Show Posts
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
76
Sport News & Motor Sport / “ก้อง-สมเกียรติ” ซ้อมเข้มทางฝุ่นเตรียมบู๊ศึกโมโตทูที่มิซาโนสุดสัปดาห์นี้
« on: September 10, 2020, 02:22:28 PM »
“ก้อง-สมเกียรติ” ซ้อมเข้มทางฝุ่นเตรียมบู๊ศึกโมโตทูที่มิซาโนสุดสัปดาห์นี้
เกาะติดความเคลื่อนไหว “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยวัย 21 ปี จากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม หนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตทู
ล่าสุด เจ้าตัวกำลังเข้าแคมป์เทรนนิ่งในสไตล์ทางฝุ่น ฝึกเข้มทั้งแฟลตแทร็กเรียนรู้วิธีแก้อาการล้อหลังสไลด์ และแบบโมโตครอส เสริมทักษะการควบคุมรถแข่งอย่างเข้มข้น พร้อมกับเพื่อนนักบิดดาวรุ่งในสังกัดฮอนด้า ทีม เอเชีย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงชิงชัยที่สนามมิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายนนี้
แฟนกีฬาความเร็วชาวไทยสามารถติดตามเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ที่มิซาโน ได้ทางช่อง PPTV HD36 รอบชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายนนี้ รุ่นโมโตทู ชิงชัยเวลา 17:20 น. ตามเวลาประเทศไทย
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
เกาะติดความเคลื่อนไหว “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยวัย 21 ปี จากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม หนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตทู
ล่าสุด เจ้าตัวกำลังเข้าแคมป์เทรนนิ่งในสไตล์ทางฝุ่น ฝึกเข้มทั้งแฟลตแทร็กเรียนรู้วิธีแก้อาการล้อหลังสไลด์ และแบบโมโตครอส เสริมทักษะการควบคุมรถแข่งอย่างเข้มข้น พร้อมกับเพื่อนนักบิดดาวรุ่งในสังกัดฮอนด้า ทีม เอเชีย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงชิงชัยที่สนามมิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายนนี้
แฟนกีฬาความเร็วชาวไทยสามารถติดตามเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ที่มิซาโน ได้ทางช่อง PPTV HD36 รอบชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายนนี้ รุ่นโมโตทู ชิงชัยเวลา 17:20 น. ตามเวลาประเทศไทย
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
77
Sport News & Motor Sport / เจองานหนัก!! “ซุปเปอร์เล็ก” เปิดซิง“คิกบ็อกซิ่ง” ครั้งแรกศึก ONE
« on: September 09, 2020, 07:20:02 AM »
เจองานหนัก!! “ซุปเปอร์เล็ก” เปิดซิง“คิกบ็อกซิ่ง” ครั้งแรกศึก ONE
“ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” ยอดมวยพระราชทาน หันเหเส้นทางมาสัมผัส คิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรก เจองานหนักดวล “ฟาห์ดี คาเล็ด” นักมวยมากประสบการณ์จากตูนิเซีย ที่ฝึกฝนคิกบ็อกซิ่งมา 11 ปี
ความเคลื่อนไหวของ “วัน แชมเปียนชิพ” ในศึก ONE: A NEW BREED II วันที่ 11 กันยายนนี้ คู่รองของรายการเป็นการขึ้นสังเวียนคิกบ็อกซิ่งครั้งแรก ของยอดมวยจอมเตะ วัย 24 ปี จากบุรีรัมย์ “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” โดยจะพบกับแชมป์ WMC อินเตอร์คอนติเนนตัล ชาวตูนีเซีย “ฟาห์ดี คาเล็ด” วัย 25 ปี ซึ่งเคยผ่านการแข่งขันกับนักมวยแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์” มาแล้ว
“ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9” นักชกชาวบุรีรัมย์ วัย 24 ปี ยอดมวยผู้ช่ำชองเวที ผ่านสังเวียนมาแล้ว 155 ไฟต์ ได้แชมป์ประเทศไทย, แชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี, แชมป์ WBC มวยไทย รวมถึงตำแหน่งนักมวยถ้วยพระราชทานปี 2555
ในรายการนี้ “ซุปเปอร์เล็ก” ท้าทายความสามารถใหม่ ลงแข่งขัน คิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรก ดวลกับ “ฟาห์ดี คาเล็ด” นักมวยจากตูนิเซีย วัน 25 ปี แชมป์ WMC อินเตอร์เนชันแนล ที่ผ่านการฝึกฝนวิชาคิกบ็อกซิ่งมาตั้งแต่อายุ 14 ปี เป็นเวลา 11 ปี แล้ว อีกทั้งยังเคยเก็บประสบการณ์ในการขึ้นชกกับ รถถัง มาแล้ว แถมไฟต์ล่าสุดก็เก็บแต้มนำชัยเหนือนักมวยจีน “ฮวง ดิง” ในศึก ONE: NO SURRENDER ll
ในวงการมวยไทย ซุปเปอร์เล็ก คือหนึ่งในนักมวยแถวหน้าจอมเทคนิคหาตัวจับยาก เป็นมวยฉลาด ว่องไว อาวุธครบเครื่อง โดยเฉพาะลูกเตะขวาอันขึ้นชื่อลือชา
จากไฟต์ล่าสุด ในศึก ONE: NO SURRENDER ได้ เปิดศึกกับยอดมวย 3 พ.ศ. “พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์” ก่อนคว้าชัยชนะไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ ทำให้ไต่อันดับขึ้นมาเป็นที่ 1 ของรุ่น เตรียมจ่อคิวเผชิญหน้าแชมป์โลกอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์”
อย่างไรก็ตามในรายการนี้แตกต่างกันเนื่องจาก “ซุปเปอร์เล็ก” จะเปลี่ยนไปชกคิกบ็อกซิ่งแทนการชกมวยไทย เป็นครั้งแรก
“ซุปเปอร์เล็ก” เปิดใจว่า “ในรายการนี้ ผมพบกับความท้าทายรูปแบบใหม่ กับการลงแข่งคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรก ซึ่งยอมรับว่ารู้สึกทั้งประหม่าและวิตกกังวล เนื่องจากคิกบ็อกซิ่งใช้ศอกและปล้ำตีเข่าเหมือนกติกามวยไทยไม่ได้ และผมเกรงว่าจะเผลอไปเล่นงานคู่แข่งจนทำผิดกติกา”
สำหรับการชกคิกบ็อกซิ่งไฟต์นี้ เจ้าตัวมีเวลาซ้อมเพียงไม่ถึงสัปดาห์ โดยมีเทรนเนอร์ คือ “ฟ้าใส เกียรติหมู่ 9” และ รุ่นพี่ร่วมค่าย “สิงห์ดำ เกียรติหมู่ 9” และเจ้าตำนานมวยไทย “แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” คอยให้คำแนะนำและมาช่วยฝึกซ้อม
“ฟาห์ดี คาเล็ด เขามีอาวุธหลายอย่างทั้งลูกโยน เข่าลอย เตะขา โดยเฉพาะหมัด ซึ่งนักมวยต่างชาติเขาออกหมัดได้ดี หมัดหนักธรรมชาติอยู่แล้ว เราจะประมาทไม่ได้เลย ถึงแม้การชกคิกบ็อกซิ่งจะใช้นวมใหญ่ แต่ถ้ามันหนัก ก็อันตรายครับ ส่วนที่เป็นจุดอ่อนของเขาก็คงเป็นเรื่องของการป้องกันตัวที่ยังไม่ดีพอครับ" ซุปเปอร์เล็ก กล่าว
ศึก ONE: A NEW BREED II วันศุกร์ที่ 11 กันยายนนี้ จะออกอากาศบันทึกการแข่งขันไปสู่แฟนๆ กว่า 150 ประเทศทั่วโลก ทาง ONE Super App, YouTube ONE Championship และ AIS PLAY ซึ่งจะเริ่มเวลา 19.30 น. ส่วนไทยรัฐทีวี ช่อง 32 จะเริ่มเวลา 22.40 น.
78
Sport News & Motor Sport / โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 2 บู๊สุดเดือด! “นครินทร์” ฟอร์มเฉียบ
« on: September 07, 2020, 11:10:12 AM »
โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สนาม 2 บู๊สุดเดือด! “นครินทร์” ฟอร์มเฉียบพลิกเข้าวินเหนือ “ฐิติพงศ์-อภิวัฒน์”
“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม สร้างผลงานสุดเพอร์เฟ็คต์ ชิงจังหวะโค้งสุดท้าย บดเอาชนะ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ผงาดคว้าแชมป์แรกของปีนี้ให้กับตนเองในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนาม 2 หลังดวลกันสุดเดือด ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 ดวลความเร็วสนาม 2 ของฤดูกาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดให้แฟนความเร็วเข้าชมการแข่งขันเป็นครั้งแรก ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดจำนวนผู้เข้าชม 6,000 คนต่อสนาม นอกจากนี้ยังถ่ายทอดสดไปยัง 3 ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว, เมียนมาร์ และ กัมพูชา เพื่อเป็นการขยายฐานแฟนความเร็วด้วย
ไฮไลต์รุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (เอสบี1-เอสบี2) ของสนามอยู่ที่การลุ้นกลับเข้าสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ของ ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมป์ 3 สมัยติดต่อกันจาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่พลาดล้มในสนามแรกและไม่มีแต้มติดมือ โดยก่อนแข่งขันสนามที่ 2 “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ แชมป์สนามแรกจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพ เหนือทีมเมทอย่าง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อยู่ 5 คะแนน ตามด้วย ชัยวิชิต นิสกุล จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ตามหลังจ่าฝูง 9 คะแนน
กริดสตาร์ทในเรซนี้มี ฐิติพงศ์ เป็นเจ้าของโพล หลังทุบสถิติของสนามช้างฯ ที่ตนเองทำไว้ในสนามที่ผ่านมา ขนาบข้างด้วย อภิวัฒน์ และ อนุภาพ ในกริดที่ 2 และ 3 ด้าน นครินทร์ ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 4 โดยแข่งขันกันทั้งสิ้น 12 รอบสนาม
ออกสตาร์ทเรซด้วยการขึ้นนำอย่างรวดเร็วของ ฐิติพงศ์ ทว่าหลังผ่านโค้ง 3 กลายเป็น อภิวัฒน์ ที่ขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ ตามด้วย ฐิติพงศ์, นครินทร์ และ อนุภาพ รวมถึง ชัยวิชิต ในอันดับ 5
ในรอบที่ 5 ฐิติพงศ์ เปิดเกมบุกใส่ครั้งแรก ในโค้งที่ 3 แต่ อภิวัฒน์ ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ ขณะที่ ชัยวิชิต ขยับแซง นครินทร์ ขึ้นมารั้งอันดับ 3 อย่างไรก็ดีในรอบถัดมาเป็น ฐิติพงศ์ ที่แซงขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้สำเร็จ
ในรอบที่ 7 ฐิติพงศ์ กลับพลาดบานที่โค้ง 3 ส่งผลให้ อภิวัฒน์ กลับขึ้นมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง ขณะที่ นครินทร์ อาศัยความผิดพลาดของคู่หูคาวาซากิ เสียบแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ส่งผลให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ในสนามนี้เปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วง 5 รอบสุดท้าย
เกมเรซนี้ต้องตัดสินกันถึงโค้งสุดท้ายอีกครั้ง เมื่อ อภิวัฒน์ พยายามเสียบแซง ฐิติพงศ์ โดยหวังจะคว้าชัยชนะให้ได้อีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะปะทะกันเล็กน้อย ส่งผลให้ นครินทร์ เสียบจากอันดับ 3 ขึ้นมาคว้าแชมป์ได้อย่างสุดมันส์ และเป็นชัยชนะครั้งแรกของอดีตนักบิดโมโตทรี เฉือน ฐิติพงศ์ อันดับ 2 เพียง 0.820 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ อภิวัฒน์ ตามหลังแชมป์ 1.227 วินาที ตามด้วย ชัยวิชิต และ อนุภาพในอันดับ 4 และ 5
ไฮไลต์อีกรุ่นอย่าง ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอสที1 นับเป็นเรซที่มีความพลิกผันอย่างมาก โดยทั้ง ออ ปิตะบุตร จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต และ อภิเดช บุญศรี จาก คาวาซากิ พีทีที ไฉไล ไบค์ พลาดล้มออกจากการแข่งขันไป แถมช่วง 3 รอบสุดท้ายมีฝนตกลงมาปรอยๆ สร้างความลำบากให้นักบิดอย่างมาก ท้ายที่สุดแชมป์ตกเป็นของ ชานนท์ ชุ่มใจ จาก ยามาฮ่า ไดนาโวลต์ อาร์ซีที ที่เอาชนะ สิรภพ พูลศรี จาก ยามาฮ่า ดิออน แคปิตอล ยาโมโตสปอร์ต ทีม อันดับ 2 อยู่ 4.348 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ อัศวิน คงทนไพศาล จาก โกโก้ เรซซิ่ง ตามหลังแชมป์ 10.697 วินาที ด้าน รัชดา นาคเจริญศรี ยอดนักบิดสาวจาก ตาล เรซซิ่ง คอนเน็ค จบเรซในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 23.065 วินาที
ด้านการแข่งขันในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เป็นการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นระหว่าง สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง จาก ไทย ฮอนด้า เรซซิ่ง คลับ เจ้าของโพล และ คณาทัต ใจมั่น คู่แข่งคนสำคัญจาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลิน กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 2 เกมในเรซนี้ต้องไปตัดสินถึงโค้งสุดท้าย เมื่อ สิทธิศักดิ์ พยายามเสียบไลน์ในเพื่อแซง คณาทัต ทว่าฝ่ายหลังอาศัยจังหวะที่ยอดเยี่ยม บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกคว้าแชมป์ในเรซนี้ไปครอง ด้วยการเฉือน สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง ที่หน้าเส้นชัยเพียง 0.057 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ นิติพงศ์ แสงสว่าง จาก ยามาฮ่า ทีเอส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังแชมป์ 17.584 วินาที
ขณะเกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี วรพงศ์ มาลาหวล จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ที่เร็วสุดๆ ในรอบควอลิฟายกลับต้องถอยไปออกสตาร์ทจากท้ายแถว เนื่องจากเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาก่อนแข่งขัน ทว่ายอดนักบิดจากเชียงใหม่โชว์ฟอร์มโหด ไล่แซงคู่แข่ง 15 คัน ผงาดคว้าแชมป์ไปครองด้วยเวลา 12 นาที 38.145 วินาที เหนือ จิรายุ สายยนต์ นักบิดหนุ่มจาก คาวาซากิ โรนิน เรซซิ่ง ทีม อันดับ 2 ถึง 3.506 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ รัฐพงศ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า เควายบี ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. เอ็มเอ็น8 น้ำบาน โก๋ท่ามะกา ตามหลังแชมป์ 6.722 วินาที
ส่วนผลการแข่งขันในรุ่น สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี (เอสพี. และ เอสพี จูเนียร์) นักบิดดาวรุ่งในคลาสจูเนียร์อย่าง ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก เอ๋ เซอร์วิส ทีซี เอ็นจิ้น ปื๊ด สะพานแดง สร้างผลงานสุดร้อนแรง ออกสตาร์ทจากโพลนำม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ไปครองด้วยเวลา 13 นาที 5.329 วินาที ทิ้งห่าง ธีรเทพ ต้านชัง ดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. วายเอสเอส เอ็นจีเค อันดับ 2 ถึง 6.081 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ธนเทพ เทพแสน จาก อะไหล่ MN8 สปริงวาล์ว Promatt มานพ เซอร์วิส แปดริ้ว ตามหลังแชมป์ 6.182 วินาที
สำหรับการแข่งขันสนามถัดไปของ ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 จะมีขึ้นในวันที่ 26-27 กันยายนนี้
OR BRIC สนามที่ 2 วันแข่ง 6 9 63
บรรยายภาพ 2 แอ๊คชั่น “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง สร้างผลงานสุดเพอร์เฟ็คต์ ชิงจังหวะโค้งสุดท้าย บดเอาชนะ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ผงาดคว้าแชมป์แรกของปีนี้ให้กับตนเองในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนาม 2 หลังดวลกันสุดเดือดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
บรรยานภาพมอบรางวัล
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ มอบรางวัลให้กับ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม แชมป์รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย “โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020” สนาม 2 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
บรรยานภาพมอบรางวัล
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ มอบรางวัลให้กับ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม แชมป์รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย “โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020” สนาม 2 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม สร้างผลงานสุดเพอร์เฟ็คต์ ชิงจังหวะโค้งสุดท้าย บดเอาชนะ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ผงาดคว้าแชมป์แรกของปีนี้ให้กับตนเองในศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนาม 2 หลังดวลกันสุดเดือด ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 ดวลความเร็วสนาม 2 ของฤดูกาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดให้แฟนความเร็วเข้าชมการแข่งขันเป็นครั้งแรก ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดจำนวนผู้เข้าชม 6,000 คนต่อสนาม นอกจากนี้ยังถ่ายทอดสดไปยัง 3 ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว, เมียนมาร์ และ กัมพูชา เพื่อเป็นการขยายฐานแฟนความเร็วด้วย
ไฮไลต์รุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (เอสบี1-เอสบี2) ของสนามอยู่ที่การลุ้นกลับเข้าสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ของ ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมป์ 3 สมัยติดต่อกันจาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่พลาดล้มในสนามแรกและไม่มีแต้มติดมือ โดยก่อนแข่งขันสนามที่ 2 “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ แชมป์สนามแรกจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพ เหนือทีมเมทอย่าง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อยู่ 5 คะแนน ตามด้วย ชัยวิชิต นิสกุล จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ตามหลังจ่าฝูง 9 คะแนน
กริดสตาร์ทในเรซนี้มี ฐิติพงศ์ เป็นเจ้าของโพล หลังทุบสถิติของสนามช้างฯ ที่ตนเองทำไว้ในสนามที่ผ่านมา ขนาบข้างด้วย อภิวัฒน์ และ อนุภาพ ในกริดที่ 2 และ 3 ด้าน นครินทร์ ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 4 โดยแข่งขันกันทั้งสิ้น 12 รอบสนาม
ออกสตาร์ทเรซด้วยการขึ้นนำอย่างรวดเร็วของ ฐิติพงศ์ ทว่าหลังผ่านโค้ง 3 กลายเป็น อภิวัฒน์ ที่ขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ ตามด้วย ฐิติพงศ์, นครินทร์ และ อนุภาพ รวมถึง ชัยวิชิต ในอันดับ 5
ในรอบที่ 5 ฐิติพงศ์ เปิดเกมบุกใส่ครั้งแรก ในโค้งที่ 3 แต่ อภิวัฒน์ ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ ขณะที่ ชัยวิชิต ขยับแซง นครินทร์ ขึ้นมารั้งอันดับ 3 อย่างไรก็ดีในรอบถัดมาเป็น ฐิติพงศ์ ที่แซงขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้สำเร็จ
ในรอบที่ 7 ฐิติพงศ์ กลับพลาดบานที่โค้ง 3 ส่งผลให้ อภิวัฒน์ กลับขึ้นมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง ขณะที่ นครินทร์ อาศัยความผิดพลาดของคู่หูคาวาซากิ เสียบแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ส่งผลให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ในสนามนี้เปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วง 5 รอบสุดท้าย
เกมเรซนี้ต้องตัดสินกันถึงโค้งสุดท้ายอีกครั้ง เมื่อ อภิวัฒน์ พยายามเสียบแซง ฐิติพงศ์ โดยหวังจะคว้าชัยชนะให้ได้อีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะปะทะกันเล็กน้อย ส่งผลให้ นครินทร์ เสียบจากอันดับ 3 ขึ้นมาคว้าแชมป์ได้อย่างสุดมันส์ และเป็นชัยชนะครั้งแรกของอดีตนักบิดโมโตทรี เฉือน ฐิติพงศ์ อันดับ 2 เพียง 0.820 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ อภิวัฒน์ ตามหลังแชมป์ 1.227 วินาที ตามด้วย ชัยวิชิต และ อนุภาพในอันดับ 4 และ 5
ไฮไลต์อีกรุ่นอย่าง ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอสที1 นับเป็นเรซที่มีความพลิกผันอย่างมาก โดยทั้ง ออ ปิตะบุตร จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต และ อภิเดช บุญศรี จาก คาวาซากิ พีทีที ไฉไล ไบค์ พลาดล้มออกจากการแข่งขันไป แถมช่วง 3 รอบสุดท้ายมีฝนตกลงมาปรอยๆ สร้างความลำบากให้นักบิดอย่างมาก ท้ายที่สุดแชมป์ตกเป็นของ ชานนท์ ชุ่มใจ จาก ยามาฮ่า ไดนาโวลต์ อาร์ซีที ที่เอาชนะ สิรภพ พูลศรี จาก ยามาฮ่า ดิออน แคปิตอล ยาโมโตสปอร์ต ทีม อันดับ 2 อยู่ 4.348 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ อัศวิน คงทนไพศาล จาก โกโก้ เรซซิ่ง ตามหลังแชมป์ 10.697 วินาที ด้าน รัชดา นาคเจริญศรี ยอดนักบิดสาวจาก ตาล เรซซิ่ง คอนเน็ค จบเรซในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 23.065 วินาที
ด้านการแข่งขันในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เป็นการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นระหว่าง สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง จาก ไทย ฮอนด้า เรซซิ่ง คลับ เจ้าของโพล และ คณาทัต ใจมั่น คู่แข่งคนสำคัญจาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลิน กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 2 เกมในเรซนี้ต้องไปตัดสินถึงโค้งสุดท้าย เมื่อ สิทธิศักดิ์ พยายามเสียบไลน์ในเพื่อแซง คณาทัต ทว่าฝ่ายหลังอาศัยจังหวะที่ยอดเยี่ยม บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกคว้าแชมป์ในเรซนี้ไปครอง ด้วยการเฉือน สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง ที่หน้าเส้นชัยเพียง 0.057 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ นิติพงศ์ แสงสว่าง จาก ยามาฮ่า ทีเอส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังแชมป์ 17.584 วินาที
ขณะเกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี วรพงศ์ มาลาหวล จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ที่เร็วสุดๆ ในรอบควอลิฟายกลับต้องถอยไปออกสตาร์ทจากท้ายแถว เนื่องจากเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาก่อนแข่งขัน ทว่ายอดนักบิดจากเชียงใหม่โชว์ฟอร์มโหด ไล่แซงคู่แข่ง 15 คัน ผงาดคว้าแชมป์ไปครองด้วยเวลา 12 นาที 38.145 วินาที เหนือ จิรายุ สายยนต์ นักบิดหนุ่มจาก คาวาซากิ โรนิน เรซซิ่ง ทีม อันดับ 2 ถึง 3.506 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ รัฐพงศ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า เควายบี ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. เอ็มเอ็น8 น้ำบาน โก๋ท่ามะกา ตามหลังแชมป์ 6.722 วินาที
ส่วนผลการแข่งขันในรุ่น สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี (เอสพี. และ เอสพี จูเนียร์) นักบิดดาวรุ่งในคลาสจูเนียร์อย่าง ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก เอ๋ เซอร์วิส ทีซี เอ็นจิ้น ปื๊ด สะพานแดง สร้างผลงานสุดร้อนแรง ออกสตาร์ทจากโพลนำม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ไปครองด้วยเวลา 13 นาที 5.329 วินาที ทิ้งห่าง ธีรเทพ ต้านชัง ดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. วายเอสเอส เอ็นจีเค อันดับ 2 ถึง 6.081 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ธนเทพ เทพแสน จาก อะไหล่ MN8 สปริงวาล์ว Promatt มานพ เซอร์วิส แปดริ้ว ตามหลังแชมป์ 6.182 วินาที
สำหรับการแข่งขันสนามถัดไปของ ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 จะมีขึ้นในวันที่ 26-27 กันยายนนี้
79
Sport News & Motor Sport / “ซุปเปอร์เกิร์ล” สาวใสวัย 16 นักมวยอายุน้อยที่สุดของ วัน แชมเปียนชิพ ประเดิมศึก
« on: September 05, 2020, 06:27:55 PM »
“ซุปเปอร์เกิร์ล” สาวใสวัย 16 นักมวยอายุน้อยที่สุดของ วัน แชมเปียนชิพ ประเดิมศึก ONE: A NEW BREED II
ลีลาการซ้อมที่ดุดันของ“น้องแอน” ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทย นักมวยสาวใสวัย 16 ปี เปิดตัวในฐานะนักมวยอายุน้อยที่สุดของ วัน แชมเปียนชิพ ประเดิมไฟต์แรกพบกับ “มิลากรอส โลเปซ” มวยหญิงแกร่งแชมป์อาร์เจนตินา ในศึก ONE: A NEW BREED II ซึ่งจะมีการเผยแพร่บันทึกการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 11 กันยายนนี้ ทาง ONE Super App, YouTube ONE Championship และ AIS PLAY เวลา 19.30 น. ส่วนไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
เก่งเกินตัว! “ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทย” สาวน้อยวัย 16 ปี ลูกไม้ใต้ต้นของ“จรูญศักดิ์ ส.วรพิน” อดีตนักมวยเก่า เข้าสู่สังเวียนมวยไทย ตามรอยพี่สาว “วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์” ประเดิมไฟต์แรกกับวัน แชมเปียนชิพ พบกับ “มิลากรอส โลเปซ” มวยหญิงแกร่งแชมป์อาร์เจนตินา ในศึก ONE: A NEW BREED II ศุกร์ที่ 11 ก.ย.นี้
ความเคลื่อนไหวของวัน แชมเปียนชิพ ศึก ONE: A NEW BREED II วันศุกร์ที่ 11 กันยายนนี้ “ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทย” สาวน้อยวัย 16 ปี เจ้าของแชมป์มวยหญิงระดับประเทศ เตรียมประเดิมไฟต์แรกในฐานะนักมวยอายุน้อยที่สุดของ วัน แชมเปียนชิพ ปะทะกับ “มิลากรอส โลเปซ” มวยหญิงแกร่งแชมป์อาร์เจนตินาจากค่ายแสงเทียนน้อย วัย 24 ปี ในกติกามวยไทย 3 ยก จับคู่พิกัดน้ำหนักเฉพาะ (แคตช์เวต) 53.7 กก.
ซุปเปอร์เกิร์ล หรือ “แอนนา จันทาศรี” เป็นลูกสาวคนเล็กของ “จรูญศักดิ์ ส.วรพิน” อดีตนักมวยเก่าที่ผันตัวมาเปิดค่าย “จรูญศักดิ์มวยไทย” ควบคู่ไปกับการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์
“น้องแอน” อายุห่างจากพี่สาว 5 ปี โดย “นัท” ณัชกมล จันทาศรี หรือ “วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์” ก็เพิ่งผ่านสังเวียนแข่งขันในศึก ONE: NO SURRENDER III เช่นกัน ปัจจุบัน ซุปเปอร์เกิร์ล เรียนสายศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ ดีกรีระดับเกียรตินิยม
เรียกว่าเรียนดีกีฬาเด่นและมีฝีมือแม่ไม้มวยไทย จากสายเลือดมวยไทย รวมทั้งการเคี่ยวกรำของคุณพ่อ “จรูญศักดิ์ ส.วรพิน” ใช้เวลาไม่กี่ปี “ซุปเปอร์เกิร์ล” ก็ได้ต่อยอดมาแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ด้วยความสามารถด้านมวยไทยและความสำเร็จบนสังเวียนในวัยเพียง 16 ปี ทำให้ ซุปเปอร์เกิร์ลเข้ามาร่วมสังกัดระดับโลกกับทาง วัน แชมเปียนชิพ ตามรอยพี่สาว “วันเดอร์เกิร์ล”
น้องแอน ซุปเปอร์เกิร์ล เริ่มชกมวยครั้งแรกสมัยที่เธออายุ 10 ขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.5 ซึ่งไฟต์แรกนั้นเธอน็อกคู่แข่งได้ตั้งแต่ยกสอง ด้วยลีลาที่แทบไม่มีใครเชื่อว่านี่คือการขึ้นเวทีมวยเป็นครั้งแรก
หลังจากพัฒนาฝีมือด้านมวยไทยอย่างก้าวกระโดด ซุปเปอร์เกิร์ล ได้สัมผัสเข็มขัดแชมป์เส้นแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จากการเป็นแชมป์รายการพิเศษ “นายขนมต้ม” ที่จัดโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก่อนที่จะได้ครองเข็มขัดเส้นในอีกสองเดือนต่อมา ในฐานะแชมป์ประเทศไทย รุ่น 115 ปอนด์ ซึ่ง วันเดอร์เกิร์ล พี่สาว ก็คว้าแชมป์รุ่น 118 ปอนด์ในรายการเดียวกัน จากนั้นสามเดือนต่อมา ซุปเปอร์เกิร์ล ก็ป้องกันแชมป์ครั้งแรกได้สำเร็จ แถมน็อกคู่แข่งได้เพียงแค่ยกสอง
“เหตุผลที่หนูเซ็นสัญญากับ ทาง วัน แชมเปียนชิพ เพราะเป็นรายการใหญ่ระดับโลกที่มีชื่อเสียง มีมาตรฐาน และมีนักกีฬาชื่อดังมากมายต่างพากันเข้าไปอยู่ในสังกัด และหนูเองต้องการความท้าทายใหม่ๆ ให้กับตัวเองด้วยค่ะ”
สำหรับศึกเปิดตัวของ “น้องแอน” ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทยพบกับ “มิลากรอส โลเปซ” มวยหญิงแกร่งแชมป์อาร์เจนตินาจากค่ายแสงเทียนน้อย วัย 24 ปี ในกติกามวยไทย 3 ยก จับคู่พิกัดน้ำหนักเฉพาะ (แคตช์เวต) 53.7 กก. ศึก ONE: A NEW BREED II ซึ่งจะมีการเผยแพร่บันทึกการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 11 กันยายนนี้ แฟนๆ สามารถรับชมได้ทาง ONE Super App, YouTube ONE Championship และ AIS PLAY ซึ่งจะเริ่มเวลา 19.30 น. ส่วนไทยรัฐทีวี ช่อง 32 จะเริ่มที่เวลา 22.40 น.
80
Sport News & Motor Sport / “เบาติสต้า-ฮาสลัม” ปักหลักแดนกระทิงดุ พร้อมบิด CBR1000RR-R ล่าโพเดียมWSBK สนาม 5
« on: September 05, 2020, 06:22:11 PM »
“เบาติสต้า-ฮาสลัม” ปักหลักแดนกระทิงดุ พร้อมบิด CBR1000RR-R ล่าโพเดียมWSBK สนาม 5
ยอดทีมแข่ง Honda HRC นำโดย อัลวาโร่ เบาติสต้า อดีตนักแข่งโมโตจีพี พร้อมด้วยทีมเมทชาวอังกฤษ ลีออน ฮาสลัม สองดาวบิดในสังกัด ยังคงปักหลักอยู่ที่ประเทศสเปน เตรียมความพร้อมผนึกกำลังเพื่อล่าโพเดียมอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 4-6 กันยายนนี้ ในศึก WSBK 2020 สังเวียนที่ 5 ของฤดูกาล ที่สนามมอเตอร์แลนด์ อรากอน รายการ Pirelli Teruel
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าของหมายเลข 19 รองแชมป์เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ปี 2019 เพิ่งสร้างผลงานยอดเยี่ยม ด้วยการควบสุดยอดรถแข่งรุ่นใหม่ CBR1000RR-R ทะยานคว้าอันดับที่ 3 ปลดล็อกพื้นที่บนโพเดียมให้กับทีมได้สำเร็จ ขณะที่คู่หูนักบิดจอมเก๋า หมายเลข 91 ก็ทำผลงานไม่น้อยหน้า จบเรซล่าสุดด้วยอันดับที่ดีที่สุดของตัวเองได้ในอันดับ 7 ซึ่งทั้งคู่ต่างมีความมั่นใจว่าจะสามารถยกระดับผลงานให้ดียิ่งขึ้นในสุดสัปดาห์นี้
เบาติสต้า กล่าวว่า “การแข่งขันสองครั้งติดในสนามเดียวกัน เราสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ได้ แต่อย่าลืมว่าตัวแปรสำคัญก็คือสภาพอากาศ เพราะดูเหมือนว่าอุณหภูมิน่าจะอุ่นขึ้น นั่นจึงทำให้ลิมิตการขับขี่ก็ต้องเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของเรายังคงเดิม เพื่อพัฒนาไปสู่จุดที่ดีขึ้น”
ฮาสลัม กล่าวว่า “ผมเฝ้ารอการลงสนามที่อรากอนอีกครั้ง พวกเรายังมีงานต้องทำ ตั้งแต่ครั้งทดสอบ ผมมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ที่ทีมจะคว้าโพเดียมได้ที่สนามแห่งนี้ และเขา(เบาติสต้า) ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทีมของเราสามารถทำได้จริงๆ อย่างการแข่งขันในเรซที่สองเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมรู้สึกดีมากๆ และหวังว่าพวกเราจะสานต่อความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ในรอบการซ้อม เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาการปรับเซตรถแข่งจากที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
#Honda #HRC #WSBK #CBR1000RRR
ยอดทีมแข่ง Honda HRC นำโดย อัลวาโร่ เบาติสต้า อดีตนักแข่งโมโตจีพี พร้อมด้วยทีมเมทชาวอังกฤษ ลีออน ฮาสลัม สองดาวบิดในสังกัด ยังคงปักหลักอยู่ที่ประเทศสเปน เตรียมความพร้อมผนึกกำลังเพื่อล่าโพเดียมอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 4-6 กันยายนนี้ ในศึก WSBK 2020 สังเวียนที่ 5 ของฤดูกาล ที่สนามมอเตอร์แลนด์ อรากอน รายการ Pirelli Teruel
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าของหมายเลข 19 รองแชมป์เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ปี 2019 เพิ่งสร้างผลงานยอดเยี่ยม ด้วยการควบสุดยอดรถแข่งรุ่นใหม่ CBR1000RR-R ทะยานคว้าอันดับที่ 3 ปลดล็อกพื้นที่บนโพเดียมให้กับทีมได้สำเร็จ ขณะที่คู่หูนักบิดจอมเก๋า หมายเลข 91 ก็ทำผลงานไม่น้อยหน้า จบเรซล่าสุดด้วยอันดับที่ดีที่สุดของตัวเองได้ในอันดับ 7 ซึ่งทั้งคู่ต่างมีความมั่นใจว่าจะสามารถยกระดับผลงานให้ดียิ่งขึ้นในสุดสัปดาห์นี้
เบาติสต้า กล่าวว่า “การแข่งขันสองครั้งติดในสนามเดียวกัน เราสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ได้ แต่อย่าลืมว่าตัวแปรสำคัญก็คือสภาพอากาศ เพราะดูเหมือนว่าอุณหภูมิน่าจะอุ่นขึ้น นั่นจึงทำให้ลิมิตการขับขี่ก็ต้องเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของเรายังคงเดิม เพื่อพัฒนาไปสู่จุดที่ดีขึ้น”
ฮาสลัม กล่าวว่า “ผมเฝ้ารอการลงสนามที่อรากอนอีกครั้ง พวกเรายังมีงานต้องทำ ตั้งแต่ครั้งทดสอบ ผมมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ที่ทีมจะคว้าโพเดียมได้ที่สนามแห่งนี้ และเขา(เบาติสต้า) ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทีมของเราสามารถทำได้จริงๆ อย่างการแข่งขันในเรซที่สองเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมรู้สึกดีมากๆ และหวังว่าพวกเราจะสานต่อความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ในรอบการซ้อม เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาการปรับเซตรถแข่งจากที่มีอยู่ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
#Honda #HRC #WSBK #CBR1000RRR
81
Sport News & Motor Sport / แฟน 2 ล้อเฮ! เข้าชม OR BRIC Superbike สนาม 2 ได้แล้ว พร้อมยิงสดสู่ 3 ชาติอาเซียน
« on: September 03, 2020, 02:49:37 PM »
แฟน 2 ล้อเฮ! เข้าชม OR BRIC Superbike สนาม 2 ได้แล้ว พร้อมยิงสดสู่ 3 ชาติอาเซียน
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยได้ชมติดขอบสนามอีกครั้ง หลัง ศบค. อนุญาตให้ ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ OR BRIC Superbike 2020 มีผู้ชมในสนามได้ เริ่มต้นสนาม 2 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ พร้อมขยายฐานความนิยมสู่ประเทศอาเซียน ถ่ายทอดสดสู่ 3 ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว, เมียนมาร์ และ กัมพูชาครั้งแรก ด้าน “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมป์ 3 สมัยจาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม หวังทวงบัลลังค์แชมป์
ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 (OR BRIC Superbike Championship 2020) เตรียมระเบิดความมันส์สนามที่ 2 ระหว่างวันที่ 5-6 กันยายนนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ภายใต้รูปแบบ “นิว นอร์มอล เรซ”
ล่าสุด นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กล่าวว่า ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 (OR BRIC Superbike 2020) นับเป็นการแข่งขันจักรยานยนต์รายการแรกในเมืองไทย ที่กลับมาจัดการแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ซึ่งในสนามแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยังไม่เปิดให้มีผู้ชมเข้าชมในสนาม
“ถือได้ว่า เป็นข่าวดีของแฟนความเร็วชาวไทยจริงๆ เมื่อ ศึก OR BRIC Superbike สนาม 2 ได้รับอนุญาตให้มีแฟนเข้าชมการแข่งขันได้แล้ว แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันอยู่ที่ 6,000 คนต่อสนาม โดยยึดตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 9/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 8 )”
“นอกจากนี้ ทางฝ่ายจัดการแข่งขัน ยังเดินหน้าแผนการขยายความนิยมของ OR BRIC Superbike 2020 ออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านกล่อง MVBOX อย่าง สปป.ลาว รับชมทางช่อง MVL, เมียนมาร์ รับชมทางช่อง MVM และ กัมพูชา รับชมทางช่อง TV3 ถือเป็นการถ่ายทอดสดไปสู่ประเทศอาเซียน เพื่อนบ้านของไทยเป็นครั้งแรก”
สำหรับ ศึก OR BRIC Superbike 2020 แข่งขันทั้งสิ้น 5 คลาส ได้แก่ คลาสสูงสุดของประเทศไทย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี, ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี , ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี และ สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี นอกจากนี้ยังเสริมทัพความมันส์จากการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ จากค่ายรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่ อย่างเอ.พี.ฮอนด้า และ ยามาฮ่า ที่มาเสริมความสนุกภายในรายการอีกด้วย
การลุ้นแชมป์ของนักกีฬาในแต่ละรุ่นนั้น ภายหลังจากผ่านการแข่งขันสนามแรก สถานการณ์ลุ้นแชมป์ในคลาสสูงสุดของประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1) นั้น ปรากฏว่า “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด เรซซิ่ง ทีม เจ้าของแชมป์สนามแรกนำเป็นจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพ ตามด้วยทีมเมทอย่าง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ที่ตามอยู่ 5 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ชัยวิชิต นิสกุล จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ตามหลังอยู่ 9 คะแนน
ขณะที่แชมป์ประเทศไทย 3 สมัยล่าสุดอย่าง “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ไร้แต้มจากสนามแรก หลังจากพลาดล้มขณะที่เป็นผู้นำ ส่งผลให้สถานการณ์ในการป้องกันแชมป์ในปีนี้ยากขึ้นอย่างมาก
ฐิติพงศ์ กล่าวว่า “สำหรับรายการนี้ โดยส่วนตัวยังคงมีความพร้อมเต็มร้อยเหมือนเดิม หลังจากที่พลาดล้มจากสนามแรกเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ก็กลับมาทำการบ้านอย่างหนัก ฝึกซ้อมเต็มที่ เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าในปีนี้คู่แข่งมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ผมเองก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถทวงตำแหน่งแชมป์กลับมาได้อย่างแน่นอน”
แฟนความเร็วมามันส์ติดขอบสนามไปพร้อมกัน 5-6 กันยายนนี้ บัตรเข้าชมการแข่งขัน ที่นั่ง Grandstand ราคา 100 บาท / 1 วัน ซื้อได้ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้น Grandstand สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ (จำหน่ายบัตรวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น) ส่วนผู้ชมทางบ้าน รับชมถ่ายทอดสดทาง True4U ช่อง 24 วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563 เวลา 14.30-17.00 น. หรือชม Live Streaming ทางเพจ Bric Superbike และ Chang Circuit Buriram และ Youtube : Bric Channel ตั้งแต่ เวลา 08.00 น.
82
Sport News & Motor Sport / แสตมป์ มั่นใจเข็มขัดไม่กระเด็น - แสนชัย ติวเข้ม รถเหล็ก เตรียมสยบ กุหลาบดำ
« on: August 29, 2020, 01:14:20 PM »
แสตมป์ มั่นใจเข็มขัดไม่กระเด็น - แสนชัย ติวเข้ม รถเหล็ก เตรียมสยบ กุหลาบดำ
หลังจาก บอสชาตรี ศิษย์ยอดธง ประกาศย้ำชัด ศึก วัน แชมเปียนชิพ ถ่ายทอดสดให้แฟนๆได้ลุ้นกันตลอดไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เหล่านักกีฬาร่วมตอบสนอง ถึงความพร้อมในการแข่งขันกันอย่างคึกคัก พร้อมรับประกันความมันส์ คืนวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้ ห้ามพลาด !!
ความเคลื่อนไหว การแข่งขัน วัน แชมเปียนชิพ ศึก ONE: A NEW BREED วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563 ยังคงปลุกกระแสให้แฟนๆได้ติดตามกันอย่างเข้มข้น แม้จะอยู่ในช่วงเฝ้าระวังวิกฤตไวรัสโควิด โดยไม่เปิดให้มีผู้เข้าชม ทว่าหลังจาก บอสชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้บริหารระดับสูงยืนยันชัดเจนจากสำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์ ยืนยันจะเป็นการถ่ายทอดสดการต่อสู้ทุกคู่ให้แฟนๆได้รับชมอย่างแน่นอน เพียงข้ามคืน เหล่าบรรดานักสู้ในรายการเริ่มทยอยเปิดใจ เตรียมพร้อมขึ้นสังเวียนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
คู่เอกของรายการ จะเป็นการป้องกัน แชมป์โลกหญิง ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต ของ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักชกสาวขวัญใจชาวไทย พบกับ อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส ผู้ท้าชิงบราซิล โดยที่ผ่านมา แสตมป์ ได้ครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ หลังฟาดฟันกับนักมวยหญิงแกร่งลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น “เจเน็ต ท็อดด์” เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2562 และป้องกันตำแหน่งมาแล้วครั้งหนึ่งในอีกราว 4 เดือนต่อมา กับนักมวยสาวแดนจิงโจ้ “อัลมา ยูนิคู” จึงนับเป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่เธอไม่เคยขึ้นป้องกันตำแหน่งนี้อีกเลย
แสตมป์กล่าวว่า “ตอนนี้พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับการแข่งขัน ตนได้เตรียมอาวุธหมัดไว้รับมือ เพราะแข่งแบบนวมเล็ก เป็นจุดเล่นงานคู่ต่อสู้ได้มากที่สุด ส่วนตัวเคยได้ยินชื่อ อัลลิเซีย มาก่อน แต่ไม่ได้ติดตามผลงานอย่างจริงจัง เมื่อรู้ว่าจะได้ชกกันจึงเร่งศึกษาสไตล์การชก จากการดูคลิปผลงาน เห็นว่า เป็น มวยขวา แต่ใช้อาวุธหน้าด้วยแข้งซ้ายได้ดีเลยทีเดียว ถือเป็นจุดเด่นในส่วนนี้ ส่วนอื่นน่าจะเป็นลูกถนัดค้ำแทงเข่า เพราะได้เปรียบส่วนสูง แต่อาวุธศอก และความหนักหน่วงอื่นๆยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่”
ทางด้าน อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส นักมวยสาวชาวบราซิลเลียน วัย 22 ปี จากค่ายภูเก็ตไฟต์คลับ แม้ อัลลิเซีย จะมีสถิติในการต่อสู้น้อยกว่า แสตมป์ ถึงครึ่งต่อครึ่ง คือ ชนะ 30 แพ้ 5 ในขณะที่ แสตมป์ ผ่านสังเวียนมาโชกโชน ชนะถึง 63 แพ้ 15 เสมอ 5 ทว่า อัลลิเซีย ยังคงมั่นใจ ด้วยเป้าหมายที่จะแจ้งเกิดด้วยการ โค่น แชมป์โลกหญิง ONE มวยไทยคนแรก จากเมืองพัทยาให้ได้
ส่วนคู่รอง รับประกันความดุดันไม่แพ้กัน ในรูปแบบทัวนาเมนต์ มวยรอบชาย มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (61.3-65.8 กก.) รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม พบกับ “ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย โดยผู้ชนะจะได้สิทธิ์เข้าไปชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย กับ น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว เจ้าของตำแหน่งเป้าหมายสุดท้ายเป็นรายต่อไป
สำหรับไฟต์นี้ รถเหล็ก ยอดฝีมือแดนใต้ วัย 30 ปี ดีกรีแชมป์มวยไทย 7 สี ผู้ก้าวข้าม เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ มาในรอบที่แล้ว ยังคงซ้อมต่อเนื่องจากการติวเข้มเชิงมวยกับเทรนเนอร์ประจำตัว ปัจจัย เกียรติชาญสิงห์ แถมยังได้ แสนชัย พี.เค.ฯ ยอดมวยเทวดารุ่นพี่ เสริมเทคนิค แนะทางมวยป้องกันหมัด และอาวุธเจาะยาง ของ กุหลาบดำ ผู้หักปากกาเซียนด้วยการส่ง แสงมณี คลองสวนพลูรีสอร์ต หลับเพียงแค่ยกแรก เหลือเชื่อมาแล้วก่อนหน้านี้
รถเหล็ก เปิดใจถึงความพร้อม “สำหรับ กุหลาบดำ ผมมองว่าเขาเก่งขึ้นเยอะ จากตอนแรกที่มีแต่คนดูถูก ต้องยอมรับว่าหมัดของเขาหนักและอันตรายจริงๆ ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว ทว่าไฟต์นี้ ร่างกายผมเต็มร้อย ระบบหายใจลื่นไหล ดีกว่าไฟต์แรกหลังผ่านช่วงโควิดมา มวยสไตล์ผม ยังไงก็จะเดินชวนทะเลาะแน่นอน หากวัดกันทีต่อที ด้วยความหนุ่มสดอาจจะทำให้เขาแกร่งกว่าผม แต่ถ้าวัดกันที่อาวุธ ผมมีความหลากหลายครบเครื่องกว่า ที่สำคัญเรื่องหัวจิตหัวใจ ผมว่าผมไม่เป็นรองใคร”
ติดตามชม ศึก ONE: A NEW BREED พร้อม 7 คู่แข่งขันสุดมันส์ แข่งขันสด พร้อมถ่ายทอดสด 150 ประเทศทั่วโลก แฟนสามารถรับชมได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่ ONE Super App, YouTube ONE Championship และ AIS PLAY เวลา 19.30 น. นอกจากนี้ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ยังมีการจัดผู้บรรยายไทย พากษ์สดจากในสตูดิโอ โดยเริ่มออกอากาศตามหลังที่เวลา 21.30 น. วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้
คลิป - เมื่อครั้งแสตมป์ ได้ครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์
ONE: Full Fight | Stamp Fairtex vs. Janet Todd | Making History | February 2019
ONE: Full Fight | Stamp Fairtex vs. Janet Todd | Making History | February 2019
หลังจาก บอสชาตรี ศิษย์ยอดธง ประกาศย้ำชัด ศึก วัน แชมเปียนชิพ ถ่ายทอดสดให้แฟนๆได้ลุ้นกันตลอดไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เหล่านักกีฬาร่วมตอบสนอง ถึงความพร้อมในการแข่งขันกันอย่างคึกคัก พร้อมรับประกันความมันส์ คืนวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้ ห้ามพลาด !!
ความเคลื่อนไหว การแข่งขัน วัน แชมเปียนชิพ ศึก ONE: A NEW BREED วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563 ยังคงปลุกกระแสให้แฟนๆได้ติดตามกันอย่างเข้มข้น แม้จะอยู่ในช่วงเฝ้าระวังวิกฤตไวรัสโควิด โดยไม่เปิดให้มีผู้เข้าชม ทว่าหลังจาก บอสชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้บริหารระดับสูงยืนยันชัดเจนจากสำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์ ยืนยันจะเป็นการถ่ายทอดสดการต่อสู้ทุกคู่ให้แฟนๆได้รับชมอย่างแน่นอน เพียงข้ามคืน เหล่าบรรดานักสู้ในรายการเริ่มทยอยเปิดใจ เตรียมพร้อมขึ้นสังเวียนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
คู่เอกของรายการ จะเป็นการป้องกัน แชมป์โลกหญิง ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต ของ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักชกสาวขวัญใจชาวไทย พบกับ อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส ผู้ท้าชิงบราซิล โดยที่ผ่านมา แสตมป์ ได้ครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ หลังฟาดฟันกับนักมวยหญิงแกร่งลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น “เจเน็ต ท็อดด์” เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2562 และป้องกันตำแหน่งมาแล้วครั้งหนึ่งในอีกราว 4 เดือนต่อมา กับนักมวยสาวแดนจิงโจ้ “อัลมา ยูนิคู” จึงนับเป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่เธอไม่เคยขึ้นป้องกันตำแหน่งนี้อีกเลย
แสตมป์กล่าวว่า “ตอนนี้พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับการแข่งขัน ตนได้เตรียมอาวุธหมัดไว้รับมือ เพราะแข่งแบบนวมเล็ก เป็นจุดเล่นงานคู่ต่อสู้ได้มากที่สุด ส่วนตัวเคยได้ยินชื่อ อัลลิเซีย มาก่อน แต่ไม่ได้ติดตามผลงานอย่างจริงจัง เมื่อรู้ว่าจะได้ชกกันจึงเร่งศึกษาสไตล์การชก จากการดูคลิปผลงาน เห็นว่า เป็น มวยขวา แต่ใช้อาวุธหน้าด้วยแข้งซ้ายได้ดีเลยทีเดียว ถือเป็นจุดเด่นในส่วนนี้ ส่วนอื่นน่าจะเป็นลูกถนัดค้ำแทงเข่า เพราะได้เปรียบส่วนสูง แต่อาวุธศอก และความหนักหน่วงอื่นๆยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่”
ทางด้าน อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส นักมวยสาวชาวบราซิลเลียน วัย 22 ปี จากค่ายภูเก็ตไฟต์คลับ แม้ อัลลิเซีย จะมีสถิติในการต่อสู้น้อยกว่า แสตมป์ ถึงครึ่งต่อครึ่ง คือ ชนะ 30 แพ้ 5 ในขณะที่ แสตมป์ ผ่านสังเวียนมาโชกโชน ชนะถึง 63 แพ้ 15 เสมอ 5 ทว่า อัลลิเซีย ยังคงมั่นใจ ด้วยเป้าหมายที่จะแจ้งเกิดด้วยการ โค่น แชมป์โลกหญิง ONE มวยไทยคนแรก จากเมืองพัทยาให้ได้
ส่วนคู่รอง รับประกันความดุดันไม่แพ้กัน ในรูปแบบทัวนาเมนต์ มวยรอบชาย มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (61.3-65.8 กก.) รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม พบกับ “ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย โดยผู้ชนะจะได้สิทธิ์เข้าไปชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย กับ น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว เจ้าของตำแหน่งเป้าหมายสุดท้ายเป็นรายต่อไป
สำหรับไฟต์นี้ รถเหล็ก ยอดฝีมือแดนใต้ วัย 30 ปี ดีกรีแชมป์มวยไทย 7 สี ผู้ก้าวข้าม เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ มาในรอบที่แล้ว ยังคงซ้อมต่อเนื่องจากการติวเข้มเชิงมวยกับเทรนเนอร์ประจำตัว ปัจจัย เกียรติชาญสิงห์ แถมยังได้ แสนชัย พี.เค.ฯ ยอดมวยเทวดารุ่นพี่ เสริมเทคนิค แนะทางมวยป้องกันหมัด และอาวุธเจาะยาง ของ กุหลาบดำ ผู้หักปากกาเซียนด้วยการส่ง แสงมณี คลองสวนพลูรีสอร์ต หลับเพียงแค่ยกแรก เหลือเชื่อมาแล้วก่อนหน้านี้
รถเหล็ก เปิดใจถึงความพร้อม “สำหรับ กุหลาบดำ ผมมองว่าเขาเก่งขึ้นเยอะ จากตอนแรกที่มีแต่คนดูถูก ต้องยอมรับว่าหมัดของเขาหนักและอันตรายจริงๆ ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว ทว่าไฟต์นี้ ร่างกายผมเต็มร้อย ระบบหายใจลื่นไหล ดีกว่าไฟต์แรกหลังผ่านช่วงโควิดมา มวยสไตล์ผม ยังไงก็จะเดินชวนทะเลาะแน่นอน หากวัดกันทีต่อที ด้วยความหนุ่มสดอาจจะทำให้เขาแกร่งกว่าผม แต่ถ้าวัดกันที่อาวุธ ผมมีความหลากหลายครบเครื่องกว่า ที่สำคัญเรื่องหัวจิตหัวใจ ผมว่าผมไม่เป็นรองใคร”
ติดตามชม ศึก ONE: A NEW BREED พร้อม 7 คู่แข่งขันสุดมันส์ แข่งขันสด พร้อมถ่ายทอดสด 150 ประเทศทั่วโลก แฟนสามารถรับชมได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่ ONE Super App, YouTube ONE Championship และ AIS PLAY เวลา 19.30 น. นอกจากนี้ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ยังมีการจัดผู้บรรยายไทย พากษ์สดจากในสตูดิโอ โดยเริ่มออกอากาศตามหลังที่เวลา 21.30 น. วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้
83
Sport News & Motor Sport / เอ.พี.ฮอนด้า ประกาศผลผู้ชนะ IMC Plan Contest ครั้งที่ 12 ม.สงขลา คว้าอันดับ 1
« on: August 27, 2020, 07:38:45 AM »
เอ.พี.ฮอนด้า ประกาศผลผู้ชนะ IMC Plan Contest ครั้งที่ 12 ม.สงขลา คว้าอันดับ 1
เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ประกาศผลผู้ชนะเลิศจากโครงการประกวดแผนสื่อสารการตลาด IMC Plan Contest by A.P. Honda ครั้งที่ 12 โดยมีเป้าหมายพัฒนานักศึกษารุ่นใหม่สู่การเป็นนักการตลาดมือดีที่เก่งทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ภายใต้โจทย์สุดท้าทายที่ว่าด้วยการสร้างแผนการสื่อสารการตลาดระหว่างปี 2020 – 2022 สำหรับรถจักรยานยนต์ระดับตำนานอย่าง Monkey และ C125 ภายใต้แบรนด์ CUB House เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการตัดสินแบ่งออกเป็น 3 รอบ เริ่มจากรอบแรก เปิดรับแผนการตลาดจากนักศึกษามากกว่า 500 ผลงาน จากมากกว่า 50 สถาบัน ทางคณะกรรมการได้เลือกแผนที่ดีที่สุด และให้ผู้เข้าร่วมประกวดแผนงานจำนวน 140 ทีมจากทั่วประเทศ เดินทางมาพรีเซนท์แผนงานต่อหน้าคณะกรรมการทั้ง 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่รอบที่ 2 คัดเลือกเหลือ 36 ทีม พร้อมให้น้องๆ นักศึกษานำแผนงานบางส่วนมาปฏิบัติจริงในพื้นที่ร้าน CUB House ในแต่ละสาขา และในที่สุดคัดเลือกเหลือ 12 ทีมเพื่อตัดสินผู้ชนะในรอบสุดท้าย
สำหรับผลการตัดสินทีมผู้ชนะ 3 อันดับแรกประกอบด้วย
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Big Mark มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ตัวแทนจากทีม CUB House หาดใหญ่ ได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม Red Panda มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัวแทนจากทีม CUB House เชียงใหม่ ได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 250,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม ตะเร้ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตัวแทนจากทีม CUB House ศรีนครินทร์ ได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
ทั้งนี้ ทีมผู้ชนะทั้ง 3 อันดับ จะได้รับโล่เกียรติยศจาก ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
#CUBHouse #Monkey #C125 #CultureUniqueBikes #IMCPlanContest
เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ประกาศผลผู้ชนะเลิศจากโครงการประกวดแผนสื่อสารการตลาด IMC Plan Contest by A.P. Honda ครั้งที่ 12 โดยมีเป้าหมายพัฒนานักศึกษารุ่นใหม่สู่การเป็นนักการตลาดมือดีที่เก่งทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ภายใต้โจทย์สุดท้าทายที่ว่าด้วยการสร้างแผนการสื่อสารการตลาดระหว่างปี 2020 – 2022 สำหรับรถจักรยานยนต์ระดับตำนานอย่าง Monkey และ C125 ภายใต้แบรนด์ CUB House เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการตัดสินแบ่งออกเป็น 3 รอบ เริ่มจากรอบแรก เปิดรับแผนการตลาดจากนักศึกษามากกว่า 500 ผลงาน จากมากกว่า 50 สถาบัน ทางคณะกรรมการได้เลือกแผนที่ดีที่สุด และให้ผู้เข้าร่วมประกวดแผนงานจำนวน 140 ทีมจากทั่วประเทศ เดินทางมาพรีเซนท์แผนงานต่อหน้าคณะกรรมการทั้ง 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่รอบที่ 2 คัดเลือกเหลือ 36 ทีม พร้อมให้น้องๆ นักศึกษานำแผนงานบางส่วนมาปฏิบัติจริงในพื้นที่ร้าน CUB House ในแต่ละสาขา และในที่สุดคัดเลือกเหลือ 12 ทีมเพื่อตัดสินผู้ชนะในรอบสุดท้าย
สำหรับผลการตัดสินทีมผู้ชนะ 3 อันดับแรกประกอบด้วย
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Big Mark มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ตัวแทนจากทีม CUB House หาดใหญ่ ได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม Red Panda มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัวแทนจากทีม CUB House เชียงใหม่ ได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 250,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม ตะเร้ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตัวแทนจากทีม CUB House ศรีนครินทร์ ได้รับทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
ทั้งนี้ ทีมผู้ชนะทั้ง 3 อันดับ จะได้รับโล่เกียรติยศจาก ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
#CUBHouse #Monkey #C125 #CultureUniqueBikes #IMCPlanContest
84
Sport News & Motor Sport / ‘บอสใหญ่ วัน แชมเปียนชิพ’ ยันศึก ONE: A NEW BREED ชิงชัยสดเร้าใจ
« on: August 27, 2020, 07:28:12 AM »
‘บอสใหญ่ วัน แชมเปียนชิพ’ ยันศึก ONE: A NEW BREED ชิงชัยสดเร้าใจ เผยพร้อมช่วยเหลือวงการมวยไทยพ้นวิกฤต-วางแผนลุยจัดศึกต่างประเทศ
ฟุตเทจคุณชาตรี ศิษย์ยอดธง ผ่าน Zoom + ท้ายคลิป ฟุตซ้อมนักกีฬาคู่หลัก, คู่รอง
ONE : A New Breed ( Exclusive interview : Chatri Sityodtong )
ONE : A New Breed ( Exclusive interview : Chatri Sityodtong )
“ชาตรี ศิษย์ยอดธง” บอสใหญ่วัน แชมเปียนชิพ ประกาศยันศึก ONE: A NEW BREED จัดชิงชัยแบบสด 100 เปอร์เซ็นต์ วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้ เข้มมาตรฐานระดับโลก โดยคู่เอก “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ป้องแชมป์กับผู้ชิงสาวบราซิล “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” พร้อมเผยหวังช่วยเหลือวงการมวยไทยผ่านพ้นวิกฤต รวมทั้งแย้มแผนจัดศึกในต่างประเทศอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวศึกวัน แชมเปียนชิพ รายการศิลปะการต่อสู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งเตรียมจัดศึก ONE: A NEW BREED แข่งระบบปิด แข่งขันแบบสด ถ่ายทอดสดพร้อมกันทั่วโลกสู่แฟนๆ กว่า 150 ประเทศทั่วโลก ในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม นายชาตรี ศิษ์ยอดธง ประธานวัน แชมเปียนชิพ เปิดให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีพ และแถลงข่าวผ่านแอพลิเคชั่น ZOOM ถึงทิศทางของ วัน แชมเปียนชิพ ในประเทศไทย และการแข่งขัน ONE: A NEW BREED โดยมีคุณจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธานวัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย ให้การต้อนรับสื่อมวลชนและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วย ที่สำนักงาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย (ลาดพร้าว 107)
นายชาตรี ศิษ์ยอดธง กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤตในเรื่องอุตสาหกรรมวงการบันเทิง และกีฬา ทางเราจึงหาวิธีการแก้ไขปัญหา ด้วยการจัดศึก ONE: NO SURRENDER I, II & III ทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมา เพื่อให้แฟนๆ ได้รับชมเป็นคอนเทนต์กีฬาระดับโลก ซึ่งรายการต่อไปในศึก ONE: A NEW BREED ยืนยันว่า จะมีความสนุกตื่นเต้น และจัดเป็นการแข่งขันแบบสด 100 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
ประธานวัน แชมเปียนชิพ กล่าวอีกว่า สำหรับศึก ONE: A NEW BREED ในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้ จะเป็นไฟต์ที่มีความสนุกตื่นเต้นแน่นอน โดยคู่เอกของรายการเป็นการป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวตหญิง ครั้งที่สองของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” กับผู้ท้าชิงสาวจากบราซิล “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” ซึ่งทั้งคู่มีสไตล์การชกที่ดุดันกันทั้งคู่ จึงถือเป็นไฟต์ที่น่าสนใจ
ขณะที่คู่รองของรายการ เป็นรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ระหว่าง “รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” กับ “กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย” ซึ่งทั้งคู่จะมีการชกที่ดุเดือด และคาดว่าคงจะได้เห็นการชกจนมีการน็อกเอาต์กัน รวมทั้งอีกคู่ที่น่าสนใจใน ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ระหว่าง “วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์” จะดวลกับ “เคซี คาร์ลอส”
ส่วนโอกาสที่เปิดให้ผู้ชมเข้าชมการแข่งขันในสนามนั้น นายชาตรี กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ วัน แชมเปียนชิพ ต้องการให้การแข่งขันยังคงมีมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับทีมงาน นักกีฬา และผู้ชมทุกคน เพราะเราให้ความสำคัญในส่วนนี้ ดังนั้นคงยังไม่อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดให้มีผู้ชม แต่จะยังคงรักษามาตรฐานการคอนเทนต์กีฬาระดับโลก
นอกจากนี้ นายชาตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินการของวัน แชมเปียนชิพ ในประเทศไทยนั้น เราได้ร่วมมือกับทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ในการช่วยเหลือวงการมวยไทยให้ผ่านพ้นวิกฤต ทั้งโปรโมเตอร์ ค่ายมวย นักมวย และผู้เกี่ยวข้องทุกคน เพื่อจะนำมวยไทยก้าวไปสู่ในระดับโลก สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยด้วย
ประธานวัน แชมเปียนชิพ กล่าวถึงโอกาสในการจัดศึกในต่างประเทศหลังจากนี้ว่า ตอนนี้ทางเราได้ทำงานร่วมกับทีมงานในแต่ละประเทศ ทั้งจีน,สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ โดยเรามีแผนที่จะกลับมาจัดโปรแกรมการแข่งขันในต่างประเทศต่อจากนี้แน่นอน อย่างไรก็ตาม เราก็จะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันทั้ง 7 คู่ของศึก ONE: A NEW BREED มีดังนี้
- คู่เอก แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ vs อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส (ชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวตหญิง)
- คู่รอง รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม vs กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย (ทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต รอบชิงชนะเลิศ
- เดนิส แซมโบอันกา vs วรรษภิญญา แก้วโขง (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นอะตอมเวต)
- วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์ vs เคซี คาร์ลอส (มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต)
- เดร็กซ์ แซมโบอันกา vs เดชฎิล สรณ์สิริศุภทิน (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นฟลายเวต)
- ฮวง ดิง vs ซก ที (มวยไทย รุ่นฟลายเวต)
ยอดไก่แก้ว แฟร์เท้กซ์ vs อเล็กซ์ ไชลด์ (การต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นฟลายเวต)
ทั้งนี้การแข่งขันศึก ONE: A NEW BREED ในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม แข่งขันแบบสด ถ่ายทอดสดพร้อมกันทั่วโลก แฟนๆสามารับชมสดได้ทาง ONE Super App, YouTube และ AIS PLAY เวลา 19.30 น. รวมทั้งทาง ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 21.30 น.
85
Sport News & Motor Sport / “ก้อง-สมเกียรติ” ท็อปฟอร์ม ผงาดที่4 รอบ FP2 ออสเตรียนจีพี
« on: August 26, 2020, 07:29:25 AM »
“ก้อง-สมเกียรติ” ท็อปฟอร์ม ผงาดที่4 รอบ FP2 ออสเตรียนจีพี
ฟอร์มกระหึ่มจริงๆ สำหรับยอดนักบิดดาวรุ่งหนึ่งเดียวของไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ในศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รุ่นโมโตทู ล่าสุด ทะยานขึ้นอันดับที่ 4 ในรอบ FP2 รายการสไตเรียน กรังด์ปรีซ์ ที่เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ด้วยผลงานการทำเวลาเร็วสุด ห่างจ่าฝูงเพียง 0.258 วินาที เท่านั้น!
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotoGP #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
ฟอร์มกระหึ่มจริงๆ สำหรับยอดนักบิดดาวรุ่งหนึ่งเดียวของไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ในศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รุ่นโมโตทู ล่าสุด ทะยานขึ้นอันดับที่ 4 ในรอบ FP2 รายการสไตเรียน กรังด์ปรีซ์ ที่เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ด้วยผลงานการทำเวลาเร็วสุด ห่างจ่าฝูงเพียง 0.258 วินาที เท่านั้น!
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotoGP #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
86
Sport News & Motor Sport / “นาคากามิ” เฉียดโพเดี้ยมสไตเรียนจีพี"สมเกียรติ”ขี่ดีแต่โชคร้ายโดนชนหลุดท็อปเท็น
« on: August 26, 2020, 07:25:46 AM »
“นาคากามิ” เฉียดโพเดี้ยมสไตเรียนจีพี “สมเกียรติ” ขี่ดีแต่โชคร้ายโดนชนหลุดท็อปเท็น
ทาคาอากิ นาคากามิ ยอดนักบิดญี่ปุ่นจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า พลาดโพเดี้ยมแรกในชีวิตอย่างน่าเสียดาย ด้วยจุดเปลี่ยนธงแดงในศึก โมโตจีพี สนาม 5 รายการสไตเรียน กรังด์ปรีซ์ แต่ยังเดินหน้าโกยแต้มให้ ฮอนด้า อย่างต่อเนื่อง หลังบิดเข้าป้ายในอันดับ 7 ขณะ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งหนึ่งเดียวของไทยจากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ในเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตทู ทะยานขึ้นท็อปเท็นแต่โชคร้าย โดน แซม โลวส์ ชนล้ม ต้องออกจากเรซอย่างน่าเสียดาย
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2020 สนามที่ 5 ของปี รายการสไตเรียน กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่เรดบูลล์ ริง ประเทศออสเตรีย
ในเรซนี้ ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า อิเดมิตสึ สร้างผลงานยอดเยี่มด้วยการคว้ากริดที่ 2 มาครอง ส่วน อเล็กซ์ มาร์เกซ รุกกี้ชาวสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ได้ออกตัวจากกริดที่ 16 ตามด้วย คาล ครัทช์โลว นักบิดอังกฤษจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ในกริดที่ 17 และ สเตฟาน แบรเดิล นักบิดเยอรมันที่ลงแข่งแทน มาร์ค มาร์เกซ ให้ เรปโซล ฮอนด้า ในกริดที่ 17
ทาคาอากิ สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น เกาะกลุ่มท็อปทรีได้อย่างเหนียวแน่น มีโอกาสอย่างมากในการขึ้นโพเดี้ยมแรกให้กับตนเอง รวมถึงการคว้าแชมป์แรกในชีวิตกับการแข่งขันรุ่นพรีเมียร์คลาสด้วย ทว่ามีจุดเปลี่ยนช่วง 13 รอบสุดท้าย เกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นในสนาม กรรมการต้องตัดสินใจตีธงแดง และหลังกลับมาดวลกันอีกครั้ง นาคากามิ จบเรซนี้ในอันดับ 7 ตามหลังแชมป์เพียง 1.864 วินาที ส่วน อเล็กซ์ มาร์เกซ, ครัทช์โลว และ แบรเดิล ตามเข้าป้ายในอันดับ 16, 17 และ 18 ตามลำดับ
ผ่านการแข่งขัน 5 สนามของ โมโตจีพี 2020 นาคากามิ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 46 คะแนน อเล็กซ์ มาร์เกซ รั้งอันดับ 15 มี 16 คะแนน ครัทช์โลว ร่วงลงไปอยู่อันดับ 21 มี 7 คะแนน ส่วน แบรเดิล ไม่มีแต้ม
ด้านการแข่งขันในรุ่นโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นสนามที่ 6 ของปี แฟนๆ ชาวไทยส่งกำลังใจลุ้นให้ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งชาวไทยวัย 21 ปี จากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ที่สร้างผลงานอย่างโดดเด่นและทำเวลาขยับขึ้นมาติดกลุ่มหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
นักบิดไทยได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 16 ซึ่งช่วงออกตัว สมเกียรติ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียง 2 รอบขยับแซงคู่แข่ง 5 คันขึ้นมารั้งอันดับ 11 ได้อย่างรวดเร็ว ทว่าในช่วงต้นรอบที่ 3 นักบิดไทยต้องเจอฝันร้าย เมื่อพยายามแซงขึ้นไปสู่อันดับ 10 แต่กลับโดน แซม โลวส์ นักบิดอังกฤษจาก มาร์ค วีดีเอส เสียบเข้ามาชนดื้อๆ จน สมเกียรติ ล้ม และไปเกี่ยวกับ ฮอร์เก นาร์บาโร ล้มไปทั้งสิ้น 3 คัน จนไม่สามารถกลับมาแข่งขันต่อได้
จากเหตุการณ์นี้ สมเกียรติ ต้องพลาดการลุ้นเก็บแต้มเพิ่มในสนามนี้ ทั้งที่มีโอกาสลุ้นติดอันดับท็อปเท็น ขณะที่ แซม โลวส์ โดนกรรมการสั่งลงโทษธงดำทันที โดยนักบิดไทยยังคงรั้งอันดับ 24 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 3 คะแนน
สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก สนามถัดไป จะดวลความเร็วในวันที่ 11-13 กันยายนนี้ ในศึก ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนแซลลี
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotoGP #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
ทาคาอากิ นาคากามิ ยอดนักบิดญี่ปุ่นจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า พลาดโพเดี้ยมแรกในชีวิตอย่างน่าเสียดาย ด้วยจุดเปลี่ยนธงแดงในศึก โมโตจีพี สนาม 5 รายการสไตเรียน กรังด์ปรีซ์ แต่ยังเดินหน้าโกยแต้มให้ ฮอนด้า อย่างต่อเนื่อง หลังบิดเข้าป้ายในอันดับ 7 ขณะ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งหนึ่งเดียวของไทยจากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ในเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโตทู ทะยานขึ้นท็อปเท็นแต่โชคร้าย โดน แซม โลวส์ ชนล้ม ต้องออกจากเรซอย่างน่าเสียดาย
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2020 สนามที่ 5 ของปี รายการสไตเรียน กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่เรดบูลล์ ริง ประเทศออสเตรีย
ในเรซนี้ ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า อิเดมิตสึ สร้างผลงานยอดเยี่มด้วยการคว้ากริดที่ 2 มาครอง ส่วน อเล็กซ์ มาร์เกซ รุกกี้ชาวสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ได้ออกตัวจากกริดที่ 16 ตามด้วย คาล ครัทช์โลว นักบิดอังกฤษจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ในกริดที่ 17 และ สเตฟาน แบรเดิล นักบิดเยอรมันที่ลงแข่งแทน มาร์ค มาร์เกซ ให้ เรปโซล ฮอนด้า ในกริดที่ 17
ทาคาอากิ สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น เกาะกลุ่มท็อปทรีได้อย่างเหนียวแน่น มีโอกาสอย่างมากในการขึ้นโพเดี้ยมแรกให้กับตนเอง รวมถึงการคว้าแชมป์แรกในชีวิตกับการแข่งขันรุ่นพรีเมียร์คลาสด้วย ทว่ามีจุดเปลี่ยนช่วง 13 รอบสุดท้าย เกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นในสนาม กรรมการต้องตัดสินใจตีธงแดง และหลังกลับมาดวลกันอีกครั้ง นาคากามิ จบเรซนี้ในอันดับ 7 ตามหลังแชมป์เพียง 1.864 วินาที ส่วน อเล็กซ์ มาร์เกซ, ครัทช์โลว และ แบรเดิล ตามเข้าป้ายในอันดับ 16, 17 และ 18 ตามลำดับ
ผ่านการแข่งขัน 5 สนามของ โมโตจีพี 2020 นาคากามิ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 46 คะแนน อเล็กซ์ มาร์เกซ รั้งอันดับ 15 มี 16 คะแนน ครัทช์โลว ร่วงลงไปอยู่อันดับ 21 มี 7 คะแนน ส่วน แบรเดิล ไม่มีแต้ม
ด้านการแข่งขันในรุ่นโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นสนามที่ 6 ของปี แฟนๆ ชาวไทยส่งกำลังใจลุ้นให้ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งชาวไทยวัย 21 ปี จากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ที่สร้างผลงานอย่างโดดเด่นและทำเวลาขยับขึ้นมาติดกลุ่มหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
นักบิดไทยได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 16 ซึ่งช่วงออกตัว สมเกียรติ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียง 2 รอบขยับแซงคู่แข่ง 5 คันขึ้นมารั้งอันดับ 11 ได้อย่างรวดเร็ว ทว่าในช่วงต้นรอบที่ 3 นักบิดไทยต้องเจอฝันร้าย เมื่อพยายามแซงขึ้นไปสู่อันดับ 10 แต่กลับโดน แซม โลวส์ นักบิดอังกฤษจาก มาร์ค วีดีเอส เสียบเข้ามาชนดื้อๆ จน สมเกียรติ ล้ม และไปเกี่ยวกับ ฮอร์เก นาร์บาโร ล้มไปทั้งสิ้น 3 คัน จนไม่สามารถกลับมาแข่งขันต่อได้
จากเหตุการณ์นี้ สมเกียรติ ต้องพลาดการลุ้นเก็บแต้มเพิ่มในสนามนี้ ทั้งที่มีโอกาสลุ้นติดอันดับท็อปเท็น ขณะที่ แซม โลวส์ โดนกรรมการสั่งลงโทษธงดำทันที โดยนักบิดไทยยังคงรั้งอันดับ 24 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 3 คะแนน
สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก สนามถัดไป จะดวลความเร็วในวันที่ 11-13 กันยายนนี้ ในศึก ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนแซลลี
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotoGP #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
87
Sport News & Motor Sport / ฉลาม เปิดตัว โปรเจคยักษ์ เชิญแฟน 30 คนร่วมงานแถลงในโรงหนัง
« on: August 20, 2020, 07:43:04 AM »
ฉลาม เปิดตัว โปรเจคยักษ์ เชิญแฟน 30 คนร่วมงานแถลงในโรงหนัง
ฉลามชล จัดแถลงข่าว เปิดตัวโปรเจคยักษ์ “20 ปี ชลบุรี เอฟซี” 23 ส.ค.นี้ ที่โรงภาพยนต์ เมกาซีนีเพล็กซ์ เมกาบางนา พร้อมเรียนเชิญ 30 แฟนคลับพันธุ์แท้ เข้าร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ความเคลื่อนไหวของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ล่าสุดได้เตรียมจัดงานแถลง เปิดตัวโปรเจคใหญ่ “20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" พร้อมเผยรายละเอียดต่างๆ อย่างเป็นทางการ ต่อหน้าแฟนบอล และ สื่อมวลชน ในวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค.นี้ ณ โรงภาพยนตร์ เมกาซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้า เมกาบางนา โดยงานเริ่มตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป พร้อมเปิดรับสมัคร แฟนคลับ เลือด น้ำเงิน-ฟ้า พันธุ์แท้ จำนวน 30 ที่นั่ง (1 สิทธิ์ต่อ 1 ที่นั่ง) เข้าร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ด้าน “บิ๊กจี” คุณ จีรศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และ การตลาด ได้ออกมาเผยถึงรายละเอียด การเปิดตัว โปรเจคใหญ่ 20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" ครั้งนี้ว่า
“เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี การก่อตั้ง สโมสร ชลบุรี เอฟซี ทางบอร์ดบริหาร มีความคิด อยากที่จะทำโปรเจ็คใหญ่ขึ้นมา สักโปรเจ็คหนึ่ง โดยมีเป้าหมาย ในการถ่ายทอด การดำเนินงานด้านกีฬาฟุตบอล เพื่อส่งต่อให้กับ คนรุ่นใหม่ๆ ได้เห็น ความมุ่งมั่น ตั้งใจอันแน่วแน่ ที่เราได้ทำมาตลอด 20 ปี ได้สร้างนักเตะชื่อดังมาประดับวงการมากมาย โดย ชลบุรี เอฟซี ขอเป็นตัวแทน คนฟุตบอล ร่วมสร้าง และ ผลิต สิ่งของที่มีคุณค่า เก็บเอาไว้ให้เป็นสมบัติของสโมสร และ วงการฟุตบอลไทย”
“โปรเจ็คนี้ สโมสรได้เปิดโอกาสให้แฟนบอลได้มีส่วนร่วมด้วย ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เราก็ได้มีการเชิญแฟนบอล มาร่วมถ่ายทำ VTR ฉลองครบรอบ 20 ปี ชลบุรี เอฟซี กว่า 300 คน ไปแล้ว ขณะที่ในวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. นี้ เราจะได้มีการจัดงานแถลงข่าว เปิดตัวโปรเจ็ค 20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" ซึ่งจะจัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ เมกาซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้า เมกาบางนา”
“โดยจะมีบรรดา ทีมงานผู้บริหาร, สตาฟฟ์โค้ช, นักเตะ, ผู้สนับสนุน และ สื่อมวลชน มาร่วมงานอย่างคับคั่ง และ สโมสร จะเปิดรับสมัครแฟนคลับพันธุ์แท้ จำนวน 30 ที่นั่ง (1 สิทธิ์ต่อ 1 ที่นั่ง) และ รายชื่อสำรอง 10 ท่าน เข้าร่วมงาน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่ วันนี้ - วันศุกร์ที่ 21 ส.ค. เวลา 12.00 น. ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdWK_KVRa3R6bH3Y_6rW1FrYD_wEgTeOeHWHri1pq0a3PCDTg/viewform และ จะประกาศรายชื่อ แฟนบอลผู้โชคดี 30 ท่าน และ รายชื่อสำรอง 10 ท่าน วันศุกร์ที่ 21 ส.ค. เวลา 15.00 น. ในแฟนเพจ www.facebook.com/chonburi.football.club/” โดยท่านใดที่ได้รับเชิญ ขอให้แต่งตัว ใส่เสื้อแข่งทีมเหย้า สีน้ำเงิน-ฟ้า ที่มีโลโก้ เครื่องดื่ม ตรา ช้าง มาร่วมงานนะครับ”
“ส่วนใครที่พลาดลงทะเบียนไม่ทัน ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะเราจะมีการถ่ายทอดสด บรรยากาศงานแถลงข่าว ครั้งนี้ ให้ทุกท่านได้รับชมกันเหมือนเดินทางไปร่วมงานจริงๆ ผ่านทาง แฟนเพจ www.facebook.com/chonburi.football.club/ ซึ่ง ผม ก็อยากขอเชิญชวนให้แฟนคลับ “ฉลามชล” และ แฟนบอลทุกท่าน ติดตามงานแถลงข่าว เปิดตัวโปรเจ็ค “20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" กันให้ดีนะครับ รับรองได้เลยว่า จะมีสิ่งที่น่าสนใจ และ เรื่องราวมากมาย สมกับการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส ครบรอบ 20 ปี สโมสร แน่นอนครับ” “บิ๊กจี” กล่าวทิ้งท้าย
ฉลามชล จัดแถลงข่าว เปิดตัวโปรเจคยักษ์ “20 ปี ชลบุรี เอฟซี” 23 ส.ค.นี้ ที่โรงภาพยนต์ เมกาซีนีเพล็กซ์ เมกาบางนา พร้อมเรียนเชิญ 30 แฟนคลับพันธุ์แท้ เข้าร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ความเคลื่อนไหวของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ล่าสุดได้เตรียมจัดงานแถลง เปิดตัวโปรเจคใหญ่ “20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" พร้อมเผยรายละเอียดต่างๆ อย่างเป็นทางการ ต่อหน้าแฟนบอล และ สื่อมวลชน ในวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค.นี้ ณ โรงภาพยนตร์ เมกาซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้า เมกาบางนา โดยงานเริ่มตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป พร้อมเปิดรับสมัคร แฟนคลับ เลือด น้ำเงิน-ฟ้า พันธุ์แท้ จำนวน 30 ที่นั่ง (1 สิทธิ์ต่อ 1 ที่นั่ง) เข้าร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ด้าน “บิ๊กจี” คุณ จีรศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และ การตลาด ได้ออกมาเผยถึงรายละเอียด การเปิดตัว โปรเจคใหญ่ 20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" ครั้งนี้ว่า
“เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี การก่อตั้ง สโมสร ชลบุรี เอฟซี ทางบอร์ดบริหาร มีความคิด อยากที่จะทำโปรเจ็คใหญ่ขึ้นมา สักโปรเจ็คหนึ่ง โดยมีเป้าหมาย ในการถ่ายทอด การดำเนินงานด้านกีฬาฟุตบอล เพื่อส่งต่อให้กับ คนรุ่นใหม่ๆ ได้เห็น ความมุ่งมั่น ตั้งใจอันแน่วแน่ ที่เราได้ทำมาตลอด 20 ปี ได้สร้างนักเตะชื่อดังมาประดับวงการมากมาย โดย ชลบุรี เอฟซี ขอเป็นตัวแทน คนฟุตบอล ร่วมสร้าง และ ผลิต สิ่งของที่มีคุณค่า เก็บเอาไว้ให้เป็นสมบัติของสโมสร และ วงการฟุตบอลไทย”
“โปรเจ็คนี้ สโมสรได้เปิดโอกาสให้แฟนบอลได้มีส่วนร่วมด้วย ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เราก็ได้มีการเชิญแฟนบอล มาร่วมถ่ายทำ VTR ฉลองครบรอบ 20 ปี ชลบุรี เอฟซี กว่า 300 คน ไปแล้ว ขณะที่ในวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. นี้ เราจะได้มีการจัดงานแถลงข่าว เปิดตัวโปรเจ็ค 20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" ซึ่งจะจัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ เมกาซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้า เมกาบางนา”
“โดยจะมีบรรดา ทีมงานผู้บริหาร, สตาฟฟ์โค้ช, นักเตะ, ผู้สนับสนุน และ สื่อมวลชน มาร่วมงานอย่างคับคั่ง และ สโมสร จะเปิดรับสมัครแฟนคลับพันธุ์แท้ จำนวน 30 ที่นั่ง (1 สิทธิ์ต่อ 1 ที่นั่ง) และ รายชื่อสำรอง 10 ท่าน เข้าร่วมงาน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่ วันนี้ - วันศุกร์ที่ 21 ส.ค. เวลา 12.00 น. ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdWK_KVRa3R6bH3Y_6rW1FrYD_wEgTeOeHWHri1pq0a3PCDTg/viewform และ จะประกาศรายชื่อ แฟนบอลผู้โชคดี 30 ท่าน และ รายชื่อสำรอง 10 ท่าน วันศุกร์ที่ 21 ส.ค. เวลา 15.00 น. ในแฟนเพจ www.facebook.com/chonburi.football.club/” โดยท่านใดที่ได้รับเชิญ ขอให้แต่งตัว ใส่เสื้อแข่งทีมเหย้า สีน้ำเงิน-ฟ้า ที่มีโลโก้ เครื่องดื่ม ตรา ช้าง มาร่วมงานนะครับ”
“ส่วนใครที่พลาดลงทะเบียนไม่ทัน ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะเราจะมีการถ่ายทอดสด บรรยากาศงานแถลงข่าว ครั้งนี้ ให้ทุกท่านได้รับชมกันเหมือนเดินทางไปร่วมงานจริงๆ ผ่านทาง แฟนเพจ www.facebook.com/chonburi.football.club/ ซึ่ง ผม ก็อยากขอเชิญชวนให้แฟนคลับ “ฉลามชล” และ แฟนบอลทุกท่าน ติดตามงานแถลงข่าว เปิดตัวโปรเจ็ค “20 ปี ชลบุรี เอฟซี เพราะเรา #เชื่อที่จะชล" กันให้ดีนะครับ รับรองได้เลยว่า จะมีสิ่งที่น่าสนใจ และ เรื่องราวมากมาย สมกับการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส ครบรอบ 20 ปี สโมสร แน่นอนครับ” “บิ๊กจี” กล่าวทิ้งท้าย
88
Sport News & Motor Sport / “เสมาเพชร” ได้ไปต่อ คว้าชัยศึก ONE: NO SURRENDER II
« on: August 19, 2020, 08:19:43 AM »
“เสมาเพชร” ได้ไปต่อ คว้าชัยศึก ONE: NO SURRENDER II
สิงห์เหนือ “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” พิชิตเสือใต้"รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม" ศึก ONE: NO SURRENDER II ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ด้าน เซราะกราว และ ยอดไก่แก้ว เก็บชัยชนะกลับค่ายได้สมใจ
ศึก วัน แชมเปียนชิพ ONE: NO SURRENDER II วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563 จัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ในระบบปิด โดยคู่เอกเป็นการพบกันระหว่าง “สิงห์เหนือ” เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ กับ “เสือใต้” รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ที่พบกันเป็นครั้งที่ 4 แต่เป็นครั้งแรกในแบบกติกามวยไทย 3 ยก ซึ่งเป็นคู่แรกของทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต โดยผู้ชนะจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพื่อไปเจอกับผู้ชนะคู่เอกของศึกถัดไป
ภาพรวมคู่นี้ เสมาเพชร ได้เปรียบเรื่องรูปร่างสูงยาวและความหนุ่มสด มาพร้อมกับความไวและแข็งแกร่ง มีการออกอาวุธเป็นชุดทั้งแข้งและหมัดได้จะแจ้งชัดเจนกว่าในช่วงสองยกแรก ขณะที่ รถเหล็ก เดินบุกตลอดแต่อ่อนอาวุธกว่า เพราะเน้นป้องกัน ตั้งการ์ด ระวังหมัดของ เสมาเพชร กระทั่งยกสุดท้าย รถเหล็ก เดินไล่เจาะยางและจ้วงหมัด แต่ก็ไล่ไม่ทัน นักมวยรุ่นน้องค่ายใหญ่จากพัทยาจึงคว้าชัยไปแบบเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) ได้ก้าวเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์
ด้าน “ลีโอ ปินโต” พบกับ “เมห์ดี ซาทูต” ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง 3 ยก รุ่นแบนตัมเวต โดยเมห์ดี วัย 36 ปี แม้จะอายุมากกว่า ลีโอ ถึง 10 ปี แต่ความแข็งแกร่งและว่องไวนั้นกลับดูเหนือกว่า อีกทั้งการออกหมัดชุดและการสาดแข้งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคมเฉียบคมและจะแจ้ง ส่วน ลีโอ ที่ดูช้ากว่า ยังติดการชกรูปแบบมวยไทยมากเกินไป โดยจับขาของอีกฝ่าย จนกรรมการออกโรงเตือนหลายครั้ง หลังครบ 3 ยกนักชกแอลจีเรียรุ่นพี่จึงคว้าชัยไปอย่างเป็นเอกฉันท์
ส่วนการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) แคตช์เวต 59.5 กก. “พงษ์ศิริ มิตรสาธิต” วัย 24 ปี กับคู่แข่งชาวอาทิตย์อุทัย “อากิฮิโร ฟูจิซาวา” วัย 40 ปี ช่วงต้นคู่นี้ยังทำอะไรกันไม่ถนัด คลุกวงในได้สักพัก ฝ่ายนักสู้จากแดนซามูไรก็พาลงไปเล่นเกมภาคพื้นที่ถนัด แต่ พงษ์ศิริ ป้องกันตัวได้ดี แม้จะถูกขึ้นคร่อมและเกือบโดนล็อกคอ แต่แล้วในช่วง 10 วินาทีสุดท้าย แชมป์มวยไทยภาคเหนือหนุ่มกลับการ์ดตก เป็นโอกาสให้ อากิฮิโร จ้วงหมัดซัดเข้าหน้าอย่างจังจนเสียน็อกไปอย่างน่าเสียดายในช่วง 5 วินาทีสุดท้ายก่อนหมดยกแรก
ผลมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต การแข่งขันมวยไทย 3 ยก ระหว่าง “เซราะกราว เพชรยินดีอะคาเดมี” พบกับ “พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” คู่นี้ฝ่ายหนึ่งลดน้ำหนักลงมาสู้ อีกฝ่ายเพิ่มน้ำหนักขึ้นไป เพื่อให้อยู่ในรุ่นเฟเธอร์เวต จึงกลายเป็นศึกที่สองของ พงษ์ศิริ ที่ต้องเจอกับคู่แข่งใหญ่จากค่ายเพชรยินดีฯ
เซราะกราว นั้นได้เปรียบเรื่องรูปร่าง ความยาว และไวกว่า จึงใช้ลูกถีบและเตะเพื่อสกัด พงษ์ศิริ ไม่ให้เข้าถึงตัว แม้ พงษ์ศิริ จะใช้ความพยายามหาจังหวะเข้าทำ แต่ก็โดนแข้งโต้กลับมา ตามมาด้วยทั้งศอกและหมัด ดีที่ได้ความอึดและลูกแข็งแรง เดินเข้าทำต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บชัยในไฟต์นี้ได้ ปล่อยให้ เซราะกราว ชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
ด้าน“ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์” และ “จอห์น ชิงค์” จากไทเกอร์มวยไทย พบกันในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นฟลายเวต ด้วยความที่มีพื้นฐานมวยไทยทั้งคู่ จึงยืนสู้กันได้อย่างไม่ยำเกรง ก่อนที่ฝ่าย จอห์น ชิงค์ จะเริ่มเปิดเกมภาคพื้นก่อน แต่ ยอดไก่แก้ว มีการป้องกันตัวที่รัดกุมจึงไม่เพลี่ยงพล้ำ แถมยังมีหมัดที่ฮุกอันตราย ซึ่งสร้างชัยชนะให้เขาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ปล่อยฮุกขวาเข้าเต็มกรามอีกฝ่ายจนร่วงลงพื้นให้กรรมการยุติการแข่งขันในนาทีที่ 1.11 ของยกที่สอง
ส่วนมวยไทย รุ่นฟลายเวตเวต “ฮวง ดิง” นักชกชาวจีน พบกับ “ฟาห์ดี คาเล็ด” จากตูนีเซีย เปิดยกแรก ฟาห์ดี เป็นฝ่ายแจกลูกถีบ และชวนเปิดศึกแลกแข้ง ไม่รีรอให้เสียเวลา แถมมีหมัดและศอกที่รวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ด้าน ฮวง ดิง เป็นฝ่ายตั้งรับ โดยใช้หมัดและแข้งจ้วงแทงตอบโต้อีกฝ่าย แต่ก็ต้านความแข็งแกร่งของ ฟาห์ดี ไม่ได้ ทำให้เมื่อครบ 3 ยก นักชกจากตูนีเซียเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์
สิงห์เหนือ “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” พิชิตเสือใต้"รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม" ศึก ONE: NO SURRENDER II ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ด้าน เซราะกราว และ ยอดไก่แก้ว เก็บชัยชนะกลับค่ายได้สมใจ
ศึก วัน แชมเปียนชิพ ONE: NO SURRENDER II วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563 จัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ในระบบปิด โดยคู่เอกเป็นการพบกันระหว่าง “สิงห์เหนือ” เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ กับ “เสือใต้” รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ที่พบกันเป็นครั้งที่ 4 แต่เป็นครั้งแรกในแบบกติกามวยไทย 3 ยก ซึ่งเป็นคู่แรกของทัวร์นาเมนต์ ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต โดยผู้ชนะจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพื่อไปเจอกับผู้ชนะคู่เอกของศึกถัดไป
ภาพรวมคู่นี้ เสมาเพชร ได้เปรียบเรื่องรูปร่างสูงยาวและความหนุ่มสด มาพร้อมกับความไวและแข็งแกร่ง มีการออกอาวุธเป็นชุดทั้งแข้งและหมัดได้จะแจ้งชัดเจนกว่าในช่วงสองยกแรก ขณะที่ รถเหล็ก เดินบุกตลอดแต่อ่อนอาวุธกว่า เพราะเน้นป้องกัน ตั้งการ์ด ระวังหมัดของ เสมาเพชร กระทั่งยกสุดท้าย รถเหล็ก เดินไล่เจาะยางและจ้วงหมัด แต่ก็ไล่ไม่ทัน นักมวยรุ่นน้องค่ายใหญ่จากพัทยาจึงคว้าชัยไปแบบเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) ได้ก้าวเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์
ด้าน “ลีโอ ปินโต” พบกับ “เมห์ดี ซาทูต” ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง 3 ยก รุ่นแบนตัมเวต โดยเมห์ดี วัย 36 ปี แม้จะอายุมากกว่า ลีโอ ถึง 10 ปี แต่ความแข็งแกร่งและว่องไวนั้นกลับดูเหนือกว่า อีกทั้งการออกหมัดชุดและการสาดแข้งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคมเฉียบคมและจะแจ้ง ส่วน ลีโอ ที่ดูช้ากว่า ยังติดการชกรูปแบบมวยไทยมากเกินไป โดยจับขาของอีกฝ่าย จนกรรมการออกโรงเตือนหลายครั้ง หลังครบ 3 ยกนักชกแอลจีเรียรุ่นพี่จึงคว้าชัยไปอย่างเป็นเอกฉันท์
ส่วนการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) แคตช์เวต 59.5 กก. “พงษ์ศิริ มิตรสาธิต” วัย 24 ปี กับคู่แข่งชาวอาทิตย์อุทัย “อากิฮิโร ฟูจิซาวา” วัย 40 ปี ช่วงต้นคู่นี้ยังทำอะไรกันไม่ถนัด คลุกวงในได้สักพัก ฝ่ายนักสู้จากแดนซามูไรก็พาลงไปเล่นเกมภาคพื้นที่ถนัด แต่ พงษ์ศิริ ป้องกันตัวได้ดี แม้จะถูกขึ้นคร่อมและเกือบโดนล็อกคอ แต่แล้วในช่วง 10 วินาทีสุดท้าย แชมป์มวยไทยภาคเหนือหนุ่มกลับการ์ดตก เป็นโอกาสให้ อากิฮิโร จ้วงหมัดซัดเข้าหน้าอย่างจังจนเสียน็อกไปอย่างน่าเสียดายในช่วง 5 วินาทีสุดท้ายก่อนหมดยกแรก
ผลมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต การแข่งขันมวยไทย 3 ยก ระหว่าง “เซราะกราว เพชรยินดีอะคาเดมี” พบกับ “พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” คู่นี้ฝ่ายหนึ่งลดน้ำหนักลงมาสู้ อีกฝ่ายเพิ่มน้ำหนักขึ้นไป เพื่อให้อยู่ในรุ่นเฟเธอร์เวต จึงกลายเป็นศึกที่สองของ พงษ์ศิริ ที่ต้องเจอกับคู่แข่งใหญ่จากค่ายเพชรยินดีฯ
เซราะกราว นั้นได้เปรียบเรื่องรูปร่าง ความยาว และไวกว่า จึงใช้ลูกถีบและเตะเพื่อสกัด พงษ์ศิริ ไม่ให้เข้าถึงตัว แม้ พงษ์ศิริ จะใช้ความพยายามหาจังหวะเข้าทำ แต่ก็โดนแข้งโต้กลับมา ตามมาด้วยทั้งศอกและหมัด ดีที่ได้ความอึดและลูกแข็งแรง เดินเข้าทำต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บชัยในไฟต์นี้ได้ ปล่อยให้ เซราะกราว ชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
ด้าน“ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์” และ “จอห์น ชิงค์” จากไทเกอร์มวยไทย พบกันในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นฟลายเวต ด้วยความที่มีพื้นฐานมวยไทยทั้งคู่ จึงยืนสู้กันได้อย่างไม่ยำเกรง ก่อนที่ฝ่าย จอห์น ชิงค์ จะเริ่มเปิดเกมภาคพื้นก่อน แต่ ยอดไก่แก้ว มีการป้องกันตัวที่รัดกุมจึงไม่เพลี่ยงพล้ำ แถมยังมีหมัดที่ฮุกอันตราย ซึ่งสร้างชัยชนะให้เขาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ปล่อยฮุกขวาเข้าเต็มกรามอีกฝ่ายจนร่วงลงพื้นให้กรรมการยุติการแข่งขันในนาทีที่ 1.11 ของยกที่สอง
ส่วนมวยไทย รุ่นฟลายเวตเวต “ฮวง ดิง” นักชกชาวจีน พบกับ “ฟาห์ดี คาเล็ด” จากตูนีเซีย เปิดยกแรก ฟาห์ดี เป็นฝ่ายแจกลูกถีบ และชวนเปิดศึกแลกแข้ง ไม่รีรอให้เสียเวลา แถมมีหมัดและศอกที่รวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ด้าน ฮวง ดิง เป็นฝ่ายตั้งรับ โดยใช้หมัดและแข้งจ้วงแทงตอบโต้อีกฝ่าย แต่ก็ต้านความแข็งแกร่งของ ฟาห์ดี ไม่ได้ ทำให้เมื่อครบ 3 ยก นักชกจากตูนีเซียเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์
89
Sport News & Motor Sport / “สมเกียรติ” กดเวลาติดจ่าฝูง 0.544 วินาที เจ้าตัวมั่นใจทะลุควอลิฟาย Q2
« on: August 19, 2020, 08:16:05 AM »
“สมเกียรติ” กดเวลาติดจ่าฝูง 0.544 วินาที เจ้าตัวมั่นใจทะลุควอลิฟาย Q2
ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ทำผลงานรอบซ้อมวันแรก ในศึกออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ ได้ตามเป้าหมาย กดเวลาเร็วสุด 1 นาที 29.529 วินาที ติดกลุ่มผู้นำ 15 คันแรก ตามหลังจ่าฝูงเพียง 0.544 วินาที พร้อมแสดงความมั่นใจตั้งเป้าผ่านเข้ารอบควอลิฟาย Q2 หวังชิงกริดสตาร์ทแถวหน้า
เจ้าของฉายา “คิงคองก้อง” นักบิดดาวรุ่งชาวไทยหนึ่งเดียวในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ สังกัดทีมแข่ง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย หมายเลข 35 กล่าวว่า ตัวเขามีความชื่นชอบสนามแห่งนี้เป็นพิเศษ ด้วยสไตล์การขับขี่ของตัวเองที่ใช้เบรกหนักและเปิดคันเร่งเร็ว ดูจะมีความเหมาะสมกับที่นี่ ซึ่งเมื่อปีก่อนเจ้าตัวสามารถคว้ากริดสตาร์ทแถวหน้าได้ในอันดับที่ 3
“ในวันแรกเราเลือกใช้ข้อมูลการเซตอัพรถจากปีก่อน เพื่อพยายามทำเวลาในรอบ FP1 ให้ดีที่สุด ส่วนในรอบ FP2 ที่มีฝนเล็กน้อย พวกเราทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดยเลือกเปลี่ยนยางเก่าที่ใช้แล้วลงสนาม และเมื่อสิ้นสุดรอบซ้อม ผมทำได้ในอันดับที่ 15 เวลาห่างจากหัวตารางเพียง 0.5 วินาทีเท่านั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่าพรุ่งนี้(15 ส.ค.) ด้วยการใช้ยางใหม่ ตัวผมจะสามารถทำเวลาผ่านเข้ารอบ Q2 ในรอบจัดอันดับกริดสตาร์ท”
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถรับชมการถ่ายทอดสด ศึกออสเตรียน จีพี ได้ทางช่อง PPTV HD36 รอบชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมนี้ รุ่นโมโตทู ชิงชัยเวลา 17:20 น. ตามเวลาประเทศไทย
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotoGP #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ทำผลงานรอบซ้อมวันแรก ในศึกออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ ได้ตามเป้าหมาย กดเวลาเร็วสุด 1 นาที 29.529 วินาที ติดกลุ่มผู้นำ 15 คันแรก ตามหลังจ่าฝูงเพียง 0.544 วินาที พร้อมแสดงความมั่นใจตั้งเป้าผ่านเข้ารอบควอลิฟาย Q2 หวังชิงกริดสตาร์ทแถวหน้า
เจ้าของฉายา “คิงคองก้อง” นักบิดดาวรุ่งชาวไทยหนึ่งเดียวในศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ สังกัดทีมแข่ง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย หมายเลข 35 กล่าวว่า ตัวเขามีความชื่นชอบสนามแห่งนี้เป็นพิเศษ ด้วยสไตล์การขับขี่ของตัวเองที่ใช้เบรกหนักและเปิดคันเร่งเร็ว ดูจะมีความเหมาะสมกับที่นี่ ซึ่งเมื่อปีก่อนเจ้าตัวสามารถคว้ากริดสตาร์ทแถวหน้าได้ในอันดับที่ 3
“ในวันแรกเราเลือกใช้ข้อมูลการเซตอัพรถจากปีก่อน เพื่อพยายามทำเวลาในรอบ FP1 ให้ดีที่สุด ส่วนในรอบ FP2 ที่มีฝนเล็กน้อย พวกเราทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดยเลือกเปลี่ยนยางเก่าที่ใช้แล้วลงสนาม และเมื่อสิ้นสุดรอบซ้อม ผมทำได้ในอันดับที่ 15 เวลาห่างจากหัวตารางเพียง 0.5 วินาทีเท่านั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่าพรุ่งนี้(15 ส.ค.) ด้วยการใช้ยางใหม่ ตัวผมจะสามารถทำเวลาผ่านเข้ารอบ Q2 ในรอบจัดอันดับกริดสตาร์ท”
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถรับชมการถ่ายทอดสด ศึกออสเตรียน จีพี ได้ทางช่อง PPTV HD36 รอบชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมนี้ รุ่นโมโตทู ชิงชัยเวลา 17:20 น. ตามเวลาประเทศไทย
#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #MotoGP #MotorSport #SC35 #Moto2 #RaceToTheDream #APHondaThailand #IdemitsuHondaTeamAsia
90
Sport News & Motor Sport / ยืนยันจัดงาน “Toshiba Run วิ่งขนอม-สิชล คนเมืองคอน” 27 ก.ย. 63
« on: August 14, 2020, 02:31:06 PM »
ยืนยันจัดงาน “Toshiba Run วิ่งขนอม-สิชล คนเมืองคอน” 27 ก.ย. 63
โตชิบา ไทยแลนด์ ยืนยันการจัดงาน Toshiba Run 2020 "วิ่งขนอม-สิชล คนเมืองคอน" งานวิ่งวิถีใหม่ (New Normal) วิ่งพิชิตเนิน แบบห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ บนถนนเลียบชายทะเลที่สวยที่สุด ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เงินรายได้หักค่าใช้จ่ายเพื่อมอบให้โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563 ณ เขาพลายดำ ขนอม-สิชล จ.นครศรีธรรมราช รายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครทางออนไลน์ได้แล้วที่ www.toshibarun.com
โตชิบา ไทยแลนด์ ยืนยันการจัดงาน Toshiba Run 2020 "วิ่งขนอม-สิชล คนเมืองคอน" งานวิ่งวิถีใหม่ (New Normal) วิ่งพิชิตเนิน แบบห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ บนถนนเลียบชายทะเลที่สวยที่สุด ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เงินรายได้หักค่าใช้จ่ายเพื่อมอบให้โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563 ณ เขาพลายดำ ขนอม-สิชล จ.นครศรีธรรมราช รายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครทางออนไลน์ได้แล้วที่ www.toshibarun.com