Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 2111 2112 [2113] 2114 2115 ... 2402
31681





ตัวละครและนักแสดง

หยางลู่ฉาน  (หยวนเสี่ยวเฉา)

               “เจ้าทึ่มผู้ต้องต่อสู้กับอุปสรรคขวากหนามสารพัน จนกลายมาเป็นผู้สืบทอดวิชาศิลปะการต่อสู้ไท้เก๊ก”
            หยวนเสี่ยวเฉา (เกิดปี 1988 ที่ยุ่นเฉิง) เป็นหลานของหยวนชินตง เจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ผู้โด่งดัง หยวนเสี่ยวเฉาก้าวเข้าสู่การแข่งขันกีฬาศิลปะการป้องกันตัวตั้งแต่ปี 2002 และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อเขาพิชิตเหรียญทองจากการแข่งขันวูซูยุทธลีลาในเอเชียนเกมส์ ปี 2006 ที่โดฮา ประเทศการ์ตา อีกสี่ปีต่อมา เขาก็สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ ด้วยการคว้าเหรียญทองอีกครั้งในเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 16 ที่ประเทศจีน ภาพยนตร์เรื่อง Tai Chi 0 คือผลงานการแสดงเรื่องแรกของเขา


ยื่อเหนียง  (แองเจลาเบบี้)

               “สาวสวยที่สุดแห่งหมู่บ้านเฉิน ผู้มีวิชากังฟูแกร่งกล้า ทว่าจิตใจอ่อนโยน เธอใฝ่ฝันว่าจะได้แต่งงานกับเจ้าชาย แต่พรหมลิขิตให้เธอได้มาพบรักกับเจ้าทึ่มคนหนึ่ง”
            แองเจลาเบบี้ (เกิดปี 1989 ที่เซี่ยงไฮ้) เริ่มทำงานเป็นนางแบบที่ฮ่องกงเมื่อปี 2007 ซึ่งในปีเดียวกันนั่นเอง เธอก็ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Trivial Matters แต่มาเป็นที่จับตามองของนักวิจารณ์และแฟนภาพยนตร์จริงๆ จากเรื่อง Hot Summer Days ซึ่งส่งให้เธอกลายมาเป็นนักแสดงหญิงผู้มีงานชุกที่สุดแห่งประเทศจีน ในปี 2011 เธอมีผลงานการแสดงถึง 6 เรื่อง เช่น Love in Space, Love You You และ Black & White


ฝางซื่อชิง  (เอ๊ดดี้ เผิง)

               “ฝางซื่อชิงได้รับการศึกษาจากตะวันตก ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป เขาอยากนำความเจริญมาสู่หมู่บ้านที่เขาเคยอยู่ โดยไม่สนใจว่าจะต้องเสียอะไรไปมากมายขนาดไหน”
            เอ๊ดดี้ เผิง (เกิดปี 1982 ที่ไทเป) ย้ายไปอยู่ประเทศแคนาดา ตอนเขาอายุ 14 ปี หลังจากย้ายกลับมาไต้หวัน เขาก็เริ่มต้นอาชีพนักแสดง โดยมีผลงานทั้งในวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลม้าทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2011 จากภาพยนตร์เรื่อง Jump Ashin! ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเขาได้แก่ My DNA Says I Love You (2007), My So-Called Love (2008), Hear Me (2009) และ Close to You (2010)


ปรมาจารย์เฉิน  (เหลียงเจียฮุย)

               “ปรมาจารย์ไท้เก๊กผู้คอยปกป้องคุ้มครองหมู่บ้าน เขาชอบแฝงกายซ่อนเร้น และเคลื่อนไหวไปมาประดุจเงา”
            เหลียงเจียฮุย (เกิดปี 1958 ที่ฮ่องกง) เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนในวงการภาพยนตร์ เขาเริ่มทำงานในวงการบันเทิง ด้วยการเป็นนักแสดงฝึกหัดของสถานีโทรทัศน์ TVB กระทั่งปี 1983 เขาก็ได้แสดงนำในภาพยนตร์สองเรื่องของผู้กำกับระดับตำนาน หลี่ฮั่นเสียง คือ The Burning of the Imperial Palace และ Reign Behind the Curtain ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกบนเวที Hong Kong Film Awards นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เหลียงเจียฮุยมีผลงานการแสดงในภาพยนตร์เป็นจำนวนมากกว่า 100 เรื่อง


พี่ชายของยื่อเหนียง  (เฝิงเส้าเฟิง)

               “คนในหมู่บ้านเฉินคนเดียวที่ไม่เคยเรียนวิชาไท้เก๊ก เขาและคู่หมั้นสาวที่แปลกประหลาดพอกัน เดินทางกลับมาหมู่บ้านเพื่อกระทำภารกิจลับบางอย่าง”
            เฝิงเส้าเฟิง (เกิดปี 1978 ที่เซี่ยงไฮ้) สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการละครแห่งเซี่ยงไฮ้ในปี 2001 สิบปีต่อมา เขากลายเป็นนักแสดงชื่อดังในวงการโทรทัศน์ของจีนและฮ่องกง จนกระทั่งในปี 2011 เขาก็ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในนักแสดงผู้มีผลงานชุกที่สุดในประเทศจีน โดยมีผลงานอย่าง Painted Skin: The Resurrection ภาพยนตร์แฟนตาซีโดยผู้กำกับ หวูอ้ายซัน, White Vengeance ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์โดยผู้กำกับ แดเนียล ลี และ Double Exposure ภาพยนตร์ชีวิตโดยผู้กำกับ หลี่ยู่


แม่ของหยางลู่ฉาน  (ซูฉี)

               “อดีตภรรยาลับผู้สูญเสียสถานภาพของตัวเองไป ภายหลังให้กำเนิดบุตรเป็นเด็กทึ่ม แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นในตัวลูกชายเสมอ ว่าเขามีสิ่งพิเศษติดตัวมา”
            ซูฉี (เกิดปี 1976 ที่ไทเป) เริ่มอาชีพนักแสดงช่วงกลางทศวรรษที่ 90 ในภาพยนตร์ประเภทปลุกใจเสือป่า แต่หลังจากมอบบทบาทอันน่าจดจำไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Viva Erotica (1996) จนได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากเวที Hong Kong Film Awards เธอก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับบรรดาผู้กำกับชั้นแนวหน้าของจีนหลายต่อหลายคน อาทิ เหอเซี่ยวเซียน, แอน ฮุย, ยอนฟาน, สแตนลีย์ กวาน และเฝิงเสี่ยวกัง ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม และแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผลงานเด่นเรื่องอื่นของซูฉี ได้แก่ Sweet Symphony (1997), Your Place or Mine (1998), The Storm Riders (1998), Millennium Mambo (2001), So Close (2002), The Transporter (2002), Three Times (2005), New York, I Love You (2009) และ A Beautiful Life (2011)


ทีมงาน

เฉินกั๋วฟุ  (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)

               เป็นเวลายาวนานกว่าสองทศวรรษที่เฉินกั๋วฟุ ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศจีน ด้วยเหตุที่เขามีความสามารถหลากหลาย ทั้งการกำกับ, เขียนบท และอำนวยการสร้าง ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางทั้งในจีนและไต้หวัน เขาเกิดเมื่อปี 1958 และทำงานเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์มาก่อนจะได้โอกาสกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก Highschool Girls ในปี 1989 ตามด้วย Treasure Island (1993), The Peony Pavilion (1995) และ The Personals (1998) จนย่างเข้าสู่ปี 2001 เฉินกั๋วฟุจึงเริ่มจับงานอำนวยการสร้างเป็นครั้งแรก ในผลงานเรื่อง Better Than Sex ปีถัดมา เขากำกับและอำนวยการสร้าง Double Vision ภาพยนตร์ที่เปรียบเสมือนหัวหอกของไต้หวัน ในการก้าวออกไปตีตลาดต่างประเทศ ผลงานเรื่องนี้มีส่วนช่วยสร้างคนทำภาพยนตร์สายเลือดใหม่ของไต้หวันอย่าง อุ้ยเต๋อเซิน เจ้าของผลงานสุดฮิตเรื่อง Cape No.7 และ Warriors of the Rainbow: Seediq Bale ปัจจุบัน เฉินกั๋วฟุดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายผลิตของบริษัทภาพยนตร์ฝาหยี่ บราเธอร์ส ซึ่งทำให้เขาต้องร่วมงานกับผู้กำกับหน้าใหม่ฝีมือดีมากมาย อาทิ เส้าเป่าผิง (The Equation of Love and Death), เก้าเฉี่ยฉู (The Message) และหวูอ้ายซัน (The Butcher, the Chef and the Swordsman)

เฝิงเต๋อหลวน  (ผู้กำกับภาพยนตร์)

               เฝิงเต๋อหลวนเกิดเมื่อปี 1974 ที่ฮ่องกง ด้วยความที่เป็นบุตรของจูลี เซค นักแสดงหญิงสังกัดชอว์บราเธอร์ส เขาจึงเริ่มฉายแววการเป็นนักแสดงเหมือนมารดาตั้งแต่อายุ 14 เมื่อย้ายตามครอบครัวไปอยู่สหรัฐอเมริกา ก่อนย้ายกลับมาฮ่องกงตามเดิมภายหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ในปี 1998 เฝิงเต๋อหลวนได้รับคะแนนโหวตจากสื่อมวลชนฮ่องกง เลือกเขาเป็น “นักแสดงหน้าใหม่แห่งปี” และถัดจากนั้นอีกสามปี เขาก็กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงฮ่องกงที่ร้อนแรงที่สุด ด้วยผลงานอย่าง Bishonen (1998), The Poet (1998), Gen-X Cops (1999), Sunshine Cops (1999), Metade Fumaca (2000) และ Gen-X Cops 2: Metal Mayhem (2000) พอถึงปี 2001 เฝิงเต๋อหลวนก็ก้าวไปทำงานเบื้องหลังโดยเริ่มจากการเขียนบท/กำกับภาพยนตร์เรื่อง Heroes in Love ร่วมกับเพื่อนนักแสดง เซียะถิงฟง และคนอื่นอีกสองคน แล้วจึงมากำกับเดี่ยวในผลงานเรื่องต่อมาคือ Enter the Phoenix (2004), House of Fury (2005), Jump (2009) และล่าสุด Tai Chi 0 (2012)

หงจินเป่า  (ผู้กำกับฉากแอ็คชั่น)

               หงจินเป่า หนึ่งในสุดยอดดาราแอ็คชั่นแห่งเอเชีย เกิดเมื่อปี 1952 ที่ฮ่องกง เขาเป็นหลานของฉิงซิอั๋ง ดาราหญิงนักบู๊ระดับตำนาน เมื่ออายุ 7 ขวบ เขาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนงิ้วปักกิ่งอันเลื่องชื่อ ตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่อยู่ที่นั่น เขาเป็นสมาชิกผู้โดดเด่นของคณะละคร Seven Little Fortunes ที่มีสมาชิกคนสำคัญอีกหนึ่งคนคือแจ็คกี้ ชาน หรือเฉินหลงนั่นเอง หงจินเป่าเริ่มแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อปี 1961 ในเรื่อง Education of Love ตามด้วย Big and Little Wong Tin Bar (1962) ที่เขาแสดงคู่กับเฉินหลง เมื่ออายุ 14 ปี เขาก็ได้เป็นผู้ช่วยออกแบบคิวบู๊ในภาพยนตร์กังฟูคลาสสิคเรื่อง Come Drink With Me จากนั้นเขาก็ทำหน้าที่กำกับฉากแอ็คชั่น, แสดงบทเสี่ยงตาย และแสดงบทเล็กๆ น้อยๆ ในภาพยนตร์ที่สร้างโดยบริษัทชอว์บราเธอร์ส เป็นจำนวนมากกว่า 30 เรื่องในระยะเวลาแปดปี ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัวในปี 1977 กับผลงานเรื่อง The Iron Fisted Monk ในปีถัดมา เขามีโอกาสได้ร่วมแสดงและร่วมออกแบบคิวบู๊ใน The Game of Death ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของบรูซ ลี
              หงจินเป่าคือหนึ่งในบุคคลสำคัญ ผู้มีส่วนอย่างมากในการทำให้ภาพยนตร์แอ็คชั่นของจีน เปลี่ยนแนวทางจากภาพยนตร์กำลังภายในคลาสสิค ไปเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นสมัยใหม่ที่เน้นการเดินเรื่องรวดเร็ว, ตัดต่อฉับไว และเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน เมื่อย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 90 ผลงานโดดเด่นของเขาคือการออกแบบคิวบู๊ในภาพยนตร์กำลังภายในของผู้กำกับ หว่องกาไว เรื่อง Ashes of Time ต่อด้วยผลงานชั้นเยี่ยมในทศวรรษต่อมาอย่าง Ip Man (2008), Detective Dee and Mystery of the Phantom Flame (2010) และ My Kingdom (2011)


ทิม ยิป  (ผู้ออกแบบงานสร้าง)

               ทิม ยิปเป็นมากกว่าผู้ออกแบบงานสร้างทั่วไป เขาคือผู้นำความแปลกใหม่มาสู่วงการภาพยนตร์จีนเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 25 ปี ยิปสำเร็จการศึกษาด้านการถ่ายภาพ และผ่านงานมามากมายหลายแขนง เขาเป็นทั้งผู้กำกับศิลป์, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย และผู้ออกแบบงานสร้าง ผลงานของเขาช่วยทำให้โลกรู้จักศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจีน ดังที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง A Better Tomorrow (1986) ของจอห์น วู, Rouge (1987) ของสแตนลีย์ กวาน, Temptation of a Monk (1993) ของคลารา ลอว์, Crouching Tiger Hidden Dragon (2000) ของอั้งลี, Double Vision (2002) ของเฉินกั๋วฟุ, Baober in Love (2003) ของหลีชาหง, The Wayward Cloud (2005) ของไฉ่หมิงเลี่ยง และ The Banquet (2006) ของเฝิงเสี่ยวกัง
              รางวัลเกียรติยศที่ทิม ยิปได้รับมีดังต่อไปนี้ รางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับศิลป์และออกแบบฉากยอดเยี่ยมประจำปี 2000 จาก Crouching Tiger Hidden Dragon, รางวัลบาฟต้าสาขาผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมประจำปี 2000 จาก Crouching Tiger Hidden Dragon, รางวัลชมรมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งลอสแองเจลิส สาขาผู้ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมประจำปี 2000 จาก Crouching Tiger Hidden Dragon, รางวัล Asian Film Awards สาขาผู้ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมประจำปี 2006 จาก The Banquet, รางวัลม้าทองคำสาขาผู้กำกับศิลป์ยอดเยี่ยมประจำปี 1993 จาก Temptation of a Monk และสาขาผู้กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, แต่งหน้ายอดเยี่ยมประจำปี 2006 จาก The Banquet และรางวัล Hong Kong Film Awards สาขาผู้กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, แต่งหน้ายอดเยี่ยมประจำปี 2008 จาก Red Cliff


31682

TAI CHI 0 ไทเก็ก หมัดเล็กเหล็กตัน
จากตัวตลกสู่วีรบุรุษ

Tai Chi O /กำหนดเข้าฉาย 25 ตุลาคม 2012

Tai Chi Hero /กำหนดเข้าฉาย 22 พฤศจิกายน 2012

นักแสดง - เหลียงเจียฮุย, แองเจล่าเบบี้, เผิงอวี้เอี้ยน, ซูฉี, แดเนี่ยล วู

ผู้กำกับ - ฝงเต๋อหลุน

ประเภท – แอ็คชั่น, ไซไฟ  / ระบบ Digital พากย์ไทย


เรื่องย่อ

               หยางลู่ฉานเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์พิเศษในตัว แต่กระนั้นเขาก็ถูกล้อเลียนว่าเป็นตัวตลกประจำเมือง แม่ของหยางจึงกระตุ้นให้เขาฝึกฝนวิชาการต่อสู้ โดยการเดินทางไกลไปหมู่บ้านเฉินอันเลื่องชื่อเพื่อเรียนเพลงมวยไท้เก๊ก ทว่าในหมู่บ้านเฉิน มีกฎเหล็กอยู่หนึ่งข้อคือห้ามเผยแพร่วิชาไท้เก๊กแก่คนภายนอก ทันทีที่หยางเดินทางมาถึง เขาก็ถูกคนในหมู่บ้านท้าประลองฝีมือ นับตั้งแต่ผู้ชายแข็งแกร่ง, ผู้หญิงอ้อนแอ้น ไปจนถึงเด็กตัวเล็กๆ ทุกคนสามารถเอาชนะหยางได้หมด หลังจากผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วง และพ่ายแพ้แก่ยื่อเหนียง ลูกสาวคนสวยของปรมาจารย์เฉิน เจ้าหนุ่มหยางก็ยิ่งเลื่อมใสในวิชาไท้เก๊ก และยิ่งอยากพบปรมาจารย์เฉินเพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ แต่หยางหารู้ไม่ว่าชายแปลกหน้าซอมซ่อผู้ช่วยเขาไว้ในการประลองกับยื่อเหนียง ก็คือปรมาจารย์เฉินนั่นเอง เฉินสัมผัสได้ถึงความพิเศษในตัวชายหนุ่มคนนี้ เขาจึงแอบถ่ายทอดเพลงมวยไท้เก๊กให้หยางอย่างลับๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง หมู่บ้านเฉินก็ถูกรุกรานโดยการมาเยือนของฝางซื่อชิง เพื่อนในวัยเด็กของยื่อเหนียง ผู้นำคำสั่งราชการมาบอกให้คนในหมู่บ้านยอมรับว่า เขามีสิทธิ์สร้างทางรถไฟตัดตรงเข้ามายังหมู่บ้าน นั่นทำให้หยางต้องผนึกกำลังกับยื่อเหนียง เพื่อขัดขวางไม่ให้ฝางซื่อชิงและเครื่องจักรพิฆาตของเขาทำงานสำเร็จ ในที่สุดความกล้าหาญของหยางก็สามารถเอาชนะใจยื่อเหนียงและคนในหมู่บ้านได้




ประวัติศาสตร์ไท้เก๊ก
  
               “สิ่งประดิษฐ์ยิ่งใหญ่ 4 อย่างของจีน” ได้แก่ เข็มทิศ, ดินปืน, การผลิตกระดาษ และการพิมพ์ ไม่เพียงสร้างความเจริญให้ชาวจีนเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้ชาวตะวันตกด้วย สมัยราชวงศ์ฉิง (1644-1911) คือช่วงเวลาแห่งความถดถอยทางเทคโนโลยีในประเทศจีน ด้วยการขาดแคลนศิลปวิทยาการใหม่ๆ รวมถึงไม่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมใดๆ ซึ่งต่างจากซีกโลกฝั่งตรงข้าม ที่เวลานั้นถือเป็นช่วงก้าวกระโดดของชาติตะวันตก
             จีนต้องขื่นขมกับความพ่ายแพ้ต่ออำนาจของชาวตะวันตก ยกตัวอย่างเช่น สงครามฝิ่น (1838-1842, 1856-1860) ที่ผลลัพธ์ของมันทำให้เกิดสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อจีน จากการร่วมมือกันของอังกฤษ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น และรัสเซีย เมื่อไม่อาจทนต่อสภาพการกดขี่ข่มเหงของชาวต่างชาติ และการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาลตัวเอง ประชาชนชาวจีนจึงพร้อมใจกันลุกฮือขึ้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มีชาวจีนรักชาติจำนวนหลายสิบล้านคนถูกฆ่าตายในการลุกขึ้นต่อต้านชาวตะวันตกครั้งนี้ แต่ในความเจ็บปวดก็ยังมีสิ่งดีๆ แฝงอยู่ นั่นคือช่วงเวลาอันโหดร้ายนั้นเอง เป็นช่วงเวลาที่วิชาศิลปะการต่อสู้ของจีนเติบโตรุ่งเรืองมากที่สุด แม้ว่าชุ่นสึ กษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์ฉิง ได้ออกคำสั่งไม่ให้มีการเรียน, การสอน และฝึกฝนวิชาการต่อสู้ทั้งหลาย แต่วิชาเหล่านั้นก็ถูกส่งผ่านจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นโดยไม่เปิดเผย
            วิชาไท้เก๊กสอนให้คนรู้จักการผ่อนถ่ายพลังที่จู่โจมเข้ามา และส่งพลังนั้นคืนกลับไปยังคู่ต่อสู้ ด้วยการค้นหาจุดสมดุลของตัวเอง และการควบคุมฝ่ายตรงข้ามโดยใช้ลีลาท่วงท่าของร่างกายระหว่างการปะทะ มันจึงเป็นมากกว่าการใช้กำลังต่อต้านกำลัง ที่จะทำให้ผู้ต่อสู้บาดเจ็บทั้งคู่ ผู้ฝึกฝนไท้เก๊กสามารถใช้พลังนำพาร่างกายตนเองถอยหลัง, หลบหลีก, ลอยตัว เพื่อหลีกเลี่ยงจากการบาดเจ็บได้ วิชาไท้เก๊กดั้งเดิมที่เรียกกันว่า “ไท้เก๊กแบบเฉิน” ถูกคิดค้นขึ้นมาในยุคเริ่มต้นราชวงศ์ฉิงโดย เฉินหวังฉิง (1580-1660) และถูกถ่ายทอดสู่คนในตระกูลอย่างลับๆ จนกระทั่งถึงรุ่นของเฉินฉางชิง (1771-1853) มันก็ถูกสอนแก่คนภายนอกชื่อหยางลู่ฉาน (1799-1872) ผู้ที่นำวิชานี้ไปพัฒนาจนกลายเป็น “ไท้เก๊กแบบหยาง” ในที่สุด


เบื้องหลังงานสร้าง

               ใน Tai Chi 0 ผู้อำนวยการสร้าง เฉินกั๋วฟุ และผู้กำกับ เฝิงเต๋อหลวน ตั้งใจสร้างสรรค์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่มาพร้อมฉากแอ็คชั่นมันระห่ำ ในแบบเดียวกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องดังอย่าง 300 ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งคู่ผลิตผลงานชิ้นนี้ และเฉกเช่นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อีกมากมายหลายเรื่องของจีน พวกเขาคิดว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการสร้าง Tai Chi 0 แม้ว่ามันจะเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นกำลังภายใน ด้วยเรื่องราวที่เล่าถึงจุดกำเนิดของวิชาไท้เก๊ก แต่เฉินและเฝิงก็รู้ดีว่า เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ ลงไป เพื่อเอาใจเหล่าผู้ชมวัยรุ่น ด้วยเหตุนี้ ผู้กำกับ เฝิงจึงย้อนกลับไปมองภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่น และวิดีโอเกมส์ ของสองสิ่งที่เขาหลงใหลอย่างที่สุด และนำพวกมันมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์ Tai Chi 0 ด้วย นอกจากนี้ เฝิงยังนำจุดที่น่าสนใจแบบนิยายวิทยาศาสตร์ มาใส่ไว้ในภาพยนตร์จีน และมันก็กลายเป็นส่วนผสมอันลงตัว เมื่อช่วงเวลาที่แตกต่างกันในประวัติศาสตร์จีน ถูกนำมาตีความใหม่จนเกิดเป็นโลกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา
            ทีมงานฝ่ายศิลป์ได้แรงบันดาลใจมามากมายจากหลายช่องทาง ตั้งแต่ภาพวาดของศิลปินเอก ลีโอนาร์โด ดาวินชี ไปจนถึงวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยในประเทศจีน ผู้ออกแบบงานสร้าง ทิม ยิป เจ้าของรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon พูดถึงเรื่องนี้ว่า “แม้ว่าเราจะตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้หนังจีน แต่เราก็ทำมันด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด” และผู้กำกับ เฝิง ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของกังฟู เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะมันจะทำให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในหนังเรื่องนี้คือ ความแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”
            “ไอเดียไหนก็ตามที่ถูกเสนอเข้ามา ผู้อำนวยการสร้าง เฉินจะพิจารณามันด้วยเหตุผล” ทิม ยิปกล่าว “เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากในการสร้างหนัง ส่วนเฝิงเต๋อหลวน เขาคือผู้กำกับหนุ่มไฟแรงที่กล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ ผมคิดว่าเขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่จะมากำกับหนังเรื่องนี้” ในตอนแรก เฉินกั๋วฟุ, เฝิงเต๋อหลวน และหงจินเป่า ผู้กำกับฉากแอ็คชั่น ต้องการนำเสนอภาพการต่อสู้ไท้เก๊กของจริง ผ่านตำนานชีวิตของสองปรมาจารย์ผู้เป็นตัวแทนของสำนักสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ที่แตกต่างกันสองแห่งในศตวรรษที่ 19 “ผมต้องนำเสนอภาพการต่อสู้ที่รุนแรง, มีพลัง และดูสมจริงอย่างที่ผู้กำกับ เฝิงอยากให้เป็น และแน่นอนว่าฉากแอ็คชั่นทุกฉาก ต้องแสดงให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะและอารมณ์ของตัวละครแต่ละตัวในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย” หงจินเป่ากล่าว มีผู้เชี่ยวชาญด้านไท้เก๊กหลายคนมาคอยให้คำปรึกษาแก่หงจินเป่าตลอดระยะเวลาถ่ายทำนานหกเดือน ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำแต่ละวัน หงจินเป่าและทีมของเขาจะกลับมานั่งดูและตัดต่อวิดีโอผลงานในวันนั้น เพื่อนำไปใช้อธิบายและสื่อสารกับเหล่านักแสดงและผู้กำกับ เฝิงเต๋อหลวน ในการถ่ายทำวันต่อไป
            แม้ว่า Tai Chi 0 จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับไท้เก๊ก แต่ก็ยังมีฉากแอ็คชั่นของศิลปะการต่อสู้อันหลากหลายอัดแน่นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตอนต้นเรื่องก่อนที่หยางจะเดินทางไปหมู่บ้านเฉิน ภาพการต่อสู้จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างรุนแรงและน่ากลัวมาก กระทั่งเขาไปถึงหมู่บ้านเฉิน และได้ต่อสู้กับยื่อเหนียง รวมถึงชาวบ้านคนอื่นๆ ผู้ชมก็จะได้เห็นศิลปะการต่อสู้แบบไท้เก๊กอย่างแท้จริง ซึ่งในส่วนคิวบู๊ของยื่อเหนียง และตัวละครหญิงรายอื่น ทีมงานได้ออกแบบท่าทางการต่อสู้ให้มีลักษณะอ่อนช้อยงดงามตามลักษณะของสตรีเพศ แต่แฝงไว้ด้วยพละกำลังไม่แพ้ท่วงท่าการต่อสู้ของผู้ชาย  

31684
กสทช. จัดสัมมนา “ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน 2015 อาเซียนร่วมใจไทยจะรุกหรือรับ”


               พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา “ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน 2015 อาเซียนร่วมใจไทยจะรุกหรือรับ”ระดมความคิดเห็นจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันกำหนดทิศทางของกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมของไทยก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2015 โดยมี ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษ เรื่อง“ผลกระทบและการเตรียมความพร้อมของกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมสู่ประชาคมอาเซียน” ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว วานนี้ (11 ต.ค.)

*****************************************

ในภาพ (จากซ้าย)
พ.อ. ดร. นที  ศุกลรัตน์         รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
               และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
รศ. ดร. ประเสริฐ  ศีลพิพัฒน์      กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ
            กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี          ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ
            กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ดร. สุรินทร์  พิศสุวรรณ      เลขาธิการอาเซียน
พ.อ. ดร. เศรษฐพงค์  มะลิสุวรรณ   รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
               และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ
               ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
นายฐากร  ตัณฑสิทธิ์         เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
         และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
นายชวลิต  เศรษฐเมธีกุล      อนุกรรมการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ
               อาเซียนของสำนักงาน กสทช.

31685
ยธ.ทุ่ม 25 ล้านช่วยลูกหนี้-ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมสู้คดี

ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.)


รับร้องทุกข์

               การอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้โดยเสมอภาคกับทุกคนเป็นความรับผิดชอบหลักของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้สร้างกลไกการให้บริการความยุติธรรมที่เท่าเทียมในหลายช่องทาง และหนึ่งในมาตรการเสริมสำหรับลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนใหญ่เป็น “ลูกหนี้นอกระบบ” ซึ่งมีช่องว่างทางกฎหมายให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบลูกหนี้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนรากหญ้า หาเช้ากินค่ำ  ขาดความรู้ความเข้าใจกฎหมาย เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม “ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.)” จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยลูกหนี้กลุ่มนี้เข้าถึงความเป็นธรรม ตามครรลองของกระบวนการยุติธรรม


สุวณา สุวรรณจูฑะ

               นางสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมไทยและสังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาด้านเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนการก่ออาชญากรรม ซึ่งพัฒนาจากการใช้ความรุนแรงเป็นอาชญากรรมและการหลอกลวงที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาล ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมากและมีผู้เสียหายจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงช่องทางการช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม   โดยเฉพาะลูกหนี้จากปัญหาหนี้นอกระบบซึ่งมีจำนวนมาก และจำนวนไม่น้อยถูกแก๊งหนี้นอกระบบตามทวงหนี้อย่างโหดร้าย ได้รับบาดเจ็บ หรือสูญเสียทรัพย์สิน และปัจจุบันขบวนการเหล่านี้มีหลายรูปแบบมากขึ้น
            ศนธ.ยธ. เป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการสร้างเสริมความเป็นธรรมและให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและด้านต่าง ๆ แก่ลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม  ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ มีภารกิจ 3 ด้านหลักคือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน การแก้ไขปัญหาที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาการไม่ได้รับความยุติธรรมด้านอื่นๆ เน้นให้การช่วยเหลือ ลูกหนี้ ตั้งแต่ 50 รายขึ้นไป  หรือประชาชนกลุ่มใหญ่ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งในภาครัฐ เครือข่ายองค์กรภาคเอกชน และประชาสังคม โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับบริการงานยุติธรรมอย่างสะดวก รวดเร็วและยุติธรรม


               ผอ.ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ กล่าวว่า ผลดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2522 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมจำนวนมาก  และพบว่า จังหวัดที่มีสถิติสูงสุดของประชาชนที่เป็นหนี้และถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งศนธ.ยธ.ได้ให้การช่วยเหลือ คือ จังหวัดชัยภูมิ อุบลราชธานี และขอนแก่น  ปัญหาที่พบของลูกหนี้นอกระบบ คือ การถูกเจ้าหนี้เงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและฟ้องร้องเรียกเงินคืนเกินกว่ามูลหนี้กู้ยืมจริงมีการบังคับคดียึดที่ดินทำกินของประชาชน นอกจากนี้ยังรวมทั้งปัญหาที่ดิน และสิ่งแวดล้อม   ปัจจุบันมีผู้เข้ามาขอความช่วยเหลือจาก ศนธ.ยธ.มากกว่า 360 คดี  มีทุนทรัพย์ที่พิพาทมูลค่ากว่า 559 ล้านบาท

               ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯยังตระหนักดีว่า  ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการที่ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจในด้านกฎหมาย การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงถูกหลอก เอารัดเอาเปรียบ  การดำเนินการในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะเพื่อเตือนภัย ป้องปราม และเฝ้าระวัง  โดยจะมีการรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนทั่วประเทศ เช่น จัดเวทีเสวนาและรับฟังปัญหาจากภาคประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ  การแจกหนังสือคู่มือ แผ่นพับ ซึ่งจะมี ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมาย เช่น เรื่องหนี้นอกระบบ การกู้ยืมเงิน การขายฝาก การจำนอง การจำนำ เป็นต้น ซึ่งจะให้ความรู้แก่ประชาชนตั้งแต่เริ่มทำสัญญา    หรือหากถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องบังคับคดี ลูกหนี้จะไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดบ้าง   การถอดบทเรียนประสบการณ์ตรงจากผู้ถูกหลอก  รวมทั้งจะลงไปเก็บข้อมูลเชิงลึกแล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อใช้วางแผนทิศทางการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

               สำหรับในปีนี้ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงยุติธรรมจำนวน 25 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนต่อไป โดยมีคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการอาทิ กรณีการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบจังหวัดชัยภูมิ จำนวนกว่า 500 รายที่อยู่ระหว่างการบังคับคดีและอีก  50 รายที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีแพ่งและอาญา โดยกรณีนี้เป็นการกู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายไปทำงานต่างประเทศแล้วถูกหลอกให้ลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้ และภายหลังมีการฟ้องบังคับคดียึดที่ดินของประชาชน  กรณีชาวนาที่โกงเงินจากนายทุนในจังหวัดชัยนาทและพระนครศรีอยุธยา  กรณีปัญหาการทุจริตในสหกรณ์แม่เปิน จ.นครสวรรค์  มีการรับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังแล้วเกษตรกรไม่ได้รับเงิน  เป็นต้น

               สำหรับลูกหนี้หรือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือด้านกฎหมายและคดีความได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-141-5440 โทรสาร 02- 143- 8285 และตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนเป็นต้นไปติดต่อ ศนธ.ยธ.ได้ที่ ปณท. อาคารศูนย์ฝึกอบรม ชั้น 4 เลขที่ 111 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210  โทร.02-575-8585  ติดต่อได้ทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์.

31686
สทป. จัดค่าย“จรวดประดิษฐ์” ครั้งแรก
ปูทางสู่นักวิจัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศ  


               สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) จัดโครงการ “ค่ายวิทยาศาสตร์จรวดประดิษฐ์” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  เรียนรู้พร้อมลงสนามปฏิบัติจริง หวังจุดประกายความคิดวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจรวดแก่เยาวชน  ปูทางสู่การเสริมสร้างศักยภาพเป็นนักวิจัยยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศของไทยในอนาคต


อบรม



ทำกิจกรรม




ประดิษฐ์จรวด

               ปิดฉากไปแล้วสำหรับ “ค่ายวิทยาศาสตร์จรวดประดิษฐ์” จำนวน 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่วันที่ 28 - 30 กันยายน ที่ผ่านมา ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (สวทช.) จ.ปทุมธานี และศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี จัดขึ้นโดยสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป.โดยมีเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ทั่วประเทศที่ได้รับการคัดเลือก 100 คน จากใบสมัครและคะแนนผลการเรียนที่ผ่านมา พร้อมบทเรียงความในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกับการดำเนินชีวิต” ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศ กระทรวงกลาโหม  ศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี  สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  และองค์กรเอกชนอีกหลายแห่ง โดยบรรยากาศการอบรมทั้ง 3 วัน เป็นไปอย่างเข้มข้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ


พลอากาศเอกพงศธร บัวทรัพย์

               พลอากาศเอกพงศธร บัวทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร สทป. เปิดเผยว่า โครงการค่ายวิทยาศาสตร์จรวดประดิษฐ์ เป็นโครงการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจรวด  ซึ่งเป็นการจัดอบรมให้ความรู้และสอนการประดิษฐ์จรวดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย   เพื่อจุดประกายความคิดเป็นนักวิทยาศาสตร์ให้แก่เยาวชน โดยเฉพาะในด้านการวิจัยค้นคว้าจรวด ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ป้องปรามที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงแก่ประเทศ  นำไปสู่การวิจัยพัฒนาเพื่อพึ่งพาตนเองทดแทนการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ  โดยใช้องค์ความรู้สะสมและบุคลากรในประเทศมาถ่ายทอดแก่เยาวชน

               “ในอนาคตถ้าเรามีเยาวชนที่มีความรักทางด้านวิทยาศาสตร์ สนใจทางด้านเทคโนโลยีจะช่วยให้ประเทศชาติพัฒนาเทคโนโลยีได้ดีขึ้น ทัดเทียมกับประเทศที่เขาเจริญแล้วหลายๆประเทศ และเราจะได้สู้กับหลายๆประเทศได้นับจากนี้ไป เราจะพยายามจัดกิจกรรมอย่างนี้ให้มากขึ้น และจัดทุกปีโดยครั้งหน้าอาจไม่ใช่เรื่องของจรวดอย่างเดียว อาจจะทำอย่างอื่น เช่น เรื่องของการประหยัดพลังงาน การคอนโทรลหรือนำวิถี นอกจากจะปลูกฝังให้รักด้านวิทยาศาสตร์แล้ว การเข้าค่ายในลักษณะนี้จะสร้างความรัก ความสามัคคี การทำงานเป็นทีมให้กับเด็กๆได้เป็นอย่างดี”

               น.ส.นันท์กาญ แสงเรือน และ น.ส.อัจฉรา รัตนสุวรรณ อาจารย์จากโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงการพาลูกศิษย์หญิงล้วนทั้ง 5 คนมาเข้าค่ายครั้งนี้ว่า ทุกคนรู้สึกสนุกกับการมาร่วมทำกิจกรรมครั้งนี้มากเพราะเป็นค่ายที่ไม่น่าเบื่อ และเด็กได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกคน โดยจากการมาสังเกตการณ์การจัดค่ายจรวด จะกลับไปจัดตั้งชมรมหรือชุมชนุมวิทยาศาสตร์สิ่งประดิษฐ์ขึ้นมา และให้เด็กที่มาอบรมครั้งนี้เป็นพี่เลี้ยงให้กับนักเรียนที่สนใจ

               “อยากให้จัดค่ายลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับสังคมไทย ถ้าเด็กได้รับการปลูกฝังส่งเสริมเรื่อยๆอีกไม่นาน เชื่อว่าเด็กไทยจะหันมาชอบและสนใจวิทยาศาสตร์มากขึ้น”

               นายจรูญ ดำแดง ผู้ปกครอง กล่าวขณะเดินทางมาเยี่ยมลูกที่เข้าร่วมกิจกรรมกับค่ายฯว่า กิจกรรมนี้น่าสนับสนุนให้จัดต่อไปเรื่อยๆ เพราะเด็กได้รับความรู้ใหม่ๆโดยเฉพาะในด้านอวกาศเพราะได้สัมผัสได้สร้างได้หยิบจับ และตนเชื่อว่าค่ายนี้จะจุดประกายให้เด็กหันมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าอยากเป็นอะไร


กลุ่ม ไวไว

               ทั้งนี้ การประดิษฐ์จรวดของเยาวชนที่มาเข้าค่ายฯในครั้งนี้ มีทั้งหมด 20 กลุ่ม ประดิษฐ์จรวดขึ้นมา 2 แบบ 2 ลูก รวมทั้งสิ้น 40 ลูก ซึ่งผลปรากฏว่า ทีมไวไว ซึ่งมีสมาชิก ได้แก่ นายต้นเพชร พงษ์วัฒนา จากโรงเรียนลาซาล , นายดนุนัย ตรีนุช จากโรงเรียนบดินทร์เดชา,นายวิทูรทัศน์ จันทร์แสนวิไล จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และน.ส.ศิริพิชชา เจริญสุข จากโรงเรียนสุไหงโก-ลก จ.นริวาส สามารถประดิษฐ์จรวดได้สมบูรณ์แบบที่สุดโดยสามารถส่งจรวดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าประสบความสำเร็จทั้ง 2 ครั้ง และร่มกางออกโรยตัวลงสู่พื้นดินอย่างสง่างาม


นายต้นเพชร พงษ์วัฒนา จากโรงเรียนลาซาล

               นายต้นเพชร พงษ์วัฒนา โรงเรียนลาซาล ตัวแทนจากทีมไวไว หนึ่งในเยาวชนที่เข้าร่วม“ค่ายวิทยาศาสตร์จรวดประดิษฐ์” เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ เพราะตนใฝ่ฝันอยากทำงานด้านจรวดและอวกาศ เมื่อทราบข่าวว่า สทป.จัดค่ายนี้ขึ้นจึงรีบเขียนใบสมัครเข้าร่วมทันที ขณะเดียวกันรู้สึกประทับใจที่ได้ประดิษฐ์จรวดซึ่งทีมของตนสามารถยิงจรวดได้สูงที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุด

               “รู้สึกประทับใจมากโดยเฉพาะตอนที่จรวดของเราถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า พี่ในค่ายให้โจทย์มาว่าจรวดมีขนาด 50 ซม. หวังผลที่ระยะ 100 เมตร ทีมเราก็ทำตามสูตรที่อบรมมา ปรากฏว่าจรวดของทีมเราทั้ง 2 ลูก สามารถพุ่งได้สูงและประสบผลสำเร็จทั้ง 2 ครั้ง พอจรวดพุ่งขึ้น รู้สึกภูมิใจว่ามันสำเร็จ วินาทีนั้นตื้นตันมาก มีความรู้สึกว่าเราทำได้ และสิ่งที่ได้รับจากการเข้าค่ายครั้งนี้คือได้เจอเพื่อนใหม่ ได้องค์ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมโดยเฉพาะในด้านจรวดและอวกาศที่มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ครับ”


น.ส.ศิริพิชชา เจริญสุข จากโรงเรียนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

               น.ส.ศิริพิชชา เจริญสุข จากโรงเรียนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เล่าว่า เธอนั่งรถไฟจากจังหวัดบ้านเกิดเกือบ 12 ชั่วโมงเพื่อมาเข้าค่ายฯ และสิ่งที่ได้รับจากค่ายฯในครั้งนี้คือความสนุกและการจุดประกายความคิดให้เธออยากเป็นนักบินหญิง

               “มาเข้าค่ายครั้งนี้ไม่ผิดหวัง ได้ทำจรวดเองทุกขั้นตอน เรียนรู้ตั้งแต่ประวัติ การออกแบบตลอดจนวิธีการทำจรวดที่ช่วยกันทำกับเพื่อนในทีมอีก 5 คน โดยมีพี่วิทยากรคอยให้คำแนะนำ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าอยากเรียนด้านนี้ เพราะไม่ยากเกินความสามารถ และตั้งใจว่าจะเป็นนักวิจัยเพื่อป้องกันประเทศเพราะอาจจะนำความรู้ไปป้องกันจังหวัดของเราได้ด้วยค่ะ”

               นายรัชชานนท์ จำปา โรงเรียนฟากกว๊านวิทยาคม จ.พะเยา เล่าว่า เขาเดินทางมากับรถโรงเรียนและอาจารย์ที่ปรึกษา ค่ายนี้น่าสนใจเพราะเป็นของใหม่ และเป็นครั้งแรกที่จัด

               “พอมาทำจรวดก็ยากนิดหน่อย เพราะต้องคำนวณเยอะ ต้องเอาฟิสิกส์มาใช้ต้องใช้เวลาทำทั้งวันเหมือนกันกว่าจะเสร็จ ผมชอบเรื่องจรวดและเครื่องบินบังคับอยู่ก่อนแล้ว พอมาเข้าค่ายยิ่งทำให้อยากเป็นทหารอากาศทำงานด้านการบิน”

               อย่างไรก็ตาม “ค่ายวิทยาศาสตร์จรวดประดิษฐ์” ถือเป็นอีกก้าวที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ให้ความสำคัญแก่เยาวชนรุ่นใหม่ เนื่องจากการพัฒนายุทโธปกรณ์นั้นต้องใช้เวลาและการสะสมองค์ความรู้ด้วยการวิจัยค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ  ซึ่งเยาวชนเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตที่จะพัฒนาให้วงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศของไทยเป็นไปอย่างก้าวกระโดด

31687
“วัคซีนลูกผสมป้องกันไข้เลือดออก-เครื่องตรวจวัดคุณภาพอะลูมิเนียม”
คว้ารางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2555



               วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศผลรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2555 ประเภททีม ได้แก่ คณะนักวิจัยและวิศวกรห้องปฏิบัติการวิศวกรรมการหล่อ หน่วยวิจัยการออกแบบและวิศวกรรม ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้การนำของ ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล (ที่5จากซ้าย) นักวิจัยอาวุโสและผู้อำนวยการหน่วยวิจัยการออกแบบและวิศวกรรม ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ พร้อมด้วย นายอมรศักดิ์ เร่งสมบูรณ์ นายสมภพ เพชรคล้าย นายฤทธิไกร สิริชัยเวชกุล นายวิทยา สามิตร และนายนครินทร์ มูลรินทร์ วิศวกรวิจัยพัฒนา ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมการหล่อ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ จากผลงาน “เทคโนโลยีการตรวจวัดคุณภาพของอะลูมิเนียมเหลวสำหรับการผลิตงานหล่อคุณภาพสูง” ส่วนประเภทบุคคลได้แก่ รศ.นพ.นพพร สิทธิสมบัติ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีรศ.นพ.นิเวศน์  นันทจิต คณบดี คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับรางวัลแทน(ที่ 3 จากขวา) จากผลงาน “การนำเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมมาใช้ตัดต่อยีนเชื้อไวรัสเด็งกี่ 4 ชนิด” ขณะที่รางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในปีนี้มี 1 รางวัล ได้แก่ ผศ.ดร.ชินวัชร์ สุรัสวดี (ที่2จากขวา)คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต จากผลงาน “การพัฒนาอัลกอริทึม AMPสำหรับประมาณค่าหยาดน้ำฟ้าทั่วโลกจากข้อมูลที่สังเกตจากดาวเทียมมิลลิมิเตอร์เวฟแบบพาสซีฟ” โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้คนในสังคมไทยเห็นความสำคัญของ “เทคโนโลยี” ควบคู่กับ “วิทยาศาสตร์พื้นฐาน” อันจะนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีในอนาคต จัดขึ้น ณ ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมเดอะ สุโกศล

31688
“ยุ้ย” ติวเข้มคิวบู๊ เปิดฉากสู้กับ “หยก” ครั้งแรกใน “ป่านางเสือ 2”


               เห็นพระเอก “เติ้ล” ธนพล นิ่มทัยสุข โชว์ลีลากันบู๊ไปบ้างแล้ว  คราวนี้มาดูเบื้องหลังฉากที่ สองสาวสวยนางเสือ “ยุ้ย” จีรนันท์ มะโนแจ่ม ออกลวดลายต่อสู้กับ นางงู “หยก” ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ เป็นครั้งแรกกันบ้างดีกว่า  เรียกว่าก่อนเข้าฉากสองสาวถึงกับติวเข้มคิวบู๊กันอยู่นาน ซึ่งฉากนี้พระเอก “เติ้ล” ดูจะสบายที่สุด เพราะไม่ต้องออกแรงอะไรมากได้แต่นั่งดูสองสาวลุยใส่กันอย่างเดียว











   
               เป็นฉากในเวลากลางคืนที่ ฤทธิชัย (เติ้ล ธนพล) นอนหลับพักผ่อนอยู่กับ ดาว (ยุ้ย  จีรนันท์) ในห้องนอน  จู่ๆ นาคี (หยก  ธัญยกันต์) ก็เข้ามาตามฝันของ ฤทธิชัย ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ดาวตื่นขึ้นเข้ามาขัดขวางและได้ต่อสู้กับนาคี จนฤทธิชัยใช้ปืนยิง  นาคีถึงได้ล่าถอยไป

               สำหรับฉากนี้เป็นการเข้าฉากต้องต่อสู้กันเป็นครั้งแรกระหว่างสองสาวยุ้ยกับหยก และแม้ว่าจะเป็นการบู๊เบาๆ ไม่ได้ใช้พลังอะไรเยอะ แต่ความยากอยู่ที่ต้องถ่ายในห้องนอนซึ่งคับแคบ ทั้งยุ้ยหยกและเติ้ลเลยต้องแม่นเรื่องของมุมกล้องด้วย   และถึงจะเป็นฉากต่อสู้ที่ไม่ยากมาก แต่ก่อนเข้าฉากหยกที่ต้องมีเชิงต่อสู้ให้คล้ายนางงูที่มีท่วงท่ายักย้ายไปมาอย่างพลิ้วไหว และต้องใช้มือฉกออกไปหาคู่ต่อสู้นั้นได้พยายามหัดซักซ้อมท่าทางและคิวบู๊อยู่นาน เพื่อให้คล่องตัวและได้ท่าทางที่สวยตามที่ผู้กำกับหยงต้องการ  ซึ่งนอกจากจะมีคนมาสอนท่าทางคิวบู๊ให้อยู่แล้ว หยกก็ยังได้ยุ้ยที่มีประสบการณ์เข้าฉากบู๊มามากกว่าคอยช่วยแนะนำเทคนิคและเป็นคู่ซ้อมคิวบู๊ในฉากนี้ให้อยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องของการโต้ตอบและหลบหลีกหมัด เพื่อป้องกันการผิดคิว เรียกว่าช่วยติวเข้มกันอย่างจริงจังไม่มีการทิ้งกันไปไหน เพราะสองสาวตั้งใจอยากให้ภาพออกมาสวยถูกใจแฟนละครมากที่สุด โดยในป่านางเสือ2 นี้ หยกจะเป็นทั้งศัตรูหมายเลขหนึ่งที่มีฝีมือสูงเรียกว่าเป็นคู่ปรับกับยุ้ยและแก็งค์นางเสือที่น่ากลัวที่สุด และยังเป็นศัตรูหัวใจที่มาหลงไหลในตัวเติ้ลที่เป็นคนรักของนางเสือยุ้ยอีกด้วย โดยทั้งสองสาวจะมีฉากที่ต้องปะทะฝีมือกันอย่างดุดันอีกเพียบ แล้วโอกาสหน้าจะเอาเบื้องหลังฉากบู๊ของสองสาวนี้มาให้แฟนละครได้ดูกันอีกนะคะ








               ติดตามดูฉากนี้ได้ในละครเรื่อง “ป่านางเสือ2” โดยฉากนี้จะออกอากาศในวันจันทร์ที่ 15 ต.ค.นี้  หลังข่าวภาคค่ำ เวลา 20.2 -22.30 น.  ทางช่อง 7
               

31689
“ยุ้ย” เล่น “ป่านางเสือ2” เหนื่อยสุด แต่คุ้มค่า แฟนละครชอบ
ฝากให้คอยติดตามลุ้นดูว่า “นายใหญ่”  คือใคร ?


               ต้องเป็นสาวเก่งและแกร่ง เชี่ยวชาญเชิงบู๊  กับบทบาทของนางเสือ “ดาว” นางเอกหน้าหวาน “ “ยุ้ย” จีรนันท์  มะโนแจ่ม บอกว่าเหนื่อยสุดๆ แต่สุขใจเพราะแฟนละครชื่นชอบและให้การตอบรับติดตามดูละครกันดีมาก แถมฝากให้แฟนละครคอยติดตามลุ้นและลองทายกันเล่นๆด้วยว่า ตัวละครตัวไหนกันแน่ที่รับบทเป็น “นายใหญ่” ที่คอยสั่งการณ์ให้ทำเรื่องชั่วๆในละครเรื่อง “ป่านางเสือ 2”

               โดย “ยุ้ย” ได้พูดถึงการทำงานครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องปกติค่ะที่เล่นละครแนวบู๊แอ็คชั่นก็จะเหนื่อยเพิ่มขึ้น  เพราะต้องออกแรงเล่นคิวบู๊ต่อสู้กันบ่อย โดยเฉพาะในป่านางเสือ2 ฉากบู๊เยอะมาก และอลังการณ์มากขึ้น จะเห็นว่าในภาคนี้ศัตรูของนางเสือมีฝีมือที่สูงขึ้นมาก  ยุ้ยก็ต้องมีฉากบู๊มากขึ้น มียิง ตีลังกา ใช้มีดดาบ  มีหายตัวได้ มีปล่อยพลัง เอฟเฟคเยอะมากค่ะ    จนรู้สึกว่าการเข้าฉากบู๊เป็นเรื่องปกติของพวกเราไปแล้ว ทำงานหนักก็ต้องพยายามดูแลตัวเองให้มากขึ้นด้วยค่ะ  เวลาว่างก็จะออกกำลังกายซิทอัฟบ้าง เข้าฟิตเนตบ้าง เตรียมร่างกายให้พร้อมอยู่ตลอด และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย ก็ช่วยได้เยอะนะคะ  ทำให้ไม่ค่อยป่วย และระบบหายใจโล่งขึ้น ตอนนี้ยังไม่มีคิวปิดกล้องเลยค่ะ  ทั้งทีมงานและนักแสดงทุกคนทำงานกันอย่างตั้งใจและเต็มที่กันจริงๆ  ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ยุ้ยว่ามันคุ้มค่ามากค่ะ เพราะละครออกมาถูกใจและได้รับการติดตามดูจากแฟนละครเยอะ ทำให้เรตติ้งอยู่ในระดับที่ดีมากจริงๆ อาจเป็นเพราะภาคนี้มีเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้น มีการพัฒนาของตัวละครเยอะขึ้นและมีนักแสดงใหม่ๆมาร่วมด้วยเพียบ แล้วไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของเรื่องคือฝ่ายตัวร้ายมีการใส่หน้ากากเปลี่ยนโฉมปลอมเป็นคนนั้นคนนี้ได้ ตอนนี้เวลาได้เจอแฟนละครคำถามยอดฮิตที่ยุ้ยถูกถามมากที่สุดคือตกลงนายใหญ่ที่คอยสั่งการณ์เป็นใครกันแน่ อยากรู้มาก นั่นสิค่ะยุ้ยก็ยังอยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นนายใหญ่ (หัวเราะ)  ดูละครแล้วลองเดาและทายกันเล่นๆนะคะว่าน่าจะเป็นใคร  แล้วคอยลุ้นหาคำตอบในละครกันค่ะ และขอบคุณทุกกำลังใจจากแฟนคลับและแฟนละครที่ติดตามดูป่านางเสือ2 ด้วยนะคะ”

31690









เกี่ยวกับภาพยนตร์

               “Cloud Atlas” อีพิคที่ตระการตาและท้าทาย ที่มีเรื่องราวครอบคลุมห้าศตวรรษ ได้สำรวจคำถามเกี่ยวกับชีวิตและวัตถุประสงค์ที่มนุษยชาติได้ครุ่นคิดมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของความคิดสัมปชัญญะ ด้วยแอ็คชั่น อารมณ์และความผูกพันของมนุษย์ที่หลากหลาย ที่แสงชี้นำไปตามช่วงเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นการเสนอแนะว่าชีวิตของเราแต่ละคนล้วนแล้วแต่สานต่อแนวทางของตัวเองข้ามกาลเวลา วิญญาณได้ถือกำเนิดใหม่และฟื้นฟูสายสัมพันธ์กันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า ความผิดพลาดอาจถูกแก้ไข...หรือถูกทำซ้ำ อิสรภาพอาจได้มาหรือ สูญเสียไป แต่มันก็เป็นที่ไขว่คว้าตลอดกาล  และเช่นเคย ความรักยังคงอยู่รอดเสมอ
            “สเกลของไอเดียในเรื่องคือสิ่งที่เราสนใจในทันที ความรักที่มันมีต่อมนุษย์ ความกล้าและความมุทะลุ ลักษณะที่มันให้ความรู้สึกคลาสสิกแต่ก็แปลกใหม่โดยสิ้นเชิง” ลานา วาโชว์สกี้ หนึ่งในสามมือเขียนบท/ผู้กำกับของเรื่อง ผู้ดัดแปลงนิยายรางวัลของ เดวิด มิทเชล เรื่องนี้ “ธีมของมันก้าวข้ามพรมแดนของเชื้อชาติและเพศ สถานที่และกาลเวลา และบอกเล่าเรื่องราวที่บอกใบ้ว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นอยู่นอกเหนือพรมแดนเหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราสนใจตอนที่เราได้อ่านนิยายเรื่องนี้และตอนที่เราเริ่มทำงานในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ”
            ทีมผู้สร้างผู้เป็นเพื่อนกันมานาน ลานา และ แอนดี้ วาโชว์สกี้ และ ทอม ไทเควอร์ มักจะคิดถึงการทำงานร่วมกันเสมอ แต่ความรักที่มีต่อนิยายเรื่อง Cloud Atlas ของ มิทเชล นั้นเองที่กระตุ้นให้ทั้งสามเริ่มลงมือในที่สุด พวกเขาได้สร้างความร่วมมือที่ไม่เหมือนใคร  ซึ่งสอดคล้องไปกับเนื้อเรื่องที่ไม่ธรรมดาของมัน ด้วยการร่วมกันเขียนบทและกำกับเพื่อนำหนังสือเล่มนี้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมาสเตอร์พีซยุคโมเดิร์นขึ้นสู่จอเงิน
            “มันมีท่วงทำนองที่ทรงพลังเหลือเกินครับ” ไทเควอร์กล่าว “มันมีความจริงที่ถูกพบในข้อสังเกตการณ์ของปัจเจกที่เรียบง่าย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แต่ในการนำช่วงเวลาเหล่านี้ไปอยู่ในบริบทที่กว้างขวางกว่าและด้วยช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า คุณจะได้เห็นธรรมชาติของมนุษย์ในแบบที่น่าทึ่งครับ”
            “Cloud Atlas” ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวหลายแนว และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ได้ถ่ายทอดถึงการที่เหตุการณ์และการตัดสินใจที่เกิดจากคนในช่วงเวลาหนึ่งจะส่งแรงกระเพื่อมในแบบที่คาดเดาไม่ได้ข้ามกาลเวลาไปส่งผลต่อชีวิตของผู้อื่น  ทนายความชาวซานฟรานซิสโกได้ซ่อนตัวทาสที่หลบหนีไว้บนเรือระหว่างทางกลับบ้านจากหมู่เกาะแปซิฟิกในปี1849...นักประพันธ์เพลงพรสวรรค์ผู้ยากไร้ในอังกฤษช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองพยายามที่จะประพันธ์ผลงานชิ้นเอกของเขาให้สำเร็จก่อนที่ผลของการกระทำที่ขาดความยั้งคิดของเขาจะตามเขาทัน...นักข่าวในปี 1973 ทำงานเพื่อเปิดโปงหายนะในแวดวงอุตสาหกรรม...บรรณาธิการยุคปัจจุบันเผชิญกับการถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมในคืนก่อนหน้าความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่...คนงานที่ถูกสังเคราะห์ทางพันธุกรรมในปี 2144 รู้สึกถึงการฟื้นคืนของสติสัมปชัญญะแบบมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม...และในศตวรรษที่ 24 อันไกลโพ้น ผู้ไล่ต้อนฝูงแพะต้องสู้กับความผิดชอบชั่วดีของตัวเองในสิ่งที่เขาทำเพื่อมีชีวิตรอด แต่ละสถานการณ์ได้ถูกเปิดเรื่องขึ้น ก่อนจะดำเนินไปเคียงข้างกันในขณะที่การเปลี่ยนจากสถานการณ์หนึ่งไปสู่อีกสถานการณ์หนึ่งเผยให้เห็นถึงลักษณะที่พวกมันเชื่อมโยงกันทั้งหมด ไม่นานนักก็เห็นได้ชัดเจนว่า สถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่แยกจากกัน   แต่เป็นช่วงเวลาที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากเรื่องราวที่ดำเนินเป็นหนึ่งเดียว “กุญแจสำคัญคือการปล่อยวางจากความคิดที่ว่ามันเป็นเรื่องราวหกเรื่อง เพราะมันเป็นเรื่องเดียวครับ”  แอนดี้ บอก “แต่ละสถานการณ์และช่วงเวลาสะท้อนไปถึงช่วงเวลาอื่นๆ ในเรื่อง และเมื่อวิญญาณเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้น คุณก็จะได้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาและติดตามความเจริญก้าวหน้าตามลำดับเวลาของพวกเขา”
            เช่นเดียวกัน ตัวละครแต่ละตัวก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่จะกลับมาและมารวมตัวกันใหม่ในร่างใหม่และสถานการณ์ใหม่ “มันไม่ใช่แค่คนๆ เดียวเท่านั้น แต่เป็นตัวละครสำคัญๆ ทั้งหมดในแต่ละโลกครับ” เดวิด มิทเชล นักเขียนนิยายกล่าว “ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและธรรมชาติของความสัมพันธ์เหล่านี้ก็ได้พัฒนาขึ้นด้วย ในโลกที่การกลับชาติมาเกิดเป็นไปได้และ    ภาพยนตร์ ที่ซึ่งอดีตปัจจุบันและอนาคตอยู่ร่วมกันได้ ความตายเป็นเพียงแค่การที่ประตูบานหนึ่งปิดลงและอีกบานหนึ่งเปิดออกเท่านั้นเอง”
            ในลักษณะนี้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยุคหนึ่งอาจจะคลี่คลายในอีกหลายภพชาติหลังจากนั้น มีการเกิดความอยุติธรรมขึ้นซ้ำๆ ด้วยผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ และคู่รักก็อาจเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ร่วมกันผ่านช่วงเวลาหลายศตวรรษ “ส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้คือเรื่องรักที่ยิ่งใหญ่ ที่เคลื่อนตัวผ่านหลายชีวิต แต่คุณจะได้เห็นมันเป็นช่วงๆ ไม่ใช่ทั้งหมดในคราวเดียว” ลานาเผยถึงลักษณะที่ความรักของหนุ่มสาวจะเติบโตและส่งอิทธิพลต่อการกระทำของพวกเขาผ่านทางการพบกันหลายครั้งในหลายช่วงเวลา “นี่เป็นอีกธีมหนึ่งของมัน ที่ว่าความรักสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางของชีวิตคุณได้ทุกเวลา”
            ปัจจัยอื่นๆ ก็มีบทบาทด้วยเช่นกัน ทอม แฮงค์ ผู้ได้รับหกบทบาท ซึ่งเป็นตัวแทนของการเดินทางของวิญญาณดวงเดียวตลอดระยะเวลายาวนาน ตั้งข้อสังเกตว่า “บ่อยครั้ง ตัวละครจะได้เห็นบางสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาไปตลอดกาลและพวกเขาก็ต้องทำอะไรซักอย่าง พวกเขาอาจเป็นวีรบุรุษหรือคนขี้ขลาดก็ได้ คำถามก็คือ ‘ประวัติศาสตร์คืออะไรกันเล่า หากไม่ใช่ช่วงเวลามากมายนับไม่ถ้วนแบบนี้ ร้อยเรียงเข้าด้วยกัน อะไรเล่าคือธรรมชาติของมนุษย์หากไม่ใช่การตัดสินใจมากมายที่คุณต้องคิด”
            ด้วยตัวอย่างที่งดงามของความกล้าหาญ ความหวังและความมหัศจรรย์ รวมถึงการทรยศ ความดิ้นรน และความสูญเสีย “Cloud Atlas” ได้ขับเน้นช่วงเวลาเหล่านั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น “มันเป็นการเล่าเรื่องที่บันเทิงใจจริงๆ ครับ” แฮงค์กล่าวต่อ “คุณจะหยิบยกข้อคิดอะไรจากมันก็ได้ มันไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่กล้องไม่ได้บันทึกการกระทำหรืออารมณ์มนุษย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตอนที่ผมอ่านบทเรื่องนี้ มันก็ได้ตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ก่อนที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะชัดเจนขึ้น การดิ้นรนของพวกเขา การต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอดและการตัดสินใจที่เชื่อมชีวิตหนึ่งสู่อีกชีวิตหนึ่งยังปรากฏชัดเจนและผมก็สนใจมันอย่างมาก มันเป็นการผสมผสานที่เพอร์เฟ็กต์ระหว่างเรื่องราวของเดวิด มิทเชลและพลังภาพยนตร์ของผู้กำกับทั้งสามคนของเรา มันเป็นวรรณกรรมบนโลกภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสำรวจความเชื่อมโยงกันของมนุษยชาติข้ามช่วงเวลาครับ”
            “มันเป็นประสบการณ์การถ่ายทำที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นจริงๆ ค่ะ” ฮัลลี่ เบอร์รี่ ผู้สวมหกบทบาทเช่นเดียวกัน กล่าว “ฉันคิดว่าฉันไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของหนังแบบนี้มาก่อน ฉันชอบความแปลกใหม่ของมัน มันมีการพังกำแพงมากมายลง มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจมากมาย และหวังว่ามันจะทำให้คนครุ่นคิดถึงลักษณะที่พวกเขามองโลกและชีวิตของพวกเขาเองน่ะค่ะ”
            องค์ประกอบเหล่านี้ที่โดนใจไทเควอร์และพี่น้องวาโชว์สกี้อย่างแรงยังดึงดูดใจนักแสดงที่โด่งดังและประสบความสำเร็จอย่างสูงจากทั่วโลก ผู้ที่ร่วมแสดงกับแฮงค์และเบอร์รีในหลากหลายบทบาทคือทีมนักแสดงซึ่งรวมถึงจิม บรอดเบนท์, ฮิวโก้ วีฟวิ่ง, จิม สเตอร์เกส, ดูนา เบย์, เบน วิชอว์, เจมส์ ดิ’ อาร์ซี, ซุน โจว, คีธ เดวิด, เดวิด เจซี, ซูซาน ซาแรนดอน และฮิวจ์ แกรนท์ ขณะที่เรื่องราวเดินไปข้างหน้า โฟกัสได้ขยับจากตัวละครหลักกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่ตัวละครตัวอื่นๆ จะปรากฏในช่วงเวลาสำคัญหรือเผยตัวตนออกมาในแบบที่ละเอียดอ่อนมากกว่านั้น

            “มันเป็นโปรเจ็กต์ที่มีสโคปใหญ่มากๆ ครับ” ผู้อำนวยการสร้างแกรนท์ ฮิล ซึ่งทำงานร่วมกับพี่น้องวาโชว์สกี้เป็นครั้งที่สี่กล่าว “มันมีมิติของตัวละคร ความรักและความสงสาร และสเกลกายภาพแบบกว้างๆ ทุกอย่างเผยออกมาในผืนผ้าใบที่กว้างใหญ่ไพศาลครับ”
            “มันมีซีเควนซ์ไล่ล่าที่ใหญ่โต มีฉากที่เหลือเชื่อ มีการเล่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ก็มีข้อคิดด้วยครับ” ผู้อำนวยการสร้างสเตฟาน อาร์นด์ คู่หูอำนวยการสร้างของไทเควอร์กล่าว
            ลานากล่าวว่า “เราชื่นชอบการสร้างหนังที่ตื่นเต้น สร้างความบันเทิงและโรแมนติก แต่ก็สำรวจไอเดียต่างๆ ด้วย เราพยายามจะนำเสนอหลายระดับหรือหลายวิธีที่ผู้ชมจะสนุกกับหนังของเรา สำหรับด้านภาพวิชวล เราพยายามจะโชว์ให้ผู้ชมได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทางด้านอารมณ์ เราพยายามนำเสนอความตื่นเต้นหรือแอ็กชันหรือความรักที่มากพอที่จะทำให้เด็กๆ ในตัวพวกเรารวมทั้งผู้ชมพอใจ และท้ายที่สุด เราพยายามจะนำเสนอมุมมองหรือความคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับประเด็นหรือไอเดียที่เป็นส่วนตัวมากๆ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเรา”
            “นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจงานของแอนดี้และลานาในตอนแรก ความเชื่อมั่นที่ว่าคุณสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้กับหัวใจและจิตใจได้พร้อมๆ กัน” ไทเควอร์บอก “คุณสามารถสร้างหนังที่ผสมผสานปัจจัยที่น่าสนใจต่างๆ ที่เราพูดคุยถึงมันได้ แต่ขณะที่คุณดูมัน คุณก็จะทึ่งไปกับมันด้วยครับ”

31691
CLOUD ATLAS


จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส              
ชื่อภาษาไทย   คลาวด์ แอตลาส หยุดโลกข้ามเวลา
ภาพยนตร์แนว   ไซไฟ
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      29 พฤศจิกายน  2555
ณ โรงภาพยนตร์   ทุกโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับ                   Tom Tykwer (ทอม ไทเควอร์)
                              Andy Wachowski (แอนดี้ วาโชว์สกี้)
                              Lana Wachowski (ลานา วาโชว์สกี้)

อำนวยการสร้าง   Stefan Arndt (สเตฟาน อาร์นด์)

นักแสดง   Tom Hanks (ทอม แฮงค์) จาก   Philadelphia , Forrest Gump , The Davinci Code ,    Cast Away , Angels & Demons , The Terminal
         
            Halle Berry (ฮัลลี เบอร์รี) จาก  Monster’s Ball , X-Man : The Last Stand , Die Another day , Catwoman
         
         Jim Sturgess (จิม สเตอร์เกส) จาก One Day , The Way Back, Across the Universe
         
         Jim Bruadbent (จิม บรอดเบนท์) จาก Moulin Rouge , Gang of New York , Harry
Potter amd the Half Blood Prince

         Susan Sarandon (ซูซาน ซาแรนดอน)  จาก Dead Man Walking,The Client,The
Rocky Horror Pictures , Thelma & Louise Show

            Hugh Grant (ฮิวจ์ แกรนท์) จาก Nothing Hill , Music and Lyrics , About a Boy ,          Love Actually

            Hugo Weaving (ฮิวโก้ วีฟวิง) จาก The Matrix , Captain America : The First Avenger , The Lord of the ring

            Doona  Bae (ดูนา เบย์) จาก The Host , Sympathy for Mr.Vengeance

จุดเด่น


               ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่รวบรวมเอานักแสดงระดับแม่เหล็กของแวดวงฮอลลีวู้ดไว้มากที่สุดมาร่วมสร้างสีสัน นำโดย นักแสดงเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ทอม แฮงค์” จากภาพยนตร์เรื่อง Philadelphia และ Forrest Gump  ,“ฮัลลี เบอร์รี” จากภาพยนตร์เรื่อง Monster’s Ball ,“จิม บรอดเบนท์” นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ จากภาพยนตร์เรื่อง Iris , “ซูซาน ซาแรนดอน” เจ้าของรางวัลออสการ์จากภาพยตร์เรื่อง Dead Man Walking  ร่วมด้วยฮิวโก้ วีฟวิง, จิม สเตอร์เกส, ดูนา เบย์, เบน วิชอว์, เจมส์ ดิ อาร์ซี, โจว ชุน, คีธ เดวิดและเดวิด เจซี   , ฮิวจ์ แกรนท์ ซึ่งนักแสดงแต่ละคนต่างก็ได้สวมหลายบทบาทขณะที่เรื่องราวเคลื่อนตัวผ่านกาลเวลา

               ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดยลานา วาโชว์สกี้, ทอม ไทเควอร์และแอนดี้ วาโชว์สกี้ ก่อนหน้านี้ พี่น้องวาโชว์สกี้เคยร่วมงานกันในฐานะมือเขียนบท/ผู้กำกับไตรภาคแหวกแนว “Matrix” ซึ่งรวมแล้วทำรายได้ไป 1.6 พันล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก ส่วน ทอม ไทเควอร์ ได้รับรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา อวอร์ดในฐานะผู้กำกับ/มือเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “Run Lola Run” และล่าสุด เขาก็เพิ่งกำกับทริลเลอร์รางวัลเรื่อง  “Perfume: The Story of a Murderer”












เรื่องย่อ

               “Cloud Atlas” สร้างขึ้นจากนิยาย best seller ที่เขียนโดย David Mitchell (เดวิด มิทเชล)  โดยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวการกระทำของมนุษย์ที่จะส่งผลต่อชีวิตใหม่ ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความเป็นไปที่ผ่านมาในครั้งอดีตจนถึงปัจจุบันและส่งผลถึงโลกอนาคต   ด้วยปริศนาความลับเมื่อครั้งอดีตที่ข้ามผ่านห้วงแห่งศตวรรษของมนุษยชาติ   โดยเรื่องราวที่ร้อยเรียงสอดคล้องกันด้วยความสมบูรณ์ที่สุดผ่าน 6 เรื่อง ราวในหลายศตวรรษทั่วทุกทวีป   เริ่มต้นขึ้นในปี คศ. 1849  การเดินทางท่องมหาสมุทรของ อดัม เอวิ่ง (ศตวรรษที่19 , มหาสมุทรแปซิฟิก) , คศ. 1936  จดหมายรักจาก โฟรบิเชอร์ , คศ. 1973  ครึ่งชีวิต : เรื่องราวอันลึกลับของ หลุยซ่า เรย์ , คศ. 2012 ประสบการณ์หฤโหดของ ทิโมธี คาเวนดิช , คศ. 2144 การภาวนาสู่การปฏิวัติของ ซอนมี451  จวบจนปี คศ. 2346  การก้าวข้ามผ่านของ แซ็ครี  และทั้งหมดคือเรื่องราวเดียวกันที่มีสาเหตุและผลลัพธ์ที่มาเกี่ยวโยงกันในทุกช่วงเวลา   ซึ่ง “Cloud Atlas” จะเผยให้เห็นถึงความลับของเส้นทางคู่ขนานหกเส้นอย่างชัดเจน

“Everything is connected”

31692
Silent Hill: Revelation 3D ปล่อย ปิรามิด เฮด โชว์สยองมากกว่าครั้งก่อน


               เสน่ห์ของ “Silent Hill: Revelation 3D เมืองห่าผี เรฟเวเลชั่น 3D” คือตัวละคร มอนสเตอร์ บรรยากาศ และ ความหลอนของเสียงหวอ ตัวหลักที่สำคัญสำหรับในภาคใหม่นี้คือ “ปิรามิด เฮด”อีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจอย่างมาก ด้วยคาแรคเตอร์ภาพที่หัวเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายปิรามิด ลากดาบด้ามยักษ์ เดินอย่างรวดเร็ว ฟาดฟันสิ่งมีชีวิตที่หลงเข้ามา ไม่มีใครที่จะสยบมันได้และทฤษฎีการรับรู้ของมันจะเป็นฝันร้ายของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ในภาคนี้เราจะได้เห็นบางอย่างที่เป็นจุดสำคัญและบทบาทของตัว “ปิรามิด เฮด” มากขึ้นกว่าในภาคที่แล้วเอ็ม พิคเจอร์ส เตรียมให้คอหนังได้สยองและสะใจกว่าเดิมในแบบทะลุจอฉายจริงก่อนสหรัฐอเมริกา 25 ตุลาคมนี้ ในระบบ ดิจิตอล 3 มิติ, ระบบฟิล์มปกติ และ 1 พฤศจิกายนนี้ ในระบบ 4DX




31693
สมุทรปราการ จัดงานใหญ่ “ประเพณีรับบัว หนึ่งเดียวในโลก  แห่งเดียวในประเทศไทย” สืบทอดตำนานแห่งสายน้ำและพุทธศรัทธา



นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ (คนที่ห้าจากขวา) นายอัครวัฒน์ อัศวเหม รองนายก อบจ. สมุทรปราการ (คนที่สี่จากขวา) นายวิวัฒน์ ฉันทนานุรักษ์ นายอำเภอบางพลี (คนที่ห้าจากซ้าย) นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร (คนที่สามจากขวา) ร่วมเป็นประธานแถลงข่าว “ประเพณีรับบัว หนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในประเทศไทย” ประเพณีอันเก่าแก่ของชาวสมุทรปราการที่สืบทอดกันมายาวนาน ชวนนักท่องเที่ยวชมงานประเพณีรับบัว ระหว่างวันที่ 26-29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ชมการแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณี มินิคอนเสิร์ต ช้อปปิ้งตลาดสินค้า OTOP ตลาดน้ำ ตลาดโบราณบางพลี 155 ปี ณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี และวัดบางพลีใหญ่ใน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 02-250-5500 ต่อ 2994-6 หรือ สำนักงานการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอำเภอบางพลี โทรศัพท์ 0 2337 4059, 0 2337 3489-90

สมุทรปราการ จับมือ ททท. และชนม์สวัสดิ์ จัดงานใหญ่ “ประเพณีรับบัว หนึ่งเดียวในโลก  แห่งเดียวในประเทศไทย” สืบทอดตำนานแห่งสายน้ำและพุทธศรัทธา ชู 9 ไฮไลท์ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี 4 วัน ชูเงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท


วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ  นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร  และนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมเป็นประธานจัดงานสืบสาน ประเพณีรับบัว ด้วยแนวคิด หนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเพณีที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพียงแห่งเดียว ณ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น ที่ผสมผสานระหว่างขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ได้จัดเตรียมสุดยอดการแสดง การประกวด การแข่งขัน กิจกรรมต่างๆ ไว้ 9 รายการ ที่ไม่ควรพลาดชม ระหว่างวันที่ 26-29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี วัดบางพลีใหญ่ใน และตลอดเส้นทางลำคลองสำโรงระหว่างที่ว่าการอำเภอบางพลี จนถึงวัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งแต่ 06.00 – 24.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันสุดท้ายที่สิ้นสุดเวลา 13.00 น.  สำหรับการจัดงานครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก น่าจะมีเงินสะพัดในระบบมากกว่า 100 ล้านบาท ทั้งจากการจับจ่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ การบริการ โรงแรม และกิจกรรมต่างๆ ด้านการสันทนาการและการท่องเที่ยว ตลอดระยะเวลาการจัดงาน

นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในระดับต้นๆ ในฐานะเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการวางแผนพัฒนาจังหวัดให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้มีความก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว และด้านสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดสากลในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ สำหรับ “ประเพณีรับบัว” ณ อำเภอบางพลี นี้ ถือได้ว่า เป็นสินค้าสำคัญทางด้านวัฒนธรรมที่ประเทศไทย สามารถสร้างเป็นจุดขายสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมประเพณีที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี ด้วยแนวคิดที่ว่า “หนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในประเทศไทย” โดยประเพณีรับบัว จะจัดขึ้นทุกปีในวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 11 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม เป็นประเพณีดีงามของท้องถิ่นที่สืบทอดกันมายาวนาน และเป็นกิจกรรมสำคัญทางพุทธศาสนา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนำดอกบัวมานมัสการหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน อันเป็นที่เคารพสักการะและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย

นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร  กล่าวเสริมว่า “ประเพณีรับบัวนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่นักท่องเที่ยวจะได้เดินทางมาพักผ่อน ทำบุญ ไหว้พระ และได้สัมผัสกับวิถีชีวิตงานประเพณีที่งดงามที่บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทย ชาวลาว และชาวรามัญ ที่มีต่อกันด้วยไมตรีจิตมาอย่างยาวนาน รวมทั้ง อิ่มบุญและอิ่มใจไปกับกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน เช่น ตักบาตรพระทางเรือ การแสดงหมากรุกคน การแสดงวิถีชีวิตชาวไทย ชาวลาว ชาวมอญ และการละเล่นพื้นบ้าน ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย้อนรอยตลาดโบราณบางพลี ซึ่งมีอายุยาวนานกว่า 155 ปี  ซึ่งอยู่ติดกับวัดบางพลีใหญ่ใน สำหรับการจัดงานประเพณีครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก น่าจะมีเงินสะพัดรวมกว่า 100 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 4 วัน จากการจับจ่ายซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการต่างๆ ทั้งจากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของท้องถิ่นและประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายก อบจ.จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวถึงไฮไลท์การจัดงานครั้งนี้ว่า “องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ มีความตั้งใจและทุ่มเทในการสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยได้วางแผนจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยได้สร้างสรรค์กิจกรรม การแสดง การประกวด การแข่งขันที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวที่สนใจห้ามพลาดชมรวม 9 รายการเด่น ได้แก่

1. เชิญเข้าร่วมพิธีเปิดงานประเพณีรับบัว จุดเริ่มต้นตำนานแห่งสายน้ำและพุทธศรัทธา โดยนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดงานในวันที่ 26 ตุลาคม 2555 เวลาตามราชาแห่งฤกษ์ 10.39 น. และโยนบัวดอกแรก เพื่อเปิดงานอย่างเป็นทางการ ณ ปะรำพิธี วัดบางพลีใหญ่ใน

2. เชิญพุทธศาสนิกชนเข้าร่วม โยนบัว ในงานประเพณีรับบัว ซึ่งปีนี้ 14 ค่ำเดือน 11 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เวลา 07.00 - 09.00 น. โดยขบวนจะเคลื่อนจากวัดบางพลีใหญ่ใน ถึงที่ว่าการอำเภอบางพลี

3. ชวนชมการแสดงแสง สี เสียง ริมสองฝั่งน้ำคลองสำโรง ชื่อชุด “สายน้ำ ศรัทธา ประเพณี เชื่อมวิถีชุมชน” เชิญนักท่องเที่ยวมาร่วมล่องเรือชมการแสดง 5 ชุด ท่ามกลางสายน้ำยามค่ำคืน ผสมผสานด้วยเทคนิคการนำเสนอสุดทันสมัย มัลติมีเดีย 4 มิติสมจริง หมอกควัน และม่านน้ำพุเต้นระบำหลากสีสัน จัดแสดงระหว่างวันที่ 26-29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เวลา 09.30-21.30 น. โดยจะมีเรือนำชมตั้งแต่ มีทั้งหมด 6 รอบ รอบละ 60 คน สามารถรับชมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสามารถติดต่อขอขึ้นเรือรับชมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอบางพลี และปลายทางขึ้นที่ท่าเรือ วัดบางพลีใหญ่ใน

4. จับจ่ายใช้สอยตลาดน้ำโบราณบางพลี อายุ 155 ปี ตลาดสินค้าพื้นบ้าน และสินค้าท้องถิ่นยอดนิยม (OTOP) ในราคาพิเศษ ตลอดการจัดงาน 4 วัน ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ทั่วทุกพื้นที่จัดงาน ได้แก่ ที่ว่าการอำเภอบางพลี วัดบางพลีใหญ่ใน และบริเวณสองฝั่งคลองตลอดเส้นทางการจัดงานระหว่างที่ว่าการอำเภอบางพลีและวัดบางพลีใหญ่ใน

5. สนุกสนานกับการแสดง ณ ลานวัฒนธรรมชาวบางพลี เต็มอิ่มกับการแสดงหลากหลายตลอด 4 วัน การประกวดหนุ่มสาวรับบัว ประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง The Star, AF, RSและนักแสดงจากช่อง 7 การละเล่นต่างๆของเด็ก ชกมวยทะเล การแสดงโขนนักเรียน, การบรรเลงดนตรีไทย การแสดงหมากรุกคน  การแสดงวิถีชีวิตชาวมอญ การแสดงโปงลาง ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี

6. ลุ้นสุดตัวกับการแข่งขันเรือมาด เรือประจำถิ่นอันเก่าแก่ ชิงถ้วยพระราชทานจากพระเจ้าวงวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ  โดยจะแข่งขันในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ วัดบางพลีใหญ่ใน

7. ตระการตากับการประกวดเรือประเภทต่างๆ ได้แก่ เรือประเภทสวยงาม เรือประเภทความคิดสร้างสรรค์ และเรือประเภทตลกขบขัน นักท่องเที่ยวสามารถมาชมได้ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เวลา 10.30-11.30 น. ณ วัดบางพลีใหญ่ใน

8. ชวนชมการแข่งขันมัดข้าวต้มมัดและการแข่งขันกินข้าวต้มมัด ตามประเพณีดั้งเดิม จะทราบกันดีว่าจะมีการทำข้าวต้มมัด เพื่อนำไปใส่บาตรในช่วงออกพรรษา และที่สำคัญ ข้าวต้มมัด ยังใช้เป็นอาหารทานระหว่างเดินทางเพื่อย่นระยะเวลาที่จะต้องเสียไปในการนั่งรับประทานอาหารด้วย โดยการแข่งขันมัดข้าวต้มมัด วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. และแข่งขันกินข้าวต้มมัดวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เวลา 11.00-12.30 น. ณ ที่ว่าการอำเภอบางพลี

9. มาเที่ยวแล้วอย่าลืมถ่าย ส่งภาพเข้าประกวดในโครงการ ประกวดภาพถ่ายประเพณีรับบัว ชิงเงินรางวัลรวม 50,000 บาท กติกาง่ายๆ เพียงถ่ายภาพภายในงานประเพณีรับบัว ประจำปี พ.ศ. 2555 แล้วส่งผลงานเป็นภาพอัดขยาย และภาพถ่าย มายัง บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด 118, 120 ถนนสุขาภิบาล 2 ประเวศ กรุงเทพ 10250 รับผลงานวันสุดท้ายจนถึง    5 พ.ย. 2555 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวิทวัธร์ สุขยามผล 08 2490 0222.

สำหรับผู้ที่สนใจเที่ยวชมงานประเพณีรับบัว ประจำปี พ.ศ. 2555 ในครั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 02-250-5500 ต่อ 2994-6 หรือ สำนักงานการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นอำเภอบางพลี โทรศัพท์ 0 2337 4059, 0 2337 3489-90

31694













เหล่าปีศาจร้ายจากเมือง Silent Hill กำลังรอคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน …

               ความจริงที่แปรผันของโลกใน SILENT HILL: REVELATION 3D ประกอบด้วยแง่มุมหนึ่งที่มีชีวิตชีวามากที่สุด นั่นคือการที่ตัวละครได้ค้นพบภาพสะท้อนของความปรารถนาของตัวเอง ความรู้สึกและความกลัวของตัวเองในอีกมิติหนึ่ง อีกมุมมองหนึ่ง
   ไมเคิล เจ. บาสเซ็ทท์อธิบายว่า “นี่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สามารถพบได้ทั้งในเกมและหนัง ความสยองขวัญมีรากเหง้ามาจากจิตใต้สำนึกของคนที่กำลังสัมผัสมันอยู่ สิ่งที่หยั่งรากลึงลงในพวกเราแต่ละคนกลายเป็นเรื่องจริง ดังนั้น ความในใจที่ไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจึงกลายเป็นแรงขับดันเบื้องหลังหนังเรื่องนี้ มันอาจเห็นได้ชัดเจนจากสัตว์ประหลาดและการที่พวกมันกระตุ้นความกลัวและความรู้สึกของเรา ผลที่ได้ก็เป็นสิ่งที่น่าทึ่งครับ”
   “ประเด็นเกี่ยวกับหน้าที่และธรรมชาติของสัตว์ประหลาดในไซเลนท์ ฮิลคือมันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งๆ หนึ่ง” บาสเซ็ทท์กล่าวเสริม “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานที่นี้ทำอะไรกับจิตใจของคนที่ไปที่นั่นบ้าง และสิ่งนั้นก็จะถูกสะท้อนออกมาภายนอกเพื่อสร้างสัตว์ประหลาดที่พวกเขาจะได้เห็นและสัมผัส โลกของไซเลนท์ ฮิลเป็นโลกที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อน และคุณก็จะพยายามทำให้เกิดการตีความและความลึกซึ้งแบบนั้นสำหรับผู้ชมที่อยากจะเห็นสิ่งเหล่านั้นครับ”
   ในการสานต่อผลงานที่เป็นที่ยกย่องอย่างกว้างขวาง ซึ่งปรากฏในภาคแรก แพทริค ทาทูปูลอส ดีไซเนอร์สัตว์ประหลาดและพอล โจนส์ ดีไซเนอร์สเปเชียล เมคอัพและเอฟเฟ็กต์สัตว์ประหลาด ได้ทำงานร่วมกันอีกครั้งเพื่อเนรมิตชีวิตให้กับสัตว์ประหลาดสุดสยองและตัวละครเหล่านี้...


Pyramid Head (ปิรามิด เฮด)

               ปิรามิด เฮด  ที่น่าหวาดหวั่น มีรูปลักษณ์โดดเด่น และเต็มไปด้วยพิษสงอันตราย ปรากฏตัวครั้งแรกในเกม SILENT HILL ภาคสอง ร่างสุดสยองของเขาถูกดัดแปลงเพื่อโลดแล่นบนจอเงินในภาพยนตร์ SILENT HILL โดยคริสตอฟ แกนส์
   “ในเกม เขาเป็นร่างสะท้อนของสภาพจิตใจของตัวละครตัวหนึ่งในโลกใบนั้น” บาสเซ็ทท์กล่าว “ผมใช้เขาอีกครั้งเพราะเขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหลือเกิน เขามีลักษณะเหมือนกับผู้ประหารนักโทษที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ในตอนที่อาณานิคมไซเลนท์ ฮิลถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก เขาเป็นตัวแทนของผู้เป็นพ่อ ผู้คุ้มครองอเลสซา สำหรับผมเขาเป็นตัวแทนของความเป็นผู้ชายที่ถูกทำให้สุดโต่ง ซึ่งมีทั้งความรุนแรงและอำนาจครับ”
   เกือบตลอดทั้งเรื่อง เฮทเธอร์ไม่เคยรู้ถึงแรงจูงใจของปิรามิด เฮด  เลย เธอเชื่อว่าเขาเป็นภัยคุกคาม “เขาเป็นข้ารับใช้ของพลังที่สูงส่งกว่า และติดอยู่ในไซเลนท์ ฮิล” บาสเซ็ทท์กล่าว “เขาเป็นผู้เฝ้ามอง เขาเป็นผู้ที่ก้าวข้ามความกลัว ความรุนแรงและความก้าวร้าวแบบฉับพลันและฉาบฉวยของสัตว์ประหลาดในไซเลนท์ ฮิล เขามีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นครับ”
   ผู้ที่รับบทปิรามิด เฮด  คือโรแบร์โต้ แคมพาเนลลา ผู้รับบทนี้ครั้งแรกใน SILENT HILL และกลับมารับบทเดิมอีกครั้งในภาพยนตร์โดยบาสเซ็ทท์ บาสเซ็ทท์อธิบายถึงเหตุผลในการนำตัวเขากลับมาว่า “เขาเป็นแดนเซอร์ แล้วเขาก็เป็นคนออกแบบท่าสัตว์ประหลาดให้กับหนังทั้งเรื่องด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเคยคิดว่า หาคนที่รูปร่างใหญ่กว่านี้ดีกว่า แต่เขาขยับตัวในรูปแบบที่เจ็บปวดเป็นพิเศษ และโรแบร์โต้ก็เข้าใจเรื่องนั้น เราทดลองด้วยการใช้หมวกเฮลเม็ทไฟเบอร์กลาสที่มีน้ำหนักเบากว่า เพราะคุณแทบจะมองไม่เห็นน่ะครับ เราก็เลยต้องสร้างตะแกรงเล็กๆ นี้ขึ้นมาเพื่อทำให้เขามองเห็นนิดๆ
   สิ่งที่เราค้นพบคือมันเป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับเขาที่จะแกว่งแขวนระหว่างสวมหมวกเฮลเม็ทใบนั้น เราก็เลยต้องออกแบบท่าต่อสู้อย่างรอบคอบเพื่อทำให้เกิดการเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ครับ”


The Nurses (นางพยาบาล)

               ผู้ที่เดินทางในไซเลนท์ ฮิลรู้ดีว่าจะต้องอยู่ให้ไกลจากแม่สาวอันตรายเหล่านี้ แต่โชคร้ายสำหรับวินเซนต์และเฮทเธอร์ ที่การปะทะพวกเธอเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ พยาบาลที่มีรูปร่างหน้าตาพิกลพิการเหล่านี้ จะยืนอยู่นิ่งๆ จนกระทั่งเสียงแม้เพียงแผ่วเบาจะทำให้พวกเธอเข้าสู่โหมดโจมตีทันที
   “นางพยาบาลเป็นตัวละครโปรดของแฟนๆ ครับ” บาสเซ็ทท์กล่าว “พวกเธอเป็นสาวเซ็กซี น่าสยดสยองในชุดลาเท็กซ์รัดรูปประหลาดๆ ที่ต้องการจะผ่าแยกร่างคุณ ผมชอบพวกเธอในหนังภาคแรก และผมก็อยากจะใช้พวกเธอในแบบที่ต่างออกไปนิดๆ ในหนังของผม ด้วยความที่ผมรู้ว่าเราจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับการแพทย์ มันก็เป็นโอกาสให้ผมนำพวกเธอกลับมาอีกครั้งครับ”
   ผู้กำกับไม่ได้เรียกใช้นักแสดงผู้รับบทพยาบาลในภาคแรกเพราะเขาต้องการมองหาผู้หญิงกลุ่มใหม่ที่มี “ความยืดหยุ่นมากกว่า” ในช็อตเปิดเรื่องที่คุณจะได้เห็นนางพยาบาลของผม กล้องจะติดตามภาพของพวกเธอในห้องผ่าตัด ที่สาวๆ จะโก้งโค้งและบิดตัวไปมา มีเพียงแดนเซอร์บางคนเท่านั้นที่ทำแบบนนั้นได้ เราก็เลยใช้แดนเซอร์มากประสบการณ์ ที่สามารถทำท่าทางที่ไม่ธรรมดานิดๆ ให้กับผมได้”
   ในการสร้างลุคของนางพยาบาล พอล โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญเอฟเฟ็กต์และทีมงานของเขาต้องระบายสีผิวทุกส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้าของนักแสดงแต่ละคน ก่อนจะให้พวกเธอใส่ชุดคอสตูมและสวมใบหน้าบิดเบี้ยวที่ทำจากลาเท็กซ์ลงไป ดังนั้น อะไรน่ะหรือที่ทำให้นางพยาบาลเป็น “ขวัญใจ” บาสเซ็ทท์เชื่อว่า “มันเป็นการผสมผสานกันของภาพสยดสยอง ลักษณะที่พวกเธอเคลื่อนไหวและเครื่องแบบนางพยาบาล มันทั้งน่าขยะแขยงและเซ็กซี มันเป็นความตึงเครียดที่ย้อนแย้งกันระหว่างไอเดียทั้งสองนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเธอเป็นสัตว์ประหลาดที่เจ๋งในโลกไซเลนท์ ฮิลเพราะพวกเธอทำสองสิ่งกับคุณพร้อมๆ กัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันสุดขั้วเลยครับ”


The Mannequin Monster (สัตว์ประหลาดหุ่นโชว์)

               ระหว่างการเดินทางในไซเลนท์ ฮิล เฮทเธอร์ได้พบกับสัตว์ประหลาดที่เหมือนกับแมงมุม ที่ประกอบร่างขึ้นจากชิ้นส่วนของหุ่นโชว์ มัน “ใช้ชิ้นส่วนหุ่นโชว์เป็นตัวห่อหุ้มและเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นหุ่นโชว์ หลังจากนั้น มันก็จะแยกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ และเข้าครอบครองและบงการชิ้นส่วนเหล่านั้น” บาสเซ็ทท์กล่าว “สัตว์ประหลาดหุ่นโชว์ไม่ใช่ตัวละครใหม่ซะทีเดียวเพราะมีการใช้หุ่นโชว์ในเกมอยู่แล้ว มันมีช็อตของพวกมันตรงหน้าต่างหลายช็อตในภาคแรก และผมก็อยากจะผลักดันมันไปอีก มันเป็นสัตว์ประหลาดหุ่นโชว์ในเกมที่ผมชื่นชอบและผมคิดว่าเราสามารถพัฒนาและเสริมแต่งมันขึ้นมา จนได้อะไรที่เป็นส่วนผสมที่แปลกประหลาดระหว่างชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์และพลังงานที่เหมือนกับแมงมุมครับ”
   สัตว์ประหลาดที่มีแขนขามากมายตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่สร้างขึ้นด้วยดิจิตอลล้วนๆ ตัวเดียวในเรื่อง “แม้ว่าผมจะอยากสร้างเอฟเฟ็กต์จริงๆ ในกองถ่าย มันก็ไม่มีทางไหนที่เราจะถ่ายทอดความพลิ้วไหวในการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดตัวนี้ออกมาได้” บาสเซ็ทท์ยอมรับ “มันมีความงามที่น่าขยะแขยงในตัว และถ้าคุณมองโคลสอัพใกล้ๆ มันก็เป็นงานแสดงศิลป์ที่วิเศษสุด ที่มีรอยแตกและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ครับ”


มิชชันนารี

                  “มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งในหนังของผมซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดใหม่ ที่ไม่ได้นำต้นแบบมาจากเกมไหนๆ ก็ตาม” บาสเซ็ทท์พูดถึงสิ่งมีชีวิตเพศหญิงลึกลับใน SILENT HILL: REVELATION 3D ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของมิชชันนารี “มิชชันนารีเป็นตัวแทนของผู้เป็นแม่ ซึ่งบางครั้งก็มีความหมายค่อนข้างตรงตัว ในลักษณะกว้างๆ แล้ว ผมชื่นชอบไอเดียที่ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะออกไปเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณ ในแบบตรงตัวมากๆ ผมอยากสร้างสัตว์ประหลาดที่ตรงกันข้ามกับเร้ด ปิรามิด ซึ่งก็คือความเป็นชาย ผมคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณมีพลังดุดันของปิรามิดมาปะทะกับความเฉียบคมของคมดาบของมิชชันนารี การที่เธอไม่มีดวงตาเป็นอะไรแบบไซเลนท์ ฮิลมากๆ ครับ”
   แบบดีไซน์ของมิชชันนารีเป็นฝีมือของแพทริค ทาทูปูลอส พอล โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญเอฟเฟ็กต์เล่าว่า “หนึ่งในจุดแข็งของแพทริคก็คือเขามักจะคิดดีไซน์ที่โดดเด่นขึ้นมาได้ มิชชันนารี ซึ่งเป็นสุดยอดมือสังหารของไซเลนท์ ฮิล นำเค้าโครงหลวมๆ มาจากหนึ่งในตัวละครจากเกม และถูกดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับเรื่องราวของไมเคิล แต่แบบดีไซน์ของเธอเป็นงานออริจินอลครับ เธอมีใบหน้าที่แทบจะไร้องค์ประกอบ ริมฝีปากเธอเหยียดไปด้านหลังในลักษณะการคำรามตลอดกาล มีดวงตาหลุบภายในโดยไม่มีเปลือกตา และมีสิ่งที่ดูเหมือนกับดักหมีสมัยยุคกลางติดอยู่รอบกะโหลกเธอ โดยมีใบมีดดาบสี่ใบกวัดแกว่งอยู่รอบๆ แก้มและเหนือศีรษะของเธอ แล้วเราก็ติดตั้งใบมีดดาบเข้าไปตามแขนขาของเธอครับ”
   ในการสร้างแบบดีไซน์นี้ให้เป็นจริงสำหรับภาพยนตร์ 3D โจนส์และทีมงานสามสิบชีวิตของเขาได้สร้างศีรษะของมิชชันนารีที่แตกต่างกันยี่สิบแบบ จนกระทั่งเขาได้ศีรษะที่จะดูดีจากทุกมุมมอง ชุดคอสตูมเองก็มาจากชิ้นส่วนต่างๆ กว่าร้อยชุด “ทั้งหมดจากหลายแหล่งครับ” โจนส์บอก “บางอย่างมาจากวัสดุที่ถูกใช้มานานแล้ว และบางอย่างก็เป็นนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ”









Silent Hill: Revelation 3D บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ

                ไมเคิล เจ. บาสเซ็ทท์ มือเขียนบทและผู้กำกับ Silent Hill: Revelation 3D ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เคยกำกับ Deathwatch, Wilderness และ Solomon Kane ได้คุยกับเราเกี่ยวกับความท้าทายในการถ่ายทำในระบบ 3D สัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่เราจะได้เห็นในภาคนี้ เอฟเฟ็กต์จริงๆ ที่เขาชื่นชอบมากกว่าดิจิตอล เอฟเฟ็กต์และระดับความรุนแรงในเรื่องราว

Q:   หนังภาคนี้มีเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วยังไงบ้าง

A:   หนังของเราห่างจากภาคที่แล้วหกปีครับ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาประมาณเดียวกันสำหรับตัวละครด้วย สิ่งที่ผมพยายามจะทำคือการสร้างซีเควลของภาคแรก มันเป็นการสานต่อเรื่องราวของชารอน ดา ซิลวาและคริสโตเฟอร์ ดา ซิลวา ผมจะอธิบายว่าตอนจบของภาคแรกทำให้เรื่องราวของเราดำเนินต่ออย่างไร นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังดัดแปลงจากเกมภาคที่สามอีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครเคยเล่นเกมนี้แล้ว พวกเขาก็จะรู้เรื่องแล้วล่ะครับ พวกเขาจะรู้ว่าเราจะพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง นอกจากนี้ ผมยังพยายามจะทำให้เรื่องราวนั้นยืนอยู่ได้ด้วยตัวของมันเองด้วย ดังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่เคยเล่นเกมนี้ ก็ไม่เป็นไรครับ มันก็ยังเป็นหนังสยองขวัญเยี่ยมๆ ที่มีทุกอย่างที่คุณอยากให้หนังสยองขวัญมี ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเรื่องราวของ ฮีทเธอร์ เมสัน ตัวละครของอะเดเลด เคลเมนส์ และการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองรวมถึงการค้นหาพ่อของเธอครับ

Q:   แล้วสตูดิโอให้อิสระกับคุณเต็มที่ในการสร้างหนังที่คุณอยากจะทำหรือคุณต้องเจอกับข้อบังคับที่เข้มงวดกันแน่ล่ะ

A:   ผมได้ร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างชาวฝรั่งเศส ซามวล ฮาดีดา เขาเป็นผู้สร้าง Brotherhood of the Wolf, True Romance และ Silent Hill ภาคแรก สิ่งสำคัญเกี่ยวกับแซมมีคือเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ครับ เขาอยากจะทำให้มันตรงกับเกมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งโลกใบนั้นและแบบดีไซน์ต่างก็ตรงกับเกม สิ่งที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันเสมอคือเราจะทำให้มันรุนแรงและน่าสยดสยองมากแค่ไหน นี่เป็นหนังเรท R นะครับ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ส่งมันให้เข้ารับการจัดเรท แต่มันเป็นหนังเรท R แน่ๆ ล่ะ เราไม่ได้ทะเลาะกับสตูดิโอเพราะมันไม่มีสตูดิโอครับ มีอยู่ตอนหนึ่งผมถามเขาว่าใครจะต้องเป็นคนอนุมัติฟุตเตจหนัง แล้วเขาก็บอกผมว่า “ก็มีผมกับคุณนี่แหละ ถ้าเราชอบ มันก็โอเคแล้ว” มันไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะชอบมันทุกคน แต่เราเป็นแฟนแฟรนไชส์นี้และเราก็สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อตัวเราเองและแฟนคนอื่นๆ นั่นเป็นข้อได้เปรียบสูงสุดครับ ผมไม่เคยสร้างหนังสตูดิโอใหญ่มาก่อน ผมไม่เคยสร้างหนังที่มีทีมงานมากมาย ผมเคยสร้างแค่ซีรีส์หนัง ซึ่งมีผู้คนมากมายเกี่ยวข้อง และการทำให้ทุกคน รวมถึงตัวคุณเองพอใจก็เป็นเรื่องเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่หนังเรื่องนี้ก็เป็นความสุขของผมครับ

Q:   ตอนนี้ คุณตัดต่อเสร็จแล้วใช่มั้ย

A:   ครับ เสร็จแล้วครับ เราใช้เวลาในช่วงโพสต์นานมากเพราะเราถ่ายทำในระบบ 3D เอฟเฟ็กต์ทั้งหมดต้องถูกเรนเดอร์เป็น 3D เราไม่ได้มีทุนมหาศาล เราก็เลยต้องรอบคอบ เราจะทำพลาดไม่ได้ เรามีบริษัทเอฟเฟ็กต์ที่ทำงานให้กับเรา เราใช้เวลาออกแบบเสียงค่อนข้างนานเพราะ Silent Hill เป็นเรื่องของเสียงมากพอๆ กับเรื่องของภาพ ดังนั้น การทำงานในช่วงโพสต์โปรดักชันเลยนานทีเดียวครับ เราได้วันเข้าฉายเป็นเทศกาลฮัลโลวีนของปีนี้ และเราก็พยายามปิดเรื่องต่างๆ ไว้เป็นความลับสำหรับแฟนๆ แต่เราก็เริ่มจะเผยอะไรๆ ออกมาเรื่อยๆ ครับ

Q:     หนังเรื่องนี้รุนแรงแค่ไหน

A:     มันไม่ได้เป็นหนังที่รุนแรงแบบ Saw ครับ สำหรับผม โลกของ Silent Hill เป็นโลกกราฟฟิค ถ้าสภาพจิตใจของคนที่สร้างโลก Silent Hill ของเขาเองมีลักษณะบุบสลาย ภาพพวกนั้นก็จะบุบสลายเหมือนกัน แล้วมันก็มีบางอย่างที่สยดสยองแบบเจ๋งๆ ด้วย มันมีเศษชิ้นเนื้อหลุดออกมา ซึ่งก็สนุกดีนะครับ มันเข้มข้น แต่ก็ไม่ได้สยดสยองไปซะทั้งหมด ผมไม่อยากสร้างหนังที่จะทำให้คนเบือนหน้าหนี นี่ไม่ใช่หนังที่บูชาความสยดสยอง แต่มันเป็นหนังสยองขวัญเชิงจิตวิทยา ซึ่งนั่นคือข้อดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ มันเป็นหนังสยองขวัญเชิงจิตวิทยาที่มีกราฟฟิควิเศษสุดโอบอุ้มอยู่ และมีเรื่องราวดีๆ อยู่ตรงกลางครับ

Q:     เราคิดว่าแฟนๆ จะต้องชอบแบบนั้นแน่ๆ

A:     เราไม่ได้ใส่ความสยดสยองเข้าไปเพื่อให้มันสยดสยองเพียงอย่างเดียว มันมีภาพหนึ่งในหนังเรื่องนี้ที่คงจะทำให้คุณตื่นตระหนก แต่ผมก็ทิ้งมันไว้ในหนังเพราะมันเจ๋งมากๆ น่ะครับ

Q:    คุณช่วยพูดถึงจำนวนเอฟเฟ็กต์จริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเอฟเฟ็กต์ ดิจิตอลโดยประมาณได้มั้ย

A:     ผมสามารถให้จำนวนที่แท้จริงกับคุณได้เลยล่ะ มันมีสัตว์ประหลาดดิจิตอลเพียงแค่ตัวเดียว เราไม่สามารถทำแบบอื่นได้ ซึ่งสัตว์ประหลาดตัวนั้นเจ๋งมากๆ มันเป็นตัวที่เราโชว์ที่งานคอมิก-คอนนั่นแหละครับ มันมีชื่อว่าสัตว์ประหลาดหุ่นจำลอง เพราะมันทำจากชิ้นส่วนต่างๆ ของหุ่นจำลองที่ลุกขึ้นมามีชีวิต มันมีแขนขายาวเฟื้อยเหมือนแมงมุม ซึ่งการสร้างสัตว์ประหลาดตัวนี้ขึ้นมาจริงๆ เป็นเรื่องยากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตารางเวลาที่เรามี ส่วนของอย่างอื่นเป็นของจริง ที่อาจมีการแต่งแต้มสีสันด้วยดิจิตอลอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดเป็นคนสวมชุดคอสตูมและเมคอัพครับ ผมชอบอะไรแบบนั้น เมื่อเธอเข้าไปในไซเลนท์ ฮิล มันจะมีทั้งหมอกและฝุ่นขี้เถ้า ฝุ่นขี้เถ้านั้นเป็นดิจิตอล เพราะเราสร้างมันด้วยวิธีอื่นไม่ได้ นี่เป็นหนังที่ใช้ของจริงครับ

Q:     และนั่นก็เป็นสิ่งที่แฟนๆ อยากจะเห็น

A:     สิ่งสำคัญคือเราทำงานกับสารเคมีที่ซับซ้อนมากขึ้นเยอะ ลาเท็กซ์และยางจะดูดีขึ้นเยอะต่อหน้ากล้อง ดังนั้น บางครั้ง คุณก็อาจจะเห็นรอยยับย่นในชุดคอสตูมหรืออะไรแบบนั้น แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณไม่จำเป็นต้องขัดเกลาทุกอย่างให้เนี้ยบหรอก เพราะมันเป็นของจริงครับ

Q:     การถ่ายทำในระบบ 3D ก่อให้เกิดความท้าทายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า

A:     การถ่ายทำในระบบ 3D เป็นความท้าทายพิเศษจริงๆ ครับ มันมีการถกเถียงกันอย่างจริงจังว่าเราจะถ่ายทำมันเป็น 3D เลย หรือค่อยเปลี่ยนมันในช่วงโพสต์โปรดักชัน แต่ถ้าคุณจะสร้างมันให้เป็นหนัง 3D ทั้งที คุณก็ควรจะทำให้มันถูกต้องสิครับ ตอนที่ผมถ่ายทำหนังเรื่องนี้เมื่อประมาณปีก่อน มันมีเทคโนโลยีนี้เข้ามาแล้ว แต่กล้องยังคงมีขนาดใหญ่อยู่ โดยมันจะมีกล้องสองตัวตั้งอยู่ข้างกัน แทนตาซ้ายและตาขวา กล้องแบบสเตดี้ไม่สามารถรับน้ำหนักริกกลไกลขนาดใหญ่ขนาดนั้นด้วย ส่วนกล้องแฮนด์เฮลด์ก็ควบคุมได้ยากถ้ามันถูกวางอยู่ชิดกัน มันอาจจะถูกปัดให้เสียสมดุลได้ง่ายๆ ดังนั้น ผมก็เลยไม่สามารถใช้งานเครื่องมือสนุกๆ บางอย่างที่ผมมักจะใช้ในฐานะผู้กำกับได้ แต่คุณก็จะมีอีกมิติหนึ่งให้ทำงาน มันเป็นแค่การทำให้แน่ใจว่าความท้าทายนั้นจะได้ผล การทำงานกับระบบ 3D เป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ผมคิดว่าสำหรับสิ่งแวดล้อมของไซเลนท์ ฮิลแล้ว มันเป็นเรื่องคุ้มค่าครับ

Q:     ผลงานถัดไปสำหรับคุณคืออะไร

A:     ผมเพิ่งเสร็จจากงานซีรีส์ในแอฟริกาใต้สำหรับซีนีแมกซ์-เอชบีโอที่มีชื่อว่า Strike Back ผมอาจจะกลับไปถ่ายทำซีรีส์นี้เพิ่มเติมอีกในปีหน้า ระยะนี้ ผมมีงานค่อนข้างสม่ำเสมอ ผมก็เลยอยากจะหยุดพักซักสองสามเดือน เพื่อเขียนบทออริจินอลสำหรับตัวเอง หรือสร้างแฟรนไชส์ของผมเองน่ะครับ ผมอยากจะสร้าง Solomon Kane อีกซักภาค เรากำลังคุยกันถึงวิธีที่จะสานต่อการผจญภัยของเขาต่อไปอยู่น่ะครับ

31695
Silent Hill:Revelation 3D


จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส              
ชื่อภาษาไทย       เมืองห่าผี เรฟเวเลชั่น 3D
ภาพยนตร์แนว      ทริลเลอร์
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      25 ตุลาคม 2555 (ฉายจริงก่อนสหรัฐอเมริกา)
ณ โรงภาพยนตร์      ทุกโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับ       Michael  J.Bassett (ไมเคิล เจ.บาสเซ็ทท์ )
ผู้อำนวยการสร้าง                Samuel Hadida  (ซามูเอล ฮาดิด้า)    
นักแสดง         Sean Bean (ฌอน บีน)  จาก Lord Of The Rings , ซีรีส์เอชบีโอ Game Of Thrones Adelaide Clemens (อเดเลด เคลเมนส์) จาก X-Men Origins,The Great Gatsby,No One Lives Kit Harington  (คิท แฮริงตัน)  จาก ซีรีส์เอชบีโอ Game Of Thrones Deborah Kara Unger (เด็บราห์ คารา อุงเกอร์) จาก The Game, 88 minutes,          The Samaritan Radha Mitchell (ราดาห์ มิทเชล) จาก Man On Fire, The Crazies, The Frozen Ground Carrie-Anne Moss (แครีย์-แอนน์ มอส) จาก The Matrix, Disturbia, ซีรีส์เอ็นบีซี Chuck Malcolm McDowell (มัลคอล์ม แม็คดูเวล) จาก The Artist ,  A Clockwork Orange

จุดเด่น


               SILENT HILL: REVELATION 3D ที่สร้างขึ้นจากแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ฮิตSILENT HILL ซึ่งเปิดตัวอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาและกวาดรายได้ไปเกือบ 100 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก แฟรนไชส์ Silent Hill ของ Konami ที่นำเสนอประสบการณ์สยองขวัญในแบบที่ไม่มีใครทาบติด ได้เกาะกุมใจแฟนๆ มานานกว่าสิบปีและได้นำไปสู่ซีรีส์การ์ตูน นิยายภาพ แอ็คชั่น ฟิกเกอร์สะสมและซาวน์แทร็คจากวงร็อคมากมาย

เรื่องย่อ

               ใน SILENT HILL: REVELATION 3D ฮีทเธอร์ เมสัน (เคลเมนส์) และพ่อของเธอ (บีน) กำลังหลบหนีภยันตรายต่างๆ ที่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจดีนัก ก่อนวันเกิดครบรอบปีที่ 18 ของเธอ ท่ามกลางความทุกข์ทรมานจากฝันร้ายสยดสยองและการหายตัวไปของพ่อเธอ ฮีทเธอร์ได้พบว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่เธอคิด และความจริงนี้ก็นำเธอดำดิ่งลงไปสู่โลกของปีศาจร้ายที่อาจจะคุมขังเธอไว้ตลอดกาลก็เป็นได้












ข้อมูลงานสร้าง

               หลายปีมาแล้วที่เฮทเธอร์ เมสันและแฮร์รี พ่อของเธอคอยหลบหนีมาโดยตลอด เพื่อให้พ้นจากภยันตราย ที่เธอยังไม่เข้าใจ ในตอนนี้ ก่อนวันเกิดครบรอบปีที่ 18 ของเธอ เฮทเธอร์ที่ถูกตามหลอนด้วยฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัว และการหายตัวไปของพ่อเธอ ได้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ตัวเธอคิด การเปิดเผยนี้นำเธอดำดิ่งเข้าไปในโลกฝันร้าย ที่จะกักขังเธอไว้ในโลกไซเลนท์ ฮิลชั่วนิรันดร์
   SILENT HILL: REVELATION 3D สร้างขึ้นจากแฟรนไชส์เกมเซอร์ไววัลสยองขวัญชื่อดังของโคนามิ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราไปไกลเกินกว่าการเป็นแค่ภาพยนตร์ดัดแปลง ด้วยเนื้อเรื่องที่เหมาะสมกับจอเงิน แม้ว่ามันจะเป็นซีเควลของภาคแรก (SILENT HILL ที่กำกับโดยคริสตอฟ แกนส์ ในปี 2006) ผู้ชมกลุ่มใหม่ก็สามารถดูภาคใหม่นี้ได้เลย มันไม่เพียงแต่จะกระตุ้นความเสียวสันหลังวาบเท่านั้น แต่ยังจะโดนใจผู้ชมจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงผู้ที่คุ้นเคยกับโลกของ SILENT HILL และผู้ที่เพิ่งค้นพบโลกใบนี้ด้วย
   ซามวล ฮาดีดาได้อำนวยการสร้างภาคนี้และ SILENT HILL ภาคแรก นอกจากนี้ เขายังได้อำนวยการสร้าง RESIDENT EVIL ทุกภาคด้วย เขาตั้งข้อสังเกตว่า “SILENT HILL แตกต่างจากวิดีโอเกมอื่นๆ มันเป็นงานศิลปะที่งดงาม ซึ่งเล่นกับความรู้สึกและมุมมองของเราในแบบที่ไม่เหมือนเกมอื่นๆ ผู้เล่นแต่ละคนจะสัมผัสสิ่งที่ไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของชะตากรรม ความลับและปีศาจภายในใจเรา เราเชื่อว่าด้วย SILENT HILL: REVELATION 3D เราจะได้นำประสบการณ์เดียวกันนี้มาสู่ผู้ชมหนังเรื่องนี้ครับ”
   SILENT HILL: REVELATION 3D เขียนบทและกำกับโดยไมเคิล เจ. บาสเซ็ทท์ (SOLOMON KANE, DEATHWATCH) นอกเหนือจากฌอน บีน (LORD OF THE RINGS, GAME OF THRONES) และเด็บราห์ คารา อังเกอร์ (THE GAME, 88 MINUTES, THE SAMARITAN) และการแสดงพิเศษโดยราดาห์ มิทเชล (MAN ON FIRE, THE CRAZIES) แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่ง อะเดเลด เคลเมนส์ (X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รวมถึง THE GREAT GATSBY และ NO ONE LIVES) และคิท แฮร์ริงตัน (GAME OF THRONES) ร่วมด้วยนักแสดงชื่อดังอย่างแครีย์-แอนน์ มอส (MATRIX, DISTURBIA) และมัลคอล์ม แม็คดูเวล (A CLOCKWORK ORANGE, THE ARTIST)


โลกที่ก้าวข้ามแนวภาพยนตร์

               ฮาดีดาตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้สร้างเกม Silent Hill ชาวญี่ปุ่นได้ดึงองค์ประกอบจากปรมาจารย์ภาพยนตร์แนวสยองขวัญเพื่อให้ได้วิชวลและผลกระทบทางอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมในเกม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณสมบัตินี้มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของพวกเขาในฐานะหนึ่งในแฟรนไชส์เกมที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล การดัดแปลงของคริสตอฟ แกนส์ในภาคแรกของเราเป็นการแสดงความเคารพที่พิเศษสุดต่อตัวเกมและภาพยนตร์แนวนี้ ครั้งนี้ ผมอยากให้ประสบการณ์ใหม่นี้กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความกลัวที่รู้สึกได้ตอนเล่นเกมนี้และความตึงเครียดที่จะเกิดขึ้นตอนเรานั่งเกาะขอบเก้าอี้ในโรงภาพยนตร์ครับ”
   หลังความสำเร็จของภาคแรก โคนามิก็ตอบรับกับไอเดียของโปรเจ็กต์ใหม่ ฮาดีดาและดอน คาร์โมดี้ หุ้นส่วนการอำนวยการสร้างของเขาใน SILENT HILL แค่ต้องตัดสินใจเรื่องวิธีการเท่านั้นเอง และคำตอบเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในการพูดคุยกันสบายๆ ที่คอมิก-คอน งานชุมนุมด้านหนังสือการ์ตูนและป๊อป อาร์ตส์ที่ใหญ่ที่สุดในซานดิเอโก ฮาดีดาและไมเคิล เจ. บาสเซ็ทท์ไปที่นั่นเพื่อประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง SOLOMON KANE ฮาดีดาเล่าว่า “ผมรู้ว่าไมเคิลเป็นคอเกม ตอนที่ผมพูดที่คอมิก-คอนว่าผมกำลังเตรียมงาน SILENT HILL ภาคใหม่ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและอยากจะมีส่วนร่วมในทันที” บาสเซ็ทท์เริ่มเขียนบทและเขาก็เขียนบทภาพยนตร์จนเสร็จด้วยเลเยอร์เรื่องราวที่ซับซ้อน ที่ดำเนินไปในหลายมิติและหลายระดับ ฮาดีดาอธิบายว่า “ด้วยความที่เขารู้จักเกมนี้ดี ไมเคิลก็เลยมีทักษะและความชำนาญที่จำเป็นในการพัฒนาแง่มุมต่างๆ ในบท นอกจากนี้ ในฐานะผู้กำกับ เขาเองก็รู้วิธีที่จะเนรมิตชีวิตให้กับวิสัยทัศน์ของเขาบนหน้าจอ องค์ประกอบสำคัญของเรื่องราวนี้คือปฏิสัมพันธ์ระหว่างความจริงที่แปลกต่าง เฮทเธอร์ นางเอกของเรื่อง ต้องรับมือกับความจริงในโลกปัจจุบันของเรา สภาพจิตใจของเธอ ซึ่งอาจจะหรืออาจจะไม่สะท้อนถึงความจริง และโลกคู่ขนานของไซเลนท์ ฮิล เราต้องเล่นกับโลกของไซเลนท์ ฮิล และในขณะเดียวกัน เราก็ต้องดึงผู้ชมลึกเข้าไปในปริศนามากขึ้น ทุกคนสามารถตีความเรื่องราวของเขาหรือเธอได้จนกระทั่งถึงบทสรุปครับ”
   บาสเซ็ทท์อธิบายว่า “ผมสนใจหนังที่มีแง่มุมแบบเมตะฟิสิกส์มากครับ โครงสร้างที่ลึกลับซับซ้อนของไซเลนท์ ฮิล ที่ห้อมล้อมลัทธิวัลทีล, สัญลักษณ์ฮาโล ออฟ เดอะ ซันและเดอะ ซีล ออฟ เมทาทรอน ทำให้เราสามารถสำรวจธีมสำคัญๆ เกี่ยวกับการที่ศาสนาและลัทธิความเชื่อสามารถบ่อนทำลายได้มากแค่ไหน และการที่ศรัทธาสมบูรณ์จริงๆ แล้วคือการไร้ศรัทธา มันเป็นการเดินทางที่พิเศษสุดจริงๆ กับการสำรวจโลกไซเลนท์ ฮิล พยายามที่จะขัดเกลาโลกใบนั้นให้เป็นสิ่งที่ผมต้องการ แล้วมอบประสบการณ์นั้นกลับไปยังแฟนเกม ที่กระตือรือร้นที่จะได้เห็นว่าผมเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็มอบเรื่องราวที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเข้าใจได้ ซึ่งจะจบบริบูรณ์ในตัวเอง ให้กับผู้ชมกลุ่มใหม่”
   “ตั้งแต่เริ่มต้น เราก็พยายามที่จะก้าวข้ามการเป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ที่นำเรื่องราวมาดัดแปลงธรรมดาๆ แม้ว่าเนื้อเรื่องของเกมและภาพยนตร์จะเปรียบเทียบกันได้ มันก็ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ แม้ว่าเราจะซื่อตรงต่อเกมภาคสามให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เราก็อยากใช้ตัวละครที่ถูกคริสตอฟ แกนส์และมือเขียนบท โรเจอร์ เอวารีใส่เข้ามาในภาคแรกและพัฒนาตัวละครเหล่านั้นไปจนถึงบทสรุปที่เป็นธรรมชาติ พวกเขาสำคัญต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องราวของเราและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อผลกระทบด้านดรามาของเรื่องครับ”
   ไมเคิล เจ. บาสเซ็ทท์และคริสตอฟ แกนส์ได้พบกันเพื่อคุยถึงการพัฒนาเรื่องราว ตัวละครและคอนเซ็ปต์ หลังจากพิจารณาแบบดีไซน์ของสัตว์ประหลาดและคุยกันถึงการเติบโตของตัวละคร โคนามิก็กระตือรือร้นกับไอเดียของบาสเซ็ทท์อย่างยิ่ง บาสเซ็ทท์เล่าว่า “มันวิเศษมากที่ได้นั่งคุยกับพวกเขา บอกเขาถึงเรื่องราวซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นเกมของพวกเขา ที่ผมได้เปลี่ยนแปลง รวมถึงหนังของเราที่ผมสร้างขึ้น และการร่วมมือกันของทุกฝ่ายและพลังงานสร้างสรรค์ของทุกคน อิสระของการสร้างซีเควลคือคุณไม่ต้องประดิษฐ์อะไรขึ้นมาใหม่ ความท้าทายและโอกาสคือคุณจะต้องพัฒนามันไปอีกระดับ นี่คือสิ่งที่เราเชื่อว่าเราได้ทำสำเร็จและโคนามิก็ให้การสนับสนุนเราตลตอทั้งกระบวนการครับ”
   ดอน คาร์โมดี้ตั้งข้อสังเกตว่า “ไมเคิล เจ. บาสเซ็ทท์เป็นแฟนตัวยงของเกม Silent Hill เขารู้รหัสและกลไกของเกมเหล่านั้น และมุมมองของเขาที่มีต่อพวกมันก็เนรมิตชีวิตให้กับเฮทเธอร์ เด็กสาวคนนั้นขึ้นมา เรานำเรื่องราวนี้ไปสู่อีกระดับ พัฒนาช็อตใหม่ๆ และปีศาจใหม่ๆ และพัฒนาบทบาทและแบ็คกราวน์ของตัวละครขึ้นมา มันทำให้เรื่องราวนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ชมกลุ่มใหม่ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งก็คือกลุ่มผู้ชมที่ดูหนังนั่นแหละครับ พวกเขาสามารถเข้าถึงมุมมองของเฮทเธอร์ และวินเซนต์ คาร์เตอร์ (ที่รับบทโดยคิท แฮร์ริงตัน) ได้”
   ลอเรน ฮาดีดา ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง กล่าวเสริมว่า “เราอยากจะนำสิ่งใหม่มาสู่เนื้อหาของเกมเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมที่คุ้นเคยกับโลกใบนี้ แต่ก็พยายามรักษาความซื่อตรงต่อโลกใบนั้นเหมือนกัน SILENT HILL: REVELATION 3D เป็นเรื่องราวการเติบโตที่มืดหม่นมากๆ มันน่าสะพรึงกลัว เป็นฝันร้าย เราต้องการจะสร้างปฏิสัมพันธ์อีกระดับระหว่างผู้ชมและภาพยนตร์ เพื่อลดช่องว่างระหว่างการดูและการเล่น เรามีคอเกมพันธุ์แท้จำนวนมากภายในทีมงานสร้าง โดยเฉพาะตัวผมเอง เรารูว่ามันสำคัญขนาดไหนที่จะดึงผู้ชมจากมุมมองที่ปกติจะเป็นผู้ถูกกระทำของผู้ชมการสร้างหนังเรื่องนี้เป็น 3D กลายเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องเพื่อทำให้พวกเขาอินไปกับโลกใบนี้ เราคาดว่าผู้ชมจะรู้สึกเหมือนติดกับและกลัวพอๆ กับตัวละครของเรานะครับ!”

Pages: 1 ... 2111 2112 [2113] 2114 2115 ... 2402