Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: 1 ... 2001 2002 [2003] 2004 2005 ... 2248
30031
ย้ำความเจ๋ง “Samed Beach festivalครั้งที่ 4” สุดมันส์
ศิลปินยกขบวนจัดเต็ม!!!



               ตอกย้ำความมันส์กันอีกครั้งกับเทศกาลดนตรีสุดเจ๋ง “Samed Beach festival # 4” ตอน “Paradiso On The Beach” ที่ขนขบวนความมันแบบข้ามวันข้ามคืนมาเสิร์ฟ ทั้งดนตรีสุดมัน กับเหล่าดีเจชั้นนำ และศิลปินที่พลัดกันมาสร้างสีสันให้กับเหล่าสาวกดนตรีที่มาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม ณ หาดทรายแก้ว จังหวัดระยอง เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา










               ผ่านพ้นไปอย่างสวยงามสำหรับงานเทศกาลดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ “Samed Beach festival # 4” ตอน “Paradiso On The Beach” ที่ครั้งนี้ได้จัดงานพิเศษกว่าครั้งที่ผ่านมาโดยให้ผู้คนที่เข้ามาในงานได้อยู่ท่ามกลางสีสัน จัดจ้าน ในแสง Black Light โดยได้ศิลปินสุดเจ๋งอย่าง “ ไทเทเนี่ยม” ที่ขึ้นเวทีพร้อมเสียงกรี๊ดกระหึ่มก่อนจะนำเอาทั้งเพลงฮิตสุดมันขนมาสร้างความสนุกให้กับบรรดาแฟนเพลงได้โยกกัน แล้วส่งต่อเวทีให้กับวง “แทททูคัลเลอร์” ที่มาจัดความมันส์แบบไม่ให้ขาดตอนยิ่งเสริมทัพด้วย “วงมายด์” มันส์กันต่อกับ “ลิปตา / แบงค์ แคช / เซาท์ไซด์ / มหาจำเริญ / CANVAS” ยิ่งเพิ่มความสนุกเป็นอีกเท่าตัว ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกแล้วยิ่งได้เหล่าบรรดาดีเจ.ชั้นนำอย่าง “DJ BUDDAH / DJ A / DJ PING / DJ TOB / DJ ONO JAYCALO / MC DANDEE & MC KOGA ฯลฯ” มาโชว์ลีลาบนเวทีแบบไม่มีใครยอมใคร

               ก่อนปิดท้ายกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลในช่วงเช้า หลังจากที่เสร็จสิ้นคอนเสิร์ต เสม็ด อิน เลิฟ โดยการรวมพลังของนักดำน้ำทั่วประเทศร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 จังหวัดระยอง กว่าร้อยคนและศิลปินที่มาร่วมทำให้ท้องทะเลสะอาดขึ้นใน “กิจกรรมคืนหาดสวย” หลังเสร็จสิ้นงาน ด้วยการเก็บขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดงาน ส่งมอบพื้นที่จัดงานให้กลับสู่สภาพสมบูรณ์คืนสู่ธรรมชาติให้หาดทรายขาวสวยงามดังเดิม และกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เป็นการเติมชีวิตกลับสู่ทะเล เพื่อรักษาวงจรชีวิตและการดำรงอยู่ รวมถึงปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆเพื่อให้เติบโตและอยู่คู่กับท้องทะเลไทยตลอดไป


















30032
“แก็ป”  บอก บุพเพสันนิวาส  ทำให้เจอ “สายป่าน” ในละคร “รักนี้ผีคุ้ม”


                ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัวในละครซิทคอมเรื่อง “รักนี้ผีคุ้ม” ให้กับ “โต๊ะกลม” แถมยังได้เล่นกับนางเอก “สายป่าน” อภิญญา  สกุลเจริญสุข นักแสดงที่ตัวเองชื่นชมและติดตามผลงาน ทำเอา“แก๊ป” ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล ดีใจ  บอกว่าสงสัยเป็นบุพเพสันนิวาส  เอ๊ะ..ยังไงๆ ไปติดตามกัน

                โดย “แก๊ป” บอกว่า “ ดีใจครับเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก สำหรับซิทคอมเรื่องรักนี้ผีคุ้มนี้ผมรับบทเป็นป๋อง นักศึกษาปริญญาโทที่คลั่งเรื่องผีมาก ที่เอาชื่อป๋องก็เพราะมีที่มาจากพี่ป๋องกพล ทองพลับ หรือพี่ป๋องคนอวดผีนั่นแหละ ในเรื่องผมจะเข้าไปพักในโรงแรมเพื่อต้องการหาข้อมูลเรื่องผีไปทำวิทยานิพนธ์ เพราะรู้ว่าโรงแรมนี้ผีเฮี้ยนมาก แต่เหตุผลสำคัญกว่านั้นคือป๋องมีปัญหากับพ่อซึ่งพ่อตายไปแล้ว เลยอยากเจอพ่ออีกซักครั้งก็เลยบ้าเรื่องผีมากเพื่อหาทางติดต่อสื่อสารกับพ่อให้ได้  ซิทคอมเรื่องนี้เป็นแนวคอมมาดี้ การทำงานเลยไม่เครียด เพราะกลุ่มนักแสดงแต่ละคนก็เป็นคนตลกอารมณ์ดีทั้งนั้น เรียกว่าอยู่ในกองนี่บรรยากาศครึกครื้น ทำให้ชอบมากที่จะมากองถ่าย  ภาพผมอาจดูเป็นคนนิ่งๆเรียบร้อย  แต่จริงๆแล้วผมเป็นคนตลกนะครับ ออกแนวติงต๊องด้วยซ้ำ  ผมจะตลกกับคนที่คุ้นเคยกันมากกว่า ยิ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทนี่ผมเป็นตัวปล่อยมุขกระจายเลยนะ กับสายป่านนี่ผมชื่นชอบและติดตามผลงานของเค้ามาตลอด เคยร่วมงานละครกันมาก่อน แต่เรื่องนั้นมันเหมือนแว๊บๆ  คิวเข้าฉากไม่ค่อยตรงกัน  เคยเจอเค้าที่ห้างแต่เค้าไม่เห็นผมหรอก จะเรียกว่าเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้นะที่ได้มาเจอกันในเรื่องนี้ (หัวเราะ)  เอ๊ย..ไม่ใช่  ใช้คำว่าวาสนาต้องกันดีกว่า  สายป่านเค้าน่ารักมากครับ  คุยง่าย และไม่เรื่องเยอะ ทำให้เวลาต่อบทไหลลื่น  เค้าเล่นแอ็คติ้งเก่ง  ร่วมงานด้วยแล้วสบายใจมากครับ ฝากติดตามละครซิทคอมเรื่องรักนี้ผีคุ้มกันด้วยนะครับ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลาสิบเอ็ดโมง ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง 7 จาน PSI   ทาง True Vision ช่อง 66 และ True Vision HD ช่อง 77  ครับ ดูแล้วฮา แต่ได้สาระแน่นอนครับ”

30033
ขาวใสไร้เปลือก  และ  แอร์ชาวบ้าน ในรายการ นักประดิษฐ์พันล้าน


               2 พิธีกร “ปัญญา นิรันดร์กุล” และ “พล่ากุ้ง” จะพาไปดูสิ่งประดิษฐ์จากฝีมือคนไทย โดยเริ่มจาก “เครื่องปอกเปลือกกระเทียม” ที่ทำให้ผิวขาวไร้เปลือก ไม่มีสารตกค้าง ไม่ทำให้ผิวกระเทียมช้ำ แถมยังใช้เวลาเพียงแค่ 15-20 วินาทีเท่านั้นในการปอกเปลือกกระเทียมจำนวน 400 กรัม  และสิ่งประดิษฐ์อีกหนึ่งชิ้น คือ “แอร์ชาวบ้าน” ที่จะทำให้บ้านเย็นสบายทั้งหลัง ในราคาประหยัดและยังรักษาวิ่งแวดล้อมอีกด้วย 2 สิ่งประดิษฐ์นี้จะได้รับการซื้อจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในรายการ “นักประดิษฐ์พันล้าน” หรือไม่ ติดตามดูกันได้ใน วันจันทร์ที่  17 มิ.ย. นี้ เวลา 19.30 น.   ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง 7 จาน PSI และ True Vision ช่อง 66 และ True Vision HD ช่อง 77

30034
“เจ้าสัว” คุณค่าแห่งของฝากจากโคราช


               สุดยอดของฝากจากเมืองโคราช อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ทั้งยังส่งขายอาเซี่ยน  สร้างรายได้มาแล้วกว่าปีละมากกว่า 200 ล้านบาทต่อปี  และเชื่อว่าเกือบจะทุกปั๊มน้ำมัน ตามถนนหลวงทั่วประเทศไทยจะมีวางขายอยู่  นั่นก็คือผลิตภัณฑ์ “เจ้าสัว”รายการ “SME อาเซี่ยน” 2 พิธีกร “โก๊ะตี๋” และ “พัน พลุแตก” พร้อมกับนักแสดงรับเชิญ “ ต๋อง  ชวนชื่น” “น้ำหวาน ซาซ่า” และ “ น้ำแข็ง” ชญาน์ทัต AF 7 จะช่วยกันไปค้นหาเจ้าของทายาทรุ่นที่ 3  ของสุดยอดของฝาก “เจ้าสัว” ตัวจริง  อะไรคือกลยุทธ์การขายที่ทำให้ “เจ้าสัว” มียอดการจัดจำหน่ายพุ่งขึ้นในตลาดอาเซี่ยน ไปดูกันได้ในรายการ “SME อาเซี่ยน”  วันอังคารที่ 18 มิ.ย.นี้ เวลา 19.30. ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี  ช่อง 7   จาน PSI ช่อง True Vision  ช่อง 66 และ True Vision HD ช่อง 77

30035
‘หลี่หยาง’ ขึ้นเวทีบรรเลงกู่เจิงคลาสสิค
หาทุนให้ ‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’



               อาจารย์หลี่หยาง  ศิลปินนักดนตรีกู่เจิง  ผู้เผยแพร่ความงามของเสียงพิณจีนโบราณให้เป็นที่รู้จักในเมืองไทยมานานกว่า 20 ปี  เตรียมขึ้นเวทีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยต้นสิงหานี้  ในคอนเสิร์ต ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’  ระดมทุนให้ ‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’

               นางสาวสารี อ๋องสมหวัง  เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า  มูลนิธิฯ ได้รับเกียรติจากอาจารย์หลี่หยาง  ศิลปินกู่เจิงมือรางวัล  และอาจารย์หลี่ฮุย  ศิลปินเอ้อร์หู ซอสองสายของจีน นักประพันธ์เพลงแถวหน้าของปักกิ่ง  เปิดการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อหาทุนให้แก่มูลนิธิฯ

               “คอนเสิร์ตครั้งนี้มีชื่อว่า  ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’  เนื่องจากเพลงเอกที่อาจารย์หลี่หยางจะบรรเลงมีเพลงเกี่ยวกับ ‘พระจันทร์’ อยู่ถึงสองเพลง” นางสาวสารีกล่าว  และเสริมว่า  เพลงชุด ‘เบิกอรุณ’ ที่จะเปิดฉากคอนเสิร์ตครั้งนี้  ก็มีความโดดเด่นมาก  เพราะเป็นเพลงชุด 4 เพลง  จากกุ่เจิงคลาสสิคยุคใหม่ที่มีความไพเราะ งดงามมาก

               อาจารย์หลี่หยาง  เป็นศิลปินกู่เจิงที่เลือกประเทศไทยเป็นถิ่นพำนักมาตั้งแต่ปี 2533 หลังจากที่ได้เดินทางไปร่วมเปิดการแสดงกับคณะนาฏศิลป์ในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี  ญี่ปุ่น  เกาหลีเหนือ สหภาพโซเวียต ฯลฯ  เมื่อมาพำนักอยู่ในเมืองไทย  เคยเปิดการแสดงคอนเสิร์ตกู่เจิงหลายครั้ง  และได้รับเชิญให้ร่วมแสดงกับวง BSO ในหลายโอกาสด้วย  ทั้งยังมีอัลบั้มกู่เจิง-เอ้อร์หู  ที่แสดงร่วมกับอาจารย์หลี่ฮุยออกมาอีกหลายชุด

               นับแต่ปี 2543 เป็นต้นมา  อาจารย์หลี่หยางได้รับเชิญให้เข้าถวายการสอนวิชากู่เจิงแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ  เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์  อัครราชกุมารี  การจัดแสดงคอนเสิร์ต ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’ ครั้งนี้   นับเป็นการเปิดเวทีการแสดงยุคใหม่ของศิลปินกู่เจิงมือครูท่านนี้

               คอนเสิร์ต  ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’  จะจัดแสดงระหว่างวันที่ 5 – 8  สิงหาคม ศกนี้  ในเวลา 19.30 น. ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  บัตรราคา 2,500,  2,000, 1,500,  และ 1,000 บาท  นักศึกษาที่แสดงบัตร 500 บาท   เปิดจำหน่ายแล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์    โทรศัพท์ 02- 262-3456

30036
‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’ จัดคอนเสิร์ตระดมทุนทำงาน
เครื่องสายจีน ‘กู่เจิง-เอ้อร์หู’ สิงหานี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย



               ‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’ จัดคอนเสิร์ต ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’ ระดมทุนทำงานเพื่อผู้บริโภค  เป็นคอนเสิร์ตเพื่อการบริโภคศิลปะอย่างสร้างสรรค์  เชิญ  ‘อาจารย์หลี่ หยาง’  ศิลปินกู่เจิงมือรางวัล  ขึ้นเวทีบรรเลงเพลงโซนาตากู่เจิงคลาสสิค  พร้อม ‘อาจารย์หลี่ฮุย’ ศิลปินเอ้อร์หู  และนักแต่งเพลงแถวหน้าจากปักกิ่ง  นำเสนอเพลงแต่งใหม่ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค


น.ส. สารี  อ๋องสมหวัง

               น.ส. สารี  อ๋องสมหวัง  เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  แถลงว่า  มูลนิธิฯ  ได้รับความกรุณาจาก อาจารย์หลี่หยาง นักดนตรีกู่เจิงผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์หลี่ฮุย นักสีซอเอ้อร์หู หรือ ซอสองสาย  ทั้งยังเป็นนักประพันธ์เพลงผู้มีผลงานเด่นในแวดวงละครเวที โทรทัศน์ และภาพยนตร์จากปักกิ่ง  ในการจัดคอนเสิร์ตเพื่อหาทุนทำงานให้แก่มูลนิธิฯ  คอนเสิร์ตนี้ให้ชื่อว่า ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’ โดยจะจัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หอประชุมเล็ก  ในค่ำวันจันทร์ที่ 5 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม ศกนี้  รวม 4 คืน 4 รอบ  รายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย  มอบให้แก่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

               “มูลนิธิฯ มีความคิดเรื่องการจัดงานเพื่อระดมทุนมานานแล้ว  เพราะมีความจำเป็นต้องหาทุนสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิฯ ที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง”  น.ส. สารีกล่าว

               เลขาธิการ ‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’ กล่าวต่อไปว่า  การทำงานของมูลนิธิฯ มีความก้าวหน้าในทุกด้าน  โดยเฉพาะงานด้านการพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค  การให้ข้อมูลผู้บริโภคผ่านนิตยสารฉลาดซื้อ และการสนับสนุนให้เกิดศูนย์คุ้มครองสิทธิเพื่อผู้บริโภคในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

               “มีประชาชนขอรับบริการให้คำปรึกษาปัญหาการถูกละเมิดสิทธิของผู้บริโภคต่อมูลนิธิ ฯนับหมื่นรายต่อปี  และกรณีที่ทางมูลนิธิฯ ให้การช่วยเหลือมีมากถึง 1,500-2,000 รายต่อปี  กล่าวได้ว่า  ยิ่งนับวัน  ประชาชนก็ยิ่งรู้จักและเข้าใจบทบาทของมูลนิธิฯ เรามากขึ้น  และต้องการใช้บริการของเราเพิ่มขึ้น  จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องจัดเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ การระดมทุนจึงเป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งที่ทางมูลนิธิ ฯ จะต้องให้ความสำคัญ” เลขาธิการ ‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’ กล่าว

               น.ส. สารีกล่าวต่อไปว่า  นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทางมูลนิธิฯ  ได้รับความกรุณาจาก อาจารย์หลี่หยางและอาจารย์หลี่ฮุย สองศิลปินดนตรีจีน ในการจัดคอนเสิร์ตคุณภาพครั้งนี้  จากการประสานงานของนางปนัดดา เลิศล้ำอำไพ  กรรมการมูลนิธิฯ และผู้อำนวยการคณะละคร ‘สองแปด’  และอาจารย์รัศมี เผ่าเหลืองทอง  ผู้เชี่ยวชาญการละคร  และผู้ก่อตั้งคณะละคร ‘สองแปด’


นางปนัดดา เลิศล้ำอำไพ

               นางปนัดดาชี้แจงว่า  อาจารย์หลี่หยางและอาจารย์หลี่ฮุย  เป็นสองนักดนตรีผู้มีฝีมือชั้นครู  การจัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้  นับเป็นการหวนคืนสู่เวทีในรอบสิบกว่าปีของอาจารย์ทั้งสองท่าน  เพื่อนำความงดงามของศิลปะดนตรีจีนชั้นสูงมาแสดงแก่ชาวไทยในรูปแบบการแสดงสด อาจารย์ทั้งสองท่านจึงเตรียมนำเสนองานชิ้นเอกอย่างหลากหลาย

               “อาจารย์หลี่หยางจะเปิดเวทีด้วยการเล่นกู่เจิงเดี่ยว  เป็นเพลงชุดโซนาตากู่เจิงคลาสสิคยุคใหม่  ที่มีความไพเราะงดงาม  เพลงชุดนี้มี 4 เพลง  นำโดยเพลง ‘เบิกอรุณ’  ส่วนเพลงเอกของการแสดงครั้งนี้  เป็นเพลงในธีมที่ว่าด้วย ‘พระจันทร์’ ถึง 2 เพลง  เราจึงตั้งชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า ‘จันทร์กลางฟ้า’”


อาจารย์หลี่หยาง

               ผู้อำนวยการคณะละคร ‘สองแปด’  คณะละครเวทีคุณภาพกล่าวต่อไปว่า ไฮไลท์ของคอนเสิร์ตครั้งนี้  ยังมีอีกหลายช่วง  เป็นต้นว่า  อาจารย์หลี่ฮุยได้แต่งเพลงให้แก่ ‘มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค’ เป็นพิเศษ  และยังมีเพลงที่แต่งขึ้นใหม่อีก 2 เพลง  มีเนื้อหาเกี่ยวโยงถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งจะนำเสนอเป็น ‘เวิลด์พรีเมียร์’ ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย

               “นอกจากนี้ ยังมีการแสดงกู่เจิงหมู่  โดยลูกศิษย์ของอาจารย์หลี่หยางหลายคน  การขับร้องเพลงที่แต่งใหม่   และนำเสนอเพลงไทยเดิมในลีลาของเครื่องดนตรีกู่เจิงด้วย” นางปนัดดากล่าวในที่สุด

               คอนเสิร์ต ‘จันทร์กลางฟ้า : ทิพยสังคีตเครื่องสายจีน’ จัดแสดงที่หอประชุมวัฒนธรรมแห่งประเทศไทยระหว่างวันที่ 5 ถึงวันที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลา 19.30 น. รวม 4 คืน 4 รอบ บัตรราคา 2,500, 2,000,1,500 และ 1000 บาท นักเรียนนักศึกษา 500 บาท ซื้อบัตรได้ที่ ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ (www.thaiticketmajor.com)

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

               เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนสาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ทำงานมาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ในนามคณะกรรมการประสานงานองค์กรเอกชนเพื่อการสาธารณสุขมูลฐาน (คปอส.) โดยมุ่งเน้นการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพเป็นหลัก ผลงานในอดีตได้แก่ งานรณรงค์เรื่องการใช้ยาที่เหมาะสม การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสูตรยาแก้ปวดลดไข้ จากยาสูตรผสมเป็นยาเดี่ยว การคัดค้านสิทธิบัตรยาและการใช้ชื่อสามัญทางยา การรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ในยุคแรก ๆ

               จากบทเรียนการทำงานในนาม คปอส. ทำให้เห็นความสำคัญในการผลักดันให้ผู้บริโภคมีบทบาทในการคุ้มครองตนเอง ในยุคบริโภคนิยม จึงได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคขึ้นในปี พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองตามสิทธิอันพึงมีพึงได้ของผู้บริโภค สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้บริโภคและองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคต่าง ๆ ได้มีส่วนในการคุ้มครองผู้บริโภค  และยังมีวัตถุประสงค์สำคัญในการส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยตระหนักดีว่า ข้อมูล ความรู้คืออาวุธสำคัญที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องมีเพื่อใช้คุ้มครองตนเองในยุคบริโภคนิยม

วิสัยทัศน์มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค : สานพลัง เท่าทันโลก บริโภคสร้างสรรค์ มุ่งมั่นพิทักษ์สิทธิ

ยุทธศาสตร์การทำงาน

               พัฒนาศักยภาพ และกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน
         พัฒนาศักยภาพการสื่อสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่สร้างสรรค์
         ผลักดันให้เกิดนโยบายและกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ


งานสำคัญของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

               นิตยสารฉลาดซื้อ รายเดือน ตีพิมพ์มาแล้ว 19 ปี เพื่อให้ข้อมูลผู้บริโภค ในการเลือกซื้อสินค้า เพราะเชื่อว่า พฤติกรรมการซื้อแต่ละครั้ง คือการลงคะแนนให้กับตัวแบบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งแบบแผนการผลิตสินค้าแบบใดแบบหนึ่ง และเป็นกลไกผลักดันที่สำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจสังคมให้เอื้อต่อประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ โดยรูปแบบการผลิตและการการบริโภคคำนึงถึงประโยชน์และจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย
        ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค รับเรื่องราวร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน พร้อมการจัดเวทีสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้บริโภคในวงกว้าง ตลอดจนพัฒนาการรวมกลุ่มของผู้บริโภคเพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค
        พัฒนานโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภค : อาทิ เรื่องหลักประกันสุขภาพ องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค (มาตรา 61  ตามรัฐธรรมนูญ) นโยบายด้านพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นธรรม เรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยด้านอาหาร และเขตการค้าเสรี
        สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพ องค์กรผู้บริโภค : ให้มีการทำแผนคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัด และจัดตั้งศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภครณรงค์ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ


ติดตามกิจกรรมมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ที่
www.consumerthai.org 

ทดลองอ่านนิตยสารฉลาดซื้อ
www.ฉลาดซื้อ.com
หรือ www.facebook.com/fanchaladsue

สถานที่ติดต่อ เลขที่ 4/2 ซอยวัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ 02-248-3734-37

30037

ดิจิมอนมาสเตอร์ออนไลน์ ผนึกกำลัง ดรีมทอยส์
มอบส่วนลดพิเศษแด่สาวกดิจิมอนฯ
ซื้อ Digimon Fusion Loader ได้ในราคา 999 บาทเท่านั้น!


บริษัท เวโลฟ ไทย จำกัด ผู้ให้บริการ Digimon Master Online ผสานกำลังร่วมกับบริษัท ดรีมทอยส์ จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องเล่นอย่างถูกลิขสิทธิ์จาก BANDAI มอบส่วนลดพิเศษให้แฟนคลับเกมดิจิมอน มาสเตอร์ ออนไลน์สามารถสั่งซื้อเครื่องเล่น Digimon Fusion Loader จากปรกติ 1999 บาท เหลือเพียง 999 บาทเท่านั้น!! พร้อมรับไอเทมโค๊ดจากเกมดิจิมอน ฟรี!!

ขั้นตอนการรับสิทธิพิเศษดังนี้
1.เข้าหน้าเว็บไซด์ www.digimonmasters.in.th คลิกที่ Banner เพื่อรับโปรโมชั่นโค๊ด (สำหรับผู้ที่ยังไม่มี ID เกมดิจิมอนฯ สามารถลงทะเบียนเพื่อสมัครได้ที่หน้าเว็บไซด์ทันที)
2.ระบบจะพาไปที่หน้าโปรโมชั่น เพื่อลงทะเบียนรับโปรโมชั่น CODE





3.นำโปรโมชั่นโค๊ดที่ได้จากหน้าเว็บไซด์ไปสั่งซื้อเครื่องเล่น Digimon Fusion Loader ได้ที่ http://www.dreamtoy.co.th/digimonsales/
4.ทำตามขั้นตอนการสั่งซื้อที่หน้าเว็บไซด์ของบริษัท ดรีมทอยส์ จำกัด (ติดตามเงื่อนไขการสั่งซื้อได้ที่หน้าเว็บไซด์ ดรีมทอยส์)



สิทธิพิเศษแบบนี้ เฉพาะสาวกดิจิมอน ด่วน! ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2556 นี้เท่านั้น
สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่มี ID เกมดิจิมอน สมัครและทดลองเล่นกันได้แล้ววันนี้ รับประกันความสนุกแน่นอน! รายละเอียดทั้งหมด: http://dmm.vplay.in.th/news_show.php?newsid=3392


30038
สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร
ปรับเป้าส่งออกอาหารปี 56....เหลือ 9.81 แสนล้านบาท  โตร้อยละ 1.5 



               3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร โดย สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ และสถาบันอาหาร ประเมินสถานการณ์ภาคการผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมอาหารของไทยปี 2556 คาดเติบโตแค่ร้อยละ 1.5 ปรับเป้าส่งออกเหลือ 981,000 ล้านบาท ชี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งขาดแคลนวัตถุดิบหมวดพืชผัก พืชอาหาร ผลไม้ พบโรคระบาดในกุ้ง เผย 4 เดือนแรกสูญรายได้ 7,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 จากเหตุเงินบาทแข็งค่า ทั้งตลาดส่งออกหลักอันดับ 1-4 หดตัวลงทั้งหมด โดยอาเซียนหดตัวลงถึงร้อยละ 15.5 ส่วนตลาดญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ หดตัวรองลงมา ยกเว้นตลาดจีนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ12.8  สินค้าข้าว น้ำตาลทราย และกุ้ง รับบทหนัก เฉพาะในเดือนเมษายน 2556  ส่งออกข้าว ลดลงร้อยละ 10.0  น้ำตาลทราย ร้อยละ10.3 กุ้งแช่แข็ง ร้อยละ 49.8 และกุ้งแปรรูป ร้อยละ 19.5  ส่วนครึ่งปีหลัง ทูน่าแปรรูป ไก่ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง เครื่องปรุงรส รวมทั้งกลุ่มผลไม้สดจะขยายตัวดี จับตาค่าเงินบาทผันผวนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ผู้ประกอบการกังวล

               สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย/การแถลงข่าวร่วม 3 องค์กร โดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  และสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง สรุปภาวะอุตสาหกรรมอาหารไทยในช่วง 4 เดือนแรก และคาดการณ์แนวโน้มปี 2556 มีตัวแทนหลักของทั้ง 3 องค์กร ประกอบ ด้วย นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตรและอาหาร   สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายวิศิษฎ์  ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายอมร  งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ร่วมให้รายละเอียดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

               นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ในการประสานความร่วมมือของ 3 องค์กร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่เป็นองค์กรในการรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Intelligence Center  โดยพบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2556 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารหดตัวลงร้อยละ 4.3 ตามทิศทางการหดตัวของอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกที่หดตัวลงร้อยละ 12.3 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นส่งออกยังคงหดตัวลงทั้งหมด เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ เนื่องจากผลของความแห้งแล้งและสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในหมวดพืชผัก ผลไม้ รวมทั้งพืชอาหาร นอกจากนี้ ปัญหาโรคระบาดในกุ้งทำให้ผลผลิตกุ้งลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 35

               สำหรับภาคการส่งออกอาหารของไทย ในภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่า 296,288 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.6 สินค้าส่งออกสำคัญที่มีนัยต่อการส่งออกในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าจะต่อเนื่องตลอดปี 2556ประกอบด้วย 3 รายการ ได้แก่ น้ำตาลทราย กุ้ง และไก่ โดยสินค้าน้ำตาลทรายและกุ้งเป็นสองสินค้าที่ส่งผลกระทบทางลบค่อนข้างรุนแรงต่อการส่งออกในภาพรวม เนื่องจากปัญหาราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกตกต่ำจากผลผลิตส่วนเกินที่มีมากขึ้น ขณะที่กุ้งประสบปัญหาผลผลิตลดลงมากจากโรคกุ้งตายด่วน (EMS) ส่วนไก่น่าจะเป็นสินค้าที่ประคับประคองการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารในปี 2556 เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่สหภาพยุโรปยกเลิกห้ามนำเข้าไก่สดจากไทย โดยในช่วง 4 เดือนแรกการส่งออกไก่สดของไทยเพิ่มขึ้นกว่า 100%

               กล่าวเฉพาะในเดือนเมษายน 2556 การส่งออกอาหารของไทยมีมูลค่า 71,043 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 5.6 ตามการลดลงของสินค้าหลัก อาทิ ข้าว ลดลงร้อยละ 10.0  น้ำตาลทราย ร้อยละ10.3 กุ้งแช่แข็ง ร้อยละ 49.8 และกุ้งแปรรูป ร้อยละ 19.5 โดยการส่งออกข้าวและน้ำตาลทรายได้รับผลกระทบจากความต้องการของตลาดที่ชะลอตัวลงเนื่องจากผลผลิตโลกเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งราคาสินค้าที่อ่อนตัวลง ส่วนการส่งออกกุ้งได้รับผลกระทบจากผลผลิตกุ้งไทยที่ลดลงจากโรคระบาด

               นายอมร กล่าวต่อว่า ตลาดส่งออกในช่วง 4 เดือนแรก อาเซียนเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ1 ของไทย มีสัดส่วนร้อยละ 22.1 รองลงมาได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 14.8  สหภาพยุโรป ร้อยละ 11.5  สหรัฐฯ ร้อยละ10.6 และจีน ร้อยละ 9.8 ซึ่งเป็นตลาดส่งออกของไทยในอันดับ 2 ถึง 5 ตามลำดับ โดยการส่งออกอาหารของไทยไปยังตลาดหลักในอันดับ 1 ถึง 4 หดตัวลงทั้งหมด ยกเว้น จีน ที่เป็นตลาดอันดับ 5 ที่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 ขณะที่การส่งออกไปอาเซียนหดตัวลงมากที่สุดถึงร้อยละ 15.5 จากสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำตาลทราย มันสำปะหลัง ข้าว น้ำมันปาล์ม และผลไม้สด ส่วนตลาดญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ หดตัวรองลงมา

               อย่างไรก็ตามแนวโน้มส่งออก ในครึ่งหลังของปี 2556 คาดว่าการส่งออกอาหารของไทยจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3.6 และร้อยละ 4.8 โดยมีมูลค่าส่งออกประมาณ 259,000 ล้านบาท และ 247,000 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 ตามลำดับ สำหรับสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวดีในครึ่งปีหลัง อาทิ ทูน่าแปรรูป ไก่ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง เครื่องปรุงรส รวมทั้งกลุ่มผลไม้สดที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในเดือนมิ.ย.-ก.ค.

               โดยสรุปแนวโน้มการส่งออกอาหารไทยตลอดปี 2556 คาดว่าจะมีมูลค่า 981,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ลดลงจากที่คาดว่าจะมีมูลค่า 1.03 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.0 ในการประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากการส่งออกได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการแข็งค่าของเงินบาท การขาดแคลนวัตถุดิบ รวมทั้งราคาสินค้าส่งออกหลายรายการที่อ่อนตัวลง โดยกลุ่มสินค้าหลักที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2556 อาทิ ทูน่า  แปรรูป ไก่ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง และเครื่องปรุงรส ส่วนกลุ่มสินค้าหลักที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัวลง อาทิ น้ำตาลทราย กุ้ง สับปะรดกระป๋อง และข้าวโพดหวาน เป็นต้น

               นายอมร กล่าวว่า “แนวโน้มการส่งออกน้ำตาลในช่วงที่เหลือของปีคาดว่ายังชะลอตัวตามปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำตาลโลกเกินดุลอยู่มาก แม้ผลผลิตน้ำตาลในประเทศจะสูงถึง 10 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ปริมาณการส่งออกน้ำตาลของไทยตลอดปีคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 6.85 ล้านต้น แต่มูลค่าส่งออกคาดว่าจะลดลงประมาณร้อยละ 20 หรือลดลงจากปีก่อนราว 25,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าส่งออก 98,000 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50

               ส่วนกุ้งมีผลผลิตลดลงจากโรคระบาด (EMS) ทำให้ราคากุ้งดิบปรับตัวสูงขึ้นเกือบเท่าตัว รวมทั้งกุ้งไทยยังถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีอากรตอบโต้การอุดหนุน (CVD) อีกด้วย คาดว่าผลผลิตกุ้งในปีนี้จะมีปริมาณสูงสุดไม่เกิน 350,000 ตันเท่านั้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนไม่สามารถรับคำสั่งซื้อสินค้าได้เพราะเกรงจะไม่มีกุ้งเพียงพอต่อการแปรรูปส่งออก ประเมินว่าการส่งออกกุ้งไทยตลอดปี 2556 จะมีประมาณ 245,000 ตัน ลดลงร้อยละ 30 มูลค่าส่งออก 82,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 หรือรายได้ลดลงจากปีก่อนประมาณ 15,000 ล้านบาท

               ขณะที่ไก่พยุงอุตสาหกรรมอาหารส่งออกมิให้ชะลอตัวไปมาก หลังจากที่ได้รับปัจจัยบวกจากการที่สหภาพยุโรปยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าไก่สดจากไทยในปีก่อนหน้า นอกจากนี้มีแนวโน้มว่าประเทศคู่ค้าหลัก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาจยกเลิกห้ามนำเข้าไก่สดจากไทยในไม่ช้าเช่นกัน โดยในปี 2556 คาดว่าการส่งออกไก่และสัตว์ปีกจะมีปริมาณ 646,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 โดยจำแนกเป็นไก่สุกแปรรูปร้อยละ 73 และไก่สดแช่เย็นแช่แข็งร้อยละ 27 มูลค่าส่งออกจะอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3”

               ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ยังคงให้ความสำคัญกับความผันผวนของเงินบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ธุรกิจกังวลการแข็งค่าของเงินบาทและกังวลว่าจะแข็งค่ามากกว่าเงินสกุลภูมิภาค แต่ในปัจจุบันธุรกิจกังวลเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงโดยมาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯแล้วก็ตาม เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินทำให้การวางแผนการผลิตรวมทั้งการรับคำสั่งซื้อยากขึ้น แม้ว่าในระยะสั้น ค่าเงินบาทจะมีทิศทางอ่อนค่าลง แต่จากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าเงินบาทจะยังมีแนวโน้มแข็งค่าซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอีกระรอกหนึ่ง

               “เมื่อประเมินรายได้ในรูปเงินบาทที่หายไปจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งตลอดระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารไทยสูญเสียรายได้ในรูปเงินบาทที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้ที่หายไปร้อยละ 2.4 จากรายได้ที่ควรจะได้รับในรูปเงินบาทในกรณีที่เงินบาทไม่แข็งค่า โดยรายได้ที่หายไปสูงสุดอยู่ที่เดือนเมษายนที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่าเกือบ 3,200 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทในเดือนเมษายนแข็งค่ามากที่สุดในอัตราร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม”

               นายอมร ยังเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมอาหารประจำเดือนพฤษภาคม 2556 ว่า มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 47.4 (ต่ำกว่าระดับ 50.0) แสดงว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจแย่ลง ขณะที่ความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้ามีค่าเท่ากับ 53.4 ซึ่งยังอยู่ในระดับความเชื่อมั่นที่ดี โดยต้นทุนวัตถุดิบเป็นองค์ประกอบหลักที่ภาคธุรกิจมองว่าเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต

               หากพิจารณารายกลุ่มสินค้าพบว่า มีดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในกลุ่มสินค้าเนื้อสัตว์เพียงกลุ่มเดียวที่มีความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้น ขณะที่กลุ่มสินค้าข้าวและแป้งข้าว สัตว์น้ำ ผัก/ผลไม้ เครื่องปรุงรส และอาหารอื่นๆ มีความเชื่อมั่นทางธุรกิจแย่ลงทั้งหมด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้า ส่วนใหญ่มีระดับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ดี ยกเว้น กลุ่มสินค้าข้าวและแป้งข้าวที่มีความเชื่อมั่นทางธุรกิจแย่ลง จากราคาสินค้าส่งออกอยู่ในเกณฑ์สูงทำให้แข่งขันได้ยาก อีกทั้งวัตถุดิบในตลาดก็มีไม่เพียงพอเพื่อแปรรูปและส่งออก เนื่องจากผลผลิตข้าวส่วนใหญ่อยู่ในสต็อกของรัฐ

               โดยข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ในเดือนพฤษภาคม 2556 ประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนเป็นข้อจำกัดอันดับ 1 ในการดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีสัดส่วนร้อยละ 74.6 รองลงมาร้อยละ 69.8 คือปริมาณวัตถุดิบ ส่วนค่าจ้างแรงงานในปัจจุบัน ราคาน้ำมัน และกฎระเบียบ/มาตรการต่างประเทศ เป็นข้อกังวลของผู้ประกอบการในอันดับถัดมาว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ส่วนแนวโน้มในอีก 3 เดือนข้างหน้า ข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนปัจจุบัน

30039
เลอโนโวเผยกลยุทธ์ PC+ Era ขยายปีกสู่โลกทัชเต็มรูปแบบ
-จัดเต็มระบบสัมผัสหลายรุ่น ทั้ง โน๊ตบุ๊ก แท๊บเล็ต และออล-อิน-วัล ชิงตลาดทุกเซ็กเมนท์
-เปิดสัมผัสวิถีใหม่ของการสร้างสรรค์และใช้งานคอนเทนท์


กรุงเทพฯ – 12 มิถุนายน 2556: เลอโนโว ประกาศพร้อมวางตลาดพีซีรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสหลากรุ่นหลายรูปแบบ ยกขบวนมาด้วย ThinkPad Helix อัลตร้าบุ้กระดับพรีเมี่ยมสำหรับนักธุรกิจให้คล่องตัวยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์โดดเด่น “rip and flip” หน้าจอปรับหมุนและถอดออกได้ อีกทั้ง ThinkPad Tablet 2 เสริมประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้แท็บเล็ตเชิงธุรกิจด้วยดีไซน์ที่เน้นความบางและเบา พร้อมแบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวันและรองรับคุณสมบัติด้านการเชื่อมต่อไร้สายหลายรูปแบบ และ ThinkPad Edge E431 โน๊ตบุ้กสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพระบบสัมผัสของ Windows 8 และ ThinkPad X1 Carbon Touch นอกจากนี้ เลอโนโวยังจัดเต็มเสริมทัพฝั่งคอมซูมเมอร์ด้วย IdeaPad Z400 Touch, IdeaPad U410 Touch, IdeaPad S400 Touch หลากรุ่นหลายสไตส์มาพร้อมเทคโนโลยี multi-touch รับสัมผัสสูงสุด 10 จุด ยกระดับมาตรฐานใหม่ในการใช้งานดิจิตอลคอนเทนท์ที่สะดวกรวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น


นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "เรารู้สึกยินดีที่จะได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดภายใต้แบรนด์เลอโนโวที่มาพร้อมจอระบบสัมผัส ซึ่งจะสร้างและให้คำนิยามใหม่ในประสบการณ์การใช้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม ทั้งนี้ คนไทยได้แสดงให้เห็นความสนใจที่จะใช้จอระบบสัมผัสเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายแท็บเล็ตรวมกว่า 3.5 ล้านเครื่อง การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมจอระบบสัมผัสของเราในครั้งนี้มีตัวเลือกหลากหลายให้ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและผู้ใช้ในเชิงธุรกิจ ความก้าวหน้าในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบสัมผัสและพลังการประมวลผลจะช่วยให้ฟอร์มแฟ็คเตอร์ใหม่เหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว และด้วยเครื่องมือเหล่านี้ เลอโนโวสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผู้ใช้ (Doer) ในปัจจุบันทำงานและเพลิดเพลินกับดิจิตอลคอนเทนท์ได้อย่างจุใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับเอกสารในระหว่างการเดินทางหรือการท่องเว็บและการชมภาพยนตร์ที่บ้าน"








ThinkPad Helix ผสานคุณสมบัติของโน๊ตบุ๊กและแท็บเล็ต เสริมความสะดวกในการใช้งานเหนือระดับด้วยจอแบบ “Rip and Flip

ThinkPad Helix ถือเป็นอัลตร้าบุ้กแบบคอนเวอร์ทิเบิลระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมนิยามใหม่ mobile computing แห่งอนาคต ด้วยดีไซน์สุดล้ำภายใต้แนวคิด “rip and flip” ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถพกพาไปใช้ได้อย่างอิสระทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังสามารถปรับใช้งานได้หลากหลายไม่ซ้ำแบบใคร

ฟังก์ชั่นอย่างแรกของ ThinkPad Helix คือเป็นอัลตร้าบุ้กประสิทธิภาพสูง พกพาไปใช้งานได้คล่องตัวกว่าเดิมด้วยขนาด11.6 นิ้ว ทั้งยังสามารถถอดออกมาจากฐานเครื่อง กลายเป็นแท็บเล็ตเต็มรูปแบบในดีไซน์บางเบาและทรงพลังที่สุดด้วย Intel® 3rd generation Core™ พร้อมเทคโนโลยี vPro น้ำหนักรวมเพียง 835 กรัม ทำให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่เบาที่สุดในขณะนี้ ส่วนนวัตกรรมหน้าจอแบบ “rip and flip” ช่วยให้ ผู้ใช้กางแท็บเล็ตรุ่นนี้ออกได้กว้างถึง 180° และพับกลับเข้าไปยังฐานได้อย่างรวดเร็ว โดยโหมดนี้เรียกว่าโหมด Stand ที่เปลี่ยน ThinkPad Helix เป็นมินิเธียเตอร์หรืออุปกรณ์นำเสนองานด้านธุรกิจ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถพับหน้าจอลงเพื่อใช้เป็นแท็บเล็ตในขณะที่ฐานมีการเชื่อมต่อสำหรับใช้พอร์ตต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายการสื่อสารอื่นๆได้อีกด้วย






ThinkPad Helix

ThinkPad Helix ยังคงรักษาชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ ThinkPad ด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ พร้อมคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและด้านการจัดการที่ดียิ่งขึ้น 
ThinkPad Helix ราคา 49,000 บาท (สุทธิ)


ThinkPad Tablet 2 – ขุมพลังใหม่เพื่อการสร้างสรรค์






ThinkPad Tablet2

ThinkPad Tablet 2 ช่วยจัดการส่วนที่ทับซ้อนกันระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานให้คุณไม่ต้องเลือก ด้วยรองรับวิธีการป้อนข้อมูลหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์สัมผัส และการใช้อุปกรณ์เสริมอย่างเครื่องอ่านพิกัด (digitizer) และปากกา ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการจดบันทึก ลงลายเซ็น และการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ

โดยขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล  Intel® Atom™ พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8 Pro ช่วยให้ผู้ใช้ ThinkPad Tablet 2 ทำงานได้อย่างคล่องตัวในหลากหลายสภาพแวดล้อม ทั้งยังออกแบบมาให้มีความบางและเบาเป็นพิเศษ หนาเพียง 9.8 มม. หนักไม่ถึง 600 กรัม (1.3 ปอนด์) และใช้งานง่ายด้วยหน้าจอ 10.1 นิ้ว

ส่วนอุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ดและฐานวาง (dock) ของ ThinkPad Tablet 2 ช่วยเสริมความสะดวกให้คุณคุ้นเคยได้เหมือนใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในสำนักงาน นอกจากนี้ มาพร้อมช่องเสียบพอร์ตที่ครบครัน และพอร์ต USB ขนาดมาตรฐาน

แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะสำหรับพกพาไปใช้ระหว่างเดินทางและในการทำงานภาคสนาม เพราะสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายและทำงานได้เกือบทุกที มีให้คุณเลือกทั้งรุ่น 3G และ 4G จอแสดงผลระดับ HD กล้องด้านหน้าและด้านหลังสำหรับการประชุมผ่านวิดีโอและการอัพโหลดภาพถ่าย ไมโครโฟนกันเสียงรบกวน พอร์ต HDMI และระบบไวร์เลสวิดีโอสตรีมมิ่งรองรับความต้องการด้านไลฟ์สไตล์และการใช้งานทางธุรกิจด้วยคุณสมบัติครบครัน ไม่ว่าจะเป็นงานออฟฟิคหรืองานบันเทิง

ThinkPad Tablet 2 ราคา 26,900 บาท (สุทธิ)

ThinkPad Edge E431 เสริมประสบการณ์ Windows 8 สู่แวดวง SMB


ThinkPad Edge E431

ThinkPad Edge E431 มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสและมุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMB) โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่บุกเบิกการใช้ trackpad แบบใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้สะดวกคล่องตัวและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบการชาร์จไฟแบบใหม่ (เอกสิทธิ์เฉพาะของ ThinkPad) ที่เรียกว่า OneLink ซึ่งสายเคเบิลเส้นเดียวใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ทั้งการชาร์จไฟ โอนถ่ายไฟล์วิดีโอและข้อมูล ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บริโภคยังสามารถซื้อฐานรอง OneLink เพิ่มเติม ซึ่งเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีพอร์ต USB ถึง 4 พอร์ต ตลอดจน HDMI และช่องเสียบสายต่อ Ethernet

ThinkPad Edge E431 มาพร้อมเทคโนโลยี Intel® Small Business Advantage ครบครันด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและการทำงานเพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้นและต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการดูแลรักษาหลังเวลาทำการ การตรวจสอบซอฟแวร์ โปรแกรมประเภท USB blocker การประหยัดพลังงาน และขีดความสามารถในการสำรองข้อมูลและแอพพลิเคชั่นสำหรับกู้คืนระบบ

ThinkPad Edge E431 ราคา 25,000 บาท (สุทธิ)

ทุกสัมผัสสำหรับพีซียุคนี้


ThinkPad X1 Carbon Touch

เลอโนโวยังได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ที่มาพร้อมจอสัมผัสหลากรุ่นหลายสไตส์ ไม่ว่าจะเป็น ThinkPad X1 Carbon Touch และ IdeaPad U410 Touch, IdeaPad Z400 Touch และรุ่นบางเบาอย่าง IdeaPad S400 Touch โดยทั้งหมดจะมาพร้อมจอสัมผัสรองรับ multi-touch สูงสุด 10 จุด เสริมกับการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด ช่วยให้การโต้ตอบกับดิจิตอลคอนเทนท์ด้วยวิธีการใหม่ๆ เป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ThinkPad X1 Carbon Touch อัลตร้าบุ้คจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก เพียง 1.54 กก. (ราว 3.4 ปอนด์) และหนาเพียง 20.8 มม. ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ในเชิงธุรกิจที่ลักษณะงานไม่ได้หยุดนิ่ง อีกทั้ง วัสดุตัวเครื่องของ ThinkPad X1 Carbon Touch ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรงและทนทานกว่าวัสดุที่ใช้ผลิตโน้ตบุ๊คทั่วไป และยังมาพร้อมเทคโนโลยี RapidCharge ที่จะช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกัน ในขณะที่แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 3G ช่วยให้สามารถทำงานได้ทุกที่และคล่องตัวทุกงาน

ThinkPad X1 Carbon Touch ราคา 49,000 บาท (สุทธิ)


IdeaPad Z400 Touch

IdeaPad Z400 Touch ยกระดับมาตรฐานด้านความบันเทิงให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Z Series ยังรองรับการสัมผัสถึง 10 จุด พร้อมขีดความสามารถด้านมัลติมีเดียครบครัน ลำโพงสเตอริโอสำหรับการเพิ่มเสียงเบสเป็นพิเศษและระบบ Dolby Home Theatre v4 ที่ให้เสียงชัดใสสมจริง ช่วยให้สัมผัสประสบการณ์และดื่มด่ำกับพลังเสียงได้ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีหน่วยประมวลผลให้เลือกหลายระดับ สูงสุดจนถึงรุ่นที่ใช้ 3rd generation Intel® Core™ i7 และหน่วยประมวลผลกราฟิกล่าสุด NVIDIA GeForce ผนวกกับประสิทธิภาพเหนือชั้นของคีย์บอร์ด AccuType backlit ที่ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นแม้ขณะพิมพ์อยู่ในที่มืด

IdeaPad Z400 Touch ราคา 25,990 บาท (สุทธิ)


IdeaPad U410 Touch

ส่วนอีกรุ่นที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ก้าวล้ำนำแฟชั่น IdeaPad U410 Touch นับเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์สำหรับ Doer ที่หลงรักดีไซน์ในจิตใจ ด้วยความบางเพียง 18 มม. และมีน้ำหนักสูงสุดเพียง 1.75 กก. ได้ฉายาอัลตร้าบุ้คบางเบา เหมาะอย่างยิ่งกับการพกพา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ ทั้งยังตอบสนองรวดเร็วยิ่งกว่าด้วย Instant Resume ที่ช่วยให้เครื่องพร้อมใช้งานหลังเปิดจากโหมด sleep ได้ในเวลาเพียง 1 วินาที

IdeaPad U410 Touch ราคา 22,990 บาท (สุทธิ)


IdeaPad S400 Touch

IdeaPad S400 Touch มาพร้อมโปรแกรมผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับโน๊ตบุ้กโดยใช้ท่าท่างได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว อาทิ เปลี่ยนเพลงโดยการโบกมือ นอกจากนี้ หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ที่รองรับ multi-touch สูงสุด 10 จุด ซึ่งพัฒนาสำหรับการใช้งาน Windows 8 โดยเฉพาะ ดีไซน์ที่ออกแบบมาให้มีรูปทรงคล้ายลิ่มและเพรียวบางไม่ต่างอะไรกับสมุดปกแข็ง ทำให้พกพาและเปิดใช้งานสะดวกง่ายดาย ฝาครอบผิวเรียบดูสะอาดตาด้วยการเคลือบผิวสไตล์เมทัลลิคทำให้รุ่นนี้ดูโดดเด่นน่าประทับใจ

IdeaPad S400 Touch ราคา 19,990 บาท (สุทธิ)

เพลิดเพลินไปกับการแสดงผลของหน้าจอที่ให้ความคมชัดและแม่นยำสูงของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบออล-อิน-วัน C440 All-in-one ซึ่งมาพร้อมจอสัมผัสรองรับ multi-touch เติมเต็มการใช้งานสำหรับ Windows® 8 ให้เต็มศักยภาพ มาพร้อมคุณสมบัติเด่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ Full HD ระบบเสียงระดับพรีเมี่ยม Dolby และแอพพลิเคชั่นครบครันที่ติดตั้งมาพร้อมใช้ในตัวเครื่อง ล้วนทำให้ Lenovo C440 เป็นคอมพิวเตอร์ในฝันของทั้งครอบครัว

คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบออล-อิน-วัน C440 All-in-one Touch ราคา 20,490 บาท (สุทธิ)

สมัครรับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเลอโนโวได้ทาง Lenovo RSS feeds หรือติดตามได้ใน Twitter และ Facebook

***

เกี่ยวกับเลอโนโว

เลอโนโว (HKSE: 992) (ADR: LNVGY) เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีมูลค่าธุรกิจ 30 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีฐานลูกค้าในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ธุรกิจของเลอโนโวพัฒนาขึ้นบนฐานการคิดค้นนวัตกรรม ซัพพลายเชนระดับโลกที่มีประสิทธิภาพสูง และการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์อย่างเข้มแข็ง เลอโนโวก่อตั้งขึ้นจากการที่กลุ่มบริษัทเลอโนโวเข้าซื้อกิจการของแผนกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไอบีเอ็ม โดยมีหน้าที่พัฒนา ผลิต และทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเทคโนโลยีและบริการที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และใช้งานง่าย ผลิตภัณฑ์ของเลอโนโว ได้แก่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลภายใต้แบรนด์ Think สำหรับธุรกิจ และแบรนด์ Idea สำหรับผู้ใช้ทั่วไป รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ เวิร์กสเตชั่น และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย ได้แก่ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน เลอโนโวมีศูนย์วิจัยหลักตั้งอยู่ที่เมืองยามาโตะ ประเทศญี่ปุ่น, กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และเมืองราเล่ย์ รัฐนอธแคโรไลน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lenovo.com

*ราคาข้างต้นรวมภาษีแล้ว ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าและเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข ราคาที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอาจแตกต่างกันไป ราคาไม่รวมคุณสมบัติทั้งหมดที่โฆษณาไว้ ข้อเสนอทั้งหมดมีจำนวนจำกัด เลอโนโวขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และรายละเอียดได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

30040
Fluke Networks เปิดตัวอุปกรณ์ Cable Certification Testers
ช่วยให้ผู้ติดตั้งสายเครือข่ายทำงานง่ายขึ้น


กรุงเทพฯ ประเทศไทย — Fluke Networks ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล Versiv สำหรับงาน Cable Certification Testers โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ออกแบบขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ทำหน้าที่ติดตั้งสายสัญญาณโทรคมนาคมต่างๆ งาน data communication ให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลมีความรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และเข้ากับระบบของงานที่ใช้สายทองแดงและสายไฟเบอร์มากยิ่งขึ้น    Versiv เป็นตัวกลางในการเสริมสร้าง modules ต่างๆ สำหรับสายทองแดง, สายไฟเบอร์ และการทดสอบ Optical Time Domain Reflectometer (OTDR)  Versiv ยังสามารถเสริมสร้างการทำงานของโปรแกรมใหม่ๆโดยช่วยประหยัดเวลาในการทดสอบ มีความความแม่นยำ และทำให้การตั้งค่าในการทดสอบ การวางแผน และรายงานผลง่ายขึ้น

ในการศึกษาทั่วโลกเกี่ยวกับงานวางสายเครือข่าย  ความผิดพลาด ความซับซ้อนของงาน และการแก้ไขงานซ้ำซ้อนทำให้บริษัทต่างๆต้องจ้างแรงงานเพิ่มรวมแล้วเป็นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์เพื่อติดตั้งงานที่ไม่ซับซ้อนอย่างการติดตั้ง drop cable และทำให้สูญเสียเงินค่าจ้างโดยเฉลี่ยกว่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ  ด้วยเหตุผลเหล่านี้ Fluke Network จึงได้ทำการออกแบบและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีชื่อว่า Versiv  Versivเป็นเครื่องมือที่ผ่านการทดสอบและมีประกาศนียบัตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานตลอดอายุการใช้งาน  Versiv ช่วยจัดการความซับซ้อนของระบบการติดตั้งสายเคเบิ้ลและลดความผิดพลาดต่างๆของงาน ทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ใช้งานเครื่องVersiv

หัวใจสำคัญในการลดความซับซ้อนคือ ProjX™ ซึ่งเป็นระบบการจัดการใหม่ นอกจากระบบจะช่วยให้ทีมผู้ใช้งานตั้งค่าขอบเขตในการทดสอบเพื่อควบคุมการทำงานทีละหลายๆงานหรือควบคุมสื่อกลางทีละหลายสื่ออย่างทั่วถึงแล้ว ระบบยังช่วยเร่งความเร็วในการวางแผนและตั้งค่าแผนงานโดยให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความต่อเนื่องทั้งหมดในงานหนึ่งๆหรือความต่อเนื่องในการสับเปลี่ยนการทำงานหนึ่งไปยังอีกงานหนึ่ง การตรวจสอบสามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยคลิกแผนงานที่ต้องการตรวจสอบซึ่งถูกเก็บข้อมูลอยู่ใน tester ยิ่งไปกว่านั้นระบบยังสามารถวิเคราะห์แผนงานแบบ real time รายนาทีและสังเกตความผิดพลาดต่างๆเพื่อช่วยประหยัดเวลาและการรายงานผลที่ถูกต้อง ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างกระบวนการทดสอบ ผู้เชียวชาญสามารถสร้างบันทึก “Fix Later” ซึ่งบันทึกปัญหาที่ต้องแก้ไขในภายหลังสำหรับการประเมินผลในอนาคตโดยผู้ติดตั้งที่มีประสบการณ์




Versiv ยังมี touch screen ในรูปแบบของการตั้งค่าแบบแนะนำจากระบบและการตั้งค่าด้วยตนเองเพื่อยกระดับความสามารถของผู้ติดตั้งที่ขาดประสบการณ์และเพิ่มความรวดเร็วในการทดสอบและการตรวจสอบตรงตามมาตรฐาน ISO level V  จากคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเพิ่มความรวดเร็วในการตั้งค่าจนถึงคุณสมบัติชั้นสูงของ Taptive™ ซึ่งเป็น user interface ซึ่งระบบนำร่องในการเพิ่มคุณค่าในระบบงาน ซึ่งส่วนประกอบที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Versiv เมื่อนำมาดำเนินการร่วมกันจะทำให้ได้การทดสอบที่เร็วที่สุดในตลาดสินค้าประเภทเดียวกันและทำให้การปฏิบัติงานเสร็จเร็วที่สุดเช่นกัน

“บริษัทที่รับงานด้านการวางระบบและรับรองการทำงานของระบบนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากปัจจัยเพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากกำไรเป็นขาดทุนนั้น” นาย Jason Wilbur  รองผู้บริหารระดับสูงและผู้จัดการทั่วไปหน่วยธุรกิจการติดตั้งระบบเครือข่ายข้อมูลแห่ง Fluke Networks กล่าว  “ในปี 2004 เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้นำในการทดสอบชื่อ DTX สู่ตลาดสำหรับบริษัทที่ต้องการการรับประกันระบบเครือข่ายข้อมูล   อุปกรณ์ DTX เน้นการให้บริการในลูกค้าการที่ต้องการการรับประกันในการทำงาน ความมั่นคง เสถียรของระบบ และสำหรับลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วและการลดความผิดพลาดเมื่อมีการทำงานข้ามสื่อกลาง, การประมวลผลและการแผนงานเป็นจำนวนมาก ผลิตภัณฑ์ตระกูล Versiv เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีระบบการทำงานที่เฉียบคม เน้นการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นโดยการจัดการความซับซ้อนต่างๆซึ่งปัจจุบันนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตระกูล  Versiv Certification Testers โปรดติดต่อได้ที่ www.flukenetworks.com/versivfamily

###

เกี่ยวกับ Fluke Networks

Fluke Networks เป็นผู้นำในการให้บริการทดสอบเครือข่ายข้อมูลและติดตามวิธีการในการเพิ่มความรวดเร็วในการสร้างผลงานและปรับปรุงผลงานจากเครือข่ายและโปรแกรมของโลก กิจการแนวหน้าและผู้ให้บริการการสร้างความเชื่อมั่นมีความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และความชำนาญของ Fluke Networks เพื่อใช้แก้ปัญหาเครือข่ายข้อมูลหลายหัวข้อที่ยากและซับซ้อนมากที่สุดและกลายเป็นคู่แข่งทางการตลาดที่สำคัญของ WLAN ในด้านการให้ความปลอดภัย, ความคล่องตัวในการเคลื่อนข้อมูล, การรวมศูนย์กลางของการสื่อสารและข้อมูล จากการอ้างอิงโดยเมือง Everett รัฐ Washington บริษัท Fluke Networks ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้ามากกว่า 50 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ www.FlukeNetworks.com หรือโทรศัพท์ +1(425)446-4519

สำหรับสอบถามข้อมูล, โปรโมชั่น, และข่าวสารบริษัท สามารถติดตามได้จาก Twitter @FlukeNetDCI, Facebook หรือ ในเพจลิงค์อินของบริษัท LinkedIn Company Page.

30041
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ชวนประดิษฐ์งานกวีศิลป์ สืบสานและอนุรักษ์ศิลปะไทย รำลึกวันสุนทรภู่ วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ ในกิจกรรม “ปกกวี...งานศิลป์ดินสอพอง”


               อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ศูนย์การเรียนรู้และแหล่งรวบรวมข้อมูลความรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมยุครัตนโกสินทร์ ภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดกิจกรรมเรียนรู้คู่การอ่าน ให้ประชาชนทั่วไปร่วมสืบสานและสร้างสรรค์ไอเดีย แต้มสีแต่งลาย ปกสมุดบทกวีวรรคทองสุนทรภู่ โดยใช้ดินสอพอง ของดีในชุมชนบ้านดินสอเมื่อครั้งอดีต ในกิจกรรมชื่อ “ปกกวี...งานศิลป์ดินสอพอง” วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. ณ ห้องสมุดอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ฟรีตลอดรายการ พร้อมรับผลงานชิ้นพิเศษมากคุณค่าจากนิทรรศน์รัตนโกสินทร์

               สอบถามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐๒-๒๒๖-๕๐๕๑ หรือ ๐๘๑-๖๕๕-๘๘๕๙ ที่www.nitasrattanakosin.com หรือhttp://www.facebook.com/nitasrattanakosin

Free workshop,thai traditional white clay book cover at Rattanakosin Exhibition Hall, 15 June 2013.

               Rattanakosin Exhibition Hall, under the supervision of The Crown Property Bureau, is a fount of novel form of education and knowledge, an interactive self-learning center, as well as a venue where invaluable pieces of academic information on history, arts, and culture in regard to Siamese Rattanakosin era, invite publics to join arts and cultural training course, enhancing the Thai lifestyle and identity, on topic of “Soon-Torn-Phu Poems’ White Clay Book Cover” on 15 June 2013, 13.00-17.00, free of charge. This event you will learn how to make a book cover with white clay. After the training, you will get your own unique book cover for upcoming festival.

               For more information please call 02-226-5051 and 081-655-8859 or browse to www.nitasrattanakosin.com or www.facebook.com/nitasrattanakosin

30042
“คาราบาว ข้าวพันดี” ระเบิดความมันส์ทั่วประเทศ
พร้อมดึงศิลปิน “สหภาพดนตรี” ร่วมแจม


               “ข้าวพันดี” สินค้าคุณภาพในเครือ “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น” จัดทัวร์คอนเสิร์ต “คาราบาว ข้าวพันดี” นำทีมโดยวง “คาราบาว” พร้อมส่งศิลปินในสังกัดสหภาพดนตรี ทั้งวงในอัลบั้มร็อกมโหรี ทรงไทย, The Morning Glory (เดอะมอร์นิ่งกลอรี่), อบเชย  และ The Dey (เดอะเดย์) มาเล่นเป็นวงเปิดให้ ลงพื้นที่สร้างความบันเทิงทั่วประเทศ ส่งวงทรงไทยเป็นตัวแทนสหภาพดนตรีไประเบิดความมันส์เป็นวงแรกในทริป ซึ่งจะสิ้นสุดทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ในปลายเดือนสิงหาคมศกนี้


ทรงไทย


อบเชย

               ตั๊ก อบเชย หนึ่งในศิลปินสหภาพดนตรีที่ได้ไปร่วมทัวร์ครั้งนี้ด้วย ได้บอกว่า “งาน คาราบาวข้าวพันดี มีทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ 50 โชว์ ทางสหภาพดนตรีจัดวงน้องใหม่  4 วง มี ทรงไทย . เดอะมอร์นิ่งกลอรี่ . เดอะเดย์ และ พวกเราวงอบเชย ไปร่วมเล่นเป็นวงเปิดให้คาราบาว ตอนแรกก็ตื่นเต้นที่จะต้องไปร่วมงานกับพี่ๆ คาราบาว เกร็งอยู่เหมือนกัน เพราะผมเป็นวงหน้าใหม่ในสหภาพดนตรี  ได้รับเกียรติให้ไปเล่นเป็นวงเปิดให้คาราบาว ซึ่งเป็นวงที่เราติดตามผลงานเขามาตั้งแต่เด็ก พอถึงหน้างาน ได้เจอกับแฟนเพลงคาราวบาวเป็นหมื่นสนุกกับเราด้วย ความตื่นเต้นก็หายลงเยอะเลยครับ อย่างไรแล้วก็ตามพวกเราไปดูโชว์ได้นะครับ อบเชยจะไปอีกที ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม ทัวร์อิสานยาวเลยครับ เริ่มที่ ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย และ ขอนแก่น พบกันนะครับ ”

                ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/wearemusicunion มีทัวร์ไปถึงเดือนสิงหาคมศกนี้

30043
ตลาดรถจักรยานยนต์เดือนพฤษภายังน่าพอใจแม้เข้าฤดูฝน ปิด 5 เดือนแรกเติบโต 2%

               ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเดือนพฤษภาคมยังมีแนวโน้มที่ดี แม้การซื้อขายจะได้รับผลกระทบไปบ้างจากฤดูมรสุมที่เริ่มต้นค่อนข้างเร็วในปีนี้จนทำอัตราการเติบโตปรับตัวลดลง แต่ก็ได้แรงซื้อที่สำคัญจากฐานลูกค้ากลุ่มนักเรียนนักศึกษาในช่วงเปิดเทอมใหญ่ของปีมาช่วยผลักดันและส่งผลให้ตลาดโดยรวมยังคงสดใส ในส่วนของผู้นำตลาดอย่างฮอนด้ายังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมร่วมกับร้านผู้จำหน่ายฯหวังกระตุ้นยอดในช่วงปลายไตรมาสสองอย่างเต็มที่


นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์

               นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “สถิติการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไทยเดือนพฤษภาคม 2556 มีปริมาณทั้งสิ้น 189,056 คัน ปรับตัวลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12% อย่างไรก็ตาม ยอดจดทะเบียนดังกล่าวยังถือว่าค่อนข้างสูงหากเทียบกับยอดในเดือนพฤษภาคม 2554 ซึ่งในปีนั้นตลาดมียอดรวมทั้งปีกว่าสองล้านคัน จึงกล่าวได้ว่ายอดจดทะเบียนเดือนพฤษภาคมปีนี้ยังเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าพอใจ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความคึกคักก็เนื่องมาจากเป็นช่วงเปิดเทอมใหญ่ของสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่สูง ล่าสุดยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนแรก นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคม 2556 อยู่ที่ 907,154 คัน เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2%”


               “ในส่วนของยอดจดทะเบียนของค่ายฮอนด้าตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 139,869 คัน โดยมีรถของฮอนด้าติดอยู่ใน 10 อันดับรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทยอยู่ถึง 7 รุ่นด้วยกัน ซึ่งฮอนด้าเองก็ยังไม่หยุดที่จะเดินแผนการกระตุ้นตลาดในช่วงฤดูมรสุมก่อนจากปิดไตรมาสที่สองของปีนี้ด้วยกิจกรรมที่ทำร่วมกับร้านผู้จำหน่าย โดยเฉพาะแคมเปญฮอนด้ามันส์เลือกได้...ว้าว! ที่เราเปิดโอกาสให้แฟนบอลของทีมแมนฯยูฯ ลิเวอร์พูล และบาร์เซโลน่า ได้ลุ้นตั๋วเข้าชมเกมการแข่งขันอย่างใกล้ชิดในฐานะที่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเป็นผู้สนับสนุนการมาทัวร์เมืองไทยของทั้ง 3 ทีมอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะได้รับการตอบสนองอย่างดีจากฐานลูกค้าทั่วประเทศ”


               อนึ่ง แฟนบอลสามารถร่วมสนุกลุ้นตั๋วเข้าชมเกมการแข่งขันในเมืองไทยของสามทีมดังระดับโลกได้ฟรีๆ กับแคมเปญ “ฮอนด้า มันส์เลือกได้ ว้าว!” เพียงรับรหัสที่ร้าน Honda Wing Center แล้วพิมพ์รหัสพร้อมเลือกทีม M (แมนฯยูฯ), L (ลิเวอร์พูล) หรือ B (บาร์เซโลน่า) ส่ง SMS มาที่ 4221800 แล้วรอลุ้นบัตรเข้าชม จำนวนทีมละ 500 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 1,500 ที่นั่ง โดยสามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

               สรุปยอดจดทะเบียนตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเดือนพฤษภาคม 2556 พบว่ามีทั้งสิ้น 189,056 คัน แบ่งเป็นรถแบบครอบครัว 89,876 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 48%, รถแบบเอ.ที. 85,466 คัน ส่วนแบ่งตลาด 45%, รถแบบสปอร์ต 8,167 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4% และรถแบบอื่นๆ รวมกันอีก 5,547 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3%

               เมื่อแบ่งตามค่ายผู้ผลิตพบว่าฮอนด้ามียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 139,869 คัน สัดส่วนครองตลาด 74%, ยามาฮ่า 36,480 คัน ส่วนแบ่งตลาด 19%, ซูซูกิ 4,765 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3%, คาวาซากิ 4,254 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2% และยี่ห้ออื่นๆ ที่เหลือมียอดจดทะเบียนรวมกันที่ 3,688 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2%

30044
“สมาคมรถโบราณ” ชวนประชันโฉมรถหายาก
ใน “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 37” ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี


               สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ขอเชิญนักสะสมและผู้สนใจส่งรถคันโปรดเข้าร่วมประกวดใน “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 37” หรือ THE GLOSSY HERITAGE AWARDS 2013 ซึ่งจัดขึ้นปีละครั้งเท่านั้น โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ รถโบราณ (ก่อนปี 1940), รถหลังสงคราม (ระหว่างปี 1940-1955), รถคลาสสิค (มีอายุอย่างน้อย 25 ปี และเป็นตัวอย่างรถดีเด่นในอุตสาหกรรมยานยนต์), รถจำลอง (รถที่ผลิตเลียนแบบรถโบราณ), รถดัดแปลง (รถที่ดัดแปลงเหมือนรถโบราณที่มีอยู่จริง), และรถประดิษฐ์พิเศษ (รถที่ประดิษฐ์ขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์), รถโฟล์คสวาเกน และ รถอเมริกัน

               โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 15. มิถุนายน 2556 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร และไม่ต้องเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ดาวน์โหลดใบสมัครที่ http://www.vintagecarclub.or.th และส่งมาที่ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย 1143/1 ซอยสุทธิสาร   ถนนรัชดาภิเษก แขวง/เขต ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

               ผู้สนใจเชิญสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของรถโบราณอย่างใกล้ชิด ณ Alive Park Hall ชั้น G ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ระหว่างวันที่ 20-23 มิถุนายน 2556 ภายในงานจะได้ตื่นตาตื่นใจกับรถโบราณ รถคลาสสิค รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานโบราณ ที่หาชมได้ยากกว่าร้อยคัน พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษต่างๆ มากมาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

30045
“เอซุส” ชักชวนสาวกไอทีสัมผัส
วีโว่บุ๊ค ทัชสกรีน เต็มรูปแบบ...เพียงปลายนิ้ว


               จากภาพ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซิสเต็มส์ บิสซิเนส ยูนิต บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าจัดกิจกรรมเอาใจสาวกไอทีพร้อมแนะนำข้อมูล “วีโว่บุ๊ค โน้ตบุ๊ก ทัชสกรีน” แก่ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันการใช้งานด้วยหน้าจอระบบสัมผัสเพียงปลายนิ้ว บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ภายในงานพบกับโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ตระกูลทัชสกรีนอีกหลากหลายรุ่นที่จะมาอวดโฉมให้ได้สัมผัส โดยสามารถเข้าร่วมสนุกและรับของสมนาคุณฟรีกับเอซุสได้ง่ายๆ เพียง Check in ที่ Asus Experience Zone และกดไลท์ ASUS Thailand Fanpage รับของสมนาคุณฟรี (10 ท่าน/วัน) ณ Siam Paragon Star dome B สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.asus.co.th, www.facebook.com/asusthailand และ www.twitter.com/asusthailand หรือโทรสอบถามได้ที่ เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717




###

เกี่ยวกับเอซุส

               เอซุส อันดับ 2 ของโลก แบรนด์โน้ตบุ๊กสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และเป็นผู้ผลิตเมนบอร์ดอันดับหนึ่งของโลก เอซุสออกแบบและผลิตสินค้าต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จอภาพ กราฟิคการ์ด เน็ตบุ๊ก อุปกรณ์เครือข่าย เซอร์เวอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ในการออกแบบเรายึดถือความต้องการของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

               เราเป็นผู้ปฎิวัติวงการคอมพิวเตอร์ด้วย Eee PC และได้รับรางวัลถึง 4,186 รางวัล ในปี 2012  ปัจจุบันเอซุส มีพนักงานมากกว่า 12,500 คนทั่วโลก ทีมวิจัยและพัฒนากว่า 3,800 คน มีรายได้เมื่อปี 2011 ประมาณ 11.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

               และเป็นที่น่าภาคภูมิใจว่า เมื่อไตรมาสที่ 4 ปี 2012 เอซุสก้าวขึ้นสู่อันดับ 2 ในตลาดโน้ตบุ๊กสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และอันดับ 3 สำหรับตลาดโน้ตบุ๊กรวม (รวมโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กร) จากรายงานของ IDC ตลอดจนได้รับการการันตีว่าเป็นผู้นำด้านคุณภาพและบริการจาก Wall Street Journal Asia

Pages: 1 ... 2001 2002 [2003] 2004 2005 ... 2248