Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - YAHOO

Pages: 1 ... 127 128 [129] 130 131 ... 134
1921
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00 น.

 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1348 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.02 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.05 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19100 บาท กับ 19200 บาท GFZ10 เปิดที่ 19300 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19360 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19290 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19390 บาท น้ำมันลดลง 1.41 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 81.85 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 173.35 จุด มาปิดที่ระดับ 1181.23 จุด โดยราคาทองคำในตลาดเอเชียค่อนข้างคึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ผลักดันให้ราคา ทะลุ 1350 เหรียญ และไปทำสูงสุดที่ระดับ 1358 เหรียญ Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4256 คู่สัญญา ลดลง 19% และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2430 คู่สัญญา ลดลง 20% ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายลดลงกว่าวันก่อน Open Interest 50 บาทเพิ่มขึ้น 3% และ Open Interest 10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05% ตามลำดับ ในช่วงตลาดลอนดอนและComex ราคาเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ 1353-1358 เหรียญ โดยที่ในช่วงต้นตลาดปรับตัวลดลงมาก่อน และทดสอบด้านล่างที่ระดับ 1349 เหรียญ อีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นระยะสั้นๆก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาและปิดตลาดที่ระดับ 1353 เหรียญ ในตลาดเช้านี้มีการดีดตัวหลังจากตลาด Electronic มาอยู่ที่ระดับ 1358 เหรียญ ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญคือ ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานยังอยู่ในอัตราที่สูง คือ 439000 ตำแหน่ง ส่วน Philly Fed Manufacturing Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อยู่ที่ 22.5% จากเดิมอยู่ที่ 1.0% อย่างไรก็ดีตลาดยังให้ความสนใจข่าวของไอซแลนด์ ซึ่งจะได้รับการแก้ปัญหาจากอียู ซึ่งจะประกาศในวันนี้ โดยค่าเงินยูโรปรับตัวสูงขึ้นมายืนเหนือ 1.3600 ดอลลาร์/ยูโร ได้อีกครั้งหนึ่ง จากระดับ 1.3518 ดอลลาร์/ยูโร โดยกลับมาอยู่ที่ 1.3636
 
          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1350 เหรียญได้ตลอดเวลาการซื้อขายทั้งในตลาดเอเชียและComex และตลาดElectronic สามารถทดสอบที่ระดับ 1360 เหรียญได้ ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1358 $ สรุปได้ว่าราคาทองคำอยู่ในภาวะหยุดตก และกำลังเข้าสู่ภาวะขาขึ้น โดยจะกลับตัวขึ้นมาก่อน และมีแนวต้านแรกที่ระดับ 1365 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยกองอยู่ 3 เส้น ถ้าทะลุขึ้นไปได้ จะเกิดสัญญาณซื้ออย่างรุนแรง แนวรับอยู่ที่ระดับ 1345$ ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 19200 บาท และ 19300 บาท ปิดที่ระดับ 1355 $ ราคาทองคำแท่งของไทย วันนี้มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19150 บาท แนวต้าน 19400 บาท Gold Futures Series Z10 แนวรับอยู่ที่ระดับ 19350 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19500 บาท โดยที่ค่าเงินบาทเช้านี้เองเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ 29.88 บาท/ดอลลาร์
 
          คำแนะนำ
          นักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์การดีดตัวเช่นเดิมและน่าจะแกวงตัวในขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1365 เหรียญ
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ยังเป็นลักษณะการรอช้อนซื้อต่อเนื่องและ รักษา 60% หาจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังเป็นหาจังหวะซื้อ โดยรอ และมี Port ประมาณ 50% น้อยยกว่า Weekly trade สรุปได้ว่า เป็นการย้ำเตือนอีกครั้งว่า นักลงทุนไม่ควรถือสถานะ Short และควรเปลี่ยนเป็น Long Positioneekly trade
 
          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

1922
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2553   
 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,200 - 19,300
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,359
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.80 – 29.88
          - GFZ10 Hi- Low 19,420 – 19,280 ปิดที่ 19,400
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 16.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,353.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,334 - 1,356 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อ 2 วันทำการที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมทะยานขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับรายงานกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดพุ่ง 173.35 จุด หรือ 1.57% แตะที่ 11,181.23 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 18.10 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 1,196.69 จุด ขานรับรายงานกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐที่ขยายตัวมากเกินคาด และข่าวบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) สามารถระดมทุนได้สูงถึง 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้น IPO นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า รัฐบาลไอร์แลนด์จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.85 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่ว่า ไอร์แลนด์จะสามารถแก้วิกฤตหนี้สาธารณะได้ด้วยการรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้ปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 19 พฤศจิกายน ขายออก 4.56 ตันเปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1,290.86 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,286.30 ตัน
          USD/EU ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3633 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธ (17 พ.ย.) ที่ 1.3518 ดอลลาร์สหรัฐ
          USD/JPY ค่าเงินเยนเปิดที่ 83.46 เยน ต่อดอลล่าร์สหรัฐ
          USD/THB ค่าเงินบาทเปิดที่ 29.88 ต่อดอลล่าร์สหรัฐ
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนตุลาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายน สะท้อนให้เห็นว่าจังหวะการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในระดับปานกลาง แอตตาแมน ออซยิดิริม นักเศรษฐศาสตร์ของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยังคงเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวในระดับปานกลางอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น
          - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผย ดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 22.5 จุดในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.0 จุด บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
          - แพทริก โฮโนฮาน ผู้ว่าการธนาคารกลางไอร์แลนด์คาดว่า ไอร์แลนด์จะตกลงรับเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านยูโร เพื่อบรรเทาปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศ ทั้งนี้ อียูและไอเอ็มเอฟต้องประเมินมูลค่าหนี้สาธารณะ รวมถึงสถานะการคลังของไอร์แลนด์ และสถานะการเงินของธนาคารในประเทศ รวมถึงกำหนดมาตรการที่จำเป็นเพื่อเป็นหลักประกันว่า ไอร์แลนด์จะไม่ผิดนัดชำระหนี้ โดยการแสดงความคิดเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางไอร์แลนด์ที่นครแฟรงก์เฟิร์ตในครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ภาคธุรกิจการเงินจากกลุ่มสมาชิกอียูและไอเอ็มเอฟจัดการเจรจาในกรุงดับลิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง ธนาคารกลาง และเจ้าหน้าที่กำกับดูแลตลาดเงิน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าการประชุมของอียูและไอเอ็มเอฟเพื่อหาข้อสรุปการให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์นั้นจะใช้เวลาหลายวัน
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะระดับ 439,000 ราย ใกล้เคียงที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 440,000 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 443,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค.2551
          - จีนมีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในปีนี้ เพื่อชะลอช่วงขาขึ้นของราคาสินค้า เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรีจีนเมื่อวานนี้ที่ว่า ทางการจีนจะใช้มาตรการควบคุมราคาหากเห็นว่าจำเป็น ลู เจินเหว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงค์ กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรีจีนประกาศแนวทางในการควบคุมราคาสินค้านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าในปัจจุบันอยู่ในขั้นที่วิกฤต และจีนให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อเป็นอันดับแรก
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

18 – 19  พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพฤหัสบดี
 ·   Unemployment Claims

·   Philly FedManufacturing Index

·   ECB President Trichet Speaks
 435K

1.0

-
 442K

5.1

-
 439K

22.5

-
 
วันศุกร์
 ·   Fed Chairman Bernanke Speaks

·   ECB President Trichet Speaks
 -

-
 -

-

1923
MTS GOLD แม่ทองสุกจัดโปรโมชั่นพิเศษ ““เอ็มทีเอส เทรด โกลด์ฟิวเจอร์ส X4”


 
           MTS GOLD แม่ทองสุกจัดโปรโมชั่นพิเศษ ““เอ็มทีเอส เทรด โกลด์ฟิวเจอร์ส X4” พร้อมนำบริการลงทุนทองครบวงจร “ทองแท่ง-ฟิวเจอร์ส” ร่วมงานถนนสายลงทุนทองคำ

          ค่ายเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส ผู้นำด้านการลงทุนทองคำครบวงจรและผู้นำด้านการลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์ส จัดแคมเปญพิเศษ “เอ็มทีเอส เทรด โกลด์ฟิวเจอร์ส X4 เท่า” รับกิจกรรมถนนสายลงทุนทองคำ ในงาน Set In The City 2010 ในช่วง 18-21 พฤศจิกายนนี้ ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอนเพื่ออบสิทธิพิเศษให้ลูกค้ารับแต้มสะสมอีกเท่าตัว เพื่อรับของรางวัลมากมาย อาทิ ทริปท่องเที่ยวกรุงเทพฯ-สิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน, คอมพิวเตอร์แม็กบุ๊คโปร , โทรศัพท์ไอโฟน 4 , คอมพิวเตอร์ ไอแพด ฯลฯ

          นาย ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะที่กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ทองคำที่เข้าร่วมกิจกรรมถนนสายลงทุนทองคำ ภายในงาน Set In The City 2010 ที่จัดขึ้นในช่วง 18-21 พฤศจิกายนนี้ ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอนนั้น ทางบริษัทฯ ได้จัดแคมเปญพิเศษ ที่ชื่อว่า “เอ็มทีเอส เทรด โกลด์ ฟิวเจอร์ส คูณ 4” เพื่อร่วมสนับสนุนการกระตุ้นการซื้อขายสัญญาลงทุนให้ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สด้วย โดยการมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้เปิดบัญชีเพื่อการลงทุน โกลด์ฟิวเจอร์สกับทางบริษัทฯ ภายในงานนี้ จะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับการรับคำแนนสะสมถึง 4 เท่า จากเดิมที่มีโปรโมชั่นรับคะแนนสะสมเพียง 2 เท่า เพื่อรับรางวัลมากมาย อาทิ ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักกรุงเทพฯ-สิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน สำหรับ 2 ท่าน, เครื่องคอมพิวเตอร์แมคบุค โปร รุ่นจอ 15 นิ้ว, IPAD, โทรศัพท์มือถือIPhone 4 , LED TV. Samsung ขนาด 55 นิ้ว, และรางวัลพิเศษอีกมากมาย ผู้สนใจติดตามข้อมูลได้ที่ www.mtsgold.co.th

          สำหรับราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1358 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.88 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.89 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19200 บาท กับ 19300 บาท GFZ10 เปิดที่ 19390 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19500 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19410 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19520 บาท SPDR ถือครอง 1290.86 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันลดลง 2.52 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 82.34 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ลบ 178.47 จุด มาปิดที่ระดับ 11023.50 จุด โดย ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวปรับตัวขึ้นบ้างเล็กน้อยในช่วงบ่ายมายืนอยู่ที่ ระดับ 1364 เหรียญ ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 3948 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2278 คู่สัญญา ลดลงทั้งคู่ โดยที่ในตลาดลอนดอนและ Comex เอง ราคาค่อยๆปรับตัวลดลงจนหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1350 เหรียญ เกิด Selling stop ตามมาตลอด และทำให้ราคาหลุดระดับ 1342 เหรียญ และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1329 เหรียญ ก่อนที่จะดีดตัวกลับมาปิดที่ระดับ 1337 เหรียญ ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อวาน ออกมาทรงๆ เช่น CPI ออกมาเท่าเดิม 0.4% และ Long Term Purchase ออกมาแย่ลงอยู่ที่ 81.0 B แต่ว่าโดยภาพรวมตลาดยังให้ความสนใจกับข่าวของยุโรปเรื่องประเทศไอซแลนด์ใน การแก้ปัญหาของเศรษฐกิจไอซแลนด์ จึงยังกดดันให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1.3555 ดอลลาร์/ยูโร ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1.3465 ดอลลาร์/ยูโร ราคาทองคำเองยังได้รับแรงกดดันจากการขายต่อเนื่อง โดยเมื่อวานมีประกาศเพิ่ม margin ของทองคำ โลหะ และsilver ทองคำมีการปรับ margin เพิ่ม 58% และ silver ปรับเพิ่ม margin 11.5% ราคาน้ำมันยังถูกแรงเทขายอย่างหนักจากที่คิดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว ลดลง2.52 เหรียญ/บาร์เรล

1924
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,100 - 19,200
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,348
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.02 – 30.05
          - GFZ10 Hi- Low 19,200 – 19,080 ปิดที่ 19,170
 
Gold Insight
 
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,336.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,333.10 - 1,344.60 ดอลลาร์ โดยสัญญาดิ่งลงไปปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทองคำแม้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก็ตาม

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดลบ 15.62 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 11,007.88 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.25 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,178.59 จุด เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) กำลังตรวจสอบคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของอดีตผู้บริหารและพนักงานธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ล้มละลายในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วยพยุงดาวโจนส์ไม่ให้ร่วงลงมากนัก นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.31% ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.06 - 82.67 ดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาคแห่งนี้ด้วย รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ทางการจีนเริ่มใช้นโยบายควบคุมราคาสินค้าเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 18 พฤศจิกายน ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,290.86 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการสร้างงานบ้านที่อ่อนแอในสหรัฐเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ของเฟด และยังทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3550 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.270 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 83.260 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.33 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.00-30.03 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.00-03 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - นายฌอง-คล้อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับไอร์แลนด์ว่าจะขอความช่วยเหลือจากอียูหรือกลุ่มยุโรปหรือไม่ หากไอร์แลนด์ร้องขอ ทางคณะกรรมการยุโรปก็พร้อมที่จะสนับสนุนไอร์แลนด์ ขณะที่รมว.คลังเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยรัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้จัดการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อตัดสินใจว่าควรจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ไอร์แลนด์เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ลุกลามออกไปหรือไม่ แม้รมว.คลังไอร์แลนด์ยืนยันว่า ไอร์แลนด์ยังมีฐานเงินทุนที่เพียงพอไปจนถึงช่วงกลางปีหน้าก็ตาม
          - สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำในช่วง 3 เดือนจนถึงก.ย. ลดลงเล็กน้อย 9,000 คน มาอยู่ที่ 2.45 ล้านคน ส่งผลให้อัตราว่างงานโดยรวมของอังกฤษ ยังทรงตัวอยู่ที่ 7.7%
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่เดือนต.ค.ร่วงลง 11.7% สู่ระดับ 519,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 600,000 หลังต่อปี บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะซบเซา
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของเฟดที่ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมากและอาจทำให้เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อต่ำและตัวเลขสร้างบ้านที่หดตัวรุนแรงยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจใช้มาตรการ QE2 ของเฟดด้วย
          - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 พ.ย.ร่วงลง 7.29 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 357.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา

  อาทิตย์ที่

17 - 18 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพุธ
 · Building Permits

· Core CPI

· CPI

· Housing Starts

· Crude Oil Inventories
 0.55M

0.0%

0.1%

0.61M

-3.3M
 0.57M

0.1%

0.3%

0.59M

-0.5M
 0.55M

0.0%

0.2%

0.52M

-7.3M
 
วันพฤหัสบดี
 · Unemployment Claims

· Philly FedManufacturing Index

· ECB President Trichet Speaks
 435K

1.0

-
 442K

5.1

-

1925
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดี ที่ 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00 น.
   
 
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดในวันพุธที่ระดับ 1333 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.97 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.99 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18950 บาท กับ 19050 บาท GFZ10 เปิดที่ 19100 บาท และ GFG10 เปิดที่ 19170 บาท สำหรับ GF10Z10 เปิดที่19110 บาท และ GF10G10 เปิดที่ 19190 บาท SPDR ถือครองเท่าเดิม 1290.86 ตัน น้ำมันลบ 1.90 เหรียญ/บาร์เรล มาปิดที่ระดับ 80.44 เหรียญ/บาร์เรล และดัชนีดาวโจนส์ลบ 15.62 จุด มาปิดที่ระดับ 11007.88 จุด
          ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวที่บริเวณแนวล่าง แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1334-1340 เหรียญ ในช่วงบ่ายและก็กลับมาปิดตัวที่ระดับ 1338 เหรียญ มีแรงซื้อขายสลับกันโดยตลอดโดยที่ Gold Futures มีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น Gold Futures 50บาทเพิ่มขึ้นที่ 33% อยู่ที่ 5258 คู่สัญญา Gold Futures 10 บาท เพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ 3026 คู่สัญญา โดยที่ในตลาด ลอนดอนและComexเองราคาซื้อขาย ทรงตัวอยู่ในระดับล่าง บริเวณ 1331-1340 เหรียญ โดยมีการแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบๆหลายครั้งมีการทดสอบแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1345 เหรียญและกลับมาปิดตัวที่ 1337 เหรียญ ตอนนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างทรงตัวโดยตัวเลข CPI ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.2 % และ Core CPI ทรงตัวอยู่เท่าเดิมที่ 0.0% ในขณะที่ตัวเลขสร้างบ้านใหม่ซึ่งคาดว่าจะทรงตัว แต่ตัวเลขจริงออกมาแย่ โดยภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นกลับมาเริ่มอ่อนตัว โดยที่USD INDEXอยู่ที่ระดับ 76 จุด ส่วนค่าเงินดอลลาร์ต่อยูโร ดีดกลับขึ้นมาหลังจากไอซแลนด์ได้รับความช่วยเหลือ มาอยู่ที่ระดับ 1.3570 ดอลลาร์/ยูโร ค่าเงินเยนยังทรงตัวอยู่บริเวณ 83.2 เยน/ดอลลาร์ น้ำมันลบ 1.90 เหรียญ/บาร์เรล มาปิดที่ระดับ 80.44 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ลบ 15.62 จุด มาปิดที่ระดับ 11007.88 จุด SPDR คงทองเท่าเดิมที่ 1290.86 ตัน
 
          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำตกลงมาทดสอบที่แนวรับสำคัญที่ระดับ 1330 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ราคาทรงตัวอยู่ได้ตลอดวันและเริ่มดีดกลับโดยมีการทดสอบแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1345 เหรียญ ดูว่าราคาทองคำเป็นการสะสมพลังหลังจากที่ตกอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และเริ่มเกิดสัญญาณขายเกินสำหรับOscillatorระยะสั้นรายชั่วโมง ส่วนRSI ลงมาจุดต่ำมากและเริ่มวกกลับ โดยเฉพาะสัญญาณรายชั่วโมง RSI และ Slow Sto. เริ่มตัดขึ้นแล้ว MACD ยังทรงตัวอยู่ในระดับกลาง และOscillatorรายวันยังไม่ชัดเจน สรุปได้ว่าราคาทองคำในด้านTechnicalเริ่มเข้าสู่ภาวการณ์ทรงตัว และเริ่มเข้าสู่การกลับตัว ราคาทองจะสามารถหยุดตกได้และสามารถดีดกลับ โดยที่ราคาทองเช้านี้เปิดที่ระดับ 1343 เหรียญ และมีแรงซื้อไล่เข้ามาในตลาดเอเชียและตลาดTocomอย่างต่อเนื่องสำหรับราคาทองคำแท่งของไทยปิดที่ 19300-19400 บาท โดยลงมาที่บริเวณแนวรับพอดี ที่ระดับ 19000 บาท ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ไปทดสอบด้านบนโดยยืนอยู่เหนือ 30 บาท/ดอลลาร์ได้ ตลอดทั้งวัน วันนี้เงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย ทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 29.99 บาท/ดอลลาร์ทองคำแท่งไทยมีแนวรับที่ 19000 ต้านที่ 19200 บาทGold Futures Series Z มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19300 บาท และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 19450
 
          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ซึ่งคาดว่าจะเป็น Technical Rebound ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะพุ่งขึ้นต่อได้
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) เป็นกลยุทธ์ในการเข้าซื้อต่อเนื่องหลังจากเมื่อวานยังดูสถานการณ์อยู่ ภาพรวมของOscillatorเริ่มเป็นสัญญาณบวก และเริ่มให้ถือครอง port ประมาณ 50 %
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังคงรักษาPort ที่บริเวณ 50% รอจังหวะเข้าซื้อถ้าราคาอ่อนตัว

          สรุปได้ว่า เราคิดว่าราคาทองเริ่มหยุดตกและจะสามารถเข้าสู่การกลับตัวขึ้นไปได้ นักลงทุนที่มีport ว่างให้เข้าซื้อ ซึ่งจะสามารถเฉลี่ยราคาจะด้านบนขึ้นไปได้ นักลงทุนที่ถือshort positionควรที่จะปิดและ เข้าซื้อ long position
 
          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

1926
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,200 - 19,300
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,360
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.88 – 29.89
          - GFZ10 Hi- Low 19,600 – 19,510 ปิดที่ 19,540
 
Gold Insight
 
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.บวก 3.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,368.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,356.50 - 1,376.60 ดอลลาร์เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 9.39 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 11,201.97 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.46 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 1,197.75 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่าบริษัท แคทเทอร์ พิลลาร์ ตกลงซื้อกิจการบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล เพื่อขยายกิจการในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 84.60 - 85.77 ดอลลาร์ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกและสต็อกสินค้าคงคงภาคธุรกิจที่ขยายตัวเกินคาดกองทุน SPDR Gold Trust

          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 16 พฤศจิกายน ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,290.86 ตัน
          USD/EU ค่าเงินยูโรยังคงร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่ารัฐบาลไอร์แลนด์อาจจะขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะและภาวะตึงตัวในภาคการเงินภายในประเทศ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3583 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ (12 พ.ย.) ที่ 1.3691 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3599 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.160 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 82.500 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.14 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.85-29.88 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.90-29.93 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - วิกฤตหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก.ย. เมื่อรัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศว่าอาจจะต้องอัดฉีดเงินจำนวน 3.43 หมื่นล้านยูโร (4.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าไปพยุงกิจการธนาคารแองโกล-ไอริชแบงค์ที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของไอร์แลนด์ในปี 2553 พุ่งขึ้นเป็น 32% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 11% นักวิเคราะห์คาดว่า ต้นทุนในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของไอร์แลนด์อาจพุ่งสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่าไอร์แลนด์อาจเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่วิกฤตหนี้สาธารณะรอบใหม่ในยุโรป และจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน เช่นสเปนและโปรตุเกส หดตัวลงด้วย
          - กระทรวงการพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนกันยายน และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติของของกระทรวงยังระบุว่า ยอดขายสินค้าของภาคธุรกิจสหรัฐขยายตัว 0.5% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวจากภาวะถดถอยแล้ว
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากยอดขายยานยนต์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ยอดขายยานยนต์พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ยอดขายวัสดุก่อสร้างขยายตัวขึ้น 1.9% และหากไม่นับรวมยอดขายยานยนต์ พบว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ดีดตัวขึ้น 0.4%
          - สัญญาน้ำมันดิบหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพุธนั้น จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม คาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.6%
          - นายหม่า เต๋อหลุน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายด้านการเงิน เพื่อสกัดกั้นกระแสเงินเก็งกำไร และป้องกันกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหม่าว่า เครื่องมือที่จีนคาดว่าจะนำมาใช้นั้น ครอบคลุมถึงการกำหนดเพดานสำรองสภาพคล่อง การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการดำเนินการในตลาดเปิด เพื่อป้องกันการไหลเข้าของกระแสเงินร้อน
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

12 – 15  พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันจันทร์
 · Retail Sales

· Core Retail Sales

· Empire State Manufacturing Index

· Business Inventories
 0.6%

0.4%

15.7

0.6%
 0.7%

0.4%

13.9

0.6%
 0.4%

1.2%

-11.1

0.9%
 
วันอังคาร
 · PPI

· Core PPI

· TIC Long-Term Purchases

· Capacity Utilization Rate

· Industrial Production
 0.4%

0.1%

128.7B

74.7%

-0.2%
 0.7%

0.2%

100.3B

74.9%

0.4%

1927
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00 น.

 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1372 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.96 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.99 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19400 บาท กับ 19500 บาท GFZ10 เปิดที่ 19570 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19670 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19570 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19690 บาท SPDR ถือครอง 1290.86 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.86 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 9.39 จุด มาปิดที่ระดับ 11201.97 จุด โดยราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนไหวในช่วง 1362-1374 เหรียญ ราคาทองคำมีการแกว่งตังขึ้นลงในตลาดเอเชียอย่างมาก ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4780 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2714 คู่สัญญา ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและComexเอง มีการซื้อขายค่อนข้างทรงตัวอยู่บริเวณ 1365 เหรียญ มีการแกว่งตัวเช่นเดียวกัน โดยที่ขึ้นไปทำจุดสูดสุดได้ที่ระดับ 1375 เหรียญ และมีการปรับตัวลดลงมาท้ายตลาดปิดที่ระดับ 1368 เหรียญ ราคาทองคำได้ฉุดแรงเทขายลงมา หลังตลาดนิวยอร์กปิด ทำให้ราคาหลุดระดับ 1360 เหรียญลงมา และเปิดเช้านี้ที่ระดับ 1359 เหรียญ สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อวานคือ retail sales ปรับตัวสูงขึ้น มาอยู่ที่ 1.2% จากเดิม 0.7 % ซึ่งหมายถึงมีกำลังซื้อดีขึ้นบ้าง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เองเมื่อเทียบกับเงินยูโรยังทรงตัว แต่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.3583 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยน 83.16 เยน/ดอลลาร์ ค่าเงินเยนก็ยังอ่อนตัวต่อเนื่อง ขณะที่เงินบาทเองเมื่อวาน ปรับตัวอ่อนค่าจนทดสอบระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากเป็นการซื้อของทางคาร์ฟูร์ที่ขายกิจการและนำเงินออกนอกประเทศ ในเช้านี้ค่าเงินบาทเองปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 29.88 บาท/ดอลลาร์
 
วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำยังอยู่ในภาวะกดดันจากแรงเทขายจากการปรับฐานโดยที่เริ่มมีสัญญาณของการกลับตัวบ้างแต่ยังไม่ชัดเจน แนวรับสำคัญของทองคำอยู่ที่ระดับ 1350 เหรียญ โดยที่เป็นแนวรับทางจิตวิทยา ราคาทองคำโดยภาพรวมยังเป็นการปรับฐานยังไม่ใช่เป็นเรื่องของการเป็นตลาดขาลง แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1375 เหรียญ เป็นแนวต้านแรก และแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1385 เหรียญ ตามลำดับ ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 19350 บาท และ 19450 บาท ปิดที่ระดับ 1367 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย วันนี้มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19200 บาท แนวต้าน 19400 บาท Gold Futures Series Z10 แนวรับอยู่ที่ระดับ 19390 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19500 บาท ในขณะที่การซื้อขาย Gold Futures 10 บาท ยังมีปริมาณน้อยกว่าตัว Gold Futures 50 บาท อยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าคิดมูลค่าการซื้อขายต่างกัน 10 เท่า
 
คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ซึ่งเป็นลักษณะของการสะสมพลัง
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ทยอยเข้าช้อนซื้อยังคงรักษา Port อยู่ที่ประมาณ 50% เพิ่ม Port 10%นขณะนี้
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง รักษา Port 45% ซื้อในจังหวะราคาย่อตัวบริเวณแนวรับ

          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

1928
MTS ฟันธง! ทองคำยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่


 
          ค่าย MTS Gold แม่ทองสุก เผยราคาทองคำยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่ แม้ว่าที่สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำจะทำ New High มาโดยตลอด เกิดปรากฎการณ์การแกว่งของราคาทองคำอย่างมาก ในตลาดโลกเรียกว่าสร้างความผันผวนอย่างมากต่อราคาทองคำแท่ง และราคา Gold Future ระบุชัดหากเกิดภาวะฟองสบู่ทองคำ ต้องมี 2 ปัจจัยหลัก ประการแรกเป็นการซื้อขายทองคำโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และเป็นการขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงแบบการสร้างราคา และเวลาตกก็ตกอย่างรุนแรง โดยไม่มีผู้มารับซื้อ ซึ่งขณะนี้สรุปได้ว่าทั้ง 2 ประเด็น ยังไม่เข้าข่ายสู่ภาวะฟองสบู่ทองคำ

          นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสว่า หลังจากที่ทองคำทำ New High มาโดยตลอด ราคาทองคำจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แตกเหมือนราคาน้ำมันเมื่อปี 2008 หรือไม่ ทั้งนี้ไม่คิดว่าเป็นภาวะฟองสบู่ของราคาทองคำ ถึงแม้ว่าจะเกิดปรากฎการณ์การแกว่งของราคาทองคำอย่างมาก ในตลาดโลกเรียกว่าสร้างความผันผวนอย่างมากต่อราคาทองคำแท่ง และราคา Gold Future ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนที่เฝ้าติดตามราคาทองคำจะเห็นถึงการแกว่งขึ้นลงของราคาทองคำในช่วงตลาดเอเชียอย่างมาก รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนของบ้านเรา จึงทำให้สมาคมค้าทองคำต้องปรับราคาขึ้นลงหลายครั้งสร้างความโกลาหลอย่างมาก

          ด้านนักลงทุนเองในฝั่งทองคำแท่ง ก็มีการเข้าช้อนซื้อและเทขายทำกำไรสลับกันโดยตลอด รวมไปถึงตลาด Gold Future เองก็มีการแกว่งตัวไม่แพ้กัน ปริมาณการซื้อขาย Gold Future 50 บาทอยู่ที่ 7,306 คู่สัญญา ส่วน Gold Future 10 บาทอยู่ที่ 3,681 คู่สัญญา ซึ่งจะเห็นได้ว่านักลงทุนเริ่มหันมาลงทุนในตลาด Gold Future อย่างหนาแน่นมูลค่าการการซื้อขายโดยรวมสูงขึ้นจนถึง 8,000 กว่าล้านบาท ในวันศุกร์เรียกว่าเป็นวันศุกร์ที่ราคาทองคำแกว่งทั้งในตลาดเอเชียและในตลาดลอนดอนรวมถึง Comex เองก็มีการแกว่งตัวอย่างมากเช่นเดียวกัน และในท้ายที่สุดก็มีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่องกดดันให้ราคาทองคำปิดตลาด Comex ร่วงลงไปอย่างมากถึงเกือบ 40 เหรียญ/ออนซ์ มาปิดที่ระดับ 1365 เหรียญต่อออนซ์ และกดดันให้ราคาทองคำแท่งของไทยในตลาดวันเสาร์ปรับตัวลงลง 200 บาทต่อบาททองคำ

          “ภาวะฟองสบู่ จะต้องประกอบด้วยมี 2 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.เป็นการซื้อขายทองคำ โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ 2.เป็นการขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงแบบการสร้างราคา และเวลาตกก็ตกอย่างรุนแรง โดยไม่มีผู้มารับซื้อเท่าไรนัก จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ประเด็น ทองคำไม่เข้าข่ายในเหตุการณ์ข้างต้นเลย ผมจึงยืนยันว่าทองคำยังไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ โดยทางกลับกันการที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างฐานของราคาให้มั่นคงแข็งแรงก่อนที่จะขึ้นต่อไปในปลายปีอีกครั้ง” นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าว

          อย่างไรก็ดีในภาวะปัจจัยพื้นฐานเองจะเห็นได้ว่า เหตุผลแรก ราคาทองคำยังมีเหตุผลรองรับการขึ้นในครั้งนี้อยู่มากมายอันได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไม่ฟื้นตัว จึงจำเป็นต้องใช้มาตราการ QE2 เข้ามาอัดฉีดในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ประการที่สอง การอ่อนค่าของค่าเงินดอลล่าร์ เห็นได้ว่า US Dollars Index ยังทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ประการที่สาม ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยของ Fed Rate ยังคงทรงในอัตราที่ต่ำต่อไป อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเข้ามาจากประเทศจีน จนกดดันทำให้จีนปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อต้านทานภาวะเงินเฟ้อ จะเห็นได้ว่าปัจจัยข้างต้นคือตัวที่จะยืนยันทางด้านพื้นฐานในการขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ ในขณะที่ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นการพักตัวของราคาเป็นช่วงๆ ซึ่งไม่ใช่การปรับตัวขึ้นพรวดพราดทันทีทันใด

          ถ้ากลับไปศึกษาจะเห็นว่า เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นทุก 30 – 50 เหรียญ จะมีการปรับฐานตลอดและจะมีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาในตลาดเช่นเดียวกัน เหมือนภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะเห็นว่าในวันศุกร์ช่วงเวลาของตลาดเอเชียนายโอบามาได้ออกมากล่าว Speech เพื่อยืนยันว่านโยบาย QE2 ที่ทำนั้นมีความถูกต้องและจะไม่ทำให้ระบบเศรษฐกิจแย่ลง ซึ่งข่าวนี้กดดันทำให้ราคาทองคำในช่วงนั้น ปรับตัวร่วงลงมาอย่างมาก และเหตุผลที่ 4 คือการที่ตัวเลข CPI ของจีนปรับตัวขึ้นกว่าที่คาดการณ์อย่างมากจนทำให้จีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยกะทันหัน ซึ่งทำให้เกิดแรงเทขายในสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกตัว จะเห็นว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันก็ปรับตัวลง ทองคำ โลหะ เงิน เหล็ก ทองแดง ก็ได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้า

          นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการวิเคราะห์แล้วมองว่าเป็นการปรับฐานที่ดีของสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมด เพื่อรองรับความผันผวนของตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี เรียกได้ว่าเป็นการปรับสมดุลของสินค้าโภคภัณฑ์กับอัตราแลกเปลี่ยนและจะเห็นได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนทั้ง EURO และ Japanese Yen หรือ ค่าเงินอื่นๆก็มีการปรับฐานเข้าสู่ภาวะสมดุลเช่นเดียวกัน ค่าเงินบาทเองก็มีการปรับตัวอ่อนลงหลังจากที่แข็งค่ามานาน ทั้งหมดนี้เป็นภาพใหญ่ๆของภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการปรับสมดุลตลอดเวลา จะเห็นว่าภาพรวมก็ยังเป็นสภาวะของการกดดันในภาคเศรษฐกิจขาลงต่อเนื่องเช่นเดิม ซึ่งจะมีผลบวกต่อปัจจัยราคาทองคำในระยะยาว

บทวิเคราะห์ทางเทคนิค

          ราคาทองคำเปิดตลาดวันจันทร์ที่ระดับ 1371 USD/Oz ปรับตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 1376 USD/Oz และถูกแรงเทขายกลับมาอยู่ที่ 1367 USD/Oz เรียกว่าทองคำอยู่ในภาวะปรับฐานทำกำไร และมองว่าการล่วงลงเป็นเพียงแค่การปรับฐาน แนวรับสำคัญบนเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน อยู่ที่ระดับ 1369 USD/Oz และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน อยู่ที่ระดับ 1355 USD/Oz ซึ่งคิดว่าน่าจะรับอยู่ และเป็นแนวรับสำคัญ ซึ่งค่าเงิน Euro เองมีลักษณะทรงตัวบริเวณแนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 30 วันเช่นกัน นักลงทุนทองคำแท่งมีแนวรับที่ระดับ 1350 USD หรือ 19300 บาท นักลงทุน Gold Future ใน Series Z เองแนวรับอยู่ที่ระดับ 19450 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19650 บาท

          นักลงทุนจะต้องใช้กลยุทธ์การลงทุนอย่างมีแผนโดยในช่วงนี้ให้ซื้อที่แนวรับและทำกำไรในสิ้นปี เพราะในช่วงสิ้นปีหรือต้นปีหน้าทองคำนั้นมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น แนะนำใช้กลยุทธ์ทำกำไรเป็นรอบ รอบนี้แนวรับไม่น่าต่ำกว่า 1320 USD/Oz ซึ่งถือเป็นรับที่สำคัญมาก ขอให้นักลงทุนใช้เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงโดยใช้ Technical Analysis และ Stop Loss ควบคู่กันไป ทั้งนี้สำหรับลูกค้าทุกท่านที่สนใจเนื้อหาการลงทุน สามารถเข้าชมได้ที่ MTS Academy หรือติดต่อได้ที่ Call Center 02-222-5959  

1929
“อุ๊ –พัชนี” อึ้ง ศิลปกรรมช่อง3 เนรมิตฉากเหมือนจริงแอบบ่น จำใจระเบิดฉาก “7ประจัญบาน”
 
 
 
          ผู้จัดสาวไฟแรง “อุ๊” พัชนี จารุจินดา แอบย่องดูกองละคร ของคุณแม่ “กอบสุข จารุจินดา” เรื่อง “7ประจัญบาน” งานนี้ทำเอาสาวอุ๊ตะลึงกับฝีมือฝ่ายศิลปกรรมช่อง 3 ที่เนรมิตเมืองโบราณได้เหมือนจริง จนสาวอุ๊แอบบ่นว่าเสียดาย ไม่อยากให้ถึงฉากระเบิดเมืองเลยจริงๆ

          “สาวอุ๊” เปิดใจว่า “เรื่อง 7 ประจัญบานเป็นละครที่คุณแม่กอบสุขดูแล อุ๊ก็มาดูๆ เพราะเป็นละครที่คุณแม่ตั้งใจทำฉลองครบรอบ 40 ปีช่อง 3
          ซึ่งจะเป็นละครบู๊ปนตลก การถ่ายทำแต่ละฉากนั้นจะเน้นความยิ่งใหญ่ ซึ่งอุ๊ชื่นชมฝีมือของฝ่ายศิลปกรรมของช่อง 3 เก่งมากคะ จำลองเมืองออกมาสมจริงมาก เห็นครั้งแรกนี่งงเลยว่า สร้างใหม่จริงๆหรอ คือ ทั้งร้านตัดผม โรงรับจำนำ ร้านก๋วยเตี๋ยว โรงหนัง เหมือนมากคะ และในเรื่องมันต้องมีฉากระเบิดเมืองด้วย เสียดายมาก จริงๆแล้วไม่อยากระเบิดเลยคะ เพราะฉากบางฉากนำกลับมาใช้ได้อีกในละครพีเรียดเรื่องอื่นๆ แต่ยังไงก็ต้องระเบิดเพื่อความสมจริง ซึ่งคุณแม่ทุ่มสุดตัว ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟคต่างๆ กระสุนปืนยิงแบบไม่ต้องนับเม็ดเลยคะ ระเบิดแต่ละครั้งทำเอารถตู้ที่กองเขย่าเลยค่ะ”

          สาว “อุ๊” เอ่ยปากเสียดายฉากขนาดนี้ แฟนๆต้องอย่าลืมพิสูจน์ว่าฉากจะเหมือนจริงแค่ไหน ได้ในละครปลุกกระแสรักชาติ “7 ประจัญบาน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00 น . ทางไทยทีวีสีช่อง 3  

1930
เรื่องย่อ: ดวงใจอัคนี



บทประพันธ์ ซ่อนกลิ่น
บทโทรทัศน์ ปารดา กันตพัฒนกุล
กำกับการแสดง ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ผลิตโดย บริษัท โนพลอบเล็ม จำกัด
ออกอากาศ ทุกวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เริ่มตอนแรก วันศุกร์ที่ 5 พ.ย. 53


          อัคนี หรือ ไฟ(ณเดชน์ คูกิมิยะ) ทายาทแห่งตระกูลอดิศวรเป็นหนึ่งในฝาแฝดสี่คนของ มนตรี (สันติสุข พรหมศิริ) กับ สุพรรษา (จินตหรา สุขพัฒน์) ถูกวางตัวให้เป็นพี่ชายคนสุดท้าย เขาเป็นคนค่อนข้างเจ้าอารมณ์ และได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการฟาร์มโคนมซึ่งเป็นหนึ่งกิจการหลายอย่างของครอบครัว

          อัจจิมา หรือ จี๊ด (สุรัสยา เสเปอร์บันด์) ทายาทแห่งตระกูลพศวัต เป็นลูกสาวของ พิศาล (เมทนี บูรณะศิริ) และเป็นน้องสาวของ ศิลา (โชคชัย บุญวรเมธี) เธอเป็นคู่แข่งในทุกๆเรื่องของอัคนีมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนที่ตัวจังหวัด และยังสอบติดคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาสัตวศาสตร์เหมือนกันอีกด้วย สาเหตุที่ทั้งคู่ไม่ถูกกันนั้นก็คือ การมีเรื่องบาดหมางกันระหว่าง มนตรี กับ พิศาลในอดีต เพราะทั้งคู่เกิดไปหลงรักสุพรรษา แถมยังชิงดีชิงเด่นกันในเชิงธุรกิจฟาร์มโคนมอีกด้วย ในที่สุดมนตรีก็เป็นฝ่ายชนะใจสุพรรษาไปครองคู่ พร้อมกับควบรวมไร่ของตัวเองกับของสุพรรษาจนใหญ่โตเกินหน้าเกินตาของพิศาล

          เมื่ออัคนีและอัจจิมามาเรียนที่คณะเกษตรด้วยกัน ก็แข่งกันเป็นที่หนึ่งที่สองมาตลอดจนจบแล้วแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของตัวเอง โดยอัจจิมาไปเรียนที่เดนมาร์ก ส่วนอัคนีกับพี่น้องนั้นรับราชการอยู่ต่างอำเภออยู่สองสามปี ก่อนจะบินไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเพื่อดูแล ทิพย์ธารา (คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส)น้องสาวคนสุดท้องที่ไปเรียนต่อทางด้านแพทย์ศาสตร์ที่นั่น

          หลังจากนั้นทั้งอัคนีและอัจจิมาจึงกลับมาบริหารงานที่ฟาร์มซึ่งมีอาณาบริเวณติดกัน ทำให้ทั้งคู่กลับกลายมาเป็นคู่แข่งกันอีกครั้ง อยู่มาวันหนึ่ง วิรัชหรือใหญ่(จิรายุ ตันเจริญ)เพื่อนที่คณะสัตวศาสตร์ได้ส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานมาให้กับอัคนีและอัจจิมา โดยขอให้อัคนีเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ทั้งคู่จึงตกลงตอบรับที่จะไปร่วมงานที่จัดขึ้นที่ภูเก็ตในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า นั่นทำให้ทั้งคู่มีอันต้องเตรียมชุดสำหรับงานที่จะมาถึง ทั้งคู่จึงต้องพบเจอและปะทะคารมกันตลอด แต่การพบอัคนีโดยบังเอิญครั้งหนึ่งก็ทำให้เธอพบว่า อัคนีเข้าออกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งอยู่เป็นประจำ เธอแอบตามเขาไปก็พบว่าเขาแอบมาพบเพื่อนหญิงชราคนหนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร

          ไกรภพ (พนมกร ตังทัตสวัสดิ์) เศรษฐีกำมะลอจากกรุงเทพ เกิดมาต้องใจที่ดินอันงดงามของฟาร์มพศวัตเข้า แล้วเมื่อรู้ว่าพิศาลเจ้าของไร่เป็นเพื่อนสนิทพ่อบุญธรรมผู้ล่วงลับของเขา เขาจึงจัดการวางแผนใช้ความสนิจฮุบเอาไร่นี้เพื่อนำไปขายต่อ และเมื่อเขาเห็นอัจจิมาก็เกิดต้องใจขึ้นมา หวังจะเอาเป็นเมียของเขาด้วยในคราวเดียวกัน ไกรภพได้หลอกพิศาลว่าจะลงทุนทำรีสอร์ท พิศาลเห็นว่านี่จะเป็นช่องทางที่จะแข่งกับมนตรี ซึ่งมีกิจการรีสอร์ทอยู่ด้วยเขาจึงตกลง ไกรภพหลอกเอาเอกสารสำคัญโดยอาสาว่าจะจัดการเรื่องขายที่กับไล่ที่พวกชาวบ้าน ในขณะเดียวกันเขาก็หลอกพาศิลาลูกชายของพิศาลไปที่บ่อนการพนันเพื่อหลอกล่อให้เป็นหนี้สิ้นก้อนใหญ่  

         เมื่ออัจจิมารู้เรื่องเรื่องที่บิดาขายที่ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพื่อลงทุนกับไกรภพ จึงเกิดการทุ่มเถียง แต่เธอก็ไม่อาจขัดบิดาได้ ส่วนศิลาซึ่งเป็นคนเกกมะเหรกเกเร เป็นนักเลงหัวไม้ และไม่ชอบหน้าอัคนี เพราะศิลาเคยหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟน ทำให้ทั้งคู่ชอบชิงดีชิงเด่นกันจนเป็นเหตุแฟนอัคนีเสียชีวิต จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ศิลาเกลียดอัคนีและคอยวางแผนกลั่นแกล้งอัคนี เขาใช้คนงานของอัคนีซึ่งติดเงินเขาอยู่คอยเป็นหนอนบ่อนไส้ปั่นป่วนฟาร์มอดิศวรอยู่ตลอดเวลา อัคนีต้องคอยแก้เรื่องราวที่ศิลาทำเอาไว้ ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันชนิดที่เรียกว่าไม่สามารถจะมองหน้ากันได้

          เมื่อวันงานวิวาห์ของวิรัชใกล้มาถึง เขาขอให้อัจจิมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว อัจจิมาจึงต้องเดินทางไปก่อนวันงานเพื่อเตรียมงานต่างๆในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เกาะรายาในภูเก็ต แต่ที่เกาะรายาในภูเก็ต อัคนีกลับได้พบกับคู่ต่อสู้หัวใจคนสำคัญ นั่นคือพฤกษ์ หนุ่มไฮโซเจ้าของรีสอร์ทที่จะใช้จัดงานแต่งงาน ทั้งอัจจิมาและพฤกษ์เกิดปิ๊งปั๊งจี๋จ๋ากันจนทำให้อัคนีหมั่นไส้และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหึงหวงคู่ปะทะคารมคนนี้เข้าเสียแล้ว ทำให้อัคนีต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะทำลายความสัมพันธ์ของพฤกษ์กับอัจจิมาจนเกิดเป็นเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้น

          ก่อนถึงวันงานวิรัชได้จัดปาร์ตี้สละโสด ทำให้อัจจิมาซึ่งรับเป็นเพื่อนเจ้าสาวจำเป็นต้องมาร่วมกับอัคนีทำให้เกิดการปะทะคารมและขัดแย้งกันตลอดเวลา และช่วงท้ายของงานสละโสด ทั้งคู่เกิดถูกจับให้ดวลเบียร์กันจนเมามายและพอตื่นมา ก็พบว่านอนอยู่บนเตียงเดียวกันแถมยังมีหยดเลือดอยู่ อัคนีตื่นโดยไม่รู้ว่าหยดเลือดสีแดงนั้นเป็นเพียงลิปสติกของ เจ๊ต่อ (เกริก ชิลเลอร์) จากอาการมึนเมาจึงเข้าใจผิดว่าเขาได้ทำอะไรผิดพลาดลงไปแล้ว ส่วนอัจจิมาก็นึกว่าตัวเองเสียรู้คู่ปรับตลอดการ อัคนีอยากขอโทษอัจจิมา แต่เธอหนีกลับบ้านไปก่อน ทำให้อัคนีต้องพึ่งวายุภัคพี่ชายจอมเจ้าชู้เพื่อวางแผนเข้าฟาร์มพศวัตเพื่อขอโทษอัจจิมา

          เมื่ออัคนีมาถึงฟาร์มอดิศวรรังสรรค์เขาได้รับข่าวร้ายว่าในคืนงานเลี้ยงส่งท้ายปี โรงเก็บหญ้าแห้งของฟาร์มถูกวางเพลิงยังดีที่ ปฐพี (ปริญ สุภารัตน์)กับ วายุภัค (ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) ระดมคนมาช่วยไว้ทัน แต่ถึงกระนั้นนายเข้มที่เป็นคนงานสำคัญก็ถูกทำร้ายจนอาการโคม่าและนายเข้มคงเป็นคนเดียวที่บอกได้ว่าใครคือคนทำ

          เมื่อศัตรูหัวใจคนสำคัญคือ พฤกษ์ ตัดสินใจมาเยี่ยมอัจจิมาหวังสานความสัมพันธ์ ปฐพีและวายุภัคจึงรวมหัวกันวางแผนให้พฤกษ์เป็นนกต่อเพื่อทอดสะพานให้อัคนีกับอัจจิมาได้พบกัน ทั้งสามจึงวางแผนทัวร์พิเศษให้กับพฤกษ์เพราะรู้ว่าเขาต้องชวนอัจจิมามาด้วย และหลอกให้ มิลค์ (สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย) ช่วยแยกพฤกษ์ให้ออกห่างจากอัคนี เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ไร่พศวัตจะรอดพ้นมือไกรภพหรือไม่ อัคนีกับอัจจิมาจะลงเอยกันเช่นไร ต้องติดตามชมในละครเรื่อง ดวงใจอัคนี อาทิตย์ เริ่มตอนแรก วันศุกร์ที่ 5 พ.ย. 53 ทางช่อง 3

รายชื่อนักแสดง
1. ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท อัคนี (ไฟ)
2. สุรัสยา เสเปอร์บันด์ ² อัจจิมา (จี๊ด)
3. สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ² พัชรา (มิ้คล์)
4. รณเดช วงศาโรจน์ ² พฤกษ์
5. จิรายุ ตันเจริญ ² ใหญ่ หรือ วิรัช
6. ภัณฑิลา ฟูกลิ่น ² ปีใหม่
7. จินตหรา สุขพัฒน์ ² สุพรรษา
8. สันติสุข พรหมศิริ ² มนตรี
9. โชคชัย บุญวรเมธี ² ศิลา
10. พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ² ไกรภพ
11. เมทนี บูรณะศิริ ² พิศาล
12. เกริก ชิลเลอร์ ² เจ๊ต่อ

1931
          เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพีกรุ๊ป จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยจะซื้อหุ้นทรูทั้งหมดจาก Kreditanstalt Fur Wiederaufbau หรือ KfW ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา ประเทศเยอรมัน

          บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับแจ้งจาก บริษัท เครือโภคภัณฑ์ จำกัด และ Kreditanstalt Fur Wiederaufbau หรือ KfW ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทรู โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์จะซื้อหุ้นทรูทั้งหมดจาก KfW โดยคาดว่าจะดำเนินการซื้อหุ้นได้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2553 และจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในทรู โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 55.7 เป็น 64.7

          KfW เข้าถือหุ้นในทรูตั้งแต่ปี 2543 ปัจจุบัน KfW มีหุ้นบุริมสิทธิ์จำนวน 699,333,982 หุ้น หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 9.0 ของหุ้นที่จดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของทรู ซึ่งในการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ จะมีการแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ์จำนวนดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญ และในขณะเดียวกันจะทำให้สิทธิ์ในการรับเงินปันผลสะสมค้างจ่ายของ KfW สิ้นสุดลง

          บริษัท ขอขอบคุณที่ KfW ได้มีส่วนในการพัฒนาธุรกิจของบริษัท จนมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และเชื่อมั่นว่า การลงนามเพื่อซื้อหุ้นจาก KfW โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทรูในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมความมั่นคงให้กับทรูเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยโดยรวมอีกด้วย

1932
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,350 - 19,450
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,390
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.64 – 29.67
          - GFZ10 Hi- Low 19,310 – 19,220 ปิดที่ 19,300
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 45.50 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 1,383.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,346.70 -1,393.40 ดอลลาร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก โดยดอลลาร์ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ที่มีเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดพุ่ง 219.71 จุด หรือ 1.96% แตะที่ 11,434.84 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 23.10 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 1,221.06 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.49 - 86.43 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 นอกจากนี้ นักลงทุนเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจแล้ว ยังจะช่วยให้ความต้องการพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 5 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,292.19 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4208 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.39% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.720 เยน จากระดับของวันพุธที่ 81.040 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 80.93 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.68-29.71 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.64-29.67 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1% ในการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน โดยอีซีบีไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะใช้มาตรการ QE ตามเฟด เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนสามารถขยายตัวได้ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา แม้หลายประเทศอย่างกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สาธารณะก็ตาม
          - ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% เป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจอังกฤษส่งสัญญาณโตแข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายโครงการ QE มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด
          - คณะกรรมการเฟดประกาศใช้มาตรการ QE2 ในการประชุมเมื่อวันพุธ ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐ และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ เฟดยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันเฟดจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ต.ค.พุ่งขึ้น 20,000 ราย แตะระดับ 457,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 443,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 434,000 ราย ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะระดับ 456,000 ราย
          - เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ในวันนี้ โดยเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืดเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า "แม้โดยทั่วไปแล้ว อัตราเงินเฟ้อต่ำถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า และในกรณีที่รุนแรงที่สุดนั้น อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด ผลที่ตามมาคือราคาสินค้าและค่าแรงตกต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะชะงักงันเป็นเวลานาน" เบอร์นันเก้กล่าวกับวอชิงตัน โพสต์

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

4 - 5 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพฤหัสบดี
 · Unemployment Claims

· Unit Labor Costs

· Nonfarm Productivity

· ECB Press Conference

 
 434K

1.1%

-1.8%

-
 437K

0.8%

0.9%

-
 457K

-0.1%

1.9%

-
 
วันศุกร์
 · Non-Farm Employment Change

· Unemployment Rate

· Pending Home Sales

· Fed Chairman Bernanke Speaks

 
 -95K

9.6%

4.3%

-
 63K

9.6%

3.2%

-

1933
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ ที่ 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1355 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.70 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.73 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19000 บาท กับ 19100 บาท GFZ10 เปิดที่ 19270 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19330 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19280 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19370 บาท SPDR ถือครอง 1292.19 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันบวก 1.80 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 86.49 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 219.71 จุด ปิดที่ระดับ 11434.84 จุด
          โดย ที่ราคาทองคำในตลาดเอเชียค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเปิดตลาดตอนเช้า 1348 ในช่วงบ่ายไป 1363 เหรียญ ราคาทองคำแท่งงของไทยในระหว่างวันปรับขึ้น 50 บาท อยู่ที่ระดับ 19050 และ 19150 บาท โดยในช่วงตลาดลอนดอนเองราคาค่อยๆขยับตัวสูงขึ้นและในปลายตลาด Comex ราคามีการดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงและหลังจากตัวเลขออกมาไม่ดีและรับข่าว QE ที่ประกาศออกมา โดยที่วันก่อนตลาด Comex ปิดที่ระดับ 1336 เหรียญ จึงเกิดแรงซื้อ Short covering ทะลุระดับ 1370 เหรียญ และปิดตลาดที่ระดับ 1383 เหรียญ สูงสุดที่ระดับ 1393 เหรียญ หลังจากปิด Comex ทำสุงสุด 1393 โดยที่ค่าเงินบาทอ่อนเล็กน้อยที่ระดับ 29.66 บาท/ดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน คือ Unemployment Change ว่างงานมากกว่าที่คาด 20000 คน จากระดับ 437000 เข้าสู่ระดับ 457000 คน และมีข่าวของ ECB คงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม อยู่ที่ระดับ 1.0% ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร อยู่ที่ระดับ 1.4200 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 80.90 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น น้ำมันบวก 1.80 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 86.49 เหรียญ/บาร์เรล โดยที่ตลาดรับ QE กับตลาด Commodity ดัชนีดาวโจนส์บวก 219.71 จุด ปิดที่ระดับ 11434.84 จุด

          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำทำ All time high ที่ระดับ 1390 เหรียญ จากปฏิกิริยาของ QE2 ทำให้มีกองทุนเข้าซื้อหนาแน่น และ SPDR ยังไมได้ทำการซื้อขายใดๆ คงถือครองทองที่ระดับ 1292.19 ตัน ภาพทางเทคนิคยังเป็นบวก Oscillator ตัดขึ้น ยังไม่มีสัญญาณการซื้อเกิน เนื่องจากตลาดเพิ่งผ่านการปรับฐาน MACDปรับขึ้น แนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1400 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยา แนวรับอยู่ที่ระดับ 1360 เหรียญ จะเห็นได้ว่าผ่านระดับ 1365 เหรียญ จึงเกิดแรง Short covering อย่างรุนแรงและรวดเร็วเมื่อคืนนี้
ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19050 บาท และ 19150 บาท
          คาด ว่าราคาทองคำแท่งของไทยจะอยู่บริเวณ 19400 บาท ซึ่งเป็นการทดสอบแนวต้านเดิมของราคาทองคำแท่งของไทย แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19300 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19550 บาท ซึ่ง ณ ขณะนี้ราคาทองคำของตลาดโลกกำลังจะทดสอบ New high อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ช้าลง จะเห็นได้ว่าการขึ้นของทองคำเร็วกว่าการแข็งค่าของเงินบาท
Gold Futures Series Z10 แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19670 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19800 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวระวังการเทขายทำกำไรในวันนี้

          ลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          ขายทำกำไรหลังจากที่ให้ซื้อมากกว่า 50% หลังจากที่เราให้ซื้อสะสมมาตลอด

          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          ขายทำกำไรเช่นเดียวกัน ยังคงสถานะ 20-30% ของ Port

          บท วิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

1934
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดี ที่ 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น.

 
ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1353 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.71 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.74 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19000 บาท กับ 19100 บาท GFZ10 เปิดที่ 19250 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19350 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19260 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19350 บาท SPDR ถือครอง 1292.19 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันบวก 79 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.69 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 26.41 จุด ปิดที่ระดับ 11215.13 จุด
          โดยที่ราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1353-1356 เหรียญ ราคาสมาคมอยู่ที่ 19050 บาท และ19150 บาท ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและ Comex เองปรับตัวร่วงลงจนหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1340 เหรียญ เกิด Stop Selling ลงมาจนทำให้ราคาทองคำทำต่ำสุดที่ระดับ 1326 เหรียญ โดยที่ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดกังวลว่า FED จะออกมาตรการ QE หรือไม่อย่างไร โดยที่ผู้แทนทางพรรคเดโมแครต หลายฝ่ายออกมาค่อนข้างต่อต้านมาตรการ QE มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากช่วงนั้นจึงกดดันให้เกิดแรงเทขายทองคำอย่างหนัก ทำให้ราคาทองคำปิดตลาด Comex ที่ระดับ 1337 เหรียญ หลังจากนั้นในช่วงตลาด Comex ปิดไปแล้ว FED ประกาศมาตรการ QE โดยใช้เงินจำนวน 6 แสนล้าน เพื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบ ทำให้ราคาทองคำเริ่มมีแรงซื้อดีดกลับขึ้นมาทันทีในตลาด Electronic และค่าเงินดอลลาร์เองจากเดิมทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.4015 ดอลลาร์/ยูโร กลับมาอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วในปลายตลาด Comex ที่ระดับ 1.4138 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าลงมาประมาณ 120 pips และค่าเงินเยนอยู่ที่ระดับ 81.05 เยน/ดอลลาร์ ในขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกัน อยู่ที่ระดับ 29.70 บาท/ดอลลาร์ และทองในตลาด 1347 เหรียญ ตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ คือ Non-farm Employment Change ภาคเอกชน จากเดิมติดลบ 2000 ตำแหน่ง เข้าสู่ระดับบวก 43000 ตำแหน่ง และ ISM Non- Manufacturing ออกมาเพิ่มเป็น 54.3% มากกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 53.5% โดยที่ตัวเลขทั้ง 2ตัวนี้ที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งกดดันให้ราคาทองคำเกิดแรงเทขายอย่างหนักในช่วงตลาดนิวยอร์ก น้ำมันบวก 79 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.69 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 26.41 จุด ปิดที่ระดับ 11215.13 จุด ดัชนี Dollar Index 76.46 จุด SPDR ถือครอง 1292.19 ตัน (เท่าเดิม)

วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแรงเทขายต่อเนื่อง ราคาลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 1330 เหรียญ อีกครั้งหนึ่งและสามารถดีดกลับขึ้นมาได้จากตัวเลข QE ซึ่งโดยภาพทางเทคนิคมีความแข็งแกร่งของแนวรับดีมาก แม้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีก็ตาม แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1365 เหรียญ และแนวรับยังอยู่ที่ระดับ 1330 เหรียญ ยังมองว่าทองคำยังเป็นทิศทางขาขึ้นได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยที่มีการปรับฐานเป็นระยะๆ ตอนขึ้น

ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19050 บาท และ 19150 บาท
          ราคาทองคำแท่งของไทย แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19000 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19150 บาท
          Gold Futures Series Z10 แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19200 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19340 บาท

คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรในภาวะขาขึ้น ตามการแกว่งตัวของตลาด
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          ยังเป็นการเข้าซื้อต่อเนื่องเพิ่ม Port เป็น 70%
 
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          ควร จะซื้อสะสมต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนควรมีระบบ Gold online เพื่อเข้าซื้อเมื่อคืนนี้ได้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนระยะยาวและช้อนซื้อเมื่อคืนที่ระดับแนวรับ 1330 เหรียญ ดังนั้นจึงย้ำว่า การที่นักลงทุนมีระบบ Gold online จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเข้าซื้อจังหวะดังกล่าว และจะเห็นได้ว่าโอกาสและจังหวะจะเกิดขึ้นในช่วงตลาดนิวยอร์กกลางคืนบ้านเรา นักลงทุนทองคำแท่งจะทำกำไรได้มากขึ้นและควรถือ Port 50-60% ใน ขณะนี้
          สรุป ได้ว่า นักลงทุนที่ถือ Short Position ของ Gold Futures แนะนำว่าควรจะปิด สถานะ Short เพราะมีโอกาสเห็นราคาทองคำพุ่งถึงระดับ 1400 เหรียญ ภายในเดือนนี้ค่อนข้างสูงแนะนำให้ถือ Long Position อย่างเดียว
          บท วิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

1935
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553
 
           ข้อมูลทองคำวันนี้
 
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,000 - 19,100
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,354
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.69 – 29.73
          -  GFZ10 Hi- Low 19,300– 19,230 ปิดที่ 19,280
 
Gold Insight
 
           สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,337.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,327.10-1,364.80 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามากระหน่ำขายสัญญาทองคำก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ข้อมูลที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 26.41 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 11,215.13 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.39 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 1,197.96 จุด ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มการจ้างงานในเดือนต.ค. และดัชนีภาคบริการขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนต.ค.

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 79 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 84.69 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อในโรงงาน

          อุตสาหกรรมของสหรัฐ
          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 4 พ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,292.19 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาววงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.72% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4138 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4037 ยูโร โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4120 ดอลลาร์ต่อยูโร
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          -  สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.ขยายตัวที่ระดับ 54.3 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 53.2 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.5 จุด ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคบริการยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตหดตัว
          -  ADP Employer Services รายงานว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 43,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่ลดการจ้างงานลง 2,000 ตำแหน่ง และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 54.3 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 53.2 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.5 จุด
          -  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย. แตะระดับ 4.20 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6%
          -  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) พร้อมประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบสอง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ภายในกลางปีหน้า โดยกำหนดระยะในการเข้าซื้อที่ราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และเพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดต่ำลง คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0-0.25% และประกาศใช้มาตรการ QE รอบสอง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ระยะในการฟื้นตัวของผลผลิตทางเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการเฟดจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ และเข้าซื้อพันธบัตรระยะรัฐบาลระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงาน"นอกจากนี้ เฟดย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง และจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้ของประชาชนขยายตัวปานกลาง และภาวะสินเชื่อยังคงตึงตัว

Pages: 1 ... 127 128 [129] 130 131 ... 134