Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
สจล. เตรียมเปิดบ้านครั้งยิ่งใหญ่ KMITL Open House 2024 Digital Life & Smart Campus
พบทุกหลักสูตรที่งาน Dek-D’s TCAS Fair, 27 - 28 เมษายน 2567
เวลา 09.00 - 17.00 น.  ณ Hall EH98 ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค


สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  เชิญผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมชมงานเปิดบ้านครั้งยิ่งใหญ่  KMITL Open House 2024 Digital Life & Smart Campus เปิดรายละเอียดทุกหลักสูตรจากคณะ/ วิทยาลัย/ วิทยาเขต ที่งาน Dek-D’s TCAS Fair 27 - 28 เมษายน 2567 เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร วิทยาลัยเทคโนโลยีนวัตกรรมวัสดุ วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ วิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต วิทยาเขตชุมพรเขตอุดุมศักดิ์

น้องๆ มัธยมเตรียมตัวให้พร้อม ใครที่อยากได้ทริคหรือคำปรึกษาดี ๆ จากรุ่นพี่ และอาจารย์  ห้ามพลาดกิจกรรมเด่นๆ ในงาน อาทิ กิจกรรมสะสม e-stamp ลุ้นแลกของที่ระลึก และKMITL Master Class ให้ไปเรียนฟรีอีก 5 วิชา ที่สำคัญมี e-certificate ให้ทุกคนไปใส่ Portfolio ได้อีกด้วย ผู้สนใจไม่ต้องลงทะเบียน สามารถเดินทางเข้าร่วมงานได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายพบกันที่บูธ VIP และบูธ 49-52 ใหญ่ที่สุด ณ Hall EH98 ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค   

ผู้สนใจติดตามข้อมูลหลักสูตรได้ที่ :
https://curriculum.kmitl.ac.th/
2
"JGAB 2024" จัดเต็มครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน
กับกิจกรรมและโซนจัดแสดงเครื่องประดับสุดพิเศษ
พร้อมต้อนรับนักธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก เริ่ม 1 พ.ค. 67 นี้


Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 หรือ JGAB 2024 งานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับระดับนานาชาติ พร้อมแล้วสำหรับการต้อนรับผู้ประกอบไทยและทั่วโลก ในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมยกระดับงานให้ยิ่งใหญ่กว่าเคยด้วยไฮไลท์จัดแสดงอัญมณีและเครื่องประดับสุดพิเศษครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน อาทิ โซนจัดแสดงเครื่องประดับเงิน The Gallery of Thai Silver, ห้องจัดแสดงอัญมณีหายากในรูปแบบ Immersive display 360 องศา Gems Museum Showcase และกิจกรรมประกวด The Next Gem Awards 2024 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 45,000 บาท พร้อม Showcase แสดงผลงานนักออกแบบหน้าใหม่ และเวทีเสวนาหลากหลายไอเดียพร้อมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ตลอด 4 วันเต็ม


- 1 พ.ค. 2567: ประกาศผลผู้ชนะการประกวด The Next Gem Contest 2024 ภายใต้แนวคิด "Jewellery & Gem: The Spirit of Thai Cultural Treasure" เวทีค้นหานักศึกษาและ Young Designer นักออกแบบเครื่องประดับและอัญมณี ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 45,000 บาท โล่ประกาศเกียรติคุณ และ 5 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ร่วมจัดแสดงผลงานในงาน JGAB 2024
- 2 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "โอกาสของธุรกิจเครื่องประดับในตลาดจีนเมืองรอง" โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ นำโดย รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา ประธานหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- 3 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "การใช้ AI สร้างสรรค์ดีไซน์เครื่องประดับให้เป็นจริงได้อย่างไร?" นำเสนอองค์ความรู้ยุคใหม่กับการออกแบบโดยใช้ AI มาประยุกต์สร้างผลงานจริงร่วมกับเทคโนโลยี 3D PRINT และ CNC Model Wax
- 4 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "Understanding Lab-grown gemstone in the market: an update" พัฒนาการของเทรนด์อัญมณีห้องแล็บที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมการนำมาสร้างสรรค์ผลงานตามความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด
- 1, 3 และ 4 พ.ค. 2567: กิจกรรมเวิร์คช็อป "การลงยาสีเย็นเครื่องประดับ" และ "การชุบ ล้าง เครื่องประดับ / ชุบทอง ชุบโรเดียม"



เตรียมความพร้อมเพื่อโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการไทยด้านอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่ต้องการเติบโตและขยายธุรกิจไปสู่ตลาดสากล ในงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน JGAB 2024 พร้อมลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วที่ https://bit.ly/3wbBlRR พบกัน 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์










หรือดูรายละเอียดและติดข่าวสารเพิ่มเติม ได้ทาง
Website: https://jewellerygemaseanbkk.com
Facebook: https://www.facebook.com/JGABThailand
IG: https://www.instagram.com/jewelleryandgemaseanbangkok/
LinkedIn: https://www.linkedin.com/in/jewellery-and-gem-asean-bkk/
Line: https://lin.ee/cp9sd85
3
หน้าร้อนประเทศไทย แตะ 45 องศา
เปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ อาจเป็นวิธีดับร้อนดีกว่าที่คิด


ที่มักปรากฏตามหน้าสื่อพร้อมสร้าง New High อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองร้อนแบบไทยๆ คงได้แต่ต้องนั่งทำใจ และหาหลากหลายวิธีการมาดับร้อนให้ตัวเอง มีตั้งแต่เปิดพัดลม อาบน้ำ ทานของเย็นๆ จนถึงใช้วิธีที่ได้ผลชะงักที่สุดอย่างการหยิบรีโมตมากดเปิดแอร์เสียให้จบไป

ซึ่งแม้ต้องแลกมากับบิลค่าไฟที่ชวนเหงื่อตกเสียหน่อย แต่ตัวเลขในตลาดเครื่องปรับอากาศ ที่มีแนวโน้มโตทะลุเพดาน (คาดการเติบโต 20% ในปีนี้) ก็ชี้ให้เห็นว่าคนไทยในปี 2024 พร้อมจะควักกระเป๋าเพื่อซื้อแอร์รวมถึงเปลี่ยนแอร์เก่าเป็นเครื่องใหม่อยู่แล้ว โดยข้อดีหลักๆ ที่ชวนให้พวกเราตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น ส่วนใหญ่มาจาก 1. ปัจจัยเรื่องราคาแอร์ถูกลง เมื่อเฉลี่ยกับค่าไฟแล้วคุ้มค่า 2. แอร์ยุคใหม่ มีเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์และติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยลดค่าไฟ 3. แคมเปญลดราคา ผ่อนชำระ ที่มีทางเลือกมาให้ช้อปสบายตลอดหน้าร้อน

และยังมีปัจจัยเรื่องอื่นๆ แล้วแต่ว่าใครจะถูกใจ ซึ่งเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ก็เกี่ยวพันกับเรื่องที่แอร์เก่าๆ ในบ้านเรา สามารถช่วยลดโลกร้อน หรือ Climate Change ได้ (ถ้าได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี) ตัวอย่างที่มีให้เห็นเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เช่น โฆษณาชุด #ดับร้อนไวไปโฮมโปร ที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาความร้อนสุดจะทนไหว วิธีดับร้อนที่ควรจะได้ผลก็ไม่ช่วย เพราะแอร์ตัวเก่าไม่เย็นฉ่ำ โฮมโปรจึงได้นำเสนอแคมเปญดับร้อนไว โดยทำหน้าที่ให้บริการแบบครบจบ และอย่างที่บอกไปคือ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมรักษ์โลกไปพร้อมกันด้วย



จุดเด่นของแคมเปญนี้ คือ ชวนให้ทุกคนนำแอร์เก่า หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า มาเข้าร่วมกับโครงการ #แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ (Trade-In) ที่สามารถแลกข้ามได้ภายในหมวดสินค้าเดียวกัน โดยที่โฮมโปรจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านลูกค้า ไปจัดการ

ด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยไม่ให้อากาศเมืองไทยร้อนไปกว่านี้ อีกเหตุผลคือ เจ้าของแอร์เก่าจะได้ส่วนลดและเงินคืน รวมแล้วกว่า 14,000 บาท สำหรับการซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ หรือรวมไปถึงสิทธิข้ออื่นๆ เช่น ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน (ร่วมกับบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อที่ร่วมรายการ)

นอกจากนี้ โฮมโปรยังไม่อยากให้คนไทยต้องฝ่าอุณหภูมิทะลุ 45 องศาเซลเซียส เพื่อเดินทางมาที่สาขา จึงได้ยกแคมเปญไปไว้บนช่องทางออนไลน์ พร้อมๆ กับเตรียมทีมช่าง Home Service ไว้คอยบริการในรูปแบบของ #SameDay เรียกง่ายๆ ว่าสามารถเปลี่ยนแอร์เก่า ซื้อแอร์เครื่องใหม่+ส่วนลด พร้อมส่งถึงบ้าน ติดตั้ง รื้อถอน

แบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และเกิดเป็นบริการที่สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น ทุกอย่างเสร็จ เย็นฉ่ำภายในวันเดียว ตามชื่อแคมเปญ #ดับร้อนไวไปโฮมโปร นั่นเอง

สุดท้ายนี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ว่า ฤดูร้อนเมืองไทยจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม แต่แบบที่เรารู้กันดีว่าแสงแดดเมืองไทยมักอยู่นอกเหนือการคำนวณ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแอร์เครื่องใหม่จะเป็นวิธีการดับร้อนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจข้อเสนอ #ดับร้อนไวไปโฮมโปร สามารถเลือกใช้บริการได้ที่โฮมโปรและเมกาโฮมทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.homepro.co.th หรือ Call Center 1284
4
HOYO SOFT AND SAFE ผู้ผลิตคอกกั้นเด็กคุณภาพสูง มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย
ได้รับการไว้วางใจจากประสบการณ์ลูกค้าโดยการบอกปากต่อปาก
หรือ การตลาด Word-of-Mouth
จับกลุ่ม Premium เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ยั่งยืน


HOYO หรือ โฮโย ผู้ผลิตคอกกั้นเด็กคุณภาพสูง มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย ได้รับการรับรองโดยมาตรฐานระดับโลก ได้รับการไว้วางใจจากประสบการณ์ลูกค้าโดยการบอกปากต่อปาก หรือ การตลาด Word-of-Mouth ในกลุ่มแม่และเด็ก จับกลุ่ม Premium พร้อมพัฒนาสินค้าให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแต่ยั่งยืน

คุณก้อย ญาภัทร สรรพวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮโยยูไนท์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "ก่อนที่จะเกิดผลิตภัณฑ์คอกกั้นเด็ก HOYO ที่ได้คุณภาพและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคนั้น เกิดจากเราเห็น Pain Point ในตลาดของใช้สำหรับเด็ก ที่ยังไม่ค่อยได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยเฉพาะสินค้าคอกกั้นเด็กที่ยังใช้เพียงแค่หนัง PVC และโฟมกันกระแทกหรือฟองน้ำอัด ไม่มีแม้แต่ มอก.หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควบคุม ซึ่งต่างจากมาตรฐานในต่างประเทศ ซึ่งตอนเราเรียนปริญญาโทอยู่ที่อังกฤษ โปรเจ็กต์ที่เราทำก่อนจบ คือ การพัฒนาบริษัทขายของเด็ก จึงทำให้มีความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานสากลของสินค้าเด็ก และรู้สึกว่าอยากทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ขณะเดียวกันธุรกิจของที่บ้านคือโรงงานผลิตเบาะรถมอเตอร์ไซค์ที่ได้มาตรฐานสากล โดยเราทำ OEM ให้กับค่ายรถระดับโลกอย่างฮอนด้า และคาวาซากิมากว่า 30 ปีแล้ว ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตที่มีคุณภาพสากลและมีความประณีตเป็นอย่างสูง

สำหรับจุดเด่นสำคัญของคอกกั้นเด็ก HOYO คือการใช้ผ้าหนัง PU ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีพิเศษจากประเทศเกาหลีซึ่งมีสัมผัสเนียนนุ่ม เย็นสบาย กันน้ำ และไร้กลิ่น ปลอดภัยจากสารอันตรายกว่า 30 ชนิด ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งยุโรปและอเมริกา รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผ้าหนังเกรดพรีเมียม ด้วยการนำเส้นใยไปผ่านการชุบสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็น 2 สาเหตุหลักของโรคอาหารเป็นพิษและโรคท้องเสีย โดยสามารถรักษาประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อได้ 99.9%

ส่วนวัสดุภายในของคอกกั้นเด็ก HOYO เป็นโฟมที่พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ผสมผสานกับความรู้ (Know-How) ที่ได้จากธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว ทำให้ได้เนื้อโฟมที่นุ่ม เนื้อแน่น และไม่ยวบ ซึ่งสามารถช่วยรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี มีการทดสอบปล่อยไข่ไก่สดที่ความสูง 1.5 เมตร โดยที่ไข่ไก่สดตกแล้วไม่แตก

ทั้งนี้ ทำให้เห็นว่าเนื้อโฟมสามารถรองรับศีรษะเด็กไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนได้อย่างดี อีกทั้งยังมีการทดสอบการกดทับด้วยน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ที่ตำแหน่งเดิม 20 รอบต่อวันต่อเนื่องเทียบเวลา 10 ปี พิสูจน์ว่ามีการยุบเพียง 1% หรือ 0.29 มิลลิเมตร ทำให้มั่นใจได้ถึงความมีประสิทธิภาพใช้งานอย่างสูงสุดไม่ต่างจากวันแรก "เรามักจะบอกคุณพ่อคุณแม่เสมอว่า เราตั้งใจให้คอกกั้นเด็ก HOYO เป็นบ้านแห่งการเรียนรู้เติบโตไปพร้อมกับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการนอน นั่ง ยืน และการหัดเดิน เป็น Safe Zone ในการฝึกพัฒนาการได้ตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อลูกพร้อมจะออกจากบ้านหลังแรก คอกกั้นเด็กนี้ยังสามารถปรับเป็นอย่างอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเบาะนอน หรือโซฟา และสามารถโยกย้ายไปในที่ต่างๆ ได้ง่าย รวมถึงพับเก็บได้โดยไม่กลายเป็นขยะในอนาคต"

อย่างไรก็ตามหากมองในตลาดจะเห็นได้ว่าคอกกั้นเด็ก HOYO นั้นราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่สิ่งที่ทำให้เราเติบโตมาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากสินค้าเราได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกแล้ว สิ่งที่สำคัญ คือ การบอกเล่าประสบการณ์ของลูกค้าที่นำไปบอกต่อกันๆ หรือ การตลาดแบบ Word-of-Mouth ทำให้คอกกั้นเด็ก HOYO ได้รับความนิยมในกลุ่ม Premium มาตลอด



คุณก้อย ญาภัทร ทิ้งท้ายว่า "เรามองว่าการออกงานแฟร์ต่างๆ โดยเฉพาะงาน Kind + Jugend ASEAN 2024 หรือ คินอันยูเก้น อาเซียน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และลูกค้ากลุ่ม B2B เช่น โรงแรม หรือ โรงพยาบาล ได้รู้จักเรามากขึ้นกว่าเดิม เพราะพวกเขาจะได้มีโอกาสสัมผัสคอกกั้นเด็กคุณภาพสูงและมีมาตรฐานในระดับสากลอย่างคอกกั้นเด็ก HOYO และเชื่อมั่นว่าจะได้รับโอกาสที่ดีในการต่อยอดทางธุรกิจต่อไป เพราะนอกจากเราจะได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าแล้ว คอกกั้นเด็ก HOYO ยังได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัลจากสถาบันต่างๆ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปัจจุบันมากกว่า 10 รางวัล และหนึ่งในนั้นก็คือเป็นผู้ชนะเลิศในรางวัล Winner World of Kids Furniture Innovation Award 2023 From KIND + JUGEND ซึ่งแข่งขันกันในระดับสากล"
5
เปิดเวทีคอนเสิร์ต “Movie On The Beach ครั้งที่ 9” ตอน...ยกเพื่อนขึ้นบก


          นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ ทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุด ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง พร้อมด้วยเหล่าพันธมิตร เปิดเวที “Movie On The Beach ครั้งที่ 9” ตอน...ยกเพื่อนขึ้นบก ชมภาพยนตร์ พร้อมฟินไปกับศิลปิน 6 วง ร่วมกันส่งความสนุก บนเวทีที่ใหญ่ที่สุดริมชายหาด Triple Tree Beach Resort ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ติดตามความสนุกแซ่บเพิ่มเติมได้ที่ ผ่านช่องทาง www.facebook.com/MEbyMajorCineAd และ www.facebook.com/changworld

จากซ้ายไปขวา

1.นายศิวกร พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด
2.นายวิรัช สิทธิวราภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
3.นายคุณกวิน จึงจตุรพิธ หัวหน้าแผนกอาวุโส ฝ่ายการตลาดบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) : ฟาร์มเฮ้าส์
4. นางสาวพรทิวา พฤกสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
5.นายชญานิน เจียรพัฒนาคม ผู้จัดการอาวุโสในฝ่ายสื่อสารการตลาดรถเล็ก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
6.นางสาวภาสินี จารุภูมิ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
7.นายทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุด ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง
8.นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด
9.นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
10.นางสาวสิริรัตน์ ชยาวิวัฒนาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Marketing-Professional  บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
11.มิสเตอร์โยชิฮาระ เคซุเกะ ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส บริษัท เอิร์ธ (ประเทศไทย) จำกัด
12.นายณัฐพงศ์ ชาญอภิชัยกิจ ผู้จัดการ การตลาด บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
13.นางสาวอาภา อนุกฤตยาวรรณ  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เอ.เอ็น.บี. ลาบอราตอรี่ จำกัด
14.นายสุวัฒน์ชัย ปัญญาจิรวุฒิ Director of Business Development บริษัท ไมด้า ฮอสพิทอลลิตี้ กรุ๊ป จำกัด
6
ปล่อยใจจอยไปกับ “ปราณี” ผลงานสุดปัง “นุ๊ก ธนดล”ฉายครั้งแรกที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             ทรูโฟร์ยูชวนดูหนังรักย้อนวัยฉบับไทบ้านยุค90s กับภาพยนตร์ "ปราณี" ผลงานหนังลำดับที่ 3 ของ “นุ๊ก ธนดล ศิริแวว” ด้วยฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดา ทำให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงภาพยนตร์ยอดนิยมแห่งปี กินรีทอง มหาชน ครั้งที่ 9 ไปครอง อีกทั้งตัวหนังยังได้ทีมพากษ์เสียงพันธมิตรมาเสริมความสนุกสุดฮาอีกด้วย






             โดยหนังจะพาผู้ชมย้อนยุคไปในปี 2533 มาสัมผัสความรักต่างชนชั้นของหนุ่มสาวไทยบ้านระหว่าง “จะเด็ด” (นุ๊ก ธนดล) กับ “ปราณี” (นัท ธัญญรัตน์) ความรักของเขาทั้งสองกำลังผลิบานท่ามกลางความขัดแย้งของพ่อแม่ เพียงเพราะจะเด็ดเป็นหนุ่มขับรถดั้มพ์คนจน ส่วนปราณีสาวนักเรียนมัธยมปลายที่มีอนาคตสดใสรออยู่ จนมีนายตำรวจ "สัว" เข้ามาจีบปราณี ทั้งครอบครัวและสังคมรอบข้างก็เชียร์สนับสนุนให้พวกเขาคบกัน จะเด็ดผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ติดตามชมภาพยนตร์ “ปราณี” วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เวลา 18.40 น.ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live
7
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ประกาศปรับผังองค์กรครั้งใหญ่
มุ่งสู่กลุ่มธุรกิจประกันภัยและบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร


เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ปรับโครงสร้างสายงานธุรกิจประกันภัยตามภูมิภาคเพื่อความคล่องตัวในด้านการบริหาร พร้อมแต่งตั้ง มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง (Generali Investments Holding หรือ GIH) โดยมี มร.ฟิลลิป ดอนเนท (Mr. Philippe Donnet) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ รับตำแหน่งประธานกรรมการของ เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง

มร.อันเดรีย ซิโรนี ประธาน คณะกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ อนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่ที่สะท้อนถึงธุรกิจหลักของกลุ่มฯ ตามที่ มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ เสนอต่อที่ประชุม โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป กลุ่มเจนเนอราลี่จะดำเนินงานในฐานะกลุ่มบริษัททางการเงินที่ให้บริการครบวงจร โดยมุ่งเน้น 2 ธุรกิจหลัก อันได้แก่ ภาคธุรกิจประกันภัย และการบริหารจัดการสินทรัพย์

การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญนี้ มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตและตอบสนองต่อเป้าหมายทางธุรกิจหลักทั้งธุรกิจประกันภัยและธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth ในการเป็นเพื่อนผู้เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เจนเนอราลี่สามารถคว้าโอกาสในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะต่อไป

โดยแต่งตั้งให้ มร. จูลิโอ แตร์ซาริโอล (Mr. Giulio Terzariol) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย บริหารงานในส่วนของ “ธุรกิจประกันภัย” อันมีเป้าหมายในการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจประกันภัยทั่วโลก มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างความสอดคล้องของกลยุทธ์ และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตลาดมากขึ้น เพื่อให้โครงสร้างองค์กรมีความกระชับและคล่องตัว โดยได้บูรณาการหน่วยธุรกิจ DACH (เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์) และหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จัดโครงสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของสายงานใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 5 หน่วยธุรกิจระดับประเทศ ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ และ 3 ภูมิภาค ได้แก่ เมดิเตอร์เรเนียนและละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออกตอนกลาง และเอเชีย โดยมี มร.ไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ (Mr. Jaime Anchústegui) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย และเป็นตัวแทนในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่น บริหารความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการร่วมทุน ตลอดจนขับเคลื่อนโครงการประกันภัยระดับโลก และ มร. จิโอวานนี่ ลิเวรานี่ (Mr. Giovanni Liverani) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจ DACH จะเข้ามารับบทบาทใหม่

ด้านธุรกิจ “เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง” (Generali Investments Holding หรือ GIH) จะเข้ามาแทนที่หน่วยธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งเดิม โดยจะดูแลกิจกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดทั่วโลกภายในกลุ่มบริษัท ยกเว้นบางส่วนที่ดำเนินการในประเทศจีน GIH มุ่งเน้นการมอบประสิทธิภาพและบริการระดับโลกให้แก่ลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจไปยังลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัททั่วโลก และเพื่อให้เป้าหมายนี้บรรลุผล GIH จะอาศัยทั้งศักยภาพการลงทุนที่มีอยู่เดิม เสริมด้วยศักยภาพใหม่ ๆ ที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด (Conning Holdings Limited) และบริษัทในเครือ รวมถึงความแข็งแกร่งจากความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ (Cathay Life) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 โดยมี มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง และจะยังคงบทบาทปัจจุบันในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด ทางด้าน มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ จะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง ขณะที่ มร. คาร์โล ตราบัตโตนี่ (Mr. Carlo Trabattoni) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง จะเข้ารับหน้าที่ใหม่ภายใต้สายงานบริหารสินทรัพย์

นอกเหนือจากนี้ ธนาคารเจนเนอราลี่ (Banca Generali) ภายใต้การบริหารของ มร.เจียน มาเรีย มอสซา (Mr. Gian Maria Mossa) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะยังคงมุ่งเน้นการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและโซลูชั่นการบริหารความมั่งคั่งอย่างคลอบคลุมต่อไป

มร .เดวิด ซิส (Mr. David Cis) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มเจนเนอราลี่ ซึ่งรายงานตรงต่อ มร.มาร์โก เซซานา (Mr. Marco Sesana) ผู้จัดการทั่วไป โดยจะเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหารของกลุ่มฯ มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพการบริการให้เป็นเลิศ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ และการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วม มาประยุกต์ใช้

ภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่นี้ สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท (Group Head Office) ยังคงรับผิดชอบกำหนดยุทธศาสตร์หลักและเป้าหมายองค์กร ควบคู่ไปกับการบริหาร จัดการ และสนับสนุนหน่วยธุรกิจทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับแผนให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ

มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “กลุ่มเจนเนอราลี่ ประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ระดับโลกด้านธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงิน ความมุ่งมั่นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการคำนึงถึงความยั่งยืน ในส่วนของสายงานบริหารสินทรัพย์นั้น การเข้าซื้อกิจการของบริษัทคอนนิ่งตลอดจนถึงความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ ช่วยให้เราสามารถขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน เสริมฐานลูกค้าต่างชาติ มุ่งขยายธุรกิจกับลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัท และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดสำคัญต่างๆ  เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มเจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งใน 10 ผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของยุโรป สำหรับสายงานประกันภัย มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในตลาดหลัก ผ่านความเป็นเลิศด้านเทคนิค การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และการปรับบริการให้ตรงกับความต้องการลูกค้าแม้ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ ด้วยโครงสร้างองค์กรใหม่ที่เน้นธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์ และความคล่องตัวในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทฯ จะสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจในอนาคต สนับสนุนการกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะยาว”

###

กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่

เจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1831 เจนเนอราลี่มีสำนักงานอยู่ในกว่า 50 ประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 82.5 พันล้านยูโรในปี ค.ศ. 2023 และด้วยพนักงานกว่า 82,000 คนที่ให้บริการลูกค้า 70 ล้านราย กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ถือเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคยุโรป และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียและลาตินอเมริกา หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของเจนเนอราลี่คือ ความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต (Lifetime Partner) ด้วยนวัตกรรมและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตลอดจนความสามารถในการจัดจำหน่ายทั่วโลกในรูปแบบดิจิทัล กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็มุ่งสร้างสังคมที่ดีกว่าและสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
8
อว. นำคณะนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยคว้ารางวัลระดับนานาชาติ จากงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส


นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์นักวิจัยไทย ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ในงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 – 21 เมษายน 2567 พร้อมกล่าวแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และมอบรางวัล NRCT Special Award 2024 แก่ผลงานี่มีความโดดเด่น โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ  พร้อมด้วย ผู้บริหารของกระทรวง อว. ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ นักประดิษฐ์ และนักวิจัยจาก 37 หน่วยงาน เข้าร่วมในพิธี ณ Palexpo นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส


นางสาวศุภมาส กล่าวว่า อว.ขอแสดงความยินดีกับนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับรางวัลต่างๆจากเวทีการประกวดระดับนานาชาติในงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ครั้งนี้  และยังเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เห็นความสำเร็จของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ที่ได้แสดงศักยภาพและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีระดับโลก กระทรวง อว. มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและพัฒนานักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย รวมถึงหน่วยงานที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมคุณภาพสูง ได้แสดงศักยภาพพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สู่เวทีระดับโลก พร้อมนี้ การผนึกกำลังอย่างแข็งแกร่งของคนไทยที่มีความสามารถสูง จะทำให้ขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทยเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมนี้ ขอชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของทุกท่านที่ได้รับมาในงานครั้งนี้ ทุกท่านจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป  และที่สำคัญ ขอขอบคุณสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ที่นำกลไกการส่งเสริมและสนับสนุนการนำผลงานเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงในเวทีระดับนานาชาติ มาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในบทบาทของ อว. ในเวทีระดับโลก ขอฝากให้ช่วยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและร่วมกันพัฒนาประเทศของเราให้ยั่งยืนต่อไป


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวง อว. วช.มีเป้าหมายที่จะนำกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรด้านนวัตกรรมและการวิจัยของนานาประเทศ มาสนับสนุนให้งานวิจัยที่มีศักยภาพของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทย ได้รับการเผยแพร่ในเวทีระดับสากลและได้รับการยอมรับในมาตรฐานของงาน ในโอกาสนี้ นักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยได้เข้าร่วมการประกวดและจัดแสดงผลงานในเวทีนานาชาติอันทรงเกียรติอย่าง “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva”  ซึ่งผลงานของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยได้สร้างความประทับใจและคว้ารางวัลเหรียญทอง รวมถึงรางวัลพิเศษอันทรงเกียรติมาครองได้สำเร็จ ดังนี้


- รางวัลเหรียญทองเกียรติยศ (Gold Medal with the Congratulations) จำนวน 4 รางวัล
พร้อมด้วย รางวัลเหรียญทอง (Gold Medal), รางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) และรางวัลเหรียญทองแดง (Bronze Medal) อีกจำนวน 89 รางวัล



นอกจากนี้ นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ยังได้รับรางวัล Special Prizes on stage จากองค์กรนานาชาติ on stage ดังนี้

1)ผลงานเรื่อง "เทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการขยะชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน"
โดย ดร.เรวดี อนุวัฒนา และคณะ แห่ง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
จาก Hong Kong Delegation เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

2) ผลงานเรื่อง "อุปกรณ์ปรับองศาข้อมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษากระดูกข้อมือหลังการผ่าตัด"
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อนรรฆ ขันธะชวนะ และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
จาก The Energy Educational Institute (N.I.E.C.I)  สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน

3) ผลงานเรื่อง "CRA Ambulance Boat : เรือฉุกเฉินต้นแบบเพื่อนำส่งผู้ป่วยในพื้นที่ทุรกันดารที่มีการประสานผ่านระบบ Telemedicine"
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล และคณะ แห่ง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
จาก The Polish Inventors and Rationalizers Association สาธารณรัฐโปแลนด์

4) ผลงานเรื่อง "โดรนอัจฉริยะ "
โดย นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล และคณะ แห่ง สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ
จาก The Saudi Arabian Delegation ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย



โดยผลงานของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลเหรียญทองเกียรติยศ ได้แก่

1. ผลงานเรื่อง "PlasOne เทคโนโลยีพลาสมาเย็นจากอากาศเพื่อการฟื้นฟูเส้นผม" โดย ดร.พิพัฒน์ ปรมาพิจิตรวัฒน์  และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

2. ผลงานเรื่อง "กาแฟอะราบิกาจากกระบวนการผลิตใหม่ Facultative Anaerobic Yeasts (FAY) process"
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขุมาภรณ์ กระจ่างสังข์ และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

3. ผลงานเรื่อง "ความยั่งยืนในการเก็บเกี่ยว: แนวทางที่เป็นนวัตกรรมสำหรับผลพลอยได้จากถั่วแมคคาเดเมียและโซลูชั่นด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์สะอาด" โดย รองศาสตารจารย์ ดร.สุภกร บุญยืน  และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

4. ผลงานเรื่อง ""วายู เบรทโทโลจี" นวัตกรรมเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจากลมหายใจ" โดย ดร.เธียร์สิทธิ์ นาสัมพันธ์ แห่ง บริษัท เฮลท์ อินโนวิชั่น จำกัด



พร้อมรางวัล Special Prizes จากนานาประเทศ อาทิ โปแลนด์ สเปน โปรตุเกส สมาพันธรัฐสวิส เกาหลีใต้ มาเลเซีย โรมาเนีย ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน อิหร่านและอื่นๆ  อีกร่วมกว่า 30 ผลงาน


ความสำเร็จของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทย ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัล ล้วนเป็นผลงานที่มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง วช. จะส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยต่อไป











9
“แคทลิน” นำรวดคว้าแชมป์ ซาอุดิ โอเพ่นฯ แบบไม่พลิกโผ “กิรเดช” ดีสุดที่ 3 ร่วม


จอห์น แคทลิน

20 เมษายน 2567 – จอห์น แคทลิน โปรจอมแกร่งจากสหรัฐฯ รักษาฟอร์มแรงต่อเนื่องหวดรอบสุดท้ายได้อีก 5 อันเดอร์พาร์ 66 จบด้วยสกอร์รวม 24 อันเดอร์พาร์ 260 คว้าแชมป์ “ซาอุดิ โอเพ่น พรีเซนเต็ด บาย พับลิค อินเวสต์เมนท์ ฟันด์” ไปครองแบบนำรวดตั้งแต่รอบแรก ที่สนามริยาดห์ กอล์ฟ คลับ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยทำสกอร์ทิ้งห่าง เวด ออมส์บี โปรออสซี่ ถึง  7 สโตรค ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ คืนฟอร์มจบด้วยสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 269 รั้งอันดับ 3 ร่วม ดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย ทั้งนี้เวลาท้องถิ่นประเทศซาอุดิอาระเบียช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง


จอห์น แคทลิน

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ ซาอุดิ โอเพ่น พรีเซนเต็ด บาย พับลิค อินเวสต์เมนท์ ฟันด์ ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 36 ล้านบาท ณ สนามริยาดห์ กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,246 หลา พาร์ 71 ประเทศซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 17-20 เมษายนที่ผ่านมา ปรากฎว่า จอห์น แคทลิน โปรชาวอเมริกัน ซึ่งเพิ่งคว้าแชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า เมื่อเดือนที่แล้ว รักษาฟอร์มแกร่งเมื่อทำสกอร์ขึ้นนำตั้งแต่รอบแรก ก่อนปิดฉากรอบสุดท้ายเข้ามา 6 เบอร์ดี้ เสียเพียงโบกี้เดียว จบ 18 หลุมเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 66 สกอร์รวมสี่วัน 24 อันเดอร์พาร์ 260 คว้าแชมป์ไปครองตามคาด พร้อมรับเงินรางวัล 180,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.5 ล้านบาท โดยมี เวด ออมส์บี ที่เร่งเครื่องหวดวันเดียว 7 อันเดอร์พาร์ 64 ขึ้นมารั้งรองแชมป์ที่สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 267 รับเงินรางวัล 110,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 4 ล้านบาท


กิรเดช อภิบาลรัตน์

ทางด้าน โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ คืนฟอร์มเก่งหวดรอบสุดท้ายเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วันมี 15 อันเดอร์พาร์ 269 จบอันดับ 3 ร่วม ดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย รับเงินรางวัลไป 56,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านบาท ขณะที่ เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์ แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว เครื่องร้อนวันสุดท้ายหวด 8 อันเดอร์พาร์ 63 จบที่อันดับ 17 ร่วมกับ สดมภ์ แก้วกาญจนา, กัญจน์ เจริญกุล, สาริศ สุวรรณรัตน์ และผู้เล่นอีก 7 คน ที่สกอร์รวมคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 277


เวด ออมส์บี

จอห์น แคทลิน นักกอล์ฟวัย 32 ปี จากแคลิฟอร์เนีย เผยหลังคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ รายการที่ 6 ให้กับตัวเองว่า “ผมรู้สึกเหนื่อย แต่มีความสุขมาก แม้วันนี้ผมจะออกสตาร์ทด้วยสกอร์ทิ้งห่างแต่ผมก็บอกกับตัวเองว่าให้อยู่กับปัจจุบัน เพราะสมองคนเรามักจะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมจึงต้องบอกกับตัวเองบ่อยๆ ว่าให้อยู่กับปัจจุบัน และรักษาเกมการเล่นของตัวเอง ผมไม่เคยชนะสองรายการติดต่อกันมาก่อน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พิเศษสุดๆ และรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นแชมป์”


เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์

ส่วนผลงานของนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจรายอื่น ภาณุพล พิทยารัฐ สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 272 อันดับ 6 ร่วม, ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย และอติรุจ วินัยเจริญชัย สกอร์รวมคนละ 9 อันเดอร์พาร์ 275 อยู่อันดับ 10 ร่วม, รฐนน วรรณศรีจันทร์ สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 278 อันดับ 28 ร่วม ส่วนพรหม มีสวัสดิ์, เศรษฐี ประคองเวช และ ทีเค-รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นชื่อดังของไทย รั้งอันดับ 33 ร่วม ที่สกอร์รวมคนละ 5 อันเดอร์พาร์ 279

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
10
"เป็ก ปตท.ทองทวี" ชนะแต้ม ผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย ศึกมวยรอบปูนเสือ ครั้งที่ 23




             วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 "ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้" ครั้งที่ 23 สาย A รอบ 8 คนสุดท้าย ที่เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายทรงเดช ศรีจันอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส คอนกรีต จำกัด และ นายพีระพล มากทอง ผู้จัดการขายปูนผงภาคเหนือ ตัวแทนปูนตราเสือ ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที ระหว่าง ฉลามเงิน สิงห์มาวิน (แดง) พบกับ โชคพิชิต โชติบางแสน (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ คู่นี้ใครแพ้ตกรอบทันที และ เป็ก ปตท.ทองทวี (แดง) พบกับ ใจสิงห์ ลูกเจ้าแม่ไทรทอง (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ คู่นี้ใครชนะเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย


             ผลมวยรอบปูนเสือมีดังนี้

             คู่ที่ 1. ฉลามเงิน สิงห์มาวิน (แดง) พบกับ โชคพิชิต โชติบางแสน (น้ำเงิน) คู่นี้ต่างคนต่างแพ้กันมาใครแพ้ตกรอบทันที เริ่มเกม "โชคพิชิต" เดินเข้าหาจับในปล้ำตีเข่าได้ชัดเจน ด้าน "ฉลามเงิน" เดินเตะซ้ายนำจับคอตีเข่าเน้นๆ ก่อนปล้ำวงใน แต่ "โชคพิชิต" ได้จังหวะแตะตัดล่างขึ้นบน ทำให้ "โชคพิชิต" เป็นฝ่ายชนะคะแนน ส่วน "ฉลามเงิน" ตกรอบทันที


             คู่ที่ 2. เป็ก ปตท.ทองทวี (แดง) พบกับ ใจสิงห์ ลูกเจ้าแม่ไทรทอง (น้ำเงิน) คู่นี้ต่างฝ่ายต่างชนะกันมาใครชนะเข้ารอบ 4 คนสุดท้ายทันที เริ่มเกมการชก "เป็ก" ใช้ลูกเก๋าเดินเกมคุมจังหวะบุกใส่คู่ชกต่อเนื่อง โดยมีหมัดเป็นอาวุธเด็ดเข้าโจมตี "เป็ก" อาศัยความสดเดินลุยโต้ ผลัดกันรุกผลัดกันรับแบบไม่มีใครยอมใคร แม้ "ใจสิงห์ " จะดูแผ่วลงไป เปิดโอกาสให้ "เป็ก" ไล่บี้โชว์ความแกร่ง ฝืนจนครบยก สุดท้าย "เป็ก" เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์ ผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย




             สำหรับมวยรอบปูนเสือในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 "ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23" สาย B รอบ 8 คนสุดท้าย เป็นการชกกันระหว่าง ศิลาชัย สท.แมนนครระยอง (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ ปะทะกับ สายนที วรวุฒิรุ่งโรจน์ (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ และ นิติกร สวนน้ำธารคีรี (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ ปะทะกับ ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์




             โดยช่อง 7 HD ทำการถ่ายทอดสด การแข่งขันให้แฟนมวยคนไทยเข้ารับชมและเชียร์กันได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป
Pages: [1] 2 3 ... 10