Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - fh400

Pages: [1] 2 3 ... 144
1
"ดร.ปิยะวัฒน์" นำทีม ซูเลียน (ประเทศไทย) เที่ยวชุ่มปอด!
สัมผัสธรรมชาติ-มรดกแห่งวัฒนธรรม ณ สแกนดิเนเวีย


มอบของขวัญตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานให้กับทีมงานฯ ด้วยแพ็คเกจท่องเที่ยวสุดหรูเป็นประจำ ล่าสุด ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด นำทีมงาน ผู้นำ เเละ สมาชิกซูเลียน กว่า 300 คน บินลัดฟ้าข้ามสู่ทวีปยุโรป ประเทศนอร์เวย์-สวีเดน ในกิจกรรม "ZHULIAN International Diamond Forum 2023 Scandinavia (Norway-Sweden) กองทุนท่องเที่ยวต่างประเทศระดับเพชร ณ สแกนดิเนเวีย" ระหว่างวันที่ 7-15 พ.ค. 2024 ที่ผ่านมา


เริ่มต้นที่ประเทศนอร์เวย์ ด้วยไฮไลท์ของการท่องเที่ยวกับการ ล่องเรือครูซ ชมฟยอช (Fjord) สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ ณ บริเวณอ่าวฟยอช กว่า 1 ชั่วโมงเต็มอิ่ม จากนั้นแวะไปเยี่ยมเยียนผู้คน-สัมผัสวัฒนธรรมต่างถิ่น ณ หมู่บ้านฟลอม มีความหมายว่า Little Place Between Steep Mountain ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง โดยหมู่บ้านถูกรายล้อมไปด้วยหุบเขาที่สวยงามราวหลุดมาจากเทพนิยาย จากนั้นออกเดินทางกันต่อกับเส้นทางรถไฟสายโรแมนติก Flamsbana ขบวนรถไฟชมวิวอันเลื่องลือของนอร์เวย์ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมดกว่า 20 ปี เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินรถที่มีความสูงชันที่สุดในโลก โดยมีไฮไลท์สำคัญ การเดินทางระหว่างเมือง Myrdal ไปเมือง Flam ขบวนรถไฟสายนี้จะเคลื่อนที่ผ่านภูเขาสูงใหญ่ น้ำตก และอุโมงค์กว่า 20 จุด


จากนั้นเปลี่ยนโหมด เที่ยวในเมือง ณ ออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีพื้นที่ธรรมชาติที่กว้างขวางถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่นี่ยังถูกยกให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศนอร์เวย์อีกด้วย งานนี้คณะนักท่องเที่ยวจาก ซูเลียน หลังสัมผัสถ่ายรูปธรรมชาติอย่างดื่มด่ำ ก็ไม่ลืมแวะช้อปปิ้งซื้อของฝากกันยกใหญ่ โดยแวะชมความอลังการของ สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (The Vigeland Park) สวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เต็มไปด้วยประติมากรรมแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิตที่ เต็มไปด้วยอิริยาบทต่าง ๆ ราวกับมีชีวิต พร้อมเก็บตกช้อปปิ้งที่ ถนนคาล โจฮาน (Karl Johan Shopping Street) และเที่ยวอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์ก ศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนอร์เวย์ ออสโล โอเปร่าเฮาส์ (Oslo Opera House) ที่หลาย ๆ คนได้ถ่ายรูปเช็กอินกันอย่างคึกคัก


ต่อจากนั้นข้ามประเทศไปต่อที่ประเทศสวีเดน เริ่มต้นกันที่ เมืองคาร์ลสตาด (Karlstadt City) เมืองเก่าแก่ของสวีเดน สัมผัสชีวิตผู้คนที่เต็มไปด้วยความสุขและเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ ก่อนย้ายเมืองไปยัง สตอกโฮล์ม (Stockholm) เมืองหลวง ที่เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม สื่อ การเมือง และเศรษฐกิจ ของประเทศสวีเดนที่สำคัญ โดยคณะจาก ซูเลียน ยังแวะไปยัง พิพิธภัณฑ์วาซา เรือรบโบราณ (Vasa Museum) เยี่ยมชมซากเรือรบต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกด้วย ปิดท้ายแวะไปยัง ศาลาว่าการเมืองสตอกโฮล์ม สถานที่สำคัญของรัฐบาล ที่เต็มไปด้วยภูมิหลังเรื่องราวทางการเมืองต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วที่แห่งนี้ยังเป็นอาคารที่จัดมอบรางวัลสำคัญอย่างเช่น รางวัลโนเบล ที่ชาวซูเลียน ได้โอกาสเปิดโลกการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบในทริปนี้อีกด้วย


บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด เรายังคงให้ความสำคัญกับเครือข่ายนักธุรกิจทุกท่านเสมอ พร้อมมุ่งรักษาคุณภาพสินค้า พัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์สุขภาพและมีจรรยาบรรณ อย่างที่เราดำเนินการมาตลอด 27 ปีใครที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวกับ ซูเลียน รอกิจกรรมในครั้งต่อ ๆ ไป เร็ว ๆ นี้ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @Zhulianthailand หรือ www.zhulian.co.th

2
"จระเข้" ส่ง Jorakay Natural Color เจาะกลุ่มลูกค้า
ชูความโดดเด่นด้านความปลอดภัย พร้อมนวัตกรรมที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน


"จระเข้ คอร์ปอเรชั่น" ผู้นำผลิตภัณฑ์ปูกระเบื้อง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง เอาใจคนรักษ์โลก ส่งสีจระเข้ หรือ SEE Jorakay Natural Color สีปลอดภัย สีธรรมชาติ มุ่งเน้นเจาะกลุ่ม ลูกค้า ชูจุดเด่นสุดยอดผลิตภัณฑ์สีทาอาคารที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ พร้อมกับนวัตกรรมรักษ์โลกที่มีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อน จากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการคำนึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ กระบวนการผลิตเพื่อความความยั่งยืน หรือ Sustainability พร้อมลุยตลาดชิงส่วนแบ่งตลาดสีทาอาคารที่มีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท

นายวิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานขายในประเทศ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสีทาอาคารในประเทศไทยเมื่อปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง



โดยคาดการณ์ว่าในปี 2567 นี้ ตลาดสีทาอาคารในประเทศไทย น่าจะมีการเติบโตขึ้นประมาณ 3-5% ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติบโตในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนของรัฐบาล ตลอดจนทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพจำว่าจระเข้ เป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปูกระเบื้อง ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์จระเข้อีซี่ แต่จริง ๆ แล้วจระเข้มีผลิตภัณฑ์สีด้วย โดยผลิตภัณฑ์สีจระเข้มีความคลุมทั้งสีทาภายใน สีทาภายนอก สีเท็กเจอร์ สีสร้างลายต่างๆ และสีรองพื้น โดยแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ก็จะมีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ตามคุณสมบัติของสี ซึ่งผลิตภัณฑ์สีจระเข้นั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด



และเพื่อต่อยอดสีที่มีความปลอดภัย เราจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บนพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ผู้อยู่อาศัย และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้เกิดกลุ่มผลิตภัณฑ์ Natural Color ขึ้นมา

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Natural Color หรือกลุ่มสีธรรมชาตินั้นเป็นสีที่ผลิตจากวัตถุดิบที่คำนึงถึงความสมดุลของระบบนิเวศน์ หรือ Ecological คือ ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างหินไลม์สโตน (Limestone) หรือหินปูนธรรมชาติ คุณภาพสูงมาใช้ในรุ่นเรือธงอย่าง ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม (สีทาภายนอก) และอีโคสเฟียร์ พรีเมี่ยม (สีทาภายใน) โดยมีคุณสมบัติน่าสนใจดังนี้



1. สีที่มีความปลอดภัย ปราศจากสารอินทรีย์ระเหยง่าย (Zero VOCs) และไม่มีสารก่อมะเร็ง (Non formaldehyde) ไร้กลิ่นฉุน สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังจากทาสีเสร็จเรียบร้อย
2. สีที่ให้ความสบายตา จากเนื้อสีแมตต์ (สีด้าน) ที่ช่วยลดการสะท้อนของแสง ให้ความรู้สึกสบาย สร้างความผ่อนคลาย ให้แก่ผู้อยู่อาศัย
3. สีที่มีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อน สำหรับสีจระเข้รุ่นไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม และรุ่นอีโคสเฟียร์ พรีเมี่ยม สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ในขณะที่สีแห้งตัว โดยสีจระเข้ขนาด 15 ลิตร จำนวน 3 ถัง มีความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนัก 250 กิโลกรัม ในระยะเวลา 1 ปี
4. สีที่มีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมตามแนวคิดของการหมุนเวียนการบริโภค โดยสีจระเข้ รุ่น ไบโอสเฟียร์ พรีเมี่ยม, อีโคสเฟียร์ พรีเมี่ยม และ กราฟคลีน พรีเมี่ยม ผ่านการรับรองมาตรฐาน Cradle to Cradle โดยสถาบัน The Cradle to Cradle Products Innovation Institute เป็นการยืนยันว่าจะไม่มีการทำลายสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงเมื่อสิ้นอายุของผลิตภัณฑ์
5. สีที่มีความยืดหยุ่น ด้วยกราฟีนเทคโนโลยี มีความสามารถในยึดเกาะสูง และมีความยืดหยุ่น สามารถปกปิดพื้นผิวจากรอยแตกขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี
6. สีที่สามารถระบายความชื้นได้ มีส่วนช่วยในการลดโอกาสในการเกิดปัญหาสีโป่งพอง สีลอกล่อน ช่วยให้สีสวยงามยาวนานยิ่งขึ้น



นายวิกิจ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเราได้เปิดตัวกลุ่มสีปลอดภัย สีแมตต์ที่เช็ดล้างง่าย สีจระเข้ อีซี่คลีน พรีเมี่ยม (SEE Jorakay EasyClean) ที่นำมาจัดแสดงในงานสถาปนิก 67 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชมบูธเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าสีจระเข้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากสีทาอาคารทั่ว ๆ ไป ในปัจจุบัน ในช่วงนี้ทางบริษัทฯ จึงมุ่งเน้นทำการตลาดด้วยการสื่อสารเพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงคุณสมบัติ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ และตัวตนของสีจระเข้ โดยเฉพาะการผลิตภัณฑ์ที่มีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม มีความตระหนักถึง สุขภาวะอนามัยของผู้ใช้งาน และผู้อยู่อาศัยอย่างครบวงจร

อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้ เรามองว่าผลิตภัณฑ์ที่มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ กระบวนการจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้สีทาอาคารไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ร่วมเปิดไอเดียแต่งบ้านให้โดนใจไปกับโลกแห่งสีสันที่ไม่ตกเทรนด์ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากสีธรรมชาติ สีจระเข้ พร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอัปเดตเทรนด์สีใหม่ๆ ไปกับสีจระเข้ได้ทาง www.seejorakay.com หรือสามารถติดต่อได้ที่ LINE: @seejorakay และ Contact Center 02-720-1112

3
มารวย เรียลเอสเตท ปังไม่หยุด ยอดขายโครงการ "แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร"
บ้านเดี่ยว Super Luxury ทะลุ 100 ล้าน หลังเปิดจองเพียงหนึ่งเดือน

บริษัท มารวย เรียเอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออก ภายใต้แบรนด์ "บ้านมารวย" ปังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ หลังเปิดตัวโครง "แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร" บ้านเดี่ยว Super Luxury สไตล์ Modern English ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Where Your Luxury Life Begin" ได้แค่เดือนกว่าๆ ก็กวาดยอดขายทะลุ 100 ล้านบาท ผลตอบรับดีเกินคาด


ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า นับเป็นกระแสตอบรับที่ดีเกินเป้า สำหรับโครงการ "แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร" ที่เปิดโครงการได้แค่เดือนกว่าๆ ยอดขายทะลุ 100 ล้านบาท กระแสตอบรับดีขนาดนี้ คิดว่าจะสามารถปิดยอดขายทั้งโครงการได้ภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2569 เพราะ "แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร" เป็นบ้านเดี่ยว Super Luxury สไตล์ Modern English สุดพรีเมี่ยมที่ให้ความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย บนทำเลที่ดีที่สุดติดริมถนนสิริโสธร ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Where Your Luxury Life Begin" มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 30 ไร่ มีทั้งหมดจำนวน 123 หลัง ที่สุดของการใช้ชีวิตเริ่มต้นที่นี่ ด้วยราคา 7.49 - 15.5 ล้านบาท มาพร้อมฟังก์ชั่นการออกแบบสเปซที่รองรับการใช้ชีวิตของคุณ และพื้นที่สีเขียวรอบ ๆ โครงการ เพื่อสร้างสุนทรีย์ในชีวิต ครบครันด้วยคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่มีพื้นกว่า 1,500 ตารางเมตร ระบบรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด CCTV 24 ชั่วโมง พิเศษด้วยนวัตกรรม Nano E ช่วยยับยั้งการทำงานของเชื้อราในอากาศ อีกทั้งยังมี Double Gates การรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง บ้าน "แฮตตัน เรสซิเดนซ์ สิริโสธร" แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

- GREENWICH ขนาดพื้นที่ดิน 54.3 - 107.3 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 189.10 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- RICHMOND ขนาดพื้นที่ดิน 72.3 - 112.8 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 271.46 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องนั่งเล่น 3 ที่จอดรถ


นอกจากนี้ จะมีการจัดงาน "GRAND OPENING" เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 25-26 พฤษภาคม 2567 พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ รับรถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL Dynamic มูลค่า 1,199,000 บาท* เมื่อจองบ้านภายในงาน พร้อมฟังบรรยายพิเศษ "เรื่องฮวงจุ้ย ยุค 9 วิธีปรับบ้านเสริมดวง เรียกทรัพย์เฮงๆ ตลอดปี" จากนักพยากรณ์ชื่อดัง ให้ทำปรึกษาเรื่องฮวงจุ้ย เสริมดวง ลูกค้าสามารถนัดเข้าชมบ้านตัวอย่างและรับฟังบรรยายสำรองที่นั่งเพิ่มเติม 089-467-6555

4
โรงพยาบาลพระรามเก้า ผนึกกำลัง แรบบิทแคช บีทีเอส
ดูแลพนักงานด้านการเงิน ผ่านสินเชื่อสวัสดิการ


นายภาคิน ภู่ประเสริฐ Head of Strategy Department โรงพยาบาลพระรามเก้า พร้อมด้วย นางสาวรัชนี แสนศิลป์ชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แรบบิท แคช จำกัด ร่วมมือเปิดโครงการปลดล็อกช่วยเหลือพนักงานที่มีปัญหาด้านการเงินแบบฉุกเฉิน ผ่านสินเชื่อสวัสดิการ Rabbit Cash Sustainability โดยโรงพยาบาลพระรามเก้ามุ่งเน้นให้ความสำคัญกับบุคลากรที่เป็นฟันเฟืองขององค์กรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การเป็นส่วนช่วยเหลือพนักงานด้านการเงินจะส่งผลให้พนักงานมีสภาวะจิตใจที่ดี และทำงานอย่างมีความสุข โรงพยาบาลจึงอยากดูแลช่วยเหลือพนักงานที่อาจมีปัญหาด้านการเงินแบบฉุกเฉินได้มีทางออก โดยมี นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา, นายเนลสัน เหลียง ร่วมงานด้วย ณ ร้านอาฟเตอร์ ยู อาคารยูนิคอน พญาไท เมื่อวันก่อน

5
"JGAB 2024" ผู้ร่วมงานทะลุเป้า 10,730 คน
ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้ซื้อทั่วโลก พาตลาดอัญมณีอาเซียนโตอย่างมีศักยภาพ


Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 สานต่อความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ปิดม่านการจัดงานปีที่ 2 ด้วยตัวเลขผู้ร่วมงานกว่า 10,730 คน เพิ่มขึ้นถึง 46% จากงานครั้งแรก พร้อมการสร้างเครือข่ายธุรกิจครั้งสำคัญผ่านจำนวนผู้จัดแสดงสินค้าร่วม 350 บริษัทจาก 12 ประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ซื้อทั่วโลก ต่อการเติบโตของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับภูมิภาคอาเซียนที่เทียบเคียงตลาดอื่นทั่วโลกสากล และการยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยอย่างมีศักยภาพ พร้อมมองถึงการต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสู่งาน JGAB 2025

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยว่า งานแสดงสินค้า B2B ด้านอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 (JGAB) ได้ถูกสานต่อความสำเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนจากตัวเลขจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่มากถึง 10,730 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3,365 คนจากปีก่อน โดยมีผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศใน 10 อันดับแรกมาจาก ประเทศจีน, อินเดีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, ศรีลังกา, เวียดนาม, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ซึ่งต่างก็เป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูงในตลาดอัญมณี ทั้งด้านการกำลังซื้อ และเป็นแหล่งผลิต นำเข้า-ส่งออกวัตถุดิบที่สำคัญของเอเชีย



"นอกเหนือจากจำนวนผู้เข้าชมงานที่เกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้แล้ว จำนวนของผู้จัดแสดง ก็เป็นอีกความสำเร็จที่ชัดเจนเช่นกัน งานปีนี้รวบรวมผู้จัดแสดงสินค้าชั้นนำด้านอัญมณีและเครื่องประดับไว้ถึง 350 บริษัท จาก 12 ประเทศทั่วโลก ประกอบไปด้วย จีน, กัมพูชา, อินเดีย, อิสราเอล, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เมียนมา, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ตุรกี และประเทศไทย ที่ได้เข้ามาสร้างโอกาสการเชื่อมธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ซื้อ เพื่อช่วยขยายเครือข่ายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ และยกระดับตลาดภาพรวมทั้ง สินค้า การออกแบบ การส่งเสริมด้านองค์ความรู้ การใช้เทคโนโลยีด้านการผลิต รวมถึงการเปิดตลาดระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงอีกด้วย"

สำหรับงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 ได้จัดขึ้นในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนเนื้อที่กว่า 17,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของงานที่มีอย่างต่อเนื่อง ให้งาน JGAB คือแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับกลุ่ม ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้ผลิต นักออกแบบ และกลุ่มผู้ประกอบการได้มาพบปะเจรจาทางธุรกิจกัน พร้อมแสดงศักยภาพที่มีอยู่ในมือออกสู่สายตาบนเวทีระดับนานาชาติ อีกทั้งภายในงาน ยังมีกิจกกรรมและพื้นที่การจัดแสดงที่บอกเล่าถึงคุณค่าของอัญมณีและเครื่องประดับแบบครอบคลุม อาทิ ครั้งแรกของ Gem Museum รวมพลอยหายากจัดแสดงแบบนิทรรศการ 360 องศา, The Gallery of Thai Silver คอลเลกชันเครื่องประดับเงินเอกลักษณ์ช่างฝีมือไทย ในคอนเซ็ปต์ From Local to Global รวมถึง The Jewellery Runway การแสดงให้เห็นศิลปะของเครื่องประดับไทยที่ประณีตและอยู่เหนือกาลเวลา



นอกจากนี้ ผู้จัดอย่าง Informa Markets Jewellery ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจากทั้งภาครัฐ สมาคมและเอกชน ทำให้งานนี้เป็นแรงขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของประเทศ ผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆ อาทิ กิจกรรมประกวดนักออกแบบรุ่นใหม่ The Next Gem Awards 2024 หรือการจัดสัมมนาสร้างองค์ความรู้แห่งอนาคต ทั้งในด้านการดีไซน์เครื่องประดับด้วยเครื่องมือ AI, อัญมณีจากแล็บและความต้องการในตลาด รวมถึงมุมมองโอกาสของตลาดที่น่าสนใจ อาทิ ตลาดจีนเมืองรอง เป็นต้น

"บทสรุปของงานในครั้งนี้ จึงชี้ให้เห็นความเชื่อมั่นของผู้ซื้อทั่วโลก ที่มีต่อตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดเทียบเคียงกับตลาดสากลทั่วโลก รวมถึงศักยภาพของผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่เป็นส่วนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานตลาดให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Informa Markets Jewellery จะนำผลลัพธ์เหล่านี้ ไปต่อยอดสร้างสรรค์งานจัดแสดงสินค้าที่ดีและยิ่งใหญ่กว่าเดิมในงาน JGAB 2025 เพื่อตอกย้ำถึงความสำเร็จที่ทุกคนมีส่วนสร้างขึ้นร่วมกัน" นายสรรชาย เสริมทิ้งท้าย



Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ http://jewellerygemaseanbkk.com

6
PDPC จัดสัมมนาออนไลน์เรื่อง "PDPA กับ Content Creator"
ดึงผู้เชี่ยวชาญและเพจดัง "อาสาพาไปหลง-จูนพากิน"
แนะคอนเทนต์ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ผลิตคอนเทนต์อย่าง "ป้องกัน-ระวัง-เข้าใจ"


PDPC หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เชิญชวนนักสร้างสรรค์ผลิตคอนเทนต์ผ่านสื่อออนไลน์ Influencer, Content Creator, Tiktoker, Youtuber, รวมถึงประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาออนไลน์เจาะประเด็นสงสัย เรื่อง "PDPA กับ Content Creator" ในวันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 14.00-15.30 น. เพื่อกระตุ้นให้ Influencer, Content Creator, Tiktoker, Youtuber ผู้ผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์บนโลกออนไลน์ "ป้องกัน-ระวัง-เข้าใจ" การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้ความคุ้มครองของ PDPA โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) มาร่วมพูดคุยให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย PDPA การทำงานของ Content Creator ที่ต้องระวังเกี่ยวกับ PDPA, ถ้าโดนละเมิดตามกฎหมาย PDPA ต้องทำอย่างไร, กฎหมาย PDPA ส่งผลกระทบอย่างไรบ้างกับ Content Creator ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก Content Creator ชื่อดังจากช่อง จูนพากิน และทีมงานเบื้องหลังตัวจริง จากช่อง อาสาพาไปหลง ที่จะมาแชร์เรื่องราวประสบการณ์การทำงานจริง สิ่งที่ควรเข้าใจ ระวัง และป้องกันในกฎหมาย PDPA ที่นักทำ Content ทุกคนต้องตระหนัก ฯลฯ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย รับชมผ่านการ LIVE สดในช่องทาง Facebook : PDPC Thailand ในวันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2567 นี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.30 น. ติดตามข่าวสารรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : PDPC Thailand หรือโทร. 02-142-1033

7
โรงพยาบาลพระรามเก้า พัฒนาความยั่งยืน ด้านบุคลากร-กระบวนการ-เทคโนโลยี
มุ่งเน้นดูแลใส่ใจพนักงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


การเติบโตอย่างยั่งยืนของหลาย ๆ องค์กร ปัจจัยหลักที่สำคัญอย่างหนึ่ง คงไม่พ้นบุคลากรในทุก ๆ ตำแหน่ง ที่ลงแรงร่วมใจจนทำให้องค์กรได้ขับเคลื่อนก้าวหน้าไปได้ด้วยดี ซึ่งทางโรงพยาบาลพระรามเก้า ที่เดินหน้าสู่การเป็นโรงพยาบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ ยกระดับการให้บริการตอบรับความต้องการผู้รับบริการยุคใหม่ในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหลักที่ตั้งอยู่บนความยั่งยืน 3 อย่าง ประกอบด้วยเรื่อง คน-กระบวนการ-เทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านคน นอกจากการพัฒนากรอบความคิดของคนทำงานให้พร้อมเปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมเรื่องวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน ความคล่องตัว การเพิ่มศักยภาพและเพิ่มทักษะการทำงานที่สำคัญในอนาคตแล้ว โรงพยาบาลก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจดูแลบุคลากรที่เป็นฟันเฟืองขององค์กรในด้านคุณภาพชีวิต ล่าสุดร่วมมือ แรบบิทแคช เพื่อเข้าช่วยเหลือพนักงานในด้านการเงินสำหรับผู้ที่มีปัญหาหรือมีความจำเป็นด้านการเงิน


นายภาคิน ภู่ประเสริฐ Head of Strategy Department โรงพยาบาลพระรามเก้า พูดถึงการร่วมมือในกิจกรรมนี้ "ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าของเรา นอกจากจะเห็นความสำคัญในด้านดิจิทัล มีการปรับรูปแบบให้การบริการของเราได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าคนไข้ของเรามากขึ้นแล้ว ทางเราเองก็ยังให้ความสำคัญกับคนในองค์กร ซี่งโครงการ Rabbit Cash Sustainability หัวใจแห่งความยั่งยืน...เริ่มที่คุณ ของแรบบิทแคช ก็จะมาตอบโจทย์ให้กับเราในเรื่องนี้ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือทุกปัญหาของพนักงานให้มีความสุข ที่ผ่านมาโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของพนักงานเป็นที่หนึ่ง เพราะหากพนักงานของเรามีสภาวะจิตใจที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก็จะส่งผลต่อการทำงานทำให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข โรงพยาบาลจึงอยากดูแลช่วยเหลือพนักงานที่อาจมีปัญหาด้านการเงินแบบฉุกเฉิน เข้าถึงแหล่งเงินที่เชื่อถือได้และจัดการธุรกรรมทางการเงินได้อย่างเป็นระบบ ในอัตราดอกเบี้ยยุติธรรม จึงเข้าร่วมกับโครงการของแรบบิทแคชในครั้งนี้


ซึ่งหลังจากที่ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าของเราได้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ตอบโจทย์สำหรับพนักงานที่ต้องการความช่วยเหลือได้ดี ซึ่งการที่เรามีสวัสดิการแบบนี้ในระยะยาว ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะมาช่วยเหลือพนักงานให้มีความมั่นใจ มุ่งมั่นกับการทำงาน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นยั่งยืนยิ่งขึ้น ตรงตามแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) การพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ตรงตามวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลพระรามเก้าของเรา

8
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประกาศความพร้อมในงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024
พร้อมเปิดประตูสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน
พบนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า1,500 แบรนด์ทั่วโลก


กรุงเทพฯ : Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าความงามระดับโลกเริ่มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้จัดงานฯ มั่นใจนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า 1,500 แบรนด์ทั่วโลก จะช่วยผลักดันธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า หากดูข้อมูลของ EUROMONITOR INTERNATIONALจะพบว่าอุตสาหกรรมความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นทุกปี โดยถือเป็นการเติบโตแบบ Double-Digit ตั้งแต่ปี 2566 -2567 และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการดำเนินงานดีที่สุดในภูมิภาค โดยคาดว่าตลาดความงามของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2566ทั้งนี้การจัดงานแสดงสินค้าความงามระดับโลก หรือ Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง 3 ผู้จัดงานระดับโลก BolognaFiere, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition Co Ltd. โดยเชื่อมั่นว่างานนี้จะช่วยเป็นเวทีกลางการเจรจาธุรกิจของอุตสาหกรรมความงามอาเซียน และเป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีความงามจากนานาประเทศเข้าจัดแสดงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมความรู้ด้านธุรกิจความงาม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่มีศักยภาพผ่านกิจกรรมต่างๆภายในงานอีกด้วย



นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (Ms. Angel Fu Event Director, Informa Markets) กล่าวว่า เราเชื่อว่างาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 จะช่วยผลักดันและตอกย้ำการเติบโตของตลาดความงามอาเซียน รวมถึงประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยภายในงานมีผู้ผลิตสินค้าและนวัตกรรมเกี่ยวกับความงามร่วมงานมากกว่า 1,500 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานแสดงสินค้ามากกว่า 14,000 คน ทั้งคนไทย และนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, โปรตุเกส, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ขณะเดียวกันภายในงานยังมีพาวิลเลียนจัดแสดงสินค้าอีก 4 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี เกาหลีใต้ และไทยมาช่วยเพิ่มประสบการณ์และสร้างสีสันให้กับผู้เข้าชมงานอีกด้วย


นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ (Ms. Francesca Donati Head of International Marketing for Asia, Bolognafiere Cosmoprof) กล่าวว่า เราได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Match&Meet ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย สามารถกำหนดเวลาการนัดหมายเจรจาธุรกิจ หรือพูดคุยออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นตามความต้องการ ผ่านแพลตฟอร์มเจรจาธุรกิจออนไลน์ที่เราเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ภายในงานยังประกอบไปด้วยโซนแสดงสินค้าหลากหลายประเภทหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น สปาไทย, MEDICAL BEAUTY, BEAUTY MADE IN THAILAND, FOOD SUPPLEMENTS และ THAI PREMIUM BRANDS เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาความรู้อย่าง CosmoTalks ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ แนวโน้ม และภาพรวมต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน เช่น ผลกระทบของความยั่งยืนใน Supply Chain รวมไปถึง แนวโน้มที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ความงามของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เป็นต้น


นางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดความงามและเครื่องสำอางไทยในปี 2023 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 250,380 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.5% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 46,012.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% และกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 204,368.15 ล้านบาท ทั้งนี้การเติบโตของสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ 41% กลุ่มดูแลเส้นผม 16% และกลุ่มเครื่องสำอาง 12% โดยเราพบว่ากว่า 72% ของสินค้าที่ขายดีนั้นผลิตในประเทศไทย โดยปัจจุบันตลาดความงามและเครื่องสำอางของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 19 ของด้วยส่วนแบ่ง 1.5% (ยกเว้นผ้าอนามัยและผลิตภัณฑ์สปา)


อย่างไรก็ตามหากดูข้อมูลจาก GRAND VIEW RESEARCH ระบุว่า มูลค่าเครื่องสำอางของโลกในปี 2030 จะอยู่ที่ 12.38 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 13,146 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าเครื่องสำอางของประเทศไทยในปี 2030 คาดการณ์อยู่ที่ 323,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโต 1.5 เท่าของปี 2022 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 85% และสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 15%

สำหรับเทรนด์ความงามและการดูแลส่วนบุคคลในปี 2024 นี้ ความตระหนักรู้ของผู้บริโภคส่งผลให้กลุ่ม Clean Beauty จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยเป็นมิตรกับธรรมชาติ, เครื่องสำอางที่ไม่ได้ทำการทดสอบกับสัตว์ หรือ Cruelty Free, ความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ หรือสินค้าออร์แกนิค รวมถึงเครื่องสำอางที่ให้ความสำคัญของผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ หรือ เมคอัพเบา ๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วย



"เราเชื่อว่า 4 ปีต่อจากนี้ (2024-2028) อุตสาหกรรมความงาม และเครื่องสำอางไทยจะยังคงเติบโตต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ผลิตทั้ง OEM/EDM หรือการหาซัพพลายเออร์หลักเพื่อส่งไปยังตลาดหลักๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันแบรนด์จากต่างประเทศจำนวนมากได้เลือกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอการลงทุนสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางนานถึง 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญต้นทุนการผลิตไม่ได้สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน"

ทั้งนี้งานแสดงสินค้าความงาม Cosmoprof CBE ASEAN 2024 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับผู้ประกอบการชั้นนำด้านธุรกิจความงาม ครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งในส่วนของโซนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Branded Finished Products) จะมีผลิตภัณฑ์เช่นเครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ร้านเสริมความงามและสปา, กลุ่มผมและเล็บ, กลุ่มธรรมชาติและออร์แกนิค, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ได้เลือกจับคู่ธุรกิจด้วยเช่นกัน



นอกจากนี้ยังมีโซนที่ตอบโจทย์กลุ่มการผลิตทั้งอย่างโซน Supply Chain ที่ประกอบด้วยสินค้ากลุ่ม OEM&ODM, เครื่องจักรและอุปกรณ์, วัตถุดิบและส่วนผสม, บรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีโซนจัดแสดงพิเศษ ที่จะมาเติมเต็มความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรม รวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมความงามจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย นายสรรชาย กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cosmoprofcbeasean.com
ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.cosmoprofcbeasean.com/registration

9
"อีเอ็ม มอเตอร์" เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EM Qarez ตอบโจทย์ Gen Z
หลังโตก้าวกระโดด คาดปีนี้กวาดยอดขายทะลุ 600 ล้านบาท
พร้อมลงทุนงบกว่า 150 ล้าน ขึ้นแท่นผู้นำตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าไทย


บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย บุกตลาดครั้งใหญ่ เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ EM Qarez ภายใต้แบรนด์ EM ด้วยขนาดมอเตอร์ 2,000 วัตต์ ทำความเร็วสูงสุด 65-70 กม./ชม. สมรรถนะสูงจากพลังงานสะอาด ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ โดดเด่น สวยงาม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่น Gen Z น่ารัก ชิคๆ คูลๆ ด้วยคอนเซ็ปต์ Chic & Cool สีสันสุดอินเทรนด์ ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 คันในปีแรก พร้อมประกาศลงทุนเพิ่ม 150 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี หลังมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด 6-8 เท่าตัว ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 67 กว่า 600 ล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์ต้นผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

นายธานัท ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า อีเอ็ม เปิดเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ปี 2024 ด้วยการเปิดตัว EM Qarez ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก "เทรนด์รักษ์โลก" ในปัจจุบัน พร้อมตอบกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะและแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน ก้าวเข้าสู่โลก Green Technology อย่างเต็มรูปแบบ



ซึ่งในปีนี้ เราได้เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้า "EM Qarez" ตอบโจทย์วัยรุ่น Gen Z ผู้รักความทันสมัย ด้วยดีไซน์ Chic & Cool รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ในคอนเซ็ปต์ Urban Fashion Scooter ที่กำลังนิยมในหมู่นักขับขี่ทั่วโลก เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในการขับขี่แบบยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยระยะทางที่ไกลมากขึ้นถึง 50-70 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ ซึ่งเหมาะกับการขับขี่การใช้งานที่สะดวกสบายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังประหยัดเพราะหนึ่งการชาร์จจ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 1.7 หน่วยหรือประมาณ 7 บาทเท่านั้น ประหยัดกว่าจักรยานยนต์น้ำมัน 8-10 เท่า พร้อมรับประกันมอเตอร์นาน 5 ปี หรือ 30,000 กม. และรับประกันกล่องคอนโทรลเลอร์ และแบตเตอรี่ เวลา 3 ปี หรือ 20,000 กม. และระบบไฟฟ้า 1 ปี หรือ 5,000 กม.

เพราะฉะนั้น EM Qarez คือทางเลือกที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนเมืองที่ชื่นชอบความประหยัด ที่สำคัญ EM Qarez ได้ส่วนลด 18,000 บาท จากภาครัฐ ราคาสุดคุ้ม เหลือเพียง 38,340 บาท จากราคาปกติ 57,600 บาท



นายธานัท ธรรมพรหมกุล กล่าวต่ออีกว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา EM มอเตอร์ เราได้พัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงบันดาลใจมุ่งเน้น "จักรยานเพื่อครอบครัว" จึงเริ่มต้นนำเข้าจักรยานไฟฟ้าจากประเทศจีนมาจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย กระแสตอบรับในตอนนั้นดีมากเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปด้วยกระแสการรักสุขภาพและรักษ์โลก โดยมีปัจจัยจาก 1. สิ่งแวดล้อม 2. ฝุ่น PM 2.5 และ 3. ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 3 ปัจจัยนี้ คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ EM ในปี 2018

"เราค่อย ๆ พัฒนาแบรนด์ EM ให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาในปี 2020 เราตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน และอีกหนึ่งหัวใจหลักของจักรยานยนต์ไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ เราจึงคิดว่าจะดีแค่ไหนหากเรา มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของเราเอง จึงเป็นอีกครั้งที่ EM ตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ โดยเราใช้เงินลงทุนทั้งสองโรงงานอยู่ที่ 150 ล้านบาท"



ในปัจจุบันเรามีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 500 สาขา แยกเป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้า 50 สาขา และ จักรยานไฟฟ้า 450 สาขา โดยในปีที่ผ่าน สามารถกวาดยอดขายได้สูงถึง 300 ล้านบาท และเราตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 นี้ไว้ที่ 600 ล้านบาท พร้อมวางแผนลงทุนเพิ่มอีก 150 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตรถจักรยาน และจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีกแห่งภายในปี 2568"

"EM คือ ผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้า เมดอินไทยแลนด์ เจ้าแรกของเมืองไทย ปัจจุบันเราครองอันดับ 3 ของตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ของตลาดมอเตอร์ไซค์จะแบ่งเป็น มอเตอร์ไซค์น้ำมัน 99 เปอร์เซ็นต์ และจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดเติบโต คือ เทรนด์การรักษ์โลก, มลพิษทางอากาศ และ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาด้านพลังงาน ดังนั้นจึงทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากคือ การสนับสนุนจากภาครัฐ" นายธานัท กล่าว และกล่าวปิดท้ายว่า



ดังนั้น EM จึงมุ่งมั่นที่จะผลิต และพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ ราคาย่อมเยาว์ แบตเตอรี่คงทน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เรายังมีบริการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าอุ่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายที่เข้าใจผลิตภัณฑ์ ทีมช่างที่มีคุณภาพ เพราะเราเชื่อว่า "ถ้าเราผลิตสินค้าที่ดี มีบริการหลังการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น ทีมงานช่างมืออาชีพ" สินค้าของเราก็จะเป็นที่ยอมรับ และทำให้ค่อย ๆ เติบโตขึ้น โดยเราตั้งใจว่าอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน

ผู้ที่สนใจ หรือ ทดลองขับขี่ สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย EM MOTOR ใกล้บ้านท่าน ทั่วประเทศ หรือ ติดต่อ FB : EM Motor Thailand

10
โรงพยาบาลพระรามเก้า ผนึกกำลังความร่วมมือ เอสซี แอสเสท
พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ
แก่ลูกบ้าน-คอนโด สะสมคะแนนแลกส่วนลด เพื่อสุขภาพที่ดี


นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลังเพื่อร่วมมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้านที่เป็นสมาชิกใน แอปพลิเคชัน รู้ใจ สโตร์ (RueJai Store) สามารถสะสมคะแนนและแลก Gift Voucher ส่วนลด มาใช้บริการที่โรงพยาบาลพระรามเก้าได้ ซึ่งแคมเปญนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่ต้องการส่งมอบการมีสุขภาพที่ดีให้กับลูกบ้านของเอสซี แอสเสท ที่มาใช้บริการด้านสุขภาพที่โรงพยาบาลพระรามเก้า

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โรงพยาบาลพระรามเก้า หรือ Website: www.praram9.com / FB: Praram 9 hospital / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital หรือโทร. 1270

11
"แน็ก-กามิน" พร้อมเสิร์ฟหวานชวนช้อปฉ่ำ 'เชียร์บอลให้มันส์ก่อน ผ่อนทีหลัง'
กับ "The Power SUPER MATCH SUPER SAVE-แมทช์เดือด ลดแรง ทะลุจอ"


สถานะความสัมพันธ์ดูใจพร้อมเทคแคร์ทำคะแนนขอเป็นแฟนอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ และดาว TikTok สาวชาวเกาหลี กามิน ล่าสุดทั้งคู่เตรียมควงคู่ดีลหวานชวนแฟนๆ มาช้อปฉ่ำ 'เชียร์บอลให้มันส์ก่อน ผ่อนทีหลัง' ที่ The Power กับแคมเปญ "The Power SUPER MATCH SUPER SAVE-แมทช์เดือด ลดแรง ทะลุจอ" ลุ้นปะทะแมทช์เดือดศึกฟุตบอลยูโร 2024 พร้อมชมไลฟ์สดผ่าน เฟซบุ๊ก HomePro Thailand ในวันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00-18.00 น. ณ บริเวณกิจกรรมหน้า The Power โฮมโปร ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้ามพลาดไปร่วมช้อปและเป็นกำลังใจให้กับทั้งคู่ด้วยนะ

12
CHANGAN ฉลองความสำเร็จ DEEPAL S07 คว้าแชมป์ที่ 1 รถยนต์ไฟฟ้า
ที่มียอดจดทะเบียนในเดือนเมษายน 67 สูงสุดเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 90.9%


กรุงเทพฯ - CHANGAN Automobile ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ ปลื้มใจชาวไทยให้การตอบรับ DEEPAL S07 รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่คว้าแชมป์ที่ 1 รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนในเดือนเมษายน 67 สูงสุด 754 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 67 ถึง 90.9% แม้ว่าตลาดจะลดลง 21.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 16.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการและประธาน บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า CHANGAN มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL S07 ซึ่งเป็น SUV พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ มียอดจดทะเบียนรถยนต์สะสมในกลุ่มรถไฟฟ้า 100% (BEV) ของเดือนเมษายน 2567 สูงสุด 754 คัน เรียกได้ว่าคว้าแชมป์ที่หนึ่งไปครอง และเมื่อเทียบยอดจดทะเบียนของเดือนมีนาคม 2567 จะพบว่า DEEPAL S07 มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 90.9% (MoM) โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 18.4%



DEEPAL S07 ได้รับการออกแบบให้เป็น Smart Lifestyles SUV และเป็นรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรก ที่เหมาะสำหรับครอบครัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบอย่างลงตัว ด้วยตัวรถมีขนาดกว้าง ประตูกระจกไร้ขอบ และมือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อน ซึ่งการออกแบบภายในนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอทช์สุดหรู ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัวที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย พร้อมกับประโยชน์ใช้สอยที่ทันสมัย และรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

ส่วนสมรรถนะของ DEEPAL S07 นั้นถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม EPA1 ทำให้ตัวรถมาพร้อมกับการทรงตัวและสมรรถนะการควบคุมที่ดีเยี่ยม สามารถส่งมอบอัตราเร่งเต็มกำลังจากมอเตอร์เดี่ยวพลังขับเคลื่อนล้อหลังกำลังสูงสุด 190 kW (258 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 66.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 485 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (NEDC) โดยมีราคาจัดจำหน่ายอยู่ที่ 1,399,000 บาท



นายเซิน ซิงหัว กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้รถยนต์ไฟฟ้าของ CHANGAN ทั้ง DEEPAL S07 และ DEEPAL L07 ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ CAR OF THE YEAR 2024 ซึ่งจัดทำโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยเราถือเป็นรางวัลที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CHANGAN ในการยกระดับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ศักยภาพความก้าวหน้าด้านการออกแบบ และผลิตรถยนต์ในประเทศไทยด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL ทุกรุ่นสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่าย หรือศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.changan.co.th และเฟซบุ๊คของ CHANGAN Thailand : www.facebook.com/changanofficialth หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 078 6666

13
Kind + Jugend ASEAN 2024 เติบโตอย่างมั่นคงในปีที่สอง ประสบความสำเร็จในฐานะมหกรรมสินค้าแม่และเด็กชั้นนำแห่งอาเซียน


มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน Kind + Jugend ASEAN 2024 (คินอันยูเก้น อาเซียน) ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้ปิดฉากลงไปพร้อมความสำเร็จอันยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นที่แรกและที่เดียวในภูมิภาคอาเซียนที่ได้เปิดประตูต้อนรับเครือข่ายผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการชั้นนำ รวมถึงผู้เข้าชมงานจากทุกมุมโลก จาก 31 ประเทศ จำนวนถึง 2,709 ราย เติบโตขึ้นถึง 50% จากการจัดงานครั้งก่อน

ซึ่งได้ร่วมกันเชื่อมต่อโอกาสทางการค้าให้เข้าถึงกันผ่านการพบปะเจรจาธุรกิจ ร่วมกับผู้จัดแสดงสินค้า 155 บริษัท จาก 14 ประเทศ อาทิ จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ปากีสถาน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, สเปน, ไต้หวัน, ไทย, สหราชอาณาจักร, และสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงบ่งบอกถึงความโดดเด่น และศักยภาพในการดึงผู้ประกอบการชั้นนำจากนานาประเทศไว้ในงานเดียวแล้ว ยังแสดงถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินค้าแม่และเด็กสู่ตลาดโลกอีกเช่นกัน



โดยงานนี้สามารถดึงดูดผู้ซื้อชั้นนำระดับภูมิภาค โดยรับโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำคัญผ่านการนัดหมายจับคู่ทางธุรกิจภายในงานด้วย "Business Matching Programme" และ "Hosted Buyer Programme" ผู้เข้าร่วมงานสามารถพูดคุย ค้นหาข้อมูลเชิงลึก โอกาสในการทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เพื่อสอดรับกับการขยายตัวของตลาดและงาน Kind + Jugend ASEAN ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการมากขึ้นเช่นกัน

คุณแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้จัดงาน Kind + Jugend ASEAN กล่าวว่า "สำหรับมหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน ที่ถูกจัดขึ้นในประเทศไทยครั้งที่สองนี้ ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นความก้าวหน้าและเห็นงานประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง นับว่าเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของเราในฐานะผู้จัดงานที่ได้เห็นความเติบโตบนเวทีระดับโลก สิ่งนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งของเราในฐานะผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรม และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม เราจะก้าวไปในอุตสาหกรรมนี้ด้วยความมั่นใจว่า Kind + Jugend ASEAN จะยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมและสร้างอนาคตของตลาดได้อย่างมั่นคง"



ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ Trend Forum เวทีสัมมนาเรื่องธุรกิจสินค้าแม่และเด็ก และ ASEAN Innovation Award รางวัลสุดยอดสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมอันโดดเด่น ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าร่วม Trend Forum เพื่อรับรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของตลาด และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้นำเทรนด์ในวงการถึง 14 ท่าน ที่มาแชร์ประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจสินค้าแม่และเด็กในยุคปัจจุบันผ่าน 8 หัวข้อที่น่าสนใจ

ทางด้าน Innovation ASEAN Award ที่จัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลสำหรับผลิตภัณฑ์และสินค้าใหม่จากทั่วโลกที่มีความโดดเด่นในด้านความคิดสร้างสรรค์ ความปลอดภัย คุณประโยชน์ต่อลูกค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ คุณภาพของการผลิต และความยั่งยืน ซึ่งในปีนี้ ผู้ชนะรางวัลในแต่ละประเภท ได้แก่



- World of Moving Kids
Stroller with Rocking Fuction, Babykomfort Deutschland GmbH

- World of Travelling Kids
Glowy B-Joy Carseat, Glowy Star Co Ltd

- World of Kids Furniture
BabyUp®, Dr Albani Ltd

- World of Kids Textiles
Pajamas Party Micro Tencel Bedsheet, BC Link Co Ltd

- World of Kids Care (Baby – Hygine & Care)
DragKooler Herbal Cooling Towel, Great Indeed Co Ltd

- World of Kids Care (Mothers – Hygine & Care)
Galaxy III, Attitude Mom Co Ltd

- World of Kids Toys
TaksaToys® Resources Playground, Taksa Toys Ltd

- World of Nutrition & Infant Formula
Organic Multi-Color Bean Pasta, Good Earth Rice Co Ltd



โดยภาพรวม การจัดงาน Kind + Jugend ASEAN ไม่ใช่เพียงแค่การจัดงานที่โชว์ศักยภาพของอุตสาหกรรมแม่และเด็กเท่านั้น แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรมเข้าสู่ตลาดอาเซียนที่สำคัญ และเป็นการรวมตัวของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก พันธสัญญาของเราคือการทำให้เกิดการเชื่อมโยงต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ

สำหรับการจัดงาน Kind + Jugend ASEAN 2025 ครั้งถัดไปได้มีกำหนดการจัดงานขึ้นแล้ว ในระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kindundjugend.asia/











14
เริ่มแล้วงานแสดงสินค้าอัญมณีระดับโลก
Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) 2024


นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกล่าวเปิดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 หรือ JGAB งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ระหว่างวันที่ 1 - 4 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่มากกว่า 17,000 ตารางเมตร โดยงานนี้ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก ทั้งกลุ่มผู้ซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้ผลิต รวมถึงนักออกแบบจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย, Celine Lau Director of Jewelry Fairs, Informa Markets Asia, นายปรีดา เตียสุวรรณ์, นายสุทธิพงษ์ ดำรงค์สกุล, นางประพีร์ สรไกรกิติกูล และนางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ร่วมพิธีเปิด ณ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

15
Kind + Jugend ASEAN 2024 มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน งานแรกและงานเดียวรวมนวัตกรรมสุดล้ำจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 300 แบรนด์!


นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย และ ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมเปิดงาน มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน Kind + Jugend ASEAN 2024 (คินอันยูเก้น อาเซียน) ที่แรกและที่เดียวในภูมิภาคอาเซียนสำหรับโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บนเครือข่ายผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก กว่า 300 แบรนด์ 150 บริษัท งานจัด ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้

Pages: [1] 2 3 ... 144