าต้องซื้อแปรงสีฟันขึ้นมาด้วยแล้ว



ด้านนอกกำลังตั้งจอเพื่อฉายหนังกลางแปลงค่ะ





ขึงตาข่ายกันลูกฟุตบอล คนที่อยู่ด้านบน ชื่อ ครูรักเกียรติค่ะ เป็นครูที่ทำได้ทุกอย่าง งานเหล็ก งานปูน งานไฟฟ้า ฝืมือคุณครูทั้งนั้น



เสร็จแล้วก็เตรียมตกแต่งสถานที่กันต่อ สาวที่ใส่เสื้อสีฟ้านี่คือคุณครูอ้อมค่ะ เจ้าของผลงานศิลปะทั้งหลายที่โรงเรียนนี้ นุ้ยนับถือผู้หญิงคนนี้จริงๆ ทำได้จริงอย่าง โบกปูน เชื่อมหลังคา ทาสี เป็นคุณครูบนดอยห่างไกลต้องทำได้ทุกอย่างนะคะ



เด็กๆ มายืนมุงดูตอนเป่าลูกโป่ง จนใจอ่อนต้องเป่าแจกค่ะ



กำลังใจล้นหลาม



ได้เวลาเข้าแถวเตรียมกลับบ้าน



สวดมนต์



ที่นี่ในรายชื่อมีนักเรียนทั้งหมด 120 คน แต่มาเรียนจริงๆ ประมาณครึ่งนึงค่ะ อีกครึ่งนึงเป็นพวกมาๆ หายๆ เป็นเพราะผู้ปกครองไม่ค่อยสนับสนุนให้นักเรียนมาเรียน พี่ๆ ทหารเรือจึงพยายามมาสร้างทุกอย่างเพื่อชักจูงให้เด็กๆ มาเรียน สร้างห้องเรียนดีๆ ให้ เอาของมาแจก เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกว่าถ้าให้ลูกมาเรียนก็จะได้อะไรพิเศษกว่าคนอื่น ถึงจะมีปัญหามากมาย แต่เด็กๆ ที่นี่น่ารักมากค่ะ มีมารยาท มีน้ำใจ ช่วยงานทุกอย่างโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ที่ชุดมอมๆ นี่มาจากการช่วยเหลืองานต่างๆ ในโรงเรียนนะคะ





บางคนไม่ได้มีหน้าที่ช่วยงานในวันนี้ กลับไปถึงบ้านยังรีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาที่โรงเรียน เพื่อมาช่วยงานต่ออีก พวกนุ้ยก็จัดรางวัลให้ค่ะ



ตอนกลางคืนทั้งเด็กๆ และชาวบ้านก็มารอชมภาพยนตร์กันค่ะ



ขอจบเรื่องเล่าวันแรกก่อนนะคะ เดี๋ยวนุ้ยมาเล่าต่อค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

สนใจกิจกรรมของกลุ่มทหารเรืออาสาเข้าไปชมได้ที่ https://www.facebook.com/groups/1418804538385583/?fref=ts

6
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางแล้วนะคะ ตื่นมาเลยต้องขอเดินเล่นชมความสวยงามของเกาะทิ้งท้ายก่อนกลับ





น้ำใสจริงๆ



การันตีว่าอาหารทะเลที่นี่สดจริง



มีมังกรมาเกยตื้นด้วย



พอสายๆ พวกนุ้ยก็เก็บสัมภาระ เตรียมเดินทางไปเกาะลังกาวีแล้วค่ะ (ต้องใช้พาสสปอร์ตด้วยนะคะ)

ค่าเรือไปเกาะลังกาวี คนละ 550 บาท ที่หลีเป๊ะะนี่เค้าไม่ให้เรือใหญ่เข้ามานะคะ ตอนขามาก็ต้องลงจากสปีดโบ๊ท นั่งเรือหางยาวต่อ

ขากลับก็ต้องเรือเล็ก ไปต่อเรือใหญ่เหมือนกันค่ะ ถ่ายตอนขึ้นไม่ทันเพราะเร็วมาก ชมบรรยากาศภายในเรือแทนแล้วกันนะคะ



ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. หลับๆ ตื่นๆ แป๊บเดียวก็ถึงท่าเรือที่ลังกาวีค่ะ



เดินเข้ามาจะเจอร้านค้า อารมณ์ประมาณห้างเล็กๆ บ้านเรา ราคาจะแพงกว่าร้านข้างนอกนิดหน่อยค่ะ ลังกาวีเป็นเกาะดิวตี้ฟรีนะคะ

ใครจะเข้าห้องน้ำที่นี่ ต้องมีเงินมาเลนะคะ เค้าไม่รับเงินไทย โชคดีที่พวกนุ้ยแลกเงินมาตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว



แค่มาถึงความสนุกก็เริ่มแล้วค่ะ พวกเรามาถึงก่อนเวลา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าคนขับรถที่จองไว้เค้าจะมารอเราบริเวณไหน

ปกติไปที่อื่นเค้าจะมาถือป้ายรอเราใช่มั้ยคะ แต่ที่นี่พวกเราต้องถือป้ายรอคนขับรถมาทักเอง แล้วภาษาพวกนุ้ยก็ระดับงูๆ ปลาๆ มาก



รออยู่นานก็ไม่มีใครมาทักซะที เลยตัดสินใจออกมาข้างนอก ก็เจอคนที่พูดไทยได้มาเรียกเราแล้วบอกเดี๋ยวช่วยหาคนขับรถของเราให้

แล้วเค้าก็พาพวกนุ้ยไปขึ้นรถของคุณลุงคนนึงที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็คิดว่าคงใช่คนนี้แหล่ะ

แต่ก็ตะหงิดๆ ว่าทำไมเค้าถามว่าเราจะไปไหน เดชะบุญรถที่พวกนุ้ยจองไว้ขับเข้ามาพอดีค่ะ เลยต้องย้ายรถกัน

ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเค้ามาช้ากว่านี้ พวกนุ้ยจะเป็นยังไง นี่คนขับรถของพวกนุ้ยค่ะ ชื่อ บะซู ใจดีมาก (พวกนุ้ยดูตัวเล็กไปเลย)

ค่าเช่ารถตู้ 2 วัน 2,000 บาทค่ะ รวมน้ำมันแล้ว



เวลาไปเที่ยวที่ต้องใช้บริการรถเช่า เค้ามักจะพาเราไปร้านอาหารที่ค่อนข้างแพง เพราะน่าจะได้เปอร์เซ็นต์

แต่ที่ลังกาวีนี่เค้าตามใจเราค่ะ พอบอกหิวข้าวก็พาแวะข้างทางเลย อยากกินร้านไหนก็ตามใจ

อาหารที่นี่ราคาไม่แพงนะคะ พอๆ กับบ้านเรา ยังแอบคิดมาเที่ยวลังกาวียังใช้เงินน้อยกว่าเที่ยวบ้านเราอีก

7

ตื่นเช้ามาหลังจากทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว พวกนุ้ยก็รีบออกไปหาเสบียงสำหรับกลางวันค่ะ

จะที่รีสอร์ทก็ได้ แต่นุ้ยว่าราคาแรงไป เลยเดินไปหาซื้อกันเองค่ะ คิดว่าคงหาได้ง่ายๆ ที่ไหนได้ เดินจนแทบจะถอดใจ

ถามชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา เค้าบอกว่าตลาดอยู่เกือบสุดถนนคนเดินแน่ะค่ะ ก็ได้ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

และข้าวกล่อง ถ้าจำไม่ผิด กล่องละ 80 บาท แต่ไม่ขี้เหร่นะคะ อร่อยด้วย



วันนี้พวกนุ้ยมีกิจกรรมดำน้ำรอบเกาะค่ะ ค่าเช่าเรือหางยาว 2,300 บาท ค่าอุปกรณ์ดำน้ำ คนละ 50 บาท



ถ้าใครมีของส่วนตัวแนะนำให้ใช้ของตัวเองนะคะ หน้ากากที่มีให้ ยางหายเกือบหมด สงสัยจะตื่นเต้นกัดกันซะขาดเชียว

ถ้าจะถามว่าไปเกาะไหน หาดไหนบ้าง นุ้ยจำไม่ได้เลยค่ะ ไปหลายที่มาก

นุ้ยไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลใต้ พอมาเจอน้ำทะใสๆ ถึงกับกรีดร้อง เป็นคนว่ายน้ำไม่เป็น แต่ลืมความกลัวหมด

เรือจอดจุดไหน รีบใส่อุปกรณ์แล้วโดดลงไปเลยค่ะ



แต่ที่จำได้แม่นเลย คือ เกาะรอกลอย น้ำใสมากๆ





กระดี๊กระด๊าสุดๆ



เวลาเที่ยง คนขับเรือจะพามาแวะทานอาหารที่หาดอาดังค่ะ



ที่หาดนี้มีร้านค้าของทาง อช. ส้มตำอร่อยค่ะ พวกนุ้ยสั่งซ้ำมาสองรอบเลย



ที่นี่จะเป็นจุดพักให้นักท่องเที่ยวมาทานข้าวกัน ทำให้ค่อนข้างขยะเยอะ

ไม่เข้าใจเหมือนกัน เค้ามีจุดให้นั่ง ทำไมถึงถือขยะออกมาทิ้งส่งเดช



แถมนักท่องเที่ยวบางกลุ่มสั่งอาหารจากที่ร้านค้า อช. ยังไม่ทันจ่ายเงิน ก็ขึ้นเรือกลับไปแล้ว ตะโกนเรียกก็ไม่ทันค่ะ


8

ทริปนี้นุ้ยไปตั้งแต่เดือนมกราคมปี 58 นะคะ แวะเที่ยวหลีเป๊ะก่อน 2 วันค่ะ แล้วค่อยเดินทางไปลังกาวี ใครจะไปลังกาวีจากเกาะหลีเป๊ะโดยตรง ควรแลกเงินไปจากเมืองไทยเลยนะคะ



วันแรกเวลาหมดกับการเดินทาง เดินทางด้วยเครื่องบินลงที่สนามบินหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถตู้ไปลงที่ท่าเรือปากบารา (ค่าเช่ารถตู้ 9 ที่นั่ง 2,400 บาท) และนั่งเรือสปีดโบ๊ทต่อ (คนละ 550 บาท)



ตอนนี้ยังระรื่นกันอยู่ค่ะ...ยังไม่รู้ชะตากรรม



จริงๆ น่าจะถึงหลีเป๊ะตั้งแต่บ่าย แต่ว่าเรือโดยสารเครื่องเสียไปสองตัว ใช้ได้ตัวเดียว ก็เลยต้องแล่นมาเรื่อยๆ เอื่อยๆ

ถึงหลีเป๊ะตอนพระอาทิตย์ตกพอดีเลย ดีนะพกเสบียงกันมาเยอะ ไม่งั้นได้นั่งหิวกันบนเรือแน่ๆ เลยค่ะ

ก่อนลงจากเรือพี่คนขับพูดว่า ขับมาตั้งนานไม่เคยเสียนะ นี่ได้ทำบุญกันมาบ้างหรือเปล่า...แหม...





จากนั้นก็เข้าที่พักค่ะ นุ้ยพักที่บันดาหยารีสอร์ท เป็นเรือนแถวค่ะ คืนละ 2,200 บาท





ราคานี้รวมอาหารเช้านะคะ เข้าห้องพักล้างเนื้อล้างตัวกันแล้ว ก็ออกไปทานข้าวกันที่ถนนคนเดินค่ะ กลุ่มนุ้ยเลือกร้านรักษ์เลค่ะ





ราคาอาหารค่ะ สำหรับ 6 คน



อิ่มอาหารคาวแล้วก็เดินหาอาหารหวานมาตบท้ายค่ะ



ถ้าถามว่าของแพงมั้ย นุ้ยว่าราคาก็พอๆ กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ของบ้านเรา

ขออภัยที่ไม่ได้เก็บบรรยากาศถนนคนเดินมาฝากนะคะ พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนกันหมดแล้วค่ะ


9

ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปที่วัดนี้หรอกนะคะ นุ้ยเข้าไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนวัดถ้ำ แล้ว ท่าน ผอ. โรงเรียนชวนให้ไปที่วัดด้วย
บอกว่ามีพระพุทธรูปในถ้ำสวยงามมากน่าจะไปชม แต่ก็เกือบจะพลาดแล้วเพราะฝนตก เพื่อนๆ ก็ถอดใจไม่อยากลุยฝน
แต่นุ้ยก็คิดว่า ถ้าไม่ขึ้นไปครั้งนี้ ก็ไม่มีรู้ว่าจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า ยะลาไม่ใช่ว่าจะมาเที่ยวได้ง่ายๆ ยังไงก็ต้องขึ้นไปให้ได้
ว่าแล้วก็ไปขอถุงพลาสติกจากร้านค้าของวัดมาคนละใบคลุมกล้อง แล้วเดินฝ่าสายฝนไปกันค่ะ 


ทางเดินสบายค่ะ ก็ไม่ได้ไกลมากมาย แค่พอหอบ

มีเจ้าถิ่นคุมทางบ้างเล็กน้อย

มียักษ์เฝ้าทางเข้าถ้ำด้วย

เลยยักษ์มานิด ก็ถึงจุดพักให้กราบไหว้พระพุทธรูปกันก่อน

เดินต่อค่ะ มาถึงตรงนี้แว่บแรกแอบผิดหวัง มีพระพุทธรูปแค่นี้เองเหรอ อุตส่าวิ่งฝ่าฝนมา

แต่พอเดินไปอีกนิด ตะลึงค่ะ ภายในถ้ำกว้างมากๆ

มองกลับออกไปข้างนอก อากาศกำลังดีเลยค่ะ ฝนเพิ่งหยุดตก ถ่ายรูปอยู่สักพัก นุ้ยก็เห็นอะไรบางสิ่งคล้ายๆ กิ่งไม้ร่วงมาจากด้านบนปากถ้ำ ตกมาถึงพื้นดังตุ้บ แล้วก็เลื้อยหนีไป ขนลุกเลยค่ะ....จุดนั้นนุ้ยยืนดูวิวอยู่ตั้งนาน บรื๋อออออ

10
ทริปนี้ถือเป็นทริปเที่ยวภาคใต้ครั้งที่ 2 ของนุ้ยเลยค่ะ ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงใต้ซักเท่าไหร่

จุดหมายปลายทางคือ เกาะวัวตาหลับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองค่ะ



เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นปลากระโดด ช่วงที่นั่งสปีดโบ๊ทมาเกาะ ตื่นเต้นมากค่ะ น้ำก็ใส๊ใส





เรือที่นั่งมาค่ะ...ไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม นักท่องเที่ยวไม่เยอะค่ะ สงบเงียบ และสะอาดมาก



ภาพจากจุดชมวิวค่ะ ต้องเดินขึ้นเขาไปนิดนึง


11
เห็นเพื่อนในเฟสบุ๊คไปเที่ยวชมวังปารุสกวัน แล้วชอบมากเลยค่ะ สถาปัตยกรรมสวยงามมาก เลยหาโอกาสไปชมมั่ง

วังปารุสกวัน ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก ประตูที่สามารถเข้าได้ คือ ประตูที่อยู่บนถนนศรีอยุธยานะคะ



นุ้ยไปวันอาทิตย์ค่ะ บรรยากาศถนนแถวนั้นเงียบมากๆ ที่วังยิ่งเงียบค่ะ นุ้ยไปกับเพื่อนสองคน แล้วก็มีผู้เข้าชมอื่นอีกคนเดียว

รวมแล้ว 3 คนถ้วนค่ะ เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก พาเข้าชม อธิบายอย่างละเอียด ไม่มีทีท่าจะเบื่อเลยค่ะ เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายนะคะ

ไปถึงก็เข้าชมวีดีทัศน์ก่อนนะคะ



เจ้าหน้าผู้นำชมค่ะ



ห้องแรกที่เข้าชม ห้องนี้เคยเป็นที่ประชุมของคณะราษฎร์ ในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง



ห้องถัดไปจะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับรัชกาลที่ 6 ค่ะ ส่วนเรื่องราวโดยละเอียดของท่านเจ้าของวังเดิม
เพื่อนๆ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันเองนะคะ ให้นุ้ยเล่าเดี๋ยวจะเพี้ยนค่ะ



ทุกส่วนประกอบของวังนี้บ่งบอกถึงความละเอียดและใส่ใจของผู้สร้างนะคะ สวยงามไปซะทุกอย่าง


12
วัดสังกระต่าย เป็นวัดโบราณที่เพิ่งจะเป็นข่าวในโทรทัศน์เมื่อไม่นานมานี้นะคะ ส่วนการเดินทางค่อนข้างยากนิดนึง

เสิร์ชจากกูเกิ้ลก็ไม่ได้ทิศทางที่แน่นอน รู้แต่ว่าอยู่ติดกับสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดง ก็เลยเข้าตัวเมืองกันก่อน แล้วก็ถามทางชาวบ้านมาเรื่อยๆ ค่ะ





ไปถึงก็จะมีผู้นำชม น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของทางเทศบาล หรือไม่ก็ชาวบ้านแถวนั้นนะคะ

 

เอกลักษณ์ของวัดนี้ คือ ตัวโบสถ์ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ 4 ต้น ยึดตัวโบสถ์ไว้



ได้ข่าวว่ากรมศิลปากรเตรียมขึ้นทะเบียนป็นโบราณสถาน ของจังหวัดอ่างทอง


 
โบสถ์หลังไม่ใหญ่เท่าไหร่นะคะ เดินแป๊บเดียวก็รอบแล้ว แต่เพลินตรงการดูลวดลายของรากต้นโพธิ์นี่ล่ะค่ะ





ธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งสวยงามได้เสมอเลยนะคะ



 

 ตอนที่ไป ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมเรื่อยๆ  ใครไปเที่ยวจังหวัดอ่างทองก็แวะเที่ยวได้นะคะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมค่ะ

13
ที่นี่จะอยู่ใกล้ๆ กับปาลิโอ้ ต้องโทร.ถามเส้นทางหลายครั้งเหมือนกันค่ะ กว่าจะมาถึง เพราะจิ้มกูเกิ้ลแม๊ปแล้วหาไม่เจอ





สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่คือ ร้านอาหารสาระพัดเห็ดค่ะ เมนูมีไม่ค่อยเยอะนัก เป็นเห็ดล้วนๆ เลยเพื่อสุขภาพ





แต่สำหรับนุ้ยคิดว่าราคาอาหารค่อนข้างสูงนะคะ จานละร้อยกว่าๆ -ปลายๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าราคาถูกและหลากหลายกว่านี้ ลูกค้าน่าจะเยอะขึ้นนะคะ



อิ่มจากอาหารแล้ว ก็เดินดูฟาร์มเห็ดกันค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่พาเข้าชมห้องเพาะเห็ดต่างๆ พร้อมทั้งให้ความรู้ในการเพาะเลี้ยง และสรรพคุณของเห็ดแต่ละชนิด







ด้านซ้ายนี่คือเห็ดมาบูชิตาเกะค่ะ ที่แบรนด์เอามาทำเห็ดสกัด ขวาเป็นเห็ดนางนวลค่ะ



ที่เพาะเห็ดหลินจือค่ะ จะเป็นห้องแอร์ ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น




14
สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ
ร่วมกับ "โครงการปันของใช้ให้น้อง" และ "โครงการสานฝันปันน้ำใจพี่ให้น้อง"
จัดโครงการ แบ่งฝันปันสุข ครั้งที่ 4
ณ โรงเรียนบ้านห้วยไผ่ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557

โดยโครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากการที่สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ
ได้เข้าไปซ่อมแซมโรงเรือนเห็ดในชุมชนเมื่อปี 2555 เมื่อผลผลิตเห็ดมีปริมาณมากขึ้น จึงต้องมีการต่อยอดความรู้ในเรื่องการแปรรูปเห็ด
เพื่อนำผลผลิตที่เกินความต้องการมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเป็นการเพิ่มมูลค่า

กิจกรรม
1. สอนการแปรรูปเห็ดนางฟ้าโดย อ. บุญเลิศ ไทยทัตกุล สอนทำน้ำยาเห็ด เห็ดสวรรค์ แหนมเห็ด เข้าอบรมฟรี
2. สอนการเพาะเห็ดฟางด้วยก้อนเชื้อที่ทิ้งแล้ว
3. กิจกรรมสร้างปัญญา และสร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ "เวทีไทยของหนู"
4. สอนหลักสูตรการออมเงิน
5. ทีม "โครงการปันของใช้ให้น้อง" จัดกิจกรรมปันหนมให้น้อง สายไหม ป๊อปคอร์น ชอคโกแลตฟองดูร์ โดนัท น้ำแข็งหิมะ ทาโกะยากิ ฯลฯ
6. เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ผู้ปกครอง และครู 150 คน (ปีกไก่เหล้าแดง ซุปไข่เจียวแฮม ทอดมันปลากราย ขนมจีนน้ำยาเห็ด)
7. บริจาคเครื่องเขียน ของเล่น และเสื้อผ้า

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี โดยเดินทางไปร่วมกิจกรรมเองด้วยรถส่วนตัว
หรือเดินทางด้วยรถตู้ของทางโครงการ (มีค่าใช้จ่าย 500บาท) รถออกจากร้านแม็คโดนัล ข้างบิ๊กซีพระราม 2 เวลา 6 โมงเช้า
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/pankongchai


15
จริงๆ ตั้งใจว่าจะไปพะเนินทุ่งค่ะ ออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณตีสอง ไปถึงใกล้รุ่งเช้า

พอถึงด่านทางขึ้นบ้านกร่าง เจอป้ายประกาศปิดบ้านกร่าง ห้วยแม่สะเรียง เขาพะเนินทุ่ง ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2557

ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ปิดคือปิด ก็ต้องถอยลงมานอนพักบนรถกันที่ทำการ อช.แก่งกระจาน

พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่รู้จะไปไหนกัน เพราะตั้งใจจะมาที่พะเนินทุ่งที่เดียวเลย ระหว่างนั่งจิบกาแฟ

ก็เห็นว่าเค้ามีเรือนำเที่ยว เลยลองใช้บริการดู มาหลายครั้งแล้วไม่เคยใช้บริการสักที



ค่าเรือเจ้านึงบอก 900 อีกเจ้าคิดหนึ่งพัน ก็ต่อรองลงมาเหลือ 800 บาท เพราะไปกันสีคนจะได้หารลงตัวพอดี



ใช้เวลาในการล่องเรือไปกลับประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ ก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ





กิจกรรมที่เห็นส่วนใหญ่น่าจะเป็นการตกปลา


Pages: [1] 2 3 ... 71