Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2443
1
ยัวซ่า แบตเตอรี่ ปลื้มยอดขายครึ่งปีแรกพุ่ง 10% ขานรับตลาดรถยนต์
และรถจักรยานยนต์ที่มีความต้องการหลากหลาย


             บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านแบตเตอรี่ยานยนต์ ปลื้มยอดขายครึ่งปีแรก 2567 พุ่งขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพการสตาร์ตเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและทนทาน พร้อมตั้งเป้าขยายตลาดต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง


             นายสุขแท้ เรืองวัฒนะโชติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของเราในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยทางยัวซ่าแบตเตอรี่ ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพอากาศที่หลากหลายของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนจัดหรือฝนตกหนัก ทั้งยังทนทานต่อการใช้งาน ทำให้ผู้ขับขี่ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มั่นใจในประสิทธิภาพการสตาร์ตทุกครั้ง แม้ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรที่แออัดหรือการใช้งานในระยะทางไกล”


             ในครึ่งปีหลัง ยัวซ่าแบตเตอรี่ ตั้งเป้าขยายตลาดต่อเนื่องด้วยการเน้นการตลาดเชิงรุก เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

             “เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การรักษายอดขาย แต่คือการขยายฐานลูกค้าและเสริมความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์แบตเตอรี่ที่ลูกค้าไว้วางใจได้ทุกครั้งที่ต้องการพลังงานสตาร์ต” นายสุขแท้  เรืองวัฒนะโชติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กล่าว

             บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมรักษาความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่ยานยนต์ของไทย และเตรียมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต

2
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ชวนลูกค้าเจนเนอราลี่
ปลดล็อกความรู้เรื่องการเงิน กับ เฮียวิทย์ และแอดมินพี่ทุย อินฟลูสายการเงินชื่อดัง


             เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ขอเชิญทุกท่านสัมผัสประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟแบบ Customer FIRST ในงาน Financial Talk Live on Stage ทอล์กโชว์การเงิน ที่ให้คุณเรียนรู้อดีต เพื่อปรับตัวสู่อนาคต ก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านทุกจังหวะชีวิต ให้เตรียมพร้อมรับมือกับการวางแผนทางการเงินและการลงทุนในอนาคตอย่างมั่นคง

             โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก 2 กูรูด้านการเงินชื่อดัง “วิทย์-สิทธิเวคิน” หรือ “เฮียวิทย์” จากรายการ 8 Minute History ช่อง THE STANDARD PODCAST และรายการ Morning Wealth ช่อง THE STANDARD WEALTH พร้อมด้วย “เคน-จักรกฤษณ์ กิจการรัฐบุตร” หรือ “แอดมินพี่ทุย" ผู้ก่อตั้งเพจ Money Buffalo อินฟลูเอนเซอร์สายการเงินและการลงทุนที่มีผู้ติดตามมากมาย ที่จะช่วยไขข้อข้องใจและให้คำแนะนำด้านการเงินแบบเข้าใจง่าย ผ่านมุมมองที่น่าสนใจและแปลกใหม่

             สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมรับชมการถ่ายทอดสด (Live streaming) พร้อมกันทั่วประเทศ ทางช่องทาง Facebook : Generali Thailand และ Facebook: Money Buffalo ในวันพุธที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

3
“ไทย สเตมไลฟ์” ครบรอบ 20ปี เดินหน้าพัฒนา “สเต็มเซลล์”
ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมจับมือประเทศอาเซียนขยายฐานลูกค้า





               เมื่อ 19 ก.ย. บริษัทไทย สเตมไลฟ์ จำกัด จัดงานครบรอบ 20ปี ที่ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ โดยมี พันตำรวจตรี พญ. เทพจงจิต อาวเจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทย สเตมไลฟ์ จำกัด กล่าวกับผู้ร่วมงานว่า เรามีเป้าหมายการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการ "ปรับวิสัยทัศน์พัฒนานวัตกรรมธนาคารสเต็มเซลล์มุ่งสู่ “ธนาคารสเต็มเซลล์อันดับ 1 ในการวิจัยและพัฒนาด้านสเต็มเซลล์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และนำพาประเทศให้เป็นผู้นำในด้านการดูแลสุขภาพในทุกมิติ เพราะเรามีความเชื่อว่า “สุขภาพเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของมนุษย์ “ ที่พร้อมให้การดูแลผู้รับบริการในทุกระดับ และในตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ไทย สเตมไลฟ์ คือ ธนาคารสเต็มเซลล์เอกชนแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ไม่เคยหยุดนิ่งในการวิจัยและพัฒนาสเต็มเซลล์ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในการทำธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Beyond Stem Cell Banking”




               พันตำรวจตรี พญ. เทพจงจิต อาวเจนพงษ์ ยังได้ประกาศถึงการก่อสร้างอาคารใหม่ของไทย สเตมไลฟ์ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการเก็บรักษาและวิจัยสเต็มเซลล์ที่ทันสมัยที่สุด พร้อมยกระดับห้องปฏิบัติการให้ได้มาตรฐานระดับโลก GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยในการผลิตสเต็มเซลล์ ทั้งหมดนี้เพื่อให้เราสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และรักษาความเป็นผู้นำระดับสากลอย่างมั่นคง




               ด้าน ดร.นพ. คอนสแตนตินอส ปาปาโดพูลอส ที่ปรึกษา แพทยศาสตร์บัณฑิต ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต แพทย์เฉพาะทางสาขาระบบต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิซึม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาต่อมไร้ท่อ ได้บรรยายเชิงเจาะลึกถึงการพัฒนาและวิจัยด้านสเต็มเซลล์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หัวข้อ “Unleashing the Power of Regeneration” และภายในงานมีช่วง เสวนา หัวข้อ “Stem Cells Transforming Lives” โดยได้รับเกียรติจากครอบครัวของ คุณมิว-นิษฐา และ คุณเซนต์-ธราภุช คูหาเปรมกิจ ที่ได้กล่าวถึงประสบการณ์ดีๆ ในการใช้สเต็มเซลล์เพื่อฟื้นฟูร่างกาย โดยเล็งเห็นว่าการเก็บสเต็มเซลล์นั้น เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของลูกที่คุ้มค่าสำหรับลูกน้อย และครอบครัวในอนาตค อีกทั้งมีการเล่าถึงประสบการณ์เเห่งความประทับใจ




               คุณวารัทชญา อรรถอนุกูล คุณแม่ของ "น้องภาคิณ" หรือ นายภาคิณ อรรถอนุกูล ปัจจุบันอายุ 16 ขวบ โดยป่วยเป็น “โรคธาลัสซีเมีย" เมื่ออายุได้เพียงหนึ่งขวบ ซึ่ง ณ ตอนนั้น มีวิธีเดียวในการรักษาน้องภาคิณให้หายขาดได้ คือการปลูกถ่ายไขกระดูกเท่านั้น โดยนำเซลล์ต้นกำเนิดจากบุตรคนน้องนำไปปลูกถ่ายเพื่อรักษาบุตรคนพี่ ปัจจุบัน น้องภาคิณ หายป่วย..จากโรคธาลัสซีเมียมา ครบ 16 ปีแล้วค่ะ




               ไทย สเตมไลฟ์ เป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย ที่ให้บริการเก็บแช่แข็งเซลล์ต้นกำเนิด ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2548 โดยมีความต้องการในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของกิจการธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศไทย ด้วยระบบด้านห้องปฏิบัติการและการให้บริการ แก่ผู้ที่ประสงค์จะฝากเก็บทั้งเซลล์ต้นกำเนิดจากรก และของผู้ใหญ่ที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ และมีระบบการควบคุมคุณภาพตาม มาตรฐานสากล โดยด้วยความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 20,000 ครอบครัว จากทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  ไทย สเตมไลฟ์ได้มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เช่น กัมพูชา เวียดนาม ลาว และพม่า เพื่อยืนหยัดในฐานะผู้นำในการเก็บและฝากสเต็มเซลล์ทั้งในประเทศไทยและ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และเมื่อต้นปี 2567 ได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรที่เวียดนาม เพื่อเป็นตัวแทนหลักในการให้บริการด้านสเต็มเซลล์แบบครบวงจร เพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศเวียดนาม ส่วนแนวทางการดำเนินงานในอนาคต ไทย สเตมไลฟ์ มีแผนยกระดับคุณภาพให้เป็นห้องปฏิบัติการระดับโลกที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รับรองคุณภาพและความปลอดภัยในการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อใช้ในการรักษา สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นผู้นำในการเก็บรักษาสเต็มเซลล์และให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและปลอดภัยสูงสุด ซึ่งจะมีการร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ด้านเซลล์บำบัด เป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพ กระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับวงการแพทย์ไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก ต่อไป.













4
ทุกภาคส่วนผนึกกำลัง รายงานผล 1 ปีคืบหน้า ESG Symposium
เร่งเปลี่ยนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ปรับตัวกู้วิกฤตโลกเดือด เพิ่มโอกาส SMEs


             ครบ 1 ปีทุกภาคส่วน รัฐ-เอกชน-ประชาสังคม รวมพลัง “ร่วม-เร่ง-เปลี่ยน ไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” เกิดความคืบหน้าชัด ทุกฝ่ายขานรับ ปรับวิธีคิด “ทำงานแบบบูรณาการ” ยึดเป้าหมายเดียวกัน สื่อสารตรงไปตรงมา และลุยหน้างานจริง ช่วยปลดล็อค เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทยให้เกิดขึ้นจริง ส่งเสริมการก่อสร้างสีเขียวด้วยปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ เอกชนจับมือจัดการแพคเกจจิ้งใช้แล้วผ่านโครงการรีไซเคิลแบบ Closed-Loop สนับสนุน SMEs เพิ่มโอกาสเข้าถึงความรู้เปลี่ยนธุรกิจสู่คาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการ Go Together  ปีนี้ทุกภาคส่วนกว่า 3,500 คนรวมพลัง เร่งเปลี่ยนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่อเนื่องใน ESG Symposium 2024 วันที่ 30 กันยายนนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


             นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ที่ร่วมกันทำภารกิจที่ท้าทายของประเทศตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นั่นคือการเร่งเปลี่ยนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งเริ่มต้นจากการระดมสมองผู้เกี่ยวข้องกว่า 500 คน ในงาน ESG Symposium 2023 ออกมาเป็นข้อเสนอ 4 แนวทางในการกู้วิกฤติโลกเดือด ซึ่งมีความคืบหน้าที่สำคัญ อาทิ ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศให้เป็นปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์  ส่งเสริมเกษตรกรมีอาชีพ-รายได้เพิ่มด้วยการปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อแปรรูปเป็นพลังงานทดแทน สนับสนุนการทำนาเปียกสลับแห้ง ลดใช้น้ำ ใช้ปุ๋ย และลดคาร์บอน  ผลักดันการจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านการขยายผล “ตาลเดี่ยวโมเดล” รวมทั้งขับเคลื่อนโครงการธนาคารขยะ ถังขยะเปียกลดโลกร้อน เสริมแกร่งเครือข่ายป่าชุมชน 38 แห่ง แลกเปลี่ยนความรู้ สร้างเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตชุมชน ต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ติดตั้ง Solar Carport ที่ศูนย์ราชการ จ.สระบุรี ซึ่งจะขยายผลสู่หน่วยงานอื่นต่อไป  ส่งเสริมความรู้ SMEs เปลี่ยนธุรกิจสู่คาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการ Go Together โดยรุ่นแรกมีผู้เข้าร่วมกว่า 80 คน จากทั้งหมด 20 รุ่นทั่วประเทศ ตามแผนปี 2567-2568 ตั้งเป้าส่งต่อความรู้สู้โลกเดือดให้ SMEs 1,200 คน  ขณะที่โครงการเครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก ซึ่งเป็นการจับมือระหว่างโฮมโปรและเอสซีจีซี เป็นตัวอย่างการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ามารีไซเคิลแบบ Closed-Loop  สำหรับบางโครงการแม้ยังมีข้อติดขัด แต่ก็มุ่งมั่นเดินหน้าต่อ ร่วมกันปลดล็อคให้การทำงานติดสปีดเร็วขึ้น อาทิ โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) รองรับการเปิดเสรี ซื้อ-ขายไฟฟ้าพลังงานสะอาด หรือการสนับสนุน SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน (Green Finance) ทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


             ความคืบหน้าข้างต้นเกิดขึ้นได้จากการปรับวิธีคิด เน้นทำงานแบบบูรณาการ (Open Collaboration) มี 3 หัวใจหลัก 1) เป้าหมายร่วมกัน (Same Goal) คือเปลี่ยนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำตาม NDC Roadmap (แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ)  2) แบ่งปันสื่อสาร (Open Communication) พูดคุยอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดต่าง ๆ ที่พบระหว่างการทำงาน  3) ลงหน้างานจริง (Hands-on) ให้เข้าใจสถานการณ์ ข้อจำกัด และความต้องการของอีกฝ่าย แล้วนำมาปรับวิธีทำงานให้ตอบโจทย์เป้าหมายร่วมกันได้ดีที่สุด ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น หลังจากนี้ทุกภาคส่วนยังคงเดินหน้าเร่งขับเคลื่อนทุกโครงการ เพื่อให้สังคมคาร์บอนต่ำเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย”


             นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า “การเปลี่ยนจังหวัดสระบุรี เมืองอุตสาหกรรมของประเทศให้เป็นเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย เป็นเรื่องท้าทายมาก แต่เราก็ทำได้ด้วยโมเดล PPP หรือ Public-Private Partnership ที่ทุกภาคส่วนเห็นเป้าหมายเดียวกัน และพร้อมขับเคลื่อนไปด้วยกัน เห็นชัดจากการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้จัดการวัสดุเหลือใช้ทั่วทั้งจังหวัด อาทิ โครงการธนาคารขยะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนชุมชนคัดแยกขยะครัวเรือนตั้งแต่ต้นทาง ปัจจุบันดำเนินการครบทั้ง 108 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกิดเป็นกองทุนธนาคารขยะ 123 กองทุน ขณะเดียวกันช่วยลดภาระงบประมาณการจัดเก็บและขนย้ายขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกด้วย  โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน มีคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) จำนวน 3,495 ตัน CO2 เทียบเท่า สร้างรายได้ให้ชุมชนเกือบ 1 ล้านบาท  ขณะที่การส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน เช่น หญ้าเนเปียร์ เพื่อแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ได้ปลดล็อคด้วยการให้ความรู้แก่เกษตรกร เป็นตัวกลางเชื่อมให้ภาคอุตสาหกรรมมารับซื้อ สร้างความมั่นใจในด้านรายได้ให้เกษตรกร ปัจจุบันปลูกแล้วกว่า 100 ไร่ ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี คาดว่าสามารถแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนได้ 2,100 ตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกร 2.5 ล้านบาทต่อปี และยังลดการปล่อยคาร์บอนได้ 2,500 ตัน CO2 เทียบเท่า”


             นายชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) กล่าวว่า “ฐานกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ของประเทศกว่าร้อยละ 80 อยู่ที่สระบุรี ที่นี่จึงเป็นเสมือนบ้านของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เราจึงอยากพัฒนาบ้านของเราให้ดีขึ้น โดยร่วมกับทุกภาคส่วนเร่งเปลี่ยนสระบุรีให้เป็นเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย เริ่มจากพัฒนาปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิค : Hydraulic Cement) ที่ลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิต และสนับสนุนให้ใช้ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ สูงถึงกว่าร้อยละ 80 ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 1,169,673 ตัน CO2 (ข้อมูลสะสม มกราคม 2565 ถึงมีนาคม 2567) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานตามเป้าหมายของ จ.สระบุรี โดยไทยตั้งเป้าเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จะไม่มีปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ภายในปี 2568 อีกทั้งมีแผนการใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำประเภทใหม่ ๆ ที่ลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิตได้มากขึ้น สำหรับแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย Princeton ซึ่งมีความชำนาญและเครื่องมือในการจัดทำแผน Energy Transition ของสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกันประเมินเส้นฐาน (Baseline) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน และกำหนด Energy Roadmap ของ จ.สระบุรี รวมถึงประเมินแนวทางการใช้พื้นที่ของจังหวัดฯ ทำเป็น Solar PV พลังงานสะอาด เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน นอกจากนั้นควรเร่งพัฒนา Green Infrastructure รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของประเทศ โดยศึกษากระบวนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของจีน ที่มีการแบ่งลำดับขั้นตามความพร้อมของแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงตัวอย่างของไต้หวันที่มีโครงสร้างไฟฟ้าแบบการประมูลรายวัน ปัจจุบันเรามีความร่วมมือกับทั้ง 2 ประเทศในการพัฒนา Grid Modernization ในสระบุรีแซนด์บ็อกซ์”


             นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โฮมโปรในฐานะผู้นำเรื่องบ้าน เล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนสินค้าในบ้าน แต่ไม่รู้วิธีจัดการสินค้าใช้แล้วที่ถูกต้อง จึงริเริ่มโครงการ Closed-Loop Circular Products ซึ่งเป็นการนำสินค้าที่ใช้งานแล้วจากลูกค้าโฮมโปร มาจัดการอย่างถูกวิธี โดยคัดแยกชิ้นส่วนที่สามารถนำไปรีไซเคิลใหม่ และได้ความร่วมมือจากพันธมิตรหัวใจสีเขียวอย่างเอสซีจีซี ที่มีเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเหมือนกัน ช่วยพัฒนาสูตรพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงที่เรียกว่า Green Polymer เพื่อนำกลับมาผลิตอีกครั้งเป็นสินค้ารักษ์โลกให้กับลูกค้าโฮมโปร ปัจจุบันโฮมโปรมี Circular Products ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม ไปจนถึงกระเบื้อง กล่องอเนกประสงค์ ถุงช้อปปิ้ง และอื่น ๆ ซึ่งการส่งเสริมให้เกิด Circular Products ด้วยระบบ Closed-Loop ถือเป็นภารกิจที่ตอบเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 ของโฮมโปรได้อย่างเป็นรูปธรรม”


             นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า “ความท้าทายของผู้ประกอบการรายย่อยไทยต่อจากนี้คือ การปรับธุรกิจให้เข้ากับกฎเกณฑ์ใหม่ที่เกิดจากประเด็นความห่วงใยด้านสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป อาทิ Thailand Taxonomy มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย หรือ CBAM มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นเสมือนกำแพงทางการค้า  ธุรกิจที่ปรับตัวได้ก่อน จะก้าวข้ามข้อจำกัดดังกล่าวและพาธุรกิจอยู่รอดได้เร็ว ดังนั้นสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจึงสนับสนุน SMEs ให้เข้าถึงความรู้ มาตรฐานใหม่ ๆ เทคโนโลยีกระบวนการผลิตเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม แหล่งเงินทุนสีเขียวทั้งในและนอกประเทศสำหรับใช้ในการปรับธุรกิจ เน้นสร้างกลไกเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ เพิ่มโอกาสเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากมาตรการต่าง ๆ ทั้งการเงิน ส่งเสริมความรู้ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม การทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนั้นยังต้องขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อช่วย SMEs ให้ร่วมยกระดับเศรษฐกิจฐานรากสู่ความยั่งยืนด้วย”




             นายธรรมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำไม่เพียงช่วยบรรเทาความรุนแรงของวิกฤตโลกเดือด แต่ยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจและประเทศ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจขาลง ตลาดแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้าจากจีน การบังคับใช้มาตรการ CBAM ที่จะกระทบต่อภาคการผลิต นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอน เราจึงต้องเร่งเปลี่ยนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยวิธีการอื่น ๆ  ปีนี้ทุกภาคส่วนจึงร่วมกันจัดงาน ESG Symposium 2024 ภายใต้ธีม “Driving Inclusive Green Transition ยิ่งเร่งเปลี่ยน ยิ่งเพิ่มโอกาส” โดยนำข้อเสนอจากการหารือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 ด้านสำคัญ ได้แก่  1) Saraburi Sandbox โมเดลต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย  2) Circular Economy การใช้ทรัพยากรหมุนเวียนให้คุ้มค่าสูงสุด  3) Just Transition การสนับสนุนทรัพยากรแก่ภาคส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่าน  4) Technology for Decarbonization การพัฒนาเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  5) Sustainable Packaging Value Chain การจัดการแพคเกจจิ้งทั้งระบบอย่างยั่งยืน  มานำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อร่วม-เร่ง-เปลี่ยนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำให้เร็วขึ้นกว่าเดิม”


             งาน ESG Symposium 2024 จัดขึ้นวันที่ 30 กันยายนนี้ ณ Hall 1 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 11.00-16.30 น. โดยมีวิทยากรระดับโลกร่วมแบ่งปันประสบการณ์และตัวอย่างที่หลากหลายในการเปลี่ยนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมชมนิทรรศการจำลองการใช้ชีวิตแบบโลว์คาร์บอน รับชมการถ่ายทอดสดได้ที่ Facebook และ Youtube ของเอสซีจี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.scg.com

5
เอสซีจี รับรางวัล “ธุรกิจสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งปี” จากงาน DAILYNEWS TOP CEO 2024
ติดสปีดนวัตกรรมสายกรีน รุกสมาร์ทโซลูชันตอบโจทย์ สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ


             นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “การที่เอสซีจีได้รับรางวัลDAILYNEWS TOP CEO 2024 สาขาสุดยอดองค์กรธุรกิจ ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งปี 2024 เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของพวกเราชาวเอสซีจี ที่มุ่งมั่นทุ่มเทตามภารกิจ มุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโต พร้อมร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ตามแนวคิด Passion for Inclusive Green Growth ซึ่งต่อยอดจาก ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ยึดหลักความไว้วางใจและโปร่งใส) ของเอสซีจีให้แข็งแกร่ง เข้มข้นยิ่งขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์โลกทั้งด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศ (Geopolitics) และโลกเดือด (Climate Crisis) ที่กระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ในปัจจุบัน




             เอสซีจี เร่งเดินหน้าพัฒนา “นวัตกรรมกรีน” ในทุกธุรกิจ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050  อาทิ ปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 2 ซึ่งลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์เดิม ซึ่งขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยส่งออกไปสหรัฐอเมริกาแล้วมากกว่า 1 ล้านตัน วัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ ตอบโจทย์ตลาดรักษ์โลก พร้อมดีไซน์สวยและแข็งแรงทนทาน ตอบสนองความต้องการลูกค้าสายกรีน เช่น ฉนวนที่ช่วยประหยัดพลังงาน หรือวัสดุทดแทนไม้ที่ช่วยลดความร้อนเข้าบ้าน และสมาร์ทโซลูชัน ยกระดับการอยู่อาศัย เช่น ‘ออนเนกซ์ (ONNEX)’ ที่ประหยัดพลังงาน ด้วยระบบบำบัดอากาศเสีย ‘Air Scrubber’ และโซลูชันพลังงานสะอาด ‘Solar Hybrid Solutions’ ดูแลคุณภาพอากาศในบ้านและอาคาร ‘Bi-on’ ตอบเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งเร่งผลักดัน นวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMERTM  สู่ตลาดสีเขียวที่มีความต้องการมาก อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูงที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบรับเทรนด์รักษ์โลก ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคอาเซียนต่อไป”




             รางวัลดังกล่าวฯ จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ ซึ่งพิจารณาจากทีมงานบรรณาธิการฯ ที่มากด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในทุกด้าน ที่ร่วมกันพิจารณาถึงความเหมาะสมของผู้บริหารสูงสุดขององค์กรชั้นนำทั่วประเทศที่มีความโดดเด่นในการบริหารองค์กรในสาขานั้น ๆ รวมถึงผลลัพธ์และความสำเร็จจากการดำเนินงาน

6
Dr.TATTOF ยืนหนึ่ง! ลบรอยสักมาตรฐานสากล การันตีคุณภาพอันดับ 1 เอเชีย-แปซิฟิก


นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานบริษัท Dr.TATTOF

             ทำไมต้องมาลบรอยสักที่ Dr.TATTOF? เพราะการลบรอยสักไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องการผลลัพธ์ ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับสากลเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม Dr.TATTOF คือ ผู้นำด้านการลบรอยสักที่การันตีด้วย รางวัลคุณภาพอันดับ 1 ในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรมเลเซอร์ที่ทันสมัย มีมาตรฐาน และทีม บุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และความเอาใจใส่ในการดูแลทุกขั้นตอนของการรักษา


คุณพงศยา ตราชูนิตย์ ผู้บริหาร Dr.TATTOF

             มาตรฐานสถานพยาบาลระดับสากล American Accreditation Commission International (AACI) และการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment) Dr.TATTOF ยึดมั่นในมาตรฐาน การรักษาระดับสากล โดยได้รับการรับรองสถานพยาบาลจาก American Accreditation Commission International (AACI) ซึ่งเป็นสิ่งการันตีถึงคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดในทุกขั้นตอนของการรักษา นอกจากนี้การรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment) เป็นสิ่งที่เรายึดถือเป็นหัวใจหลัก ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาอย่างละเอียดตั้งแต่ ต้นจนจบ การวางแผนการรักษา กระบวนการติดตามผลหลังการรักษา หรือการดูแลผู้เข้ารับบริการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


             การันตีคุณภาพอันดับ 1 ด้านการลบรอยสักในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน ด้วยการใช้นวัตกรรมเลเซอร์ โปรแกรม PicoWay Laser ที่ทันสมัยและปลอดภัยที่สุด เราจึงสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ของผู้ที่ต้องการลบรอยสัก โดยได้รับรางวัลการันตี อันดับ 1 ด้านการลบรอยสัก ในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมาตรฐาน และความสำเร็จในด้านการรักษาที่เรายึดถือมาอย่างยาวนาน

             นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานบริษัท Dr.TATTOF กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะมอบบริการลบรอยสัก ที่มีคุณภาพและปลอดภัยที่สุดในระดับสากล เราใช้นวัตกรรมเลเซอร์รุ่นล่าสุดที่ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพสูง แต่ยัง สามารถลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการฟื้นฟูได้ด้วย เราใส่ใจในทุกขั้นตอนของการดูแล เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการ มั่นใจว่าได้รับการรักษาที่ดีที่สุด

             คุณพงศยา ตราชูนิตย์ ผู้บริหาร Dr.TATTOF กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ทำให้ Dr.TATTOF โดดเด่น คือ ความเอาใจใส่ในการให้บริการ เราไม่ได้มองว่าการลบรอยสักเป็นเพียงแค่การใช้เลเซอร์ แต่เรามองว่าเป็น กระบวนการที่ต้องการการดูแลอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนที่มาที่นี่จะได้รับการดูแลในระดับที่ดีที่สุด จากทีมบุคลากรทางการแพทย์ของเรา”

             Dr.TATTOF ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการรักษา และการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับบริการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Dr.TATTOF ทั้ง 10 สาขา ดังนี้ สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ 090-546-2424, สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว 095-428-9424, สาขาเทอร์มินอล 21 พัทยา 097-428-2424, สาขาเอท ทองหล่อ 099-614-2424, สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 083-535-2424, สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า 064-679-2424, สาขาเดอะ พรอมานาด 064-756-2424, สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต 064-568-2424, สาขาเซ็นทรัล พระราม2 063-856-2424 และสาขาเมกาบางนา 090-895-2424 หรือ Inbox: http://m.me/dr.tattof และ Line@: http://line.me/ti/p/~@dr.tattof

7
ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการบริการ คว้า 3 รางวัลใหญ่ ในงาน The Best Contact Center Awards 2024 ประเภทองค์กร (Corporate)


              บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติถึง 3 รางวัล ในงาน “TCCTA Contact Center Awards 2024” ซึ่งจัดโดยสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย (TCCTA: Thai Contact Center Trade Association) ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์  เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการ Contact Center ที่มีผลงานโดดเด่นในการยกระดับคุณภาพการบริการและการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการอย่างยอดเยี่ยม

              บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ได้รับการยกย่องใน 3 รางวัลใหญ่ ประเภทองค์กร (Corporate) ได้แก่

1. The Best Contact Center of the Year 2024

2. รางวัลเหรียญทอง The Best Workflow Contact Center 2024

3. รางวัลเหรียญทอง The Best Technology Innovation 2024


              รางวัลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของทีมงานซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ในการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้ และการจัดการศูนย์บริการลูกค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งส่งผลให้ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการ Contact Center ที่สร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ


              นายธนาวุฒิ อำนาจเจริญศักดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า “การได้รับรางวัลในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จของซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาระบบการให้บริการลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเรา เราจะไม่หยุดยั้งในการสร้างสรรค์บริการที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

              นอกจากนี้ ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ยังมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยในปีนี้ ครบรอบ 30 ปีของบริษัท เรามีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของไทย ภายใต้แนวคิด “I TRUST" ภายใต้แนวคิด “I TRUST” ที่ประกอบด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ ความผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว บริการที่ยอดเยี่ยม และเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อประโยชน์ของลูกค้า พันธมิตร ดีลเลอร์ ผู้ถือหุ้น องค์กรและสังคมส่วนรวม ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมไทย พร้อม ต่อยอด พัฒนา เพื่อเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยแนวคิดบริการด้วยใจและรอยยิ้ม

              สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.summitcapital.co.th

8
FUNAngels ร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จังหวัดเชียงราย


             จากสถานการณ์ ไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชียปีนี้ พัดขึ้นฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามเมื่อวันเสาร์ (7 ก.ย.) ส่งผลให้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดฝนตก และน้ำท่วมหนัก โดยเฉพาะเวียดนาม ลาว พม่า และไทย ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยต้องเผชิญกับความยากลำบาก และความท้าทายที่มากเกินกว่าจะจินตนาการได้ บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ครอบครัวต้องไร้บ้าน สูญเสียทั้งทรัพย์สินและพรากชีวิตผู้คนอย่างไม่อาจหวนคืน


             สำหรับในประเทศไทย พายุยางิ ได้สร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร โทรคมนาคม รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัด เชียงราย ที่เผชิญกับน้ำท่วมใหญ่ น้ำในแม่น้ำกก ไหลผ่านตัวเมืองเชียงราย ที่ยังคงรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความเดือดร้อนในชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากดังกล่าว ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ รวมถึงส่งสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น




             FUNAngels ห่วงใยผู้ประสบอุทกภัย ได้ร่วมบริจาคถุงยังชีพจำนวน 400 ชุด มูลค่า 150,000 บาท ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมหนักในขณะนี้ ที่จังหวัดเชียงราย โดยการมอบสิ่งของจำเป็นที่ใช้ในชีวิตประจำวันในถุงยังชีพประกอบด้วย มาม่า น้ำเปล่า ปลากระป๋อง ข้าวสาร ยากันยุง ยาซาร่า สบู่ ยาสระผม นมกล่อง ขนม ยาธาตุน้ำขาว ผ้าอนามัย ไฟฉาย พร้อมส่งมอบให้กับการบินไทยฯ โดยทางกองทัพอากาศจะลำเลียงและดำเนินการส่งต่อความช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป

9
ผงปรุงรสเจ ตราไทเชฟ อร่อย แซ่บ ในแบบไม่จำเจ


               ไทเชฟ (ThyChef) ผู้นำด้านผงโรยอาหารและผงชงเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ ขอแนะนำ ผงปรุงรสเจทั้ง 10 รสชาติ ได้แก่ รสวิงแซ่บ, รสโนริสาหร่าย, รสวาซาบิ, รสหม่าล่า, รสเผ็ด แซ่บ จี๊ด, รสปาปริก้า, รสบาร์บิคิว, รสฮ็อท แอนด์ สไปซี่, รสพิซซ่า และรสต้มยำ ที่มาพร้อมกับรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน สำหรับนำไปปรุงแต่งอาหารในช่วงเทศกาลกินเจที่จะถึงนี้ (วันที่ 3 - 11 ตุลาคม) เพียงนำผงปรุงรสเจไปโรย หรือคลุกเคล้ากับอาหารเจที่ปรุงสุกแล้วในเมนูต่าง ๆ อาทิ ไส้อั่วเจ ปอเปี๊ยะเจ เต้าหู้ทอด ยากิโซบะ ผัดหมี่ซั่ว ฯลฯ เท่านี้ก็จะได้อาหารเจแบบใหม่ที่อร่อยไม่ซ้ำใคร สร้างสีสันในช่วงเทศกาลเจนี้ไม่ให้จำเจอีกต่อไป ทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ทานอาหารเจ หรือพ่อค้า แม่ค้าที่กำลังมองหาเมนูที่แตกต่าง เพื่อขายในช่วงเทศกาลกินเจ สามารถนำผลิตภัณฑ์ของไทเชฟไปสร้างกำไรได้ง่าย ๆ รับรองได้ว่าอิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งใจแน่นอน

               สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ของไทเชฟได้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ หรือบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อทางออนไลน์กับบริการ “ฟาสต์ ไทเชฟ” สั่งวันนี้ ส่งวันนี้พรุ่งนี้ถึง เร็วทันใจ ที่ www.thychef.com หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40thychef หรือทางเว็บไซต์ www.lazada.co.thwww.shopee.co.th FB: ThyChef, ID Line: @thychef สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-968-3723-6

10
อลิอันซ์ อยุธยา ชวนคนไทยร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม


             อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตและประกันภัยชั้นนำในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างช่วยเหลือลูกค้าเสมอในทุกเงื่อนไขชีวิต ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงาและมูลนิธิ SOS เดินหน้าส่งต่อความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่

             ·    บริจาคเงิน “ช่วยล้างบ้าน” เพื่อจ้างอาสาชุมชนและจัดหาอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมดินโคลน เพื่อให้กลับมาอยู่ในสภาพอยู่อาศัยได้หลังน้ำลด โดย อลิอันซ์ อยุธยา จะร่วมสบทบการบริจาคของท่าน ผู้สนใจสามารถบริจาคเงินได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี: 202-258298-3 ชื่อบัญชี: กองทุนภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา และสามารถ อัปโหลดสลิปบริจาคที่ allianzth.co/FloodDonate เพื่อให้บริษัททำการสมทบยอด

             ·       บริจาคอาหารพร้อมกิน “ช่วยเติมอิ่ม” กับมูลนิธิกู้ภัยอาหาร SOS เพื่อสนับสนุนหน่วยกู้ภัยและผู้ประสบภัย อาทิ ขนมปังบิสกิต ปลากระป๋อง นมกล่อง ขนมถุง เกลือแร่ สามารถมอบให้ที่จุดรับบริจาค สำนักงานใหญ่ อลิอันซ์ อยุธยา ชั้น 1 อาคารเพลินจิต ทาวเวอร์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 กันยายน 2567 เวลา: 9.00 – 17.00 น.

             อลิอันซ์ อยุธยา จะอยู่เคียงข้างคนไทย และพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ประสบภัยในภาวะวิกฤตในครั้งนี้ สำหรับลูกค้าอลิอันซ์ อยุยา สามารถติดต่อศูนย์ดูแลลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าประกันชีวิต โทร 1373 ลูกค้าประกันภัย โทร 1292

11
“ชมพู่ ก่อนบ่าย” ยกทีมมาฮากันให้หนำใจ
“ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


           หนังตลกขำกลิ้งฮากันไม่พักกับภาพยนตร์ล้อเลียนหนังดัง “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่รวมเอานักแสดงตลกตัวท็อปอย่าง ชมพู่ ก่อนบ่าย ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด เต้ เป็ดกะดัน แอนนา ชวนชื่น หน่อย เชิญยิ้ม นุ้ย เชิญยิ้ม และโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม มาร่วมสร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะตลอดทั้งเรื่อง






           ณ หมู่บ้านดงมะขวิด มีกำนันโก๋ เจ้าของวงดนตรีลูกทุ่ง และผู้ใหญ่เก๋า (โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม) เจ้าของสนามกอล์ฟ ทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน แต่มีเรื่องเล่าว่าในอดีตทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก ยอมตายแทนกันได้ แต่เรื่องของผู้หญิงทำให้ทั้งสองผิดใจกัน เพราะการขอยืมแฟนเพื่อนไปหลอกพ่อว่าเป็นแฟนแล้วไม่ยอมคืน ความลำบากจึงตกมาถึงลูก (ชมพู่ ก่อนบ่าย - เต้ เป็ดกะดัน) ของทั้งสองที่รักกัน ทำให้ถูกขัดขวางจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เรื่องราวจะจบลงอย่างไร ต้องติดตามกันต่อในภาพยนตร์ “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์”วันศุกร์ที่ 20 กันยายนนี้ เวลา 20.40 น.ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live

#ทรูโฟร์ยูช่อง24
#ยืมวันเสาร์คืนเช้าวันจันทร์

12
จากความมุ่งมั่น สู่ความสำเร็จ จากความสำเร็จ สู่ความยั่งยืน
สวพส. องค์กรต้นแบบที่สร้างคุณค่า สร้างสรรค์ผลงานเพื่อชุมชนบนพื้นที่สูง


              ความสำเร็จของการดำเนินงานในการสร้างสรรค์ผลงานการปฏิบัติราชการจนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนของ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับ “รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ” ประจำปี 2567 และรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่น ๆ รวม 7 รางวัล เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นได้รับรางวัลเลิศรัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นต้นแบบที่สร้างคุณค่าในการปฏิบัติงานจนมีความสำเร็จมุ่งประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน


              นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า สวพส. เป็น 1 ใน 3 หน่วยงาน ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ประจำปี 2567 จากสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวพส. มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ภายใต้แนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก (UNGPs on AD) ขยายผลสำเร็จสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงที่ห่างไกลและทุรกันดารของประเทศไทย ให้ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกภาคเกษตร แก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ได้รับโอกาสอย่างเสมอภาค สนับสนุนชุมชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน และร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วน ตลอดจนการมุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้บริบทและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้คนสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เป็นผลให้ สวพส. ได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่นๆ รวม 7 รางวัล ได้แก่


1. รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ

2. รางวัลบริการภาครัฐ ระดับดี ประเภทขับเคลื่อนเห็นผล 2 รางวัล ได้แก่ ชุมชนคาร์บอนต่ำ กุญแจสำคัญ ลดโลกร้อน และผู้นำสตรี สิทธิเท่าเทียมชาย

3. รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน 2 รางวัล ได้แก่       ภูมิปัญญา (หัตถกรรม) แก้จน คนบนดอย และไม้ผลกินได้ สร้างป่า สร้างเงิน แก้จนคนสะเนียน

4. รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดี ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม 1 รางวัล ได้แก่ Smart Farm คนจน ต้นเขื่อนสิริกิติ์

5. รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ระดับก้าวหน้า (Advance)



              ปัญหาบนพื้นที่สูงเป็นปัญหาองค์รวม ที่ต้องแก้ไขทั้งระบบ ความสำเร็จของการทำงาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ความยั่งยืนเกิดจากทุกหน่วยงานร่วมใจและมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน และปรับตัวรองรับปัญหาต่าง ๆ ต่อไปได้เรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลง รางวัลที่ สวพส. ได้รับ ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดและจะเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ชุมชน ตลอดจนหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดย สวพส. จะไม่หยุดพัฒนาองค์กรเพื่อความอยู่ดีมีสุขของชุมชนบนพื้นที่สูงสืบไป








13
เอสซีจีชวนชมสารคดี “The Rain Keepers” ฝีมือคนไทย ดีกรีโลก
เผยภารกิจ 3 ชุมชนพร้อมใจกู้วิกฤตน้ำท่วม-น้ำแล้งจาก “โลกเดือด”


              จากวิกฤติโลกเดือดที่ส่งผลให้อากาศแปรปรวน ประเทศไทยต้องเผชิญสภาวะ "เอลนีโญ" และ "ลานีญา" เกิดน้ำท่วมสลับฝนแล้ง ส่งผลให้เกษตรกร ซึ่งเป็นผู้พึ่งพา “น้ำ” ทำเกษตรกรรม ต้องปรับตัวให้อยู่รอด เอสซีจีจับมือกับบริษัท ป่าใหญ่ครีเอชั่น จำกัด ผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีระดับโลก ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราว 3 ผู้นำชุมชน จาก 3 หมู่บ้าน ใน 3 ภูมิภาคของไทย ที่ใช้ความรู้ เทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น แก้ปัญหาน้ำท่วมรุนแรงและภัยแล้งแรมเดือน เพื่อ “สู้” ให้อยู่รอด มุ่งหวังให้คนไทยเห็นความสำคัญของทรัพยกร “น้ำ” โดยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า วางแผน กักเก็บ และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

              "The Rain Keepers" ภาพยนต์สารคดีดีกรีระดับโลกฝีมือคนไทย ที่ให้ความรู้ผสมผสานการสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านความเเข็งเเกร่งของ 3 ผู้นำชุมชน จาก 3 หมู่บ้าน ใน 3 ภูมิภาคของประเทศที่ทำอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ บ้านแป้น จ.ลำปาง บ้านป่าเป้ง จ.ขอนแก่น และบ้านมาบจันทร์ จ.ระยอง เเต่ต้องเผชิญปัญหาภัยเเล้งเเละน้ำท่วมอย่างรุนแรงจากปัญหาความเเปรปรวนในสภาวะโลกเดือด โดยสะท้อนให้เห็นความพยายามตามล่าหา “น้ำ” ทรัพยากรล้ำค่าในการใช้ชีวิต โดยมี “ผู้นำชุมชน” ที่ปลุกขวัญกำลังใจชาวบ้านให้ลุกขึ้นมา “สู้” ร่วมมือทุ่มเทแรงกายเเรงใจ เอาชนะปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ต้องอาศัยทั้งความเชื่อ ภูมิปัญญา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เเละความร่วมมือมาผนวกกัน เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหา เเละเร่งเตรียมตัวให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนเเปลงที่คาดการณ์ไม่ได้ เพื่อความอยู่รอดของชุมชน

              มาร่วมลุ้นเเละให้กำลังใจ 3 ชุมชนเล็ก ๆ ในการกู้วิกฤตระดับโลก ใน "The Rain Keepers" ได้แล้ววันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ VIPA https://bit.ly/4e2qtqz และทางช่อไทยพีบีเอส ในวันที่ 12 ตุลาคม 2567 เเล้วคุณจะตระหนักได้ว่า ปัญหาน้ำไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง เเต่ “น้ำคือชีวิต” ของเราทุกคน

14
“ทรูโฟร์ยู ช่อง 24” ชวนไปฟินกับ 4 หนังดังยอดฮิต ที่คุณต้องดู !!


              “สุดสัปดาห์นี้ เตรียมพบกับโปรแกรมหนังดังสุดฟิน ที่ยังคงเติมเต็มเข้ามาแบบแน่น ๆ เช่นเคย กับ 4 หนังดังแนวโรแมนติก สยองขวัญ คอมเมดี้ และแอคชั่นที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ได้คัดสรรมาให้คุณผู้ชมได้สนุกและตื่นเต้นไปพร้อมกันในวันเสาร์ที่ 21 กันยายนนี้ และทาง https://true4u.com/live








              เริ่มด้วย ‘สูบกู้คู่โลก” เวลา 6.00 น. พบกับ “จ๊อด” (หม่ำ จ๊กมก) และ “อี๊ด” (เปิ้ล นาคร) คู่หูเจ้าของอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์ที่กำลังถูกตามล่าจากเจ้าหนี้ ทั้งคู่ต้องหาวิธีหาเงินชดใช้หนี้สินอันท่วมหัว ในขณะเดียวกัน หลานชายของพวกเขา “ป๋อง” (ภูมิ รังษีธนานนท์) ที่เคยเป็นหนุ่มเกเรกลับกลายเป็นชายหนุ่มเรียบร้อยและกลายเป็นขวัญใจของสาวพาณิชย์ ต่อด้วย อุกกาบาต เวลา 8.30 น. ว่าด้วยเรื่องของอุกกาบาตพุ่งตกลงมา ณ สุสานร้างในภาคเหนือของไทย ที่มาพร้อมการเกิดของทารกชายสองคน คนแรกคือ “โอม” (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ที่เติบโตขึ้นมาเป็นจิตแพทย์ ส่วนอีกคนคือ “การิน” (ภาณุ สุวรรณโณ) ที่มีพลังเหนือธรรมชาติและใช้พลังนี้ในการแก้แค้นชาวบ้านที่เคยขับไล่มารดาของเขา ในช่วงเวลา 17.00 น. ไปสนุกกันต่อกับภาพยนตร์ “ไลโอโคตรแย้ยักษ์” ภาพยนตร์แนวแอคชั่น-ผจญภัย-ระทึกขวัญที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดยักษ์ในดินแดนแห้งแล้งของจังหวัดเลย หายนะเริ่มขึ้นเมื่อมีกลุ่มคนพยายามขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง แต่การขุดเจาะนี้กลับปลุกสัตว์ประหลาดยักษ์ที่หลับใหลอยู่ใต้ดินตื่นขึ้นมา ตบท้ายด้วยภาพยนตร์
“แสงกระสือ 2” เวลา 19.00 น. หนังบอกเล่าเรื่อง น้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขามีคนรักและเชื้อกระสือที่เคยอยู่ในรอยจูบถ่ายทอดสู่ลูกสาว ชื่อว่า สาว (นิ้ง ชัญญา แม็คคลอรีย์) น้อยต้องหาทางยับยั้งไม่ให้สาวกลายร่างเป็นกระสือ ด้วยยาสมุนไพรที่สกัดจากว่านกระสือ ในระหว่างนั้นสาวได้รู้จักกับ คล้าว (เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) เด็กเผือกที่มีพลังวิเศษ จนกลายเป็นความรักระหว่างคนกับกระสือ

15
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดบ้าน ฉลองสำนักงานใหญ่แห่งใหม่
เดินหน้าสร้างการเติบโตในประเทศไทยอย่างยั่งยืน

(จากซ้าย)นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน,มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia, มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย,นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และ นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ตัดริบบิ้นเปิดงาน

              เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จัดงานเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ณ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) อาคารมิกซ์ยูสระดับพรีเมียมแห่งใหม่ ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่ถูกออกแบบมารองรับการทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ Hybrid Work Model พร้อมดึงเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรสู่การทำงานในยุค Digital Transformation และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าแบบไร้รอยต่อ


นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์

              นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “สำหรับการย้ายสำนักงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม โดยเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้ในสำนักงานแห่งใหม่ ณ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) นี้ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด Hybrid Work Model ตอบโจทย์การทำงานของบุคลากรและการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่ยุค Digital transformation พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงาน และยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ


มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย


มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia

              อีกทั้ง เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จไปอีกขั้น พร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจ และเสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว รวมถึงทำให้พนักงาน พันธมิตร และลูกค้าของเรา ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และร่วมก้าวสู่อนาคตของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ไปพร้อมกัน”


นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์


              โดยในงานเปิดสำนักงานใหญ่ ได้รับเกียรติจาก มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ร่วมทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและกล่าวแสดงความยินดี โดยมี นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ คณะผู้บริหาร และพนักงาน ให้การต้อนรับ


สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) พร้อมด้วย คณะกรรมการ และคณะผู้บริหารเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์


              โดยในโอกาสพิเศษนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ทำพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช พร้อมทั้งได้นิมนต์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานของเจนเนอราลี่ อีกทั้งยังได้มอบน้ำดื่ม พร้อมของใช้จำเป็นให้แก่ตัวแทนชุมชน ได้แก่ มูลนิธิไครสต์เชิร์ช, สำนักงานเขตบางรัก และ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาคารพาร์ค สีลม














Pages: [1] 2 3 ... 2443